Bible in 90 Days
1 ภาพนิมิตซึ่งอิสยาห์บุตรอามอสเห็น เป็นภาพเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มในรัชสมัยของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์คือ อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์[a]
ความชั่วร้ายของยูดาห์
2 โอ ฟ้าสวรรค์ โปรดฟัง โอ แผ่นดินโลก โปรดเงี่ยหู
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนี้ว่า
“เราได้เลี้ยงดูลูกๆ จนเติบโตขึ้น
แต่พวกเขากลับขัดขืนเรา
3 โครู้จักเจ้าของ
และลารู้จักรางหญ้าของนาย
แต่อิสราเอลไม่รู้จัก
ชนชาติของเราไม่เข้าใจ”
4 วิบัติ ประชาชาติที่ชั่วโฉด
ชนชาติที่สุมความชั่วไว้มาก
เชื้อสายของบรรดาผู้ทำความชั่ว
ลูกๆ ไร้ศีลธรรม
พวกเขาได้ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาได้ดูหมิ่นองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
พวกเขาหันหลังให้พระองค์
5 ทำไมพวกท่านจึงจะถูกเหยียบลงอีก
ทำไมท่านจะขัดขืนต่อไปอีก
หัวทั้งหัวก็บาดเจ็บ
และใจทั้งใจก็เป็นทุกข์
6 ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ
ไม่มีส่วนไหนเป็นปกติ
มีแต่รอยฟกช้ำ เป็นแผล และบาดเจ็บ
ไม่ได้รับการรักษาให้สะอาด
ไม่มีการพันแผล
หรือทาน้ำมันให้บรรเทา
7 แผ่นดินของท่านถูกทิ้งร้าง
เมืองต่างๆ ถูกไฟเผา
ชนต่างชาติแย่งชิงแผ่นดินของท่านไปต่อหน้าต่อตา
มันกลายเป็นที่รกร้าง
เหมือนถูกล้มล้างโดยชนต่างชาติ
8 ธิดาแห่งศิโยนถูกทิ้งไว้
เหมือนเพิงในสวนองุ่น
เหมือนกระท่อมในไร่แตงกวา
เหมือนเมืองที่ถูกล้อม
9 ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ไม่ได้ให้มีผู้รอดชีวิตเหลือไว้เพื่อพวกเรา
พวกเราคงกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และเป็นอย่างเมืองโกโมราห์[b]
10 บรรดาผู้ปกครองเมืองโสโดมเอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
ประชาชนของเมืองโกโมราห์เอ๋ย
จงเงี่ยหูฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าของเรา
11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ทำไมพวกเจ้าจึงมอบเครื่องสักการะให้แก่เรามากมาย
เรามักได้รับแกะตัวผู้เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
และไขมันกระทิง
เราไม่ชื่นชอบเลือดโคหนุ่ม
เลือดแกะ หรือเลือดแพะ
12 เมื่อเจ้ามาแสดงตัว ณ เบื้องหน้าเรา
ใครขอให้พวกเจ้ามา
ย่ำเหยียบบริเวณวิหารของเรา
13 อย่านำเครื่องสักการะซึ่งไม่มีความหมายมาถวายอีก
เครื่องหอมเป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับเรา
รวมทั้งเทศกาลข้างขึ้น วันสะบาโต และการเรียกประชุมในเทศกาลต่างๆ
เราทนต่อการประชุมเทศกาลที่เกี่ยวโยงกับความชั่วร้ายไม่ได้
14 จิตวิญญาณของเราเกลียดชังเทศกาลข้างขึ้นและเทศกาลที่เจ้ากำหนดไว้
มันกลายเป็นภาระต่อเรา
เราเอือมระอาที่จะต้องทนกับมัน
15 เมื่อเจ้ายื่นมือของเจ้าออกมา
เราจะหลบสายตาไปจากเจ้า
แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย
เราก็จะไม่ฟัง
มือของเจ้าโชกเลือด
16 พวกเจ้าจงชำระตัว ทำตัวให้สะอาด
จงเอาความชั่วไปให้พ้นสายตาของเรา
จงหยุดทำชั่ว
17 จงเรียนรู้การทำดี
แสวงหาความเป็นธรรม
แก้ไขการบีบบังคับ
รักษาสิทธิของเด็กกำพร้า
ช่วยสู้ความให้กับหญิงม่าย”
18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “มาเถิด เรามาพูดด้วยเหตุผลกัน
แม้ว่าบาปของพวกเจ้าเป็นเหมือนสีแดงสด
มันจะกลับขาวราวกับหิมะ
แม้ว่ามันแดงดั่งเลือดนก
แต่มันจะเป็นดั่งขนแกะ
19 ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง
เจ้าจะได้รับประทานสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน
20 แต่ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธและขัดขืน
เจ้าก็จะถูกกำจัดด้วยคมดาบ
เพราะคำพูดได้ออกจากปากของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว”
เมืองที่ไร้ความภักดี
21 เมืองที่ภักดีกลายเป็น
เมืองแพศยาได้อย่างไร
นางเคยเปี่ยมด้วยความเป็นธรรม
ความชอบธรรมอยู่ในตัวนาง
แต่บัดนี้กลับกลายเป็นฆาตกร
22 เงินของพวกท่านกลายเป็นขี้เงิน
น้ำองุ่นดีที่สุดก็มีน้ำปะปนอยู่
23 บรรดาผู้นำของพวกท่านก็เป็นพวกขัดขืน
คบค้ากับโจร
ทุกคนรักสินบน และรับของกำนัล
ไม่รักษาสิทธิของเด็กกำพร้า
และหญิงม่ายไม่ได้รับความช่วยเหลือ
24 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
องค์ผู้กอปรด้วยอานุภาพของอิสราเอลประกาศว่า
“เอาล่ะ พวกศัตรูของเราจะไม่ก่อความยุ่งยากให้กับเราอีก
และเราเองจะลงโทษเหล่าปรปักษ์
25 เราจะหันมากล่าวโทษพวกเจ้า
และจะกำจัดขี้แร่ออกจากเจ้าราวกับใช้น้ำด่าง
และเอาสิ่งเจือปนในตัวเจ้าออกให้หมด
26 และเราจะคืนบรรดาผู้ตัดสินความของเจ้ากลับมาดังเดิม
เราจะคืนที่ปรึกษาของเจ้าเหมือนสมัยแรกเริ่ม
ต่อจากนั้นเจ้าจะถูกเรียกว่า
เมืองที่มีความชอบธรรม
เมืองที่ภักดี”
27 ศิโยนจะได้รับการไถ่อย่างเป็นธรรม
และบรรดาผู้ที่กลับใจในเมืองนั้นจะได้รับการไถ่ด้วยความชอบธรรม
28 แต่พวกคนล่วงละเมิดและคนบาปจะย่อยยับ
และพวกที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้าจะพินาศ
29 “เจ้าจะอับอายเรื่องต้นโอ๊ก
ซึ่งเจ้าเคยชื่นชอบ
และเจ้าจะอดสูเรื่องสวน
ซึ่งเจ้าได้เลือก
30 เพราะเจ้าจะเป็นอย่างต้นโอ๊ก
ที่ใบเหี่ยวเฉา
และเป็นอย่างสวนไร้น้ำ
31 และคนแข็งแรงจะกลายเป็นเชื้อไฟ
และผลงานของเขาจะกลายเป็นประกายไฟ
ทั้งสองจะมอดไหม้ไปด้วยกัน
โดยไม่มีใครดับได้”
ภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
2 อิสยาห์บุตรอามอสได้กล่าวถึงสิ่งที่เห็นเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า
2 เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
ภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาทั้งหลาย
และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือเนินเขาทั้งปวง
และบรรดาประชาชาติจะพากันหลั่งไหลเข้าไป
3 ชนชาติจำนวนมากจะมาและพูดว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระตำหนักของพระเจ้าของยาโคบกันเถิด
เพื่อให้พระองค์สอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเรา
และเพื่อพวกเราจะดำเนินในทางของพระองค์”
เพราะกฎบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะมาจากเยรูซาเล็ม
4 พระองค์จะตัดสินความระหว่างบรรดาประชาชาติ
และจะตัดสินการโต้แย้งให้กับชนชาติจำนวนมาก
และพวกเขาจะตีดาบให้เป็นใบมีดคันไถ
และตีหอกให้เป็นขอเกี่ยวสำหรับลิดกิ่งไม้
ประชาชาติจะไม่ใช้ดาบต่อสู้กัน
และพวกเขาจะไม่ศึกษาเรื่องการสู้รบอีกต่อไป
5 โอ พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย
มาเถิด เรามาเดิน
ในความสว่างของพระผู้เป็นเจ้ากันเถิด
วันของพระผู้เป็นเจ้า
6 เพราะพระองค์ได้ทอดทิ้งชนชาติของพระองค์
คือพงศ์พันธุ์ยาโคบ
เพราะพวกเขาใช้ชีวิตตามชาวตะวันออก
และเชื่อการทำนายตามชาวฟีลิสเตีย
และร่วมงานกับลูกหลานของชนชาติอื่น
7 แผ่นดินของพวกเขาอุดมด้วยเงินและทองคำ
และเขามีทรัพย์สินใช้จ่ายอย่างไม่มีวันหมด
แผ่นดินบริบูรณ์ด้วยม้า
และเขามีรถศึกใช้อย่างไม่มีวันหมด
8 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยรูปเคารพ
พวกเขาก้มกราบสิ่งที่ทำขึ้นด้วยมือ
ด้วยนิ้วมือของตนเอง
9 ฉะนั้น มนุษย์จึงถูกทำให้ถ่อมลง
และแต่ละคนถูกทำให้ตกต่ำลง
อย่าให้อภัยพวกเขา
10 จงคลานเข้าไปในหิน และหลบซ่อนในฝุ่น
ให้พ้นจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้น่าเกรงขาม
และจากความยิ่งใหญ่อันงามตระการของพระองค์
11 สายตาที่หยิ่งยโสของมนุษย์จะถูกทำให้ลดลง
และความภูมิใจอันสูงส่งของมนุษย์จะถูกทำให้ถ่อมลง
และพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวที่จะได้รับการยกย่องในวันนั้น
12 เพราะจะมีวันซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ไม่ยอมรับคนทั้งปวงที่ยโส เลิศลอย
และได้รับการยกย่อง เขาเหล่านั้นจะถูกทำให้ตกต่ำลง
13 สำหรับไม้ซีดาร์แห่งเลบานอน
เลิศลอยและถูกเชิดชู
และต้นโอ๊กแห่งบาชาน
14 สำหรับภูเขาที่เลิศลอย
เนินเขาที่ถูกยกสูงขึ้น
15 สำหรับหอคอยสูงทุกแห่ง
และกำแพงที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่งทุกแห่ง
16 สำหรับเรือเดินทะเลของเมืองทาร์ชิชทุกลำ
และสำหรับงานฝีมือที่งดงามทั้งปวง
17 และความหยิ่งยโสของมนุษย์จะถูกทำให้ถ่อมลง
และความภูมิใจอันสูงส่งของมนุษย์จะถูกทำให้ลดลง
และพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวที่จะได้รับการยกย่องในวันนั้น
18 และรูปเคารพทั้งหลายจะสูญสิ้นไป
19 และประชาชนจะคลานเข้าถ้ำหิน
และโพรงดิน
ให้พ้นจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้น่าเกรงขาม
และจากความยิ่งใหญ่อันงามตระการของพระองค์
เมื่อพระองค์ลุกขึ้น แผ่นดินโลกก็หวาดหวั่น
20 ในวันนั้น รูปเคารพที่มนุษย์หล่อขึ้นจากเงินและทองคำ
เพื่อให้ตนเองกราบไหว้นั้น
เขากลับโยนทิ้งให้หนูและค้างคาว
21 มนุษย์จะเข้าไปในถ้ำหิน
และในซอกผา
ให้พ้นจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้น่าเกรงขาม
และจากความยิ่งใหญ่อันงามตระการของพระองค์
เมื่อพระองค์ลุกขึ้น แผ่นดินโลกก็หวาดหวั่น
22 จงหยุดวางใจในมนุษย์
ซึ่งมีเพียงลมหายใจในจมูก
เขามีอะไรดีหรือ
การพิพากษาเยรูซาเล็มและยูดาห์
3 ดูเถิด สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
กำลังยึดไปจากเยรูซาเล็มและยูดาห์
ก็คือหลักค้ำจุนและเสบียง
ทั้งอาหารและน้ำ
2 นักรบและทหาร
ผู้ตัดสินความและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
ผู้ทำนายและหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่
3 นายทหารกองกำลังห้าสิบและผู้มียศศักดิ์
ผู้ให้คำปรึกษาและผู้ใช้วิทยาคม
และผู้เสกคาถาที่ชาญฉลาด
4 และพระเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“เราจะทำให้เด็กๆ เป็นผู้นำ
และเด็กทารกจะปกครองพวกเขา
5 และประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน
แต่ละคนกระทำต่อเพื่อนและเพื่อนบ้านของตน
ผู้มีอายุน้อยกว่าจะสบประมาทผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยกว่าจะสบประมาทผู้มีเกียรติ
6 ถ้าชายคนหนึ่งจะคว้าตัวพี่น้องของเขา
ที่อยู่ในบ้านบิดาและพูดว่า
‘นายมีเสื้อคลุม นายจะเป็นผู้นำของเรา
และกองซากปรักหักพังนี้จะอยู่ภายใต้การปกครองของนาย’
7 ในวันนั้น เขาจะพูดว่า
‘ฉันแก้ไขอะไรไม่ได้
ไม่มีแม้แต่อาหารหรือเสื้อคลุมในบ้านของฉัน
นายจะบังคับฉันให้เป็นหัวหน้าของประชาชนไม่ได้’
8 เพราะเยรูซาเล็มล้มลุกคลุกคลาน
และยูดาห์ก็ล้มแล้ว
เพราะคำพูดและการกระทำของพวกเขาขัดต่อพระผู้เป็นเจ้า
และท้าทายพระองค์ผู้ควรได้รับการยกย่อง
9 เพราะสีหน้าของพวกเขาเป็นพยานฟ้องพวกเขาเอง
พวกเขาเปิดโปงบาปอย่างโสโดม
พวกเขาไม่ซ่อนเร้นบาป
วิบัติจงเกิดแก่พวกเขา
เพราะพวกเขาได้นำความเลวร้ายมาสู่ตนเอง
10 จงบอกผู้มีความชอบธรรมว่า สำหรับเขา ทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดี
เพราะพวกเขาจะดื่มกินผลที่ได้จากการกระทำของตนเอง
11 วิบัติจงเกิดแก่คนชั่ว เขาจะประสบกับความลำบาก
เพราะเขาจะได้รับโทษจากการกระทำของเขา
12 ประชาชนของเราเอ๋ย เด็กๆ เป็นผู้บีบบังคับของพวกเจ้า
บรรดาผู้หญิงปกครองพวกเขา
โอ ประชาชนของเราเอ๋ย บรรดาผู้นำทางของเจ้านำเจ้าไปในทางที่ผิด
และพวกเขาได้ทำให้เจ้าหมดหนทาง”
13 พระผู้เป็นเจ้าทำหน้าที่ของพระองค์เพื่อต่อสู้
พระองค์ยืนพิพากษาบรรดาชนชาติของพระองค์
14 พระผู้เป็นเจ้าจะพิพากษาบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่
และพวกผู้นำของชนชาติของพระองค์
“พวกเจ้านั่นแหละที่เป็นผู้กลืนกินสวนองุ่น
ของที่ริบมาจากผู้ยากไร้ก็อยู่ในบ้านของพวกเจ้า
15 เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรที่เอาเปรียบชนชาติของเรา
บดขยี้คนยากไร้จนแหลกละเอียด”
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“เพราะบรรดาธิดาของศิโยนหยิ่งยโส
และยืดคอเดินไปมา
เล่นหูเล่นตา
ก้าวเท้าสั้นๆ
ให้ข้อเท้ากระทบลูกกระพรวน
17 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้บุตรหญิงของศิโยนมีแผลตกสะเก็ดบนศีรษะ
และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกนางศีรษะล้าน”
18 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะปลดเครื่องประดับไปจากพวกนาง คือกำไลข้อเท้า ผ้าพันหน้าผาก เครื่องประดับรูปจันทร์เสี้ยวห้อยคอ 19 จี้ กำไลมือ และผ้าคลุมหน้า 20 ผ้าโพกศีรษะ กำไลแขน ผ้าคาดเอว ขวดน้ำหอม และเครื่องราง 21 แหวนตรา และห่วงคล้องจมูก 22 เสื้อออกงาน เสื้อชุดยาว เสื้อคลุมตัวนอก และกระเป๋า 23 กระจกส่องหน้า เสื้อผ้าป่าน ผ้าโพกศีรษะ และผ้าคลุมไหล่
24 จะมีกลิ่นเน่าเหม็นแทนน้ำหอม
และเส้นเชือกแทนเข็มขัด
หัวล้านแทนทรงผมงามสลวย
กระโปรงทำจากผ้ากระสอบแทนเสื้อคลุมยาวหรู
และรอยตีตราด้วยเหล็กเผาแทนความงาม
25 พวกผู้ชายของท่านจะตายด้วยคมดาบ
และนักรบของท่านจะต่อสู้ในสงคราม
26 จะมีการร้องคร่ำครวญและเศร้าโศกอยู่ที่ประตูเมืองของนาง
นางจะนั่งอยู่ที่พื้นดินอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว
4 ในวันนั้น ผู้หญิง 7 คนจะรุมคว้าผู้ชายคนเดียว และพูดว่า “พวกเราจะรับประทานอาหารของเรา และสวมเสื้อผ้าของเราเอง เพียงแต่ขอให้พวกเราได้รับเรียกว่าเป็นคนของท่าน ช่วยเราให้พ้นจากความอับอายเถิด”
อังกูรของพระผู้เป็นเจ้าได้รับพระบารมี
2 ในวันนั้น อังกูร[c]ของพระผู้เป็นเจ้าจะงดงามและสง่าผ่าเผย และผลจากแผ่นดินจะเป็นความภูมิใจและเป็นความสว่างเรืองรองสำหรับผู้รอดตายของอิสราเอล 3 และคนที่ยังเหลืออยู่ในศิโยนและคงอยู่ในเยรูซาเล็ม ก็จะมีชื่อว่า ผู้บริสุทธิ์ คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกร่วมกับผู้มีชีวิตอยู่ในเยรูซาเล็ม 4 พระผู้เป็นเจ้าจะชำระล้างมลทินของบรรดาธิดาแห่งศิโยน และทำเลือดที่แปดเปื้อนของเยรูซาเล็มให้สะอาดด้วยพระวิญญาณแห่งการพิพากษาและพระวิญญาณแห่งไฟ 5 แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะบันดาลให้มีเมฆในตอนกลางวัน มีกลุ่มควันและเปลวไฟสุกสว่างในตอนกลางคืนทั่วทุกจุดของภูเขาศิโยนและในที่ๆ มีคนชุมนุมกัน เพราะพระบารมีจะเป็นดั่งปะรำปกคลุมทั่วทั้งเมือง 6 จะมีเพิงเป็นที่ร่มกันความร้อนในตอนกลางวัน เป็นที่พึ่งและที่คุ้มกันให้พ้นจากพายุและฝน
สวนองุ่นของพระผู้เป็นเจ้าถูกทำลาย
5 โปรดให้ข้าพเจ้าร้องเพลงให้กับเพื่อนรักของข้าพเจ้า
เพลงรักของสวนองุ่นของเพื่อนข้าพเจ้า
เพื่อนรักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่น
บนเนินเขาที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง
2 พระองค์พรวนดินและเก็บก้อนหินไปทิ้ง
และปลูกสวนองุ่นพันธุ์ดีที่สุด
พระองค์สร้างหอคอยที่กลางสวน
และทำเครื่องสกัดเหล้าองุ่นในสวน
พระองค์หวังว่าจะมีองุ่นผลงาม
แต่ผลที่ได้กลับเป็นองุ่นป่า
3 “บัดนี้ โอ ผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม
และคนของยูดาห์เอ๋ย
จงตัดสินระหว่างเรากับสวนองุ่นของเรา
4 ยังขาดอะไรหรือที่เรายังไม่ได้ทำ
เพื่อสวนองุ่นของเรา
เมื่อเราหวังว่าจะมีองุ่นผลงาม
ทำไมจึงได้ผลองุ่นป่า
5 เราจะบอกพวกเจ้าว่า
บัดนี้เราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา
เราจะถอนพุ่มไม้ที่ปลูกเป็นแถว
แทนรั้ว แล้วโยนให้สัตว์กิน
เราจะพังกำแพงลง
และมันจะถูกเหยียบย่ำ
6 เราจะทำให้สวนเป็นที่รกร้าง
จะไม่มีการลิดกิ่งหรือพรวนดิน
พุ่มไม้หนามและต้นหนามจะงอกโตขึ้น
เราจะสั่งเมฆไม่ให้โปรยฝนลงในสวน”
7 เพราะสวนองุ่นของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
คือพงศ์พันธุ์อิสราเอล
และคนของยูดาห์
คือต้นองุ่นที่น่าชื่นชมของพระองค์
พระองค์มองหาความเป็นธรรม
แต่ดูเถิด กลับมีการนองเลือด
มองหาความชอบธรรม
แต่ดูเถิด กลับมีแต่การร้องทุกข์
วิบัติจงเกิดแก่คนชั่ว
8 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ที่สร้างบ้านให้ติดกันเป็นพืด
และขยายที่นาให้กว้างใหญ่ขึ้น
จนกระทั่งไม่มีที่ว่างเหลือ
และพวกท่านจะต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง
ท่ามกลางแผ่นดิน
9 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ประกาศให้ข้าพเจ้าได้ยินว่า
“บ้านหลายหลังจะเป็นที่รกร้างอย่างแน่นอน
บ้านที่ทั้งใหญ่ทั้งสวยกลับไร้ผู้อยู่อาศัย
10 สวนองุ่น 25 ไร่[d]จะได้น้ำองุ่นเพียง 1 บัท
และเมล็ดพืชจำนวน 1 โฮเมอร์[e]จะผลิตธัญพืชได้เพียง 1 เอฟาห์”[f]
11 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ที่ตื่นแต่เช้าตรู่
เพื่อหาสุราดื่ม
เป็นคนที่อยู่จนดึกดื่น
และถูกฤทธิ์เหล้าเผา
12 ในงานฉลองของพวกเขา มีทั้งพิณเล็กและพิณสิบสาย
รำมะนา ปี่ และเหล้าองุ่น
แต่พวกเขาไม่สนใจในผลงานจากฝีมือของพระผู้เป็นเจ้า
หรือพิจารณาสรรพสิ่งที่พระองค์สร้าง
13 ฉะนั้น ประชาชนของข้าพเจ้าจึงถูกเนรเทศไป
เพราะขาดความรู้
บรรดาผู้สูงศักดิ์หิวโหยจนตายไป
และผู้คนจำนวนมากแห้งตายไปเพราะความกระหาย
14 ฉะนั้น แดนคนตายจึงพร้อมจะกลืนกิน
และอ้าปากกว้างเกินขนาดของมัน
ความเรืองรองของเยรูซาเล็มและฝูงชนจำนวนมาก
พร้อมกับเสียงเฮฮาและรื่นเริงจะพากันลงไปในนั้น
15 ฉะนั้น มนุษย์จึงถูกทำให้ถ่อมลง
และแต่ละคนถูกทำให้ตกต่ำลง
สายตาที่หยิ่งยโสของมนุษย์จะถูกทำให้ลดลง
16 แต่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้รับการยกย่องในความเป็นธรรมของพระองค์
และพระเจ้าผู้บริสุทธิ์แสดงให้เห็นว่า พระองค์บริสุทธิ์ในความชอบธรรมของพระองค์
17 และบรรดาลูกแกะเล็มหญ้าราวกับเป็นทุ่งหญ้าของมันเอง
ผู้เลี้ยงแกะเร่ร่อนก็จะกินอยู่ในที่ดินรกร้างของผู้มั่งมี
18 วิบัติแก่บรรดาผู้ที่ดึงความชั่วด้วยสายแห่งความเท็จ
ผู้ที่ดึงบาปราวกับใช้เชือกลากเกวียนไป
19 คือผู้ที่พูดว่า “ให้พระองค์รีบเถิด
ให้พระองค์ทำงานเร็วขึ้นเถิด
เพื่อพวกเราจะได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ให้แผนการขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลเกิดขึ้นในไม่ช้า
ขอให้เกิดขึ้นเถิดเพื่อพวกเราจะได้รู้เสียที”
20 วิบัติแก่บรรดาผู้ที่เรียกความชั่วว่าความดี
และเรียกความดีว่าความชั่ว
ผู้ที่คิดว่าความสว่างเป็นความมืด
และคิดว่าความมืดเป็นความสว่าง
ผู้ที่คิดว่าความขมนั้นคือความหวาน
และความหวานนั้นคือความขม
21 วิบัติแก่บรรดาผู้ที่เฉลียวฉลาดในสายตาของตนเอง
และชาญฉลาดในสายตาของตน
22 วิบัติแก่บรรดาผู้เก่งกาจในการดื่มเหล้าองุ่น
และชายที่แกล้วกล้าในการผสมสุรา
23 ผู้ที่ช่วยคนมีความผิดให้พ้นข้อหาด้วยการรับสินบน
และฉกชิงเอาสิทธิของคนไร้ความผิดไป
24 ฉะนั้น ตราบที่เปลวไฟเผาไหม้ฟาง
และตราบที่หญ้าแห้งยุบลงในเปลวไฟเช่นไร
รากของพวกเขาก็จะเน่าเปื่อย
และกลีบดอกปลิวขึ้นดั่งผงฝุ่นเช่นนั้น
เพราะพวกเขาได้ปฏิเสธกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
และดูหมิ่นเหยียดหยามคำกล่าวขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
25 ฉะนั้น ความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์
และพระองค์ยื่นมือของพระองค์ออกเพื่อลงโทษ และพวกเขาก็สิ้นชีวิต
และเทือกเขาสั่นสะเทือน
และศพของพวกเขาเป็นเหมือนขยะกลางถนน
ถึงขนาดนั้นแล้ว พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
26 พระองค์จะยกธงชัยให้บรรดาประชาชาติที่อยู่ห่างไกล
และส่งเสียงผิวปากเรียกเขาเหล่านั้นมาจากสุดมุมโลก
และดูเถิด พวกเขารีบมาอย่างรวดเร็วที่สุด
27 ไม่มีสักคนในพวกเขาอ่อนกำลัง ไม่มีใครล้มลุกคลุกคลาน
ไม่มีใครนอนหลับหรือเผลอหลับไป
เข็มขัดคาดเอวจะไม่หลวม
เชือกผูกรองเท้าจะไม่ขาด
28 ลูกธนูของพวกเขาคมกริบ
คันธนูก็โก่งเตรียมไว้
กีบม้าของพวกเขาเหมือนหินเหล็กไฟ
และล้อรถศึกของพวกเขาก็เหมือนพายุหมุน
29 เสียงของพวกเขาเหมือนเสียงสิงโตคำราม
พวกเขาคำรามเหมือนสิงโตหนุ่ม
อีกทั้งขู่และตะครุบเหยื่อได้
พวกเขาคาบเหยื่อไปโดยไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่จะช่วยให้รอดได้
30 ในวันนั้นพวกเขาจะร้องคำราม
เหมือนเสียงทะเลครืนครั่น
และถ้าใครมองดูแผ่นดิน
ดูเถิด จะมีแต่ความมืดและความทุกข์
และก้อนเมฆก็บังแสงจนมืดมิด
อิสยาห์เห็นภาพนิมิตของพระผู้เป็นเจ้า
6 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นชีวิต[g] ข้าพเจ้าเห็นพระผู้เป็นเจ้านั่งบนบัลลังก์สูงและได้รับการยกย่อง ชายเสื้อคลุมยาวของพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร 2 มีตัวเสราฟ[h]ยืนเหนือพระองค์ แต่ละตัวมี 6 ปีก ใช้ 2 ปีกปกใบหน้า 2 ปีกปกเท้า และอีก 2 ปีกใช้บิน 3 ต่างก็ส่งเสียงร้องตอบกันและกันว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ทั่วแผ่นดินโลกเต็มด้วยพระบารมีของพระองค์”
4 ฐานที่ยึดธรณีประตูสั่นสะเทือนเนื่องจากเสียงขององค์ผู้เรียก และพระตำหนักเต็มด้วยควัน 5 และข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องย่อยยับ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่บริสุทธิ์ และข้าพเจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางประชาชนที่ริมฝีปากไม่บริสุทธิ์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์กษัตริย์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา”
6 ครั้นแล้วเสราฟตัวหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านที่ลุกเป็นไฟอยู่ ซึ่งใช้คีมคีบมาจากแท่นบูชา 7 เสราฟแตะปากข้าพเจ้า และพูดว่า “ดูเถิด เราได้แตะถ่านที่ริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิดบาปของท่านถูกรับไปจากท่านแล้ว และบาปของท่านก็ได้รับการชดใช้ด้วย”
อิสยาห์ได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้า
8 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เราจะส่งใครไป และใครจะไปเพื่อเรา” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด” 9 พระองค์กล่าวว่า “จงไป และบอกชนชาตินี้ว่า
‘ได้ยินเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเข้าใจ
มองดูเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเห็น’
10 จงทำให้ใจของคนเหล่านี้แข็งกระด้าง
หูตึง
และปิดตา
มิฉะนั้นแล้วตาของเขาจะมองเห็น
หูจะได้ยิน
และจิตใจของเขาจะเข้าใจ
และหันกลับมา และได้รับการรักษาให้หายขาด”[i]
11 ครั้นแล้วข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า จะนานเพียงไร”
พระองค์กล่าวว่า
“จนกระทั่งเมืองพังทลาย
ไร้ผู้อยู่อาศัย
และบ้านถูกทิ้งร้าง
และแผ่นดินพินาศ จนไม่เหลือแม้แต่ซาก
12 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ผู้คนกระจัดกระจายไปไกล
และมีหลายแห่งในแผ่นดินถูกทิ้งร้าง
13 และแม้ว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งในสิบของผู้ที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดิน
แต่แผ่นดินก็จะถูกกำหนดให้พังพินาศซ้ำลงไปอีก
เหมือนกับต้นเทเรบินธ์หรือต้นโอ๊ก
ที่เหลือแต่ตอเมื่อถูกโค่นลง
ตอนั้นคือเชื้อสายอันบริสุทธิ์”
อิสยาห์พบกษัตริย์อาหัส
7 ในสมัยที่อาหัสบุตรของโยธาม[j]ซึ่งเป็นบุตรของอุสซียาห์เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เรซีนกษัตริย์แห่งอารัม[k] และเปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ร่วมมือกันขึ้นไปโจมตีเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถรบชนะได้ 2 เมื่อมีคนมาแจ้งพงศ์พันธุ์ของดาวิดว่า “อารัมร่วมเป็นพันธมิตรกับเอฟราอิม” อาหัสและประชาชนต่างก็หวั่นไหวดั่งหมู่ไม้ในป่าที่ไหวลู่ไปกับลม
3 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอิสยาห์ดังนี้ “เจ้าจงออกไป ให้เชอาร์ยาชูบ[l]บุตรชายของเจ้าไปด้วย จงไปพบกับอาหัสที่ถนนหลวงข้างร่องน้ำที่สระบน ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งซักผ้า 4 และเตือนเขาให้ระวังตัว ใจเย็นไว้ อย่ากลัว และอย่าใจเสียเพียงเพราะไม้ 2 ตอที่คุอยู่ เพราะเรซีน อารัม และบุตรของเรมาลิยาห์กำลังโกรธมาก 5 เพราะอารัมกับเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์ได้วางแผนร้ายต่อเจ้า พวกเขาพูดว่า 6 ‘พวกเราขึ้นไปโจมตียูดาห์กันเถิด ทำให้พวกเขาตกใจ และตีให้พังพินาศเพื่อพวกเราเอง แล้วแต่งตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’” 7 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้
“มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
และมันจะไม่เกิดขึ้น
8 เพราะดามัสกัสเป็นเมืองสำคัญของอารัม
และเรซีนเป็นผู้นำของดามัสกัส
และภายใน 65 ปี
เอฟราอิมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่อาจเป็นชนชาติได้อีก
9 สะมาเรียเป็นเมืองสำคัญของเอฟราอิม
และบุตรของเรมาลิยาห์เป็นผู้นำของสะมาเรีย
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในความเชื่อ
เจ้าก็จะไม่มั่นคงเลย”
สัญลักษณ์ของอิมมานูเอล
10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาหัสอีกว่า 11 “จงขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เพื่อบ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เจ้าเห็น ไม่ว่าจะเป็นจากที่ลึกถึงแดนคนตาย หรือสูงถึงฟ้าสวรรค์” 12 แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ถาม และข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระผู้เป็นเจ้า” 13 และอิสยาห์พูดว่า “โอ พงศ์พันธุ์ของดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด พวกท่านทำให้คนรำคาญใจไม่พอหรือ จึงกระทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้ารำคาญใจไปด้วย 14 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้บ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ท่านเห็น ดูเถิด พรหมจาริณีผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง และจะตั้งชื่อบุตรว่า อิมมานูเอล[m] 15 ท่านจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้งในเวลาที่ท่านรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี 16 เพราะก่อนที่เด็กน้อยจะรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสองที่ท่านหวั่นกลัวจะกลายเป็นที่รกร้าง 17 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่าน ชนชาติของท่าน และตระกูลของท่านประสบกับเวลาที่จะเผชิญกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่วันที่เอฟราอิมแยกไปจากยูดาห์”[n]
18 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะส่งเสียงผิวปากเรียกฝูงเหลือบที่อยู่ปลายสุดธารของอียิปต์ และเรียกฝูงผึ้งที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19 พวกมันทั้งหมดจะมาทำรังอาศัยอยู่ที่หน้าผาชัน ที่ซอกหิน ที่พันธุ์ไม้มีหนาม และตามทุ่งหญ้า
20 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะใช้กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเหมือนใช้มีดโกนที่ถูกว่าจ้างบนฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ให้โกนศีรษะและขา และแม้แต่หนวดเคราก็จะถูกโกนจนเกลี้ยง
21 ในวันนั้น แต่ละคนจะสามารถเก็บได้เพียงแม่โคสาว 1 ตัว และแกะ 2 ตัว 22 และเป็นเพราะสัตว์เหล่านี้ให้นมได้มากมาย เขาจะรับประทานโยเกิร์ต ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง
23 ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีเถาองุ่น 1,000 เถา มีค่าเป็นเงิน 1,000 เชเขล[o] ก็จะกลายเป็นพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 24 จะมีคนมาล่าสัตว์ด้วยคันธนูและลูกธนูที่นั่น เพราะทั่วทั้งแผ่นดินจะมีพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 25 ส่วนเนินเขาที่เคยเป็นที่พรวนดิน ท่านก็จะไม่ไปที่นั่นเพราะกลัวพุ่มไม้หนามและหนาม แต่มันจะกลายเป็นที่สำหรับฝูงโค และเป็นที่ให้ฝูงแกะเหยียบย่ำ
อัสซีเรียบุกรุก
8 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “จงเอาแผ่นไม้ขนาดใหญ่มา และเขียนลงเป็นคำสามัญว่า ‘เป็นของมาเฮร์ชาลาลหัชบัส’[p] 2 และเราจะใช้พยานที่เชื่อถือได้คือ อุรียาห์ปุโรหิต และเศคาริยาห์บุตรของเยเบเรคียาห์ เพื่อยืนยันให้เรา”
3 และข้าพเจ้าไปหาผู้เผยคำกล่าวหญิง ผู้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า มาเฮร์ชาลาลหัชบัส 4 เพราะว่าก่อนที่เด็กน้อยจะรู้จักร้องคำว่า ‘พ่อของฉัน’ หรือ ‘แม่ของฉัน’ ความมั่งมีของดามัสกัสและสิ่งที่ริบได้จากสะมาเรีย ก็จะถูกขนไปให้กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย”
5 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าอีกว่า 6 “เป็นเพราะประชาชนกลุ่มนี้ไม่ยอมรับสายน้ำของชิโลอาห์ที่ไหลเอื่อยๆ แต่กลับไปยินดีกับเรซีนและบุตรชายของเรมาลิยาห์ 7 ฉะนั้น ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังนำกระแสน้ำของแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นมาปะทะ ซึ่งมีพลังและจำนวนมหาศาล นั่นคือกษัตริย์แห่งอัสซีเรียผู้เปี่ยมด้วยบารมี ระดับน้ำจะสูงขึ้นท่วมช่องแคบ และไหลท่วมริมฝั่งน้ำทั้งหมด 8 และน้ำจะไหลเข้าไปในยูดาห์ มันจะไหลท่วมและเลยต่อไป จะสูงจนถึงคอ และปีกที่กางแผ่ออกจะคลุมความกว้างของแผ่นดินของเจ้า โอ อิมมานูเอล”
9 บรรดาชนชาติเอ๋ย จงตะโกนร้องเสียงดังลั่น และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
แผ่นดินทั้งปวงที่อยู่ห่างไกล จงเงี่ยหูของท่าน
จงเตรียมอาวุธของท่าน และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
จงเตรียมอาวุธของท่าน และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
10 จงร่วมกันวางแผน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จงสั่งการ แต่จะไม่ได้ผล
เพราะพระเจ้าสถิตกับเรา
พระผู้เป็นเจ้าเตือนอิสยาห์
11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้า พร้อมด้วยมืออันมั่นคงซึ่งสถิตกับข้าพเจ้า และเตือนข้าพเจ้าไม่ให้เดินในวิถีทางของชนชาตินี้ว่า 12 “สิ่งที่ชนชาตินี้พูดกันว่าเป็นแผนการร้าย เจ้าก็อย่าเชื่อว่าเป็นแผนการร้าย อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัว และอย่าหวาดหวั่น 13 แต่เจ้าจงให้เกียรติพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาว่าพระองค์บริสุทธิ์ จงเกรงกลัวพระองค์ และจงครั่นคร้ามในพระองค์ 14 และพระองค์จะเป็นที่พำนักและศิลาก้อนหนึ่งที่ทำให้คนล้มลง และเป็นหินที่ทำให้พงศ์พันธุ์ทั้งสองของอิสราเอลสะดุด เป็นกับดักและบ่วงแร้วสำหรับบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม 15 และหลายคนจะสะดุดบนหินนั้น พวกเขาจะล้มและย่อยยับ พวกเขาจะติดบ่วงแร้ว และถูกจับตัวไป”
16 จงเก็บคำพยาน และผนึกกฎบัญญัติไว้ในหมู่ผู้ติดตามของข้าพเจ้า 17 ข้าพเจ้าจะรอคอยพระผู้เป็นเจ้า พระองค์กำลังซ่อนหน้าไปจากพงศ์พันธุ์ยาโคบ และข้าพเจ้าจะมีความหวังในพระองค์[q] 18 ดูเถิด ข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้แก่ข้าพเจ้าเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นและเป็นสัญลักษณ์ในอิสราเอล ซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้พำนักอยู่บนภูเขาศิโยน 19 และเมื่อพวกเขาพูดกับพวกท่านว่า “จงปรึกษาคนทรงและพ่อมดหมอผีที่พูดกระซิบและพึมพำ” ประชาชนควรจะปรึกษาพระเจ้าของพวกเขาเองมิใช่หรือ ทำไมจึงจะปรึกษาหารือคนตายเพื่อคนที่มีชีวิต 20 ในเรื่องกฎบัญญัติและเรื่องคำพยาน ถ้าพวกเขาไม่พูดด้วยคำเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่า พวกเขาไม่มีแสงแห่งรุ่งอรุณ 21 พวกเขาจะผ่านไปในแผ่นดิน เป็นทุกข์และหิวโหย และเมื่อพวกเขาหิว ความเดือดดาลก็จะพลุ่งขึ้น ขณะที่แหงนหน้าขึ้นพวกเขาก็จะแช่งกษัตริย์และพระเจ้าของพวกเขา 22 และพวกเขาจะมองดูบนแผ่นดินโลก ดูเถิด ความทุกข์และความมืด ความเจ็บปวดรวดร้าวอันมืดมน และพวกเขาจะถูกผลักไปสู่ความมืดมิด
ทารกผู้หนึ่งมาบังเกิดเพื่อพวกเรา
9 แต่จะไม่มีความมืดมนสำหรับผู้ที่อยู่ในความเจ็บปวดรวดร้าว ในอดีตพระองค์ทำให้เขตแดนของเผ่าเศบูลุนและเขตแดนของเผ่านัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ต่อมาภายหลัง พระองค์ให้กาลิลีของบรรดาประชาชาติได้รับเกียรติ โดยเส้นทางทะเล ดินแดนโพ้นแม่น้ำจอร์แดน
2 ชนชาติที่ดำเนินชีวิตในความมืด
ได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่
ผู้ที่อยู่อาศัยในดินแดนของความมืดมน
ได้รับความสว่างที่ส่องมาถึงแล้ว
3 พระองค์ทวีจำนวนคนให้แก่ประชาชาตินั้น
พระองค์เพิ่มความยินดีให้
และพวกเขาก็ยินดี ณ เบื้องหน้าพระองค์
เป็นความยินดีอย่างที่มีในฤดูเก็บเกี่ยว
ยินดีอย่างที่พวกเขาดีใจเมื่อแบ่งปันสิ่งที่ริบมา
4 ทั้งแอกที่เป็นภาระของเขา
ไม้เท้าที่เขาแบกบนบ่า
และไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขา
พระองค์ได้ทำให้สิ่งเหล่านั้นยับเยินไป
เหมือนวันที่พวกมีเดียนพ่ายแพ้
5 รองเท้าของนักรบทุกคู่ที่ย่ำในสงคราม
และเครื่องแต่งกายทุกชิ้นที่แปดเปื้อนเลือด
จะถูกเผาดั่งเชื้อเพลิง
6 ด้วยว่า ทารกมาบังเกิดเพื่อพวกเรา
คือบุตรชายที่ประทานให้แก่พวกเรา
และท่านจะเป็นผู้แบกภาระปกครอง
และท่านจะได้รับพระนามว่า
ที่ปรึกษาผู้ล้ำเลิศ พระเจ้าผู้มีอานุภาพ
พระบิดาแห่งนิรันดร์กาล ราชาแห่งสันติสุข
7 การปกครองและสันติสุขของท่านเพิ่มพูน
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ท่านจะครองบัลลังก์ของดาวิด และอาณาจักรของท่าน
เพื่อสถาปนาและเชิดชูอาณาจักร
ด้วยความเป็นธรรมและความชอบธรรม
นับจากบัดนี้ไปจนชั่วนิรันดร์กาล
ความรักอันแรงกล้าของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากระทำการนี้
การลงโทษความยโสของอิสราเอล
8 พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งข้อความกล่าวโทษยาโคบ
ซึ่งจะตกอยู่กับอิสราเอล
9 และชนชาติทั้งปวงจะทราบเรื่องนี้
ทั้งเอฟราอิมและบรรดาผู้อยู่อาศัยของสะมาเรีย
พูดด้วยความภูมิใจและหยิ่งยโสว่า
10 “อิฐพังทลายลงแล้ว
แต่พวกเราจะสร้างด้วยหินที่แต่งแล้ว
ต้นมะเดื่อถูกโค่นลง
แต่พวกเราก็จะปลูกต้นซีดาร์แทน”
11 แต่พระผู้เป็นเจ้าเตรียมพวกศัตรูของเรซีนให้พร้อมเพื่อมาสู้รบกับพวกเขา
และกระตุ้นศัตรูเหล่านั้น
12 ทั้งพวกชาวอารัมที่ด้านตะวันออก และชาวฟีลิสเตียที่ด้านตะวันตก
ก็ได้อ้าปากเพื่อเขมือบอิสราเอล
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
13 ประชาชนไม่ได้หันเข้าหาพระองค์ผู้ลงโทษพวกเขา
และไม่ได้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
14 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงตัดหัวและหางของอิสราเอล
ทั้งกิ่งอินทผลัมและไม้อ้อภายในวันเดียว
15 หัวหน้าชั้นผู้ใหญ่และชายผู้สูงศักดิ์ก็คือหัว
และผู้เผยคำกล่าวที่สอนความเท็จก็คือหาง
16 บรรดาผู้ที่นำทางชนชาตินี้ได้นำพวกเขาให้หลงผิด
และบรรดาผู้ที่ถูกพวกเขานำไปก็ถูกกลืนกิน
17 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าไม่ยินดียินร้ายกับพวกคนหนุ่มของพวกเขา
และไม่สงสารพวกเด็กๆ และแม่ม่ายของพวกเขา
เพราะทุกคนไร้คุณธรรมและทำความชั่ว
ทุกปากพูดแต่สิ่งโง่เขลา
พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
18 ด้วยว่า ความชั่วลุกไหม้เหมือนไฟ
มันเผาพุ่มไม้หนามและต้นหนาม
มันปะทุให้พุ่มไม้ทึบในป่าลุกโพลง
และลอยตัวขึ้นเป็นกลุ่มควันดั่งเสาหลัก
19 แผ่นดินถูกเผาด้วยความ
โกรธเกรี้ยวของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
และประชาชนเป็นเหมือนเชื้อเพลิง
ไม่มีใครไว้ชีวิตใคร
20 พวกเขาเฉือนเนื้อทางด้านขวา
แต่ก็ยังหิวอยู่
พวกเขากัดกินทางด้านซ้าย
แต่ก็ไม่อิ่มหนำ
แต่ละคนกัดกินเชื้อสายของตนเอง
21 มนัสเสห์เขมือบเอฟราอิม และเอฟราอิมเขมือบมนัสเสห์
พวกเขาร่วมกันต่อสู้ยูดาห์
พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
10 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ออกกฎหมายที่ไร้ความเป็นธรรม
และแก่บรรดาผู้เขียนกฎเพื่อบีบบังคับ
2 เพื่อไม่ให้ผู้ยากไร้ได้รับความยุติธรรม
และเพื่อปล้นสิทธิของคนจนซึ่งเป็นชนชาติของเรา
เอาหญิงม่ายมาเป็นเหยื่อ
และปล้นเด็กกำพร้าพ่อ
3 พวกท่านจะทำอย่างไรในวันแห่งการลงโทษ
เมื่อคนจากแดนไกลทำให้ท่านต้องอยู่ในความหายนะ
ท่านจะหนีไปพึ่งใคร
และท่านจะเก็บทรัพย์สมบัติไว้ที่ไหน
4 จะไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะคู้ตัวอยู่กับพวกนักโทษ
หรือล้มลงไปด้วยกับเหล่าคนที่ถูกฆ่า
พระองค์ก็ยังไม่หายกริ้วกับเรื่องเหล่านี้
และมือของพระองค์จึงยังเหยียดออกไป
การลงโทษความยโสของอัสซีเรีย
5 “วิบัติแก่อัสซีเรีย ผู้เป็นไม้ตะบองแห่งความกริ้วของเรา
ไม้เรียวในมือของพวกเขาเป็นความฉุนเฉียวของเราเอง
6 เราส่งอัสซีเรียไปต่อสู้ประชาชาติที่ไร้พระเจ้า
และเราบัญชาเขาให้ไปต่อสู้ชนชาติที่เรากริ้ว
เพื่อริบและยึดของที่ปล้นมา
และเหยียบย่ำพวกเขาอย่างย่ำเลนตมบนถนน
7 แต่อัสซีเรียไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น
ใจของเขาไม่คิดเช่นนั้น
แต่ใจของเขาต้องการทำลาย
และห้ำหั่นประชาชาติจำนวนมาก
8 เพราะเขาพูดว่า ‘บรรดาผู้นำของเราทั้งหมดเป็นกษัตริย์มิใช่หรือ
9 เมืองคาลโนเหมือนเมืองคาร์เคมิชมิใช่หรือ
เมืองฮามัทเหมือนเมืองอาร์ปัดมิใช่หรือ
เมืองสะมาเรียเหมือนเมืองดามัสกัสมิใช่หรือ
10 ตามที่มือของเราได้เอื้อมถึงบรรดาอาณาจักรของรูปเคารพทั้งปวง
ซึ่งเป็นรูปสลักที่เชื่อกันว่ายิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย
11 แล้วเราจะไม่กระทำต่อเยรูซาเล็มและรูปเคารพในเมือง
อย่างที่เราได้กระทำต่อสะมาเรียและรูปเคารพของเมืองนั้นหรือ’”
12 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ากระทำทุกสิ่งต่อภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเสร็จสิ้นแล้ว พระองค์จะลงโทษคำพูดที่ออกจากใจอันยโสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และสายตาที่โอ้อวดของเขา 13 เพราะเขาพูดว่า
“เรากระทำด้วยพลังจากมือของเราเอง
และด้วยสติปัญญาของเรา เพราะเรามีความเข้าใจ
เราลบเขตแดนของบรรดาชนชาติ
และปล้นสมบัติของพวกเขา
เราล่มบรรดาผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ลงได้อย่างล้มกระทิง
14 มือของเราเอื้อมถึงความมั่งมีของบรรดาชนชาติ
ประหนึ่งมือที่เอื้อมถึงรังนก
เรารวบดินแดนทั้งปวงได้
ประหนึ่งคนที่รวบเก็บไข่นกที่ถูกทอดทิ้ง
ไม่มีสักตัวที่ขยับปีก
หรือเปิดปากหรือร้องเจี๊ยบจ๊าบ”
15 ขวานจะยกยอว่าตนเองเหนือกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ
เลื่อยจะยกยอตนเองว่าเลิศกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ
อย่างกับว่าไม้ตะบองจะบังคับผู้ที่ถือมัน
และอย่างกับว่าไม้เท้าจะยกผู้ที่ไม่ได้เป็นไม้
16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
จะให้บรรดานักรบฉกรรจ์เกิดโรคที่รักษาไม่หาย
และจะจุดไต้ที่ใต้บารมีของเขา
จนไฟลุกโพลง
17 แสงสว่างของอิสราเอลจะเป็นดั่งไฟ
และองค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เป็นดั่งเปลวไฟ
ที่จะไหม้และเผาผลาญ
ต้นหนามกับพุ่มไม้หนามในวันเดียว
18 ความรุ่งโรจน์ที่เป็นของเขาในป่าไม้และแผ่นดินอันอุดมนั้น
พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้จิตใจและร่างกายพินาศ
จนอัสซีเรียจะเป็นเหมือนคนป่วยที่ซูบตายไป
19 ต้นไม้ในป่าไม้ของเขาก็จะเหลือเพียงไม่กี่ต้น
ซึ่งแม้แต่เด็กก็จะนับจำนวนต้นไม้ที่เหลือได้
คนอิสราเอลที่เหลืออยู่จะกลับมา
20 ในวันนั้น คนอิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่และพงศ์พันธุ์ยาโคบที่มีชีวิตรอด จะไม่พึ่งพิงคนที่ฆ่าพวกเขาอีกต่อไป แต่จะพึ่งพิงพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลด้วยใจจริง 21 คนที่มีชีวิตเหลืออยู่จะกลับมา คือคนของยาโคบที่มีชีวิตเหลืออยู่จะมายังพระเจ้าผู้มีอานุภาพ 22 โอ อิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ว่าชนชาติของท่านมากมายราวกับเม็ดทรายในทะเล แต่จะมีผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะกลับมา และความพินาศก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปด้วยความชอบธรรม 23 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่จะดำเนินการอย่างบริบูรณ์ตามที่กำหนดไว้ ในท่ามกลางแผ่นดินโลก[r]
24 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “โอ ชนชาติของเราที่อาศัยอยู่ในศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวพวกอัสซีเรียเลย เมื่อพวกเขาห้ำหั่นด้วยไม้ตะบองและหยิบยกไม้เท้าคัดค้านเจ้า อย่างที่พวกอียิปต์กระทำ 25 แต่อีกไม่นาน ความขัดเคืองของเราที่มีต่อเจ้าจะยุติลง และความกริ้วของเราจะกลับไปทำให้พวกเขาพินาศย่อยยับ 26 และพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะบังคับพวกเขาด้วยแส้ เหมือนกับเวลาที่พระองค์ตีพวกมีเดียนให้พ่ายไปที่หินโอเรบ[s] และไม้เท้าของพระองค์จะเหยียดออกไปเหนือทะเล และพระองค์จะยกมันขึ้นอย่างที่ได้กระทำต่ออียิปต์[t] 27 และในวันนั้น ภาระของพวกเขาจะหลุดไปจากบ่าของเจ้า และแอกจะหลุดจากคอของเจ้า และแอกนั้นจะหักก็เพราะความอ้วน”
28 เขามาถึงอัยยาทแล้ว
และได้ผ่านเข้าไปในมิโกรน
เก็บสัมภาระไว้ที่มิคมาช
29 พวกเขาได้ข้ามทางที่เนินเขา
และพักแรมที่เก-บา
รามาห์สั่นสะท้าน
กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว
30 โอ ธิดาแห่งกัลลิมเอ๋ย[u] ส่งเสียงร้องให้ดังเถิด
โอ ไลชาห์เอ๋ย จงฟังให้ดีเถิด
โอ อานาโธทที่น่าสังเวช
31 มัดเมนาห์เตลิดหนีไป
บรรดาผู้อยู่อาศัยของเกบิมหาที่หลบภัย
32 ในวันนั้นเอง พวกเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ
เขาจะยกกำปั้นใส่ภูเขาของธิดาแห่งศิโยน
เนินเขาแห่งเยรูซาเล็ม
33 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
จะโค่นกิ่งด้วยอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัว
ต้นที่สูงมากจะถูกตัดลง
และต้นที่สูงตระหง่านจะถูกทำให้เตี้ยลง
34 พระองค์จะใช้ขวานจามพุ่มไม้ทึบในป่า
และเลบานอนจะล้มลงต่อหน้าองค์ผู้มีอานุภาพ
อังกูรที่มีความชอบธรรม
11 จะมีอังกูร[v]งอกจากตอของเจสซี
และกิ่งก้านที่เกิดจากรากของเขาจะเกิดผล
2 และพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับพระองค์
คือพระวิญญาณแห่งสติปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ
พระวิญญาณแห่งความรู้และความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
3 และพระองค์จะมีความสุขใจเมื่อมีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะไม่ตัดสินตามที่ตาเห็น
และไม่ตัดสินใจตามที่หูได้ยิน
4 แต่จะตัดสินผู้ยากไร้ด้วยความเป็นธรรม
และตัดสินใจให้กับผู้มีใจอ่อนน้อมของแผ่นดินด้วยความยุติธรรม
และพระองค์จะลงโทษแผ่นดินด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
และพระองค์จะสังหารคนชั่วร้ายด้วยลมหายใจจากริมฝีปากของพระองค์
5 ความชอบธรรมจะเป็นเข็มขัดคาดเอวพระองค์
และความสัตย์จริงเป็นสายคาดบั้นเอวพระองค์
6 สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ
และเสือดาวจะหมอบอยู่กับลูกแพะ
ลูกโคตัวผู้กับสิงโตและลูกโคอ้วนพีจะอยู่ด้วยกัน
และเด็กน้อยจะเดินนำสัตว์เหล่านี้ไป
7 แม่โคและหมีจะเล็มหญ้า
ลูกๆ ของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน
สิงโตจะกินฟางอย่างโค
8 เด็กที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า
และเด็กที่หย่านมแล้วจะวางมือบนรังของงูพิษ
9 พวกมันจะไม่ทำร้ายหรือทำให้
ภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราพินาศ
เพราะแผ่นดินโลกจะบริบูรณ์ด้วยความรู้ในเรื่องพระผู้เป็นเจ้า
เหมือนน้ำที่เต็มทะเล
10 ในวันนั้น รากแห่งเจสซีจะตั้งเด่นดั่งธงชัยสำหรับบรรดาชนชาติ บรรดาประชาชาติจะแสวงหาพระองค์ และที่ซึ่งพระองค์พำนักอยู่จะงามตระการ[w]
11 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะยื่นมือของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อเรียกชนชาติที่เหลือของพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่กลับคืนมาจากอัสซีเรีย อียิปต์ ปัทโรส คูช[x] เอลาม ชินาร์ ฮามัท และจากแผ่นดินบนชายฝั่งทะเล
12 พระองค์จะยกธงชัยให้แก่บรรดาประชาชาติ
และจะเรียกคนอิสราเอลที่ถูกเนรเทศไปให้มาอยู่ร่วมกัน
และรวบรวมชาวยูดาห์ที่กระจัดกระจายไป
จาก 4 มุมของแผ่นดินโลก
13 ความอิจฉาของเอฟราอิมจะจากไป
และพวกที่ก่อกวนยูดาห์จะถูกตัดขาด
เอฟราอิมจะไม่อิจฉายูดาห์
และยูดาห์จะไม่ก่อกวนเอฟราอิม
14 แต่พวกเขาจะโฉบลงบนไหล่ของพวกฟีลิสเตียทางตะวันตก
และพวกเขาจะปล้นประชาชนทางตะวันออก
พวกเขาจะโจมตีเอโดมและโมอับ
และชาวอัมโมนจะเชื่อฟังพวกเขา
15 และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้
อ่าวทะเลของอียิปต์แห้งเหือด
และจะโบกมือเหนือแม่น้ำ
พร้อมกับลมหายใจที่ร้อนระอุ
และพระองค์จะทำให้น้ำแยกออกเป็น 7 สาย
เพื่อผู้คนจะสวมรองเท้าข้ามไปได้
16 และจะมีถนนจากอัสซีเรีย
สำหรับชนชาติที่เหลือของพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่
เหมือนกับที่เคยมีถนนสำหรับอิสราเอล
เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์[y]
เพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
12 ในวันนั้น ท่านจะพูดว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์
เพราะถึงแม้ว่าพระองค์กริ้วข้าพเจ้า
แต่พระองค์ก็หายกริ้วแล้ว
และพระองค์ปลอบประโลมข้าพเจ้า
2 ดูเถิด พระเจ้าเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไว้วางใจ และจะไม่หวั่นกลัว
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพละกำลังและอานุภาพ[z]ของข้าพเจ้า
พระองค์มาเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น”
3 ท่านทั้งหลายจะตักน้ำจากบ่อแห่งความรอดพ้นด้วยความยินดี 4 และในวันนั้น ท่านจะพูดว่า
“จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า
ร้องเรียกพระนามของพระองค์
ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
จงประกาศว่า พระนามของพระองค์ได้รับการยกย่อง
5 จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์มีชัยในสิ่งที่กระทำ
และจงให้เป็นที่รู้กันทั่วแผ่นดินโลก
6 โอ ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความยินดี
เพราะองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน”
ตัดสินโทษบาบิโลน
13 คำพยากรณ์เกี่ยวกับบาบิโลน ซึ่งอิสยาห์บุตรอามอสเห็น
2 “จงยกธงชัยขึ้นบนภูเขาที่โล่งเตียน
จงตะโกนร้องเรียกพวกเขา
โบกมือให้พวกเขาเข้าไป
ทางประตูของบรรดาผู้สูงศักดิ์
3 เราคือผู้บัญชาบรรดาผู้ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์ทางประตู
และได้เรียกบรรดานักรบของเราให้ปฏิบัติสนองตามความกริ้วของเรา
บรรดาผู้ที่ยินดีในชัยชนะของเรา”
4 มีเสียงชุลมุนอยู่บนเทือกเขา
เหมือนเสียงฝูงชนจำนวนมาก
เสียงลุกฮือของอาณาจักรทั้งหลาย
ของบรรดาประชาชาติที่รวมตัวเข้าด้วยกัน
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากำลังรวบรวมกองทัพ
เพื่อทำสงคราม
5 เขาเหล่านั้นมาจากแดนไกล
จากสุดมุมโลก
พระผู้เป็นเจ้าและเครื่องมือแห่งความกริ้วของพระองค์มา
เพื่อจะทำให้แผ่นดินโลกพินาศสิ้น
6 จงคร่ำครวญเถิด เพราะวันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
วันนั้นจะมาเหมือนกับความพินาศจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
7 ฉะนั้น ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย
และใจของทุกคนจะละลายไปเพราะความกลัว
8 พวกเขาจะตกใจ
จะเจ็บปวดและทรมาน
พวกเขาจะเจ็บปวดแสนสาหัสดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
ต่างก็จะมองหน้ากันด้วยความกลัว
ใบหน้าของพวกเขาแดงราวกับไฟที่กำลังลุกอยู่
9 ดูเถิด วันของพระผู้เป็นเจ้าจะมาซึ่งจะเป็นเวลาที่โหดร้าย
มาพร้อมกับการลงโทษและความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรง
จะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้าง
และจะทำลายพวกคนบาปให้สูญไปจากแผ่นดิน
10 เพราะบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าและกลุ่มดาวจะไม่ส่องแสง
ขณะดวงอาทิตย์ขึ้นก็จะกลับมืดลง
และดวงจันทร์จะสิ้นความสว่าง
11 “เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย
และลงโทษคนชั่วเพราะบาปของพวกเขา
เราจะทำให้ความยโสของคนที่เย่อหยิ่งยุติลง และทำให้ความภูมิใจอันสูงส่ง
ของคนโหดร้ายลดลง
12 เราจะทำให้คนที่เหลืออยู่นั้นหาได้น้อยยิ่งกว่าทองนพคุณ
และมนุษย์จะหาได้ยากยิ่งกว่าทองคำของโอฟีร์
13 ฉะนั้น เราจะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
และแผ่นดินโลกจะสั่นไหวและเคลื่อนจากที่ของมัน
ในเวลาแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ในวันแห่งความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรงของพระองค์”
14 และเป็นอย่างละองละมั่งที่ถูกล่า
หรือแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงดู
แต่ละคนจะกลับไปยังชนชาติของตน
และแต่ละคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตน
15 ใครก็ตามที่ถูกพบตัวจะถูกแทงทะลุ
และใครก็ตามที่ถูกจับตัวไปได้จะตายด้วยคมดาบ
16 พวกเด็กทารกของพวกเขาจะถูกทำร้าย
ต่อหน้าอย่างเหี้ยมโหด
บ้านจะถูกปล้น
และภรรยาของพวกเขาก็ถูกข่มขืน
17 “ดูเถิด เรากำลังกระตุ้นชาวมีเดียให้มาโจมตีพวกเขา
แม้พวกเขาจะไม่สนใจเงิน
และไม่อยากได้ทองคำ
18 คันธนูของพวกเขาจะฆ่าบรรดาชายหนุ่ม
พวกเขาจะไม่มีเมตตาต่อทารกในครรภ์
และสายตาของเขาจะไม่ไว้ชีวิตเด็กๆ”
19 บาบิโลนเป็นดั่งอัญมณีของอาณาจักรทั้งหลาย
ความยิ่งใหญ่และความยโสของชาวเคลเดีย
จะถูกพระเจ้าทำให้พินาศดั่งเช่นเมืองโสโดม
และเมืองโกโมราห์
20 จะไม่มีผู้ใดตั้งถิ่นฐาน
หรือไปอาศัยตลอดทุกยุค
ชาวอาหรับจะไม่ตั้งกระโจมที่นั่น
บรรดาคนเลี้ยงดูฝูงแกะจะไม่พาฝูงสัตว์ไปนอนลงที่นั่น
21 แต่สัตว์ในทะเลทรายจะนอนที่นั่น
และบ้านเรือนของพวกเขาจะเต็มไปด้วยหมาใน
พวกนกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่
และที่นั่นจะมีแพะป่าวิ่งกันพลุกพล่าน
22 สุนัขป่าจะร้องเสียงกังวานในป้อมปราการ
และหมาในอยู่ในวังที่หรูหรา
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
และจะไม่ต่อเวลาให้นานออกไป
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation