Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 52:13-66:18

พระองค์บาดเจ็บก็เพื่อการล่วงละเมิดของเรา

13 “ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะปฏิบัติด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา
    พระองค์จะปรากฏและจะได้รับการยกย่องและเชิดชู”
14 ด้วยว่า คนจำนวนมากตกตะลึงที่เห็นว่า
    พระองค์ถูกทำให้เสียรูปจนเกินสภาพของความเป็นมนุษย์
    และไม่มีเค้ารูปเหมือนบรรดาบุตรของมนุษย์เหลืออยู่เลย
15 ดังนั้น พระองค์จะประพรมประชาชาติจำนวนมาก
    บรรดากษัตริย์จะปิดปากเพราะพระองค์
เพราะสิ่งที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน พวกเขาก็จะได้เห็น
    และสิ่งที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน พวกเขาก็จะได้เข้าใจ[a]
53 ใครบ้างที่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากพวกเราแล้ว
    และอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏแจ้งแก่ผู้ใด[b]
ด้วยว่า พระองค์เติบโตขึ้น ณ เบื้องหน้าพระเจ้าอย่างพืชต้นเล็ก
    และอย่างรากที่งอกจากดินแห้ง
พระองค์ไม่มีความงามหรือความยิ่งใหญ่ที่ทำให้พวกเราอยากจะมองดู
    และไม่มีรูปลักษณ์ที่พวกเราพึงปรารถนา
พระองค์ถูกผู้คนดูหมิ่นและทอดทิ้ง
    บุรุษแห่งความเศร้าโศก และคุ้นเคยกับความทุกข์
และเป็นผู้ที่มีแต่คนหนีหน้าไป
    พระองค์ถูกดูหมิ่น และพวกเราไม่ได้เชิดชูพระองค์

แน่นอนที่สุด พระองค์เองได้แบกรับเอาความเจ็บป่วยของพวกเรา
    และรับเอาความเศร้าโศกของพวกเรา[c]
แต่พวกเรายังคิดว่า พระองค์ถูกพระเจ้าลงโทษ
    จึงบาดเจ็บแสนสาหัส และถูกทรมาน
แต่พระองค์ถูกตรึงเพราะการล่วงละเมิดของพวกเรา
    พระองค์บาดเจ็บแสนสาหัสเพราะความชั่วของพวกเรา
พวกเรามีสันติสุขได้ก็เนื่องจากพระองค์รับการลงโทษ
    พวกเราได้รับการรักษาให้หายได้ก็เพราะบาดแผลของพระองค์
เราทุกคนเป็นเสมือนแกะที่พลัดจากฝูง
    เราแต่ละคนได้กลับไปดำเนินชีวิตในทางของตนเอง
และพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พระองค์แบกความชั่วของเราทุกคน
พระองค์ถูกบีบบังคับและรับความทรมาน
    พระองค์ก็ยังไม่ปริปาก
พระองค์ถูกนำไปดั่งลูกแกะที่รอการประหาร
    และเป็นดั่งแกะที่นิ่งอยู่ตรงหน้าคนตัดขนแกะ
    พระองค์ไม่ปริปากของพระองค์
พระองค์ถูกนำไปด้วยการกดขี่และตัดสิน
    และใครเล่าจะพูดถึงเชื้อสายของพระองค์ได้
เพราะพระองค์ถูกตัดขาดจากดินแดนของคนเป็น[d]
    และถูกลงโทษเพราะการล่วงละเมิดของชนชาติของข้าพเจ้า
พระองค์ถูกตัดสินให้ถึงแก่ชีวิตพร้อมกับคนชั่ว
    และในความตาย พระองค์อยู่ในที่ของผู้มั่งมี
ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด
    และพระองค์ไม่เคยกล่าวคำล่อลวง

10 แต่เป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
    ที่จะให้พระองค์บาดเจ็บแสนสาหัส
    และทำให้พระองค์รับทุกข์ทรมาน
และแม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชีวิตของพระองค์เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ
    พระองค์จะเห็นผู้สืบเชื้อสายของพระองค์ และจะมีชีวิตอันยืนยาว
และพระองค์จะกระทำสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประสงค์สำเร็จ
11 เมื่อจิตวิญญาณของพระองค์ทนทุกข์แล้ว
    พระองค์จะเห็นผลที่ได้รับและจะพอใจ
ผู้รับใช้ของเราเป็นผู้มีความชอบธรรม
    พระองค์จะทำให้คนจำนวนมากพ้นผิดโดยความเข้าใจอันลึกซึ้งของพระองค์
    และจะแบกรับบาปของพวกเขา
12 ฉะนั้น เราจะมอบส่วนหนึ่งให้แก่พระองค์ในท่ามกลางผู้ที่ยิ่งใหญ่
    และพระองค์จะแบ่งปันของที่ริบมาได้ให้กับผู้ที่เข้มแข็ง
เพราะพระองค์มอบชีวิตให้กับความตาย
    และถูกนับอยู่ในพวกคนล่วงละเมิด[e]
ด้วยว่า พระองค์รับบาปของคนจำนวนมาก
    และอธิษฐานขอให้แก่บรรดาผู้ล่วงละเมิด

พันธสัญญาแห่งสันติสุขอันเป็นนิรันดร์

54 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“จงร้องเพลงเถิด หญิงที่เป็นหมัน เจ้าไม่เคยตั้งครรภ์
    จงร้องเพลงและตะโกนด้วยเสียงอันดังเถิด
    เจ้ายังไม่เคยปวดครรภ์
เพราะหญิงที่ถูกทอดทิ้ง
    จะมีบุตรมากกว่าหญิงที่มีสามี[f]
จงขยายกระโจมของเจ้าให้ใหญ่ขึ้น
    และให้ม่านในที่อยู่อาศัยของเจ้าแผ่กว้างออกไป
    ไม่ต้องยับยั้งไว้
ทำเชือกของเจ้าให้ยาวขึ้น
    และทำหมุดให้แข็งแรง
เพราะเจ้าจะแผ่ขยายออกไปได้กว้างไกล ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
    และเชื้อสายของเจ้าจะได้เป็นเจ้าของบรรดาประชาชาติ
    และพวกเขาจะเป็นเจ้าของเมืองร้างทั้งหลาย

อย่ากลัวเลย ด้วยว่า เจ้าจะไม่ต้องอับอาย
    อย่าสับสนเพราะเจ้าจะไม่ต้องอัปยศอดสู
ด้วยว่า เจ้าจะลืมความขายหน้าที่มีในวัยแรกรุ่น
    และความเป็นม่ายซึ่งทำให้เจ้าถูกตำหนิติเตียนก็จะไม่อยู่ในความทรงจำอีกต่อไป
ด้วยว่า องค์ผู้สร้างของเจ้าเป็นสามีของเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์
และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลคือองค์ผู้ไถ่ของเจ้า
    พระองค์มีชื่อว่า พระเจ้าแห่งโลกทั้งโลก
ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าได้เรียกเจ้า
    เจ้าเป็นเหมือนภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและโศกเศร้าในจิตวิญญาณ
เหมือนอย่างภรรยาในวัยแรกรุ่นที่ถูกผลักไส”
    พระเจ้าของท่านกล่าวดังนั้น
“เราละเลยเจ้าเพียงชั่วขณะ
    แต่เราจะโอบรวบรวมเจ้าไว้ด้วยความสงสาร
เราซ่อนหน้าไปจากเจ้า
    ด้วยความโกรธมหันต์เพียงชั่วขณะ
แต่เราจะมีความสงสารต่อเจ้า
    ด้วยความรักอันเป็นนิรันดร์”
    พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ไถ่ของท่านกล่าวดังนั้น

“เราเห็นว่า นี่เป็นเหมือนกับสมัยของโนอาห์
    เหมือนกับที่เราปฏิญาณว่า น้ำที่เคยท่วมในยุคของโนอาห์
    จะไม่ควรท่วมโลกอีกแล้ว[g]
ดังนั้นเราจึงได้ปฏิญาณว่า เราจะไม่โกรธเจ้า
    และจะไม่ห้ามเจ้าอีก
10 ด้วยว่า เทือกเขาจะสั่นคลอน
    และเนินเขาจะถูกขยับเขยื้อน
แต่ความรักอันมั่นคงของเราจะไม่สั่นคลอน
    และพันธสัญญาแห่งสันติสุขของเราจะไม่ถูกพรากไป”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้มีความสงสารต่อท่านกล่าวดังนั้น

11 “โอ เจ้าผู้รับความลำบาก ผู้ที่ถูกพายุพัดพาไปและไม่ได้กำลังใจ
    ดูเถิด เราจะสร้างเจ้าด้วยพลอยสีฟ้า
    และวางฐานรากของเจ้าด้วยนิลสีคราม
12 เราจะทำเชิงเทินของเจ้าด้วยทับทิม
    ทำประตูด้วยแก้วผลึก
    และกำแพงทุกด้านด้วยเพชรพลอย
13 พระผู้เป็นเจ้าจะสั่งสอนบุตรของเจ้าทุกคน[h]
    และบรรดาบุตรของเจ้าจะมีสันติสุขยิ่งนัก
14 เจ้าจะได้รับความมั่นคงในความชอบธรรม
เจ้าจะอยู่ห่างจากการถูกบีบบังคับ
    เพราะเจ้าจะไม่กลัว
และเจ้าจะอยู่ห่างจากความหวาดกลัว
    เพราะมันจะไม่เข้าใกล้ตัวเจ้า
15 ถ้าหากว่ามีผู้ใดก่อการทะเลาะวิวาท
    ก็ไม่ใช่เกิดจากเรา
ใครก็ตามที่ก่อการทะเลาะวิวาทกับเจ้า
    เขาก็จะล้มเพราะเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สร้างช่างตีเหล็ก
    ซึ่งพัดไฟให้ลุกขึ้นจากถ่านหิน
    และสร้างอาวุธตามจุดประสงค์
เราได้สร้างผู้ก่อความพินาศขึ้นเพื่อทำลายจนไม่ให้เหลือซาก
17     ไม่มีอาวุธใดที่ยกขึ้นต่อต้านเจ้าจะทำได้สำเร็จ
    และทุกลิ้นที่กล่าวหาเจ้าจะถูกกล่าวโทษ
นี่คือมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
    และความชอบธรรมของพวกเขามาจากเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

ความสงสารของพระผู้เป็นเจ้า

55 “ทุกคนที่กระหายจงมาเถิด
    มาที่แหล่งน้ำ
และผู้ที่ไม่มีเงินจงมา
    และซื้ออาหารรับประทาน
จงมา และซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม
    โดยไม่ต้องใช้เงินและค่าแลกเปลี่ยน
ทำไมเจ้าจึงใช้เงินของเจ้าเพื่อสิ่งเหล่านั้นซึ่งไม่ใช่อาหาร
    และใช้เรี่ยวแรงของเจ้าเพื่อสิ่งเหล่านั้นซึ่งไม่ทำให้อิ่มเอิบใจ
จงเชื่อฟังเราให้ดี และรับประทานสิ่งที่ดี
    และยินดีกับอาหารอันดีเลิศ
จงเงี่ยหูฟัง และมาหาเราเถิด
    จงฟัง เพื่อให้จิตวิญญาณของเจ้ามีชีวิต
และเราจะทำพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์กับเจ้า
    ความมั่นคงของเรา ความรักอันแท้จริงที่มีแก่ดาวิด[i]
ดูเถิด เราให้เขาเป็นพยานแก่บรรดาชนชาติ
    ให้เป็นผู้นำและผู้บัญชาการบรรดาชนชาติ
ดูเถิด เจ้าจะเรียกประชาชาติที่เจ้าไม่รู้จักมา
    และประชาชาติที่ไม่รู้จักเจ้าจะวิ่งมาหาเจ้า
เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า และเพราะองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
    เพราะพระองค์ได้โปรดให้เจ้าได้รับความยิ่งใหญ่”

จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าขณะที่ยังหาพระองค์ได้
    จงร้องเรียกถึงพระองค์ขณะที่พระองค์อยู่ใกล้
ให้คนชั่วละจากวิถีทางของเขา
    และคนไร้ความชอบธรรมทิ้งความคิดของเขา
ให้เขากลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระองค์จะมีความสงสารต่อเขา
    และมาหาพระเจ้าของพวกเรา เพราะพระองค์จะยกโทษอย่างมากมาย

“เพราะความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้า
    และทางของเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเราเช่นกัน”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกเช่นไร
    วิถีทางของเราก็สูงกว่าวิถีทางของเจ้า
    และความคิดของเราสูงกว่าความคิดของเจ้าเช่นนั้น
10 เพราะฝนและหิมะตกจากฟ้า
    และไม่ย้อนกลับขึ้นไป แต่รดแผ่นดินโลก
ทำให้พืชงอกเติบโต
    ให้เมล็ดแก่ผู้หว่านและอาหารแก่ผู้รับประทานเช่นไร
11 คำของเราก็จะเป็นอย่างนั้น คำซึ่งออกไปจากปากของเรา
    จะไม่หวนกลับมาเปล่าๆ
แต่จะสำเร็จผลตามจุดประสงค์ของเรา
    และจะสำเร็จในสิ่งที่เรามุ่งหมายไว้เช่นนั้น
12 เพราะเจ้าจะออกไปด้วยความยินดี
    และถูกนำออกไปด้วยสันติสุข
เทือกเขาและเนินเขาที่อยู่เบื้องหน้าเจ้า
    จะแซ่ซ้องด้วยเสียงเพลง
    และต้นไม้ทั้งมวลในทุ่งนาจะปรบมือกัน
13 ต้นสนจะงอกขึ้นแทนไม้หนาม
    ต้นเมอร์เทิลจะงอกขึ้นแทนพุ่มไม้หนาม
สิ่งเหล่านี้จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่รู้จัก
    เป็นสัญลักษณ์อันเป็นนิรันดร์ที่ไม่มีวันจะถูกทำลายลง”

ความรอดสำหรับชนต่างชาติ

56 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“จงรักษาความเป็นธรรม
    และปฏิบัติด้วยความชอบธรรม
เพราะความรอดพ้นที่มาจากเราจะมาในไม่ช้า
    และความชอบธรรมของเราจะเป็นที่ประจักษ์
ผู้ที่เป็นสุขได้แก่ผู้ที่ปฏิบัติตามนี้
    และบุตรมนุษย์ที่เคร่งครัดทำตาม
ผู้รักษาวันสะบาโต ไม่ดูหมิ่นวันสะบาโต
    และมือของเขาไม่กระทำสิ่งชั่วร้ายใดๆ”

อย่าให้ชนต่างชาติที่หันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าพูดว่า
    พระผู้เป็นเจ้าจะแยกเราออกจากชนชาติของพระองค์อย่างแน่นอน”
และอย่าให้ขันทีพูดว่า
    “ดูเถิด เราเป็นต้นไม้แห้ง”

เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“สำหรับบรรดาขันทีที่รักษาวันสะบาโตของเรา
    ผู้เลือกสิ่งที่ทำให้เราพอใจ
    และเคร่งครัดทำตามพันธสัญญาของเรา
เราจะมอบอนุสรณ์และชื่อที่ดียิ่งกว่า
    บรรดาบุตรชายบุตรหญิงในบ้านของเรา
    และภายในกำแพงของเรา
เราจะมอบชื่ออันเป็นนิรันดร์
    ซึ่งจะไม่มีวันถูกตัดทิ้งให้แก่พวกเขา
และบรรดาชนต่างชาติที่หันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า
    เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระองค์ เพื่อรักพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และเพื่อเป็นบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
ทุกคนที่รักษาวันสะบาโตและไม่ดูหมิ่นวันสะบาโต
    และเคร่งครัดทำตามพันธสัญญาของเรา
เราจะนำคนเหล่านี้ไปยังภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา
    และให้พวกเขามีใจยินดีอยู่ในตำหนักแห่งการอธิษฐานของเรา
สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะของพวกเขา
    จะเป็นที่ยอมรับบนแท่นบูชาของเรา
เพราะตำหนักของเราจะได้ชื่อว่า
    ตำหนักอธิษฐานสำหรับชนชาติทั้งปวง”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
    ผู้รวบรวมอิสราเอลที่ถูกเนรเทศกล่าวดังนี้ว่า
“นอกจากบรรดาผู้ที่ถูกรวบรวมไว้แล้ว
    เรายังจะรวบรวมผู้อื่นให้กับพวกเขาอีกด้วย”

บรรดาผู้นำที่ไม่มีความรับผิดชอบของอิสราเอล

เจ้าสัตว์ป่าทั้งปวงในทุ่งนา
    และในป่า พวกเจ้าจงมากิน
10 ผู้เฝ้ายามของเขาตาบอด
    เขาทุกคนขาดความรู้
เขาทุกคนเป็นสุนัขใบ้
    เห่าไม่ได้
เอาแต่นอน ช่างฝัน
    และชอบหลับนอน
11 สุนัขพวกนี้เจริญอาหารมาก
    กินไม่เคยอิ่ม
แต่พวกเขาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ไม่มีความเข้าใจ
    พวกเขาทุกคนได้เดินไปตามทางของเขาเอง
    เพื่อผลประโยชน์ของตัวเขาเอง ไม่เว้นสักคน
12 พวกเขาพูดว่า “มาเถิด เราจะหาเหล้าองุ่นมา
    เรามาดื่มสุรากันให้หนัก
และวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นอย่างวันนี้
    สุขสำราญเกินคาด”

รูปเคารพไร้ประโยชน์ของอิสราเอล

57 ผู้มีความชอบธรรมสิ้นชีวิต
    และไม่มีใครใส่ใจ
พวกที่เชื่อในพระเจ้าถูกพรากจากไป
    โดยไม่มีใครเข้าใจ
เพราะผู้มีความชอบธรรมถูกนำไปจากความวิบัติ
    เขาไปสู่ความสงบ
พวกเขาพักผ่อนบนเตียงนอน
    ผู้ดำเนินในความเที่ยงธรรม
“แต่พวกเจ้าที่เป็นบุตรของหญิงใช้วิทยาคม จงมานี่
    เจ้าเป็นเชื้อสายของผู้ผิดประเวณีและผู้หญิงปล่อยตัว
เจ้ากำลังล้อเลียนใคร
    เจ้าเปิดปากกว้าง
    และแลบลิ้นต่อว่าใคร
เจ้าเป็นลูกๆ ของพวกฝ่าฝืน
    เชื้อสายแห่งความหลอกลวงมิใช่หรือ
พวกเจ้ามัวเมาอยู่ในความใคร่ท่ามกลางต้นโอ๊ก
    ที่ใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
เจ้าสังหารลูกๆ ของเจ้าในหุบเขา
    ที่ใต้ผาหิน
ส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับอยู่ท่ามกลางหินเรียบของหุบเขา
    เจ้าเทเครื่องดื่มบูชา
    และเจ้านำเครื่องธัญญบูชามาให้สิ่งเหล่านั้น
    นั่นแหละที่เป็นของเจ้า
เราควรจะเปลี่ยนใจเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ
เจ้าตั้งเตียงของเจ้าไว้บนภูเขาสูงและตระหง่าน
    และเจ้าขึ้นไปมอบเครื่องสักการะที่นั่น
เจ้าได้ติดเครื่องหมายของชาติอื่น
    ที่หลังประตูและวงกบประตู
เพราะเจ้าทิ้งเราไป จึงได้เลิกที่นอนของเจ้าขึ้น
    เจ้าขึ้นไปบนนั้นและเบิ่งกว้าง
และเจ้าได้ทำพันธสัญญาระหว่างเจ้ากับพวกเขา
    เจ้ารักเตียงนอนของพวกเขา
    เจ้าได้มองดูความเปลือยเปล่า
เจ้านำน้ำมันไปมอบให้แก่กษัตริย์
    และเพิ่มน้ำหอมให้มากขึ้น
เจ้าให้บรรดาผู้ส่งสาสน์ไปไกล
    และให้ลงไปจนถึงแดนคนตาย
10 เจ้าเหนื่อยอ่อนเพราะการเดินทางที่ยาวไกล
    แต่เจ้าไม่ได้พูดว่า ‘สิ้นความหวัง’
เจ้าพบชีวิตใหม่ให้กับพละกำลังของเจ้า
    เจ้าจึงไม่เป็นลมล้มเจ็บ

11 เจ้าหวาดหวั่นและกลัวใคร
    เจ้าจึงได้พูดปด
และไม่ได้นึกถึงเรา
    ไม่ได้ใส่ใจ
เราคงนิ่งอยู่เป็นเวลานานใช่ไหม
    จึงทำให้เจ้าไม่เกรงกลัวเรา
12 เราจะประกาศความชอบธรรมของเจ้าและการกระทำของเจ้า
    แต่มันก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า
13 เมื่อเจ้าส่งเสียงร้อง
    ก็จงให้รูปเคารพที่เจ้าสะสมไว้มากมายช่วยเจ้าให้รอดปลอดภัยเถิด
ลมจะพัดมันไป
    ลมหายใจเฮือกหนึ่งก็จะพัดพามันไป
แต่ผู้ที่พึ่งพิงเรา
    จะได้เป็นเจ้าของแผ่นดิน
    และจะได้รับภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมรดก”

ผู้รู้สำนึกผิดได้รับการปลอบประโลม

14 และจะมีผู้กล่าวว่า

“จงสร้างถนนขึ้น สร้างถนนขึ้น จงเตรียมถนน
    จงยกสิ่งขวางกั้นออกจากทางของชนชาติของเรา”
15 เพราะองค์ผู้สูงส่ง ผู้ได้รับการยกย่อง ผู้ดำรงชีวิตชั่วนิรันดร์กาล
    ซึ่งมีพระนามว่า องค์ผู้บริสุทธิ์ กล่าวดังนี้ว่า
“เราอาศัยอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์
    และอยู่กับผู้ที่สำนึกผิด และถ่อมตัวในฝ่ายวิญญาณด้วย
เพื่อให้วิญญาณของผู้ถ่อมตนฟื้นขึ้นมาอีก
    และเพื่อให้ใจของผู้สำนึกผิดฟื้นขึ้นมาอีก
16 เพราะเราจะไม่ราวีไปตลอดกาล
    หรือจะโกรธกริ้วเสมอไป
มิฉะนั้นจิตวิญญาณของมนุษย์จะสิ้นไป
    ลมหายใจแห่งชีวิตที่เราสร้างขึ้นมา
17 เพราะสิ่งที่เขาได้มาจากความไม่เป็นธรรมเป็นความชั่ว
    เราจึงโกรธกริ้วและลงโทษเขา เราซ่อนหน้าและโกรธนัก
    แต่เขาก็หันออกห่างไปในทางที่หัวใจของเขาเรียกร้อง
18 เราได้เห็นวิถีทางของเขา แต่เราจะรักษาเขาให้หายขาด
    เราจะนำทางเขาไปและให้กำลังใจเขาและคนที่ร้องคร่ำครวญ
19     จะทำให้เขากล่าวคำสรรเสริญ
สันติสุข สันติสุขจงบังเกิดแก่ผู้ที่อยู่ใกล้และไกล”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น
    “และเราจะรักษาเขาให้หายขาด”
20 แต่พวกคนชั่วเป็นเหมือนทะเลที่ซัดไปมา
    เพราะทะเลจะเงียบสงบไม่ได้
    และคลื่นทะเลซัดตม และขี้ดินตลบขึ้นมา
21 พระเจ้าของข้าพเจ้ากล่าวว่า
    “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”

การอดอาหารที่แท้จริงและปลอม

58 “จงส่งเสียงร้องดัง ไม่ต้องยับยั้งไว้
    ส่งเสียงร้องของเจ้าเหมือนเสียงแตร
จงประกาศแก่ชนชาติของเราถึงการล่วงละเมิดของเขา
    แก่พงศ์พันธุ์ยาโคบถึงบาปของพวกเขา
พวกเขาแสวงหาเราวันแล้ววันเล่า
    และยินดีที่จะรู้วิถีทางของเรา
เหมือนกับว่า พวกเขาเป็นประชาชาติที่กระทำสิ่งอันเป็นความชอบธรรม
    และไม่ได้ทอดทิ้งคำบัญชาของพระเจ้าของเขา
พวกเขาถามเราถึงการตัดสินอันชอบธรรม
    พวกเขายินดีเดินเข้าใกล้พระเจ้า
พวกเขาพูดว่า ‘พวกเราอดอาหารไปทำไม
    ทั้งๆ ที่พระองค์ไม่เห็น
พวกเราเจียมตัวไปทำไม
    ทั้งๆ ที่พระองค์ไม่รับทราบ’
ดูเถิด ในวันที่เจ้าอดอาหาร เจ้าก็ทำไปเพียงเพื่อตนเอง
    แล้วก็บีบบังคับลูกจ้างของเจ้าทุกคน
ดูเถิด เจ้าอดอาหารก็เพื่อจะก่อการวิวาทและต่อสู้เท่านั้น
    และเพื่อชกด้วยหมัดที่มุ่งร้าย
การอดอาหารอย่างที่พวกเจ้ากระทำในวันนี้
    จะไม่ทำให้เสียงของเจ้าเป็นที่ได้ยินในเบื้องสูงหรอก
การอดอาหารแบบนี้น่ะหรือที่เราเลือก
    เป็นวันที่ให้คนถ่อมตนหรือ
ให้เขาก้มศีรษะลงอย่างไม้อ้อ
    และนอนบนผ้ากระสอบและขี้เถ้าหรือ
เจ้าจะเรียกว่านั่นเป็นการอดอาหาร
    และเป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้ายอมรับได้หรือ

การอดอาหารแบบที่เราเลือกมิใช่อย่างนี้หรือ
    คือแก้สิ่งผูกมัดของความชั่ว
    แก้สายรัดของแอก
ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ
    และปลดแอกทั้งหมดออก
เพื่อแบ่งปันอาหารของเจ้าให้กับผู้ที่หิว
    และนำผู้ยากไร้ที่ไม่มีบ้านอยู่เข้าไปในบ้านของเจ้า
เมื่อเจ้าเห็นผู้ที่ไร้เครื่องนุ่งห่ม ก็จัดหาให้เขา
    และไม่ซ่อนตัวเจ้าจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า มิใช่หรือ
แล้วแสงสว่างของเจ้าก็จะสาดส่องดั่งอรุณรุ่ง
    และการเจ็บไข้ของเจ้าจะหายขาดอย่างรวดเร็ว
ความชอบธรรมของเจ้าจะนำหน้าเจ้าไป
    บารมีของพระผู้เป็นเจ้าจะคุ้มกันที่ข้างหลังเจ้า
เวลาที่เจ้าร้องเรียก พระผู้เป็นเจ้าก็จะตอบ
    เจ้าจะร้องให้ช่วย พระองค์ก็จะกล่าวว่า ‘เราอยู่นี่’
ถ้าเจ้าเอาแอกนั้นออกไปจากท่ามกลางพวกเจ้า
    และเลิกจากการตำหนิติเตียนผู้อื่น หรือการพูดว่าร้าย
10 ถ้าเจ้าช่วยเหลือผู้หิวกระหาย
    และให้ผู้มีความลำบากได้รับจนพอใจ
แล้วแสงสว่างของเจ้าก็จะส่องในความมืด
    และความมืดมนของเจ้าก็จะสว่างดั่งเที่ยงวัน
11 และพระผู้เป็นเจ้าจะนำทางเจ้าเสมอไป
    และให้เจ้าได้รับจนพอใจในยามลำเค็ญ
    และทำให้กระดูกของเจ้าแข็งแรง
และเจ้าจะเป็นอย่างสวนที่ได้น้ำรด
    เป็นอย่างน้ำพุ
    ที่ไม่มีวันแห้งเหือด
12 และสิ่งปรักหักพังโบราณของเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่
    เจ้าจะสร้างฐานรากให้กับหลายชั่วอายุคน
เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพง
    ผู้สร้างถนนขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยได้

13 ถ้าเจ้าหยุดละเมิดวันสะบาโต
    หยุดจากการหาความสำราญในวันบริสุทธิ์ของเรา
และเรียกว่า วันสะบาโตเป็นวันที่น่ายินดี
    และให้เกียรติวันบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
ถ้าเจ้าให้เกียรติวันนั้น คือเจ้าไม่ทำตามวิถีทางของเจ้า
    หรือแสวงหาความสำราญของเจ้า หรือพูดพร่ำ
14 แล้วเจ้าจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    และเราจะให้เจ้าขึ้นสู่ความสูงของแผ่นดินโลก
เราจะให้เจ้ารับมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวด้วยปากของพระองค์”

ความชั่วและการบีบบังคับ

59 ดูเถิด มือของพระผู้เป็นเจ้ามิได้สั้นเกินที่จะช่วยให้รอดได้
    หูของพระองค์มิได้ตึงเกินที่จะได้ยินได้
แต่ความชั่วของท่านได้ทำให้ท่าน
    แยกไปจากพระเจ้า
และบาปของท่านได้ทำให้พระองค์ซ่อนหน้าไปจากท่าน
    และทำให้พระองค์ไม่ฟัง
เพราะว่ามือของท่านเป็นมลทินด้วยเลือด
    และนิ้วของท่านเป็นมลทินด้วยความชั่ว
ปากของท่านพูดเท็จ
    ลิ้นของท่านพร่ำบ่นถึงสิ่งชั่วร้าย
ไม่มีผู้ใดฟ้องศาลอย่างเป็นธรรม
    ไม่มีผู้ใดใช้กฎหมายอย่างซื่อสัตย์
พวกเขาไว้วางใจในคำวิวาทที่ไร้ประโยชน์ และพูดเท็จ
    พวกเขาวางแผนก่อความยุ่งยาก และสิ่งที่ตามมาคือการทำความชั่ว
พวกเขาเป็นที่มาของไข่งูพิษ
    พวกเขาชักใยแมงมุม
ผู้ที่กินไข่ของพวกเขาจะตาย
    และไข่งูพิษที่ถูกย่ำก็จะฟักเป็นตัว
จะใช้ใยแมงมุมเป็นเครื่องนุ่งห่มไม่ได้
    ผู้คนจะไม่ใช้ใยที่ตนชักเป็นเครื่องนุ่งห่ม
สิ่งที่ทำขึ้นเป็นความชั่ว
    และมือของพวกเขาทำสิ่งที่รุนแรง
เท้าของพวกเขาวิ่งไปในทางที่ชั่ว
    และพวกเขารีบฆ่าคนไร้ความผิด
ความคิดของพวกเขาเป็นความคิดชั่ว
    ความพินาศและความวิบัติอยู่ในวิถีทางของเขา
พวกเขาไม่รู้จักทางที่นำไปสู่สันติสุข
    และพวกเขาไม่มีความยุติธรรมในการดำเนินชีวิต
พวกเขาทำทางของเขาเองให้คด
    ไม่มีผู้ใดที่ย่ำบนทางนั้นแล้วจะรู้จักสันติสุข[j]

ฉะนั้น ความยุติธรรมอยู่ห่างไกลจากพวกเรา
    และความชอบธรรมไม่เกิดขึ้นกับเรา
พวกเราหวังในแสงสว่าง แต่ดูเถิด มีแต่ความมืด
    และหวังในความสว่าง แต่พวกเราเดินอยู่ในความมืดมน
10 พวกเราคลำหาตามกำแพงอย่างคนตาบอด
    พวกเราคลำหาราวกับคนไม่มีตา
พวกเราสะดุดตอนเที่ยงวันราวกับเป็นเวลาพลบค่ำ
    พวกเราเป็นเหมือนคนตายแล้วในหมู่คนร่างกำยำ
11 พวกเราทุกคนคำรามอย่างหมี
    พวกเราโอดครวญ คร่ำครวญอย่างนกพิราบ
พวกเราหวังในความยุติธรรม แต่หาไม่พบเลย
    หวังในความรอดพ้น แต่ก็ห่างไกลจากพวกเรา

12 เพราะการล่วงละเมิดของเราทวีคูณขึ้น ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และบาปของพวกเราเป็นพยานฟ้องเรา
เพราะการล่วงละเมิดอยู่กับพวกเรา
    และเรารู้ถึงความชั่วของเรา
13 การล่วงละเมิดและการปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า
    และการหันหลังให้กับพระเจ้าของเรา
พูดด้วยการบีบบังคับและฝ่าฝืน
    กล่าวคำเท็จซึ่งเกิดขึ้นจากจิตใจของพวกเรา
14 ความยุติธรรมถูกบังคับให้ถอยกลับ
    และความชอบธรรมอยู่ห่างไกล
เพราะความจริงไม่มั่นคงที่ลานชุมนุม
    และความเที่ยงธรรมเข้ามาไม่ถึง
15 หามีความจริงไม่
    และผู้ที่เดินไปจากความชั่วกลายเป็นผู้ถูกตามล่า

พระผู้เป็นเจ้ามองดู และไม่พอใจ
    ที่ไม่มีความยุติธรรม
16 พระองค์เห็นว่าไม่มีผู้ใด
    และใจหายว่าไม่มีใครสักคนที่จะอธิษฐานขอ
แล้วพละกำลังของพระองค์เองนำความรอดพ้นมา
    และความชอบธรรมของพระองค์เสริมพลังให้แก่พระองค์
17 พระองค์สวมความชอบธรรมอย่างเกราะป้องกันอก
    และสวมหมวกเหล็กแห่งความรอดพ้น
พระองค์สวมเสื้อแห่งการแก้แค้นเป็นเครื่องนุ่งห่ม
    และคลุมพระองค์เองด้วยความรักอันแรงกล้าอย่างเสื้อคลุม
18 พระองค์จะสนองคืน
    ตามการกระทำของพวกเขา
การลงโทษแก่ฝ่ายตรงข้าม
    การสนองคืนแก่ศัตรูของพระองค์
    พระองค์จะสนองคืนแก่หมู่เกาะต่างๆ
19 ดังนั้น พวกเขาจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจากฟากตะวันตก
    และพระบารมีของพระองค์จากทางที่ดวงตะวันขึ้น
เพราะพระองค์จะมาอย่างสายน้ำที่ไหลหลาก
    ซึ่งลมของพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้พัดมันมา

20 “และผู้ไถ่จะมายังศิโยน
    มายังบรรดาผู้ที่อยู่ในยาโคบ ผู้หันจากการล่วงละเมิด”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “สำหรับเราแล้ว นี่คือพันธสัญญาของเราที่มีกับพวกเขา วิญญาณของเราซึ่งอยู่เหนือเจ้า และเราบันดาลให้เจ้าพูดตามคำของเราซึ่งจะไม่หายไปจากปากเจ้า หรือจากปากของเชื้อสายของเจ้า หรือจากปากของเชื้อสายของลูกๆ ของเจ้า นับแต่บัดนี้และตลอดไปเป็นนิตย์”[k]

บารมีของอิสราเอลในอนาคต

60 “จงลุกขึ้น จงส่องสว่าง เพราะแสงสว่างของเจ้าได้มาถึงแล้ว
    และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าได้อยู่เหนือตัวเจ้าแล้ว
ดูเถิด ความมืดจะปกคลุมแผ่นดินโลก
    และความมืดมนจะปกคลุมบรรดาชนชาติ
แต่พระผู้เป็นเจ้าจะทอแสงมายังเจ้า
    และพระบารมีของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์บนตัวเจ้า
และบรรดาประชาชาติจะมาที่แสงสว่างของเจ้า
    และบรรดากษัตริย์ก็จะมาที่ความสุกสว่างแห่งความรุ่งโรจน์ของเจ้า

จงเงยหน้าขึ้นและมองดูรอบๆ ตัว
    เขาทั้งปวงประชุมร่วมกันและมาหาเจ้า
บรรดาบุตรชายของเจ้าจะมาจากแดนไกล
    และจะมีคนอุ้มบุตรหญิงของเจ้าเข้าสะเอวมา
เจ้าจะเห็นและยิ้มแย้ม
    ใจของเจ้าจะยินดีและเบิกบานมาก
เพราะความมั่งมีจากทั่วโลกจะถูกนำมาให้เจ้า
    ความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติจะมาหาเจ้า
ฝูงอูฐจะอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า
    อูฐตัวน้อยๆ ของชาวมีเดียนและเอฟาห์
    อูฐขบวนยาวจะมาจากเช-บา
พวกมันจะนำทองคำและกำยาน
    และประชาชนจะประกาศคำสรรเสริญถึงพระผู้เป็นเจ้า
ฝูงแพะแกะแห่งเคดาร์จะถูกรวมเข้าด้วยกัน
    แกะผู้แห่งเนบาโยทจะปรนนิบัติรับใช้เจ้า
พวกมันจะเป็นที่ยอมรับสำหรับแท่นบูชาของเรา
    และเราจะแต่งตำหนักของเราให้สวยงาม

คนเหล่านี้เป็นใครที่ลอยได้อย่างก้อนเมฆ
    และอย่างนกพิราบที่บินไปเกาะหน้าต่าง
เพราะหมู่เกาะต่างๆ จะมีความหวังในตัวเรา
    เรือจากเมืองทาร์ชิชแล่นนำหน้ามา
เพื่อนำบรรดาบุตรของเจ้ามาจากแดนไกล
    นำเงินและทองคำติดตัวมาด้วย
เพื่อพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    และเพื่อองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
    เพราะพระองค์ทำให้เจ้าสวยงาม

10 บรรดาชาวต่างชาติจะสร้างกำแพงของเจ้า
    และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะปรนนิบัติรับใช้เจ้า
ด้วยว่า เราลงโทษเจ้าเมื่อเราโกรธกริ้ว
    แต่เราได้มีเมตตาต่อเจ้าเมื่อเราโปรดปราน
11 ประตูของเจ้าจะเปิดเสมอไป
    มันจะไม่ถูกปิดทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อผู้คนจะนำความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติมาให้แก่เจ้า
    พร้อมกับบรรดากษัตริย์ของพวกเขาที่ถูกนำมาในขบวนแห่
12 ด้วยว่า ประชาชาติและอาณาจักร
    ที่ไม่รับใช้เจ้าจะรกร้าง
    ประชาชาติเหล่านั้นจะถูกทำลายจนสิ้นซาก
13 ความสง่างามของเลบานอนจะเป็นของเจ้า
    ทั้งต้นสน ต้นเพลนและต้นสนไซเปร็ส
จะทำให้ที่พำนักของเราสวยงาม
    และเราจะทำให้ที่วางเท้าของเราสง่างาม
14 บรรดาบุตรของพวกที่ก่อความเดือดร้อนให้กับเจ้า
    จะมาก้มคารวะเจ้า
และคนทั้งหลายที่ดูหมิ่นเจ้า
    จะหมอบลงที่เท้าเจ้า
พวกเขาจะเรียกชื่อเจ้าว่า เมืองของพระผู้เป็นเจ้า
    ศิโยนขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล

15 แม้ว่าเจ้าถูกทอดทิ้งและเกลียดชัง
    และไม่มีผู้ใดเดินทางผ่านมา
เราจะทำให้เจ้ายิ่งใหญ่ตลอดกาล
    เป็นความยินดีทุกชั่วอายุคน
16 เจ้าจะดื่มนมจากบรรดาประชาชาติ
    เจ้าจะดื่มจากอกของบรรดากษัตริย์
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
    ผู้ไถ่ของเจ้า องค์ผู้มีอานุภาพของยาโคบ
17 เราจะนำทองคำแทนทองสัมฤทธิ์
    และเงินแทนเหล็ก
นำทองสัมฤทธิ์แทนไม้
    และเหล็กแทนหิน
เราจะทำให้ความสันติสุขดูแลเจ้า
    และให้ความชอบธรรมเป็นผู้คุมเจ้า
18 จะไม่เกิดความรุนแรงในแผ่นดินของเจ้าอีกต่อไป
    ไม่มีความงงงันหรือความพินาศภายในเขตแดนของเจ้า
เจ้าจะเรียกกำแพงเมืองของเจ้าว่า ‘ความรอดพ้น’
    และเรียกประตูเมืองของเจ้าว่า ‘สรรเสริญ’
19 เวลากลางวันจะไม่มีดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างของเจ้าอีกต่อไป
    และดวงจันทร์จะไม่ส่องความสว่างให้แก่เจ้า
แต่พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงอันเป็นนิรันดร์ของเจ้า
    และพระเจ้าของเจ้าจะเป็นสง่าราศีของเจ้า
20 ดวงอาทิตย์ของเจ้าจะไม่ลับฟ้าอีกต่อไป
    และดวงจันทร์จะไม่เลือนจากไป
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงอันเป็นนิรันดร์ของเจ้า
    และวันเศร้าโศกของเจ้าจะสิ้นสุดลง
21 ชนชาติของเจ้าทุกคนจะมีความชอบธรรม
    พวกเขาจะเป็นเจ้าของแผ่นดินไปตลอดกาล
เป็นกิ่งก้านที่เราปลูก
    คือผลงานจากฝีมือของเรา
    เพื่อบารมีของเราจะเป็นที่ประจักษ์
22 ผู้ที่ด้อยสุดจะสร้างตระกูลขึ้นมา
    และเป็นประชาชาติที่ใจฉกาจ
เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    เมื่อถึงเวลาเราจะให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ปีแห่งความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า

61 “พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สถิตอยู่เหนือเรา
    เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าเจิมเรา
เพื่อนำข่าวอันประเสริฐมายังผู้ยากไร้
    พระองค์ส่งเรามาเพื่อสมานหัวใจที่แตกร้าว
เพื่อประกาศกับนักโทษเพื่อให้ได้รับการปลดปล่อย
    และเปิดคุกให้แก่บรรดาผู้ที่ถูกจองจำ
เพื่อประกาศปีที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า[l]
    และวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเรา
    เพื่อให้กำลังใจทุกคนที่เศร้าโศก
เพื่อจัดเตรียมให้กับบรรดาผู้ที่เศร้าโศกในศิโยน
    เพื่อมอบมงกุฎที่สวยงามแทนขี้เถ้าให้แก่พวกเขา
และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนความเศร้าโศก
    เครื่องประดับแห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่สิ้นหวัง
เพื่อพวกเขาจะได้รับเรียกว่า ต้นโอ๊กแห่งความชอบธรรม
    ที่พระผู้เป็นเจ้าปลูก
    เพื่อพระบารมีของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์”

พวกเขาจะสร้างเมืองโบราณที่พังพินาศขึ้นใหม่
    พวกเขาจะบูรณะสถานที่ซึ่งพังยับเยิน
พวกเขาจะซ่อมเมืองที่ปรักหักพัง
    ซึ่งรกร้างมาหลายชั่วอายุคน
คนแปลกหน้าจะยืนและดูแลฝูงแพะแกะของพวกท่าน
    ชาวต่างชาติจะเป็นคนพรวนดิน
    และคนดูแลสวนองุ่นของท่าน
แต่ท่านจะได้รับเรียกว่า บรรดาปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า
    พวกเขาจะพูดถึงท่านว่า ท่านเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าของเรา
ท่านจะได้รับความมั่งมีจากบรรดาประชาชาติ
    และท่านจะโอ้อวดที่ได้อยู่ในความรุ่งเรืองของพวกเขา
แทนที่จะต้องอับอาย
    ท่านจะได้รับส่วนแบ่งเป็นสองเท่า
แทนที่จะไร้เกียรติ
    พวกเขาจะร่าเริงใจในส่วนแบ่ง
ฉะนั้นพวกเขาจะเป็นเจ้าของส่วนแบ่งในแผ่นดินของพวกเขาสองเท่า
    พวกเขาจะมีความยินดีอันยั่งยืนตลอดไป

“ด้วยว่า เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้ารักความยุติธรรม
    เราเกลียดชังการปล้นและการกระทำความชั่ว
เราจะตอบสนองพวกเขาด้วยความสัตย์จริง
    และเราจะทำพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์กับพวกเขา
ทายาทของพวกเขาจะเป็นที่รู้จักในบรรดาประชาชาติ
    และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาในท่ามกลางบรรดาชนชาติ
ทุกคนที่เห็นพวกเขาจะแสดงความรู้จักว่า
    พวกเขาคือทายาทที่พระผู้เป็นเจ้าได้อวยพร”

10 ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    จิตวิญญาณข้าพเจ้ายินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์สวมเสื้อแห่งความรอดพ้นให้แก่ข้าพเจ้า
    พระองค์ห่มข้าพเจ้าด้วยเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรม
อย่างกับเจ้าบ่าวสวมเครื่องประดับศีรษะอย่างงดงามดั่งปุโรหิต
    และอย่างกับเจ้าสาวที่ตกแต่งด้วยเพชรพลอย
11 ด้วยว่า แผ่นดินโลกทำให้พืชงอก
    และสวนทำให้เมล็ดถูกหว่านและงอกขึ้นมาเช่นไร
พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าก็จะโปรดให้ความชอบธรรม
    และการสรรเสริญสะพรั่งขึ้น เพื่อประชาชาติทั้งปวงเช่นนั้น

ความรอดพ้นของศิโยน

62 เพื่อเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเงียบ
    และเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเฉย
จนกว่าความชอบธรรมของเมืองจะก้าวออกไปดุจความสว่าง
    และความรอดพ้นของเมืองจะเป็นดุจคบไฟที่ลุกอยู่
บรรดาประชาชาติจะเห็นความชอบธรรมของเจ้า
    และกษัตริย์ทั้งปวงจะเห็นความสุกสว่างของเจ้า
และเจ้าจะได้รับเรียกด้วยชื่อใหม่
    ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ให้จากปากของพระองค์
เจ้าจะเป็นมงกุฎแห่งความงามในมือของพระผู้เป็นเจ้า
    และราชมงกุฎในมือของพระเจ้าของเจ้า
เจ้าจะไม่ถูกเรียกว่าเป็น “ผู้ถูกทอดทิ้ง” อีกต่อไป
    และแผ่นดินของเจ้าจะไม่ถูกเรียกว่าเป็น “ที่รกร้าง”
แต่เจ้าจะได้รับเรียกว่า “เฮฟซีบาห์”[m]
    และแผ่นดินของเจ้าจะได้รับเรียกว่า “เบอูลาห์”[n]
เพราะพระผู้เป็นเจ้าชื่นชอบในตัวเจ้า
    และแผ่นดินของเจ้าจะได้สมรส
ด้วยว่า เท่าที่ชายหนุ่มแต่งงานกับหญิงสาวเช่นไร
    บรรดาบุตรชายของเจ้า[o]จะแต่งงานกับเจ้าเช่นนั้น
และเท่าที่เจ้าบ่าวชื่นชมยินดีในตัวเจ้าสาวเช่นไร
    พระเจ้าของเจ้าก็จะชื่นชมยินดีในตัวเจ้าเช่นนั้น

โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย เราได้วางยามไว้บนกำแพงเมืองของเจ้าแล้ว
    พวกเขาจะไม่เงียบงันอีกเลยตลอดทั้งวันและคืน
พวกเจ้าที่ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    จงอย่าพักผ่อน
และไม่ยอมให้พระองค์พักผ่อน
    จนกว่าพระองค์สถาปนาเยรูซาเล็ม
    และทำให้เยรูซาเล็มเป็นที่สรรเสริญในโลก
พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณด้วยมือขวา
    และด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ว่า
“เราจะไม่ให้พวกศัตรูของเจ้าได้รับธัญพืช
    ของเจ้าเป็นอาหารอีกแล้ว
และชาวต่างชาติจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นของเจ้า
    ซึ่งเจ้าได้ออกแรงสกัดเอง
แต่บรรดาผู้เก็บเกี่ยวจะเป็นผู้รับประทาน
    และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
และบรรดาผู้เก็บรวบรวมผลจะดื่ม
    ในลานของสถานที่บริสุทธิ์ของเรา”

10 จงผ่านเข้าไป จงผ่านเข้าประตูเมือง
    จงเตรียมทางให้ประชาชน
จงสร้าง จงสร้างถนนใหญ่
    อย่าให้มีก้อนศิลาขวางทาง
จงยกธงชัยให้บรรดาชนชาติเห็น
11 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาศ
    ถึงสุดมุมโลก
จงบอกธิดาแห่งศิโยนว่า
    “ดูเถิด ความรอดพ้นของเจ้ามาแล้ว[p]
ดูเถิด รางวัลของพระองค์อยู่กับพระองค์
    และพระองค์จะตอบสนอง”
12 และพวกเขาจะได้รับเรียกว่า “ประชาชนที่บริสุทธิ์
    ผู้ที่ได้รับการไถ่ของพระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าจะได้รับเรียกว่า “เป็นที่ปรารถนา
    เมืองที่ไม่ถูกทอดทิ้ง”

วันแก้แค้นของพระผู้เป็นเจ้า

63 ผู้นี้คือใคร ที่มาจากเอโดม
    จากเมืองโบสราห์ เสื้อเปื้อนสีแดงสด
พระองค์สวมเสื้อคลุมเรืองรอง
    เดินมาด้วยพละกำลังมหาศาล
“เราเอง เราพูดด้วยความชอบธรรม
    และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอดพ้น”

ทำไมเสื้อของพระองค์จึงเป็นสีแดง
    เหมือนเสื้อของผู้ย่ำในเครื่องสกัดเหล้าองุ่น

“เราได้ย่ำในเครื่องสกัดเหล้าองุ่นตามลำพัง
    ไม่มีผู้ใดจากบรรดาชนชาติอยู่ด้วยกับเรา
เราย่ำพวกเขาด้วยความโกรธ
    และเหยียบพวกเขาด้วยความกริ้ว
เลือดของพวกเขากระเด็นบนเสื้อผ้าของเรา
    และเปื้อนเครื่องแต่งกายของเรา
เพราะวันแห่งการแก้แค้นอยู่ในใจของเรา
    และปีแห่งการไถ่ได้มาถึงแล้ว
เรามองดู แต่ไม่มีใครช่วย
    เราใจหาย แต่ไม่มีใครเสริมพลัง
ดังนั้นพละกำลังของเราเองนำความรอดพ้นมา
    และความกริ้วของเราเสริมพลังให้แก่เรา
เราเหยียบบรรดาชนชาติด้วยความโกรธของเรา
    เราทำให้พวกเขาดื่มด้วยความกริ้ว
    และเราหลั่งเลือดของพวกเขาลงบนโลก”

ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าจะระลึกถึงความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้า
    และการสรรเสริญที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า
เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าได้มอบทุกสิ่งให้แก่พวกเรา
    และความดีอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ที่พระองค์ได้โปรดมอบให้แก่พวกเขาเนื่องจากความสงสารของพระองค์
    เนื่องจากความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีอย่างเอนกอนันต์
เพราะพระองค์กล่าวดังนี้ว่า “แน่ละพวกเขาเป็นชนชาติของเรา
    ลูกๆ ที่จะไม่ประพฤติผิดต่อเรา”
    พระองค์จึงมาเป็นองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของพวกเขา
พระองค์รับทุกข์ทรมาน ก็เพื่อความทุกข์ทรมานของพวกเขาทุกประการ
    และทูตสวรรค์ของพระองค์เอง[q]ที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
พระองค์ไถ่พวกเขาเพราะความรักและความสงสารของพระองค์
    พระองค์พยุงพวกเขาขึ้น และอุ้มพวกเขา
    ตลอดสมัยดึกดำบรรพ์

10 แต่พวกเขาก็ยังขัดขืน
    และทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เศร้าใจ
พระองค์จึงกลับเป็นศัตรูของพวกเขา
    และพระองค์ต่อสู้กับพวกเขาเอง
11 แล้วพระองค์ก็ระลึกถึงสมัยดึกดำบรรพ์
    ในสมัยของโมเสสและชนชาติของพระองค์
ผู้นำพวกเขาให้ขึ้นมาจากทะเล
    พร้อมกับบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์อยู่ที่ไหน
ผู้ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
    อยู่ในท่ามกลางพวกเขาอยู่ที่ไหน
12 ผู้ให้พลานุภาพของพระองค์
    อยู่กับมือขวาของโมเสส
ผู้แยกสายน้ำที่ตรงหน้าพวกเขา
    เพื่อสร้างพระนามของพระองค์ให้เป็นที่ระลึกถึงตลอดกาล
13 ใครนำพวกเขาผ่านทะเลลึก
พวกเขาเป็นดั่งม้าในถิ่นทุรกันดาร
    ซึ่งไม่สะดุดล้ม
14 พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าให้พวกเขาหยุดพัก
    อย่างสัตว์เลี้ยงที่ลงไปสู่หุบเขา
ดังนั้น พระองค์นำชนชาติของพระองค์
    เพื่อทำให้พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่ง

15 โปรดมองลงจากฟ้าสวรรค์ และเห็นเถิด
    จากที่อันบริสุทธิ์และงดงามที่พระองค์สถิตอยู่
ความรักอันแรงกล้าและอานุภาพของพระองค์อยู่ที่ไหน
    ความรู้สึกลึกๆ ในใจของพระองค์และความสงสารของพระองค์
    ถูกรั้งไปจากข้าพเจ้า
16 ด้วยว่า พระองค์เป็นพระบิดาของพวกเรา
    แม้ว่าอับราฮัมไม่รู้จักพวกเรา
    และอิสราเอลไม่แสดงให้เห็นว่ารู้จักพวกเรา
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระบิดาของพวกเรา
    ผู้ไถ่ของพวกเราจากโบราณกาลคือพระนามของพระองค์
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ทำให้พวกเราระหกระเหินไปจากวิถีทางของพระองค์
    และทำให้จิตใจของพวกเราแข็งกระด้าง จึงทำให้พวกเราไม่เกรงกลัวพระองค์
โปรดหันกลับมาเพื่อเห็นแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
    แก่เผ่าทั้งหลายที่เป็นผู้สืบมรดกของพระองค์
18 ชนชาติอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้เป็นเจ้าของเพียงชั่วระยะหนึ่ง
    ศัตรูของพระองค์ได้พังที่พำนักของพระองค์ลง
19 พวกเรากลายเป็นเหมือนบรรดาผู้ที่พระองค์ไม่เคยปกครองมาก่อน
    เหมือนบรรดาผู้ที่ไม่ได้รับเรียกว่าเป็นคนของพระองค์
64 โอ ขอพระองค์เปิดฟ้าสวรรค์ และลงมา
    เพื่อเทือกเขาจะสั่นไหวเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์
เหมือนดั่งไฟจุดก้านไม้ให้ลุก
    และไฟทำให้น้ำเดือด
เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่พวกศัตรู
    และเพื่อบรรดาประชาชาติจะสั่นเทาต่อหน้าพระองค์
เมื่อก่อนพระองค์ทำสิ่งอันน่าเกรงขามซึ่งพวกเราไม่ได้คาดหมาย
    พระองค์ลงมา เทือกเขาก็สั่นไหวเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์
ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ไม่มีใครเคยได้ยิน
    หรือตั้งใจฟังด้วยหู
ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
    พระองค์กระทำเพื่อคนที่รอคอยพระองค์[r]
พระองค์พบกับคนที่ยินดีกระทำตามความชอบธรรม
    บรรดาผู้ที่ระลึกถึงพระองค์ในวิถีทางของพระองค์
ดูเถิด พระองค์กริ้ว และพวกเราทำบาป
    พวกเราอยู่ในบาปเป็นเวลานาน
    แล้วพวกเราจะได้รับความรอดหรือ
พวกเราทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนไม่บริสุทธิ์
    และการกระทำที่ชอบธรรมของเราทุกประการเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่แปดเปื้อน
พวกเราเหี่ยวเฉาเหมือนใบไม้
    และความชั่วของเราเป็นเหมือนลมซึ่งพัดเราไป
ไม่มีใครร้องเรียกพระนามของพระองค์
    ไม่มีใครตื่นตัวที่จะเข้าหาพระองค์
เพราะพระองค์ได้ซ่อนหน้าไปจากพวกเรา
    และทำให้พวกเราทรุดโทรมลงเพราะบาปของพวกเรา

แต่มาบัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์คือพระบิดาของพวกเรา
    เราเป็นดินเหนียว พระองค์เป็นช่างปั้นหม้อ
    พวกเราทุกคนเป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์อย่ากริ้วมากไป
    และอย่านึกถึงความชั่วไปตลอดกาลเลย
ดูเถิด โปรดมองดูพวกเราทุกคน
    ซึ่งเป็นชนชาติของพระองค์
10 บรรดาเมืองที่บริสุทธิ์ของพระองค์ได้กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
    ศิโยนได้กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
    เยรูซาเล็มก็เป็นที่รกร้าง
11 พระตำหนักอันบริสุทธิ์และงดงามของพวกเรา อันเป็นที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สรรเสริญพระองค์ ถูกไฟเผาไหม้
    และทุกที่แห่งความรื่นรมย์ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมื่อทุกสิ่งเป็นเช่นนั้น พระองค์ยังจะยับยั้งความช่วยเหลือไว้อีกหรือ
    พระองค์จะนิ่งเงียบ และทำให้พวกเราลำบากแสนเข็ญหรือ

การตัดสินโทษและความรอดพ้น

65 “เราปรากฏแก่พวกที่ไม่ได้ถามหาเรา
    พวกคนที่ไม่ได้แสวงหาเราได้พบเรา[s]
เราพูดว่า ‘เราอยู่นี่ เราอยู่นี่’
    กับประชาชาติที่ไม่ได้ร้องเรียกชื่อของเรา
ตลอดวันเวลาเรายื่นมือของเรา
    ให้แก่ชนชาติที่ดื้อกระด้าง
ที่เดินในทางไม่ดี
    เดินตามวิธีการของตนเอง[t]
ชนชาติที่ยั่วโทสะเรา
    ซึ่งๆ หน้าเรื่อยไป
มอบเครื่องสักการะในสวน
    และเผาเครื่องหอมบนก้อนอิฐ
เป็นพวกที่นั่งในถ้ำศพ
    และอยู่ในที่ลี้ลับยามค่ำคืน
เขากินเนื้อหมู[u]
    และแกงจากเนื้อสัตว์ไม่บริสุทธิ์ในภาชนะของพวกเขา
คนเหล่านั้นพูดว่า ‘อยู่ให้ห่าง
    อย่าเข้ามาใกล้เรา เพราะเราบริสุทธิ์เกินไปสำหรับเจ้า’
คนพวกนั้นเป็นดั่งควันในช่องจมูกของเรา
    เป็นไฟที่ลุกไหม้ตลอดเวลา
ดูเถิด มีคำเขียนที่อยู่ตรงหน้าเราว่า
    ‘เราจะไม่นิ่งเงียบ แต่เราจะกระทำตอบ
    เราจะกระทำตอบในทรวงอกของพวกเขาอย่างแน่นอน’
ทั้งความชั่วของเจ้าและของบรรพบุรุษของเจ้ารวมกัน
    เพราะพวกเขามอบของถวายบนภูเขา
    และเหยียดหยามเราที่เนินเขา
เราจะตวงจ่ายกลับคืนให้ในทรวงอกของพวกเขา
    สำหรับการกระทำที่แล้วๆ มา”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น

จากนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอีกว่า

“เท่าที่ยังมีเหล้าองุ่นใหม่ซึ่งได้มาจากพวงองุ่น
    และพวกเขาพูดว่า ‘โปรดอย่าทำลายมันเลย
    เพราะยังมีพระพรอยู่ในนั้น’
ฉะนั้น เราก็จะทำเพื่อบรรดาผู้รับใช้ของเรา
    และจะไม่ทำลายบางคนในหมู่พวกเขา
เราจะโปรดให้มีผู้ที่เกิดจากเชื้อสายของยาโคบ
    ให้ผู้เกิดจากยูดาห์รับภูเขาของเราเป็นมรดก
บรรดาผู้ที่เราเลือกจะเป็นเจ้าของภูเขา
    และบรรดาผู้รับใช้ของเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น
10 ชาโรนจะเป็นทุ่งหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ
    และหุบเขาอาโคร์จะเป็นที่สำหรับฝูงโคได้นอนพัก
    สำหรับชนชาติของเราที่แสวงหาเรา
11 แต่เจ้าทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า
    และลืมภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา
และตั้งโต๊ะให้แก่เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง
    และรินเหล้าองุ่นผสมให้แก่เทพเจ้าแห่งโชคชะตา
12 เราจะตั้งจุดจบของเจ้าให้อยู่ที่ปลายดาบ
    และเจ้าทุกคนจะก้มลงให้กับการประหาร
เพราะเมื่อเราเรียก เจ้าก็ไม่ตอบ
    เมื่อเราพูด เจ้าก็ไม่ฟัง
แต่เจ้ากระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของเรา
    และเลือกสิ่งที่เราไม่ชื่นชอบ”

13 ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

“ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของเราจะรับประทาน
    แต่เจ้าจะหิว
ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของเราจะดื่ม
    แต่เจ้าจะกระหาย
ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของเราจะชื่นชมยินดี
    แต่เจ้าจะอับอาย
14 ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของเราจะร้องเพลงเพราะดีใจ
    แต่เจ้าจะส่งเสียงร้องเพราะปวดใจ
    และจะร้องรำพันเพราะจิตวิญญาณแตกสลาย
15 บรรดาผู้รับใช้ที่เราเลือกจะใช้ชื่อของเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
    และพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะสังหารเจ้า
    แต่เราจะให้ชื่อใหม่แก่บรรดาผู้รับใช้ของเรา
16 เพื่อว่า ผู้ที่ได้รับพระพรในแผ่นดิน
    จะได้รับการอวยพรจากพระเจ้าแห่งความจริง
และผู้ที่สาบานในแผ่นดิน
    จะสาบานด้วยพระเจ้าแห่งความจริง
เพราะความลำบากของเจ้าในอดีตผ่านพ้นไปแล้ว
    และเราไม่นึกถึงมันอีก

ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่

17 ดูเถิด เราสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่
    และแผ่นดินโลกใหม่
และสิ่งต่างๆ ในอดีตจะไม่เป็นที่จดจำ
    หรือนึกถึงอีก[v]
18 แต่จงดีใจและชื่นชมยินดีตลอดกาล
    ในสิ่งที่เราสร้าง
ดูเถิด เราสร้างเยรูซาเล็มเพื่อเป็นความยินดี
    และให้ชนชาตินั้นเบิกบานใจ
19 เราจะชื่นชมยินดีในเยรูซาเล็ม
    และดีใจในชนชาติของเรา
จะไม่มีการได้ยินเสียงร้องไห้
    หรือเสียงร้องเพราะเป็นทุกข์อีกต่อไป
20 จะไม่มีทารกที่มีชีวิตอยู่
    ได้เพียงสองสามวันอีกต่อไป
    หรือคนชราที่มีอายุไม่ยืนนาน
ด้วยว่า ชายหนุ่มจะตายเมื่อมีอายุร้อยปี
    และคนบาปที่มีอายุถึงร้อยปีก็นับว่าถูกสาปแช่ง
21 พวกเขาจะอาศัยอยู่ในบ้านที่เขาสร้าง
    พวกเขาจะปลูกสวนองุ่นและได้กินผล
22 พวกเขาจะไม่สร้าง แล้วคนอื่นมาอยู่อาศัย
    พวกเขาจะไม่ปลูก แล้วคนอื่นมากินผลของเขา
ด้วยว่า ชนชาติของเราจะมีอายุยืนนาน
    เช่นเดียวกับอายุของต้นไม้
และผู้ที่เราเลือกก็จะสุขใจ
    กับงานที่เขาลงแรงทำ
23 พวกเขาจะไม่ลงแรงโดยไร้ประโยชน์
    หรือมีลูกหลานเพื่อความวิบัติ
เพราะพวกเขาจะเป็นเชื้อสายของผู้ได้รับพระพรของพระผู้เป็นเจ้า
    และมีบรรดาผู้สืบเชื้อสายอยู่กับพวกเขาด้วย
24 เราจะตอบ ก่อนที่พวกเขาจะร้องเรียกถึงเรา
    เราจะได้ยินในขณะที่พวกเขากำลังพูด
25 สุนัขป่าและลูกแกะจะเล็มหญ้าอยู่ด้วยกัน
    สิงโตจะกินหญ้าอย่างโค
    และงูจะกินฝุ่นเป็นอาหาร
สัตว์เหล่านี้จะไม่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งใด
    บนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าวเช่นนั้น

ผู้ถ่อมตนและผู้สำนึกผิดในฝ่ายวิญญาณ

66 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา
    และโลกเป็นที่วางเท้าของเรา
ตำหนักที่เจ้าจะสร้างให้เราอยู่ที่ไหน
    และที่พำนักของเราอยู่ที่ไหน
มิใช่มือของเราหรอกหรือ ที่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ไว้[w]
    สิ่งเหล่านี้จึงเป็นขึ้นมาได้”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

“แต่ผู้ที่เราจะเชิดชู ก็คือ
    ผู้ที่ถ่อมตนและรู้สำนึกผิดในฝ่ายวิญญาณ
    และหวั่นเกรงในคำกล่าวของเรา
ผู้ที่ฆ่าโค
    เป็นเหมือนกับคนที่ฆ่ามนุษย์
ผู้ที่มอบลูกแกะเป็นเครื่องสักการะ
    เป็นเหมือนกับคนที่หักคอสุนัข
ผู้ที่มอบเครื่องธัญญบูชา
    เป็นเหมือนกับคนที่ถวายเลือดหมู
ผู้ที่มอบกำยานเป็นของถวายที่เตือนความทรงจำ
    เป็นเหมือนกับคนที่อวยพรรูปเคารพ
พวกเขาได้เลือกทางของตนเอง
    และจิตวิญญาณของเขาชื่นชอบสิ่งที่น่ารังเกียจ
เราจะเลือกการกระทำตอบต่อพวกเขาอย่างแข็งกระด้าง
    และทำให้พวกเขาเกิดความกลัว
ด้วยว่า เมื่อเราเรียก ก็ไม่มีใครตอบ
    เมื่อเราพูด พวกเขาก็ไม่ฟัง
แต่พวกเขากระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของเรา
    และเลือกสิ่งที่เราไม่ชื่นชอบ”

จงฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า
    พวกท่านที่หวั่นเกรงในคำกล่าวของพระองค์
“พี่น้องของเจ้าที่เกลียดเจ้า
    และเหวี่ยงเจ้าออกไปเพราะชื่อของเรา ได้พูดว่า
‘จงให้พระผู้เป็นเจ้าได้รับพระบารมี
    เพื่อเราจะได้เห็นความยินดีของเจ้า’
    แต่เป็นพวกเขาที่จะเผชิญกับความอับอาย
เสียงของความวุ่นวายจากตัวเมือง
    เสียงจากพระวิหาร
เสียงของพระผู้เป็นเจ้า
    เปิดทางในการจ่ายคืนให้แก่พวกศัตรูของพระองค์

ชื่นชมยินดีกับเยรูซาเล็ม

ก่อนที่นางจะเจ็บครรภ์
    นางให้กำเนิด
ก่อนที่นางจะเริ่มเจ็บครรภ์
    นางก็คลอดบุตรชาย
ใครเคยได้ยินอะไรอย่างนี้บ้าง
    ใครเคยได้เห็นอะไรอย่างนี้บ้าง
แผ่นดินเกิดขึ้นได้ในวันเดียวหรือ
    ประชาชาติจะถูกสร้างขึ้นได้ในขณะเดียวหรือ
เพราะทันทีที่ศิโยนเจ็บครรภ์
    นางก็ให้กำเนิดลูกๆ ของนาง”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“เราพามาจนถึงจุดให้กำเนิด
    แล้วเราจะหยุดเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”

พระเจ้าของท่านกล่าวดังนี้ว่า

“เราเป็นผู้ที่ทำให้เกิดขึ้น
    แล้วเราควรปิดครรภ์หรือ
10 เจ้าทุกคนที่รักนาง
    จงชื่นชมยินดีกับเยรูซาเล็ม และจงดีใจกับนาง
เจ้าทุกคนที่ร้องคร่ำครวญถึงนาง
    จงชื่นชมยินดีด้วย
11 เพื่อเจ้าจะได้ดื่มจากอก และพอใจ
    จากอ้อมอกที่ปลอบประโลม
เพื่อเจ้าจะดื่มจนหนำใจด้วยความชื่นชอบ
    จากอกอันอุดมสมบูรณ์”

12 เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“ดูเถิด เราจะเผื่อแผ่ความสันติสุขให้แก่นางดั่งแม่น้ำ
    และเผื่อแผ่ราศีของบรรดาประชาชาติดั่งธารน้ำที่ไหลล้น
เจ้าจะได้ดื่มจากอก และนางจะอุ้มเจ้าเข้าสะเอว
    และให้เจ้านั่งเล่นบนตักนาง
13 ดั่งลูกที่มีแม่เป็นผู้ให้กำลังใจ
    เราก็จะให้กำลังใจเจ้า
    เจ้าจะได้รับกำลังใจอยู่ในเยรูซาเล็ม
14 เจ้าจะเห็น และใจของเจ้าจะชื่นชมยินดี
    กระดูกของเจ้าจะแข็งแรงดุจหญ้า
และบรรดาผู้รับใช้จะรู้จักอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์จะแสดงการลงโทษต่อศัตรูของพระองค์

15 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจะมากับไฟ
    และรถศึกของพระองค์ดุจพายุหมุน
พระองค์จะลงโทษในความกริ้วเป็นที่สุด
    และพระองค์จะปราบด้วยเปลวไฟ
16 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษด้วยไฟ
    และกระทำต่อทุกคนด้วยดาบของพระองค์
    และบรรดาผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าจะสังหารมีจำนวนมาก”

17 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “บรรดาผู้ที่มอบเครื่องสักการะและทำพิธีชำระตัวเพื่อเข้าไปในสวน ตามไปกับคนที่อยู่ในท่ามกลางพวกที่กินเนื้อหมูและสิ่งน่าชังและพวกหนู พวกเขาจะมาถึงจุดจบด้วยกัน

18 เพราะเรารู้การกระทำและความคิดของพวกเขา และจะถึงเวลาที่จะรวบรวมประชาชาติทั้งปวงและทุกภาษาเข้าด้วยกัน และพวกเขาจะมา และจะเห็นบารมีของเรา

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation