Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เอเสเคียล 36:1-47:12

เผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล

36 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “เพราะศัตรูพูดถึงพวกเจ้าว่า ‘นั่นแน่ะ’ และ ‘ที่สูงโบราณได้กลายมาเป็นของเราแล้ว’” ฉะนั้น จงเผยความว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาทำให้เจ้าพินาศและโจมตีเจ้าจากทุกด้าน จนเจ้าถูกประชาชาติอื่นๆ ยึดครอง และเจ้ากลายเป็นที่นินทาว่าร้ายของผู้คน” ฉะนั้น โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา สถานที่รกร้างซึ่งพินาศ และเมืองต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ ซึ่งได้กลายเป็นเหยื่อและถูกล้อเลียนโดยบรรดาประชาชาติโดยรอบ ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้พูดในความรู้สึกอันแรงกล้าซึ่งคัดค้านประชาชาติอื่นๆ และคัดค้านเอโดมทั้งหมด เพราะพวกเขาครอบครองแผ่นดินของเราอย่างสนุกสนานและมีจิตใจดูหมิ่น เพื่อจะให้ทุ่งนาอันเขียวชอุ่มตกเป็นเหยื่อ ฉะนั้นจงเผยความเรื่องแผ่นดินของอิสราเอล และพูดต่อภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราได้พูดด้วยความโกรธอันหวงแหน เพราะเจ้าต้องทนทุกข์กับการดูหมิ่นของบรรดาประชาชาติ’” ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้ยกมือปฏิญาณว่า บรรดาประชาชาติที่อยู่รอบข้างเจ้าจะทนทุกข์กับการดูหมิ่นเช่นกัน

ส่วนพวกเจ้าเอง โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านของเจ้า และจะออกผลให้อิสราเอลชนชาติของเรา เพราะพวกเขาจะกลับมาบ้านในไม่ช้า ดูเถิด เราเป็นฝ่ายเจ้า และเราจะหันมาโปรดปรานเจ้า และเจ้าจะได้รับการไถและหว่านเมล็ด 10 และเราจะทวีจำนวนคนมากขึ้น คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีผู้คนอาศัยอยู่ ที่ร้างจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์ให้แก่เจ้า และพวกเขาจะเพิ่มพูนผลและมีลูกดก และเราจะให้มีผู้คนตั้งหลักแหล่งในที่ของเจ้าอย่างที่เคยเป็นในอดีต และทำสิ่งดีๆ ให้แก่เจ้ายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 12 เราจะให้ผู้คนซึ่งเป็นชนชาติของเราคืออิสราเอลเดินบนเจ้า และพวกเขาจะได้เป็นเจ้าของ และเจ้าจะเป็นมรดกของพวกเขา และเจ้าจะไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียลูกหลานอีก” 13 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาพูดกับพวกเจ้าว่า ‘เจ้ากินเลือดกินเนื้อคน และทำให้ประชาชาติของเจ้าเองสูญเสียลูกหลานไป’ 14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กินเลือดกินเนื้อคนอีกต่อไป และไม่ทำให้ประชาชาติของเจ้าสูญเสียลูกหลานอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 15 “และเราจะไม่ยอมให้บรรดาประชาชาติพูดดูหมิ่นเจ้าอีก เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์กับการหัวเราะเยาะของบรรดาชนชาติ และจะไม่เป็นเหตุให้ประชาชาติของเจ้าสะดุดล้มอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

พระผู้เป็นเจ้าห่วงใยในพระนามอันบริสุทธิ์

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินมีมลทินด้วยวิถีทางและการกระทำของพวกเขา ในสายตาของเราวิถีทางของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของผู้หญิงที่เป็นในรอบเดือน 18 เราจึงหลั่งความกริ้วของเราบนพวกเขาเพราะพวกเขาได้หลั่งเลือดในแผ่นดิน และพวกเขาได้ทำแผ่นดินให้เป็นมลทินจากรูปเคารพ 19 เราได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และพวกเขากระเจิดกระเจิงไปในหลายดินแดน เราตัดสินโทษพวกเขาตามวิถีทางและการกระทำของพวกเขา 20 แต่เมื่อใดที่พวกเขาไปยังบรรดาประชาชาติ พวกเขาก็ดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา เพราะมีการพูดถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า แต่พวกเขาก็ยังต้องออกไปจากแผ่นดินของพระองค์’ 21 แต่เราห่วงใยในนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลได้ดูหมิ่นท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเขาเข้าไปอยู่ด้วย

เราจะมอบวิญญาณของเราให้อยู่กับเจ้า

22 ฉะนั้น จงพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เรากำลังจะกระทำสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ใช่เพื่อพวกเจ้า เราจะกระทำเพื่อนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเจ้าไปอยู่ด้วย 23 และเราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งถูกหมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติ พวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางพวกเขา และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าพวกเขาโดยผ่านพวกเจ้า’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 24 “เราจะพาพวกเจ้าออกไปจากบรรดาประชาชาติ และรวบรวมพวกเจ้าจากดินแดนทั้งปวง เพื่อนำเจ้าเข้าไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง 25 เราจะประพรมน้ำที่สะอาดบนตัวพวกเจ้า และเจ้าจะสะอาดจากมลทิน และเราจะชำระพวกเจ้าจากรูปเคารพทั้งปวง 26 และเราจะมอบใจใหม่ให้แก่พวกเจ้า และเราจะมอบวิญญาณดวงใหม่ไว้ในพวกเจ้า และเราจะเอาใจที่แข็งเยี่ยงหินออกจากกายของพวกเจ้า และมอบใจที่เป็นเลือดเนื้อให้แก่พวกเจ้าแทน 27 และเราจะมอบวิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้า ซึ่งทำให้พวกเจ้าดำเนินในกฎเกณฑ์ของเรา และระมัดระวังที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา 28 พวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า และเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า 29 และเราจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมลทิน และเราจะบัญชาธัญพืชให้งอกและทำให้มีอย่างอุดมสมบูรณ์ เราจะไม่ให้อดอยาก 30 เราจะทำให้ผลจากต้นไม้และไร่นามีอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อพวกเจ้าจะไม่รับทุกข์จากความอับอายเพราะอดอยากในท่ามกลางบรรดาประชาชาติอีกต่อไป 31 แล้วพวกเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางอันชั่วร้ายและการกระทำที่ไม่ดีของตนเอง และพวกเจ้าจะเกลียดตนเองเพราะความชั่วและการกระทำที่น่าชังของตนเอง” 32 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “พวกเจ้าจงรู้ไว้ว่า เราไม่ได้กระทำเพื่อพวกเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงอับอายและขายหน้าเพราะวิถีทางของพวกเจ้าเอง”

33 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ในวันที่เราชำระพวกเจ้าให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย เราจะทำให้เมืองต่างๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ และสิ่งที่พังพินาศจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 34 และแผ่นดินที่รกร้างจะได้รับการไถ แทนที่จะเป็นที่รกร้างให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมาเห็น 35 และพวกเขาจะพูดว่า ‘แผ่นดินนี้เคยรกร้างซึ่งได้กลับมาเป็นอย่างสวนเอเดน และเมืองต่างๆ ที่พินาศเป็นที่ร้างและสลักหักพังก็เป็นเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งและมีผู้คนอาศัยอยู่’ 36 แล้วบรรดาประชาชาติที่ยังเหลืออยู่โดยรอบพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้สร้างสถานที่ต่างๆ ที่สลักหักพังขึ้นใหม่ และปลูกสิ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้ เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดและเราจะกระทำตามนั้น”

37 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราจะให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลอ้อนวอนให้เราทำเพื่อพวกเขาด้วยก็คือ เพิ่มจำนวนประชาชนของพวกเขาให้มากอย่างฝูงแพะแกะ 38 ฝูงแพะแกะสำหรับเครื่องสักการะบูชา ฝูงสัตว์ที่เยรูซาเล็มระหว่างเทศกาลที่กำหนดไว้เป็นอย่างไร เมืองต่างๆ ที่พินาศก็จะเต็มไปด้วยฝูงชนมากมายอย่างนั้น แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

หุบเขาแห่งกระดูกแห้ง

37 มือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า และพระองค์นำข้าพเจ้าออกมาด้วยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า และให้ข้าพเจ้ามาอยู่กลางหุบเขา ซึ่งเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย พระองค์นำข้าพเจ้าไปวนเวียนที่กองกระดูก ดูเถิด มีกระดูกมากมายบนหุบเขา กระดูกพวกนี้แห้งมาก พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้มีชีวิตหรือไม่” และข้าพเจ้าตอบว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์เท่านั้นที่ทราบ” แล้วพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยความให้แก่กระดูกเหล่านี้ บอกพวกเขาว่า โอ กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับกระดูกเหล่านี้ว่า ดูเถิด เราจะทำให้ลมหายใจเข้าไปในตัวพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีชีวิต และเราจะโยงเส้นเอ็นในตัวเจ้า และจะทำให้บังเกิดเลือดเนื้อบนตัวเจ้า และหุ้มเจ้าด้วยหนัง และใส่ลมหายใจในตัวพวกเจ้า เพื่อให้พวกเจ้ามีชีวิตขึ้นมา และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเผยความตามที่ได้รับคำบัญชา และขณะที่ข้าพเจ้าเผยความ ก็เกิดมีเสียง ดูเถิด เป็นเสียงเขย่า และกระดูกก็ประกอบเข้าด้วยกัน กระดูกปะติดปะต่อกัน และดูเถิด ข้าพเจ้ามองดู เห็นเส้นเอ็นบนกระดูก และกระดูกมีเลือดเนื้อที่หุ้มด้วยหนัง แต่ว่ากระดูกเหล่านั้นไม่มีลมหายใจ แล้วพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงเผยความกับลมหายใจ บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยความและพูดกับลมหายใจ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า โอ ลมหายใจเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ และระบายลมหายใจบนคนตายเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขามีชีวิต” 10 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเผยความตามที่พระองค์บัญชาข้าพเจ้า และลมหายใจก็เข้าไปในตัวพวกเขา พวกเขาก็มีชีวิตและลุกขึ้นยืน เป็นกองทัพที่ใหญ่มาก

11 แล้วพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด ดูเถิด พวกเขาพูดว่า ‘กระดูกของพวกเราแห้งหมด และเราสิ้นหวังหมดแล้ว พวกเราถูกตัดขาดจริงทีเดียว’ 12 ฉะนั้น จงเผยความและบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะเปิดหลุมศพของพวกเจ้า และทำให้พวกเจ้าฟื้นขึ้นมาจากหลุม โอ ชนชาติของเราเอ๋ย เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปยังแผ่นดินของอิสราเอล 13 และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราเปิดหลุมศพของพวกเจ้า และทำให้พวกเจ้าฟื้นขึ้นมาจากหลุม โอ ชนชาติของเราเอ๋ย 14 และเราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้า และพวกเจ้าจะมีชีวิต และเราจะให้พวกเจ้าไปอยู่ในแผ่นดินของตนเอง แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดและเราจะกระทำตามนั้น” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา

15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 16 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาไม้มาอันหนึ่งและเขียนบนไม้ดังนี้ ‘เป็นของยูดาห์และทุกคนที่ชาวอิสราเอลมีสัมพันธไมตรีด้วย’ และเอาไม้อีกอันหนึ่งมาและเขียนบนไม้ว่า ‘ไม้ของเอฟราอิม ซึ่งเป็นของโยเซฟและพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงที่มีสัมพันธไมตรีด้วย’ 17 และรวมไม้ทั้งสองเข้าด้วยกันให้เป็นอันเดียว เพื่อให้ไม้ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันในมือของเจ้า 18 และเมื่อชนร่วมชาติของเจ้าพูดกับเจ้าว่า ‘ท่านจะไม่บอกให้เราทราบหรือว่า ท่านหมายถึงอะไร’ 19 เจ้าจงบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ดูเถิด เรากำลังจะเอาไม้ของโยเซฟ (ซึ่งอยู่ในมือของเอฟราอิม) และของบรรดาเผ่าพันธุ์อิสราเอลที่มีสัมพันธไมตรีด้วย และเราจะรวมไม้ของยูดาห์เข้าด้วยกัน เพื่อทำให้เป็นไม้อันเดียว เพื่อพวกเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันในมือของเรา 20 เมื่อพวกเขาเห็นไม้ทั้งสองที่เจ้าเขียนอยู่ในมือของเจ้า 21 จงพูดกับพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำชาวอิสราเอลออกมาจากบรรดาประชาชาติที่พวกเขาไปอยู่ด้วย และเราจะรวบรวมพวกเข้ามาจากทุกแห่งหน เพื่อนำให้ไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง 22 และเราจะทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวในแผ่นดิน บนภูเขาของอิสราเอล และกษัตริย์ผู้เดียวเท่านั้นที่จะเป็นกษัตริย์ปกครองทุกคน และพวกเขาจะไม่เป็นสองประชาชาติอีกต่อไป และจะไม่ถูกแบ่งออกเป็นสองอาณาจักรอีกต่อไป 23 พวกเขาจะไม่ทำตนให้เป็นมลทินเพราะรูปเคารพและสิ่งอันน่าชัง หรือเพราะการล่วงละเมิดอีก แต่เราจะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากบาปซึ่งเป็นเหตุให้สิ้นความเชื่อ เราจะชำระล้างพวกเขา และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

24 ดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา และทุกคนจะมีผู้เลี้ยงดูฝูงแกะคนเดียว พวกเขาจะดำเนินชีวิตตามคำบัญชาของเรา และระมัดระวังที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเรา 25 พวกเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เรามอบให้ยาโคบผู้รับใช้ของเรา ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าอาศัยอยู่ ทั้งพวกเขาและบุตรหลานต่อๆ กันไปจะอาศัยอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาไปตลอดกาล[a] 26 เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติกับพวกเขา ซึ่งจะเป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์กับพวกเขา และเราจะให้พวกเขามีความมั่นคงอยู่ในแผ่นดินและทวีจำนวนคนขึ้น และเราจะให้ที่พำนักของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป 27 กระโจมที่พำนักของเราอยู่กับพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา[b] 28 แล้วบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ชำระอิสราเอลให้บริสุทธิ์ เมื่อที่พำนักของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดกาล”

เผยความกล่าวโทษโกก

38 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าสู่โกกในแผ่นดินมาโกก หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของเมเชคและทูบัล และเผยความกล่าวโทษเขา และจงพูดว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด โกกเอ๋ย เราต่อต้านเจ้า เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของเมเชคและทูบัล เราจะทำให้เจ้าหันกลับไปและใช้เบ็ดเกี่ยวขากรรไกรของเจ้า และเราจะลากเจ้าออกมา พร้อมด้วยกองทัพของเจ้าทั้งหมด ม้าและทหารม้าพร้อมอาวุธ ประชาชนจำนวนมากต่างถือโล่ ดั้ง และใช้ดาบ เปอร์เซีย คูช และพูตจะอยู่ด้วยกับพวกเขา ทุกคนมีโล่และหมวกเหล็ก โกเมอร์และกองทหารของเขาทั้งหมด และเบธโทการ์มาห์จากเหนือสุดพร้อมด้วยกองทหารทั้งหมด ชนชาติจำนวนมากอยู่กับเจ้า

จงเตรียมพร้อม จงพร้อมอยู่เสมอ เจ้าและประชาชนของเจ้าทั้งหมดที่มารวมกันอยู่รอบข้างเจ้า จงเฝ้าระวังเพื่อพวกเขา ระยะหนึ่งหลังจากนั้นเจ้าจะถูกเรียกตัว หลายปีต่อมาเจ้าจะบุกแผ่นดินแห่งหนึ่งซึ่งได้รับการฟื้นฟูจากสงคราม ประชาชนในแผ่นดินนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชนชาติและนำกลับมาสู่ภูเขาของอิสราเอล ซึ่งถูกทิ้งให้ร้างเป็นเวลานาน พวกเขาถูกนำมาจากบรรดาชนชาติ และบัดนี้ทุกคนก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย เจ้าจะรุกไปข้างหน้าอย่างพายุ เจ้าจะเป็นดั่งก้อนเมฆที่เคลือบคลุมแผ่นดิน เจ้าและกองทหารของเจ้าทั้งหมด ชนชาติจำนวนมากอยู่กับเจ้า’”

10 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ในวันนั้นจะมีความคิดผุดขึ้นในใจของเจ้าและเจ้าจะวางแผนการชั่วร้าย 11 และเจ้าจะพูดว่า ‘เราจะขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินที่หมู่บ้านต่างๆ ที่ไม่มีกำแพงขวางกั้น เราจะโจมตีประชาชนที่มีสันติซึ่งอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาทุกคนอาศัยอยู่โดยไม่ต้องมีกำแพง ไม่มีประตูและดาล 12 เราจะปล้นและริบของไป และจะโจมตีที่อยู่อาศัยของผู้คนซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นที่ร้าง โจมตีชนชาติที่ถูกรวบรวมมาจากบรรดาประชาชาติ และบัดนี้พวกเขามีฝูงสัตว์และสินค้า และอยู่อาศัยในแหล่งซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินโลก’ 13 เช-บา เดดาน บรรดาพ่อค้าแห่งทาร์ชิช และบรรดาผู้นำทั้งปวงจะพูดกับเจ้าว่า ‘ท่านมาเพื่อปล้นของหรือ ท่านได้ให้ผู้คนของท่านเตรียมริบของไป ขนเงินและทอง และต้อนฝูงสัตว์และขนสินค้า เป็นการยึดของที่ปล้นมาอย่างนั้นหรือ’”

14 ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความและบอกโกกว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “ในวันนั้น เมื่ออิสราเอลชนชาติของเราอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย เจ้าจะไม่รู้หรือ 15 เจ้าจะมาจากที่ของเจ้า ซึ่งอยู่ไกลสุดทางทิศเหนือ เจ้าจะมากับบรรดาชนชาติจำนวนมาก ทุกคนขี่ม้ามา ประชาชนกลุ่มใหญ่ กองทัพซึ่งเก่งกล้า 16 เจ้าจะมาโจมตีอิสราเอลชนชาติของเรา ดั่งก้อนเมฆที่เคลือบคลุมแผ่นดิน ในวาระที่จะถึง เราจะนำเจ้ามาโจมตีแผ่นดินของเรา โอ โกกเอ๋ย บรรดาประชาชาติจะรู้จักเรา เมื่อเราแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราบริสุทธิ์ต่อหน้าพวกเขาโดยผ่านตัวเจ้า”

17 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เจ้ามิใช่หรือที่เราพูดถึงในสมัยก่อนโดยผ่านผู้รับใช้ของเรา คือบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่อยู่ในอิสราเอลในเวลานั้นได้เผยความเป็นเวลาหลายปีว่า เราจะนำเจ้ามาโจมตีพวกเขา 18 แต่ในวันนั้น วันที่โกกจะมาโจมตีแผ่นดินอิสราเอล” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “การลงโทษของเราพลุ่งขึ้นในความโกรธของเรา 19 เพราะความหวงแหนของเราและความกริ้วที่ลุกเป็นไฟของเรา เราประกาศว่า ในวันนั้นจะมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแผ่นดินของอิสราเอล 20 หมู่ปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ สัตว์ในทุ่งนา สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนพื้นดิน และทุกคนบนแผ่นดินโลกจะครั่นคร้าม ณ เบื้องหน้าเรา ภูเขาจะถล่มลง หน้าผาจะพังลง และกำแพงทุกแห่งจะพังทลายบนพื้นดิน 21 เราจะให้มีการปะทะกับโกกบนภูเขาของเราทุกลูก ดาบของผู้ชายทุกคนจะต่อสู้ฆ่าฟันกันและกัน” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 22 “เราจะลงโทษเขาด้วยโรคระบาดและการหลั่งเลือด เราจะหลั่งฝนให้เกิดกระแสน้ำ พายุลูกเห็บ กำมะถันและไฟลงบนตัวเขาและกองทหารของเขา และบนบรรดาชนชาติจำนวนมากที่อยู่กับเขา 23 ดังนั้น เราจะแสดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเรา และให้เป็นที่รู้จักในสายตาของประชาชาติจำนวนมาก แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

39 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความกล่าวโทษโกก และจงพูดว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด โกกเอ๋ย เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของเมเชคและทูบัล และเราจะทำให้เจ้าหันกลับไปและลากเจ้าไปข้างหน้าด้วย และเราจะนำเจ้าขึ้นไปจากที่ไกลสุดทางทิศเหนือ และส่งเจ้าไปโจมตีภูเขาของอิสราเอล แล้วเราจะกระทบคันธนูออกจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูหลุดจากมือขวาของเจ้า เจ้าจะตกจากภูเขาของอิสราเอล ทั้งตัวเจ้า กองทหารของเจ้า และบรรดาชนชาติที่อยู่กับเจ้า เราจะให้เจ้าเป็นเหยื่อของนกจำพวกกินซากศพทุกชนิด และให้แก่สัตว์ป่าขย้ำกิน เจ้าจะล้มลงในทุ่งโล่ง เพราะเราได้พูดแล้ว’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “เราจะให้ไฟเผามาโกกและเผาบรรดาผู้ที่อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยที่หมู่เกาะ และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

เราจะให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลชนชาติของเรา และเราจะไม่ยอมให้นามอันบริสุทธิ์ของเราถูกดูหมิ่นอีกต่อไป และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้บริสุทธิ์ในอิสราเอล ดูเถิด มันกำลังจะมาถึง และกำลังจะเกิดขึ้น” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “วันนี้เป็นวันที่เราได้พูดแล้ว

แล้วบรรดาผู้อยู่อาศัยในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปและใช้อาวุธเป็นเชื้อเพลิงและเผาให้หมด โล่และดั้ง คันธนูและลูกธนู หอกและหลาว พวกเขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงนานถึง 7 ปี 10 พวกเขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งนาหรือตัดไม้ป่า เพราะพวกเขาจะใช้อาวุธเป็นเชื้อเพลิง และพวกเขาจะปล้นระดมบรรดาผู้ที่ปล้นระดมพวกเขา และริบข้าวของจากบรรดาผู้ที่ริบไปจากพวกเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

11 “ในวันนั้น เราจะให้สุสานแก่โกกในอิสราเอล ในหุบเขาของนักเดินทาง ไปทางทิศตะวันออกของทะเล สุสานนั้นจะขวางกั้นทางของนักเดินทาง เพราะโกกและกองทหารของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นที่นั่นจะชื่อว่า ฮาโมนโกก[c] 12 พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังพวกเขาเป็นเวลานานถึง 7 เดือน เพื่อชำระแผ่นดิน 13 ประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินจะฝังพวกเขา และพวกเขาจะระลึกถึงวันนั้นว่า เป็นวันที่เราแสดงบารมีของเรา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 14 “พวกเขาจะกำหนดให้คนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปตรวจตราทั่วแผ่นดิน และฝังศพที่ยังถูกปล่อยทิ้งไว้ เพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด และปฏิบัติต่อไปเช่นนี้เป็นเวลา 7 เดือน 15 ขณะที่คนกลุ่มนี้ตรวจตราแผ่นดินให้ทั่ว เขาจะต้องปักเครื่องหมายที่ข้างกระดูกมนุษย์ที่พบ เพื่อให้ผู้ฝังจัดการฝังกระดูกในหุบเขาแห่งฮาโมนโกก 16 (ฮาโมนนาห์ เป็นชื่อเมืองที่นั่นด้วย) พวกเขาจะชำระแผ่นดินให้สะอาดดังกล่าว

17 และตัวเจ้าเอง บุตรมนุษย์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า จงร้องบอกนกทุกชนิดและสัตว์ป่าทั้งหมดว่า ‘จงมารวมกัน และมาอย่างพร้อมเพรียงกันจากรอบด้าน เพื่อฉลองเครื่องสักการะที่เราเตรียมให้พวกเจ้าแล้ว เป็นเครื่องสักการะครั้งยิ่งใหญ่บนภูเขาของอิสราเอล พวกเจ้าจะกินเนื้อและดื่มเลือด 18 พวกเจ้าจะกินเนื้อของพวกทหารกล้า และดื่มเลือดของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินโลก เลือดแกะตัวผู้ ลูกแกะตัวผู้ แพะตัวผู้ โคหนุ่ม ทุกตัวล้วนเป็นสัตว์อ้วนพีของบาชาน 19 พวกเจ้าจะกินไขมันจนกระทั่งอิ่มหนำ และจะดื่มเลือดจนกระทั่งเมา ที่งานฉลองเครื่องสักการะซึ่งเรากำลังเตรียมให้พวกเจ้า 20 พวกเจ้าจะอิ่มหนำด้วยม้าและสารถี ทหารกล้าและนักรบหลายประเภทที่โต๊ะของเรา’ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

21 และเราจะให้บารมีของเราเป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาประชาชาติ และประชาชาติทั้งปวงจะเห็นการตัดสินโทษของเราที่เราได้กระทำ และมือของเราที่ได้กระหน่ำลงบนพวกเขา 22 พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป 23 และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะความชั่วของพวกเขา เพราะไม่ภักดีต่อเรา เราจึงซ่อนหน้าไปจากพวกเขา และมอบไว้ในมือของเหล่าศัตรู และทุกคนล้มตายด้วยคมดาบ 24 เรากระทำต่อพวกเขาตามความไม่บริสุทธิ์และการล่วงละเมิดของพวกเขา และเราซ่อนหน้าไปจากพวกเขา”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะให้อิสราเอลคืนสู่สภาพเดิม

25 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “บัดนี้เราจะให้ความอุดมสมบูรณ์ของยาโคบคืนสู่สภาพเดิม และมีเมตตาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลทุกคน และเราหวงแหนนามอันบริสุทธิ์ของเรา 26 พวกเขาจะลืมความละอายและความไม่ภักดีทั้งสิ้นที่ได้แสดงต่อเรา เมื่อพวกเขาอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยในแผ่นดินที่ไม่มีใครทำให้หวาดกลัว 27 เมื่อเราได้นำพวกเขากลับมาจากบรรดาชนชาติ และได้รวบรวมพวกเขาจากดินแดนของเหล่าศัตรู เราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าประชาชาติจำนวนมากโดยผ่านพวกเขา 28 แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่า เราส่งพวกเขาออกไปเป็นเชลยในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราก็จะรวบรวมพวกเขาเพื่อกลับไปยังแผ่นดินของพวกเขาเอง โดยไม่มีผู้ใดถูกปล่อยทิ้งไว้ 29 เราจะไม่ซ่อนหน้าไปจากพวกเขาอีกต่อไป เพราะเราจะหลั่งวิญญาณของเราบนพงศ์พันธุ์อิสราเอล” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

ภาพนิมิตพระตำหนักใหม่

40 ในปีที่ยี่สิบห้าของการลี้ภัยของพวกเรา ตอนต้นปี ในวันที่สิบของเดือน ในปีที่สิบสี่หลังจากที่เมืองถูกยึด[d] ในวันนั้นเองมือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า และพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังเมืองนั้น ภาพนิมิตที่พระเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นคือ พระองค์นำข้าพเจ้าไปยังแผ่นดินของอิสราเอล และให้ข้าพเจ้าหยุดอยู่บนภูเขาสูงมากแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าสามารถเห็นสิ่งก่อสร้างเหมือนเป็นเมืองๆ หนึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ เมื่อพระองค์นำข้าพเจ้าไปที่นั่น ดูเถิด มีชายผู้หนึ่งปรากฏร่างเหมือนเป็นทองสัมฤทธิ์ ในมือของท่านมีเชือกผ้าป่านและไม้วัด ท่านกำลังยืนที่ทางประตู ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงใช้ตามองดู และใช้หูฟัง และใส่ใจในทุกสิ่งที่เราจะให้ท่านดู เพราะท่านถูกพามาที่นี่เพื่อเราจะชี้ให้ท่านเห็น ท่านจงประกาศทุกสิ่งที่ท่านเห็นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

ทางประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก

ดูเถิด มีกำแพงล้อมรอบด้านนอกของบริเวณพระตำหนัก ไม้วัดที่อยู่ในมือของชายผู้นั้นยาว 6 ศอก แต่ละศอกคำนวณได้เท่ากับ 1 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ[e] ท่านวัดกำแพงได้ความหนาและความสูงเท่ากันคือเท่ากับความยาวของไม้วัด แล้วท่านไปที่หอประตูซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก ท่านก้าวขึ้นบันไดและวัดธรณีประตูซึ่งลึก 6 ศอก ห้องยามมีขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 6 ศอก กำแพงกั้นระหว่างห้องยามเหล่านี้หนา 5 ศอก ธรณีประตูถัดไปจากมุขซึ่งหันเข้าสู่พระตำหนักลึก 6 ศอก และท่านวัดมุขที่หอประตูซึ่งหันเข้าสู่พระตำหนักได้ขนาด 6 ศอก ท่านวัดมุขที่หอประตูซึ่งลึก 8 ศอก เสาค้ำหนา 2 ศอก มุขนี้หันเข้าสู่พระตำหนัก 10 ห้องยามที่หอประตูด้านตะวันออก แต่ละข้างของประตูมีห้องยาม 3 ห้อง ทุกห้องมีขนาดเท่ากัน เสาค้ำของแต่ละข้างมีขนาดเท่ากัน 11 และท่านวัดหอประตูซึ่งเปิดกว้าง 10 ศอก และยาว 13 ศอก 12 หน้าห้องยามแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก ห้องยามเหล่านี้มีขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 6 ศอก 13 แล้วท่านวัดทางประตูจากเพดานห้องหนึ่งจรดเพดานอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามได้ความกว้าง 25 ศอก ห้องเปิดโล่งหันเข้าหากัน 14 ท่านวัดเสาค้ำหลายเสาซึ่งสูง 60 ศอก หอประตูขยายออกไปเป็นรูปโค้งถึงเสาค้ำของลานพระตำหนัก 15 ความยาวจากด้านหน้าหอประตูถึงสุดห้องมุขวัดได้ 50 ศอก 16 มีหน้าต่างบานพับที่หันไปทางห้องยามและเสาค้ำภายในหอประตูโดยรอบ เหมือนกับที่ห้องมุข และมีหน้าต่างโดยรอบด้านใน และเสาค้ำแต่ละต้นตกแต่งด้วยรูปต้นอินทผลัม

ลานชั้นนอก

17 แล้วท่านพาข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นนอก ข้าพเจ้าเห็นห้องหลายห้อง มีทางเดินซึ่งปูไว้รอบลาน มีห้อง 30 ห้องอยู่ตามแนวขนานกับทางเดิน 18 ทางเดินนั้นยาวตลอดแนวที่ข้างหอประตู มีความยาวเท่ากับหอประตู นี่เป็นทางเดินชั้นล่าง 19 แล้วท่านวัดระยะทางจากด้านหน้าของหอประตูล่างจนถึงด้านหน้าของนอกลานชั้นใน ได้ความยาว 100 ศอก ทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ

ประตูทางทิศเหนือ

20 ท่านวัดความยาวและความกว้างของหอประตูของลานชั้นนอก ซึ่งหันไปทางทิศเหนือ 21 มีห้องยามข้างละ 3 ห้อง เสาค้ำและห้องมุข ซึ่งมีขนาดเดียวกับที่หอประตูแรก คือยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 22 หน้าต่าง ห้องมุข และต้นอินทผลัมมีขนาดเดียวกับหอประตูที่หันไปด้านตะวันออก มีขั้นบันได 7 ขั้นขึ้นไปถึงห้องมุข 23 และลานชั้นในมีประตูหนึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูด้านเหนือ เช่นเดียวกับประตูด้านตะวันออก ท่านวัดจากประตูหนึ่งถึงประตูที่อยู่ตรงข้ามได้ยาว 100 ศอก

ประตูทางทิศใต้

24 และท่านนำข้าพเจ้าไปยังทิศใต้ ดูเถิด มีประตูทางทิศใต้ ท่านวัดเสาค้ำและห้องมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ 25 หอประตูและห้องมุขมีหน้าต่างโดยรอบ เหมือนกับหน้าต่างที่ด้านอื่นๆ ซึ่งยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 26 มีขั้นบันได 7 ขั้นขึ้นไปถึง มีห้องมุขอยู่ด้านหน้า ตกแต่งด้วยรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำแต่ละต้น 27 และลานชั้นในมีประตูหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ และท่านวัดจากประตูหนึ่งถึงประตูที่อยู่ทางทิศใต้ได้ยาว 100 ศอก

ลานชั้นใน

28 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นในโดยผ่านประตูทางทิศใต้ ท่านวัดหอประตูทางทิศใต้ได้ขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 29 ห้องยาม เสาค้ำ และมุขมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ ห้องยามและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 30 มีมุขโดยรอบซึ่งมีความยาว 25 ศอก กว้าง 5 ศอก 31 มุขหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำ และทางบันไดมี 8 ขั้น

32 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นในด้านตะวันออก และท่านวัดหอประตูซึ่งมีขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 33 ห้องยาม เสาค้ำ และมุขมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ ห้องยามและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 34 มุขหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำทั้งสองข้าง และทางบันไดมี 8 ขั้น

35 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปยังประตูทางทิศเหนือ ท่านวัดได้ขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 36 มีห้องยาม เสาค้ำ และมุข ซึ่งมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 37 เสาค้ำหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำทั้งสองข้าง และทางบันไดมี 8 ขั้น

38 มีห้องหนึ่งซึ่งมีประตูเปิดออกใกล้เสาค้ำที่หอประตู เป็นห้องสำหรับชำระล้างสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย 39 ในห้องมุขที่หอประตูนี้มีโต๊ะข้างละ 2 ตัว สำหรับฆ่าสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ 40 ที่นอกห้องด้านข้างมีบันไดซึ่งเป็นทางเข้าไปยังหอประตูด้านเหนือ มีโต๊ะ 2 ตัว และอีกข้างหนึ่งของมุขที่หอประตูมีโต๊ะอีก 2 ตัว 41 มีโต๊ะ 4 ตัวที่แต่ละข้างของหอประตู รวมทั้งหมด 8 ตัวใช้เป็นที่ฆ่าสัตว์ 42 มีโต๊ะ 4 ตัวทำจากหินที่แต่งแล้วสำหรับสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย ยาวศอกครึ่ง กว้างศอกครึ่ง สูง 1 ศอก บนโต๊ะนี้มีเครื่องใช้สำหรับฆ่าสัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะอื่นๆ 43 ขอเกี่ยว[f]ขนาดยาว 1 ฝ่ามือ ติดในพระตำหนักโดยรอบ โต๊ะมีไว้สำหรับของถวายที่เป็นเนื้อสัตว์

ห้องปุโรหิต

44 ที่นอกหอประตูชั้นในมีห้อง 2 ห้องที่ลานชั้นใน ห้องหนึ่งที่ข้างประตูเหนือซึ่งหันไปทางทิศใต้ และอีกห้องที่ข้างประตูใต้ซึ่งหันไปทางทิศเหนือ 45 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ห้องนี้ที่หันไปทางทิศใต้เป็นห้องสำหรับบรรดาปุโรหิตที่ดูแลพระตำหนัก 46 และห้องที่หันไปทางทิศเหนือเป็นห้องสำหรับบรรดาปุโรหิตที่ดูแลแท่นบูชา ปุโรหิตเหล่านี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของศาโดกผู้เป็นชาวเลวีเท่านั้นที่จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระองค์ 47 และท่านวัดลานพระตำหนักซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 100 ศอก และแท่นบูชาอยู่ด้านหน้าพระตำหนัก

มุขพระตำหนัก

48 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่มุขพระตำหนัก และวัดขนาดเสาค้ำของมุขซึ่งมีความกว้างและความยาวเท่ากันคือ 5 ศอก ทางเข้ามีขนาดกว้าง 14 ศอก และประตูทั้งสองข้างกว้าง 3 ศอกเท่ากัน 49 บริเวณมุขยาว 20 ศอก กว้าง 12 ศอก มีบันไดขึ้น 10 ขั้น มีเสาหลักที่อยู่ข้างเสาค้ำ ข้างละเสา

ภายในพระตำหนัก

41 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปในพระตำหนักชั้นนอก และวัดเสาค้ำกว้าง 6 ศอกทั้งสองข้าง ทางเข้ากว้าง 10 ศอก ผนังกำแพงทั้งสองข้างกว้าง 5 ศอกเท่ากัน และท่านวัดพระตำหนักชั้นนอกซึ่งยาว 40 ศอก กว้าง 20 ศอก แล้วท่านเข้าไปในพระตำหนักชั้นใน และวัดเสาค้ำที่ทางเข้า แต่ละข้างกว้าง 2 ศอก ทางเข้ากว้าง 6 ศอก และกำแพงทั้งสองข้างกว้าง 7 ศอกเท่ากัน และท่านวัดห้องนั้นได้ยาว 20 ศอก และกว้าง 20 ศอกซึ่งอยู่ถัดจากพระตำหนักชั้นนอก และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่คืออภิสุทธิสถาน”

แล้วท่านวัดกำแพงพระตำหนัก หนา 6 ศอก ห้องเสริมพระตำหนักแต่ละห้องกว้าง 4 ศอก และอยู่รอบ 3 ด้านของพระตำหนัก ห้องเสริมเหล่านี้เป็น 3 ชั้นซ้อนกัน แต่ละชั้นมี 30 ห้อง ผนังพระตำหนักมีเชิงรับน้ำหนักห้องเสริมอยู่โดยรอบ เพื่อไม่ต้องสอดคานรับน้ำหนักไว้ที่ผนังพระตำหนัก ห้องเสริมรอบพระตำหนักชั้นล่างแคบกว่าชั้นบนที่ถัดขึ้นไป ผนังห้องก็บางลงเมื่อชั้นสูงขึ้น ดังนั้นห้องชั้นบนสุดกว้างกว่าห้องชั้นล่าง ทางบันไดขึ้นจากชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุดต้องผ่านชั้นกลาง ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่า พระตำหนักมีฐานที่ยกสูงขึ้นโดยรอบ และเป็นฐานรากของห้องเสริมซึ่งวัดความสูงได้ 6 ศอกตามความยาวของไม้วัด ผนังด้านนอกของห้องเสริมหนา 5 ศอก ระเบียงระหว่างห้องเสริมของพระตำหนัก 10 กับห้องของบรรดาปุโรหิต กว้าง 20 ศอกโดยรอบพระตำหนัก 11 ทางเข้าห้องเสริมอยู่ด้านระเบียง ทางหนึ่งเข้าได้จากด้านเหนือ ส่วนอีกทางเข้าได้จากด้านใต้ ระเบียงกว้าง 5 ศอกโดยรอบ

12 ตึกที่หันเข้าหาลานพระวิหารทางด้านตะวันตกกว้าง 70 ศอก ผนังตึกหนา 5 ศอกโดยรอบ และยาว 90 ศอก

13 แล้วท่านวัดพระตำหนักซึ่งยาว 100 ศอก ส่วนลานพระตำหนักและตัวตึกรวมผนังมีความยาว 100 ศอกเช่นกัน 14 ลานพระวิหารด้านตะวันออกที่หันเข้าหาพระตำหนักกว้าง 100 ศอก

15 แล้วท่านวัดความยาวของตึกซึ่งหันเข้าหาลานพระวิหารที่อยู่ด้านหลังพระตำหนัก รวมความกว้างระเบียงทั้งสองข้างได้ความยาว 100 ศอก

พระตำหนักชั้นนอก และมุขที่ลานพระตำหนัก 16 รวมทั้งธรณีประตู ช่องหน้าต่างเว้า และระเบียงรอบทั้ง 3 ด้านจากหน้าธรณีประตูล้วนกรุด้วยไม้โดยรอบ ตั้งแต่พื้นและผนังกำแพง จนถึงหน้าต่างกรุด้วยไม้ 17 บริเวณเหนือประตูที่ทางเข้าสู่พระตำหนักชั้นใน และผนังทุกด้านในพระตำหนักชั้นในและพระตำหนักชั้นนอกมีรูปแกะสลัก 18 เป็นตัวเครูบ[g]และต้นอินทผลัม ระหว่างตัวเครูบมีต้นอินทผลัม 1 ต้น เครูบทุกตัวมีสองหน้า 19 ใบหน้าที่เป็นมนุษย์หันไปทางต้นอินทผลัมข้างหนึ่ง และใบหน้าที่เป็นสิงโตหนุ่มหันไปทางต้นอินทผลัมอีกข้างหนึ่ง รูปแกะสลักเหล่านี้อยู่ทั่วพระตำหนักโดยรอบ 20 ตัวเครูบและต้นอินทผลัมเป็นรูปแกะสลักบนผนังกำแพงในพระตำหนักชั้นนอก ตั้งแต่พื้นจรดบริเวณเหนือประตู

21 วงกบประตูพระตำหนักชั้นนอกเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า และที่หน้าอภิสุทธิสถานก็คล้ายคลึงกัน 22 แท่นบูชาไม้ซึ่งสูง 3 ศอก ยาว 2 ศอก และกว้าง 2 ศอก ทั้งมุม ฐาน และด้านข้างทำด้วยไม้ ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 23 ทั้งพระตำหนักชั้นนอกและอภิสุทธิสถานมีประตูบานคู่ 24 แต่ละประตูเป็นประตูบานพับ บานพับสองบานต่อประตูหนึ่งบาน 25 ประตูพระตำหนักชั้นนอกแกะสลักตัวเครูบและต้นอินทผลัม เหมือนกับที่สลักบนผนังกำแพง และมีกันสาดไม้ที่หน้ามุข 26 ที่ผนังมุขทั้งสองข้างมีหน้าต่างเว้าและตกแต่งด้วยรูปต้นอินทผลัม ห้องเสริมของพระตำหนักก็เช่นกันและมีกันสาดด้วย

ห้องปุโรหิต

42 แล้วท่านนำข้าพเจ้าออกไปยังลานพระตำหนักด้านทิศเหนือ และท่านพาข้าพเจ้าไปยังห้องที่อยู่ตรงข้ามกับลานพระวิหาร และตรงข้ามกับกำแพงด้านนอกทางทิศเหนือ ตึกที่มีประตูหันไปทางเหนือยาว 100 ศอก กว้าง 50 ศอก ตึกหลังนี้สูง 3 ชั้น แต่ละชั้นมีห้องหันหน้าเข้าหากันเป็นแถวยาว แต่ละห้องลึก 20 ศอก แถวหนึ่งขนานกับลานพระตำหนัก อีกแถวหนึ่งขนานกับลานพระวิหาร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเดินที่ปูด้วยหิน แต่ละชั้นมีทางเดินยาวระหว่างห้องในตึก ซึ่งกว้าง 10 ศอก ยาว 100 ศอก ประตูห้องอยู่ด้านเหนือของตึก ห้องชั้นบนสุดเล็กกว่าเพราะมีระเบียงซึ่งใช้เนื้อที่มากกว่าชั้นกลางและชั้นล่าง เนื่องจากห้องเหล่านี้อยู่ในตึก 3 ชั้นและไม่มีเสาค้ำเหมือนกับลานพระตำหนัก ฉะนั้นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดมีขนาดเล็กกว่าสองชั้นที่อยู่ถัดลงมา มีกำแพงที่อยู่ด้านนอกตึกซึ่งขนานกับห้องเหล่านี้ยาว 50 ศอก ซึ่งอยู่นอกลานพระตำหนัก ห้องที่อยู่นอกลานพระตำหนักยาว 50 ศอก ส่วนห้องที่หันเข้าสู่พระตำหนักชั้นนอกยาว 100 ศอก ทางเข้าอยู่ข้างล่างห้องเหล่านี้ที่ท้ายตึกทางด้านตะวันออก เพื่อให้ผู้คนเข้ามาได้จากลานพระตำหนัก 10 ด้านใต้ของตึกซึ่งยาวขนานกับกำแพงลานพระตำหนักซึ่งติดกับลานพระวิหาร คือติดกับกำแพงด้านนอก มีห้องหลายห้อง 11 ซึ่งมีทางเดินอยู่ด้านหน้า ห้องเหล่านี้เหมือนห้องที่ด้านเหนือ คือมีความยาวและความกว้างเหมือนกัน มีทางออกและประตูที่คล้ายคลึงกัน 12 ประตูทางเข้าออกห้องด้านทิศใต้เหมือนกับด้านทิศเหนือ มีทางเข้าสู่ห้องชั้นล่างที่ต้นทางเดินซึ่งขนานกับผนังกำแพงซึ่งยาวต่อไปถึงด้านทิศตะวันออก และเป็นทางเข้าออกได้

13 แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ห้องด้านเหนือและด้านใต้ที่หันเข้าหาลานพระวิหารเป็นห้องของเหล่าปุโรหิต ปุโรหิตที่เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าจะรับประทานของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุด พวกเขาจะตั้งของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุดคือ เครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ เพราะสถานที่นั้นบริสุทธิ์ 14 เมื่อปุโรหิตเข้าไปในวิสุทธิสถาน พวกเขาจะต้องไม่ออกไปยังลานพระตำหนักจนกว่าจะถอดเครื่องแต่งกายที่สวมในการปฏิบัติงานและวางไว้ที่นั่นก่อน เพราะเป็นเครื่องแต่งกายที่บริสุทธิ์ พวกเขาจะต้องสวมเสื้อผ้าตัวอื่นก่อนจะออกไปใกล้สถานที่สำหรับประชาชน”

15 ครั้นท่านวัดบริเวณภายในพระตำหนักเสร็จสิ้นแล้ว ท่านนำข้าพเจ้าออกไปทางประตูที่หันไปทางทิศตะวันออก และวัดรอบๆ บริเวณ 16 ท่านวัดด้านตะวันออกด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอกโดยรอบ 17 ท่านวัดด้านเหนือด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอกโดยรอบ 18 ท่านวัดด้านใต้ด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอก 19 แล้วท่านหันไปด้านตะวันตกและวัดด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอก 20 ท่านวัดกำแพงทั้งสี่ด้านโดยรอบซึ่งยาว 500 ศอก และกว้าง 500 ศอก ซึ่งแบ่งระหว่างสถานที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์

พระบารมีปรากฏในพระตำหนัก

43 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปยังประตูที่หันไปทางทิศตะวันออก และข้าพเจ้าเห็นพระบารมีของพระเจ้าของอิสราเอลมาจากทิศตะวันออก และสุรเสียงของพระองค์ดังประดุจกระแสน้ำไหลแรงกล้า และแผ่นดินโลกสว่างไสวด้วยพระบารมีของพระองค์ ภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นเป็นเหมือนภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นเมื่อพระองค์มาเพื่อทำลายเมือง และเหมือนภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่ข้างแม่น้ำเคบาร์[h] และข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้น ขณะที่พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในพระตำหนักทางประตูที่หันไปทางทิศตะวันออก พระวิญญาณพาข้าพเจ้าขึ้นไป และพาข้าพเจ้าเข้าไปในลานพระตำหนัก ดูเถิด พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏทั่วพระตำหนัก

ขณะที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของผู้หนึ่งพูดกับข้าพเจ้า ซึ่งเป็นเสียงที่มาจากพระตำหนัก พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย นี่เป็นสถานที่สำหรับบัลลังก์ของเรา และเป็นที่สำหรับใต้ฝ่าเท้าของเรา เป็นที่เราจะพำนักในท่ามกลางชาวอิสราเอลไปตลอดกาล พงศ์พันธุ์อิสราเอลและบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะไม่มีวันทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินด้วยการทำตนดั่งหญิงแพศยา และด้วยรูปเคารพของบรรดากษัตริย์ที่สถานบูชาบนภูเขาสูงอีก เมื่อพวกเขาวางธรณีประตูของพวกเขาที่ข้างธรณีประตูของเรา และตั้งวงกบประตูของพวกเขาที่ข้างวงกบประตูของเรา มีแต่เพียงผนังกั้นระหว่างเราและพวกเขา พวกเขาทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินด้วยการปฏิบัติอันน่ารังเกียจ เราจึงได้ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของเรา บัดนี้ จงให้พวกเขาเลิกทำตนเป็นหญิงแพศยาและด้วยรูปเคารพของบรรดากษัตริย์ และเราจะอยู่ในท่ามกลางพวกเขาไปตลอดกาล

10 บุตรมนุษย์เอ๋ย จงอธิบายเรื่องตำหนักแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล พวกเขาจะได้ละอายในบาปของตน เพื่อจะได้พิจารณาแผนผังตำหนัก 11 และพวกเขาจะละอายในทุกสิ่งที่ได้กระทำ จงบอกให้พวกเขารู้แบบของตำหนัก ให้พวกเขารับรู้ว่าควรจะสร้างอย่างไร ทางเข้าและทางออกอยู่ที่ไหน และรายละเอียดทุกอย่าง จงให้พวกเขารับรู้ข้อปฏิบัติและกฎบัญญัติทั้งสิ้น จงเขียนสิ่งเหล่านี้ให้พวกเขาเห็น เพื่อให้ทุกคนรักษาข้อปฏิบัติและกฎเกณฑ์ทั้งสิ้น และปฏิบัติตาม 12 กฎบัญญัติตำหนักคือ ที่รอบบริเวณบนยอดภูเขาจะบริสุทธิ์ที่สุด ดูเถิด นี่เป็นกฎบัญญัติตำหนัก

แท่นบูชา

13 การวัดขนาดแท่นบูชา (แต่ละศอกคำนวณได้เท่ากับ 1 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ) ฐานแท่นลึก 1 ศอก และกว้าง 1 ศอก มีขอบรอบริมฐานกว้าง 1 คืบ นี่คือความสูงของแท่นบูชา 14 จากขอบที่อยู่บนพื้นถึงสันล่างสูง 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และจากสันเล็กถึงสันใหญ่สูง 4 ศอก กว้าง 1 ศอก 15 ฐานพื้นเตาผิงที่แท่นบูชาสูง 4 ศอก ตอนบนมีเขาสัตว์เป็นเชิงงอน 4 เชิงงอน 16 ฐานพื้นเตาผิงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวเท่ากันคือ 12 ศอก 17 สันตอนบนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเช่นกัน กว้างยาวเท่ากันคือ 14 ศอก มีริมกว้างครึ่งศอกโดยรอบ และฐาน 1 ศอกโดยรอบ ขั้นบันไดของแท่นบูชาหันไปทางทิศตะวันออก”

18 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย นี่คือกฎเกณฑ์สำหรับแท่นบูชา ในวันที่สร้างแท่นบูชาเพื่อมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และการสาดเลือดที่แท่น 19 เจ้าจงมอบโคหนุ่มจากฝูงเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปแก่บรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวีจากเชื้อสายศาโดก พวกเขาเข้าใกล้เราเพื่อรับใช้เรา พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 20 เจ้าจงใช้เลือดป้ายเชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชา และมุมทั้งสี่ของสันตอนบน และริมโดยรอบ เมื่อทำดังนี้ เจ้าจะทำแท่นบูชาให้บริสุทธิ์ และลบล้างมลทินจากแท่น 21 เจ้าจงเอาโคสำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปไปเผาในบริเวณที่กำหนดไว้ของตำหนัก ซึ่งอยู่นอกที่พำนัก 22 และในวันที่สอง เจ้าจงถวายแพะตัวผู้ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และจะต้องทำแท่นบูชาให้บริสุทธิ์ อย่างที่ทำให้บริสุทธิ์จากการใช้โค 23 เมื่อเจ้าทำแท่นให้บริสุทธิ์แล้ว เจ้าจงถวายโคหนุ่มปราศจากตำหนิจากฝูงโคและแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิ 24 เจ้าจงถวายสัตว์เหล่านั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และบรรดาปุโรหิตจะโรยเกลือบนสัตว์ และเผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 25 เจ้าจงจัดเตรียมและถวายสิ่งเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลา 7 วันคือ แพะตัวผู้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป โคหนุ่มจากฝูงและแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิจากฝูง 26 บรรดาปุโรหิตจะทำพิธีลบล้างมลทินให้กับแท่น และชำระล้างแท่นเป็นเวลา 7 วัน เพื่อทำให้แท่นบริสุทธิ์ 27 และหลังจากนั้น ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไป บรรดาปุโรหิตจะมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายของเจ้า และของถวายเพื่อสามัคคีธรรมของเจ้า และเราจะพอใจในตัวเจ้า” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

ประตูสำหรับผู้ยิ่งใหญ่

44 แล้วท่านพาข้าพเจ้ากลับไปยังประตูด้านนอกของที่พำนัก ซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก ประตูนั้นปิดอยู่ และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ประตูนี้จะต้องปิดไว้ จะต้องไม่เปิด และไม่ให้ผู้ใดเข้ามาทางนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้เข้ามาทางนี้ ฉะนั้นประตูนี้จะต้องปิดไว้ ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นเป็นผู้นั่งที่ด้านในของประตูเพื่อรับประทานขนมปัง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เขาจะต้องเข้าทางมุขประตูที่ทางเข้า และจะออกไปทางเดียวกัน”

แล้วท่านพาข้าพเจ้าเข้าทางประตูด้านเหนือ ไปยังด้านหน้าพระตำหนัก ข้าพเจ้ามองดู และดูเถิด พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏทั่วพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้น และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงใช้ตาของเจ้าสังเกตดูให้ดี และใช้หูฟัง จงใส่ใจในทุกสิ่งที่เราบอกกับเจ้าในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าและกฎบัญญัติทั้งสิ้น และจงใส่ใจให้ดีในเรื่องทางเข้าตำหนักและทางออกจากที่พำนักทุกแห่ง และจงบอกพงศ์พันธุ์ที่ขัดขืน คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พอได้แล้วกับการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้นของพวกเจ้า ด้วยการยอมให้ชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจและทางร่างกายมาอยู่ในที่พำนักของเรา ไม่เคารพตำหนักของเราในขณะที่พวกเจ้าถวายอาหาร ไขมัน และเลือดให้แก่เรา พวกเจ้าไม่รักษาพันธสัญญาของเรา พวกเจ้ากระทำสิ่งเหล่านี้ซึ่งนอกเหนือไปจากการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้น และแทนที่พวกเจ้าจะจัดการเรื่องสิ่งบริสุทธิ์ของเรา เจ้าได้ให้คนอื่นทำหน้าที่แทนในที่พำนักของเรา’”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ชาวต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจและทางร่างกายจะต้องไม่เข้ามาในที่พำนักของเรา แม้ว่ามีบางคนที่อยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลก็ตาม 10 แต่ว่าชาวเลวีห่างเหินไปจากเราเมื่ออิสราเอลหลงหายไปจากเราและไปเชื่อในรูปเคารพ พวกเขาจะต้องรับโทษเพราะบาปของตนเอง 11 และจะรับใช้ในที่พำนักของเรา ดูแลที่ประตูตำหนักและรับใช้ในตำหนัก พวกเขาจะฆ่าสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและถวายเครื่องสักการะให้ประชาชน และจะยืนต่อหน้าประชาชนเป็นการรับใช้พวกเขา 12 แต่เป็นเพราะเขาเหล่านั้นรับใช้ประชาชนต่อหน้ารูปเคารพ และทำให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลสะดุดในความชั่ว ฉะนั้นเราได้ยกมือขึ้นปฏิญาณเกี่ยวกับพวกเขาว่า พวกเขาจะต้องรับโทษเพราะบาปของตนเอง” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 13 “พวกเขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้เราเพื่อรับใช้เราอย่างปุโรหิต หรือมาใกล้สิ่งบริสุทธิ์ของเราหรือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด แต่พวกเขาจะต้องรับความอับอายกับการกระทำที่น่าชังของพวกเขาเอง 14 แต่เราจะให้พวกเขาจัดการดูแลวิหาร รับใช้ในทุกเรื่องที่จำเป็นจะต้องทำในนั้น

กฎสำหรับปุโรหิต

15 บรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวีและเป็นผู้สืบเชื้อสายของศาโดก และจัดการดูแลที่พำนักของเราเมื่อประชาชนของอิสราเอลหลงหายไปจากเรา จะต้องมาใกล้เราเพื่อรับใช้เรา และพวกเขาจะมายืน ณ เบื้องหน้าเราเพื่อถวายไขมันและเลือด” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 16 “พวกเขาจะเข้ามาในที่พำนักของเรา และมาที่โต๊ะของเราเพื่อรับใช้เรา และจะปฏิบัติงานของเรา 17 เมื่อพวกเขาเข้าทางประตูลานตำหนัก พวกเขาจะต้องสวมเครื่องแต่งกายผ้าป่าน จะต้องไม่สวมสิ่งใดที่มีขนสัตว์ขณะที่รับใช้ที่ประตูลานตำหนักหรือในตำหนัก 18 และจะสวมผ้าป่านโพกศีรษะ และสวมเครื่องแต่งกายชั้นในผ้าป่าน จะต้องไม่สวมกายด้วยสิ่งใดที่ทำให้เหงื่อออก 19 และเมื่อออกไปยังลานชั้นนอกที่ประชาชนอยู่ พวกเขาจะถอดเครื่องแต่งกายที่สวมในการปฏิบัติงาน และวางไว้ในห้องบริสุทธิ์ และสวมเสื้อผ้าตัวอื่น มิฉะนั้นความบริสุทธิ์จากเครื่องแต่งกายจะไปติดที่ประชาชน 20 พวกเขาจะต้องไม่โกนศีรษะหรือปล่อยให้ผมยาว แต่จะต้องขลิบผมบนศีรษะ 21 ปุโรหิตจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้ามาในลานตำหนัก 22 จะไม่แต่งงานกับหญิงม่ายหรือหญิงที่หย่าร้างแล้ว แต่จะเป็นพรหมจารีที่เป็นเชื้อสายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล หรือเป็นหญิงม่ายของปุโรหิตที่ได้เสียชีวิตแล้ว 23 พวกเขาจะสอนประชาชนของเราถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งบริสุทธิ์และสิ่งไม่บริสุทธิ์ และจงให้พวกเขารู้จักจำแนกแยกแยะระหว่างสิ่งสะอาดและสิ่งที่เป็นมลทิน 24 ในกรณีที่มีการโต้แย้ง พวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินความ และตัดสินตามการตัดสินความของเรา จะรักษากฎบัญญัติและกฎเกณฑ์ในกฎเทศกาลทั้งสิ้นของเราที่กำหนดไว้ และจะต้องรักษาวันสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ 25 เหล่าปุโรหิตจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินด้วยการเข้าใกล้คนตาย อย่างไรก็ตาม ถ้าคนตายเป็นบิดา มารดา บุตรชาย บุตรหญิง พี่น้องผู้ชายหรือพี่น้องผู้หญิงที่เป็นโสด ก็ให้พวกเขาเป็นมลทินได้ 26 หลังจากที่เขาหายจากการเป็นมลทินแล้ว เขาจะต้องรออีก 7 วัน 27 และในวันที่เขาเข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์ ในลานตำหนัก เพื่อรับใช้ในสถานที่บริสุทธิ์ เขาจะต้องถวายเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น

28 “มรดกของพวกเขาคือ เราเป็นมรดกของพวกเขา และพวกเจ้าจะต้องไม่ให้สิ่งใดแก่พวกเขาเป็นเจ้าของในอิสราเอล เราเป็นมรดกของพวกเขา 29 พวกเขาจะรับประทานจากเครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ ทุกสิ่งที่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในอิสราเอลจะเป็นของพวกเขาได้ 30 ผลแรกชนิดดีที่สุดจากสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ ของถวายทุกชนิดของพวกเจ้าจะเป็นของบรรดาปุโรหิต เจ้าจะต้องมอบแป้งรุ่นแรกแก่บรรดาปุโรหิต เพื่อครัวเรือนของเจ้าจะได้รับพร 31 บรรดาปุโรหิตจะต้องไม่รับประทานนกหรือสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าขย้ำตาย

พื้นที่บริสุทธิ์

45 เมื่อพวกเจ้าได้รับส่วนแบ่งที่ดินเป็นมรดก เจ้าจงแบ่งส่วนหนึ่งถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นพื้นที่บริสุทธิ์ ได้ขนาดยาว 25,000 ศอก กว้าง 20,000 ศอก ทั่วพื้นที่จะเป็นที่บริสุทธิ์ จากที่ดินดังกล่าว จงใช้ส่วนหนึ่งขนาด 500 ศอกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสำหรับสถานที่บริสุทธิ์ และมีบริเวณเปิดโล่งรอบๆ ขนาด 50 ศอกด้วย จากบริเวณที่วัดแล้วนี้ เจ้าจงวัดส่วนหนึ่งให้ได้ขนาดยาว 25,000 ศอก กว้าง 10,000 ศอก ซึ่งที่พำนักคืออภิสุทธิสถานจะอยู่ในที่ส่วนนี้ ส่วนนี้จะเป็นส่วนบริสุทธิ์ของแผ่นดิน สำหรับบรรดาปุโรหิต ซึ่งรับใช้ในที่พำนักและเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ และจะเป็นที่สำหรับบ้านเรือนของพวกเขา และเป็นสถานที่บริสุทธิ์สำหรับที่พำนัก พื้นที่อีกส่วนมีขนาดยาว 25,000 ศอก กว้าง 10,000 ศอกจะเป็นของชาวเลวีซึ่งรับใช้ในตำหนัก เพื่อให้เขาเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้และอาศัยอยู่ในเมือง

พวกเจ้าจะต้องมอบที่ดินให้แก่เมืองนั้นให้ได้ขนาดกว้าง 5,000 ศอก ยาว 25,000 ศอก ซึ่งอยู่ชิดกับที่ซึ่งแบ่งให้เป็นพื้นที่บริสุทธิ์ ส่วนนี้จะเป็นของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวง

ส่วนที่เป็นของผู้ยิ่งใหญ่

ผู้ยิ่งใหญ่จะมีที่ดินขนาบทั้งสองข้างของพื้นที่บริสุทธิ์กับส่วนที่เป็นของเมือง พื้นที่ด้านตะวันตกยื่นไปทางทิศตะวันตกและพื้นที่ด้านตะวันออกยื่นไปทางทิศตะวันออก ที่ปลายเขตพื้นที่ทั้งด้านเหนือและด้านใต้ของที่ดินทั้งสองผืนนี้ติดกับที่ดินของเผ่า ผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ในอิสราเอล และบรรดาผู้ยิ่งใหญ่จะไม่กดขี่ข่มเหงประชาชนของเราอีกต่อไป แต่จะยอมให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลเป็นเจ้าของที่ดินตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “โอ บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอลเอ๋ย จงกำจัดความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหง และปฏิบัติด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม จงหยุดขับไล่ชนชาติของเรา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

10 “พวกเจ้าจงใช้เครื่องวัดตวงที่เที่ยงตรง เอฟาห์ที่เที่ยงตรง[i] และบัทที่เที่ยงตรง[j] 11 ทั้งเอฟาห์และบัทต้องเป็นการวัดตวงที่เหมือนกัน คือบัทตวงได้หนึ่งในสิบโฮเมอร์ และเอฟาห์ตวงได้หนึ่งในสิบโฮเมอร์ โฮเมอร์ต้องเป็นมาตรฐานของการวัดตวง 12 น้ำหนัก 20 เก-ราห์เท่ากับ 1 เชเขล[k] 1 มินาหนักเท่ากับ 60 เชเขล

13 ของถวายที่พวกเจ้าจะมอบคือ ข้าวสาลีหนึ่งในหกเอฟาห์ต่อ 1 โฮเมอร์ และข้าวบาร์เลย์หนึ่งในหกเอฟาห์ต่อ 1 โฮเมอร์ 14 สัดส่วนน้ำมันที่กำหนดไว้ จงวัดเป็นบัท หนึ่งในสิบบัทต่อ 1 โคร์[l] (โคร์เหมือนเครื่องตวงโฮเมอร์คือมี 10 บัท) 15 และแกะ 1 ตัวต่อ 200 ตัวจากฝูงที่อยู่ในทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มของอิสราเอล สิ่งเหล่านี้จะใช้เป็นเครื่องธัญญบูชา สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อทำพิธีชดใช้บาปให้แก่ประชาชน” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 16 “ประชาชนทั้งปวงในแผ่นดินจำเป็นต้องมอบของถวายนี้แก่ผู้ยิ่งใหญ่ในอิสราเอล 17 ผู้ยิ่งใหญ่นี้มีหน้าที่จัดหาสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย เครื่องธัญญบูชา และเครื่องดื่มบูชาในงานเทศกาล ในวันข้างขึ้น และวันสะบาโต งานเทศกาลทั้งสิ้นที่กำหนดไว้ของพงศ์พันธุ์อิสราเอล เขาจะต้องจัดหาเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป เครื่องธัญญบูชา สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อทำพิธีชดใช้บาปให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

18 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ในวันแรกของเดือนแรก เจ้าจงเอาโคหนุ่มปราศจากตำหนิจากฝูงมา เพื่อทำที่พำนักให้บริสุทธิ์ 19 ปุโรหิตจะเอาเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปป้ายวงกบประตูตำหนัก ป้ายทั้งสี่มุมของสันตอนบนของแท่นบูชา และเสาประตูของลานตำหนัก 20 และในวันที่เจ็ดของเดือนเดียวกัน เจ้าจงทำด้วยวิธีเดียวกันให้กับคนที่กระทำบาปโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการ พวกเจ้าจงทำพิธีลบล้างมลทินให้กับตำหนัก

21 ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก เจ้าจงฉลองเทศกาลปัสกา และเจ้าจงรับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วัน 22 ในวันนั้น ผู้ยิ่งใหญ่จะจัดหาโคหนุ่มเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปให้แก่ตนเองและให้แก่ประชาชนทั้งปวงในแผ่นดิน 23 และทุกวันในระหว่าง 7 วันของเทศกาล เขาจะต้องจัดหาโคและแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิอย่างละ 7 ตัวเพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และแพะตัวผู้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 24 เขาจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชาจำนวน 1 เอฟาห์ต่อโคหนุ่มแต่ละตัว และ 1 เอฟาห์ต่อแกะตัวผู้แต่ละตัว พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮิน[m]ต่อ 1 เอฟาห์

25 ในวันที่สิบห้าของเดือนเจ็ด ตลอด 7 วันของเทศกาล เขาจะต้องจัดหาสิ่งเดียวกันสำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป สัตว์ที่เผาเป็นของถวาย เครื่องธัญญบูชา และน้ำมัน”

ผู้ยิ่งใหญ่และเทศกาลต่างๆ

46 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ประตูลานตำหนักที่หันไปทางทิศตะวันออกให้ปิดไว้ระหว่างวันทำงานตลอดทั้งหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามาทางมุขประตูจากด้านนอก และยืนข้างเสาประตู บรรดาปุโรหิตจะต้องมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเป็นเครื่องสักการะของเขา เขาจะต้องนมัสการที่ธรณีประตูทางเข้า แล้วจึงออกไป แต่ไม่ปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น ประชาชนของแผ่นดินจะก้มนมัสการที่ทางเข้าประตูนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น สัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวายซึ่งผู้ยิ่งใหญ่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตต้องเป็นลูกแกะปราศจากตำหนิ 6 ตัว และแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิ 1 ตัว จงใช้เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และเครื่องธัญญบูชาที่คู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ ในวันข้างขึ้น เขาจะต้องถวายโคหนุ่มจากฝูง 1 ตัว ลูกแกะ 6 ตัว และแกะตัวผู้ 1 ตัว ซึ่งทุกตัวจะต้องปราศจากตำหนิ เขาจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ เมื่อผู้ยิ่งใหญ่เข้ามา เขาจะต้องเข้าทางมุขประตู และจะออกไปทางเดียวกัน

เมื่อประชาชนของแผ่นดินมาอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันเทศกาลที่กำหนดไว้ ผู้ที่เข้ามาทางประตูเหนือเพื่อนมัสการจะต้องออกไปทางประตูใต้ และผู้ที่เข้ามาทางประตูใต้จะต้องออกไปทางประตูเหนือ จะต้องไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางประตูเดียวกับที่เขาเข้ามา แต่ละคนจะออกไปทางประตูที่อยู่ตรงหน้าเขา 10 เมื่อพวกเขาเข้ามา ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามากับพวกเขา และเมื่อพวกเขาออกไป ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะออกไป

11 ในงานเทศกาลและเทศกาลที่กำหนดไว้ เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ 12 เมื่อผู้ยิ่งใหญ่จัดหาเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เป็นเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจแด่พระผู้เป็นเจ้า ประตูที่หันไปทางทิศตะวันออกจะต้องเปิดให้เขา และเขาจะมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม อย่างที่เขามอบในวันสะบาโต เขาจะออกไป และหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ก็จะต้องปิดประตู

13 เจ้าจะต้องจัดหาลูกแกะ 1 ตัวปราศจากตำหนิอายุ 1 ปีสำหรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นประจำวัน เจ้าจะต้องจัดหาทุกๆ เช้า 14 และเจ้าจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชาหนึ่งในหกเอฟาห์ และน้ำมันหนึ่งในสามฮินเพื่อทำให้แป้งชุ่มควบคู่กันไปด้วยทุกๆ เช้า เป็นเครื่องธัญญบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า จงถือเป็นกฎเกณฑ์ตลอดไป 15 จงจัดหาลูกแกะ เครื่องธัญญบูชา และน้ำมันดังกล่าวทุกๆ เช้า เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายเป็นประจำ”

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ถ้าผู้ยิ่งใหญ่มอบที่ดินให้แก่บรรดาบุตรของเขาเป็นมรดก ที่ดินนั้นก็จะเป็นของบุตร คือพวกเขารับมรดกที่ดิน 17 แต่ถ้าเขามอบมรดกที่ดินให้แก่ผู้รับใช้คนใดคนหนึ่ง ที่ดินก็จะเป็นของเขาจนถึงปีแห่งอิสรภาพ[n] และที่ดินก็จะถูกมอบคืนให้แก่ผู้ยิ่งใหญ่ มรดกต้องเป็นของบรรดาบุตรของเขาเท่านั้น 18 ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องไม่ยึดมรดกของประชาชนและขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ดินของพวกเขา เขาจะต้องมอบมรดกซึ่งเป็นที่ดินของเขาเองแก่บรรดาบุตรของตน เพื่อไม่ให้ผู้ใดในบรรดาชนชาติของเรากระจัดกระจายออกไปจากที่ดินของพวกเขา”

ที่สำหรับต้มของถวาย

19 แล้วท่านนำข้าพเจ้าผ่านทางเข้าซึ่งอยู่ข้างประตู ไปยังตึกที่ด้านเหนือของห้องบริสุทธิ์ของบรรดาปุโรหิต ดูเถิด ที่นั่นมีที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ปลายสุดด้านตะวันตก 20 ท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นที่ซึ่งบรรดาปุโรหิตจะต้มของถวายเพื่อไถ่โทษและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และเป็นที่พวกเขาจะอบเครื่องธัญญบูชา เพื่อไม่ให้นำออกไปยังลานชั้นนอก เพื่อไม่ให้ความบริสุทธิ์ไปสัมผัสประชาชน”

21 แล้วท่านพาข้าพเจ้าออกไปยังลานชั้นนอก และนำข้าพเจ้าไปที่ 4 มุมของลาน ดูเถิด แต่ละมุมมีลานอื่นอีก 22 แต่ละมุมของลานมีลานเล็กซึ่งยาว 40 ศอก กว้าง 30 ศอก ขนาดเท่ากันทั้งสี่มุม 23 ภายในรอบลานของแต่ละมุมเป็นเชิงอิฐที่ก่อขึ้นโดยรอบ และมีเตาไฟที่ด้านล่างเชิง 24 แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นครัวสำหรับผู้ที่รับใช้ในพระวิหาร เพื่อต้มของสักการะของประชาชน”

น้ำไหลจากพระตำหนัก

47 แล้วท่านพาข้าพเจ้ากลับไปที่ประตูพระตำหนัก ดูเถิด น้ำกำลังไหลออกจากใต้ธรณีประตูพระตำหนักสู่ทิศตะวันออก (พระตำหนักหันไปทางทิศตะวันออก) น้ำนั้นไหลลงมาจากใต้ธรณีประตูทางซ้ายสุด คือทางใต้ของแท่นบูชา และท่านพาข้าพเจ้าออกไปทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าไปข้างนอก ไปยังประตูนอกที่หันไปทางทิศตะวันออก ดูเถิด น้ำกำลังหยดออกมาจากด้านใต้

ชายผู้นั้นเดินต่อไปทางทิศตะวันออก มือถือไม้วัด ท่านวัดระยะได้ 1,000 ศอก และนำข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับข้อเท้า และท่านวัดอีก 1,000 ศอก และนำข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับเข่า ท่านวัดอีก 1,000 ศอก และนำข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับเอว ท่านวัดอีก 1,000 ศอก และเห็นว่าเป็นแม่น้ำซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถลุยได้ เพราะน้ำขึ้นแล้ว มันลึกพอที่จะว่ายน้ำได้ แต่เป็นแม่น้ำที่ไม่สามารถลุยผ่านได้ ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย ท่านเห็นแล้วหรือยัง”

แล้วท่านนำข้าพเจ้ากลับไปยังฝั่งแม่น้ำ เมื่อข้าพเจ้ากลับไปที่นั่น ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้จำนวนมากบนสองฟากฝั่งของแม่น้ำ ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลไปสู่เขตแดนด้านตะวันออก และลงไปยังอาราบาห์ แล้วไหลลงสู่ทะเล[o] เมื่อน้ำไหลลงสู่ทะเล น้ำก็กลายเป็นน้ำสะอาด และน้ำไหลไปที่ใดก็ตาม สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่แหวกว่ายเป็นฝูงๆ จะมีชีวิตอยู่ได้ และจะมีปลามากมาย เพราะน้ำนี้ไหลไปที่นั่นและทำน้ำทะเลให้สะอาด ฉะนั้นแม่น้ำไหลไปที่ใด ทุกสิ่งจะมีชีวิตอยู่ได้ 10 ชาวประมงจะยืนอยู่ข้างทะเล จากเอนเกดี[p]ถึงเอนเอกลาอิม[q]จะเป็นที่สำหรับทอดแห จะมีปลาหลากชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่[r] 11 แต่บึงและหนองน้ำจะไม่เป็นน้ำจืด แต่จะถูกปล่อยให้เป็นแหล่งเกลือ 12 และบนฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟากจะมีต้นไม้ทุกชนิดขึ้นอยู่ ซึ่งใบจะไม่เหี่ยวแห้ง และผลจะไม่ร่วงหล่น แต่จะให้ผลใหม่สดทุกเดือน เพราะมีน้ำรดซึ่งจะไหลลงมาจากที่พำนัก ผลจากต้นเหล่านี้จะเป็นอาหาร และมีใบไว้สำหรับการเยียวยา”[s]

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation