Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 11-12

อาหารที่สะอาดและที่มีมลทิน

11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘สิ่งมีชีวิตในจำพวกสัตว์บกที่เจ้าจะรับประทานได้ก็คือ สัตว์ทุกชนิดที่แยกกีบคือแยกเป็น 2 กีบ และเคี้ยวเอื้อง เจ้ารับประทานได้ อย่างไรก็ตาม ห้ามเจ้ารับประทานสัตว์บางชนิดที่เพียงเคี้ยวเอื้องหรือเพียงแต่มีกีบแยกเป็น 2 กีบ เช่นอูฐ เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และตัวแบดเจอร์ เพราะสัตว์จำพวกนี้เคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และกระต่าย เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และหมู เพราะมันแยกกีบออกเป็น 2 กีบ แต่ไม่เคี้ยวเอื้องซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า ห้ามเจ้ารับประทานเนื้อสัตว์ประเภทเหล่านี้ และอย่าแตะต้องซากของมัน เพราะมันเป็นมลทินสำหรับเจ้า

สัตว์น้ำที่เจ้ารับประทานได้คือ สัตว์ทุกชนิดที่มีครีบและเกล็ด ซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำไม่ว่าทะเลหรือแม่น้ำ 10 ส่วนสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตในทะเลหรือแม่น้ำที่ไม่มีครีบและเกล็ดล้วนเป็นที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า 11 สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งน่าขยะแขยงสำหรับเจ้าเสมอ อย่ารับประทานเนื้อ ซากของมันก็น่าขยะแขยงสำหรับเจ้าเช่นกัน 12 สัตว์น้ำทุกชนิดที่ไม่มีครีบและเกล็ด เป็นที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า

13 นกที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า ไม่ควรรับประทานคือ นกอินทรี แร้งหนวดยาว แร้งดำ 14 เหยี่ยวแดง เหยี่ยวดำชนิดใดก็ตาม 15 อีกาทุกชนิด 16 นกกระจอกเทศ นกเค้าเหยี่ยว นกนางนวล และเหยี่ยวชนิดใดก็ตาม 17 นกเค้าแมวน้อย นกงั่วกินปลาและนกเค้าแมวใหญ่ 18 นกเค้าแมวขาว นกกระทุง อีแร้งกินซากศพ 19 นกกระสา นกกระยางชนิดใดก็ตาม นกกะรางหัวขวาน และค้างคาว

20 แมลงมีปีกทุกชนิดคลานสี่ขาก็น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า 21 แต่แมลงมีปีกชนิดคลานที่เจ้ารับประทานได้มีขาเป็นปล้องสี่ขาและกระโดดไปบนดินได้ 22 แมลงที่เจ้ารับประทานได้คือ ประเภทตั๊กแตนใหญ่ เรไร จิ้งหรีด และตั๊กแตนเล็ก 23 แต่แมลงมีปีกอื่นๆ ที่มีสี่ขาน่าขยะแขยงสำหรับเจ้า

24 สัตว์เหล่านี้จะทำให้เจ้าเป็นมลทิน คนที่แตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 25 และใครก็ตามที่ยกหามซากสัตว์ส่วนใดส่วนหนึ่งจะต้องซักเครื่องแต่งกายของตนและเป็นมลทินจนถึงเย็น 26 สัตว์ทุกตัวที่แยกกีบแต่ไม่แบ่งเป็น 2 กีบหรือไม่เคี้ยวเอื้องก็เป็นมลทินสำหรับเจ้า ทุกคนที่แตะต้องสัตว์นั้นจะเป็นมลทิน 27 และสัตว์สี่เท้าทุกตัวที่เดินอุ้งเท้าราบเป็นมลทินสำหรับเจ้า ใครที่แตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 28 คนที่ยกหามซากของมันจะต้องซักเครื่องแต่งกายของตนและจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

29 สัตว์ที่คลานบนพื้นดินที่เป็นมลทินสำหรับเจ้าคือ อีเห็น หนู สัตว์ประเภทตะกวด 30 ตุ๊กแก จระเข้ จิ้งจก จิ้งเหลน และกิ้งก่า 31 สัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้เป็นมลทินสำหรับเจ้า ผู้ใดแตะต้องตัวที่ตายแล้ว จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 32 และถ้าตัวที่ตายแล้วตกบนสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็นมลทิน ไม่ว่าภาชนะใดๆ ที่ทำด้วยไม้ หรือผ้า หรือหนังสัตว์ หรือถุงย่ามก็จะต้องจุ่มน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น จากนั้นจึงจะสะอาด 33 และถ้าสัตว์ตัวใดตกในภาชนะดินเผา ทุกสิ่งที่อยู่ในภาชนะจะเป็นมลทิน และเจ้าต้องทุบให้แตก 34 ถ้าอาหารที่รับประทานได้มีน้ำจากภาชนะดังกล่าวปนอยู่ ก็จะเป็นมลทิน และเครื่องดื่มทุกชนิดจากภาชนะนั้นก็เป็นมลทิน 35 อะไรก็ตามที่แตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบหรือเตาไฟก็ตาม จะต้องทุบแตกให้หมด เพราะเป็นมลทิน และจะเป็นมลทินสำหรับเจ้า 36 อย่างไรก็ตาม น้ำพุหรือบ่อเก็บน้ำจะยังสะอาดอยู่ แต่ถ้าผู้ใดแตะต้องซากสัตว์ที่ตกลงในน้ำก็จะเป็นมลทิน 37 และถ้าซากสัตว์ตกใส่เมล็ดพืชที่จะใช้หว่าน เมล็ดก็ยังสะอาด 38 แต่ถ้าเมล็ดถูกน้ำรดและซากสัตว์ตกใส่ซ้ำ เมล็ดก็จะเป็นมลทินสำหรับพวกเจ้า

39 ถ้าสัตว์ที่เจ้าใช้เป็นอาหารรับประทานนั้นตายเอง ใครก็ตามแตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 40 ผู้ใดรับประทานซากสัตว์ต้องซักล้างเครื่องแต่งกายของตนและจะเป็นมลทินจนถึงเย็น ผู้ที่แบกหามซากสัตว์ไปจะต้องซักล้างเครื่องแต่งกายและเป็นมลทินจนถึงเย็นเช่นกัน

41 สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดที่คลานไปบนดินน่าขยะแขยงและห้ามรับประทาน 42 อะไรที่ใช้ท้องคืบคลานไป และอะไรที่เดินด้วยสี่เท้า หรือมีหลายขา ทุกสิ่งที่คลานไปบนพื้นดิน ห้ามพวกเจ้ารับประทาน เพราะมันเป็นมลทิน 43 อย่าทำให้ตัวเองเป็นที่น่าขยะแขยงเพราะสัตว์เลื้อยคลาน และเจ้าอย่าทำให้ตัวเองมีมลทินไปด้วยกับสัตว์เหล่านั้น และกลายเป็นคนมีมลทินก็เพราะมัน 44 ด้วยว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า ฉะนั้นจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และจงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์[a] เจ้าจงอย่าทำตัวให้เป็นมลทินจากสิ่งทั้งหลายที่เลื้อยคลานบนดิน 45 ด้วยว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ฉะนั้นเจ้าจงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์

46 นี่เป็นกฎบัญญัติเกี่ยวกับสัตว์และนก และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เคลื่อนไหวในน้ำ และทุกสิ่งที่คลานบนดิน 47 เพื่อให้ท่านเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งมีมลทินและสิ่งสะอาด และระหว่างสิ่งมีชีวิตที่รับประทานได้และสิ่งมีชีวิตที่รับประทานไม่ได้’”

การชำระตัวให้สะอาดหลังจากการคลอดบุตร

12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าหญิงตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางจะเป็นมลทินอยู่ 7 วัน เหมือนกับเวลาที่นางมีรอบเดือน นางจะเป็นมลทิน ในวันที่แปดเด็กนั้นจะต้องเข้าสุหนัต[b] และนางจะยืดเวลาไปอีก 33 วันสำหรับการชำระตัวเนื่องจากการเสียเลือด ห้ามนางแตะต้องสิ่งบริสุทธิ์ใดๆ หรือเข้าไปในที่พำนักจนกระทั่งวันแห่งการชำระตัวจะจบสิ้น แต่ถ้านางคลอดบุตรหญิง นางจะเป็นมลทินเหมือนกับเวลามีรอบเดือนแต่จะนานเป็น 2 อาทิตย์ และนางจะยืดเวลาไปอีก 66 วันสำหรับการชำระตัวเนื่องจากการเสียเลือด

เมื่อวันแห่งการชำระตัวจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรหญิง นางจะนำลูกแกะอายุ 1 ปีมาให้ปุโรหิตที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และนกพิราบหนุ่มหรือนกเขา 1 ตัว เพื่อเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ปุโรหิตจะถวายให้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทำพิธีชำระมลทินให้นาง แล้วนางจะสะอาดจากเลือดที่เสียไป นี่คือกฎบัญญัติสำหรับนางที่คลอดบุตรชายหรือหญิงก็ตาม แต่ถ้านางไม่สามารถถวายลูกแกะตัวหนึ่งได้ นางจะต้องใช้นกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัว[c] ตัวหนึ่งเพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและอีกตัวเพื่อเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และปุโรหิตจะทำพิธีชำระมลทินให้นาง แล้วนางก็จะสะอาด’”

สดุดี 13-14

คงความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า แม้ในยามเผชิญกับสิ่งใดๆ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

นานเพียงไร โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะลืมข้าพเจ้าไปตลอดกาลหรือ
    พระองค์จะซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้านานเพียงไร
ข้าพเจ้าต้องทนต่อความเจ็บปวดฝ่ายจิตวิญญาณ
    และเศร้าใจทุกวันไปนานเพียงไร
    ศัตรูของข้าพเจ้าจะถูกยกย่องเกินกว่าข้าพเจ้านานเพียงไร

ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยตอบคำถาม
    ให้ข้าพเจ้าหูตาสว่าง มิฉะนั้นข้าพเจ้าจะหลับอยู่ในความตาย
เกรงว่าศัตรูจะพูดว่า “เรามีชัยชนะเหนือเขาแล้ว”
    และพวกปรปักษ์ก็จะยินดีเมื่อข้าพเจ้าหวั่นไหว

แต่ข้าพเจ้าไว้วางใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
    และใจข้าพเจ้าจะยินดีที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์ดีต่อข้าพเจ้ายิ่งนัก

คนโง่ถูกตัดสินโทษ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

คนโง่เขลาคิดอยู่ในใจว่า
    “พระเจ้าไม่มีจริง”
พวกเขาไร้ศีลธรรม และทำสิ่งที่น่าขยะแขยง
    ไม่มีผู้ใดกระทำความดี

พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ ดูว่า
    มีใครสักคนในบรรดาบุตรของมนุษย์
    ที่เข้าใจและแสวงหาพระเจ้า
ทุกคนหลงผิดไป เขากลายเป็นคนไร้ศีลธรรมกันไปหมด
    ไม่มีผู้ใดกระทำความดี
    ไม่มีแม้แต่คนเดียว[a]

พวกที่ทำความชั่วไม่เข้าใจหรือ

พวกเขากินชนชาติของเราเหมือนกินขนมปัง
    และไม่ร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
นั่นแหละ พวกเขาก็จะหวาดหวั่นยิ่งนัก
    เพราะพระเจ้าสถิตกับบรรดาผู้มีความชอบธรรม
พวกเจ้าทำให้แผนการของผู้อ่อนกำลังไม่ราบรื่น
    แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งของเขา

ขอให้ความรอดพ้นของอิสราเอลมาจากศิโยน
    เวลาที่พระผู้เป็นเจ้าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของพระองค์คืนสู่สภาพเดิม
    ยาโคบจะชื่นชมยินดี อิสราเอลจะร่าเริงใจ

สุภาษิต 26

26 หิมะในฤดูร้อนและฝนในฤดูเก็บเกี่ยวไม่เหมาะกันเช่นไร
    คนโง่ก็ไม่เหมาะสมกับเกียรติเช่นนั้น
นกกระจอกกระพือปีกบิน และนกนางแอ่นโผผินบินร่อนไปเช่นไร
    การสาปแช่งโดยไม่มีสาเหตุ ก็จะว่อนหายไปเช่นนั้น
แส้สำหรับม้า บังเหียนสำหรับลา
    และไม้เรียวสำหรับหลังของคนโง่
อย่าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา
    มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นเหมือนกับเขา
ถ้าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา
    เขาก็จะคิดว่าตนฉลาดนัก
คนที่ใช้คนโง่เป็นผู้ส่งข่าวสาร
    ก็นับว่า ตัดเท้าทั้งสองของตนและรับเอาความวินาศเข้าใส่ตัว
ขาของคนพิการห้อยร่องแร่งใช้การไม่ได้เช่นไร
    สุภาษิตที่อยู่ในปากของคนโง่ก็เช่นนั้น
การให้เกียรติแก่คนโง่นั้นไร้ประโยชน์
    พอๆ กับการผูกก้อนหินติดไว้กับสลิง[a]
หนามตำมือของคนเมาเหล้าเช่นไร
    สุภาษิตในปากของคนโง่ก็เป็นเช่นนั้น
10 การว่าจ้างคนโง่หรือคนที่บังเอิญเดินผ่านมา
    ก็เปรียบได้กับนักธนูที่ยิงลูกธนูสุ่มสี่สุ่มห้าโดนผู้คนไปทั่ว
11 สุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกเช่นไร[b]
    คนโง่ที่ทำสิ่งโง่ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เช่นนั้น
12 เจ้าเห็นคนที่คิดว่าเขาฉลาดในสายตาของตนเองไหม
    คนโง่ก็ยังมีความหวังมากกว่าเขาเสียอีก
13 คนเกียจคร้านพูดว่า “มีสิงโตอยู่ที่ถนน
    สิงโตอยู่ที่ลานชุมนุม”
14 ประตูติดกับบานพับซึ่งตีกลับไปกลับมาเป็นเช่นไร
    คนเกียจคร้านที่อยู่กับเตียงนอนก็เป็นเช่นนั้น
15 คนขี้เกียจแช่มือไว้ในจานของตน
    เขาขี้เกียจเหลือเกิน แม้แต่จะยกมือป้อนตัวเองยังไม่ยอมทำ
16 ในสายตาของคนเกียจคร้านจะเห็นว่าตนมีความฉลาดมากเกินกว่า
    ความฉลาดของคนเจ็ดคนที่สามารถโต้ตอบอย่างเฉลียวฉลาดได้
17 ผู้ใดยุ่งกับการทะเลาะวิวาทที่ไม่เกี่ยวกับตน
    ผู้นั้นเปรียบเสมือนคนดึงหูสุนัขที่เดินผ่านมา
18 คนไม่มีสติยั้งคิดที่ยิงลูกธนูเพลิง
    หรือลูกธนูมีพิษที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต เปรียบได้กับ
19 คนหลอกลวงเพื่อนบ้าน
    และพูดว่า “เราเพียงล้อเล่นเท่านั้น”
20 หากว่าไม่มีฟืน ไฟก็ดับ
    และที่ใดไม่มีคนซุบซิบ การทะเลาะวิวาทก็ยุติลง
21 ถ่านคุเป็นเพลิง และฟืนลุกเป็นไฟได้อย่างไร
    คนช่างต่อล้อต่อเถียง ก็ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทได้อย่างนั้น
22 คำพูดของคนซุบซิบนินทาเป็นเช่นอาหารโอชา
    และไหลลงสู่ส่วนลึกสุดของร่างกาย
23 น้ำยาเคลือบเครื่องดินเผาเป็นเช่นไร
    ริมฝีปากรื่นหูแต่ใจชั่วร้ายก็เป็นเช่นนั้น
24 ผู้ที่มีใจเกลียดชังใช้คำพูดปิดบังความรู้สึกของตน
    แต่ใจของเขาสะสมความหลอกลวง
25 แม้การพูดของเขาจะแสดงความกรุณาก็อย่าเชื่อ
    เพราะใจของเขามีแต่สิ่งที่น่ารังเกียจทั้งเจ็ดสิ่ง
26 ความเกลียดชังของเขาอาจจะถูกปิดบังด้วยความหลอกลวง
    แต่ความเลวร้ายของเขาจะถูกเปิดโปงให้เป็นที่รู้โดยทั่วหน้ากัน
27 ถ้าใครขุดหลุมพราง คนนั้นก็จะตกลงไปเอง
    ถ้าใครกลิ้งก้อนหิน มันก็จะกลิ้งกลับไปทับเขาเองเช่นกัน
28 ลิ้นที่โป้ปดเกลียดชังผู้ที่มันทำร้าย
    และปากที่ยกยอปอปั้นทำให้พินาศได้

1 เธสะโลนิกา 5

พี่น้องทั้งหลาย ส่วนเรื่องวันเวลา เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกท่าน เพราะท่านเองก็ทราบดีว่าวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาประดุจขโมยที่มาในเวลากลางคืน ขณะที่คนพูดกันว่า “มีความสงบและความมั่นคงปลอดภัยแล้ว” เวลานั้นแหละความพินาศจะมาถึงตัวเขาทันที ดั่งความเจ็บปวดที่เกิดกับหญิงมีครรภ์ และเขาเหล่านั้นจะไม่สามารถหนีพ้นไปได้ แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืด วันนั้นจึงไม่ควรทำให้ท่านประหลาดใจเหมือนกับเวลาที่ขโมยมา พวกท่านทุกคนเป็นบรรดาบุตรของความสว่างและกลางวัน เราไม่ได้เป็นของความมืดและกลางคืน ดังนั้น เราอย่าได้นอนหลับเหมือนคนอื่นๆ เลย แต่จงตื่นตัวไว้ และควบคุมตนเองให้ได้ คนที่นอนหลับก็นอนเวลากลางคืน และพวกที่เมาเหล้าก็เมาเวลากลางคืน แต่ในเมื่อพวกเราเป็นของกลางวันแล้ว จงควบคุมตนเองไว้โดยสวมเกราะป้องกันอกด้วยความเชื่อและความรัก และสวมหมวกเหล็กอันเป็นเสมือนความหวังแห่งความรอดพ้น ด้วยว่า พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้เรารับทุกข์จากการลงโทษ แต่ให้เราได้รับความรอดพ้นโดยผ่านพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 10 พระองค์สิ้นชีวิตเพื่อเรา ไม่ว่าเราจะตายหรือเป็น เราก็จะได้อยู่ด้วยกันกับพระองค์ 11 ฉะนั้นจงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเสริมสร้างกันและกันอย่างที่ท่านกำลังปฏิบัติกันอยู่แล้ว

คำลงท้าย

12 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้พวกเราขอให้ท่านนับถือบรรดาผู้ที่ลงแรงทำงานด้วยความขยันขันแข็งในหมู่ท่าน อีกทั้งนำท่านในด้านงานของพระผู้เป็นเจ้าและตักเตือนท่าน 13 จงยกย่องเขาเหล่านั้นอย่างสูงด้วยความรักเพราะงานของเขา จงอยู่ด้วยความสงบสุขในหมู่พวกท่าน 14 เราขอให้ท่านพี่น้องตักเตือนพวกที่เกียจคร้าน ให้กำลังใจคนที่หวาดกลัวง่าย ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ มีความอดทนต่อทุกคน 15 จงระวัง อย่าให้ใครทำชั่วตอบแทนการกระทำที่ชั่ว แต่จงมุ่งหมายกระทำดีต่อกันและกันเสมอไป และต่อคนทั้งปวงด้วย 16 จงมีความยินดีอยู่เสมอ 17 จงอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้ง 18 สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ในชีวิตของท่านในพระเยซูคริสต์คือ การกล่าวขอบคุณพระองค์ในทุกกรณี 19 อย่ารั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้ 20 อย่าดูหมิ่นการเผยคำกล่าวของพระเจ้า 21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง ยึดถือสิ่งที่ดีไว้ให้ได้ 22 จงหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ชั่วทุกประการ

23 ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขชำระท่านให้บริสุทธิ์โดยบริบูรณ์ และขอให้พระองค์รักษาทุกส่วนของชีวิตคือ วิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียนในเวลาที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามา 24 พระองค์ผู้ที่เรียกท่านเป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา และพระองค์จะช่วยกระทำสิ่งนั้นให้แก่ท่าน

25 พี่น้องทั้งหลาย จงอธิษฐานเพื่อเราด้วย

26 ช่วยฝากความคิดถึงมายังพี่น้องทั้งหลายด้วยการจูบแก้ม[a]อันบริสุทธิ์

27 ข้าพเจ้าขอสั่งพวกท่านต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าให้ท่านอ่านจดหมายฉบับนี้ให้พี่น้องทุกคนฟัง

28 ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation