Bible in 90 Days
เยโฮยาดาปฏิรูป
16 เยโฮยาดาทำพันธสัญญาระหว่างตนเองกับประชาชนและกษัตริย์ว่า ให้พวกเขาเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า 17 ครั้นแล้ว ประชาชนทั้งปวงจึงเข้าไปทลายวิหารเทพเจ้าบาอัลลง พวกเขาทุบแท่นบูชาและเทวรูปบาอัลจนแตกเป็นชิ้นๆ และฆ่ามัทธานปุโรหิตของเทพเจ้าบาอัลที่หน้าแท่นบูชา 18 แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็กำหนดให้มียามเฝ้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภายใต้การควบคุมของปุโรหิตที่เป็นชาวเลวี และชาวเลวีที่ดาวิดได้จัดระบบให้เป็นผู้ดูแลพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ตามกฎบัญญัติของโมเสส ด้วยความร่าเริงใจและด้วยการร้องเพลง ตามคำสั่งของดาวิด 19 ท่านให้ผู้เฝ้าประตูประจำการที่ประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อกั้นไม่ให้ผู้มีมลทินเข้าไป 20 ท่านให้บรรดาผู้บัญชากองร้อย เจ้าหน้าที่ชั้นสูง ผู้นำประชาชน และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดิน ร่วมกันเชิญกษัตริย์ลงมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เขาทั้งปวงเดินผ่านประตูเหนือ ไปจนถึงวังของกษัตริย์ และเชิญกษัตริย์นั่งบนบัลลังก์ 21 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินต่างยินดี และบ้านเมืองนั้นก็สงบสุขหลังจากที่อาธาลิยาห์ถูกดาบสังหาร
โยอาชปฏิสังขรณ์พระตำหนัก
24 โยอาชมีอายุ 7 ปี เมื่อท่านเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 40 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อศิบียาห์แห่งเบเออร์เช-บา 2 โยอาชกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้าตลอดทั้งชีวิตของเยโฮยาดาปุโรหิต 3 เยโฮยาดาหาภรรยา 2 คนให้ท่าน และท่านมีบุตรชายและบุตรหญิง
4 ต่อมาโยอาชตัดสินใจปฏิสังขรณ์พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 5 ท่านเรียกบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีมาเข้าเฝ้า และกล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และเก็บเงินจากอิสราเอลมาซ่อมแซมพระตำหนักของพระเจ้าของท่าน เป็นเงินรายปี จงปฏิบัติงานให้รวดเร็วด้วย” แต่ชาวเลวีไม่ได้ทำอย่างรวดเร็ว 6 กษัตริย์จึงเรียกเยโฮยาดามหาปุโรหิตมา และถามว่า “ทำไมท่านจึงไม่ได้สั่งให้ชาวเลวีนำเงินภาษีที่เก็บมาจากยูดาห์และเยรูซาเล็มเข้ามา โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า และที่ประชุมของอิสราเอลได้กำหนดเงินภาษีนั้น เพื่อใช้สำหรับกระโจมแห่งพันธสัญญา”[a] 7 เนื่องจากบรรดาบุตรของอาธาลิยาห์หญิงผู้ชั่วร้าย ได้บุกเข้ามาในพระตำหนักของพระเจ้า และนำภาชนะอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้นของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าไปใช้กับเทวรูปบาอัล
8 ดังนั้นกษัตริย์จึงออกคำสั่ง ให้สร้างหีบใบหนึ่ง เอาไปตั้งไว้ที่ด้านนอกประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 9 มีคำสั่งออกไปทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็มให้ประชาชนนำภาษีซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า กำหนดให้เก็บจากอิสราเอลเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร 10 บรรดาผู้นำและประชาชนทั้งปวงต่างมีความยินดีและนำภาษีมามอบไว้ในหีบจนเต็ม 11 เมื่อใดที่ชาวเลวีนำหีบมาให้เจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ และเขาเห็นว่ามีเงินมากมายในหีบ เลขาและผู้ช่วยของมหาปุโรหิตก็จะมาเก็บเงินไป และวางหีบไว้ที่เดิม พวกเขาทำเช่นนี้ทุกวัน และสะสมเงินได้เป็นจำนวนมาก 12 กษัตริย์และเยโฮยาดามอบเงินให้แก่บรรดาผู้มีหน้าที่ปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และจ้างช่างก่ออิฐและช่างไม้มาปฏิสังขรณ์พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และช่างเหล็กและทองสัมฤทธิ์ซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 13 ดังนั้นบรรดาผู้ที่รับผิดชอบก็ปฏิบัติงาน และงานซ่อมแซมก็ก้าวหน้า พวกเขาปฏิสังขรณ์พระตำหนักของพระเจ้า ให้ได้รูปแบบดังเดิม และทำให้แข็งแรงขึ้น 14 เมื่องานเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็นำเงินที่เหลือมามอบคืนกษัตริย์และเยโฮยาดา และใช้เงินนั้นทำเครื่องใช้สำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภาชนะเครื่องใช้สำหรับงานปฏิบัติรับใช้และสำหรับเผาสัตว์เป็นของถวาย ภาชนะเครื่องหอม ภาชนะเครื่องทองคำและเงิน และพวกเขามอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เป็นประจำตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดา
15 เยโฮยาดาชราลงและมีอายุมากแล้ว และเขาก็เสียชีวิตเมื่อมีอายุ 130 ปี 16 พวกเขาเก็บร่างของเขาไว้ในเมืองของดาวิดร่วมกับบรรดากษัตริย์ เพราะเขาได้กระทำความดีในอิสราเอล และกระทำดีต่อพระเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเขา
17 หลังจากเยโฮยาดาเสียชีวิตแล้ว บรรดาผู้นำของยูดาห์มาแสดงคารวะต่อกษัตริย์โยอาช และกษัตริย์ฟังพวกเขา 18 พวกเขาทอดทิ้งพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และบูชาเทวรูปอาเชราห์และพวกรูปเคารพ ความโกรธของพระเจ้าจึงตกอยู่กับยูดาห์และเยรูซาเล็มเพราะความผิดของพวกเขาครั้งนี้ 19 ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังส่งบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ให้มาเตือนพวกเขา เพื่อให้กลับใจเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่สนใจฟัง
ความใจร้ายของโยอาช
20 เศคาริยาห์บุตรของเยโฮยาดาปุโรหิตเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระเจ้า เขายืนต่อหน้าประชาชน และพูดว่า “พระเจ้ากล่าวดังนี้ ‘ทำไมพวกเจ้าจึงละเมิดพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าไม่เจริญเพราะเจ้าละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ละทิ้งพวกเจ้าแล้ว’” 21 แต่พวกเขาคบคิดทำร้ายเขา และได้ใช้หินขว้างเขาที่ลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตามคำสั่งของกษัตริย์ 22 กษัตริย์โยอาชไม่ได้นึกถึงความกรุณาที่เยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์เคยมีต่อท่าน แต่กลับฆ่าบุตรของเขา ขณะที่เขากำลังจะสิ้นลม เขาพูดว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้าเห็นสิ่งที่ท่านทำและคิดบัญชีกับท่าน”
โยอาชถูกลอบสังหาร
23 ตอนปลายปีนั้น กองทัพชาวอารัมขึ้นมาโจมตีโยอาช พวกเขามายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม และได้ฆ่าบรรดาผู้นำของประชาชนทั้งหมด และขนของที่ริบได้ไปให้กษัตริย์แห่งดามัสกัส 24 แม้ว่ากองทัพของชาวอารัมมีจำนวนน้อย พระผู้เป็นเจ้าก็มอบกองทัพที่ใหญ่กว่ามากไว้ในมือของพวกเขา เพราะยูดาห์ได้ละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา โยอาชจึงถูกลงโทษดังกล่าว
25 เมื่อพวกอารัมยกทัพกลับไป โยอาชได้รับบาดเจ็บสาหัส บรรดาผู้รับใช้ของท่านคบคิดทำร้ายท่านจากการที่บุตรของเยโฮยาดาปุโรหิตถูกฆ่า และก็ได้สังหารท่านบนที่นอน ท่านสิ้นชีวิต พวกเขาเก็บร่างของท่านไว้ในเมืองของดาวิด แต่ไม่ได้บรรจุไว้ในถ้ำบรรจุศพของบรรดากษัตริย์ 26 บรรดาผู้ที่คบคิดทำร้ายท่านคือ ศาบาดบุตรนางชิเมอัทชาวอัมโมน และเยโฮซาบาดบุตรนางชิมริทชาวโมอับ 27 เรื่องราวของบรรดาบุตรของท่าน และคำพยากรณ์มากมายที่ต่อต้านท่าน และเรื่องปฏิสังขรณ์พระตำหนักของพระเจ้า ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์ และอามาซิยาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อามาซิยาห์ครองราชย์ในยูดาห์
25 อามาซิยาห์มีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 29 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อเยโฮอัดดานจากเยรูซาเล็ม 2 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ไม่ทำอย่างสุดจิตสุดใจ 3 และทันทีที่อำนาจของกษัตริย์เป็นของท่านอย่างบริบูรณ์แล้ว ท่านก็ได้สั่งฆ่าบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นสูงที่ได้สังหารกษัตริย์ผู้เป็นบิดาของท่าน 4 แต่ท่านไม่ได้ฆ่าพวกลูกๆ ของพวกเขา ตามที่บันทึกไว้ในกฎบัญญัติ ในหนังสือของโมเสส ที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาว่า “อย่าให้บิดาตายแทนบุตรของเขา และอย่าให้บุตรตายแทนบิดาเช่นกัน แต่ละคนต้องตายเพราะบาปของตนเอง”[b]
ชัยชนะของอามาซิยาห์
5 อามาซิยาห์เรียกประชาชนของยูดาห์มาพร้อมหน้ากัน และกำหนดยูดาห์และเบนยามินตามตระกูลของพวกเขาให้อยู่ใต้ผู้บังคับบัญชากองพันและกองร้อย ท่านนับจำนวนคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และพบว่ามีคนที่เหมาะสม 300,000 คนพร้อมจะสู้รบ รู้จักใช้หอกและโล่ 6 ท่านจ้างนักรบผู้เก่งกล้าจากอิสราเอล 100,000 คนด้วยเงิน 100 ตะลันต์ 7 แต่คนของพระเจ้ามาหาท่าน และพูดว่า “โอ กษัตริย์ อย่าให้กองทัพของอิสราเอลไปกับท่านเลย เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่สถิตกับอิสราเอล ไม่อยู่กับชาวเอฟราอิม 8 ถึงแม้ว่าท่านจะไปสู้รบอย่างเก่งกล้าในสงคราม แต่พระเจ้าจะทำให้ท่านหมอบลงต่อหน้าศัตรู เพราะพระเจ้ามีอำนาจจะช่วยและจะทำให้หมอบลงได้” 9 อามาซิยาห์ตอบคนของพระเจ้าว่า “แต่เราจะทำอย่างไรกับเงิน 100 ตะลันต์ที่ได้ให้กองทัพของอิสราเอลไปแล้ว” คนของพระเจ้าตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านได้มากกว่านั้น” 10 อามาซิยาห์จึงปล่อยให้กองทัพที่มาจากเอฟราอิมกลับบ้านไป พวกเขาจึงฉุนเฉียวยูดาห์มาก และกลับบ้านไปด้วยความเกรี้ยวกราด 11 แต่อามาซิยาห์ทำใจกล้าหาญและนำประชาชนของท่านไปยังหุบเขาเกลือ และฆ่าคนของเสอีร์ 10,000 คน 12 คนของยูดาห์จับเชลยได้ 10,000 คน และพาตัวพวกเขาไปที่ยอดผา และผลักให้ตกลงจากที่นั่น ร่างกระแทกหินแหลกเละเป็นชิ้นๆ 13 ส่วนกองทัพทหารที่อามาซิยาห์ส่งกลับไป เนื่องจากท่านไม่ให้ไปสู้รบในสงครามด้วยนั้น ก็โจมตีเมืองต่างๆ ในยูดาห์ และฆ่าประชาชน 3,000 คน ตั้งแต่สะมาเรียถึงเบธโฮโรน และริบข้าวของไปมากมาย
อามาซิยาห์บูชารูปเคารพ
14 หลังจากอามาซิยาห์กลับมาจากการฆ่าล้างชาวเอโดม ท่านนำเทวรูปของพวกเสอีร์มาด้วย อีกทั้งยังได้ตั้งไว้เป็นเทพเจ้าของท่าน ท่านนมัสการและมอบเครื่องบูชาให้แก่เทวรูปเหล่านั้น 15 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงกริ้วอามาซิยาห์มาก และให้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ามาหาท่าน เพื่อถามท่านว่า “ทำไมท่านจึงนมัสการเทพเจ้าของคนเหล่านั้น ซึ่งไม่สามารถช่วยคนของชาวเสอีร์ให้พ้นจากมือของท่าน” 16 ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ กษัตริย์ก็ตอบว่า “พวกเราแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ปรึกษาของราชวงศ์แล้วหรือ หยุดเสียเถิด ท่านอยากถูกฆ่าหรือ” ผู้เผยคำกล่าวจึงหยุด และพูดว่า “ข้าพเจ้าทราบว่าพระเจ้าตัดสินใจที่จะทำลายท่าน เพราะท่านได้ปฏิบัติเช่นนี้ และไม่ฟังคำแนะนำของข้าพเจ้า”
อิสราเอลรบชนะอามาซิยาห์
17 ครั้นแล้ว อามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ก็ปรึกษากับคนของท่าน และส่งคนไปบอกเยโฮอาชบุตรเยโฮอาหาสผู้เป็นบุตรของเยฮู กษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “มาเถิด เรามาเผชิญหน้ากัน” 18 เยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอลส่งสาสน์ไปยังอามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า “พันธุ์ไม้หนามบนภูเขาเลบานอนส่งสาสน์ไปยังไม้ซีดาร์บนภูเขาเลบานอนว่า ‘ยกบุตรหญิงของท่านให้เป็นภรรยาบุตรของเราเถิด’ และสัตว์ป่าแห่งเลบานอนผ่านมา และเหยียบย่ำพันธุ์ไม้หนามเสีย 19 ท่านพูดว่า ‘ดูสิ เราได้ตีเอโดมจนพ่ายแพ้ไป’ จิตใจของท่านจึงหยิ่งผยองนัก แต่บัดนี้ท่านอยู่กับบ้านจะดีกว่า ทำไมท่านจึงจะก่อเรื่องจนถึงกับทำให้ตัวเองล้มลง ทั้งท่านและยูดาห์ด้วย”
20 แต่อามาซิยาห์ก็ไม่ฟัง เพราะพระเจ้าประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เพื่อพระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในมือของศัตรู ในเมื่อเขาเหล่านั้นนมัสการเทพเจ้าของเอโดม 21 ดังนั้นเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงขึ้นไป ท่านและอามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ประจันหน้ากันในสงครามที่เมืองเบธเชเมช ซึ่งเป็นของยูดาห์ 22 และยูดาห์ถูกอิสราเอลตีพ่ายไป ทุกคนเตลิดหนีกลับบ้านของตนไป 23 เยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอลจับตัวอามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์บุตรของโยอาชผู้เป็นบุตรของอาหัสยาห์ ที่เมืองเบธเชเมช และนำท่านไปยังเยรูซาเล็ม และทลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มลง 400 ศอก ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมไปจนถึงประตูมุม 24 และท่านยึดทองคำและเงินทั้งหมด รวมทั้งภาชนะทุกชิ้นที่พบในพระตำหนักของพระเจ้า ซึ่งของเหล่านั้นอยู่ในการดูแลของโอเบดเอโดม ท่านยึดสมบัติจากวังของกษัตริย์ และได้จับตัวประกันไปด้วย จากนั้นท่านก็กลับไปยังสะมาเรีย
25 อามาซิยาห์บุตรของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งยูดาห์มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 15 ปี หลังจากเยโฮอาชบุตรของเยโฮอาหาสกษัตริย์แห่งอิสราเอลสิ้นชีวิต 26 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นที่อามาซิยาห์กระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอลมิใช่หรือ 27 นับจากเวลาที่อามาซิยาห์หันเหไปจากพระผู้เป็นเจ้า มีคนกบฏต่ออามาซิยาห์ในเยรูซาเล็ม ท่านจึงหนีไปยังลาคีช แต่พวกกบฏไล่ตามท่านไปที่ลาคีช และสังหารท่านที่นั่น 28 เขานำท่านมาบนหลังม้า และศพถูกบรรจุไว้กับบรรพบุรุษในเมืองของดาวิด
อุสซียาห์ครองราชย์ในยูดาห์
26 ประชาชนทั้งปวงของยูดาห์แต่งตั้งอุสซียาห์ผู้มีอายุ 16 ปี ให้เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์ผู้เป็นบิดา 2 หลังจากที่บิดาของท่านสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่านแล้ว ท่านก็ฟื้นฟูสภาพเมืองเอโลทใหม่เพื่อแผ่นดินยูดาห์ 3 อุสซียาห์มีอายุ 16 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 52 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาชื่อเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม 4 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่อามาซิยาห์บิดาของท่านได้กระทำ 5 ท่านแสวงหาพระเจ้าในสมัยของเศคาริยาห์ผู้สอนให้ท่านยำเกรงพระเจ้า และตราบที่ท่านแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าก็โปรดให้ท่านรุ่งเรืองขึ้น
6 ท่านออกไปทำสงครามกับชาวฟีลิสเตีย และทลายกำแพงเมืองกัท กำแพงเมืองยับเนห์ และกำแพงเมืองอัชโดด และท่านก็สร้างเมืองต่างๆ ในอาณาเขตของอัชโดดและที่อื่นๆ ของชาวฟีลิสเตีย 7 พระเจ้าช่วยท่านต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย ชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ในกูร์บาอัล และชาวเมอูน 8 ชาวอัมโมนมอบของบรรณาการแก่อุสซียาห์ กิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือไปไกลจนถึงเขตแดนอียิปต์ เพราะท่านมีอำนาจยิ่งนัก 9 ยิ่งกว่านั้น อุสซียาห์ก็ได้สร้างหอคอยในเยรูซาเล็มที่ประตูมุม ประตูหุบเขา และที่มุมกำแพง โดยสร้างหอคอยเหล่านี้ให้แข็งแกร่ง 10 ท่านสร้างหอคอยไว้ในถิ่นทุรกันดาร และขุดบ่อน้ำหลายแห่ง เพราะท่านมีฝูงปศุสัตว์ใหญ่มากในที่ลุ่มและที่ราบ ท่านมีชาวสวนและสวนองุ่นในแถบภูเขาและในที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ เพราะท่านรักการเกษตร 11 ยิ่งกว่านั้น อุสซียาห์มีกองทัพทหารที่ได้รับการฝึกฝนและพร้อมที่จะออกศึก โดยแบ่งออกเป็นกอง ตามจำนวนที่เลขาเยอีเอลและเจ้าหน้าที่มาอาเสยาห์นับรวมไว้ ภายใต้บัญชาการของฮานันยาห์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาของกษัตริย์ 12 หัวหน้าตระกูลของนักรบกล้ามีจำนวน 2,600 คน 13 มีทหารอยู่ใต้บังคับ 307,500 คนที่สามารถสู้รบในสงครามด้วยกำลังอันแข็งแกร่ง เพื่อช่วยกษัตริย์ต่อสู้กับศัตรู 14 อุสซียาห์จัดเตรียมโล่ หอก หมวก เสื้อเกราะ ธนู และก้อนหินสำหรับสลิง ให้ทั้งกองทัพ 15 ในเยรูซาเล็ม ท่านทำเครื่องกลไกไว้บนหอคอยและตามมุมกำแพง ประดิษฐ์โดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อยิงลูกธนูและเหวี่ยงก้อนหินขนาดใหญ่ และกิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือไปไกล เนื่องจากท่านได้รับความช่วยเหลือมากจนแข็งแกร่ง
ความทะนงของอุสซียาห์และโทษทัณฑ์
16 แต่เมื่อท่านแข็งแกร่งแล้ว ท่านก็ทะนงตน จนทำให้ท่านดำดิ่งสู่ความพินาศ ท่านไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และท่านเข้าไปในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชา 17 แต่อาซาริยาห์ปุโรหิตและปุโรหิตผู้กล้าหาญของพระผู้เป็นเจ้าอีก 80 คนตามท่านเข้าไป 18 พวกเขาเผชิญหน้ากับกษัตริย์อุสซียาห์ และพูดว่า “ท่านไม่มีหน้าที่เผาเครื่องหอมถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า นั่นเป็นหน้าที่ของปุโรหิต คือบรรดาบุตรของอาโรนซึ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ที่จะเป็นผู้เผาเครื่องหอม ขอท่านออกไปจากที่พำนัก เพราะท่านได้กระทำผิด และจะไม่ได้รับเกียรติจากพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า” 19 อุสซียาห์จึงโกรธกริ้ว ท่านถือกระถางเครื่องหอมเพื่อจะเผาเครื่องหอม เมื่อท่านโกรธกริ้วปุโรหิต โรคเรื้อนจึงปรากฏขึ้นที่หน้าผากของท่านต่อหน้าบรรดาปุโรหิตในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่ข้างแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม 20 อาซาริยาห์มหาปุโรหิตและปุโรหิตทั้งปวงมองดูท่าน ดูเถิด เกิดโรคเรื้อนขึ้นที่หน้าผากของท่าน พวกเขาจึงพาท่านออกไปโดยเร็ว ท่านก็รีบออกไป เพราะพระผู้เป็นเจ้าทำให้ท่านเป็นอย่างนั้น 21 กษัตริย์อุสซียาห์เป็นโรคเรื้อนจนถึงวันที่ท่านสิ้นชีวิต ซึ่งทำให้ท่านต้องแยกไปอาศัยอยู่ต่างหาก และเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ และโยธามบุตรของท่านเป็นผู้ควบคุมดูแลวังของกษัตริย์ และปกครองประชาชนในแผ่นดิน
22 อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ผู้เป็นบุตรของอามอสบันทึกกิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอุสซียาห์ ตั้งแต่ต้นจนจบ[c] 23 อุสซียาห์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในสุสานของบรรดากษัตริย์ เพราะคนพูดกันว่า “ท่านเป็นโรคเรื้อน” และโยธามบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
โยธามครองราชย์ในยูดาห์
27 โยธามมีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 16 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อเยรูชาห์บุตรหญิงของศาโดก 2 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่อุสซียาห์บิดาของท่านได้กระทำ เว้นแต่ท่านไม่ได้เข้าไปในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า แต่ประชาชนก็ยังคงปฏิบัติอย่างเสื่อมทรามอีก 3 ท่านสร้างประตูเหนือของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และต่อเติมกำแพงที่เนินเขาโอเฟลอีกมาก 4 ยิ่งกว่านั้น ท่านก็ได้สร้างเมืองต่างๆ ในแถบภูเขาของยูดาห์ อีกทั้งป้อมและหอคอยตามป่าเขา 5 ท่านต่อสู้กับกษัตริย์ของชาวอัมโมน และรบชนะพวกเขา ในปีนั้นชาวอัมโมนมอบเงินหนัก 100 ตะลันต์ ข้าวสาลี 10,000 โคร์[d] และข้าวบาร์เลย์ 10,000 โคร์ ชาวอัมโมนมอบบรรณาการเท่ากันในปีที่สองและปีที่สาม 6 ดังนั้นโยธามจึงรุ่งเรืองขึ้น เพราะท่านดำเนินชีวิตด้วยความมั่นคงในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 7 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของโยธาม รวมถึงศึกสงครามและการกระทำของท่าน ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ 8 ท่านมีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 16 ปีในเยรูซาเล็ม 9 โยธามสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด และอาหัสบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาหัสครองราชย์ในยูดาห์
28 อาหัสมีอายุ 20 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 16 ปีในเยรูซาเล็ม ท่านไม่ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า อย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของท่านได้กระทำ 2 แต่ท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล โดยลงมือหล่อเทวรูปบาอัล 3 และท่านมอบเครื่องสักการะในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม และเผาบรรดาบุตรชายของท่านเป็นเครื่องสักการะ ตามอย่างการกระทำอันน่าชังของบรรดาประชาชาติที่พระผู้เป็นเจ้าขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล 4 และท่านได้ถวายเครื่องสักการะ และเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง บนเนินเขา และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
ยูดาห์พ่ายแพ้
5 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน จึงมอบท่านไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอารัม ท่านพ่ายแพ้ และประชาชนจำนวนมากถูกจับไปเป็นเชลยที่ดามัสกัส ท่านถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอิสราเอลด้วย ผู้คนบาดเจ็บและล้มตายแสนสาหัส 6 เปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์ฆ่าล้างผู้กล้าหาญจากยูดาห์ทั้งสิ้น 120,000 คนภายในวันเดียว เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา 7 และศิครีทหารกล้าของเอฟราอิมก็สังหารมาอาเสยาห์บุตรของกษัตริย์ และอัสรีคัมผู้บัญชาวัง และเอลคานาห์คนสำคัญรองจากกษัตริย์ด้วย
8 กองทัพอิสราเอลจับตัวญาติพี่น้องไปเป็นเชลย มีทั้งพวกผู้หญิง บุตรชายบุตรหญิง 200,000 คน นอกจากนั้นก็ริบข้าวของมากมาย และขนกลับไปยังสะมาเรีย 9 แต่โอเดดผู้เผยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น เขาออกไปพบกับกองทัพที่กลับมายังสะมาเรีย และกล่าวแก่พวกเขาว่า “ดูเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านกริ้วยูดาห์ พระองค์จึงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน แต่ท่านได้ฆ่าพวกเขาอย่างไม่ปรานี ทำให้เรื่องขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ 10 และบัดนี้พวกท่านตั้งใจทำให้ประชาชนของยูดาห์และเยรูซาเล็มทั้งชายและหญิงเป็นทาสของท่าน พวกท่านไม่ได้กระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านหรือ 11 บัดนี้ขอท่านจงฟังเรา และส่งเชลยที่ท่านได้จับมาจากญาติพี่น้องของท่านเองกลับไปเสีย เพราะพระผู้เป็นเจ้ากริ้วพวกท่านมาก”
12 มีหัวหน้าบางคนของเอฟราอิมคือ อาซาริยาห์บุตรเยโฮฮานัน เบเรคิยาห์บุตรเมชิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชัลลูม และอามาสาบุตรหัดลัย ที่ยืนคัดค้านบรรดาผู้ที่กลับมาจากสงคราม 13 และพูดกับพวกเขาว่า “อย่านำเชลยเข้ามาในนี้ เพราะท่านจะนำความผิดที่ได้กระทำต่อพระผู้เป็นเจ้า มาเพิ่มเข้าไปกับบาปและความผิดของเราที่มีอยู่แล้ว ความผิดของพวกเรานั้นใหญ่หลวงนัก และพระองค์กริ้วอิสราเอลยิ่งนัก” 14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยตัวเชลยและทิ้งของที่ริบมา ต่อหน้าผู้นำและทุกคนที่ชุมนุมกันอยู่ 15 บรรดาผู้ที่มีชื่อซึ่งกล่าวไว้ข้างต้นก็ลุกขึ้นพาเชลยไปพร้อมกับของที่ถูกริบมา และสวมเสื้อผ้าให้ทุกคนที่เปลือยกายในที่นั้น มอบรองเท้า จัดหาอาหารและน้ำ ชโลมพวกเขาด้วยน้ำมัน และอุ้มทุกคนที่อ่อนแอขึ้นหลังลา แล้วนำตัวพวกเขากลับไปหาญาติพี่น้องที่เยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัม แล้วก็กลับไปยังสะมาเรีย
16 ในเวลานั้น กษัตริย์อาหัสขอให้กษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาช่วยเหลือท่าน 17 เพราะชาวเอโดมได้บุกรุกและโจมตียูดาห์จนแตกพ่ายและกวาดเชลยไป 18 และชาวฟีลิสเตียได้โจมตีเมืองต่างๆ ในที่ลุ่มและในเนเกบของยูดาห์ และได้ยึดเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท โสโคและหมู่บ้านรอบๆ ทิมนาห์และหมู่บ้านรอบๆ กิมโซและหมู่บ้านรอบๆ และพวกเขาก็ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 19 พระผู้เป็นเจ้าทำให้ยูดาห์ต้องถ่อมตัวลง เพราะอาหัสกษัตริย์แห่งอิสราเอลสนับสนุนให้ยูดาห์ทำบาป และท่านไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า 20 ดังนั้นทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงมาต่อต้านท่าน และก่อความเดือดร้อนแทนที่จะเสริมกำลังให้แก่ท่าน 21 อาหัสยกของมีค่าจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า จากวังของกษัตริย์ และจากบรรดาขุนนาง ให้เป็นของกำนัลแก่กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
อาหัสบูชารูปเคารพ
22 ในระหว่างที่กษัตริย์อาหัสเป็นทุกข์ใจอยู่ ท่านก็ยิ่งขาดความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า 23 เพราะท่านมอบเครื่องสักการะแก่บรรดาเทพเจ้าของดามัสกัส ซึ่งทำให้ท่านพ่ายแพ้ ท่านกล่าวว่า “เพราะเทพเจ้าของบรรดากษัตริย์แห่งอารัมช่วยพวกเขา เราจะมอบเครื่องสักการะแก่บรรดาเทพเจ้า เพื่อให้ช่วยเราบ้าง” แต่เทพเจ้าเหล่านั้นกลับทำให้ท่านและอิสราเอลทั้งหมดพังพินาศ 24 อาหัสรวบรวมภาชนะจากพระตำหนักของพระเจ้า และตัดออกเป็นชิ้นๆ และปิดประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และท่านสร้างแท่นบูชาสำหรับท่านเองไว้ที่ทุกมุมเมืองเยรูซาเล็ม 25 ท่านสร้างสถานบูชาบนภูเขาสูงในทุกเมืองของยูดาห์ เพื่อถวายเครื่องบูชาให้แก่บรรดาเทพเจ้า ซึ่งเป็นการยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน 26 กิจอื่นๆ และการดำเนินชีวิตทั้งสิ้นของท่าน ตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่ได้บรรจุไว้ในถ้ำบรรจุศพของกษัตริย์แห่งอิสราเอล และเฮเซคียาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
เฮเซคียาห์ครองราชย์ในยูดาห์
29 เฮเซคียาห์มีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 29 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่ออาบียาห์บุตรหญิงของเศคาริยาห์ 2 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับทุกสิ่งที่ดาวิดบรรพบุรุษของท่านได้กระทำ
เฮเซคียาห์ชำระพระตำหนัก
3 ปีแรกที่ท่านครองราชย์ ในเดือนแรก ท่านเปิดประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4 ท่านเรียกประชุมบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีที่ลานด้านตะวันออก 5 ท่านกล่าวแก่พวกเขาว่า “ชาวเลวี พวกท่านจงฟังเรา ท่านจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และเอาสิ่งที่เป็นมลทินออกไปเสียจากสถานที่บริสุทธิ์ 6 เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ภักดีและกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา พวกเขาได้ละทิ้งพระองค์ และได้เมินหน้าไปจากกระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า และหันหลังให้พระองค์ 7 พวกเขาปิดประตูมุขอีกด้วย ทั้งยังดับดวงประทีป และไม่ได้เผาเครื่องหอมหรือมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายในสถานที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้าของอิสราเอล 8 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงได้กริ้วยูดาห์และเยรูซาเล็ม และพระองค์ได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่หวาดหวั่น ตกตะลึง และเป็นที่เหน็บแนม อย่างที่ท่านเห็นด้วยตาของท่านเอง 9 ดูเถิด บรรพบุรุษของเราล้มตายด้วยดาบ บรรดาบุตรชายบุตรหญิงของเราและภรรยาของพวกเราถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะเหตุนี้ 10 บัดนี้ เราตั้งใจจะทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล เพื่อหันเหความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ไปจากพวกเรา 11 บุตรของเราเอ๋ย จงอย่าละเลยต่อหน้าที่ เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกพวกท่านให้มายืนต่อหน้าพระองค์ เพื่อรับใช้พระองค์ เพื่อเป็นผู้รับใช้ของพระองค์และเผาเครื่องหอมแด่พระองค์”
12 ชาวเลวีที่เริ่มปฏิบัติงานมีรายชื่อดังต่อไปนี้ จากตระกูลโคฮาทคือ มาฮาทบุตรอามาสัย โยเอลบุตรอาซาริยาห์ จากตระกูลเมรารีคือ คีชบุตรอับดี อาซาริยาห์บุตรเยฮาลเลเลล จากตระกูลเกอร์โชนคือ โยอาห์บุตรศิมมาห์ เอเดนบุตรโยอาห์ 13 จากผู้สืบเชื้อสายของเอลีซาฟานคือ ชิมรีและเยอูเอล จากผู้สืบเชื้อสายของอาสาฟคือ เศคาริยาห์และมัทธานิยาห์ 14 จากผู้สืบเชื้อสายของเฮมานคือ เยฮีเอลและชิเมอี จากผู้สืบเชื้อสายของเยดูธูนคือ เชไมยาห์และอุสซีเอล 15 เขาเหล่านี้รวบรวมพี่น้องของเขาและชำระตัวให้บริสุทธิ์ และเข้าไปชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตามที่กษัตริย์ได้มอบหมายตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 16 บรรดาปุโรหิตเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ และนำสิ่งที่มีมลทินทั้งสิ้นที่พบในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ออกไปไว้ที่ลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และชาวเลวีนำสิ่งเหล่านั้นไปทิ้งที่หุบเขาขิดโรน 17 เขาทั้งหลายเริ่มชำระสิ่งเหล่านั้นให้บริสุทธิ์ในวันแรกของเดือนแรก และในวันที่แปดของเดือนนั้นพวกเขามายังหน้ามุขของพระผู้เป็นเจ้า และชำระพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าต่ออีก 8 วัน และชำระเสร็จสิ้นในวันที่สิบหกของเดือนแรก 18 พวกเขาไปพบกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ และรายงานว่า “พวกเราได้ชำระทุกสิ่งในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น โต๊ะขนมปังไร้เชื้อกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น 19 เครื่องใช้ทุกชิ้นที่กษัตริย์อาหัสย้ายออกไปในสมัยที่ท่านไม่ภักดี พวกเราก็ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และขณะนี้ทุกอย่างอยู่ที่หน้าแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า”
เฮเซคียาห์ฟื้นฟูการนมัสการ
20 กษัตริย์เฮเซคียาห์ลุกขึ้นแต่เช้า และรวบรวมเจ้าหน้าที่ประจำเมืองขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 21 เขาทั้งหลายนำโคตัวผู้ 7 ตัว แกะผู้ 7 ตัว ลูกแกะ 7 ตัว และแพะผู้ 7 ตัว มาเป็นของถวายเพื่อลบล้างบาปสำหรับอาณาจักร สำหรับที่พำนัก และสำหรับยูดาห์ และท่านบัญชาบรรดาปุโรหิตและบุตรของอาโรนให้ถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า 22 พวกเขาจึงฆ่าโค ปุโรหิตใช้เลือดประพรมที่แท่นบูชา พวกเขาฆ่าแกะผู้ และใช้เลือดประพรมที่แท่นบูชา พวกเขาฆ่าลูกแกะ และประพรมเลือดที่แท่นบูชา 23 และนำแพะมาให้กษัตริย์และที่ประชุมเป็นของถวายเพื่อลบล้างบาป และเขาทั้งหลายก็วางมือของตนบนแพะเหล่านั้น 24 แล้วบรรดาปุโรหิตก็ฆ่าแพะ และมอบเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปด้วยเลือดบนแท่นบูชา เพื่อเป็นเครื่องชดใช้บาปให้อิสราเอลทั้งปวง เพราะกษัตริย์บัญชาว่า ให้เผาสัตว์เป็นของถวายและมอบเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปอิสราเอลทั้งปวง
25 และท่านให้ชาวเลวีประจำอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก ตามคำสั่งของดาวิด ตามคำสั่งของกาดผู้รู้ของกษัตริย์ และของนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เพราะพระบัญญัติมาจากพระผู้เป็นเจ้า ผ่านทางบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ 26 บรรดาชาวเลวียืนถือเครื่องดนตรีของดาวิด และบรรดาปุโรหิตถือแตรยาว 27 และเฮเซคียาห์บัญชาให้มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายบนแท่นบูชา เมื่อเริ่มมอบสัตว์เป็นของถวาย ก็เริ่มถวายเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมกับเสียงแตรยาวและเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล 28 เมื่อที่ประชุมทั้งหมดนมัสการ บรรดานักร้องก็ร้องเพลง และนักดนตรีก็เป่าแตร ทำอย่างนี้จนกระทั่งการมอบสัตว์เป็นของถวายเสร็จสิ้นลง 29 เมื่อมอบของถวายเสร็จสิ้นลงแล้ว กษัตริย์กับคนทั้งปวงที่อยู่ด้วยในเวลานั้นก็ก้มกราบนมัสการ 30 กษัตริย์เฮเซคียาห์และบรรดาเจ้าหน้าที่ก็บัญชาชาวเลวีให้ร้องเพลงสรรเสริญแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยคำกล่าวของดาวิดและของอาสาฟผู้รู้ และเขาทั้งปวงก็ร้องเพลงด้วยความยินดี และก้มกราบนมัสการ
31 และเฮเซคียาห์กล่าวว่า “บัดนี้พวกท่านได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงเข้ามาใกล้ นำเครื่องสักการะและของถวายแห่งการขอบคุณมายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า” และที่ประชุมก็นำเครื่องสักการะและของถวายแห่งการขอบคุณมา และทุกคนที่มีความสมัครใจก็นำสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายมา 32 จำนวนสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายซึ่งที่ประชุมนำมาเป็นโคตัวผู้ 70 ตัว แกะผู้ 100 ตัว ลูกแกะ 200 ตัว สัตว์ทั้งหมดนี้ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 33 และของถวายที่ชำระให้บริสุทธิ์แล้วเป็นโคตัวผู้ 600 ตัว แกะ 3,000 ตัว 34 แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไป จึงไม่สามารถถลกหนังสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายทั้งหมด จนกว่าจะมีปุโรหิตอื่นที่ชำระตัวให้บริสุทธิ์ก่อน ดังนั้นบรรดาพี่น้องชาวเลวีจึงต้องช่วยจนเสร็จงาน ด้วยว่าชาวเลวีมีมโนธรรมมากกว่าบรรดาปุโรหิตในการชำระตัวให้บริสุทธิ์ 35 นอกจากสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายมีจำนวนมากมายแล้ว ก็ยังมีไขมันสำหรับของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และเครื่องดื่มบูชาคู่กับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย นี่แหละเป็นงานฟื้นฟูในการรับใช้ที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 36 เฮเซคียาห์และประชาชนทั้งปวงก็มีใจยินดี เพราะสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำให้แก่ประชาชน และทุกสิ่งก็สำเร็จอย่างรวดเร็ว
ฉลองเทศกาลปัสกา
30 เฮเซคียาห์แจ้งให้ทั่วหน้าทั้งอิสราเอลและยูดาห์ และมีสาสน์ถึงเอฟราอิมและมนัสเสห์ เชิญให้พวกเขามายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 2 กษัตริย์ บรรดาขุนนาง และที่ประชุมในเยรูซาเล็มได้ตัดสินใจฉลองเทศกาลปัสกาในเดือนที่สอง 3 พวกเขาไม่สามารถฉลองได้ตามกำหนด[e] เนื่องจากบรรดาปุโรหิตชำระตัวให้บริสุทธิ์เพียงไม่กี่คน และประชาชนไม่ได้มาชุมนุมร่วมกันในเยรูซาเล็ม 4 กษัตริย์และที่ประชุมทั้งปวงจึงเห็นว่าแผนงานนี้ดูเหมาะสม 5 เขาทั้งหลายจึงได้ตัดสินใจส่งคำประกาศไปทั่วอิสราเอล ตั้งแต่เบเออร์เช-บาถึงดาน เชิญประชาชนให้มาฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลที่เยรูซาเล็ม เพราะนานแล้วที่คนจำนวนมากไม่ได้มาฉลองให้พร้อมเพรียงกันอย่างที่ระบุไว้ในกฎบัญญัติ
6 ดังนั้นคนเดินข่าวด่วนจึงนำสาสน์จากกษัตริย์และบรรดาขุนนาง แจ้งไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ ตามที่กษัตริย์ได้บัญชาว่า “โอ ประชาชนของอิสราเอล จงกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล เพื่อพระองค์จะได้กลับมาหาท่านที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ ที่ได้หนีรอดมาจากมือของบรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 7 อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษและพี่น้องของพวกท่าน ผู้ไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา พระองค์จึงทำให้เกิดความวิบัติกับพวกเขา ดังที่ท่านก็เห็น 8 บัดนี้ จงอย่าดื้อรั้นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน แต่จงยอมเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า และมายังที่พำนักของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ชำระให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ และจงรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์จะหันไปจากท่าน 9 เพราะถ้าท่านกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า บรรดาพี่น้องและบุตรทั้งหลายของท่านก็จะได้รับความสงสารจากผู้ที่จับตัวพวกเขาไป และจะได้กลับมายังแผ่นดินนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมีพระคุณและความเมตตา และจะไม่หันหน้าไปจากท่าน ถ้าหากว่าท่านกลับมาหาพระองค์”
10 ดังนั้น บรรดาคนเดินข่าวด่วนจึงตระเวนไปแต่ละเมืองทั่วดินแดนเอฟราอิมและมนัสเสห์ ไปไกลจนถึงเศบูลุน แต่ประชาชนหัวเราะเยาะ และดูหมิ่นพวกเขา 11 แม้กระนั้น บางคนจากตระกูลอาเชอร์ มนัสเสห์ และเศบูลุน ก็ถ่อมตัวลง และไปยังเยรูซาเล็ม 12 มือของพระเจ้าสถิตกับยูดาห์ด้วย เพื่อให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กระทำสิ่งที่กษัตริย์และบรรดาขุนนางได้บัญชาตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
13 ผู้คนจำนวนมากมาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อในเดือนที่สอง เป็นการชุมนุมร่วมกันครั้งยิ่งใหญ่ 14 เขาทั้งหลายเริ่มทำงานและเอาแท่นบูชาหลายแห่งออกไปจากเยรูซาเล็ม และขนแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมอื่นๆ ออกไปโยนทิ้งในหุบเขาขิดโรน 15 พวกเขาฆ่าลูกแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีรู้สึกละอายใจ พวกเขาจึงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และนำสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายมายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 16 พวกเขาเข้าประจำตำแหน่ง ตามกฎบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า บรรดาปุโรหิตประพรมเลือดที่รับจากมือของชาวเลวี 17 มีหลายคนในที่ชุมนุมยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ ฉะนั้นชาวเลวีจึงต้องฆ่าลูกแกะปัสกาให้ทุกๆ คนที่ไม่บริสุทธิ์ในพิธี เพื่อถวายลูกแกะที่บริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า 18 เนื่องจากคนส่วนใหญ่มาจากตระกูลเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุน ยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ แต่ก็รับประทานในเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับที่ระบุในกฎบัญญัติ[f] เฮเซคียาห์ได้กล่าวคำอธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐให้อภัยทุกคน 19 ที่มีใจแสวงหาพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา แม้ว่าจะไม่ปฏิบัติตามกฎในเรื่องความบริสุทธิ์ของสถานที่บริสุทธิ์” 20 และพระผู้เป็นเจ้าฟังคำของเฮเซคียาห์ และโปรดรักษาโรคของประชาชน 21 ประชาชนของอิสราเอลที่อยู่ในเยรูซาเล็มฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อด้วยความยินดียิ่งเป็นเวลา 7 วัน ชาวเลวีและปุโรหิตก็สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าทุกวันด้วยการร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยสุดกำลังของพวกเขา 22 เฮเซคียาห์กล่าวให้กำลังใจแก่ชาวเลวีทั้งปวงที่ชำนาญในการปฏิบัติงานของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเขาทั้งปวงจึงรับประทานอาหารของเทศกาล 7 วัน และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา
23 หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมทั้งปวงก็ตกลงที่จะฉลองเทศกาลต่ออีก 7 วัน ดังนั้นพวกเขาจึงฉลองเทศกาลกันต่อไปอีก 7 วันด้วยความยินดี 24 เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์มอบของถวายเป็นโคตัวผู้ 1,000 ตัว และแกะ 7,000 ตัว ให้แก่ผู้ที่มาชุมนุม และบรรดาขุนนางมอบโคตัวผู้ 1,000 ตัว และแกะ 10,000 ตัว และบรรดาปุโรหิตจำนวนมากก็ชำระตัวให้บริสุทธิ์ 25 ผู้ที่มาชุมนุมทั้งปวงของยูดาห์ บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี ผู้ที่มาชุมนุมทั้งหมดที่มาจากอิสราเอล ชาวต่างด้าวที่มาจากแผ่นดินอิสราเอล และชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ ต่างก็ชื่นชมยินดี 26 ดังนั้นจึงมีความยินดียิ่งนักในเยรูซาเล็ม เพราะตั้งแต่สมัยของซาโลมอนบุตรของดาวิดกษัตริย์แห่งอิสราเอล ไม่เคยมีการฉลองอย่างนี้มาก่อนในเยรูซาเล็ม 27 แล้วบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีก็ลุกขึ้นอวยพรประชาชน และพระเจ้าฟังเสียงของพวกเขา และคำอธิษฐานของพวกเขาขึ้นไปยังสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์ในเบื้องฟ้าสวรรค์
เฮเซคียาห์จัดตำแหน่งปุโรหิต
31 เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้ว อิสราเอลทั้งปวงที่ร่วมงานที่นั่นก็ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และพังเสาหินและเทวรูปอาเชราห์ ทำลายสถานบูชาบนภูเขาสูงและแท่นบูชาทั่วยูดาห์และเบนยามิน ทั่วเอฟราอิมและมนัสเสห์ พวกเขาทำลายจนหมดสิ้น และประชาชนอิสราเอลก็กลับไปยังเมืองของตนและที่ดินของตน
2 เฮเซคียาห์แต่งตั้งกองเวรให้บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี แต่ละกองเวรตามหน้าที่ของปุโรหิตและชาวเลวี เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามประตูค่ายของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อขอบคุณและสรรเสริญพระองค์ 3 กษัตริย์อุทิศจากสมบัติส่วนตัว คือสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในเวลาเช้าและเวลาเย็น และสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในวันสะบาโต วันข้างขึ้น และวันเทศกาลที่กำหนดไว้ ตามที่บันทึกไว้ในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า 4 และท่านบัญชาประชาชนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม ให้บริจาคส่วนแบ่งที่กำหนดให้ปุโรหิตและชาวเลวี เพื่อพวกเขาจะอุทิศตนในเรื่องกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า 5 ทันทีที่คำบัญชาเป็นที่ทราบทั่วกัน ประชาชนของอิสราเอลก็บริจาคผลแรกที่เก็บได้จากธัญพืช เหล้าองุ่น น้ำมัน น้ำผึ้ง และผลผลิตที่ได้จากไร่นาอันอุดมสมบูรณ์ พวกเขานำหนึ่งในสิบจากทุกสิ่งที่เป็นของเขามามอบให้อย่างมากมาย 6 ชาวอิสราเอลและยูดาห์ที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ก็นำหนึ่งในสิบจากฝูงโคและแกะ หนึ่งในสิบจากสิ่งบริสุทธิ์ที่ตั้งใจมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา โดยวางไว้เป็นกอง 7 ในเดือนที่สามพวกเขาเริ่มสุมไว้เป็นกองพะเนิน เมื่อถึงเดือนที่เจ็ดก็เสร็จสิ้น 8 เมื่อเฮเซคียาห์และบรรดาขุนนางมาเห็นสิ่งของที่กองไว้ เขาทั้งหลายก็สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและอวยพรชนชาติของพระองค์ คืออิสราเอล 9 เฮเซคียาห์ถามบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีเกี่ยวกับกองของเหล่านั้น 10 อาซาริยาห์มหาปุโรหิตผู้มาจากพงศ์พันธุ์ของศาโดกตอบท่านว่า “ตั้งแต่ประชาชนนำของมาบริจาคให้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พวกเราก็ได้รับประทานจนอิ่มหนำ และยังมีเหลืออีกมาก เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้อวยพรชนชาติของพระองค์ พวกเราจึงมีของเหลืออีกมากถึงเพียงนี้”
11 เฮเซคียาห์จึงบัญชาพวกเขาให้เตรียมห้องเก็บของในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาก็กระทำตามนั้น 12 เขาทั้งหลายนำของบริจาค หนึ่งในสิบ และของบริสุทธิ์ที่มอบถวายเข้ามาอย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์ชาวเลวีเป็นผู้รักษาดูแล ชิเมอีน้องชายเป็นผู้ช่วยรองลงมา 13 เยฮีเอล อาซัซยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ ช่วยดูแลภายใต้โคนานิยาห์และชิเมอีผู้น้อง กษัตริย์เฮเซคียาห์และอาซาริยาห์ผู้เป็นหัวหน้าดูแลพระตำหนักของพระเจ้าแต่งตั้งตำแหน่งตามนั้น 14 โคเรบุตรของอิมนาห์ชาวเลวีผู้เฝ้าประตูด้านตะวันออก เป็นผู้ดูแลของถวายที่ประชาชนให้ด้วยความสมัครใจแด่พระเจ้า และเขาเป็นผู้แจกจ่ายของบริจาคและของถวายบริสุทธิ์ที่สุดที่มอบถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมยาห์ อามาริยาห์ และเชคานิยาห์ ก็ได้ช่วยเขาด้วยความซื่อสัตย์ในเมืองต่างๆ ของปุโรหิต ในการแจกจ่ายส่วนแบ่งให้แก่ญาติพี่น้องของพวกเขา ทั้งผู้สูงอายุและผู้เยาว์ตามกองเวร 16 พวกเขาแจกให้แก่ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปที่มีชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสาย คือพวกเขาทุกคนที่เข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อปฏิบัติหน้าที่หลากหลายเป็นประจำทุกวัน ตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ และตามกองเวรของพวกเขา 17 บรรดาปุโรหิตที่ลงทะเบียนชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสายได้รับแจก และชาวเลวีที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปก็ได้รับเช่นกัน ตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ และตามกองเวรของพวกเขา 18 พวกเขารวมเด็กๆ ภรรยา และบุตรชายบุตรหญิงของชุมชนทั้งหมดที่มีรายชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสาย เพราะพวกเขาชำระตัวให้บริสุทธิ์อย่างจริงจัง 19 สำหรับบรรดาปุโรหิต ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายของอาโรน และอาศัยอยู่ในที่นารอบตัวเมืองของพวกเขาหรือเมืองใดก็ตาม พวกเขาทุกคนที่เป็นชายและทุกคนที่มีชื่อในบันทึกลำดับเชื้อสายของชาวเลวีจะได้รับส่วนแบ่ง โดยมีชายบางคนในหลายเมืองที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้แจกจ่ายให้
20 เฮเซคียาห์ทำดังนี้ทั่วทั้งยูดาห์ และท่านกระทำสิ่งที่ดีและถูกต้องและภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 21 งานทุกชิ้นที่ท่านปฏิบัติในการรับใช้พระตำหนักของพระเจ้า การทำตามพระบัญญัติ และการดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระเจ้า ท่านก็ได้ทำด้วยความเต็มใจ และท่านก็ประสบความเจริญรุ่งเรือง
เซนนาเคอริบบุกรุกยูดาห์
32 หลังจากเฮเซคียาห์ได้กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความภักดี เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาบุกรุกยูดาห์ และตั้งค่ายเตรียมบุกรุกเมืองต่างๆ ที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง โดยที่คิดว่าจะยึดเมืองไว้ 2 ครั้นเฮเซคียาห์เห็นว่าเซนนาเคอริบส่งกำลังมาด้วยความตั้งใจจะต่อสู้กับเยรูซาเล็ม 3 ท่านจึงวางแผนกับบรรดาขุนนางและทหารกล้าของท่าน ให้ปิดกั้นน้ำที่ไหลจากแหล่งน้ำพุนอกเมือง และพวกเขาก็ช่วยเหลือท่าน 4 คนจำนวนมากร่วมกันช่วยปฏิบัติงาน และปิดกั้นน้ำจากแหล่งน้ำพุและธารน้ำที่ไหลผ่านทั่วแผ่นดิน พวกเขาพูดว่า “จะให้กษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาเจอน้ำมากมายทำไม” 5 และท่านให้ซ่อมแซมกำแพงเมืองที่ปรักหักพังทุกแห่งอย่างไม่ย่อท้อ พร้อมกับสร้างหอคอยบนกำแพงด้วย ท่านให้สร้างกำแพงชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง และให้ทำมิลโล[g]ในเมืองของดาวิดให้แข็งแรง ท่านสร้างอาวุธและโล่อีกมากมาย 6 ท่านแต่งตั้งผู้บัญชากองทัพให้เป็นฝ่ายควบคุมประชาชน ท่านเรียกประชุมกับพวกเขาบนลานที่ประตูเมือง และกล่าวคำให้กำลังใจแก่พวกเขาว่า 7 “จงเข้มแข็งและกล้าหาญ อย่ากลัวและอย่าท้อใจเรื่องกษัตริย์แห่งอัสซีเรียและกองทัพใหญ่ของเขา เพราะว่าผู้ที่อยู่กับเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพวกที่อยู่กับเขา 8 พวกที่อยู่กับเขามีแขนขาที่เป็นเพียงเนื้อหนัง แต่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเราสถิตกับเรา เพื่อช่วยเราและต่อสู้ในศึกสงครามให้พวกเรา” และประชาชนมีความมั่นใจขึ้นจากคำพูดของเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์
เซนนาเคอริบกล่าวคำหมิ่นประมาท
9 ต่อมาหลังจากนั้น เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียผู้กำลังล้อมเมืองลาคีชด้วยกองกำลังทั้งหมดที่มี ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อแจ้งแก่เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์และประชาชนของยูดาห์ที่อยู่ในเยรูซาเล็มว่า
10 “เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียกล่าวว่า ‘พวกเจ้าวางใจในสิ่งใดจึงทำให้อยู่สู้ทนการล้อมเมืองในเยรูซาเล็ม 11 เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า เขาจะทำให้เจ้าอดข้าวอดน้ำตาย เมื่อเขาบอกเจ้าว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะช่วยเราให้พ้นจากมือกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย” 12 เฮเซคียาห์คนนี้มิใช่หรือที่กำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงและแท่นบูชาตามที่ต่างๆ และสั่งยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า “พวกท่านจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชาแห่งเดียว และมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายบนแท่นนั้น” 13 เจ้าไม่รู้หรือว่า เราและบรรพบุรุษของเราได้ทำอะไรต่อชนชาติของแผ่นดินอื่นๆ ทุกแผ่นดิน ปวงเทพเจ้าของบรรดาประชาชาติของแผ่นดินเหล่านั้นสามารถช่วยให้แผ่นดินของพวกเขาพ้นจากมือของเราได้หรือ 14 เมื่อบรรพบุรุษของเรากำจัดผู้ใดจนราบคาบแล้ว มีเทพเจ้าใดของประชาชาติเหล่านี้บ้างที่สามารถช่วยชนชาติของเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้ อย่างนี้แล้วพระเจ้าของพวกเจ้าจะช่วยพวกเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของเราได้หรือ 15 ฉะนั้น บัดนี้อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า หรือนำเจ้าให้หลงผิดแบบนี้อีก และอย่าเชื่อเขา เพราะไม่มีเทพเจ้าหรือประชาชาติ หรืออาณาจักรใดๆ ที่สามารถช่วยชนชาติของเขาให้พ้นจากมือของเรา หรือจากมือของบรรพบุรุษของเราไปได้ พระเจ้าของเจ้ายิ่งจะไม่สามารถช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมือของเราได้’”
16 และพวกเจ้าหน้าที่ของเซนนาเคอริบยังพูดต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า และต่อว่าเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์มากยิ่งขึ้น 17 และท่านเขียนข้อความดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล และกล่าวต่อต้านพระองค์ว่า “ปวงเทพเจ้าของบรรดาประชาชาติของแผ่นดินไม่ได้ช่วยชนชาติของเขาให้พ้นจากมือของเราเช่นไร พระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็จะไม่ช่วยชนชาติของเขาให้พ้นจากมือของเราเช่นนั้น” 18 และพวกเขาก็ตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดาห์ เพื่อให้ประชาชนของเยรูซาเล็มที่อยู่บนกำแพงเมืองตกใจและหวาดหวั่น โดยหวังจะยึดเมืองไป 19 และพวกเขาพูดถึงพระเจ้าของเยรูซาเล็ม เหมือนที่พูดถึงบรรดาเทวรูปของปวงชนในแผ่นดินโลก ซึ่งเทวรูปเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำขึ้นด้วยมือมนุษย์
พระผู้เป็นเจ้าช่วยเยรูซาเล็ม
20 ด้วยเหตุนี้กษัตริย์เฮเซคียาห์ และอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ผู้เป็นบุตรอามอสจึงอธิษฐาน ส่งเสียงร้องถึงฟ้าสวรรค์[h] 21 แล้วพระผู้เป็นเจ้าส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ซึ่งไปสังหารบรรดานักรบผู้เก่งกล้า ผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ในค่ายของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย กษัตริย์ก็กลับไปยังแผ่นดินของท่านด้วยความอับอาย เมื่อท่านมาถึงวิหารของเทพเจ้าของท่าน บุตรชายบางคนของท่านเองจึงใช้ดาบฆ่าท่านที่นั่น 22 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าช่วยเฮเซคียาห์และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มให้รอดจากเงื้อมมือของเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และจากเงื้อมมือของพวกศัตรูอื่นๆ และพระองค์คุ้มครองดูแลพวกเขาในทุกด้าน 23 ผู้คนจำนวนมากนำของถวายมามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม และนำของมีค่าต่างๆ มามอบให้เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ท่านเป็นที่ยกย่องในสายตาของบรรดาประชาชาติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความหยิ่งผยองและความสำเร็จของเฮเซคียาห์
24 ในครั้งนั้นเฮเซคียาห์ล้มป่วยใกล้สิ้นใจ ท่านจึงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ตอบคำขอและมีสิ่งอัศจรรย์ให้เห็นอย่างหนึ่ง 25 แต่เฮเซคียาห์ไม่ได้น้อมรับคำตอบโดยดีเมื่อได้รับความปรานีเช่นนั้น เพราะใจของท่านหยิ่งผยอง ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงกริ้วท่าน กริ้วยูดาห์และเยรูซาเล็ม 26 แต่เฮเซคียาห์สำนึกผิดที่ใจของท่านหยิ่งผยอง และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มก็สำนึกผิดเช่นกัน ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ลงโทษพวกเขาในสมัยของเฮเซคียาห์
27 เฮเซคียาห์มีทรัพย์สมบัติและเกียรติยศมาก และท่านสร้างคลังสะสมเงิน ทองคำ เพชรพลอย เครื่องเทศ โล่ และภาชนะราคาแพงมากมาย 28 สร้างยุ้งฉางเพื่อสะสมธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมัน ท่านสร้างคอกสัตว์สำหรับฝูงสัตว์ทุกชนิดและฝูงแกะ 29 ท่านสร้างเมืองสำหรับท่านเองหลายแห่ง มีทั้งฝูงแพะแกะและฝูงโคอย่างอุดมสมบูรณ์ เพราะพระเจ้าได้ให้ท่านมีทรัพย์สมบัติอย่างล้นเหลือ 30 เฮเซคียาห์ผู้นี้ได้ปิดกั้นทางระบายน้ำที่ด้านบนของบ่อน้ำพุกีโฮน และให้หันไปออกที่ด้านตะวันตกของเมืองของดาวิด และเฮเซคียาห์เจริญรุ่งเรืองในกิจทุกอย่างของท่าน 31 เมื่อบรรดาผู้นำของบาบิโลนให้ผู้ส่งสาสน์ไปหาท่าน เพื่อถามเรื่องสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระเจ้าปล่อยให้ท่านเผชิญกับเรื่องนี้เอง เพื่อทดสอบท่าน และเพื่อจะทราบทุกสิ่งที่อยู่ในจิตใจของท่าน[i]
32 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเฮเซคียาห์ และความดีที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในภาพนิมิตของอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า[j] ผู้เป็นบุตรของอามอส ในฉบับพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 33 และเฮเซคียาห์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ที่ด้านบนของถ้ำบรรจุศพของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของดาวิด ชาวยูดาห์และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มถวายเกียรติแก่ท่านเมื่อท่านสิ้นชีวิต และมนัสเสห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน[k]
มนัสเสห์ครองราชย์ในยูดาห์
33 มนัสเสห์มีอายุ 12 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 55 ปีในเยรูซาเล็ม 2 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า คือทำตามสิ่งที่น่ารังเกียจของบรรดาประชาชาติซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล 3 เพราะท่านกลับมาสร้างสถานบูชาบนภูเขาสูงซึ่งเฮเซคียาห์บิดาของท่านได้ทำลายไปขึ้นมาใหม่ และท่านสร้างแท่นบูชาหลายแท่นขึ้นใหม่ให้แก่เทพเจ้าบาอัล และสลักเทวรูปอาเชราห์ กราบนมัสการและบูชาสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า 4 และท่านสร้างแท่นบูชาหลายแท่นในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้ว่า “นามของเราจะคงอยู่ในเยรูซาเล็มชั่วนิรันดร์กาล”[l] 5 และท่านสร้างแท่นบูชาหลายแท่นให้สรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า ไว้ที่ลานทั้งสองของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 6 และท่านเผาบรรดาบุตรชายให้เป็นของถวายในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม ใช้การทำนายและเวทมนตร์ ใช้วิทยาคม ปรึกษาคนทรงและผู้สื่อกับคนตาย ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากมายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ 7 และยังตั้งเทวรูปอาเชราห์ที่สลักไว้ในพระตำหนักของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้ากล่าวกับดาวิดและซาโลมอนผู้เป็นบุตรว่า “นามของเราจะเป็นที่ยกย่องชั่วนิรันดร์กาลในตำหนักนี้และในเยรูซาเล็ม คือเมืองที่เราได้เลือกจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอล 8 และเราจะไม่ทำให้เท้าของอิสราเอลต้องก้าวออกไปจากแผ่นดินที่เรามั่นหมายว่าจะยกให้แก่บรรพบุรุษของพวกเจ้าอีกต่อไป เพียงแต่ให้พวกเขาระมัดระวังปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เราบัญชาพวกเขาไว้แล้ว และตามคำบัญชา กฎบัญญัติ และกฎเกณฑ์ที่ให้ไว้ผ่านโมเสส”[m] 9 มนัสเสห์ทำให้ยูดาห์และบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มกระทำบาป ทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรดาประชาชาติได้กระทำ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้กำจัดออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล
มนัสเสห์กลับใจ
10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่มนัสเสห์และประชาชนของท่าน แต่พวกเขาก็ทำเฉยเมย 11 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงให้บรรดาผู้บัญชากองทัพของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียยกทัพมา และพวกเขาจับมนัสเสห์ไปเป็นเชลย เอาเบ็ดคล้องจมูก และตีตรวนท่านด้วยโซ่ทองสัมฤทธิ์ และนำท่านไปยังบาบิโลน 12 เมื่อท่านเป็นทุกข์ ท่านจึงขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และถ่อมตนลงอย่างมากต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน 13 ท่านอธิษฐานต่อพระองค์ และพระเจ้ารู้สึกสะเทือนใจที่ท่านร้องขอ และพระองค์ฟังคำอ้อนวอน พระองค์จึงนำท่านเข้ามายังอาณาจักรของท่านที่เยรูซาเล็มอีกครั้ง แล้วมนัสเสห์จึงทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า
14 หลังจากนั้นท่านก็สร้างกำแพงรอบนอกให้เมืองของดาวิด ทางตะวันตกของบ่อน้ำพุกีโฮนในหุบเขา จนถึงทางเข้าประตูปลา โอบล้อมเนินเขาโอเฟล และสร้างให้สูงขึ้นมาก ท่านกำหนดบรรดาผู้บัญชากองทัพให้ประจำอยู่ที่เมืองต่างๆ ที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่งในยูดาห์ 15 ท่านให้ขนเทพเจ้าต่างชาติและรูปเคารพจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และแท่นบูชาทั้งหมดที่ท่านได้สร้างไว้บนภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าและในเยรูซาเล็ม แล้วก็โยนทิ้งเสียที่นอกเมือง 16 ท่านซ่อมแซมแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องสักการะที่เป็นของถวายแห่งสามัคคีธรรมและของถวายแห่งการขอบคุณ และท่านบัญชายูดาห์ให้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 17 อย่างไรก็ดี ประชาชนก็ยังถวายเครื่องสักการะที่สถานบูชาบนภูเขาสูง แต่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น
18 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของมนัสเสห์ และคำอธิษฐานต่อพระเจ้าของท่าน และสิ่งที่บรรดาผู้รู้กล่าวกับท่านในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 19 คำอธิษฐานของท่าน และพระเจ้ารู้สึกสะเทือนใจอย่างไรเมื่อท่านร้องขอ บาปทั้งหลายของท่าน ความไม่ภักดีของท่าน และสถานที่ซึ่งท่านสร้างสถานบูชาบนภูเขาสูง และตั้งเทวรูปอาเชราห์และรูปเคารพอื่นๆ ก่อนที่ท่านถ่อมตนลง ดูเถิด สิ่งเหล่านี้มีบันทึกไว้แล้วในประวัติของบรรดาผู้รู้ 20 ดังนั้นมนัสเสห์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในวังของท่าน และอาโมนบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาโมนครองราชย์และสิ้นชีวิต
21 อาโมนมีอายุ 22 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 2 ปีในเยรูซาเล็ม 22 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่มนัสเสห์บิดาของท่านได้กระทำ อาโมนมอบเครื่องสักการะแก่รูปเคารพทั้งหลายที่มนัสเสห์บิดาของท่านได้ทำขึ้น และบูชาสิ่งเหล่านั้น 23 ท่านไม่ได้ถ่อมตนลงต่อพระผู้เป็นเจ้า อย่างที่มนัสเสห์บิดาของท่านได้ถ่อมตนลง แต่อาโมนผู้นี้กระทำความผิดมากยิ่งขึ้น 24 บรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของท่านคบคิดกบฏต่อท่าน และสังหารท่านในวังของท่านเอง 25 แต่ประชาชนของแผ่นดินก็ฆ่าทุกคนที่ได้เป็นกบฏต่อกษัตริย์อาโมน และประชาชนของแผ่นดินแต่งตั้งโยสิยาห์บุตรของท่านให้เป็นกษัตริย์แทน
โยสิยาห์ครองราชย์ในยูดาห์
34 โยสิยาห์มีอายุ 8 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 31 ปีในเยรูซาเล็ม 2 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างดาวิดบรรพบุรุษของท่าน และท่านไม่ได้หันเหไปจากการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ 3 ปีที่แปดของการครองราชย์ ขณะที่ท่านยังหนุ่ม ท่านเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบิดาของท่าน และในปีที่สิบสอง ท่านก็เริ่มกำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูง เทวรูปอาเชราห์ รูปเคารพที่สลักและหล่อขึ้น ให้สิ้นไปจากยูดาห์และเยรูซาเล็ม 4 เขาทั้งหลายพังแท่นบูชาเทวรูปบาอัลต่อหน้าท่าน และท่านพังแท่นเผาเครื่องหอมที่ตั้งค้ำสูงเกินศีรษะของประชาชน ท่านทุบเทวรูปอาเชราห์ รูปเคารพสลักและที่หลอมขึ้นจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และท่านทำให้รูปเคารพแหลกเป็นผุยผง และโปรยไปทั่วหลุมศพของบรรดาผู้ที่ได้มอบเครื่องสักการะแก่สิ่งเหล่านั้น 5 ท่านเผากระดูกของบรรดาปุโรหิตบนแท่นบูชาของพวกเขา และชำระยูดาห์และเยรูซาเล็มให้สะอาดบริสุทธิ์ 6 ท่านกระทำเช่นนั้นในเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ เอฟราอิม และสิเมโอน ไกลไปจนถึงนัฟทาลี และท่านกำจัดวิหารที่ตั้งอยู่โดยรอบ 7 ท่านโค่นแท่นบูชา ทุบเทวรูปอาเชราห์และรูปเคารพอื่นๆ จนเป็นผุยผง และฟันแท่นเผาเครื่องหอมทั้งหมดทั่วแผ่นดินของอิสราเอล แล้วก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม
ฮิลคียาห์พบหนังสือกฎบัญญัติ
8 ในปีที่สิบแปดของการครองราชย์ของโยสิยาห์ เมื่อท่านได้ชำระแผ่นดินและพระตำหนักสำเร็จแล้ว ท่านใช้ชาฟานบุตรของอาซาลิยาห์ กับมาอาเสยาห์ผู้ว่าราชการเมือง และผู้บันทึกสาสน์โยอาห์บุตรโยอาฮาสให้ซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 9 เขาทั้งหลายไปหาฮิลคียาห์หัวหน้ามหาปุโรหิต และมอบเงินซึ่งเป็นเงินถวายในพระตำหนักของพระเจ้า โดยชาวเลวีแผนกเฝ้าประตูได้เก็บจากมนัสเสห์และเอฟราอิม จากชาวอิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่ทั้งหมด จากยูดาห์และเบนยามินทั้งสิ้น และจากผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม 10 ชาวเลวีมอบเงินให้แก่บรรดาผู้คุมงานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และผู้คุมงานก็มอบให้แก่ช่างที่ซ่อมแซมและปฏิสังขรณ์พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 11 เขาทั้งหลายมอบเงินให้แก่ช่างไม้และช่างก่อสร้างเพื่อซื้อหินที่แต่งแล้ว และไม้สำหรับเดือยและคานตึกที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ปล่อยให้ทรุดโทรมและพังลง 12 และบรรดาช่างทำงานด้วยความสุจริต ภายใต้การควบคุมของชาวเลวีคือ ยาหาทและโอบาดีห์ผู้สืบเชื้อสายมาจากเมรารี เศคาริยาห์และเมชุลลามผู้สืบเชื้อสายมาจากโคฮาท เป็นผู้คุมงาน บรรดาชาวเลวีทุกคนที่ชำนาญเครื่องดนตรี 13 เป็นผู้ควบคุมงานแบกหาม และกำกับทุกคนที่ทำงานรับใช้ทุกชนิด ชาวเลวีบางคนเป็นผู้คัดลอกข้อความ เป็นเจ้าหน้าที่ และผู้เฝ้าประตู
14 ขณะที่พวกเขานำเงินที่รับถวายจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ฮิลคียาห์ปุโรหิตก็พบหนังสือกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งได้มอบผ่านโมเสส 15 ฮิลคียาห์พูดกับชาฟานเลขาว่า “เราพบหนังสือกฎบัญญัติในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า” และฮิลคียาห์ก็มอบหนังสือนั้นให้แก่ชาฟาน 16 ชาฟานนำหนังสือนั้นมามอบให้กษัตริย์ และรายงานแก่กษัตริย์ต่อไปว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ของท่านกำลังปฏิบัติงานตามทุกสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำ 17 พวกเขาได้เอาเงินตราจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดมามอบให้แก่บรรดาผู้คุมงานและช่าง” 18 และชาฟานเลขารายงานกษัตริย์ว่า “ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งแก่ข้าพเจ้า” และชาฟานก็อ่านให้กษัตริย์ฟัง
19 เมื่อกษัตริย์ได้ยินสิ่งที่บันทึกในหนังสือแห่งกฎบัญญัติ ท่านก็ฉีกเสื้อของท่าน 20 และกษัตริย์สั่งฮิลคียาห์ อาหิคามบุตรชาฟาน และอับโดนบุตรมีคาห์ และชาฟานเลขา และอาสายาห์คนรับใช้ของกษัตริย์ว่า 21 “จงไปถามพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ในอิสราเอลและในยูดาห์ให้เรา ถึงสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือที่พบ เพราะความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อพวกเรา เนื่องจากว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษาคำบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้กระทำตามทุกสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือฉบับนี้”
ฮุลดาห์เผยคำกล่าวของพระเจ้า
22 ดังนั้น ฮิลคียาห์และบรรดาผู้ที่กษัตริย์ให้ไปด้วยจึงไปหาฮุลดาห์หญิงผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า นางเป็นภรรยาของชัลลูมบุตรทกหาท ผู้เป็นบุตรหัสราห์ หัสราห์เป็นผู้ดูแลรักษาเครื่องแต่งกาย (นางอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็มเขตสอง) และชายเหล่านั้นเล่าเรื่องดังกล่าวให้นางฟัง 23 นางตอบพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ ‘จงบอกผู้ที่ใช้พวกเจ้าให้มาหาเราว่า 24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ดูเถิด เราจะนำความวิบัติมาสู่สถานที่นี้และประชาชนในเมืองด้วย ตามคำสาปแช่งที่เขียนไว้ในหนังสือที่อ่านให้กษัตริย์แห่งยูดาห์ฟัง 25 เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งเรา และได้เผาเครื่องหอมแก่ปวงเทพเจ้า และยั่วโทสะเราด้วยรูปเคารพที่สร้างด้วยมือของพวกเขา ฉะนั้นเราจึงกริ้วต่อบ้านเมืองนี้มาก และจะไม่อาจดับได้’ 26 ส่วนกษัตริย์แห่งยูดาห์ที่ใช้พวกท่านให้มาถามพระผู้เป็นเจ้า ก็จงไปบอกท่านว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ‘เรื่องที่เจ้าได้ยินนั้น 27 เป็นเพราะใจของเจ้ารู้สำนึกในความผิด และเจ้าถ่อมตัว ณ เบื้องหน้าพระเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินคำกล่าวของพระองค์ ที่พูดคัดค้านบ้านเมืองนี้และผู้อยู่อาศัย และเจ้าถ่อมตัวต่อหน้าเรา และเจ้าได้ฉีกเสื้อของเจ้า และร้องไห้ต่อหน้าเรา เราได้ยินเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 28 ดูเถิด เราจะรวมเจ้าไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า และเจ้าจะถูกบรรจุรวมไว้ในที่เก็บศพอย่างสันติ และเจ้าจะไม่เห็นสิ่งชั่วร้ายทั้งสิ้นที่เราจะให้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองนี้และผู้อยู่อาศัย’” แล้วเขาเหล่านั้นก็กลับไปรายงานให้กษัตริย์ทราบ
29 แล้วกษัตริย์ก็เรียกหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้งปวงของยูดาห์และเยรูซาเล็มมาประชุม 30 และเขาทั้งปวงขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกันกับกษัตริย์ มีผู้อื่นที่ไปด้วยคือ ผู้อยู่อาศัยของยูดาห์และเยรูซาเล็ม บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี และประชาชนใหญ่น้อยทั้งปวง กษัตริย์อ่านทุกสิ่งที่กล่าวในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้คนทั้งปวงฟัง 31 กษัตริย์ยืนอยู่ในที่ของท่าน และทำสัญญา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าว่า จะดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า และรักษาบัญญัติ คำสั่ง และกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต เพื่อประพฤติตามคำในพันธสัญญาที่เขียนในหนังสือฉบับนี้ 32 และท่านให้คนทั้งปวงที่อยู่ในเยรูซาเล็มและในเบนยามิน ร่วมกันทำสัญญาตาม และผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 33 และโยสิยาห์เอาสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งสิ้นออกไปจากอาณาเขตที่เป็นของชาวอิสราเอล และให้ทุกคนที่อยู่ในอิสราเอลนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา เขาเหล่านั้นไม่ได้หยุดติดตามพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาตลอดชีวิตของท่าน
โยสิยาห์ฉลองเทศกาลปัสกา
35 โยสิยาห์ฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม เขาทั้งหลายฆ่าลูกแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก 2 ท่านกำหนดบรรดาปุโรหิตให้ประจำหน้าที่ และสนับสนุนให้พวกเขารับใช้งานของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 3 และท่านบอกชาวเลวีผู้สอนอิสราเอลทั้งปวง และเป็นผู้ที่ชำระให้บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้าว่า “จงวางหีบบริสุทธิ์ในพระตำหนักที่ซาโลมอนบุตรของดาวิดกษัตริย์แห่งอิสราเอลสร้างขึ้น พวกท่านไม่จำเป็นต้องแบกหีบไว้บนบ่าของท่าน บัดนี้จงรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้อิสราเอลชนชาติของพระองค์ 4 จงเตรียมตัวให้พร้อมในการรับใช้ ตามตระกูลและกองเวรของท่าน ตามที่เขียนบรรยายในบันทึกของดาวิดกษัตริย์แห่งอิสราเอล และของซาโลมอนบุตรของท่าน 5 และจงยืนในวิสุทธิสถาน ตามตระกูลซึ่งเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนของท่าน กับกองเวรของชาวเลวีสำหรับแต่ละตระกูล 6 จงฆ่าลูกแกะปัสกา และชำระตัวให้บริสุทธิ์ เตรียมลูกแกะให้พี่น้องร่วมชาติของท่าน เพื่อปฏิบัติสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาผ่านโมเสส”
7 แล้วโยสิยาห์ก็บริจาคลูกแกะกับแพะหนุ่มจากฝูงจำนวน 30,000 ตัว และโคตัวผู้ 3,000 ตัวให้แก่ประชาชน เป็นของถวายปัสกาให้คนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่น สัตว์เหล่านี้มาจากสมบัติส่วนตัวของกษัตริย์ 8 และบรรดาเจ้าหน้าที่ของท่านก็เต็มใจบริจาคแก่ประชาชน ปุโรหิต และแก่ชาวเลวี ส่วนฮิลคียาห์ เศคาริยาห์ และเยฮีเอล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของพระตำหนักของพระเจ้า ก็ให้ลูกแกะปัสกา 2,600 ตัว และโคตัวผู้ 300 ตัวเพื่อเป็นของถวายปัสกาแก่บรรดาปุโรหิต 9 นอกจากนั้น โคนานิยาห์ และน้องชายของเขาคือเชไมยาห์กับเนธันเอล และบรรดาหัวหน้าของชาวเลวีคือฮาชาบิยาห์ เยอีเอล และโยซาบาด ก็ให้ลูกแกะกับแพะหนุ่ม 5,000 ตัว และโคตัวผู้ 500 ตัวแก่ชาวเลวี เป็นของถวายปัสกา
10 เมื่อทุกสิ่งพร้อมสำหรับเทศกาลแล้ว บรรดาปุโรหิตก็ยืนประจำที่ และชาวเลวีก็อยู่ในกองเวรของตนตามคำสั่งของกษัตริย์ 11 เขาทั้งหลายก็ฆ่าลูกแกะปัสกา บรรดาปุโรหิตประพรมเลือดที่รับมาขณะเดียวกับที่ชาวเลวีถลกหนังสัตว์ 12 และพวกเขาจัดสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแยกไว้ เพื่อแจกให้แก่ประชาชน ตามกลุ่มตระกูล เพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือของโมเสส และพวกเขาทำแบบเดียวกันกับโคตัวผู้ 13 และพวกเขาก็ย่างลูกแกะปัสกาตามกฎ และต้มของถวายบริสุทธิ์ในหม้อ ในกาน้ำใหญ่ และในถาด และยกไปให้ประชาชนโดยเร็ว 14 หลังจากนั้น พวกเขาก็เตรียมทุกสิ่งสำหรับตนเองและสำหรับบรรดาปุโรหิต เพราะปุโรหิตบุตรของอาโรนกำลังมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และไขมันเครื่องในจนถึงกลางคืน ดังนั้นชาวเลวีเตรียมทุกสิ่งสำหรับตนเองและปุโรหิตบุตรของอาโรน 15 บรรดานักร้องบุตรของอาสาฟก็อยู่ประจำที่ของเขา ตามคำสั่งของดาวิด อาสาฟ และเฮมาน กับเยดูธูนผู้รู้ของกษัตริย์ และคนเฝ้าประตูอยู่ประจำทุกประตู พวกเขาไม่จำเป็นต้องละจากงานของตน เพราะชาวเลวีพี่น้องของเขาเตรียมให้พวกเขา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation