Bible in 90 Days
คำทักทายของยูดา
1 ข้าพเจ้ายูดาผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ และเป็นน้องของยากอบ
เรียน บรรดาผู้ที่พระเจ้าเรียกและให้ได้รับความรักจากพระองค์ ผู้เป็นพระบิดา และคุ้มครองรักษาไว้โดยพระเยซูคริสต์
2 ขอพระเมตตา สันติสุข และความรักจงทวีแก่ท่าน
บาปและความพินาศของผู้ไร้คุณธรรม
3 ท่านที่รักทั้งหลาย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าอยากจะเขียนถึงท่านเป็นอย่างมากในเรื่องความรอดพ้นที่พวกเรามีอยู่ร่วมกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าต้องเขียนและขอให้ท่านต่อสู้ เพื่อความเชื่อที่พระเจ้าได้ให้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ครั้งเดียวเป็นพอ 4 เพราะมีบางคนซึ่งเป็นผู้ที่ไร้คุณธรรมแอบแฝงเข้ามา โทษที่คนพวกนี้จะได้รับก็มีบันทึกไว้นานมาแล้ว เขาใช้พระคุณของพระเจ้าของเราเป็นข้ออ้าง เพื่อจะได้ทำตามราคะตัณหา และปฏิเสธพระเยซูคริสต์ผู้สูงสุดและผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวของพวกเรา
5 แม้ว่าท่านทราบเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอดแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะตักเตือนท่านว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ปลดปล่อยให้ชนชาติของพระองค์พ้นจากประเทศอียิปต์ และภายหลังก็ได้ทำลายบรรดาคนที่ไม่เชื่อ 6 และบรรดาทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจกับสิทธิอำนาจของตน แต่กลับทิ้งถิ่นฐานไป พวกนี้แหละที่พระองค์ล่ามโซ่ขังไว้ในความมืดชั่วนิรันดร์ จนถึงวันพิพากษาอันยิ่งใหญ่นั้น 7 เช่นเดียวกับประชาชนในเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองรอบๆ นั้นที่ได้ประพฤติผิดทางเพศและกามวิตถาร จนกลายเป็นตัวอย่างของพวกที่รับโทษด้วยทุกข์ทรมานจากไฟที่ลุกชั่วนิรันดร์
8 ในวิธีเดียวกันคือ พวกเพ้อฝันเหล่านี้ทำให้ตัวมีมลทิน ไม่ยอมรับผู้มีหน้าที่เหนือกว่า และพูดหมิ่นประมาทชาวสวรรค์ 9 แม้แต่ทูตสวรรค์ชั้นเอกชื่อมีคาเอล เมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องร่างของโมเสส ท่านยังมิอาจกล้ากล่าวดูหมิ่นพญามารเลย เพียงแต่กล่าวว่า “ให้พระผู้เป็นเจ้าห้ามเจ้าเถิด” 10 แต่คนเหล่านี้ยังพูดจาหมิ่นประมาทสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ และสิ่งที่เขารู้ตามสัญชาตญาณ เป็นเหมือนสัตว์ที่ไร้เหตุผล สิ่งเหล่านี้เองที่ทำลายล้างพวกเขา 11 วิบัติจงเกิดแก่เขาเหล่านั้น เพราะเขาได้ประพฤติตามอย่างคาอินและหุนหันเอาแต่ได้ ตามอย่างที่บาลาอัมผิดพลาดไป และพินาศตามอย่างการกบฏของโคราห์ 12 คนเหล่านี้เป็นเหมือนหินโสโครก[a]ในงานเลี้ยงแห่งความรักของท่าน[b] เขาร่วมรับประทานกับท่านโดยไม่กลัวเกรง เขาเป็นเหมือนคนเลี้ยงแกะที่เลี้ยงดูแต่ตัวเอง เป็นเหมือนเมฆซึ่งปราศจากน้ำที่ถูกลมพัดไป เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไร้ผลในฤดูออกผล และตายไป 2 หนแล้วเพราะรากโค่น 13 เขาเป็นเหมือนคลื่นแรงในทะเลที่ซัดฟองอันน่าบัดสีขึ้นมา และเป็นเหมือนดวงดาวที่พลัดออกจากวงโคจรไปสู่ความมืดมิดที่รอรับไว้ตลอดกาล
14 เอโนคเป็นคนชั่วอายุที่เจ็ดของอาดัม ได้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเกี่ยวกับคนเหล่านี้ว่า “ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังมาพร้อมกับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์นับพันนับหมื่น 15 เพื่อพิพากษาทุกคน และให้คนที่ไร้คุณธรรมทุกคนสำนึกตัวในการกระทำที่ไร้คุณธรรม และคำพูดหยาบช้าที่คนบาปไร้คุณธรรมได้กล่าวค้านพระองค์” 16 คนเหล่านี้ช่างบ่นและช่างติ ประพฤติตามกิเลสตามใจชอบ คุยโอ้อวดและจะยกยอผู้อื่นก็เพื่อหวังผลประโยชน์ของตน
17 แต่ท่านที่รักจงระลึกถึงคำซึ่งเหล่าอัครทูตของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้กล่าวล่วงหน้าไว้กับท่านเถิด 18 เหล่าอัครทูตกล่าวกับท่านว่า “ในวาระสุดท้ายจะมีคนเยาะเย้ยที่ทำตามกิเลสอันไร้คุณธรรมของเขา” 19 คนเหล่านี้ทำให้ท่านแตกแยกกัน พวกเขาประพฤติตามสัญชาตญาณเท่านั้น และเป็นผู้ปราศจากพระวิญญาณ 20 แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงเสริมสร้างกันในความเชื่ออันบริสุทธิ์ของท่าน และจงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำในการอธิษฐาน 21 ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า ขณะที่ท่านรอให้พระเมตตาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานำท่านสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 22 จงมีเมตตาต่อคนที่ยังมีความสงสัยอยู่ 23 จงช่วยฉุดคนอื่นๆ ให้หลุดรอดออกจากไฟ จงมีเมตตาต่อผู้อื่น แต่ก็ต้องระวังตัว และเกลียดชังแม้แต่เสื้อผ้าที่แปดเปื้อนจากร่างกายที่เป็นมลทิน
คำลงท้าย
24 แด่พระองค์ผู้สามารถคุ้มครองรักษาท่านไม่ให้พลาดพลั้ง และให้ท่านยืนเบื้องหน้าพระบารมีของพระองค์โดยปราศจากตำหนิและมีความยินดียิ่งนัก 25 ขอพระบารมี ความยิ่งใหญ่ อานุภาพ และสิทธิอำนาจซึ่งอยู่ก่อนกาลใดๆ ในปัจจุบันกาล และตลอดกาล จงมีแด่พระเจ้าแต่พระองค์เดียว พระองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเราโดยผ่านพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อาเมน
ทักทายคริสตจักรทั้งเจ็ด
1 วิวรณ์[c]ของพระเยซูคริสต์ ที่พระเจ้าได้ให้แก่พระองค์ เพื่อแสดงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ในเรื่องต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า พระองค์โปรดให้ทราบ โดยส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ไปแจ้งแก่ยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ 2 ยอห์นได้ยืนยันถึงคำกล่าวของพระเจ้าและคำยืนยันของพระเยซูคริสต์ อันเป็นทุกสิ่งที่ท่านได้เห็น 3 ผู้ที่อ่าน และทุกคนที่ได้ยินสิ่งซึ่งพระเจ้าเปิดเผยให้ทราบ อีกทั้งปฏิบัติตามเรื่องราวที่บันทึกไว้ในนี้ก็เป็นสุข เพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว
4 ข้าพเจ้ายอห์น เรียนมายังคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชียดังนี้
ขอท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ดำรงอยู่ทั้งในปัจจุบัน ในอดีต และผู้ที่จะมาในอนาคต และจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่อยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ของพระองค์ 5 และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้รักษาคำมั่นสัญญา พระองค์เป็นผู้แรกที่ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และเป็นผู้ที่ปกครองกษัตริย์ทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
แด่พระองค์ผู้ที่รักเรา และปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งปวงของเราด้วยโลหิตของพระองค์ 6 และพระองค์ได้แต่งตั้งเราไว้ให้เป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตทั้งหลาย เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระองค์ ขอพระบารมีและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน 7 ดูเถิด พระองค์กำลังมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ แม้กระทั่งคนเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้แทงพระองค์ และทุกเผ่าพันธุ์ในโลกจะครวญคร่ำร่ำไห้เพราะสำนึกผิดต่อพระองค์ แล้วก็จะเป็นไปตามนั้น อาเมน
8 พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ทั้งในปัจจุบัน ในอดีต และผู้ที่จะมาในอนาคต พระองค์เป็นพระเจ้าจอมโยธาผู้กล่าวว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา”[d]
ยอห์นเห็นบุตรมนุษย์
9 ข้าพเจ้าคือยอห์นพี่น้องของท่าน และเพื่อนร่วมทุกข์ทรมาน ร่วมอาณาจักร และร่วมความมานะอดทนในพระเยซู ข้าพเจ้าไปอยู่ที่เกาะปัทมอสก็เพราะคำกล่าวของพระเจ้าและคำยืนยันของพระเยซู 10 ในวันของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากเบื้องหลังเหมือนเสียงแตร 11 กล่าวว่า “จงเขียนสิ่งที่เจ้าเห็นลงในหนังสือม้วน และส่งไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟีย และเมืองเลาดีเซีย”
12 และข้าพเจ้าหันไปทางเสียงที่พูดกับข้าพเจ้า ครั้นแล้วก็เห็นคันประทีปทองคำ 7 คัน 13 และในท่ามกลางคันประทีปเหล่านั้น มีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์สวมเสื้อคลุมยาวถึงเท้า และคาดรัดประคดทองคำที่หน้าอก 14 ทั้งศีรษะและผมของพระองค์ขาวราวกับขนแกะสีขาวและขาวราวกับหิมะ และดวงตาของพระองค์ประกายกล้าดุจเปลวไฟ 15 และเท้าของพระองค์เป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์อันมันปลาบที่ถูกหลอมในเตาไฟ และสุรเสียงของพระองค์ดังกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก 16 พระองค์ถือดาว 7 ดวงไว้ในมือขวา และมีดาบสองคมอันคมกริบออกมาจากปากของพระองค์ และใบหน้าของพระองค์เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงกล้า
17 เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็หมอบลงที่แทบเท้าของพระองค์ อย่างคนตาย แล้วพระองค์ก็วางมือขวาบนตัวข้าพเจ้า และกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย 18 เราเป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่แม้ว่าเราได้ตายไปแล้ว และดูเถิด เรามีชีวิตชั่วนิรันดร์กาล เราเป็นผู้ถือกุญแจแห่งความตายและแดนคนตาย 19 ฉะนั้นจงเขียนสิ่งที่เจ้าได้เห็นแล้ว คืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และจะเกิดขึ้นหลังจากสิ่งเหล่านี้ 20 ความลึกลับซับซ้อนของดาว 7 ดวงที่เจ้าเห็นในมือขวาของเรา กับคันประทีปทองคำ 7 คัน ก็คือ ดาว 7 ดวงคือทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีป 7 คันคือคริสตจักรทั้งเจ็ด
ถึงคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส
2 จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า องค์ผู้ถือดาว 7 ดวงในมือขวา ผู้เดินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดกล่าวดังนี้ว่า
2 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า รู้ถึงงานที่เจ้าตรากตรำและความบากบั่นของเจ้า เรารู้ว่าเจ้าไม่สามารถอดกลั้นต่อคนชั่ว เจ้าได้ทดสอบพวกที่อ้างตนว่าเป็นอัครทูตแต่ไม่ได้เป็น ซึ่งเจ้าก็พบแล้วว่า เขาพูดเท็จ 3 เจ้าบากบั่นและอดทนเพื่อนามของเรา อีกทั้งยังไม่ได้อ่อนล้าไป 4 แต่เรามีสิ่งที่จะตำหนิเจ้าคือ เจ้าได้ละทิ้งรักแรกที่เจ้าเคยมี 5 ฉะนั้นจงระลึกว่าเจ้าได้ตกลงมาจากที่ใด เจ้าจงกลับใจ และกระทำสิ่งที่เจ้าเคยทำมาแต่ต้น มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และย้ายคันประทีปของเจ้าออกไปจากที่เดิม นอกเสียจากว่า เจ้าจะกลับใจ 6 แต่สิ่งดีที่เจ้ามีก็คือ เจ้าเกลียดชังการกระทำของพรรคนิโคเลาส์ ซึ่งเราก็เกลียดชังเช่นกัน 7 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้ผู้ที่มีชัยชนะได้กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้า’
ถึงคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นา
8 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า พระองค์ผู้เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายผู้ได้สิ้นชีวิตและฟื้นคืนชีวิตแล้ว กล่าวว่า
9 ‘เรารู้เรื่องความยากลำบากและความยากจนของเจ้า แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี เรารู้ถึงการใส่ร้ายของพวกที่อ้างว่าตนเป็นชาวยิวทั้งที่ไม่ได้เป็น แต่กลับเป็นศาลาที่ประชุมของซาตาน[e] 10 อย่ากลัวความทุกข์ทรมานที่เจ้ากำลังจะได้รับ ดูเถิด พญามารจะเป็นเหตุให้บางคนในพวกเจ้าถูกจำคุก เพื่อทดสอบใจ และเจ้าทั้งหลายจะประสบกับความยากลำบากถึง 10 วัน เจ้าจงรักษาความภักดีไว้ตราบวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า 11 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง’
ถึงคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัม
12 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า พระองค์ผู้มีดาบสองคมอันคมกริบกล่าวว่า
13 ‘เรารู้ว่าเจ้าอยู่ในที่ซึ่งซาตานครองบัลลังก์ แต่เจ้าก็ยังยึดนามของเราไว้อย่างมั่นคง ไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อของเจ้าที่มีในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ณ ที่ซึ่งซาตานพำนัก 14 แต่เรามีสองสามสิ่งที่จะตำหนิเจ้า ด้วยว่ามีบางคนในพวกเจ้าที่เชื่อถือตามคำสั่งสอนของบาลาอัม เขาคอยเสี้ยมสอนบาลาคให้ก่อเหตุ เพื่อยั่วยุให้ชาวอิสราเอลทำบาป ให้กินสิ่งที่ได้บูชาแก่รูปเคารพแล้ว และให้ประพฤติผิดทางเพศ 15 และมีบางคนในพวกเจ้าที่เชื่อถือตามคำสั่งสอนของพรรคนิโคเลาส์ด้วยเช่นกัน 16 ฉะนั้นเจ้าจงกลับใจ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าในไม่ช้า และเราจะต่อสู้พวกเขาด้วยดาบจากปากของเรา 17 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะ เราก็จะให้มานาที่ซ่อนไว้แก่เขา และเราจะให้หินขาวก้อนหนึ่งแก่เขา ที่หินมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบเลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น’
ถึงคริสตจักรที่เมืองธิยาทิรา
18 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองธิยาทิราว่า พระบุตรของพระเจ้าผู้มีดวงตาประกายกล้าดุจเปลวไฟ และเท้าของพระองค์เป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์อันมันปลาบกล่าวว่า
19 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ความรักและความเชื่อของเจ้า การรับใช้และความบากบั่น และในเวลานี้ การกระทำของเจ้ายิ่งใหญ่กว่าการกระทำในตอนแรกๆ 20 แต่เรามีสิ่งที่จะตำหนิเจ้าคือ เจ้าปล่อยให้เยเซเบลผู้หญิงที่เรียกตนเองว่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ไปสั่งสอนและนำบรรดาผู้รับใช้ของเราให้หลงผิด จนพวกเขาประพฤติผิดทางเพศ และกินสิ่งที่บูชาแก่รูปเคารพแล้ว 21 เราให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจ แต่นางก็ไม่ยอมกลับใจจากการประพฤติผิดทางเพศของนาง 22 ดูเถิด เราจะทำให้นางล้มป่วย และพวกที่ผิดประเวณีด้วยกับนางจะได้รับความยากลำบาก นอกเสียจากว่า พวกเขาจะสารภาพการประพฤติผิดที่มีกับนาง 23 เราจะฆ่าพวกลูกๆ ของนางให้ตาย และคริสตจักรทุกแห่งจะได้รู้ว่า เราเป็นผู้หยั่งรู้ถึงความคิดและจิตใจ และเราจะสนองตอบพวกเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของตน 24 แต่เราขอบอกพวกเจ้าซึ่งเหลืออยู่ที่เมืองธิยาทิรา พวกเจ้าที่ไม่ถือตามคำสั่งสอนของนาง และไม่เคยเรียนรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าความลึกล้ำของซาตาน เราจะไม่ให้เจ้าแบกภาระอื่นอีก 25 เพียงแต่เจ้ายึดสิ่งที่มีอยู่ไว้แล้วให้มั่นจนกว่าเราจะมา 26 ผู้ที่มีชัยชนะ และทำตามความตั้งใจของเราจนถึงที่สุด เราก็จะให้ผู้นั้นมีสิทธิอำนาจเหนือบรรดาประชาชาติ 27 “และผู้นั้นจะปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก ซึ่งจะทำให้พวกเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับภาชนะดินเผา”[f] ตามที่เราได้รับสิทธิอำนาจจากพระบิดาของเรา 28 และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้แก่เขาด้วย 29 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’
ถึงคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิส
3 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า พระองค์ผู้มีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าและดาว 7 ดวงกล่าวว่า
‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ผู้คนคิดว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว 2 จงตื่นขึ้นเถิด ให้คุณสมบัติที่ยังมีอยู่บ้างซึ่งจวนจะสูญไปหมดแล้วให้มีกำลังขึ้นมาอีก เพราะเราไม่เห็นว่าการกระทำต่างๆ ของเจ้าดีพร้อมบริบูรณ์ในสายตาของพระเจ้าของเรา 3 ฉะนั้นจงระลึกว่า อะไรที่เจ้าได้รับและได้ยินก็จงเชื่อฟัง และกลับใจ แต่ถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราก็จะมาประดุจขโมยมา เจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าเวลาใด 4 แต่ก็มีพวกเจ้าเพียงไม่กี่คนที่เมืองซาร์ดิส ที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนเปื้อน และเขาจะนุ่งห่มด้วยผ้าสีขาวเดินไปกับเรา เพราะเขามีค่าควรได้รับสิ่งนั้น 5 ผู้ที่มีชัยชนะจะนุ่งห่มด้วยผ้าสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต แต่เราจะยอมรับชื่อของเขาต่อหน้าพระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ 6 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’
ถึงคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย
7 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟียว่า องค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริงผู้ถือกุญแจของดาวิด ผู้เปิดและไม่มีใครจะปิดได้ ผู้ปิดและไม่มีใครเปิดได้ กล่าวว่า
8 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ดูเถิด เราได้ให้ประตูที่เปิดไว้แล้วอยู่ที่ตรงหน้าเจ้าซึ่งไม่มีใครปิดได้ เรารู้ว่าเจ้ามีกำลังน้อย แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของเรา และไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา 9 ดูเถิด คนที่เป็นพวกเดียวกันกับศาลาที่ประชุมของซาตาน ซึ่งอ้างว่าตนเป็นชาวยิวทั้งที่ไม่ได้เป็น แต่กลับโกหก เราจะทำให้พวกเขามาหมอบลงที่แทบเท้าของเจ้า และเขาจะได้รู้ว่าเรารักพวกเจ้า 10 เพราะเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของเรา ในเรื่องความมานะอดทน เราจะพิทักษ์รักษาเจ้าให้พ้นจากเวลาแห่งการทดสอบ ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อทดสอบคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก 11 เราจะมาในไม่ช้า จงยึดสิ่งที่เจ้ามีไว้ เพื่อจะได้ไม่มีใครชิงมงกุฎของเจ้าไปได้ 12 เราจะให้ผู้ที่มีชัยชนะเป็นเสาหลักในพระวิหารของพระเจ้าของเรา และเขาจะไม่ออกไปจากพระวิหารอีกเลย และเราจะจารึกชื่อพระเจ้าของเราที่ตัวผู้นั้น และชื่อเมืองของพระเจ้าของเราคือเมืองเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกชื่อใหม่ของเราไว้ที่ตัวเขาด้วย 13 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’
ถึงคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซีย
14 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียว่า ผู้เป็นองค์อาเมนเป็นพยานที่รักษาคำมั่นสัญญาและมีความสัตย์จริง เป็นแหล่งกำเนิดของการสร้างสรรพสิ่งของพระเจ้า กล่าวว่า
15 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นและไม่ร้อน เราปรารถนาให้เจ้าจะเย็นหรือร้อนอย่างใดอย่างหนึ่ง 16 ดังนั้น เมื่อเจ้าเป็นครึ่งๆ กลางๆ คือไม่ร้อนและไม่เย็น[g] เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา 17 เพราะเจ้าพูดว่า “เรามั่งมีและบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ และไม่ขัดสนในสิ่งใดเลย” และเจ้าไม่รู้ว่าเจ้ามีความทุกข์ทรมาน น่าสมเพช ขัดสน ตาบอด และมีร่างกายเปลือยเปล่า 18 เราขอแนะให้เจ้าซื้อทองคำที่หลอมบริสุทธิ์แล้วจากเรา เจ้าจะได้มั่งมี และซื้อเสื้อผ้าสีขาว เจ้าจะได้นุ่งห่มเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าอันน่าละอาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้มองเห็น 19 เราตักเตือนและฝึกฝนคนที่เรารักให้มีวินัย ฉะนั้นจงเอาจริงเอาจังและกลับใจเสีย 20 ดูเถิด เรายืนเคาะประตูอยู่ ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราก็จะเข้าไปหาเขา และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา 21 ผู้ที่มีชัยชนะ เราก็จะให้เขานั่งกับเราบนบัลลังก์ของเรา เช่นเดียวกับเราที่มีชัยชนะ และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนบัลลังก์ของพระองค์ 22 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’”
บัลลังก์ในสวรรค์
4 ดูเถิด หลังจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้าก็เห็นประตูสวรรค์เปิดอยู่ เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินครั้งแรกดุจเสียงแตรนั้นพูดกับข้าพเจ้าว่า “จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะให้เจ้าเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไปแล้ว” 2 ในทันใดนั้น ข้าพเจ้าอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ดูเถิด มีบัลลังก์ตั้งอยู่ในสวรรค์ และมีผู้หนึ่งนั่งอยู่ 3 องค์ที่นั่งอยู่นั้นปรากฏราวกับมณีสีเขียวและสีแดง และมีรุ้งล้อมรอบบัลลังก์ทรงกลดด้วยรัศมีแก้วมรกต 4 รอบบัลลังก์ก็มีบัลลังก์อีก 24 บัลลังก์ ข้าพเจ้าเห็นผู้ใหญ่ 24 ท่านซึ่งสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะและนุ่งห่มด้วยผ้าสีขาวนั่งอยู่บนบัลลังก์ 5 มีสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ และเสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้งจากบัลลังก์ มีคบเพลิงจุดลุกอยู่ 7 ท่อนตรงหน้าบัลลังก์ ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า 6 และตรงหน้าบัลลังก์ดูเหมือนทะเลแก้วที่ใสดุจดังแก้วเจียระไน
ณ จตุรทิศรอบบัลลังก์มีสิ่งมีชีวิต 4 ตัวซึ่งมีตาเต็มไปหมดทั้งข้างหน้าและข้างหลัง 7 สิ่งมีชีวิตตัวแรกเหมือนสิงโต ตัวที่สองเหมือนโค ตัวที่สามมีหน้าเหมือนมนุษย์ ตัวที่สี่เหมือนนกอินทรีที่กำลังบิน 8 สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวมีปีก 6 ปีกและมีตาโดยรอบ รวมทั้งที่ใต้ปีกด้วย ตลอดวันตลอดคืนสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นร้องไม่หยุดเลยว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
คือพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
ผู้ดำรงอยู่ทั้งในอดีต ในปัจจุบัน และผู้ที่จะมาในอนาคต”
9 เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นถวายพระบารมีและพระเกียรติแด่พระองค์ และขอบคุณองค์ที่นั่งบนบัลลังก์และมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์กาล 10 บรรดาผู้ใหญ่ 24 ท่านก็จะหมอบลงเบื้องหน้าองค์ที่นั่งบนบัลลังก์ และนมัสการองค์ผู้มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์กาล ทั้งได้ถอดมงกุฎวางไว้ที่หน้าบัลลังก์พลางพูดว่า
11 “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
พระองค์สมควรที่จะรับพระบารมี พระเกียรติ และอานุภาพ
ด้วยว่าพระองค์ได้สร้างทุกสิ่ง
และด้วยความประสงค์ของพระองค์สิ่งเหล่านั้นจึงเป็นอยู่และถูกสร้างขึ้น”
หนังสือม้วนและลูกแกะ
5 แล้วข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนอยู่ในมือขวาขององค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ทั้ง 2 ด้าน และมีตราประทับอยู่ 7 ดวง 2 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ที่มีอานุภาพองค์หนึ่งประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “ใครเป็นผู้สมควรจะแกะตราประทับและคลี่หนังสือม้วนออก” 3 แต่ไม่มีใครในสวรรค์ หรือบนโลก หรือใต้บาดาลที่สามารถคลี่หรือจะอ่านหนังสือม้วนนั้นได้ 4 ข้าพเจ้าก็ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก เพราะหาคนที่สมควรจะคลี่หรือจะอ่านหนังสือม้วนนั้นไม่ได้ 5 ครั้นแล้ว หนึ่งในบรรดาผู้ใหญ่บอกข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย ดูสิ สิงโตที่มาจากเผ่ายูดาห์ คือรากแห่งดาวิดได้มีชัยชนะแล้ว พระองค์สามารถคลี่หนังสือม้วนออกและแกะตราประทับทั้งเจ็ดได้”
6 แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นลูกแกะซึ่งดูเหมือนว่าถูกสังหารแล้ว กำลังยืนอยู่ระหว่างบัลลังก์กับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้ใหญ่ ลูกแกะมี 7 เขากับตา 7 ดวง ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่ถูกส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลก 7 ลูกแกะได้เข้ามารับหนังสือม้วนไปจากมือขวาขององค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ 8 ครั้นลูกแกะรับหนังสือม้วนไปแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้ใหญ่ 24 ท่านก็หมอบลงอยู่เบื้องหน้าลูกแกะนั้น ต่างก็มีพิณและถือขันทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 9 และท่านทั้งหลายก็ร้องเพลงบทใหม่[h]ว่า
“พระองค์เป็นผู้สมควรจะรับหนังสือม้วน
และแกะตราประทับออก
เพราะพระองค์ถูกฆ่า
และพระองค์ได้ไถ่มนุษย์จากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชนชาติ และทุกประเทศ
เพื่อพระเจ้าด้วยโลหิตของพระองค์
10 พระองค์ได้แต่งตั้งพวกเขาไว้ ให้เป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิตทั้งหลาย เพื่อรับใช้พระเจ้าของเรา
และเขาเหล่านั้นจะครองบนแผ่นดินโลก”
11 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์ซึ่งมีจำนวนนับล้านๆ มากมายจนนับไม่ถ้วน อยู่ล้อมรอบบัลลังก์ รอบสิ่งมีชีวิต และบรรดาผู้ใหญ่ 12 พวกเขาร้องเพลงด้วยเสียงอันดังว่า
“ลูกแกะที่ถูกสังหารสมควรได้รับ
อานุภาพ ความมั่งมี พระปัญญา พลานุภาพ
พระเกียรติ พระบารมี และคำสรรเสริญ”
13 และข้าพเจ้าได้ยินทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นทั้งที่อยู่ในสวรรค์ บนโลก ใต้บาดาล และในทะเลทุกแห่งหน ร้องเป็นเพลงว่า
“ขอคำสรรเสริญและพระเกียรติ พระบารมี และอานุภาพ
จงมีแด่พระองค์ผู้นั่งบนบัลลังก์ และแด่ลูกแกะชั่วนิรันดร์กาลเถิด”
14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่พูดว่า “อาเมน” และบรรดาผู้ใหญ่ก็หมอบลงนมัสการ
ตราประทับทั้งเจ็ด
6 ครั้นแล้วข้าพเจ้าเห็นลูกแกะเปิดตราประทับดวงแรกของตราประทับทั้งเจ็ดออก ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งสี่พูดด้วยเสียงประดุจฟ้าร้องว่า “มาเถิด” 2 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่มีคันธนู เขารับเอามงกุฎไว้ แล้วขี่ม้าออกไปอย่างผู้มีชัยเพื่อจะได้ชัยชนะ
3 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สองออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตตัวที่สองพูดว่า “มาเถิด” 4 ครั้นแล้วม้าอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นม้าสีแดงเพลิงก็ออกไป ผู้ที่ขี่ได้รับอนุญาตให้นำสันติสุขออกไปจากแผ่นดินโลก และทำให้คนทั้งปวงฆ่าฟันกันเอง เขาเองได้รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
5 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สามออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตตัวที่สามพูดว่า “มาเถิด” ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งซึ่งผู้ที่ขี่ถือตราชูอยู่ในมือ 6 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ดูเหมือนว่ามาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีราคาลิตรละ 1 เดนาริอัน[i] และข้าวบาร์เลย์ 3 ลิตรต่อ 1 เดนาริอัน และอย่าทำให้น้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่นเสียไป”
7 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สี่ออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวที่สี่พูดว่า “มาเถิด” 8 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวซีดตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่มีชื่อว่า ความตาย และชื่อ แดนคนตาย ซึ่งกำลังขี่ตามหลังของพวกเขามา พวกเขาได้รับสิทธิอำนาจฆ่าหนึ่งในสี่ส่วนของแผ่นดินโลกด้วยคมดาบ ความอดอยาก โรคระบาด และด้วยสัตว์ป่าของแผ่นดินโลก
9 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่ห้าออก ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของพวกที่ถูกสังหารเพราะคำกล่าวของพระเจ้า และเพราะคำยืนยันที่เขาประกาศ 10 เขาเหล่านั้นร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด องค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดกว่าพระองค์จะพิพากษา และสนองตอบคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก” 11 และแต่ละคนก็ได้รับเสื้อคลุมสีขาว และรับสั่งว่าให้รอคอยต่อไปอีกหน่อย จนกว่าบรรดาเพื่อนผู้รับใช้และพี่น้องของพวกเขาจะต้องถูกสังหารเหมือนกับพวกเขาจนครบจำนวนเสียก่อน
12 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่หกออก ข้าพเจ้าก็เห็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และดวงอาทิตย์กลับดำมืดดุจผ้าดำสำหรับไว้ทุกข์ และดวงจันทร์ทั้งดวงก็กลับกลายเป็นสีเลือด 13 และดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าก็ตกลงมาบนแผ่นดินโลก ประดุจลูกมะเดื่อที่ยังไม่ทันสุกแล้วต้องหล่นจากต้นเมื่อถูกลมกรรโชกแรง 14 และท้องฟ้าก็ม้วนตัวกลับคืนเหมือนหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ขยับเขยื้อนไปจากที่ของมันเอง 15 ครั้นแล้วบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก ผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ บรรดาทหารระดับนายพล คนมั่งมี ผู้มีอิทธิพล ทาสและอิสระชนทุกคน ต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและตามโขดหินที่ภูเขา 16 แล้วพวกเขาพูดกับภูเขาและโขดหินว่า “ตกลงมาเถิด เพื่อเราจะได้ซ่อนตัวให้พ้นจากสายตาขององค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ และจากการลงโทษของลูกแกะเถิด 17 เพราะว่าวันลงโทษอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและลูกแกะได้มาถึงแล้ว ใครจะสามารถทนได้เล่า”
144,000 คน
7 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ 4 องค์ยืนอยู่ที่ 4 มุมของแผ่นดินโลกห้ามลมทั้ง 4 ทิศของแผ่นดินโลกไว้ ไม่ให้พัดบนแผ่นดิน บนทะเล หรือบนต้นไม้ใดๆ 2 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏองค์ขึ้นจากทางทิศตะวันออก พร้อมทั้งมีเครื่องสำหรับประทับตราของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ แล้วท่านก็ร้องด้วยเสียงอันดังต่อทูตสวรรค์ทั้งสี่ ซึ่งได้รับมอบอำนาจให้ทำอันตรายแก่แผ่นดินโลกและทะเล 3 พลางพูดว่า “อย่าทำอันตรายแผ่นดินโลก ทะเล หรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราที่หน้าผากของผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้าของเราเสียก่อน” 4 และข้าพเจ้าได้ยินจำนวนคนของบรรดาผู้ที่ได้รับการประทับตราคือ 144,000 คน ที่มาจากทุกเผ่าของชนชาติอิสราเอล
5 ผู้ที่ได้รับการประทับตรามาจากเผ่ายูดาห์ 12,000 คน
จากเผ่ารูเบน 12,000 คน
จากเผ่ากาด 12,000 คน
6 จากเผ่าอาเชอร์ 12,000 คน
จากเผ่านัฟทาลี 12,000 คน
จากเผ่ามนัสเสห์ 12,000 คน
7 จากเผ่าสิเมโอน 12,000 คน
จากเผ่าเลวี 12,000 คน
จากเผ่าอิสสาคาร์ 12,000 คน
8 จากเผ่าเศบูลุน 12,000 คน
จากเผ่าโยเซฟ 12,000 คน
จากเผ่าเบนยามิน 12,000 คน
คนจำนวนมากสวมเสื้อคลุมสีขาว
9 หลังจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นผู้คนเป็นจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน พวกเขามาจากทุกประเทศ ทุกเผ่า ทุกชนชาติ และทุกภาษา กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์และเบื้องหน้าลูกแกะ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีขาว มือถือกิ่งอินทผลัม 10 และเขาทั้งหลายร้องด้วยเสียงอันดังว่า “ความรอดพ้นมาจากพระเจ้าของเราผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ และมาจากลูกแกะ” 11 ทูตสวรรค์ทั้งปวงยืนอยู่รอบบัลลังก์ รอบบรรดาผู้ใหญ่และสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ต่างก็ก้มหน้าหมอบลงที่หน้าบัลลังก์ และนมัสการพระเจ้า 12 พลางพูดว่า “อาเมน คำสรรเสริญและพระบารมี พระปัญญา และคำขอบคุณ พระเกียรติ อานุภาพ และพลานุภาพ จงมีแด่พระเจ้าของเราชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน”
13 ครั้นแล้วท่านหนึ่งในบรรดาผู้ใหญ่ถามข้าพเจ้าว่า “พวกที่สวมเสื้อคลุมสีขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจากไหน” 14 ข้าพเจ้าก็ตอบว่า “นายท่าน ท่านก็ทราบอยู่แล้ว” และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “เขาเหล่านี้เป็นคนที่รอดจากความทุกข์ยากลำบากอันใหญ่หลวง และได้ชำระล้างเสื้อคลุมของเขาด้วยโลหิตของลูกแกะจนขาวสะอาด
15 ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า
และรับใช้พระองค์ตลอดทั้งวันทั้งคืนในพระวิหารของพระองค์
และองค์ที่นั่งบนบัลลังก์
จะปกป้องดูแลเขาให้อยู่ในกระโจมของพระองค์
16 พวกเขาจะไม่มีวันหิวอีก
และจะไม่มีวันกระหายอีกเลย
แสงแดดและความร้อนจะไม่เผาตัวเขา
17 เพราะว่าลูกแกะที่อยู่กลางบัลลังก์
จะดูแลพวกเขาดังเช่นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
พระองค์จะนำเขาไปถึงน้ำพุแห่งชีวิต
และพระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขา”
ตราประทับที่เจ็ดและกระถางทองคำ
8 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่เจ็ดออก ความเงียบก็ครอบคลุมสวรรค์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง 2 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระเจ้ารับแตร 7 คัน 3 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่มายืนอยู่ที่แท่นบูชากำลังถือกระถางทองคำสำหรับใส่เครื่องหอม และท่านได้รับเครื่องหอมจำนวนมาก เพื่อถวายร่วมกับคำอธิษฐานของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนบนแท่นบูชาทองคำที่อยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ 4 ควันจากเครื่องหอมกับคำอธิษฐานของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ก็ลอยขึ้นไปจากมือของทูตสวรรค์สู่เบื้องหน้าพระเจ้า 5 ครั้นแล้วทูตสวรรค์องค์นั้นก็เอากระถางเครื่องหอมไปบรรจุไฟจากแท่นบูชาให้เต็ม แล้วโยนลงบนแผ่นดินโลก ทำให้เกิดเสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง และเสียงอื่นๆ รวมทั้งสายฟ้าแลบ และแผ่นดินไหว
แตร 7 คัน
6 แล้วทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดก็เตรียมพร้อมที่จะเป่าแตรที่มีอยู่ 7 คัน
7 ครั้นทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่งเป่าแตร ลูกเห็บกับไฟปะปนมากับเลือดก็ถูกโยนลงสู่แผ่นดินโลก หนึ่งในสามส่วนของแผ่นดินโลกถูกไฟไหม้ หนึ่งในสามส่วนของต้นไม้ถูกไฟไหม้ และหญ้าเขียวสดทั้งหมดก็ถูกไฟไหม้
8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตร ก็มีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่กำลังลุกไหม้ด้วยไฟและถูกโยนลงสู่ทะเล ทำให้หนึ่งในสามส่วนของทะเลกลายเป็นเลือด 9 หนึ่งในสามส่วนของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในทะเลก็ตาย และหนึ่งในสามส่วนของเรือทั้งหมดถูกทำลาย
10 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตร ดาวใหญ่ดวงหนึ่งก็ตกลงจากฟ้าและกำลังลุกโพลงเหมือนคบเพลิง มันตกลงสู่หนึ่งในสามส่วนของแม่น้ำ และบ่อน้ำพุทั้งหลาย 11 ดาวดวงนั้นชื่อ พันธุ์ไม้ขม และหนึ่งในสามส่วนของน้ำมีรสขม ทำให้หลายคนตายเพราะน้ำที่ได้กลายเป็นรสขม
12 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตร หนึ่งในสามส่วนของดวงอาทิตย์ หนึ่งในสามส่วนของดวงจันทร์ และหนึ่งในสามส่วนของดวงดาวก็ถูกทำลายลง จึงทำให้ส่องแสงออกมาได้น้อยลงหนึ่งในสามส่วน หนึ่งในสามส่วนของเวลาในช่วงกลางวันจะไม่มีแสง และในช่วงกลางคืนก็เช่นกัน
13 ขณะที่ข้าพเจ้ามองดูอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินนกอินทรีตัวหนึ่งกำลังบินอยู่กลางอากาศและพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ความวิบัติ ความวิบัติ ความวิบัติจงเกิดขึ้นกับคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก เพราะเสียงแตรของทูตสวรรค์ 3 องค์ซึ่งกำลังจะเป่าขึ้น”
9 ครั้นทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตร ข้าพเจ้าก็เห็นดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าสวรรค์ลงสู่แผ่นดินโลก ดาวดวงนั้นได้รับลูกกุญแจสำหรับหลุมแห่งขุมนรก 2 เมื่อท่านเปิดหลุมแห่งขุมนรกนั้น ควันก็ลอยขึ้นออกจากหลุมเหมือนกับควันจากเตาขนาดใหญ่มหึมา ดวงอาทิตย์และอากาศก็มืดลงเพราะควันจากหลุม 3 มีฝูงตั๊กแตนบินออกมาจากควันลงสู่แผ่นดินโลก ตั๊กแตนเหล่านี้ได้รับอานุภาพเหมือนอำนาจของแมงป่องบนแผ่นดินโลก 4 และรับสั่งว่าไม่ควรทำร้ายหญ้าบนแผ่นดินโลกหรือพืชสีเขียวหรือต้นไม้ใดๆ แต่ให้ทำร้ายคนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้าที่หน้าผากของเขาเท่านั้น 5 ตั๊กแตนพวกนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าผู้ใด เพียงแต่ทรมานเขา 5 เดือน และการทรมานนั้นเหมือนกับการทรมานที่ถูกแมงป่องต่อย 6 ในช่วงระยะเวลานั้นผู้คนจะแสวงหาความตายแต่ก็ไม่พบ ถึงแม้เขาอยากจะตาย แต่ความตายก็หนีไปจากเขา
7 พวกตั๊กแตนดูเหมือนม้าที่เตรียมไว้สำหรับออกศึก และมีสิ่งหนึ่งสวมอยู่บนหัวซึ่งดูเหมือนมงกุฎทองคำ และมีหน้าเหมือนหน้าคน 8 มันมีผมเหมือนผมผู้หญิง และมีฟันเหมือนฟันสิงโต 9 มันมีเกราะเหมือนเหล็กป้องกันอก และเสียงกระพือปีกก็เหมือนเสียงรถม้าศึกที่เทียมด้วยม้าหลายตัวเข้าจู่โจมประจัญศึก 10 หางของมันที่เหมือนแมงป่องมีเหล็กใน และด้วยหางนี้แหละมันมีอานุภาพที่จะทรมานคนอยู่ 5 เดือน 11 มันมีทูตแห่งขุมนรกเป็นกษัตริย์ปกครองมัน ซึ่งมีชื่อในภาษาฮีบรูคือ อาบัดโดน และในภาษากรีกก็มีชื่อคือ อาโพลูโอน[j]
12 ความวิบัติแรกผ่านไปแล้ว ดูเถิด ความวิบัติอีก 2 อย่างยังจะเกิดขึ้นหลังจากสิ่งเหล่านี้
13 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตร ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงจากเชิงงอนทั้งสี่ที่แท่นบูชาทองคำตรงเบื้องหน้าพระเจ้า 14 เสียงหนึ่งพูดกับทูตสวรรค์องค์ที่หกที่มีแตรว่า “จงปลดปล่อยทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำยูเฟรติสอันยิ่งใหญ่” 15 และทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ได้เตรียมพร้อมไว้สำหรับวินาทีแห่งวันเดือนปีนั้น ก็ได้รับการปลดปล่อยเพื่อฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน 16 และจำนวนพลทหารม้าคือสองร้อยล้านเป็นจำนวนที่ข้าพเจ้าได้ยิน 17 ม้ากับผู้ขี่ที่ข้าพเจ้าเห็นในภาพนิมิตเป็นดังนี้คือ เกราะป้องกันอกเป็นสีแดงเพลิง สีน้ำเงินเข้มและสีเหลืองกำมะถัน หัวม้าที่ดูเหมือนหัวสิงโตมีทั้งไฟ ควัน และกำมะถัน พวยพุ่งออกมาจากปาก 18 ไฟ ควัน และกำมะถัน เป็นภัยพิบัติ 3 อย่างที่ออกมาจากปากของม้า ได้ฆ่ามนุษย์หนึ่งในสามส่วน 19 เพราะอานุภาพของม้าอยู่ที่ปากและหางของมัน หางของมันเหมือนงูคือมีหัวที่ทำอันตรายได้
20 ส่วนมนุษย์ที่เหลืออยู่และไม่ถูกฆ่าโดยภัยพิบัติเหล่านี้ ไม่ได้กลับใจไปจากรูปเคารพที่ตนทำขึ้น ไม่ได้หยุดนมัสการเหล่ามาร และรูปเคารพที่เป็นทองคำ เป็นเงิน ทองสัมฤทธิ์ หิน และไม้ ที่ไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน หรือเดินได้ 21 พวกเขาไม่กลับใจ ไม่ละเว้นจากการฆ่าคนหรือการใช้วิทยาคม การประพฤติผิดทางเพศ หรือการลักขโมย
ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก
10 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีอานุภาพอีกองค์หนึ่งกำลังลงมาจากสวรรค์ พร้อมกับมีหมู่เมฆคลุมเหมือนเสื้อผ้าคลุมกาย และมีรุ้งอยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าเหมือนดวงอาทิตย์ และขาของท่านเหมือนเสาหลักสีเพลิงจัดจ้า 2 ท่านมีหนังสือม้วนเล็กม้วนหนึ่งซึ่งคลี่ออกอยู่ในมือ เท้าขวาของท่านเหยียบลงบนทะเล และเท้าซ้ายอยู่บนบก 3 ท่านร้องเสียงดังดุจสิงโตคำราม เมื่อสิ้นเสียงร้อง เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดก็ดังขึ้น 4 เมื่อเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ลงมือจะเขียน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดจากสวรรค์ว่า “จงผนึกข้อความที่ฟ้าร้องทั้งเจ็ดกล่าวไว้ แต่อย่าเขียนลงไป” 5 ทูตสวรรค์ที่ข้าพเจ้าเห็น ซึ่งกำลังยืนอยู่ทั้งบนผิวน้ำทะเลและบนบกก็ยกมือขวาขึ้นสู่สวรรค์ 6 กล่าวสาบานโดยอ้างพระนามของพระองค์ผู้มีชีวิตชั่วนิรันดร์กาล ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และทุกสิ่งที่มีในฟ้าสวรรค์ ผู้สร้างแผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่มีในแผ่นดินโลก ผู้สร้างทะเลและทุกสิ่งที่มีในทะเลว่า “จะไม่มีการล่าช้าต่อไปอีกแล้ว 7 แต่เมื่อถึงเวลาที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเป่าแตรของท่าน แผนการอันลึกลับซับซ้อนของพระเจ้า ตามที่พระองค์ประกาศแก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ก็จะสัมฤทธิผล”
8 ครั้นแล้วเสียงจากสวรรค์ที่ข้าพเจ้าได้ยินก็กล่าวกับข้าพเจ้าอีกครั้งว่า “จงไปเอาหนังสือม้วนที่คลี่ออกและอยู่ในมือของทูตสวรรค์องค์ที่กำลังยืนอยู่ทั้งบนผิวน้ำทะเลและบนบก” 9 ข้าพเจ้าจึงไปหาทูตสวรรค์และขอหนังสือม้วนเล็กนั้น ท่านก็พูดกับข้าพเจ้าว่า “จงรับเอาไปกิน มันจะทำให้ท้องของเจ้าขม แต่เมื่ออยู่ในปากของเจ้ามันจะหวานปานน้ำผึ้ง” 10 ข้าพเจ้าก็รับหนังสือม้วนเล็กไปจากมือของทูตสวรรค์แล้วก็กินเข้าไป เมื่ออยู่ในปากของข้าพเจ้า มันหวานปานน้ำผึ้ง พอตกถึงท้องของข้าพเจ้าแล้วก็ขม 11 มีข้อความถึงข้าพเจ้าดังนี้ “เจ้าต้องประกาศสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยให้ทราบอีกเกี่ยวกับบรรดาชนชาติ ประเทศ ภาษา และกษัตริย์ทั้งหลาย”
พยานทั้งสอง
11 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็ได้รับไม้วัดที่ดูเหมือนไม้เท้าอันหนึ่ง พร้อมกับมีเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า “จงไปวัดขนาดพระวิหารของพระเจ้าและแท่นบูชา แล้วนับจำนวนคนที่นมัสการในนั้น 2 แต่ไม่รวมลานรอบนอกพระวิหาร ไม่ต้องวัดที่นั่นเพราะเป็นส่วนที่ได้ให้แก่บรรดาคนนอกแล้ว พวกเขาจะเหยียบย่ำเมืองบริสุทธิ์เป็นเวลา 42 เดือน 3 และเราจะให้อำนาจแก่พยานทั้งสองของเรา ไปประกาศสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยให้ทราบเป็นเวลา 1,260 วัน เขาจะสวมผ้ากระสอบ”
4 เขาทั้งสองคือ ต้นมะกอก 2 ต้น และคันประทีป 2 คันที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโลก 5 ถ้าผู้ใดอยากจะทำร้ายเขา ก็จะเกิดไฟพลุ่งออกจากปากของเขาทั้งสอง แล้วทำลายศัตรูไปเสีย ถ้าผู้ใดอยากจะทำร้ายเขา ก็จะต้องถูกฆ่าตายโดยวิธีนี้ 6 ทั้งสองมีอานุภาพที่จะปิดท้องฟ้า เพื่อไม่ให้ฝนตกในขณะที่เขากำลังประกาศสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยให้ทราบ เขามีอานุภาพที่ทำให้น้ำกลายเป็นเลือดได้ และทำให้ภัยพิบัติทุกชนิดบังเกิดแก่โลกกี่ครั้งก็ได้ 7 เมื่อเสร็จสิ้นการยืนยันของเขาแล้ว อสุรกายที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก ก็จะทำสงครามกับเขาทั้งสองจนชนะและฆ่าเขาเสีย 8 และร่างอันไร้ชีวิตของเขาจะอยู่บนถนนในเมืองอันยิ่งใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึงบนไม้กางเขนด้วย ชื่อของเมืองนี้เปรียบเทียบโดยฝ่ายวิญญาณได้เหมือนกับโสโดมและอียิปต์ 9 บรรดาผู้ที่มาจากชนชาติ เผ่า ภาษา และประเทศต่างๆ จะมองดูร่างอันไร้ชีวิตของเขาเป็นเวลาสามวันครึ่ง และจะไม่ยอมให้ร่างที่ไร้ชีวิตของเขาฝังไว้ในถ้ำ 10 คนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกจะร่าเริงใจกับความตายของเขา พวกเขาจะเฉลิมฉลองและมอบของขวัญให้กันและกัน เพราะผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทั้งสองคนได้นำความทุกข์ทรมานมาให้คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก 11 แต่หลังจากสามวันครึ่งผ่านพ้นไปแล้ว ลมหายใจแห่งชีวิตจากพระเจ้าก็จะเข้าสู่ตัวเขาทั้งสอง และเขาจะลุกขึ้น ส่วนพวกที่เห็นก็จะพากันหวาดกลัว 12 เขาได้ยินเสียงดังจากสวรรค์กล่าวกับเขาว่า “ขึ้นมาที่นี่เถิด” แล้วพวกศัตรูก็เห็นเขาลอยขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ 13 ในขณะนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หนึ่งในสิบส่วนของเมืองก็ถล่มลง และคน 7,000 คนตายเพราะแผ่นดินไหว ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็ตกใจกลัว และได้ถวายพระบารมีแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์
14 ความวิบัติอย่างที่สองก็ผ่านไปแล้ว ดูเถิด ความวิบัติอย่างที่สามก็จะมาในไม่ช้านี้เอง
แตรคันที่เจ็ด
15 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตร มีหลายเสียงดังขึ้นในสวรรค์ว่า “อาณาจักรแห่งโลกได้มาเป็นอาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้าของเรา และแห่งพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะครองบัลลังก์ชั่วนิรันดร์กาล” 16 ครั้นแล้วผู้ใหญ่ 24 ท่านที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของตน ณ เบื้องหน้าพระเจ้าก็หมอบลงนมัสการพระเจ้า 17 พลางพูดว่า
“พวกเราขอบคุณพระองค์ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
ผู้ดำรงอยู่ในปัจจุบันและในอดีต
เพราะพระองค์ได้ใช้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
และได้เริ่มครองบัลลังก์
18 ประเทศชาติทั้งหลายโกรธแค้น
และการพิพากษาของพระองค์ก็มาถึงแล้ว
ถึงเวลาที่พระองค์จะพิพากษาคนที่ตายไป
และจะมอบรางวัลแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
คือบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
แก่ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า
และแก่บรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระนามของพระองค์ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย
และจะทำลายพวกที่ทำลายแผ่นดินโลก”
19 แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิดออก หีบพันธสัญญาของพระองค์ปรากฏอยู่ในพระวิหาร แล้วได้เกิดสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ พร้อมกับเสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง แผ่นดินไหว และพายุลูกเห็บ
หญิงผู้หนึ่งและมังกรแดง
12 ครั้นแล้วก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในสวรรค์คือ มีดวงอาทิตย์โอบล้อมตัวหญิงคนหนึ่งเสมือนเป็นเสื้อ ใต้เท้านางมีดวงจันทร์ บนศีรษะมีมงกุฎดาว 12 ดวง 2 นางตั้งครรภ์ และเปล่งเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากเป็นขณะที่ใกล้จะคลอด 3 แล้วก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์อีกประการหนึ่งปรากฏขึ้นในสวรรค์ ดูเถิด มังกรสีแดงที่ยิ่งใหญ่ตัวหนึ่งมี 7 หัวกับ 10 เขา และบนหัวแต่ละหัวมีมงกุฎ 1 องค์ 4 หางของมันตวัดกวาดดวงดาวในท้องฟ้าหนึ่งในสามส่วน แล้วเขวี้ยงลงสู่แผ่นดินโลก มังกรตัวนี้ยืนอยู่ต่อหน้าหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด เพื่อจะได้กินบุตรของนางเมื่อนางคลอดออกมา 5 นางคลอดบุตรชาย ซึ่งเป็นผู้ที่จะครองประเทศชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก และบุตรของนางถูกรับขึ้นไปสู่พระเจ้าและบัลลังก์ของพระองค์ 6 หญิงผู้นั้นหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอันเป็นที่ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมให้ไว้ และได้รับการดูแลเป็นเวลา 1,260 วัน
7 แล้วก็เกิดสงครามในสวรรค์ มีคาเอลกับบริวารทูตสวรรค์ของท่าน ทำสงครามกับมังกรตัวนั้น และมังกรกับบริวารทูตของมันก็ตอบโต้ 8 แต่มังกรและพวกของมันพ่ายแพ้ และไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกต่อไป 9 มังกรที่ยิ่งใหญ่ถูกขับไล่ลงไป มันคืองูครั้งโบราณกาลที่เรียกกันว่า พญามารหรือซาตาน ซึ่งหลอกลวงคนทั้งโลก มันถูกขับไล่ลงสู่แผ่นดินโลกไปด้วยกันกับบริวารทูตของมัน 10 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดพ้น อานุภาพ อาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว ด้วยว่าผู้กล่าวหาพวกพี่น้องของเรา ได้ถูกขับไล่ลงมาแล้ว เขากล่าวหาบรรดาพี่น้องต่อหน้าพระเจ้าของเราตลอดวันตลอดคืน 11 เขาทั้งหลายมีชัยชนะต่อผู้กล่าวหานั้น ด้วยโลหิตของลูกแกะ และด้วยคำยืนยันในการเป็นพยานของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ได้รักชีวิตตนเอง แม้จะต้องถึงแก่ความตาย 12 ฉะนั้น สวรรค์และท่านที่อยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมยินดีเถิด และความวิบัติจะเกิดขึ้นกับแผ่นดินโลกและทะเล เพราะพญามารได้ลงมาพบเจ้าด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
13 เมื่อมังกรเห็นว่ามันถูกขับไล่ลงสู่แผ่นดินโลก มันก็มุ่งมั่นตามล่าหญิงที่คลอดบุตรเป็นชาย 14 และหญิงนั้นได้รับปีกทั้งสองของนกอินทรีใหญ่ เพื่อนางจะได้บินไปสู่ถิ่นทุรกันดารอันเป็นที่ของนาง และจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลา 1 วาระ 2 วาระ และครึ่งวาระ เพื่อให้พ้นเสียจากหน้างู 15 แล้วงูก็พ่นน้ำออกจากปากเป็นสายเหมือนแม่น้ำ ตามหญิงนั้นเพื่อน้ำจะได้พัดพานางไป 16 แต่แผ่นดินโลกได้ช่วยหญิงผู้นั้น โดยได้แยกออก เพื่อกลืนรับแม่น้ำที่มังกรได้พ่นออกจากปากของมัน 17 มังกรตัวนั้นยิ่งโกรธแค้นหญิงนั้นมากขึ้น จึงได้ออกไปทำสงครามกับผู้สืบเชื้อสายของนางที่เหลืออยู่ ซึ่งได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำยืนยันของพระเยซู 18 แล้วมันก็ไปยืนอยู่บนชายหาดริมฝั่งทะเล
อสุรกายตัวแรก
13 ข้าพเจ้าเห็นอสุรกายตัวหนึ่งมี 7 หัวกับ 10 เขา ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากทะเล บนยอดของแต่ละเขามีมงกุฎ 1 องค์ ส่วนบนหัวแต่ละหัวก็มีชื่อที่ล้วนหมิ่นประมาทพระเจ้า 2 อสุรกายที่ข้าพเจ้าเห็นเหมือนเสือดาวแต่มีอุ้งเท้าเหมือนหมี มีปากเหมือนปากสิงโต มังกรได้ให้อานุภาพ บัลลังก์ และสิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่ของมันแก่อสุรกาย 3 ดูเหมือนว่าที่หัวหนึ่งของอสุรกายเคยมีแผลฉกรรจ์ แต่ก็สมานสนิทจนหายขาดแล้ว คนทั่วทั้งแผ่นดินโลกต่างแปลกใจและได้ติดตามอสุรกายนั้นไป 4 เขาทั้งหลายนมัสการมังกร เพราะมันให้สิทธิอำนาจแก่อสุรกาย และพวกเขาก็ได้นมัสการอสุรกายพลางพูดว่า “มีใครเหมือนอสุรกายบ้าง และใครสามารถทำสงครามต่อต้านมันได้”
5 ปากที่อสุรกายได้รับมาก็เพื่อพูดคำอวดอ้างและคำหมิ่นประมาท และได้รับสิทธิอำนาจที่แสดงออกเป็นเวลา 42 เดือน 6 ครั้นแล้วมันก็เปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า หมิ่นประมาทพระนามของพระองค์และที่พำนักของพระองค์ ซึ่งก็คือบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์นั่นเอง 7 มันได้รับสิทธิอำนาจให้ทำสงคราม ต่อสู้กับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าจนได้รับชัยชนะ มันได้รับอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประเทศ 8 และทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกจะนมัสการมัน คือทุกคนที่ไม่มีชื่อบันทึกไว้ก่อนการสร้างโลกในหนังสือแห่งชีวิตของลูกแกะที่ถูกฆ่า
9 ถ้าใครมีหูก็จงฟังเถิด
10 ถ้าใครจะถูกกักขัง
ผู้นั้นก็จะถูกกักขัง
ถ้าใครจะถูกฆ่าด้วยดาบ
ผู้นั้นก็จะต้องถูกฆ่าด้วยดาบ
ฉะนั้นแล้วบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าจึงต้องมีความมานะอดทนและความเชื่อ
อสุรกายตัวที่สอง
11 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นอสุรกายอีกตัวกำลังออกมาจากแผ่นดินโลก มันมี 2 เขาเหมือนเขาของลูกแกะและพูดได้เหมือนมังกรพูด 12 มันใช้สิทธิอำนาจทุกอย่างของอสุรกายตัวแรกดั่งเป็นผู้รับมอบอำนาจนั้นมา มันทำให้แผ่นดินโลกและพวกที่อยู่ในโลกนมัสการอสุรกายตัวแรกที่มีแผลฉกรรจ์แต่สมานสนิทจนหายขาดแล้ว 13 และมันแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ต่างๆ แม้กระทั่งทำให้ไฟจากสวรรค์ตกลงสู่โลกต่อหน้าผู้คน 14 มันหลอกลวงพวกที่อยู่บนแผ่นดินโลก โดยแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ต่างๆ ตามอำนาจที่มันได้รับมอบมาจากอสุรกายตัวแรก มันบอกพวกที่อยู่บนแผ่นดินโลกให้สร้างรูปจำลองของอสุรกายขึ้น คือตัวที่ถูกดาบฟันและยังมีชีวิตอยู่อีก 15 มันได้รับอานุภาพที่ทำให้รูปจำลองของอสุรกายตัวแรกมีลมหายใจได้ เพื่อให้รูปจำลองของอสุรกายตัวนั้นพูดได้ และทุกคนที่ปฏิเสธที่จะนมัสการรูปจำลองต้องถูกสังหาร 16 มันบังคับทุกคนไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อย มีหรือจน เป็นทาสหรืออิสระ ให้รับเครื่องหมายบนมือขวาหรือที่หน้าผากของเขา 17 เพื่อว่าไม่มีผู้ใดที่จะสามารถซื้อขายได้ นอกจากจะมีเครื่องหมายอันเป็นชื่อของอสุรกายตัวนั้น หรือหมายเลขอันแสดงถึงชื่อของมัน 18 ท่านจำต้องมีสติปัญญา ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจ ก็จงให้เขาคำนวณหมายเลขของอสุรกาย เพราะเป็นหมายเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของผู้นั้นคือ 666[k]
ลูกแกะกับ 144,000 คน
14 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นลูกแกะกำลังยืนอยู่บนภูเขาศิโยน มีคนจำนวน 144,000 คนอยู่กับพระองค์ เป็นบรรดาผู้ที่มีชื่อของพระองค์ และชื่อของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผากของพวกเขา 2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ดังกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก และเหมือนเสียงฟ้าคำรามดังสนั่น เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนกับเสียงของบรรดานักดีดพิณที่กำลังดีดพิณอยู่ 3 เขาเหล่านั้นได้ร้องเพลงบทใหม่อยู่ที่หน้าบัลลังก์ ตรงหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และบรรดาผู้ใหญ่ ไม่มีผู้ใดสามารถเรียนรู้เพลงนั้นได้ยกเว้น 144,000 คนที่ได้รับการไถ่จากแผ่นดินโลก 4 คนเหล่านั้นเป็นบรรดาพรหมจรรย์ เพราะปราศจากมลทินจากสตรี ไม่ว่าลูกแกะไปทางไหนคนเหล่านั้นก็ติดตามไปด้วย พระองค์ได้ไถ่พวกเขาจากมวลมนุษย์เสมือนผลแรก[l]ที่ถวายแด่พระเจ้าและแด่ลูกแกะ 5 พวกเขาไม่เคยพูดปดเลย คือเป็นคนที่ไม่ถูกตำหนิ
ทูตสวรรค์ 3 องค์
6 และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งกำลังเหาะอยู่ในอากาศ มีข่าวประเสริฐอันเป็นนิรันดร์ที่จะประกาศแก่พวกที่อยู่บนแผ่นดินโลก แก่ทุกประเทศ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกชนชาติ 7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้าและถวายพระบารมีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะพิพากษาแล้ว จงนมัสการพระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทะเลและบ่อน้ำพุทั้งหลาย”
8 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่เป็นองค์ที่สองซึ่งตามไป ได้พูดว่า “บาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ถล่มลงแล้ว ถล่มลงแล้ว เมืองที่ทำให้ประเทศทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่นแห่งความใคร่ในการประพฤติผิดทางเพศของนาง”
9 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่เป็นองค์ที่สามซึ่งตาม 2 องค์นั้นไป พลางพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าผู้ใดนมัสการอสุรกายและรูปจำลองของตัวมัน และได้รับเครื่องหมายที่หน้าผากหรือที่มือของเขา 10 ผู้นั้นจะดื่มเหล้าองุ่นแห่งการลงโทษของพระเจ้าอย่างเข้มข้น ที่เทลงในถ้วยแห่งความกริ้วของพระองค์ และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถัน ต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และต่อหน้าลูกแกะ 11 ควันแห่งการทรมานของเขาเหล่านั้นลอยขึ้นชั่วนิรันดร์กาล พวกที่นมัสการอสุรกายและรูปจำลองของตัวมัน และผู้ที่ได้รับเครื่องหมายอันเป็นชื่อของมัน จะไม่มีวันได้รับความบรรเทาทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน”
12 นี่คือความมานะอดทนของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และมีความภักดีต่อพระเยซู
13 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดจากสวรรค์ว่า “จงเขียนว่า ‘ตั้งแต่นี้ไป คนที่ตายในพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข’” พระวิญญาณกล่าวว่า “ใช่แล้ว เขาเหล่านั้นจะได้เว้นว่างจากการตรากตรำงานของเขา เพราะผลที่ได้จากการรับใช้ของพวกเขาจะปรากฏ”
เก็บเกี่ยวบนแผ่นดิน
14 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นเมฆสีขาว และผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนเมฆดูเหมือนบุตรมนุษย์ มีมงกุฎทองคำสวมบนศีรษะ และถือเคียวอันคมกริบอยู่ในมือของพระองค์ 15 ครั้นแล้วทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหาร ร้องบอกแก่องค์ที่นั่งอยู่บนเมฆด้วยเสียงอันดังว่า “เชิญใช้เคียวเกี่ยวไปเถิด เพราะผลที่จะเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลกสุกดีแล้ว และถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว” 16 องค์ที่นั่งบนเมฆก็ตวัดเคียวบนแผ่นดินโลก แล้วแผ่นดินโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว
17 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวอันคมกริบเช่นกัน 18 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่มีสิทธิอำนาจควบคุมไฟก็ออกมาจากแท่นบูชา ร้องเสียงดังเพื่อบอกแก่ทูตสวรรค์ที่ถือเคียวคมว่า “จงใช้เคียวคมของท่านเกี่ยวไปเถิด และเก็บรวบรวมพวงองุ่นจากเถาของแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นสุกดีแล้ว” 19 ทูตสวรรค์ก็ตวัดเคียวของท่านบนแผ่นดินโลก รวบรวมพวงองุ่นจากเถาของแผ่นดินโลก แล้วโยนลงในเครื่องสกัดเหล้าองุ่นแห่งการลงโทษขนาดใหญ่ของพระเจ้า 20 ลูกองุ่นถูกบดขยี้ในเครื่องสกัดที่อยู่ภายนอกเมือง มีโลหิตไหลออกมาจากเครื่องสกัดเหล้าองุ่นที่มีขนาดสูงถึงบังเหียนม้า ไหลไปเป็นระยะทางถึง 1,600 สตาเดีย[m]
ทูตสวรรค์ 7 องค์และภัยพิบัติ 7 อย่าง
15 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นปรากฏการณ์อัศจรรย์อันยิ่งใหญ่และวิเศษยิ่งในสวรรค์อีกประการหนึ่งคือ ทูตสวรรค์ 7 องค์ถือภัยพิบัติ 7 อย่าง ซึ่งเป็นภัยพิบัติสุดท้าย เพราะการลงโทษของพระเจ้าสิ้นสุดลงด้วยภัยพิบัติเหล่านั้น
2 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นทะเลแก้วปนไฟ และมีบรรดาผู้ที่ได้มีชัยชนะต่ออสุรกาย ต่อรูปจำลองของตัวมัน และมีชัยชนะต่อหมายเลขอันแสดงถึงชื่อของมัน ยืนอยู่บนฝั่งทะเลแก้วนั้นพร้อมทั้งถือพิณของพระเจ้า 3 เขาเหล่านั้นร้องเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของลูกแกะว่า
“พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
สิ่งที่พระองค์กระทำนั้นยิ่งใหญ่และวิเศษยิ่งนัก
พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งประเทศทั้งปวง
วิธีการของพระองค์ยุติธรรมและเป็นจริง
4 ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวพระองค์
และไม่ถวายพระบารมีแด่พระนามของพระองค์
ด้วยว่าพระองค์เพียงผู้เดียวที่บริสุทธิ์
ทุกประเทศจะมานมัสการ ณ เบื้องหน้าพระองค์
ด้วยว่าการกระทำอันชอบธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แล้ว”
5 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็มองดู และพระวิหารคือกระโจมแห่งสักขีพยานในสวรรค์ก็เปิดออก 6 ทูตสวรรค์ 7 องค์ซึ่งนุ่งห่มด้วยผ้าป่านสะอาดและสุกใส ถือภัยพิบัติ 7 อย่างออกมาจากพระวิหาร และที่หน้าอกคาดด้วยรัดประคดทองคำ 7 สิ่งมีชีวิตหนึ่งในสี่นั้นได้นำขันทองคำ 7 ใบซึ่งเปี่ยมไปด้วยการลงโทษของพระเจ้าผู้มีชีวิตชั่วนิรันดร์กาล ส่งให้แก่ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด 8 พระวิหารก็อบอวลด้วยควันซึ่งมาจากพระบารมีของพระเจ้าและจากอานุภาพของพระองค์ และไม่มีใครสามารถเข้าไปในพระวิหารได้ จนกว่าภัยพิบัติทั้งเจ็ดของทูตสวรรค์ 7 องค์จะสิ้นสุดลง
ขัน 7 ใบแห่งการลงโทษ
16 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังจากพระวิหารกล่าวแก่ทูตสวรรค์ 7 องค์ว่า “ไปเถิด แล้วเอาขัน 7 ใบแห่งการลงโทษของพระเจ้าเทลงบนแผ่นดินโลก”
2 ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไปและเทขันของท่านลงสู่แผ่นดินโลก คนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของอสุรกายและนมัสการรูปจำลองของตัวมัน ก็เกิดมีฝีร้ายที่ทำให้เจ็บปวดทรมาน
3 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทขันของท่านลงสู่ทะเล และทะเลก็กลายเป็นเลือดเหมือนเลือดของคนตาย และทุกสิ่งที่มีชีวิตในทะเลก็ตายสิ้น
4 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของท่านลงสู่แม่น้ำและบ่อน้ำพุ และน้ำก็กลายเป็นเลือด 5 ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์ที่ดูแลน้ำพูดว่า
“พระองค์เป็นผู้มีความยุติธรรม
องค์ผู้บริสุทธิ์ผู้ดำรงอยู่ในปัจจุบันและในอดีต
เพราะพระองค์พิพากษาสิ่งเหล่านี้
6 ด้วยเหตุว่าเขาเหล่านั้นได้ทำให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลั่งโลหิต
และพระองค์ได้ให้พวกเขาดื่มโลหิต ตามที่พวกเขาสมควรได้รับ”
7 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงตอบจากแท่นบูชาว่า
“จริงทีเดียว พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธา
การพิพากษาของพระองค์เป็นจริงและยุติธรรม”
8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่ก็เทขันของท่านลงบนดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟเผาไหม้มนุษย์ได้ด้วยไฟ 9 แล้วมนุษย์ก็ถูกความร้อนอันแรงกล้าแผดเผา พวกเขาพูดหมิ่นประมาทพระนามของพระเจ้าผู้มีอานุภาพเหนือภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลับใจและไม่สรรเสริญพระบารมีของพระองค์
10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าก็เทขันของท่านลงบนบัลลังก์ของอสุรกาย ซึ่งทำให้อาณาจักรของมันมืดมิด เหล่ามนุษย์กัดลิ้นของตนเนื่องจากความเจ็บปวด 11 แล้วก็พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแห่งสวรรค์เพราะความเจ็บปวดและแผลของพวกเขา แต่ก็ไม่กลับใจจากการประพฤติตน
12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกก็เทขันของท่านลงสู่แม่น้ำยูเฟรติสที่ยิ่งใหญ่ ทำให้น้ำแห้ง เพื่อเตรียมทางให้กษัตริย์ทั้งปวงที่มาจากทิศตะวันออก 13 ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณร้าย 3 ดวงที่ดูเหมือนตัวกบออกมาจากปากมังกร จากปากอสุรกาย และจากปากผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม 14 มันเป็นวิญญาณของพวกมารที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ และมันออกไปรวบรวมกษัตริย์ทั้งปวงทั่วโลก เพื่อให้มาสมทบกันทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจอมโยธา
15 “ดูเถิด เรามาประดุจขโมยมา คนที่ตื่นอยู่และเก็บเสื้อผ้าของตนพร้อมไว้ก็เป็นสุข เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายและอับอายผู้คน”
16 ครั้นแล้วพวกมันก็ให้กษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อาร์มาเกโดน
17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เทขันของท่านลงในอากาศ มีเสียงดังมาจากบัลลังก์ของพระวิหารว่า “สิ้นสุดแล้ว” 18 ครั้นแล้วก็เกิดสายฟ้าแลบ เสียงต่างๆ เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นหลายครั้ง และมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใดที่เหมือนครั้งนี้เลย นับตั้งแต่มนุษย์เคยอยู่มาบนแผ่นดินโลก เป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ร้ายแรงที่สุด 19 เมืองอันยิ่งใหญ่ก็ถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน และเมืองต่างๆ ของประเทศทั้งปวงก็ถล่มทลายลง พระเจ้าไม่ลืมบาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ และได้ให้นางดื่มจากถ้วยที่มีเหล้าองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระองค์ 20 เกาะทุกเกาะหายไป และภูเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครหาพบ 21 พายุลูกเห็บซึ่งมีน้ำหนักประมาณลูกละ 45 กิโลกรัมตกลงจากฟ้าสวรรค์ใส่ตัวคน แล้วคนทั้งปวงก็หมิ่นประมาทพระเจ้า เนื่องจากภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บร้ายแรงยิ่งนัก
หญิงแพศยานั่งอยู่บนอสุรกาย
17 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่มีขัน 7 ใบมาพูดกับข้าพเจ้าว่า “มานี่เถิด เราจะให้ท่านเห็นการพิพากษาลงโทษ ที่จะมีต่อหญิงแพศยาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำหลายสาย 2 เป็นหญิงที่กษัตริย์ทั้งปวงของแผ่นดินโลกได้ผิดประเวณีด้วย และคนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกก็เมามาย เพราะดื่มเหล้าองุ่นแห่งการผิดประเวณีของนาง” 3 ครั้นแล้วทูตสวรรค์ก็พาข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารในฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าเห็นหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนอสุรกายสีแดงสด ที่มี 7 หัวกับ 10 เขา มีชื่อที่หมิ่นประมาทพระเจ้ามากมายอยู่เต็มตัวมัน 4 หญิงผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีม่วงและแดงสดซึ่งประดับด้วยทองคำ เพชรนิลจินดา และไข่มุก นางถือถ้วยทองคำที่เต็มด้วยสิ่งอันน่าชังและมีมลทินแห่งการผิดประเวณีของนาง 5 ที่หน้าผากของนางมีชื่อลึกลับที่เขียนไว้ว่า
“บาบิโลน เมืองอันยิ่งใหญ่
แม่แห่งหญิงแพศยาทั้งหลาย
และแห่งสิ่งที่น่าชังของแผ่นดินโลก”
6 ข้าพเจ้าเห็นหญิงผู้นั้นเมามาย เนื่องจากการดื่มโลหิตของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และโลหิตของบรรดาผู้ที่เป็นพยานเรื่องพระเยซู
เมื่อข้าพเจ้าเห็นนาง ข้าพเจ้าก็อัศจรรย์ใจยิ่งนัก 7 แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นก็กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมท่านจึงอัศจรรย์ใจเล่า เราจะอธิบายความลึกลับของหญิงผู้นั้นให้ท่านทราบ รวมทั้งอสุรกายที่มี 7 หัวกับ 10 เขาที่นางขี่ด้วย 8 อสุรกายที่ท่านได้เห็นนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น มันจะผุดขึ้นมาและออกจากขุมนรก ก่อนจะลงไปสู่ความพินาศ คนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก ซึ่งไม่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่การสร้างโลก ก็จะอัศจรรย์ใจเมื่อได้เห็นอสุรกายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น และมันจะปรากฏตัวขึ้นอีก 9 ท่านจำต้องมีความเข้าใจอันประกอบด้วยสติปัญญา หัวทั้งเจ็ดคือภูเขาทั้งเจ็ดที่หญิงนั้นนั่งอยู่ 10 และหัวทั้งเจ็ดคือกษัตริย์ 7 ท่าน 5 ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ท่านหนึ่งกำลังเป็นอยู่และอีกท่านยังไม่ได้ปรากฏ และเมื่อท่านนั้นปรากฏขึ้นแล้ว ก็จะดำรงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง 11 อสุรกายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ แต่ในบัดนี้ไม่ได้เป็น คือกษัตริย์ท่านที่แปด ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดากษัตริย์ทั้งเจ็ด และกำลังจะล่วงไปสู่ความพินาศ 12 เขาสัตว์ทั้งสิบที่ท่านเห็น คือกษัตริย์ทั้งสิบที่ยังไม่ได้รับอาณาจักร แต่จะได้รับสิทธิอำนาจเยี่ยงกษัตริย์ด้วยกันกับอสุรกายเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 13 กษัตริย์เหล่านั้นมีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน และจะมอบอานุภาพกับสิทธิอำนาจที่ตนมีให้แก่อสุรกาย 14 กษัตริย์เหล่านี้จะทำสงครามต่อต้านลูกแกะ และลูกแกะจะมีชัยชนะ เพราะพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้าทั้งปวง และเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และบรรดาผู้ที่อยู่กับพระองค์ คือผู้ที่พระองค์เรียกและเลือก และเป็นผู้ที่ภักดีต่อพระองค์”
15 ครั้นแล้วทูตสวรรค์พูดกับข้าพเจ้าว่า “แม่น้ำหลายสายที่หญิงแพศยานั่งอยู่ซึ่งท่านเห็นก็คือ ชนชาติ มวลชน ประเทศ และภาษาต่างๆ 16 อสุรกายและเขาสัตว์ทั้งสิบที่ท่านเห็นนั้นจะเกลียดหญิงแพศยา พวกเขาจะยึดทุกอย่างที่นางมี และทำให้ร่างของนางเปลือยเปล่า และจะกัดกินเนื้อของนาง อีกทั้งเอาไฟเผานางด้วย 17 เพราะว่าพระเจ้าได้ดลใจให้เขาเหล่านั้นกระทำตามจุดประสงค์ของพระองค์จนบรรลุผล โดยการให้อาณาจักรของเขาทั้งปวงแก่อสุรกาย จนถึงเวลาที่สิ่งต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้กล่าวไว้จะเกิดขึ้นครบอย่างบริบูรณ์ 18 หญิงที่ท่านเห็น คือเมืองอันยิ่งใหญ่ที่ปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งปวงของแผ่นดินโลก”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation