Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กาลาเทีย 3:26 - โคโลสี 4:18

บุตรทั้งหลายของพระเจ้า

26 เพราะท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้าได้ โดยการมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะทุกๆ ท่านที่ได้รับบัพติศมาในพระคริสต์แล้ว ท่านก็มีคุณสมบัติของพระคริสต์อยู่ในตัวท่าน 28 ไม่ว่าชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าเป็นทาสหรืออิสระ ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ไม่แตกต่างกันเลย ด้วยว่าทุกๆ ท่านมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระเยซูคริสต์ 29 และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา

ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า ตราบที่ผู้รับมรดกเป็นผู้เยาว์ เขาก็ไม่ต่างจากทาสแม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินก็ตาม เขาอยู่ภายใต้ผู้ควบคุมและผู้ดูแลผลประโยชน์จนถึงวันเวลาที่บิดากำหนดไว้ เราก็เช่นกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ภายใต้การบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้า แต่เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว พระเจ้าได้ส่งพระบุตรของพระองค์มา เกิดจากผู้หญิง และเกิดภายใต้กฎบัญญัติ เพื่อพระองค์จะได้ไถ่บรรดาผู้อยู่ภายใต้กฎบัญญัติ และเราจะได้รับฐานะเป็นบุตร และเพราะว่าท่านทั้งหลายต่างก็เป็นบรรดาบุตร พระเจ้าจึงได้ส่งพระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์มาอยู่ในใจของพวกเรา พระวิญญาณร้องว่า “อับบา[a] พระบิดา” ฉะนั้นพวกท่านไม่เป็นทาสอีกแล้ว แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตร พระเจ้าก็ให้ท่านเป็นผู้รับมรดก

เปาโลห่วงใยชาวกาลาเทีย

อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนท่านทั้งหลายยังไม่รู้จักพระเจ้า ท่านเป็นทาสของบรรดาเทพเจ้าที่ไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริง แต่บัดนี้ท่านมารู้จักพระเจ้า หรือพูดอีกอย่างคือเป็นที่รู้จักของพระเจ้า แล้วท่านจะกลับไปหาการบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้าซึ่งอ่อนแอและไร้ค่าอีกทำไม ท่านอยากตกเป็นทาสอีกครั้งหรือ 10 ท่านถือวัน เดือน ฤดูกาลและปี 11 ข้าพเจ้าเกรงว่าทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าทำไปเพื่อท่านจะไร้ประโยชน์

12 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าขอร้องว่าท่านจงเป็นอย่างข้าพเจ้าเถิด ด้วยว่าข้าพเจ้ากลายเป็นอย่างท่านแล้ว ท่านไม่ได้กระทำผิดต่อข้าพเจ้าเลย 13 ท่านทราบว่าเป็นเพราะข้าพเจ้าป่วย ข้าพเจ้าจึงได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านเป็นครั้งแรก 14 แม้ว่าอาการป่วยของข้าพเจ้าได้ก่อความลำบากแก่ท่าน ท่านไม่ได้ดูหมิ่นหรือรังเกียจข้าพเจ้า แต่ท่านกลับต้อนรับข้าพเจ้าราวกับว่าข้าพเจ้าเป็นทูตสวรรค์ของพระเจ้า หรือเหมือนกับเป็นพระเยซูคริสต์เอง 15 ความยินดีของท่านไปไหนเสียแล้ว ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่า ถ้าเป็นไปได้ ท่านก็คงจะควักนัยน์ตาของท่านออกให้ข้าพเจ้า 16 ฉะนั้นข้าพเจ้ากลายเป็นศัตรูของท่าน เพราะข้าพเจ้าบอกความจริงกับท่านหรือ 17 คนพวกนั้นแสดงความสนใจในตัวท่าน แต่ไม่ใช่ด้วยเจตนาดีเลย สิ่งที่เขาต้องการคือกีดกันพวกท่าน และท่านจะได้แสวงหาพวกเขา 18 การเอาจริงเอาจังเป็นสิ่งดีถ้ามีจุดประสงค์ดี และก็จงเป็นอย่างนั้นเสมอไป ไม่เพียงแต่เวลาที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่านเท่านั้น 19 บรรดาลูกที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเจ็บปวดราวกับเจ็บครรภ์เพื่อท่านอีก จนกว่าพระคริสต์จะก่อเกิดในตัวท่าน 20 แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะอยู่กับพวกท่านในขณะนี้เพื่อจะได้เปลี่ยนน้ำเสียงการพูดของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังมีข้อกังขาในตัวท่านอยู่

หญิงทาสและหญิงอิสระ

21 บอกข้าพเจ้าเถิดว่า ท่านที่ต้องการอยู่ภายใต้กฎบัญญัติ ท่านไม่ทราบหรือว่ากฎบัญญัติกล่าวไว้ว่าอย่างไร 22 มีบันทึกไว้ว่า อับราฮัมมีบุตร 2 คน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส และอีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นอิสระ 23 บุตรที่เกิดจากหญิงทาสเกิดขึ้นตามวิถีทางของมนุษย์ และบุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นอิสระเกิดจากพระสัญญา 24 สิ่งเหล่านี้เป็นคติสอนใจ ด้วยว่าหญิง 2 คนนั้นได้แก่พันธสัญญา 2 อย่าง พันธสัญญาหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ โดยมีบุตรภายใต้การเป็นทาส 25 นางฮาการ์เปรียบได้กับภูเขาซีนายในอาระเบีย ซึ่งเทียบได้กับเมืองเยรูซาเล็มในปัจจุบัน ด้วยว่านางอยู่ภายใต้การเป็นทาสร่วมกับบุตรทั้งหลาย 26 แต่เยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนเป็นอิสระ ซึ่งเป็นมารดาของเราทั้งหลาย 27 ด้วยว่ามีบันทึกไว้คือ

“จงยินดีเถิด หญิงที่เป็นหมัน
    และไม่มีบุตรเอ๋ย
จงตะโกนและร้องด้วยเสียงอันดังเถิด
    เจ้าผู้ไม่เจ็บครรภ์
เพราะหญิงที่ถูกทอดทิ้งจะมีบุตรมากกว่า
    หญิงที่อยู่กับสามี”[b]

28 และท่านพี่น้องทั้งหลายเป็นบุตรของพระสัญญา เช่นเดียวกับอิสอัค 29 ในครั้งนั้น บุตรที่เกิดตามวิถีทางของมนุษย์ได้ข่มเหงบุตรที่เกิดจากอานุภาพของพระวิญญาณ ในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน 30 แต่พระคัมภีร์ระบุว่าอย่างไร “จงไล่หญิงทาสและลูกของนางไปเสีย ด้วยว่าลูกของหญิงทาสจะไม่มีวันรับมรดกร่วมกับลูกของหญิงที่เป็นอิสระ”[c] 31 ฉะนั้นพี่น้องเอ๋ย พวกเราไม่ใช่พวกบุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นอิสระ

อิสรภาพในพระคริสต์

พระคริสต์ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระ เพื่อเราจะได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง ฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีก

ดูเถิด ข้าพเจ้าเปาโลขอบอกท่านว่า ถ้าท่านรับพิธีเข้าสุหนัต พระคริสต์จะไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ท่านเลย และข้าพเจ้ายืนยันอีกว่า ทุกคนที่รับพิธีเข้าสุหนัตก็อยู่ภายใต้ข้อผูกมัดที่จะรักษากฎบัญญัติทุกข้อ พวกท่านที่พยายามพ้นผิดโดยกฎบัญญัติก็ได้ตัดขาดจากพระคริสต์ ท่านได้หันหลังให้กับพระคุณเสียแล้ว แต่โดยความเชื่อ พระวิญญาณช่วยเราให้รอคอยความชอบธรรมที่เราหวังว่าจะได้รับ ด้วยว่าในพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าจะเข้าสุหนัตหรือไม่นั้น ไม่มีความหมายแต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือ การมีความเชื่อซึ่งแสดงออกโดยความรัก

พวกท่านกำลังวิ่งแข่งดีอยู่แล้ว ใครเล่าที่ได้ไปถ่วงท่านไว้ไม่ให้เชื่อฟังความจริง การชักจูงนี้ไม่ได้มาจากพระองค์ผู้เรียกท่าน เชื้อยีสต์เพียงเล็กน้อยทำให้แป้งนวดทั้งก้อนฟูขึ้นได้ 10 ข้าพเจ้ามั่นใจในพระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านจะไม่มีความคิดเห็นอื่นเลย คนที่ทำให้ท่านสับสนก็จะต้องรับโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม 11 พี่น้องเอ๋ย ถ้าข้าพเจ้ายังประกาศเรื่องการเข้าสุหนัต แล้วทำไมข้าพเจ้ายังถูกข่มเหงเล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้ว การประกาศเรื่องไม้กางเขนก็จะไม่ก่อปัญหาหรอก 12 ข้าพเจ้าอยากให้พวกที่ก่อความยุ่งยากแก่ท่านตอนตนเองเสียเลย

13 พี่น้องเอ๋ย ด้วยว่าพระเจ้าเรียกพวกท่านเพื่อให้เป็นอิสระ แต่อย่าฉวยโอกาสใช้อิสรภาพมาบำรุงบำเรอเนื้อหนัง[d] แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด 14 ด้วยว่ากฎบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เป็นคำสั่งเดียวคือ “จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง”[e] 15 ถ้าท่านเอาแต่กัดและกินกันและกันเอง ก็จงระวัง มิฉะนั้น ท่านจะทำลายกันเอง

ความต้องการฝ่ายเนื้อหนังหรือฝ่ายวิญญาณ

16 ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงให้พระวิญญาณนำทางชีวิตของท่าน แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง 17 ด้วยว่าฝ่ายเนื้อหนังมีความต้องการที่ตรงข้ามกับพระวิญญาณ และพระวิญญาณตรงข้ามกับฝ่ายเนื้อหนัง ทั้งสองนี้เป็นศัตรูกัน คือต่างคอยป้องกันไม่ให้ท่านทำสิ่งที่ท่านอยากทำ 18 แต่ถ้าท่านได้พระวิญญาณเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่ตกอยู่ภายใต้กฎบัญญัติ 19 การกระทำฝ่ายเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัดคือ การประพฤติผิดทางเพศ ความสกปรกโสมม ความมักมากในกาม 20 การบูชารูปเคารพ การใช้วิทยาคม ความเกลียดชัง การมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ความอิจฉา ความโกรธเกรี้ยว การแก่งแย่งชิงดี ความแตกแยก และการแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 ความริษยา การเมาเหล้า ดื่มสุราเฮฮามั่วสุม และสิ่งอื่นๆ ในทำนองนี้ ข้าพเจ้าเตือนท่านดังที่ได้เตือนมาแล้วว่า คนที่ใช้ชีวิตเช่นนี้จะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า 22 แต่ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความภักดี 23 ความอ่อนโยน การควบคุมตนเองได้ ไม่มีกฎบัญญัติข้อใดที่ห้ามสิ่งเหล่านี้ 24 บรรดาผู้ที่เป็นฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาฝ่ายเนื้อหนังพร้อมกับตัณหาและกิเลสตรึงไว้ที่ไม้กางเขนแล้ว

25 ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตอย่างที่มีพระวิญญาณเถิด 26 เราอย่าคิดยโส ยั่วโทสะ และอิจฉากันและกันเลย

แบกภาระให้กันและกัน

พี่น้องเอ๋ย ถ้าผู้ใดถูกจับได้ว่ากระทำบาป ท่านซึ่งเป็นผู้ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ก็ควรช่วยผู้นั้นให้ตั้งตัวใหม่อย่างละมุนละม่อม จงระวังตัว เกรงว่าท่านอาจจะถูกยั่วยุด้วย จงแบกภาระของกันและกัน การกระทำเช่นนั้นเท่ากับท่านได้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระคริสต์ ถ้าผู้ใดคิดว่าตนสำคัญ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ คนนั้นก็หลอกลวงตนเอง แต่ละคนควรสำรวจการกระทำของตนเอง จะได้ภูมิใจในตัวเองได้โดยไม่ต้องเปรียบเทียบตนกับผู้อื่น ด้วยว่าแต่ละคนจะต้องแบกภาระของตนเอง

ผู้ใดที่รับคำสั่งสอนของพระคริสต์ ก็จงแบ่งสิ่งดีทุกอย่างให้แก่ผู้ที่สอนเถิด อย่าสำคัญผิดไปเลย ท่านตบตาพระเจ้าไม่ได้หรอก ผู้ใดหว่านอะไร ก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้นด้วย ผู้ที่หว่านเพื่อฝ่ายเนื้อหนังของตน จะเก็บเกี่ยวความพินาศจากเนื้อหนังนั้น แต่สำหรับผู้ที่หว่านเพื่อฝ่ายพระวิญญาณ จะเก็บเกี่ยวชีวิตอันเป็นนิรันดร์จากพระวิญญาณ เราอย่าได้ท้อถอยต่อการกระทำความดีเลย ด้วยว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควรเราจะเก็บเกี่ยวผล หากว่าเราไม่ล้มเลิกเสียก่อน 10 ฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสก็จงกระทำความดีต่อคนทั้งปวงเถิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบรรดาผู้อยู่ในครอบครัวของผู้มีความเชื่อ

เปาโลตักเตือนชาวกาลาเทีย และคำลงท้าย

11 ท่านดูสิว่าลายมือของข้าพเจ้าเองที่เขียนถึงท่านตอนนี้ตัวหนังสือโตเพียงใด 12 พวกที่ต้องการเอาหน้าตามฝ่ายเนื้อหนัง พยายามบังคับให้ท่านเข้าสุหนัต เพียงเพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่ถูกข่มเหงเพราะเรื่องไม้กางเขนของพระคริสต์ 13 แม้คนที่เข้าสุหนัตแล้วก็ไม่รักษากฎบัญญัติเลย แต่พวกเขาต้องการให้พวกท่านเข้าสุหนัต เพื่อเขาจะได้โอ้อวดเรื่องฝ่ายเนื้อหนังของท่าน 14 ข้าพเจ้าไม่ต้องการโอ้อวดเลย ยกเว้นเรื่องไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเท่านั้น สำหรับข้าพเจ้า โลกนี้ได้ถูกตรึงไว้กับไม้กางเขนแล้ว และสำหรับโลกนี้ ข้าพเจ้าก็ถูกตรึงไว้เช่นกัน 15 ไม่ว่าเข้าสุหนัตแล้วหรือไม่ได้เข้าสุหนัตก็ไม่มีความหมายอะไร สิ่งสำคัญคือ การเป็นคนที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นใหม่ 16 สันติสุขและพระเมตตาจงมีแก่ทุกคนที่กระทำตามกฎนี้ และแก่ชนอิสราเอลของพระเจ้า

17 ตั้งแต่นี้ไป อย่าให้ใครทำความยุ่งยากแก่ข้าพเจ้าเลย ด้วยว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูผนึกไว้กับร่างกายของข้าพเจ้าแล้ว

18 พี่น้องทั้งหลาย ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กับวิญญาณของท่านทั้งหลายเถิด อาเมน

การทักทายของเปาโล

ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า

เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า [ที่อยู่ในเมืองเอเฟซัส][f] ซึ่งเป็นผู้ภักดีในพระเยซูคริสต์

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

พระพรฝ่ายวิญญาณ

สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะเราอยู่ในพระคริสต์ พระองค์จึงให้พระพรฝ่ายวิญญาณทุกอย่างในอาณาเขตสวรรค์แก่เรา ด้วยว่าโดยพระคริสต์ พระองค์ได้เลือกเราตั้งแต่ก่อนการสร้างโลก ให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายตาของพระองค์ ด้วยความรัก พระองค์จึงได้กำหนดพวกเราไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเราจะได้รับการยกฐานะเป็นบรรดาบุตรของพระองค์โดยผ่านพระเยซูคริสต์ ตามความประสงค์และความพอใจของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งได้มอบให้แก่พวกเราโดยไม่มีข้อผูกพันผ่านพระบุตรคือผู้ที่พระองค์รัก ในพระองค์เราจึงได้รับการไถ่โดยโลหิตของพระองค์ เราได้รับการยกโทษบาปทั้งปวงตามพระคุณอันบริบูรณ์ของพระองค์ ซึ่งมอบให้แก่เราอย่างเหลือล้นด้วยสติปัญญาและความเข้าใจอันบริบูรณ์ พระเจ้าจึงโปรดให้เราทราบถึงความลึกลับซับซ้อนของความประสงค์ของพระองค์ ตามความตั้งใจอันดีของพระองค์ ซึ่งได้มุ่งหมายไว้ในพระคริสต์ 10 และเมื่อถึงเวลาอันควร พระเจ้าจะโปรดให้ทุกสิ่งในสวรรค์และโลกมาสยบอยู่ภายใต้การปกครองของพระคริสต์

11 ในพระคริสต์ พระเจ้าได้เลือกเราให้เป็นคนของพระองค์ ได้กำหนดเราไว้ล่วงหน้าตามความประสงค์ของพระองค์ และให้ทุกสิ่งเป็นไปตามความตั้งใจของพระองค์ 12 เพื่อว่า เราที่เป็นพวกแรกได้หวังใจในพระคริสต์ จะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ 13 และท่านทั้งหลายมีความผูกพันในพระคริสต์ด้วยเมื่อท่านได้ยินคำกล่าวแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐแห่งความรอดพ้นของท่าน เมื่อท่านเชื่อ ท่านจึงได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สัญญาไว้ 14 พระวิญญาณเป็นหลักประกันว่าเราจะได้รับมรดกจนถึงวันที่คนของพระเจ้าได้รับการไถ่ สรรเสริญพระบารมีของพระองค์

เปาโลอธิษฐาน

15 ฉะนั้น เมื่อข้าพเจ้าได้ยินถึงความเชื่อที่ท่านมีในพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า และความรักที่ท่านมีต่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 16 ข้าพเจ้าจึงไม่อาจหยุดกล่าวขอบคุณพระเจ้าสำหรับท่าน และข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในเวลาอธิษฐาน 17 ข้าพเจ้าอธิษฐานขออยู่เสมอว่า พระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คือพระบิดาผู้เปี่ยมด้วยพระสง่าราศี จะโปรดมอบพระวิญญาณแห่งสติปัญญาและการเผยความ เพื่อว่าท่านจะได้รู้จักพระองค์ดียิ่งขึ้น 18 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าใจของท่านจะประจักษ์ชัดแจ้ง เพื่อท่านจะได้ทราบว่า ความหวังที่พระเจ้าเรียกท่านมานั้นคืออะไร มรดกที่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้ารับนั้นมีสง่าราศีและบริบูรณ์เพียงไร 19 และอะไรคือฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่เกินที่จะเปรียบเทียบได้ ซึ่งมีสำหรับพวกเราที่เชื่อ ฤทธานุภาพนี้เป็นพละกำลังที่ดำเนินไปด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 20 ซึ่งพระเจ้าได้กระทำในพระคริสต์เมื่อให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และให้นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระองค์ในอาณาเขตสวรรค์ 21 สูงเหนือบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองและผู้มีสิทธิอำนาจ เหนืออานุภาพและอาณาจักรทั้งปวง เหนือนามทุกนาม ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะถึงด้วย 22 พระเจ้าโปรดให้ทุกสิ่งอยู่ภายใต้เท้าของพระคริสต์ และให้พระองค์เป็นเสมือนศีรษะซึ่งเหนือทุกสิ่งเพื่อคริสตจักร 23 และคริสตจักรก็เป็นเสมือนกายของพระองค์ และเป็นความบริบูรณ์ของพระองค์ผู้ทำให้ทุกสิ่งเต็มเปี่ยมได้

มีชีวิตได้ด้วยพระคุณ

เมื่อก่อน ท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและการกระทำบาปทั้งปวง ดังที่ท่านเคยปฏิบัติมาแต่ก่อน ในยามที่ยังใช้ชีวิตทางโลก และดำเนินตามวิถีผู้อยู่ในระดับปกครองแห่งอำนาจในย่านอากาศ[g] และเป็นวิญญาณที่กำลังจัดการพวกบุตรที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ก่อนพวกเราเคยดำเนินชีวิตในกิเลสฝ่ายเนื้อหนัง[h]เหมือนกับคนเหล่านั้น คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและความคิดเห็น และตามธรรมชาติแล้วเราก็เป็นพวกที่ถูกลงโทษเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่เพราะพระเจ้าเป็นผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อพวกเรา ได้โปรดให้เรามีชีวิตด้วยกันกับพระคริสต์ แม้เราตายแล้วเพราะการล่วงละเมิด พวกท่านมีชีวิตรอดพ้นได้ด้วยพระคุณ และให้เราฟื้นคืนชีวิตในพระองค์ และให้เรานั่งกับพระองค์ในอาณาเขตสวรรค์ เพราะเราผูกพันในพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าในยุคต่อๆ ไปพระองค์จะได้แสดงพระคุณอันยิ่งใหญ่ซึ่งเกินที่จะเปรียบเทียบได้ จากการที่พระองค์กรุณาต่อเราในพระเยซูคริสต์ ด้วยว่าท่านได้รับความรอดพ้นโดยพระคุณอันเกิดจากความเชื่อ ไม่ได้มาจากการปฏิบัติตนของพวกท่านเอง แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ ไม่ใช่ผลที่ได้จากการปฏิบัติตนซึ่งไม่มีใครจะเอามาอวดอ้างได้ 10 เพราะเราเป็นผลงานของพระองค์ซึ่งสร้างขึ้นให้ผูกพันในพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ปฏิบัติสิ่งที่ดีงามอันเป็นสิ่งที่พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าให้เราทำ

เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์

11 ฉะนั้น จงจำไว้ว่าแต่ก่อนพวกท่านเป็นบรรดาผู้ที่เป็นคนนอกฝ่ายกาย และพวกที่ถือว่าตนเป็น “พวกที่เข้าสุหนัต” ได้เรียกท่านว่า “พวกที่ไม่เข้าสุหนัต” โดยที่พวกเขาเข้าสุหนัตด้วยฝีมือมนุษย์ 12 จงจำไว้ว่าในเวลานั้นพวกท่านแยกไปจากพระคริสต์ ไม่มีส่วนร่วมกับชาติอิสราเอล และเป็นคนแปลกถิ่นต่อพันธสัญญาที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ท่านอยู่ในโลกโดยไม่มีความหวัง โดยไม่มีพระเจ้า 13 ครั้งหนึ่งท่านเคยอยู่ห่างไกล แต่บัดนี้ด้วยความผูกพันในพระเยซูคริสต์ โลหิตของพระคริสต์ได้นำท่านเข้ามาใกล้ 14 ด้วยว่าพระองค์เป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ที่ทำให้เราทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกัน และทำลายกำแพงกั้นแห่งความเป็นปฏิปักษ์ โดยการสละกายของพระองค์ 15 พระองค์ทำให้กฎแห่งพระบัญญัติและข้อบังคับต่างๆ เป็นโมฆะ เพื่อให้คนจากสองฝ่ายถูกผสานเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เป็นการทำให้เกิดสันติสุข 16 และเพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายคืนดีกับพระเจ้าในลักษณะของความเป็นหนึ่งโดยผ่านไม้กางเขน ซึ่งเป็นการทำลายความเป็นปฏิปักษ์ 17 และพระองค์ได้มาประกาศสันติสุขแก่พวกท่านทั้งที่อยู่ห่างไกลและแก่บรรดาผู้อยู่ใกล้ 18 โดยทางพระองค์ทำให้เราทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเข้าถึงพระบิดาได้โดยพระวิญญาณองค์เดียว 19 ดังนั้นพวกท่านไม่ใช่คนแปลกถิ่นหรือชาวต่างแดน แต่ท่านเป็นพี่น้องร่วมชาติด้วยกันกับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และเป็นคนในครอบครัวของพระเจ้า 20 ได้รับการเสริมสร้างขึ้นบนฐานรากของพวกอัครทูตและบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า โดยมีพระเยซูคริสต์เป็นศิลามุมเอก 21 พระองค์เป็นผู้ทำให้ทั้งเรือนเชื่อมต่อกันและขยายต่อเติมขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า 22 พวกท่านก็กำลังถูกสร้างขึ้นด้วยกันในพระองค์ ให้เป็นที่สถิตของพระวิญญาณของพระเจ้าเช่นกัน

เปาโลประกาศแก่คนนอก

ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเนื่องจากการรับใช้พระเยซูคริสต์เพื่อผลประโยชน์ของพวกท่านซึ่งเป็นคนนอก ท่านเคยได้ยินแล้วมิใช่หรือว่า ด้วยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้ให้ข้าพเจ้าจัดการแผนงานนี้เพื่อท่าน คือความลึกลับซับซ้อนที่พระเจ้าได้เผยแก่ข้าพเจ้า ตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนย่อๆ ไว้แล้ว เมื่อท่านอ่านแล้ว ท่านก็จะเข้าใจถึงความเห็นแจ้งที่ข้าพเจ้ามีในเรื่องความลึกลับซับซ้อนของพระคริสต์ ซึ่งคนในยุคอื่นๆ ไม่ได้รับทราบอย่างที่พระวิญญาณได้เผยให้บรรดาอัครทูตและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่บริสุทธิ์ได้ทราบ ความลึกลับนั้นก็คือ บรรดาคนนอกได้เป็นผู้ร่วมรับมรดก ได้เป็นสมาชิกของกายเดียวกัน และได้มีส่วนร่วมกับพระสัญญาในพระเยซูคริสต์ก็โดยข่าวประเสริฐ

ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ของข่าวประเสริฐนี้ได้โดยพระคุณของพระเจ้า อันเป็นสิ่งที่พระองค์มอบให้แก่ข้าพเจ้าตามอานุภาพของการกระทำของพระองค์ แม้ข้าพเจ้าจะเป็นคนด้อยสุดในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้ายังได้รับพระคุณนี้ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่อันมิอาจหยั่งถึงของพระคริสต์แก่บรรดาคนนอก และแสดงให้คนทั้งปวงเห็นแผนงานอันลึกลับซับซ้อนซึ่งพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งไม่ได้เผยให้ผู้ใดทราบมาเป็นเวลาหลายยุค 10 เพื่อว่าบัดนี้พวกที่อยู่ในระดับปกครอง และบรรดาผู้มีสิทธิอำนาจในอาณาเขตสวรรค์ จะได้ประจักษ์ถึงพระปัญญารอบด้านของพระเจ้าโดยผ่านคริสตจักร 11 ตามจุดประสงค์อันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทำให้ประสบผลสำเร็จในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 12 เราจะได้เข้าถึงพระเจ้าได้อย่างเสรีและด้วยความมั่นใจ เมื่อเรามีความผูกพันในพระองค์และมีความเชื่อในพระองค์ 13 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอให้ท่านอย่าได้ท้อใจที่ข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมานเพื่อท่าน ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติของท่านเอง

เปาโลอธิษฐานให้ชาวเอเฟซัส

14 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลง ณ เบื้องหน้าพระบิดา 15 ซึ่งได้โปรดให้ทุกตระกูลทั้งในสวรรค์และโลกมนุษย์ได้รับนามของตน 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า พระองค์จะให้อานุภาพแก่ท่านด้วยพระวิญญาณของพระองค์เพื่อให้ส่วนลึกในใจของท่านเข้มแข็ง ตามความยิ่งใหญ่แห่งพระบารมีของพระองค์ 17 เพื่อพระคริสต์จะสถิตในใจท่านเนื่องจากการที่ท่านมีความเชื่อ และเมื่อท่านได้รับการปลูกฝังและวางรากฐานในความรัก 18 แล้วท่านก็จะได้หยั่งรู้อย่างบริบูรณ์ถึงความรักของพระคริสต์ว่าลึกซึ้งเพียงใดพร้อมไปกับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 19 และจะได้ทราบถึงความรักนี้ว่าลึกซึ้งเกินหยั่งถึง เพื่อท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

20 แด่พระองค์ผู้มีอานุภาพที่สำแดงอยู่ในพวกเรา พระองค์สามารถกระทำกิจได้มากมายโดยมิอาจประมาณได้ และเกินกว่าที่เราจะขอหรือคาดคิดได้ 21 ขอพระบารมีจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ทุกชั่วอายุคนชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษเนื่องจากการรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ขอร้องให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับที่พระองค์เรียกท่าน จงถ่อมตัว มีความอ่อนโยน และอดทนเสมอ อดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก เพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันซึ่งพระวิญญาณมอบให้ โดยสันติสุขที่เชื่อมโยงพวกท่านไว้ มีเพียงกายเดียวและพระวิญญาณเดียว เหมือนเวลาที่พระองค์เรียกท่านให้มีความหวังเดียว พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของเราทุกคน เป็นเจ้านายเหนือเราทุกคน ดำเนินงานผ่านเราทุกคนและดำรงอยู่ในเราทุกคน

ทว่าพระคุณที่เราแต่ละคนได้รับนั้นมากน้อยตามแต่ของประทานที่พระคริสต์มอบให้ จึงมีบันทึกไว้ว่า

“เมื่อพระองค์ได้ขึ้นไปสู่ที่สูง
    พระองค์นำพวกเชลยไป
    และมนุษย์ได้รับสิ่งที่พระองค์มอบให้”[i]

(ที่กล่าวว่า “พระองค์ขึ้นไป” หมายความว่าอย่างไรบ้าง นอกจากจะหมายถึงว่าพระองค์ได้ลงไปสู่เบื้องต่ำกว่าในแผ่นดินโลกด้วย 10 องค์ที่ลงไปสู่เบื้องล่าง คือองค์ที่ได้ขึ้นไปสู่ที่สูงเหนือฟ้าสวรรค์ เพื่อพระองค์จะได้โปรดให้ทุกสิ่งเต็มเปี่ยม) 11 และพระองค์โปรดให้บางคนเป็นอัครทูต บ้างก็เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาล[j] หรือครูอาจารย์ 12 เพื่อเตรียมบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าให้พรักพร้อมในการรับใช้ เพื่อเสริมสร้างกายของพระคริสต์ 13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและความรู้ในเรื่องพระบุตรของพระเจ้า คือเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ เจริญเต็มที่ด้วยความบริบูรณ์ของพระคริสต์

14 แล้วเราจะได้ไม่เป็นเด็กทารกที่ถูกซัดไปมาเหมือนคลื่น และถูกพัดให้ไหวปลิวไปมาด้วยลมแห่งลัทธิทั้งปวง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ด้วยอุบายหลอกลวงของพวกเขาอีกต่อไป 15 แต่พูดความจริงด้วยความรัก เราควรอย่างยิ่งที่จะมีความผูกพันในพระคริสต์ให้มากขึ้นในทุกสิ่ง เนื่องจากพระองค์เป็นเสมือนศีรษะแห่งกายของคริสตจักร 16 ทุกๆ ส่วนของกายเชื่อมต่อประสานกันได้ด้วยข้อต่อทุกข้อที่พระองค์มอบให้ เมื่อแต่ละส่วนได้ปฏิบัติงานตามความเหมาะสม จึงเติบโตและสร้างกายขึ้นได้ในความรัก

ดำเนินชีวิตในฐานะบุตรแห่งความสว่าง

17 ฉะนั้น ข้าพเจ้าบอกท่านถึงเรื่องนี้ และยืนกรานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านไม่ควรใช้ชีวิตตามอย่างบรรดาคนนอกอีกต่อไป เพราะความคิดของเขาไร้ค่า 18 ความนึกคิดของเขามืดมนและแยกออกจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพวกเขา เนื่องจากใจของเขาแข็งกระด้าง 19 พวกเขาไม่มีความละอายหลงเหลืออยู่ เขาได้ปล่อยตัวไปตามแรงกามราคะ และเร่าร้อนอยากทำสิ่งสกปรกโสมมทุกอย่าง 20 แต่พวกท่านไม่ได้เรียนรู้ถึงพระคริสต์แบบนั้น 21 ถ้าท่านได้ยินเรื่องของพระองค์อย่างแท้จริง และได้รับการสอนตามความจริงซึ่งมีในพระเยซู 22 ท่านก็จงเลิกจากการดำเนินชีวิตเก่า ซึ่งท่านเคยประพฤติตามแรงดึงดูดของกิเลสซึ่งกำลังทำลายตัวท่านอยู่ 23 และจงปรับเปลี่ยนความคิดของท่านเสียใหม่ 24 จงรับชีวิตใหม่ซึ่งถูกสร้างให้เป็นเหมือนของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

25 ฉะนั้น ทุกท่านควรละจากความเท็จ และจงพูดความจริงกับเพื่อนบ้านของตน เพราะเราเป็นส่วนของกายเดียวกัน 26 “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่ากระทำบาป”[k] พอสิ้นแสงตะวันแล้วก็อย่าได้เก็บความโกรธไว้เลย 27 อย่าปล่อยโอกาสให้แก่พญามาร 28 ใครที่เป็นขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป ต้องทำงาน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วยมือของเขาเอง เพื่อจะได้มีพอที่จะแบ่งปันให้แก่คนที่ขัดสนได้ 29 อย่าให้วาจาหยาบคายหลุดออกจากปากท่าน แต่จงกล่าวคำที่ดีเท่านั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้ได้ยิน 30 อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเศร้าใจ ท่านได้รับตราประทับแล้วโดยพระวิญญาณเพื่อวันแห่งการไถ่ 31 จงเลิกให้ได้จากความขมขื่น ความเกรี้ยวกราด ความโกรธ การเอ็ดตะโรตะโกนใส่กัน การใส่ร้าย และการปองร้ายในทุกประการ 32 และจงมีใจกรุณาต่อกัน มีใจสงสาร ยกโทษให้กันและกัน เหมือนกับที่พระเจ้าได้ยกโทษให้แก่ท่านโดยผ่านพระคริสต์

ฉะนั้น จงทำตามอย่างพระเจ้า ให้สมกับที่เป็นบุตรที่รักของพระองค์ และทำทุกสิ่งในชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์ได้รักเราและสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา ดั่งเครื่องถวายและเครื่องสักการะที่หอมกรุ่นซึ่งเป็นที่พอใจของพระเจ้า

แต่อย่าให้มีการประพฤติผิดทางเพศ หรือเกี่ยวข้องกับมลทินทุกชนิด หรือมีความโลภในหมู่ท่านแม้แต่น้อย เพราะไม่เหมาะแก่ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ไม่ควรพูดหยาบโลนและไร้สาระ หรือไม่ควรกล่าวคำล้อเล่นหยาบโลน แต่ควรกล่าวคำขอบคุณพระเจ้ามากกว่า ท่านมั่นใจอย่างแน่นอนได้ว่า คนที่ประพฤติผิดทางเพศหรือยุ่งกับความสกปรกโสมมหรือความโลภ (คนโลภนับว่าเป็นคนประเภทบูชารูปเคารพ) ไม่มีส่วนร่วมในอาณาจักรของพระคริสต์และพระเจ้า อย่าให้ใครหลอกลวงท่านด้วยคำพูดเหลวไหล เพราะด้วยเหตุเหล่านี้ การลงโทษของพระเจ้าจึงตกอยู่กับคนที่ไม่เชื่อฟัง ฉะนั้นอย่าข้องเกี่ยวกับคนเหล่านั้น ด้วยว่าแต่ก่อนท่านเคยอยู่ในความมืด แต่เดี๋ยวนี้ท่านอยู่ในความสว่างในพระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเหมือนบรรดาบุตรแห่งความสว่างเถิด ด้วยว่าผลแห่งความสว่างคือความดีทุกประการ ความชอบธรรม และความจริง 10 จงพยายามเรียนให้รู้ว่าสิ่งใดเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 11 อย่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของความมืดอันไร้ประโยชน์ แต่จงเปิดโปงให้คนรู้ 12 ด้วยว่า เป็นที่น่าละอายแม้จะมีผู้ใดกล่าวถึงพวกที่ไม่เชื่อฟังว่าเขากระทำอะไรบ้างในที่ลับ 13 แต่เมื่อสิ่งใดถูกเปิดโปงออกโดยความสว่าง สิ่งนั้นก็จะเป็นที่รู้แจ้งเห็นจริง 14 ด้วยว่าความสว่างทำให้เห็นทุกสิ่ง จึงมีคำกล่าวว่า

“ผู้หลับใหลเอ๋ย จงตื่นเถิด
    จงฟื้นขึ้นจากความตาย
    และพระคริสต์จะส่องความสว่างให้แก่ท่าน”

15 ฉะนั้น จงระวังให้ดีว่าท่านใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนไร้ปัญญาแต่เป็นเช่นคนมีปัญญา 16 จงทำดีที่สุดในทุกโอกาสเพราะยามนี้เป็นเวลาแห่งความชั่ว 17 ดังนั้น อย่าโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าพระผู้เป็นเจ้ามีความประสงค์อย่างไร 18 อย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งนำไปสู่ราคะตัณหา แต่จงเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณ 19 จงสนทนากันด้วยการใช้คำจากสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายวิญญาณ จงร้องเพลงและร้องสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากใจท่าน 20 จงขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาสำหรับทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 21 จงยอมเชื่อฟังกันและกันเพราะความยำเกรงในพระคริสต์

สามีและภรรยา

22 ภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตนเหมือนเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า 23 ด้วยว่าสามีเป็นเสมือนศีรษะของภรรยา เช่นเดียวกับพระคริสต์ผู้เป็นเสมือนศีรษะของคริสตจักรซึ่งเปรียบเสมือนกายของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นของคริสตจักร 24 คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์เช่นไร ภรรยาควรยอมเชื่อฟังสามีในทุกสิ่งก็เช่นนั้น

25 สามีจงรักภรรยาเช่นเดียวกับที่พระคริสต์รักคริสตจักร และสละชีวิตของพระองค์เองให้แก่คริสตจักร 26 เพื่อให้คริสตจักรบริสุทธิ์ด้วยน้ำที่ชำระด้วยคำกล่าวของพระเจ้า 27 เพื่อว่าพระองค์จะได้รับคริสตจักรที่งดงามตระการมาเป็นของพระองค์ ไม่มีด่างพร้อยรอยตำหนิ หรือสิ่งมลทินทำนองนั้น แต่จะเป็นคริสตจักรที่บริสุทธิ์ปราศจากข้อตำหนิ 28 ดังนั้น สามีควรรักภรรยาของตนเหมือนรักร่างกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนย่อมรักตนเอง 29 ด้วยว่าไม่มีใครที่เกลียดชังตนเอง แต่เลี้ยงดูและทะนุถนอมไว้ เหมือนกับที่พระคริสต์กระทำต่อคริสตจักร 30 เพราะเราเป็นเสมือนส่วนต่างๆ ของกายของพระองค์ 31 “ด้วยเหตุนี้ ชายจึงจากบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยาของตน และทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”[l] 32 นี่เป็นข้อลึกลับซับซ้อน แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคริสต์และคริสตจักร 33 อย่างไรก็ตาม ท่านทุกคนจงรักภรรยาของตนให้เหมือนกับรักตนเอง และภรรยาจงเคารพสามีของตน

บิดามารดาและลูก

ส่วนบุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาของตนในเมื่อเจ้าเป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีคำสัญญาควบคู่ด้วย “เพื่อทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีกับเจ้า และเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาวในโลก”[m] ท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของตนให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูด้วยการฝึกให้มีวินัยและตักเตือนเขาในทางของพระผู้เป็นเจ้า

เจ้านายและทาส

ผู้เป็นทาส จงเชื่อฟังบรรดาเจ้านายด้วยความยำเกรง และความเคารพ และด้วยใจจริงเหมือนกับที่ตนเชื่อฟังพระคริสต์ จงเชื่อฟังเจ้านายไม่เพียงเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อให้เป็นที่พอใจเจ้านายเท่านั้น แต่รับใช้ดั่งทาสผู้รับใช้ของพระคริสต์ คือทำตามความประสงค์ของพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ จงรับใช้ด้วยความเต็มใจ ให้เหมือนว่าท่านรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่รับใช้มนุษย์ เพราะท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าจะมอบรางวัลให้แก่ทุกคนที่กระทำความดี ไม่ว่าจะเป็นทาสหรืออิสระ และผู้เป็นเจ้านาย จงปฏิบัติต่อทาสของตนในวิธีเดียวกัน อย่าข่มขู่ทาส เพราะท่านทราบว่าองค์ผู้เป็นเจ้านายของทั้งทาสและตัวท่านเองอยู่ในสวรรค์ และพระองค์ไม่ลำเอียง

เกราะของพระเจ้า

10 สุดท้ายนี้ ขอท่านจงเข้มแข็งในพระผู้เป็นเจ้า และโดยมหิทธานุภาพของพระองค์ 11 จงสวมเกราะของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อท่านจะได้สามารถต่อต้านกลอุบายของพญามารได้ 12 ด้วยว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับศัตรูที่มีเลือดเนื้อ แต่ต่อสู้กับบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครอง บรรดาผู้มีสิทธิอำนาจ บรรดาผู้ครองโลกแห่งความมืดนี้ และต่อสู้กับพลังฝ่ายวิญญาณแห่งความชั่วในอาณาเขตสวรรค์ 13 ฉะนั้นจงสวมเกราะของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อว่าเมื่อเวลาแห่งความชั่วมาถึง ท่านจะได้สามารถต่อสู้ต้านทานมันได้ และหลังจากสู้จนถึงที่สุดแล้ว ก็ยังจะยืนหยัดได้ 14 ดังนั้นจงยืนหยัดด้วยเข็มขัดแห่งความจริงที่รัดไว้รอบเอวของท่าน ด้วยเกราะป้องกันอกแห่งความชอบธรรม 15 และรองเท้าที่สวมเป็นเสมือนความพร้อมที่จะประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข 16 นอกจากนี้ จงถือโล่แห่งความเชื่อไว้เสมอ เพื่อเป็นเครื่องดับลูกศรที่ลุกเป็นไฟของมารร้าย 17 สวมหมวกเหล็กแห่งความรอดพ้น และถือคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเป็นเสมือนดาบแห่งพระวิญญาณ 18 จงอธิษฐานเสมอด้วยการนำของพระวิญญาณ ด้วยการอธิษฐานและวิงวอนขอในทุกเรื่อง จงกระตือรือร้นและหมั่นวิงวอนขอเพื่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 19 ช่วยอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วยว่า พระเจ้าจะดลใจให้ข้าพเจ้าพูด เมื่อข้าพเจ้าเปิดปากประกาศความลึกลับซับซ้อนของข่าวประเสริฐด้วยใจกล้าหาญ 20 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเป็นทูตที่ถูกล่ามโซ่อยู่ จงอธิษฐานว่าเวลาประกาศข้าพเจ้าจะมีใจกล้าตามที่ควรเป็น

คำลงท้าย

21 ทีคิกัสน้องชายที่รักและผู้รับใช้ที่ภักดีในการงานของพระผู้เป็นเจ้าจะบอกท่านถึงทุกสิ่ง ท่านจะได้ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่ 22 ด้วยจุดประสงค์นี้เองข้าพเจ้าจึงให้เขามาหาท่าน ท่านจะได้ทราบว่าพวกเราเป็นอย่างไร และเขาจะได้ให้กำลังใจท่าน

23 ขอให้พี่น้องได้รับสันติสุขและความรัก ด้วยความเชื่อจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า 24 ขอพระคุณอยู่กับทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย

การทักทายของเปาโล

จากเปาโลและทิโมธี ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์

เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนในพระเยซูคริสต์ที่เมืองฟีลิปปี รวมทั้งบรรดาผู้ดูแลสาวก และผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักร

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเราและจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

คำอธิษฐานขอบพระคุณ

ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าทุกครั้งเมื่อระลึกถึงท่าน ทุกครั้งที่อธิษฐานเพื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าอธิษฐานด้วยความยินดีเสมอ เพราะท่านเป็นผู้ร่วมงานด้วยกันในเรื่องข่าวประเสริฐนับตั้งแต่วันแรกจนถึงบัดนี้ ข้าพเจ้าแน่ใจในเรื่องนี้ว่า พระองค์ผู้ได้เริ่มปฏิบัติงานอันดีงามในตัวท่าน จะกระทำต่อไปจนเสร็จบริบูรณ์จนกระทั่งวันที่พระเยซูคริสต์จะมา สมควรแล้วที่ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับท่านทุกคน ในเมื่อข้าพเจ้ามีใจรักท่าน ทั้งในเวลาที่ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่อยู่ หรือพูดแก้คดีและยืนยันความจริงของข่าวประเสริฐ พวกท่านทุกคนได้รับพระคุณร่วมกับข้าพเจ้าในงานอันเป็นพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้าอยากพบท่านทั้งหลายด้วยความรักของพระเยซูคริสต์มากเพียงไร ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าความรักของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น พร้อมกันกับความรู้ และความสามารถหยั่งรู้ในสิ่งต่างๆ 10 เพื่อท่านจะได้สังเกตว่าสิ่งใดประเสริฐสุด ท่านจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์และปราศจากการติเตียนใดๆ ตราบจนถึงวันที่พระคริสต์จะมา 11 ท่านจะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยพระเยซูคริสต์ นับเป็นการถวายพระบารมีและการสรรเสริญแด่พระเจ้า

ถูกล่ามโซ่เพื่อพระคริสต์

12 พี่น้องเอ๋ย บัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า สิ่งใดที่ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าแล้วได้ทำให้ข่าวประเสริฐก้าวหน้าขึ้น 13 ผลที่ได้คือ เป็นที่ประจักษ์แจ้งในหมู่ผู้คุมประจำวังและคนอื่นๆ แล้วว่า ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่เพื่อพระคริสต์ 14 เป็นเพราะข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่ พี่น้องในพระผู้เป็นเจ้าส่วนใหญ่จึงกล้ากล่าวคำประกาศโดยปราศจากความกลัว

15 เป็นความจริงที่ว่า มีบางคนที่ประกาศเรื่องพระคริสต์เพราะมีใจอิจฉาและชิงดีชิงเด่นกัน แต่ก็มีบางคนที่ทำด้วยความตั้งใจดี 16 พวกหลังนี้ทำด้วยความรัก และทราบว่าข้าพเจ้าถูกประจำการอยู่ที่นี่เพื่อพูดแก้คดีเรื่องข่าวประเสริฐ 17 พวกแรกประกาศเรื่องพระคริสต์ เพราะมีความทะเยอทะยานอันเห็นแก่ตัวมากกว่าความบริสุทธิ์ใจ โดยที่คิดว่าจะก่อความลำบากแก่ข้าพเจ้าขณะที่ถูกล่ามโซ่อยู่ 18 แต่จะแปลกอะไรหรือ สิ่งที่สำคัญคือ ทุกสิ่งไม่ว่าจะเกิดจากแรงจูงใจที่ผิดหรือถูก ต่างก็ประกาศเรื่องพระคริสต์ และด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี

ใช่แล้ว และข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีต่อไปอีก 19 เพราะข้าพเจ้าทราบว่าเนื่องจากคำอธิษฐานของท่าน และความช่วยเหลือที่ได้รับจากพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าแล้วจะปรากฏผลเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับการปล่อยตัว 20 ข้าพเจ้าหมายมั่นและคาดหวังด้วยใจจดจ่อว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอายในสิ่งใด แต่จะมีความใจกล้าอย่างที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะในบัดนี้ เพื่อให้เป็นที่ทราบกันว่า พระคริสต์ยิ่งใหญ่ในตัวข้าพเจ้า ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่หรือตายก็ตาม 21 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ แต่ถ้าจะตายก็จะได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น 22 ถ้าร่างกายข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ก็หมายถึงผลงานที่จะเพิ่มพูนขึ้น กระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะเลือกอะไรดี ข้าพเจ้าไม่ทราบ 23 ข้าพเจ้าลังเลใจในระหว่าง 2 สิ่งนี้ ข้าพเจ้าอยากจะจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ซึ่งวิเศษยิ่งกว่า 24 แต่การที่ร่างกายข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เป็นประโยชน์แก่ท่านมากกว่า 25 ในเมื่อข้าพเจ้าแน่ใจในเรื่องนี้ดี ข้าพเจ้าจึงทราบว่าข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ และจะอยู่กับท่านทุกคนต่อไปเพื่อความก้าวหน้าของท่าน และท่านจะได้ยินดีในความเชื่อ 26 เพื่อว่าความภูมิใจของท่านที่มีต่อพระเยซูคริสต์จะท่วมท้นในตัวข้าพเจ้า เวลาที่ข้าพเจ้ามาหาท่านอีก

27 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงปฏิบัติตนให้สมกับคุณค่าแห่งข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่มาก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับท่านได้ว่า ท่านยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยึดมั่นในความคิดเดียวกันเพื่อความเชื่อของข่าวประเสริฐ 28 โดยพวกที่ขัดขวางก็ไม่สามารถทำให้ท่านหวาดหวั่นแต่อย่างใด ซึ่งจะเป็นที่พิสูจน์แก่พวกเขาว่า พระเจ้าจะกระทำให้พวกเขาพินาศ และพวกท่านจะรอดพ้น 29 ด้วยว่าเป็นเพราะพระคริสต์ ท่านจึงได้รับสิทธิพิเศษคือ ไม่เพียงเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ทนทุกข์ทรมานเพื่อพระองค์ด้วย 30 ท่านกำลังประสบความลำบากเช่นเดียวกับที่ท่านเห็นข้าพเจ้าประสบมาแล้ว และบัดนี้ท่านก็ได้ยินว่าข้าพเจ้ายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่

ถ่อมตัวตามอย่างพระคริสต์

ฉะนั้น ถ้าท่านมีพลังใจในพระคริสต์ ถ้ามีการปลอบโยนจากความรักของพระองค์ ถ้ามีสามัคคีธรรมของพระวิญญาณ ถ้ามีความอ่อนหวานและความสงสาร ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีจิตวิญญาณและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่ากระทำสิ่งใดอันเกิดจากความเห็นแก่ตัวหรือคิดยโส แต่จงถ่อมตัว และถือว่าผู้อื่นสำคัญกว่าตนเอง อย่าเพียงแต่คิดถึงผลประโยชน์ของตนเอง แต่จงคิดถึงผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย จงให้ความรู้สึกนึกคิดเป็นเช่นนี้ในหมู่ท่าน อย่างที่เป็นในพระเยซูคริสต์ แม้ว่าพระองค์มีสถานภาพเป็นพระเจ้า แต่ไม่ได้ยึดสถานภาพที่เสมอกับพระเจ้าไว้ พระองค์กลับสละทุกสิ่ง โดยรับสภาพเป็นผู้รับใช้ และมาเกิดในลักษณะของมนุษย์ และเมื่อปรากฏให้เห็นเป็นร่างกายอย่างมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ถ่อมพระองค์เอง และยอมเชื่อฟังจนถึงขั้นที่ต้องเสียชีวิต แม้กระทั่งเป็นความตายบนไม้กางเขน ฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ยกพระองค์ขึ้นสู่ที่สูงสุด และมอบพระนามที่เหนือนามอื่นใดแก่พระองค์ 10 เพื่อว่าทุกคนจะได้คุกเข่าลงให้กับพระนามของพระเยซูทั้งในสวรรค์ บนโลก และใต้บาดาล 11 และลิ้นทุกลิ้นยอมสารภาพว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้เป็นเจ้า เพื่อถวายพระบารมีแด่พระเจ้าผู้เป็นพระบิดา

ส่องสกาวดุจดวงดารา

12 ฉะนั้น เพื่อนที่รักทั้งหลาย ตามที่ท่านได้เชื่อฟังมาเสมอแล้วเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่าน และบัดนี้แม้ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ด้วย ท่านก็ควรเชื่อฟังมากยิ่งขึ้น ท่านจงประพฤติตนให้ถึงที่สุด เพื่อให้ความรอดพ้นของท่านบริบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวและหวาดหวั่น 13 ด้วยว่าพระเจ้าเป็นผู้สำแดงการกระทำในหมู่ท่าน เพื่อให้ท่านยินยอมและดำเนินงานตามจุดประสงค์ของพระองค์

14 จงกระทำทุกสิ่งโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง 15 เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกตำหนิและจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นบรรดาบุตรของพระเจ้าที่ปราศจากความมัวหมองท่ามกลางคนในช่วงกาลเวลาที่คดโกงและเสื่อมศีลธรรม ท่านปรากฏในท่ามกลางพวกเขาดุจดวงดาราที่สาดส่องไปในโลก 16 เสนอคำกล่าวแห่งชีวิตให้เขา เพื่อว่าในวันที่พระคริสต์มา ข้าพเจ้าจะได้ภูมิใจว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งหรือลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ 17 ถ้าแม้ว่าโลหิตของข้าพเจ้าถูกเทลงดั่งเครื่องดื่มบูชาบนเครื่องสักการะแห่งความเชื่อของท่าน ข้าพเจ้าก็ชื่นชมและยินดีร่วมกับท่านทุกคน 18 ดังนั้นท่านควรดีใจและชื่นชมยินดีร่วมกับข้าพเจ้าด้วย

ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส

19 หากเป็นด้วยความตั้งใจของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าจะให้ทิโมธีมาหาท่านเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้าจะได้มีกำลังใจเมื่อได้รับข่าวที่เกี่ยวกับท่าน 20 ข้าพเจ้าไม่มีใครที่จะเป็นเหมือนทิโมธี คือเขาห่วงใยเรื่องของท่านอย่างแท้จริง 21 ด้วยว่าทุกคนห่วงใยแต่เรื่องของตนเอง แต่ไม่ได้ห่วงในเรื่องของพระเยซูคริสต์ 22 แต่ท่านก็ทราบแล้วว่า ทิโมธีได้พิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของเขาแล้วว่า เขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในงานด้านข่าวประเสริฐเสมือนบุตรทำงานร่วมกับบิดา 23 ฉะนั้นข้าพเจ้าหวังว่าจะให้เขามาหาท่าน ทันทีที่ข้าพเจ้าทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า 24 และข้าพเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้าว่า ข้าพเจ้าเองจะมาหาท่านในเร็วๆ นี้ด้วย

25 แต่ข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นที่จะให้เอปาโฟรดิทัสกลับมาหาท่านทั้งหลาย เขาเป็นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมรบกับข้าพเจ้า เขาเป็นคนที่ท่านส่งมาช่วยรับใช้ข้าพเจ้าในยามขัดสน 26 ด้วยว่าเขาอยากมาหาท่านทั้งหลายมาก อีกทั้งเป็นทุกข์เพราะท่านได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 เขาป่วยหนักจนเกือบจะเสียชีวิต แต่พระเจ้าโปรดเมตตาเขา และอีกทั้งได้โปรดข้าพเจ้าด้วยคือข้าพเจ้าไม่เศร้าใจยิ่งไปกว่านี้ 28 ข้าพเจ้าจึงได้รีบให้เขาไปหาท่าน เพื่อว่าเวลาท่านพบเขาอีกท่านจะได้ยินดี และข้าพเจ้าจะได้เป็นกังวลน้อยลง 29 ฉะนั้นจงต้อนรับเขาดั่งคนของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดียิ่ง และจงนับถือคนอย่างเขาไว้เถิด 30 เพราะเขาเกือบสิ้นชีวิตเพื่องานของพระคริสต์ เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อทดแทนสิ่งที่ท่านไม่สามารถช่วยข้าพเจ้าได้

อย่าวางใจในฝ่ายเนื้อหนัง

สุดท้ายนี้ พี่น้องเอ๋ย จงชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเถิด ที่ข้าพเจ้าจะเขียนเรื่องนี้ซ้ำถึงท่านอีกก็ไม่เป็นปัญหาเลย และจะเป็นการปลอดภัยสำหรับท่านด้วย

จงระวังพวกสุนัข พวกกระทำชั่ว พวกที่เชือดเนื้อเถือหนัง ด้วยว่า เราเป็นพวกที่เข้าสุหนัตโดยแท้ ซึ่งนมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า และยินดีในพระเยซูคริสต์ และไม่วางใจในฝ่ายเนื้อหนัง แม้ข้าพเจ้าเองก็มีเหตุผลให้วางใจในเนื้อหนังด้วย ถ้าหากยังมีใครที่คิดว่าเขามีเหตุผลให้วางใจในเนื้อหนังแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังมีมากกว่าเขาอีก ข้าพเจ้าเข้าสุหนัตวันที่แปดหลังจากเกิด เป็นชนชาติอิสราเอล เกิดในเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูโดยเนื้อแท้ ในเรื่องของการถือกฎบัญญัติแล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในพรรคฟาริสี เรื่องของความปรารถนาอันแรงกล้าในการรับใช้นั้นข้าพเจ้าข่มเหงคริสตจักร เรื่องความชอบธรรมโดยการถือกฎบัญญัติ ก็ไม่มีใครตำหนิข้าพเจ้าได้ แต่สิ่งใดที่เคยนับว่าเป็นผลประโยชน์แก่ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้านับว่าสิ่งเหล่านั้นไร้ประโยชน์ก็เพื่อพระคริสต์ ยิ่งไปกว่านั้นข้าพเจ้านับว่าทุกสิ่งไร้ประโยชน์ เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่าอันยิ่งใหญ่ในการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทนทุกข์กับการที่เสียทุกสิ่งไปเพื่อพระองค์ และนับว่ามันเป็นเพียงขยะเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์มา และจะได้เห็นว่าข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ โดยไม่ได้มีความชอบธรรมเองโดยการถือกฎบัญญัติ แต่เป็นสิ่งที่ได้มาจากความเชื่อในพระคริสต์ ความชอบธรรม ซึ่งมาจากพระเจ้าบนรากฐานแห่งความเชื่อ 10 เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระคริสต์และอานุภาพแห่งการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และร่วมรับการทนทุกข์ของพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ในการสิ้นชีวิตของพระองค์ 11 โดยที่ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายเช่นกัน

มุมานะสู่เป้าหมาย

12 มิใช่ว่าข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้สำเร็จ หรือเป็นคนดีโดยเพียบพร้อมทุกประการแล้ว แต่ข้าพเจ้ามุมานะเพื่อให้ได้สิ่งนั้น ตามที่พระเยซูคริสต์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นคนของพระองค์ 13 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าถือว่ายังไม่ได้สิ่งนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเสียและก้าวเหยียดไปสู่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า 14 ข้าพเจ้ามุมานะสู่เป้าหมาย เพื่อรางวัลคือการที่พระเจ้าเรียกเพื่อไปสู่ชีวิตเบื้องบน โดยผ่านพระเยซูคริสต์ 15 ฉะนั้นเราทุกคนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณแล้วควรคิดเห็นแบบนี้ แต่ถ้ามีใครที่คิดเห็นต่างออกไป พระเจ้าจะให้เป็นที่ประจักษ์แก่ท่านด้วย 16 อย่างไรก็ตาม เราได้ดำเนินการไปเท่าใดแล้ว ก็จงดำเนินต่อไป

17 พี่น้องเอ๋ย จงทำตามอย่างข้าพเจ้า และจับตาดูคนที่ปฏิบัติตนตามอย่างที่พวกเราทำเป็นตัวอย่างไว้แล้ว 18 ดังที่ข้าพเจ้าได้พร่ำบอกท่านอยู่บ่อยๆ และบัดนี้ก็บอกอีกด้วยน้ำตานองหน้าว่า มีหลายคนที่ใช้ชีวิตเยี่ยงศัตรูต่อไม้กางเขนของพระคริสต์ 19 จุดจบของเขาคือความพินาศ พระเจ้าของเขาคือปากท้องของเขา และสง่าราศีของเขาคือสิ่งที่น่าอับอาย จิตใจของเขาฝักใฝ่อยู่กับสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก 20 ด้วยว่า เรามีสัญชาติเป็นพลเมืองของสวรรค์ และเราตั้งตาคอยองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นจากที่นั่น คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า 21 พระองค์เป็นผู้ที่จะเปลี่ยนร่างกายอันต่ำต้อยของเราให้เป็นเช่นร่างกายอันมีสง่าราศีของพระองค์ โดยฤทธานุภาพที่สามารถให้พระองค์นำทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์

ฉะนั้น พี่น้องที่รักและคิดถึงยิ่ง ท่านจงยืนหยัดในพระผู้เป็นเจ้า พี่น้องที่รักทั้งหลายทำให้ข้าพเจ้ายินดี ท่านเป็นเสมือนมงกุฎแห่งความมีชัยของข้าพเจ้า

การตักเตือน

ข้าพเจ้าขอร้องนางยูโอเดียและนางสุนทิเคให้ปรองดองกันฉันพี่น้องในพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เช่นกัน ข้าพเจ้าขอให้ท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมงานที่แท้จริงได้ช่วยหญิงทั้งสองนี้ เพราะเขาต่างก็ทำงานหนักเคียงข้างข้าพเจ้าในกิจการของข่าวประเสริฐ รวมทั้งเคลเม้นท์และคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิต

จงชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเสมอ ข้าพเจ้าขอพูดอีกว่า จงชื่นชมยินดีเถิด จงให้ความอ่อนโยนของท่านเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้แล้ว อย่ากังวลในสิ่งใดเลย แต่จงอธิษฐานเกี่ยวกับทุกสิ่ง และขอสิ่งที่ต้องการจากพระเจ้าด้วยใจขอบคุณ และสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจของมนุษย์จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านในพระเยซูคริสต์

สุดท้ายนี้ พี่น้องทั้งหลายเอ๋ย ขอให้ความคิดของท่านอยู่กับสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่ายกย่อง สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่น่าชมเชย สิ่งที่ดีเลิศและสมควรแก่การสรรเสริญเถิด จงฝึกตนตามสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับ ได้ยินและได้เห็นในตัวข้าพเจ้า และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะอยู่กับท่าน

เปาโลแจ้งชาวฟีลิปปีว่าได้รับของฝากแล้ว

10 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในพระผู้เป็นเจ้า ที่ท่านมีความห่วงใยข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จริงทีเดียวที่ท่านห่วงใยข้าพเจ้า แต่ท่านไม่มีโอกาสแสดงออก 11 ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้มิใช่ว่าขัดสนสิ่งใด ด้วยว่าข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ในทุกสถานการณ์ 12 ข้าพเจ้ารู้จักทั้งความเป็นอยู่อย่างขัดสน และความเป็นอยู่อย่างมั่งคั่ง ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ถึงเคล็ดลับที่จะพึงพอใจในทุกสภาพ ไม่ว่าจะอิ่มหรืออด ไม่ว่าจะมีเหลือล้นหรือขาดแคลน 13 ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้เพราะมีพระองค์ผู้เสริมกำลังให้แก่ข้าพเจ้า

14 ถึงกระนั้นก็ตาม เป็นความกรุณาของท่านที่ได้มีส่วนร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า 15 พวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบด้วยว่า หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐครั้งแรก และเดินทางต่อไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ก็ไม่มีคริสตจักรใดนอกจากพวกท่านเท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับข้าพเจ้า ทั้งในการให้และการรับ 16 แม้ที่เมืองเธสะโลนิกาท่านก็ได้ส่งความช่วยเหลือไปหลายครั้งในยามที่ข้าพเจ้าขัดสน 17 มิใช่ว่าข้าพเจ้าใจจดจ่อเพื่อคอยรับของฝาก แต่ข้าพเจ้าใจจดจ่อที่จะเห็นท่านได้รับผลเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นส่วนได้ของท่าน 18 ข้าพเจ้าได้รับทุกสิ่ง และได้อย่างเต็มเปี่ยม ข้าพเจ้าไม่ขาดสิ่งใดเลยในเมื่อข้าพเจ้าได้รับสิ่งที่ท่านส่งไปกับเอปาโฟรดิทัสซึ่งเป็นเสมือนของถวายที่หอมกรุ่น เป็นเครื่องสักการะที่พระเจ้าโปรดปรานและพึงใจมาก 19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะมอบสิ่งที่จำเป็นทุกสิ่งให้แก่ท่าน จากทรัพย์สมบัติอันยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยผ่านพระเยซูคริสต์ 20 ขอพระบารมีจงมีแด่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรานิรันดร์กาลเถิด อาเมน

คำลงท้าย

21 ฝากความคิดถึงมายังผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน ซึ่งเป็นคนของพระเยซูคริสต์ พี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงมายังท่าน 22 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ทำงานในวังของซีซาร์

23 ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจงอยู่กับวิญญาณของท่านทั้งหลายเถิด อาเมน[n]

การทักทายของเปาโล

ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า กับทิโมธีน้องชายของเรา

เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และพี่น้องในเมืองโคโลสีซึ่งภักดีและผูกพันในพระคริสต์

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

คำอธิษฐานขอบพระคุณ

พวกเราขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสมอในเวลาที่เราอธิษฐานเพื่อท่าน เนื่องจากเราได้ยินว่า ท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และมีความรักต่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน เนื่องจากความหวังที่มีไว้สำหรับท่านในสวรรค์ ท่านได้ยินเรื่องความหวังนี้มาแล้วซึ่งมีอยู่ในคำกล่าวแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐ ที่ได้ประกาศแก่ท่าน ข่าวประเสริฐนี้บังเกิดผลและทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเกิดผลดีในหมู่ท่าน นับตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าอย่างแท้จริง ตามที่ท่านเรียนรู้จากเอปาฟรัสผู้เป็นเพื่อนที่รักของเราที่รับใช้ด้วยกันมา เขาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ภักดีของพระคริสต์เพื่อพวกท่าน และเขาได้บอกเราถึงความรักของท่านซึ่งพระวิญญาณก่อให้เกิดในตัวท่าน

ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานเพื่อท่าน และขอให้ท่านเปี่ยมด้วยความรู้ที่หยั่งถึงความประสงค์ของพระองค์ ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจทั้งสิ้นทางฝ่ายวิญญาณ 10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่เป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า คือให้เป็นที่พอใจของพระองค์ในทุกสิ่ง ให้เกิดผลในการงานที่ดีทุกอย่างและรู้จักพระเจ้ายิ่งขึ้น 11 ให้มีกำลังมากขึ้นด้วยอานุภาพทั้งปวงตามมหิทธานุภาพของพระองค์ ท่านจะได้ทรหดยิ่งและอดทนนานด้วยใจยินดี 12 อีกทั้งขอบคุณพระบิดาผู้โปรดให้ท่านมีส่วนร่วมได้รับมรดกของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในอาณาจักรแห่งความสว่าง 13 ด้วยว่า พระองค์ได้ช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และนำเราสู่อาณาจักรแห่งพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ 14 เราได้รับการไถ่ คือการยกโทษบาปจากพระองค์

ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นในพระคริสต์

15 พระองค์เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นด้วยตา พระองค์เป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น 16 ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้โดยพระองค์ ทั้งในสวรรค์และบนโลก ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์หรืออาณาจักร หรือบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองหรือมีสิทธิอำนาจ ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ 17 พระองค์ดำรงอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และทุกสิ่งยึดอยู่ด้วยกันได้โดยพระองค์ 18 และพระองค์เป็นเสมือนศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นเสมือนกายของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นบุตรหัวปีที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เพื่อว่าจะได้เป็นที่หนึ่งของสิ่งทั้งปวง 19 ด้วยว่า พระเจ้ายินดีที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นของพระองค์ดำรงอยู่ในพระบุตร 20 และให้ทุกสิ่งกลับคืนดีกับพระเจ้าได้โดยพระบุตร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ บนโลกหรือในสวรรค์ สันติสุขเกิดขึ้นโดยโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนไม้กางเขน

21 เมื่อก่อนนี้ท่านห่างเหินและมีความคิดชั่วร้าย จึงได้ประพฤติชั่ว 22 แต่บัดนี้พระองค์ให้ท่านคืนดีกับพระองค์ได้โดยการสิ้นชีวิตทางฝ่ายกายของพระคริสต์ เพื่อมอบท่านไว้ ณ เบื้องหน้าพระองค์ ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิและข้อกล่าวหา 23 แต่ท่านจะต้องคงอยู่ในความเชื่อต่อไปอย่างแท้จริง มีรากฐานอันมั่นคง ยึดมั่นในความหวังซึ่งมาจากข่าวประเสริฐ ดังที่ท่านได้ยินแล้ว และข่าวประเสริฐนี้ได้ถูกประกาศแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าเปาโลก็ได้มาเป็นผู้รับใช้เพื่อข่าวประเสริฐนั้น

เปาโลปฏิบัติงานเพื่อคริสตจักร

24 บัดนี้ ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่ได้ทนทุกข์เพื่อพวกท่าน และการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ร่างกายของข้าพเจ้าก็รับเพิ่มเติมจนเต็ม เพื่อกายของพระองค์ คือคริสตจักร 25 ข้าพเจ้าได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรตามแผนงานที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าจัดการดูแล โดยมอบคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่ท่านอย่างบริบูรณ์ 26 คือความลึกลับซับซ้อนที่ได้ซ่อนไว้หลายยุคและหลายชั่วอายุคน แต่บัดนี้เปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 27 พระเจ้าประสงค์ให้พวกเขาทราบว่า ความลึกลับซับซ้อนอันประเสริฐยิ่งซึ่งพระองค์มีไว้สำหรับบรรดาคนนอกนั้นคืออะไร ความลึกลับนั้นก็คือพระคริสต์สถิตในตัวท่านซึ่งหมายความว่า ท่านจะมีส่วนร่วมกับพระบารมีของพระเจ้า 28 พวกเราประกาศเรื่องของพระองค์ ทั้งตักเตือน และสั่งสอนทุกคนด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น เพื่อว่าเราจะได้มอบทุกท่านที่เพียบพร้อมในพระคริสต์ได้ 29 และด้วยจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้าจึงลงแรง และตรากตรำด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ซึ่งสำแดงในตัวข้าพเจ้าอย่างมหาศาล

ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าตรากตรำมากเพียงไรเพื่อท่าน และเพื่อพวกที่อยู่ในเมืองเลาดีเซีย และทุกคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีจุดประสงค์ที่จะให้พวกเขาได้รับกำลังใจและผูกพันกันด้วยความรัก เพื่อเขาจะได้แน่ใจได้อย่างที่สุดว่า เขาเข้าใจจริงๆ เพื่อจะได้ทราบถึงความลึกลับซับซ้อนของพระเจ้า คือพระคริสต์ คลังแห่งพระปัญญาและความรู้ทั้งสิ้นถูกซ่อนไว้ในพระองค์ ข้าพเจ้าบอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อไม่ให้ใครหลอกลวงท่านได้ด้วยคำโต้เถียงที่ดูน่าเชื่อถือ แม้ตัวข้าพเจ้าไม่อยู่กับท่าน แต่ใจของข้าพเจ้าอยู่ด้วย และยินดีที่เห็นพวกท่านมีระเบียบวินัย และมีความเชื่อที่มั่นคงในพระคริสต์

เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ ด้วยชีวิตในพระคริสต์

ฉะนั้น ในเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อไปเถิด ฝังรากฐาน และมีชีวิตที่สร้างขึ้นจากพระองค์ ให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้นตามที่ได้รับการสอนมา และท่วมท้นด้วยการขอบคุณพระเจ้า

จงระวัง อย่าให้ใครทำให้ท่านตกเป็นทาสด้วยปรัชญาที่ลวงหลอกและไร้ค่า ตามประเพณีนิยมของมนุษย์ และการบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้า แทนที่จะดำเนินตามพระคริสต์ ด้วยว่า ความเป็นพระเจ้าโดยบริบูรณ์ดำรงอยู่ในพระคริสต์ในรูปลักษณ์ที่เป็นร่างกายมนุษย์ 10 และท่านมีชีวิตที่บริบูรณ์ในพระองค์ และพระองค์เป็นประมุขเหนือการปกครองและสิทธิอำนาจทั้งปวง 11 และการที่ท่านอยู่ในพระองค์ ท่านก็ได้รับพิธีเข้าสุหนัตที่ไม่ได้กระทำด้วยมือมนุษย์ แต่ด้วยการกระทำโดยพระคริสต์ คือหลุดพ้นจากกิเลสฝ่ายเนื้อหนัง[o] 12 ถูกฝังด้วยกันกับพระองค์ในบัพติศมา และท่านได้รับการฟื้นคืนชีวิตขึ้นด้วยกับพระองค์ โดยมีความเชื่อตามพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้สำแดงให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว 13 และเมื่อก่อน ท่านก็เหมือนกับว่าได้ตายไปแล้ว เนื่องจากการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง แต่พระเจ้าให้ท่าน[p]ได้มีชีวิตด้วยกันกับพระคริสต์ โดยยกโทษการล่วงละเมิดทุกอย่างของเรา 14 ด้วยการลบล้างข้อกล่าวหาที่บันทึกไว้ใต้กฎข้อบังคับซึ่งต่อต้านและขัดขวางเรา พระองค์รับเอาข้อกล่าวหาที่บันทึกไว้ไปเสีย โดยตรึงไว้ที่ไม้กางเขน 15 พระองค์ปลดอำนาจของบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองและผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลาย พระองค์ได้แสดงให้เห็นโดยทั่วกันว่า พระองค์มีชัยชนะเหนือพวกเขาด้วยไม้กางเขน

16 ฉะนั้น อย่าให้ผู้ใดวิจารณ์ท่านเรื่องอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือในการฉลองเทศกาลทางศาสนา หรือฉลองเวลาข้างขึ้น หรือวันสะบาโต 17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะมาภายหลัง แต่แก่นแท้คือพระคริสต์ 18 อย่าให้คนที่ชื่นชมกับการเสแสร้งถ่อมตนและกราบไหว้ทูตสวรรค์เป็นผู้ตัดสิทธิ์ท่าน คนประเภทนี้บรรยายความถึงสิ่งที่เขาได้เห็น และเป็นคนหยิ่งผยองโดยไร้เหตุผลตามความคิดที่เป็นแบบมนุษย์ 19 และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ผู้เปรียบเสมือนศีรษะของร่างกาย และทั่วทั้งกายที่อยู่ในการควบคุมของพระคริสต์ได้รับการหล่อเลี้ยงและเชื่อมโยงติดต่อกันได้โดยข้อต่อกับเส้นเอ็น และเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าโปรด

20 ถ้าท่านได้ตายจากการบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้าด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ทำไมท่านจึงยอมอยู่ใต้อำนาจกฎต่างๆ ของมัน ราวกับว่าท่านยังใช้ชีวิตทางโลกอีก 21 เช่น “อย่าหยิบ อย่าชิม อย่าแตะต้อง” 22 สิ่งเหล่านี้เมื่อปฏิบัติตามจะนำไปสู่ความตาย เพราะมีรากฐานมาจากคำสั่งและการสอนของมนุษย์ 23 สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าเกิดจากสติปัญญา อย่างเช่น ท่าทีเคร่งนมัสการ การเสแสร้งว่าถ่อมตน และการทรมานตนเอง แต่มันไม่มีพลังที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากการหลงระเริงฝ่ายเนื้อหนังเลย

ก้าวสู่เส้นทางเดินชีวิตใหม่

ถ้าท่านได้ฟื้นคืนชีวิตกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนซึ่งเป็นที่พระคริสต์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า จงใฝ่ใจในสิ่งที่เป็นฝ่ายเบื้องบน ไม่ใช่ในสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก ด้วยว่า ท่านได้ตายไปแล้ว และชีวิตแท้จริงของท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ด้วยความผูกพันในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้เป็นชีวิตของเราปรากฏขึ้น ท่านก็จะปรากฏกับพระองค์พร้อมกับมีส่วนในพระบารมีของพระองค์

ฉะนั้น จงตายต่อความต้องการฝ่ายโลกที่อยู่ในตัวท่าน อันได้แก่การประพฤติผิดในเรื่องเพศ เรื่องมลทิน กิเลสในกาม การใฝ่ชั่ว และความโลภซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับการบูชารูปเคารพ การลงโทษของพระเจ้ากำลังจะมาก็เพราะสิ่งเหล่านี้ ในคราวที่ท่านดำเนินตามความต้องการฝ่ายโลก ท่านก็เคยเดินตามทางนั้น แต่บัดนี้สิ่งที่ท่านต้องกำจัดเสียคือความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การปองร้าย การใส่ร้าย และวาจาหยาบคายที่หลุดจากปากของท่าน อย่าโกหกกัน ในเมื่อท่านได้เลิกจากการดำเนินชีวิตเก่าอันประกอบด้วยการประพฤติชั่ว 10 และได้ก้าวสู่เส้นทางการดำเนินชีวิตใหม่ ซึ่งกำลังถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ในความรู้ ตามอย่างภาพลักษณ์ขององค์ผู้สร้าง 11 คือไม่มีการแยกว่าเป็นชาวกรีกหรือชาวยิว เข้าสุหนัตหรือไม่ได้เข้าสุหนัต ชาวต่างชาติหรือชาวสิเธีย[q] เป็นทาสหรืออิสระ แต่พระคริสต์เป็นทุกอย่างและสถิตในตัวเราทุกคน

12 ฉะนั้น ตามที่ท่านเป็นคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ท่านบริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่ง จงให้ความสงสาร ความกรุณา การถ่อมตัว ความอ่อนโยน และความอดทนบังเกิดในตัวท่าน 13 จงอดทนต่อกันและกัน และไม่ว่าใครจะมีเรื่องบาดหมางใดๆ ก็จงให้อภัยกันและกัน เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้อภัยท่าน 14 และยิ่งกว่าคุณสมบัติดังกล่าว จงให้ความรักบังเกิดในตัวท่าน ซึ่งจะเชื่อมโยงทุกอย่างให้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเพียบพร้อม 15 จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครอบครองใจท่าน ด้วยว่า พระเจ้าได้เรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันเพื่อสันติสุขนั้น และจงมีใจขอบคุณพระเจ้าเถิด 16 จงให้คำกล่าวของพระคริสต์ดำรงอยู่ในท่านอย่างบริบูรณ์ ด้วยการสอนและตักเตือนกันและกันดั่งคนมีสติปัญญาทุกประการ จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจขอบคุณต่อพระเจ้า 17 และสิ่งใดก็ตามที่ท่านกล่าวหรือกระทำ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา โดยผ่านพระคริสต์

ความสัมพันธ์ในครัวเรือน

18 ผู้เป็นภรรยา จงยอมเชื่อฟังสามีอย่างที่ผู้เชื่อพระผู้เป็นเจ้าควรกระทำ 19 ผู้เป็นสามี จงรักภรรยาของท่านและอย่าแข็งกร้าวต่อนาง 20 ผู้เป็นบุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าพึงพอใจ 21 ผู้เป็นบิดา อย่าทำให้บุตรของท่านขุ่นเคืองในสิ่งที่เขาปฏิบัติ มิฉะนั้นเขาจะท้อแท้ใจ 22 ผู้เป็นทาส จงเชื่อฟังบรรดาเจ้านายทุกอย่าง และมิใช่กระทำเพียงเวลาอยู่ต่อหน้า เพื่อให้เป็นที่พอใจของเจ้านายเท่านั้น แต่ทำด้วยใจจริง ด้วยความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ท่านลงมือกระทำ จงกระทำอย่างสุดจิตสุดใจเหมือนกับที่ท่านทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าทำเพื่อมนุษย์ 24 ท่านทราบอยู่แล้วว่า ท่านจะได้รับมรดกจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล พระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ที่ท่านรับใช้ 25 ใครที่ทำผิดจะต้องได้รับผลตามที่เขาทำไป และในพระเจ้าไม่มีการลำเอียง

จงอุทิศตนในการอธิษฐาน

ผู้เป็นเจ้านาย จงให้ความถูกต้องและความยุติธรรมแก่ทาสของท่าน เพราะท่านทราบว่า ท่านมีเจ้านายในสวรรค์ด้วย

จงอุทิศตนในการอธิษฐานและระวังระไวให้ดี และมีใจขอบคุณพระเจ้า และเมื่อท่านอธิษฐาน จงอธิษฐานเพื่อพวกเราด้วยว่า พระเจ้าจะเปิดโอกาสให้แก่คำประกาศของเรา เพื่อเราจะได้ประกาศความลึกลับซับซ้อนของพระคริสต์ อันเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่อยู่ จงอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะได้ประกาศอย่างชัดเจนตามที่ควรจะเป็น

จงปฏิบัติต่อคนภายนอกด้วยสติปัญญา โดยใช้ทุกโอกาสให้เกิดคุณประโยชน์ ให้การสนทนาของท่านกอปรด้วยเมตตาคุณเสมอ อันเสมือนปรุงด้วยเกลือ เพื่อท่านจะได้ทราบว่า ควรจะตอบคำถามของทุกคนอย่างไร

คำลงท้าย

ทีคิกัสน้องชายที่รักของเราเป็นทั้งผู้รับใช้ที่ภักดี และเพื่อนผู้รับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันมา เขาจะเล่าเรื่องทุกอย่างของข้าพเจ้าแก่ท่าน ด้วยจุดประสงค์นี้เองข้าพเจ้าจึงให้เขามาหาท่าน ท่านจะได้ทราบว่าพวกเราเป็นอย่างไร และเขาจะได้ให้กำลังใจท่าน เขามากับโอเนสิมัสผู้ภักดีและเป็นน้องชายที่รักของเรา ซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกท่าน เขาทั้งสองจะบอกท่านถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่

10 อาริสทาร์คัสเพื่อนร่วมคุกของข้าพเจ้าฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย มาระโกผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของบาร์นาบัสก็เช่นกัน ท่านได้รับคำสั่งเรื่องเขาแล้ว ถ้าเขามาหาท่านก็ช่วยต้อนรับเขาด้วย 11 และเยซูซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่ายุสทัส ฝากความคิดถึงมา คนเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นเพื่อนร่วมงานในอาณาจักรของพระเจ้าที่เป็นพวกเข้าสุหนัต และพวกเขาเป็นผู้ที่ให้กำลังใจข้าพเจ้า 12 เอปาฟรัสผู้เป็นคนหนึ่งในพวกท่าน และเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ฝากความคิดถึงมายังท่าน เขาอธิษฐานให้ท่านอย่างเอาจริงเอาจังอยู่เสมอ เพื่อท่านจะยืนหยัดในความเพียบพร้อม และมั่นใจในความประสงค์ของพระเจ้าทุกประการ 13 ข้าพเจ้าเป็นพยานให้เขาได้ว่า เขาทำงานหนักเพื่อท่าน และเพื่อบรรดาผู้อยู่ในเมืองเลาดีเซียและเมืองฮีเอราบุรี 14 นายแพทย์ลูกาผู้เป็นเพื่อนที่รักของเรา พร้อมกับเดมาสฝากความคิดถึงมายังพวกท่าน 15 ช่วยฝากความคิดถึงมายังพี่น้องที่อยู่ในเมืองเลาดีเซีย และมายังนุมฟา อีกทั้งคริสตจักรที่พบกันในบ้านของเธอด้วย 16 หลังจากอ่านจดหมายนี้แล้ว จงให้คนอ่านในคริสตจักรของชาวเลาดีเซียด้วย และสำหรับท่านก็จงอ่านจดหมายที่ข้าพเจ้าเขียนถึงชาวเลาดีเซียเช่นกัน 17 ช่วยบอกอาร์คิปปัสว่า “จงแน่ใจว่า จะทำงานรับใช้พระผู้เป็นเจ้าตามที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จบริบูรณ์”

18 ข้าพเจ้าเปาโลเขียนฝากความคิดถึงนี้มาด้วยมือของข้าพเจ้าเอง จงจำไว้ว่าข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่อยู่ ขอพระคุณจงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation