The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.
เอลีควบคุมลูกชายเลวๆไม่อยู่
22 เมื่อเอลีแก่มากแล้ว เขาได้ยินเรื่องชั่วๆทั้งสิ้นที่ลูกสองคนของเขาได้ทำต่อคนอิสราเอลทั้งหมด เช่น พวกเขาได้ร่วมหลับนอนกับหญิงที่รับใช้อยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ
23 เอลีได้พูดกับลูกชายทั้งสองว่า “ทำไมลูกๆถึงได้ทำอย่างนี้ พ่อได้ยินชาวบ้านทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องชั่วๆที่พวกลูกได้ทำ 24 อย่าทำเลยนะลูก เรื่องที่พ่อได้ยินมา ที่คนของพระยาห์เวห์กำลังเล่ากันไปทั่วนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย 25 ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อมนุษย์ด้วยกัน พระเจ้าอาจจะมาไกล่เกลี่ยให้ แต่ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ แล้วใครจะมาเป็นคนกลางให้ได้”
แต่ลูกชายของเอลีไม่ได้ฟังคำตักเตือนของพ่อเลย เพราะพระยาห์เวห์ต้องการจะฆ่าพวกเขา
26 ส่วนเด็กชายซามูเอลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆและเป็นที่ชื่นชอบของพระยาห์เวห์และคนทั้งหลาย
คำทำนายที่น่ากลัวต่อครอบครัวเอลี
27 คนของพระเจ้าคนหนึ่งได้มาหาเอลี และพูดกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์บอก ‘เราได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจนให้บรรพบุรุษของเจ้าเห็น ตอนที่พวกเขาอยู่ในอียิปต์ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์ 28 จากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล เราได้เลือกเผ่าของบรรพบุรุษเจ้าออกมา เพื่อมาเป็นนักบวชของเรา เราได้เลือกพวกเขาให้มาถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของเรา และมาเผาเครื่องหอม และใส่เอโฟดต่อหน้าเรา เรายังให้บรรพบุรุษของเจ้าแบ่งเนื้อจากพวกของขวัญที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา 29 แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้อิจฉาตาร้อนอยากได้เครื่องสัตวบูชาของเรา และของถวายที่เราได้กำหนดไว้สำหรับสถานที่ที่เราอยู่ ทำไมเจ้าถึงให้เกียรติลูกชายทั้งสองของเจ้ามากกว่าเรา และพวกเจ้ายังเลี้ยงตัวเองจนอ้วนพีจากของถวายส่วนที่ดีที่สุดที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา’
30 เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล จึงได้ประกาศว่า ‘เราเคยสัญญาว่า ครอบครัวของเจ้าและครอบครัวของพ่อเจ้า จะเป็นผู้รับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป’ แต่ตอนนี้พระยาห์เวห์ประกาศว่า ‘มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ใครให้เกียรติเรา เราก็จะให้เกียรติคนนั้น แต่ใครที่ดูถูกเรา เราก็จะดูถูกคนนั้น’ 31 เวลานั้นได้มาถึงแล้ว เราจะตัดความแข็งแรงของเจ้า และของครอบครัวของพ่อเจ้า เพื่อว่าในตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 32 ส่วนเจ้า เอลี เจ้าจะมองอย่างอิจฉาตาร้อนต่อสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล แต่เจ้าจะเห็นเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านของตัวเจ้าเอง[a] และตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 33 ในหมู่ลูกหลานของเจ้า เราจะไว้ชีวิตแค่คนเดียว เพื่อเขาจะได้รับใช้เป็นนักบวชอยู่ที่แท่นบูชาของเรา เราจะไว้ชีวิตคนๆนั้นเพื่อให้คอยร้องไห้และให้อยู่อย่างเศร้าโศกเสียใจ ส่วนลูกหลานคนอื่นๆที่เหลือของเจ้าจะต้องตายด้วยคมดาบ[b] 34 ลูกชายทั้งสองคนของเจ้า คือโฮฟนีและฟีเนหัส จะตายในวันเดียวกัน นั่นจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่า เรื่องนี้มาจากเรา 35 เราจะเลือกนักบวชที่ซื่อสัตย์ ผู้ที่จะทำตามสิ่งที่อยู่ในจิตใจและความคิดของเรา เราจะสร้างครอบครัวเขาให้มั่นคง และเขาจะรับใช้เสมออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ที่เราได้เจิมไว้ 36 และคนในครอบครัวของเจ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็จะมาก้มกราบลงต่อหน้านักบวชคนนี้ และร้องขอเศษเงินหรือเศษอาหาร พวกเขาจะพูดว่า ‘ของานนักบวชให้กับเราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้มีอาหารกินสักนิดหนึ่ง’”
พระเจ้าเรียกซามูเอล
3 เด็กชายซามูเอลได้รับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ภายใต้การดูแลของเอลี ในเวลานั้นพระยาห์เวห์แทบจะไม่ได้พูดกับใครโดยตรง และแทบจะไม่มีนิมิตให้เห็น
2 คืนหนึ่งเอลีซึ่งตาเริ่มมองอะไรไม่ค่อยจะเห็น นอนอยู่ที่ประจำของเขา 3 ตะเกียงของพระเจ้ายังไม่ดับ ขณะที่ซามูเอลนอนอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ที่ที่หีบของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่ 4 พระยาห์เวห์ได้เรียกซามูเอล ซามูเอลตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ” 5 แล้วเขาก็วิ่งไปหาเอลีและพูดว่า “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”
แต่เอลีตอบว่า “เราไม่ได้เรียกเจ้า กลับไปนอนเถอะ”
ซามูเอลจึงกลับไปนอน 6 แล้วพระยาห์เวห์ก็เรียกเขาอีก “ซามูเอล” เขาก็ลุกขึ้นไปหาเอลีและตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”
เอลีตอบว่า “ลูกเอ๋ย เราไม่ได้เรียกเจ้า กลับไปนอนเถอะ”
7 ตอนนั้นซามูเอลยังไม่รู้จักพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์ยังไม่เคยพูดโดยตรงกับเขามาก่อน
8 พระยาห์เวห์เรียกซามูเอลเป็นครั้งที่สาม เขาก็ลุกขึ้นไปหาเอลี “ผมอยู่นี่ครับ ท่านได้เรียกผม”
เอลีเริ่มรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้เรียกเด็กนั้น 9 เอลีจึงบอกซามูเอลว่า “ไปนอนเถอะ และถ้าพระองค์เรียกเจ้าอีก ก็ให้เจ้าพูดว่า ‘พระยาห์เวห์พูดมาเถอะ ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่’”
ดังนั้นเมื่อซามูเอลกลับไปนอนในที่ของเขา 10 พระยาห์เวห์ได้มายืนอยู่ที่นั่น และเรียกแบบครั้งก่อนว่า “ซามูเอล ซามูเอล”
ซามูเอลจึงตอบว่า “พูดมาเถอะครับ ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่”
11 พระยาห์เวห์พูดกับซามูเอลว่า “คอยดูให้ดี เรากำลังจะทำสิ่งหนึ่งในอิสราเอล ซึ่งหูของคนที่ได้ยินก็จะเสียวแปลบปลาบ[c] 12 เวลานั้นเราจะทำทุกอย่างที่เราได้บอกว่าจะทำกับเอลีและครอบครัวของเขา ให้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ 13 เราได้บอกเอลีแล้วว่าเราจะลงโทษครอบครัวของเขาตลอดไป เพราะเอลีรู้เรื่องบาปที่พวกลูกทั้งสองของเขาทำ และรู้ว่าพวกเขาได้สาปแช่งพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา 14 เราก็เลยสาบานต่อครอบครัวของเอลีว่า เครื่องบูชาหรือของถวายจะไม่มีวันกำจัดความผิดของครอบครัวเอลีได้เลย”
15 ซามูเอลนอนจนถึงเช้า แล้วจึงเปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ เขาก็กลัว ไม่กล้าบอกเอลีเกี่ยวกับนิมิตนั้น
16 แต่เอลีเรียกเขามาถามว่า “ซามูเอล ลูกเอ๋ย”
ซามูเอลตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ”
17 เอลีถามว่า “พระองค์ได้พูดอะไรกับเจ้าหรือ อย่าปิดบังเราเลย ถ้าเจ้าปิดบังเราในสิ่งที่พระองค์บอกเจ้า ขอให้พระเจ้าลงโทษเจ้าด้วยวิธีที่รุนแรงมาก”
18 ซามูเอลจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง โดยไม่ปิดบังอะไรเลย
เอลีจึงตอบว่า “พระองค์คือพระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดีเถิด”
19 พระยาห์เวห์ได้สถิตอยู่กับซามูเอลในขณะที่เขาเติบโตขึ้น และไม่ว่าซามูเอลจะพูดอะไร พระองค์ก็ทำให้เป็นจริงตามนั้น[d] 20 คนอิสราเอลทั้งหมดจากดานถึงเบเออร์เชบา ต่างก็รู้ว่าซามูเอลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่ไว้วางใจได้ 21 พระยาห์เวห์ยังปรากฏตัวต่อซามูเอลอยู่เรื่อยๆที่ชิโลห์ และพระองค์ได้เปิดเผยตัวให้กับซามูเอล ผ่านทางคำพูดของพระองค์[e]
4 แล้วข่าวคราวเกี่ยวกับซามูเอลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วอิสราเอล เอลีแก่มากแล้ว ลูกทั้งสองของเขาก็ยังคงทำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์[f]
ชาวฟีลิสเตียรบชนะชาวอิสราเอล
เมื่อคนอิสราเอลยกทัพไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนอิสราเอลตั้งค่ายที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนคนฟีลิสเตียตั้งค่ายที่อาเฟก 2 ชาวฟีลิสเตียได้จัดทหารเพื่อออกไปสู้รบกับอิสราเอล และเมื่อการรบเริ่มขึ้น คนอิสราเอลก็พ่ายแพ้คนฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายไปประมาณสี่พันคนในสนามรบนั้น 3 เมื่อทหารที่เหลือกลับมาที่ค่าย ผู้นำอาวุโสของอิสราเอลทั้งหลายก็พูดกันว่า “ทำไมพระยาห์เวห์ปล่อยให้พวกเราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียในวันนี้ ให้พวกเราไปเอาหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากชิโลห์กันเถิด เพื่อว่าหีบนั้นจะได้ไปกับพวกเรา และจะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู”
4 พวกเขาจึงส่งคนไปชิโลห์ เพื่อนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์เครูบ ลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็อยู่ที่นั่นกับหีบข้อตกลงของพระเจ้า
5 เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาถึงค่าย คนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้โห่ร้องเสียงดังจนแผ่นดินสะเทือน 6 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินก็ถามกันว่า “ค่ายคนฮีบรู[g] โห่ร้องตะโกนเรื่องอะไรกัน”
เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่ที่ค่ายแล้ว 7 คนฟีลิสเตียก็รู้สึกกลัว พวกเขาพูดว่า “มีพวกเทพเจ้ามาอยู่ในค่ายนั้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน 8 ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา ใครจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของพวกเทพเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ได้ เทพเจ้าพวกนี้เคยโจมตีชาวอียิปต์ด้วยพวกภัยพิบัติและโรคระบาดหลายอย่าง 9 กล้าหาญไว้คนฟีลิสเตีย ทำตัวให้สมกับลูกผู้ชาย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะตกอยู่ภายใต้คนฮีบรูเหมือนที่พวกเขาเคยตกอยู่ภายใต้เจ้ามาก่อน ออกรบให้สมกับลูกผู้ชายเถิด”
10 ดังนั้นคนฟีลิสเตียจึงออกไปสู้รบ และคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ แต่ละคนต่างวิ่งหนีกลับมาที่เต็นท์ของตน มีการฆ่าฟันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ทหารเดินเท้าของอิสราเอลได้ล้มตายไปสามหมื่นคน 11 หีบของพระเจ้าถูกยึดไป และลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย
12 ในวันนั้น มีคนเบนยามินคนหนึ่งวิ่งมาจากสนามรบ กลับไปที่ชิโลห์ เขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาและมีเศษดินอยู่บนหัวเพื่อแสดงความโศกเศร้า 13 เมื่อเขามาถึง เอลีนั่งคอยดูอยู่บนเก้าอี้ริมถนน เพราะจิตใจของเขากังวลเกี่ยวกับหีบของพระเจ้า เมื่อชายคนนั้นเข้ามาในเมืองและได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น คนทั้งเมืองก็ร้องไห้กันเสียงระงม
14 เอลีได้ยินเสียงร้องจึงถามว่า “นั่นเสียงร้องอะไรกัน”
ชายคนนั้นจึงรีบเข้ามาหาเอลี 15 ซึ่งมีอายุถึงเก้าสิบแปดปี และมีดวงตาที่ปิดลง มองไม่เห็นแล้ว 16 เขาก็บอกเอลีว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากสนามรบ ผมหนีมาจากสนามรบวันนี้เอง”
เอลีถามว่า “ลูกเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น”
17 ชายผู้นำข่าวมา ตอบว่า “คนอิสราเอลได้หลบหนีจากคนฟีลิสเตีย กองทัพอิสราเอลสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกชายสองคนของท่าน โฮฟนีกับฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย และหีบของพระเจ้าก็ถูกยึดไปแล้ว”
18 เมื่อพูดถึงหีบข้อตกลงของพระเจ้า เอลีก็ล้มหงายหลังลงที่ข้างประตูและคอหักตาย เพราะเขาแก่แล้วและอ้วนมาก รวมเวลาที่เขาเป็นผู้นำอิสราเอลได้ยี่สิบปี[h]
อิสราเอลหมดศักดิ์ศรี
19 ลูกสะใภ้ของเอลีซึ่งเป็นเมียของฟีเนหัสนั้นท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อนางได้ยินข่าวว่าหีบของพระเจ้าถูกยึด แล้วพ่อผัวและผัวของนางก็ตายแล้ว นางก็เริ่มเจ็บท้องและได้คลอดลูกชาย แต่เนื่องจากนางทนความเจ็บปวดไม่ไหว 20 ในขณะที่กำลังจะตาย พวกผู้หญิงที่เฝ้านางอยู่ก็พูดว่า “อย่าสิ้นหวังเลย เพราะเธอได้คลอดลูกชาย”
แต่นางไม่ได้ตอบหรือสนใจเลย 21 นางตั้งชื่อลูกว่าอีคาโบด[i] และพูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว”[j] นางทำอย่างนี้ก็เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว และพ่อผัวกับผัวเธอก็ได้ตายเสียแล้ว 22 แล้วนางก็พูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว”
24 เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ฟังคำพูดเราและไว้วางใจพระองค์ผู้ส่งเรามา ก็มีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป และเขาจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ เขาได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว 25 เราจะบอกให้รู้ว่าเวลานั้นกำลังมา และตอนนี้ก็มาถึงแล้วที่คนตายจะได้ยินเสียงของพระบุตรของพระเจ้า แล้วคนที่เชื่อฟังก็จะมีชีวิต 26 พระบิดามีฤทธิ์อำนาจที่จะให้ชีวิต และพระองค์ทำให้พระบุตรมีฤทธิ์อำนาจที่จะให้ชีวิตเหมือนกัน 27 พระบิดาให้พระบุตรมีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้พิพากษาด้วย เพราะพระบุตรนั้นเป็นบุตรมนุษย์ 28 พวกคุณไม่ต้องแปลกใจในเรื่องนี้หรอก เพราะเวลาที่พวกคนตายทั้งหมดจะได้ยินเสียงบุตรมนุษย์ใกล้จะมาถึงแล้ว 29 แล้วพวกเขาจะออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ คนที่ทำดีก็จะฟื้นขึ้นมามีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป ส่วนคนที่ทำชั่วก็จะฟื้นขึ้นมาเพื่อรับการตัดสินลงโทษ”
ผู้ที่เป็นพยานให้กับพระเยซู
30 “เราทำอะไรเองไม่ได้ เราได้ยินจากพระเจ้ามาอย่างไร เราก็ตัดสินไปอย่างนั้น และคำตัดสินของเรานั้นก็ถูกต้อง เพราะเราไม่อยากตามใจตัวเอง แต่อยากตามใจพระเจ้าที่ส่งเรามา
31 ถ้าเราเป็นพยานให้กับตัวเอง สิ่งที่เราพูดก็เชื่อถือไม่ได้ 32 แต่ยังมีอีกผู้หนึ่งที่เป็นพยานให้กับเรา เรารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับเรานั้นเป็นความจริง”
33 “พวกคุณได้ส่งคนไปถามยอห์นเกี่ยวกับตัวเรา และยอห์นก็ได้บอกความจริงกับพวกเขา 34 เราไม่จำเป็นต้องให้มนุษย์มาเป็นพยานให้กับเราหรอก แต่เราพูดถึงเรื่องนี้เพราะอยากให้คุณเชื่อและรอด 35 ยอห์นเป็นเหมือนตะเกียงที่จุดให้แสงสว่างอยู่ พวกคุณก็มีความสุขกับแสงสว่างนั้นอยู่พักหนึ่ง
36 แต่เรามีพยานที่ยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีก นั่นก็คืองานต่างๆที่เรากำลังทำอยู่นี้ ซึ่งเป็นงานที่พระบิดาให้เราทำให้เสร็จ งานนี้พิสูจน์ว่าพระบิดาส่งเรามา 37 พระบิดาผู้ที่ส่งเรามาเป็นพยานให้เราด้วย พวกคุณไม่เคยได้ยินเสียงของพระองค์ และไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของพระองค์ 38 คำพูดของพระองค์ไม่อยู่ในตัวคุณ เพราะพวกคุณไม่ไว้วางใจผู้ที่พระบิดาส่งมา 39 พวกคุณศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียด เพราะคิดว่ามันจะให้คุณมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป พระคัมภีร์นั้นได้พูดถึงเรา 40 แต่พวกคุณกลับไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้มีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป
41 เราไม่สนใจคำชมจากมนุษย์ 42 แล้วเราก็รู้ด้วยว่า พวกคุณไม่ได้รักพระเจ้าจริงๆหรอก 43 เรามาพูดแทนพระบิดาผู้ที่ส่งเรามา พวกคุณกลับไม่ยอมรับเรา แต่เวลามีบางคนมาพูดเพื่อตัวเอง พวกคุณกลับยอมรับเขา 44 พวกคุณจะไว้วางใจเราได้อย่างไร ในเมื่อคุณชอบคำชมจากพวกเดียวกัน แต่ไม่อยากได้คำชมจากพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว 45 อย่าคิดว่าเราจะเป็นคนฟ้องคุณต่อหน้าพระบิดา โมเสสคนที่คุณคาดหวังว่าจะช่วยคุณนั่นแหละ จะเป็นคนที่ฟ้องคุณเอง 46 ถ้าคุณเชื่อโมเสสจริงๆคุณก็จะเชื่อเราด้วย เพราะโมเสสได้เขียนถึงเรา 47 ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่โมเสสเขียน แล้วคุณจะเชื่อในสิ่งที่เราพูดได้ยังไง”
การเนรคุณของคนอิสราเอลต่อพระยาห์เวห์
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดี
และความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
2 ใครจะบรรยายถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระยาห์เวห์ได้หมด
ใครจะเล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระองค์ได้หมด
3 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่รักษาความยุติธรรม
และทำแต่สิ่งถูกต้องอยู่เสมอ
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์แสดงความเมตตากรุณาต่อคนของพระองค์ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย
โปรดนับข้าพเจ้าเข้าไปกับหมู่คนที่พระองค์ช่วยให้รอดด้วย
5 ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในพระพรต่างๆของคนที่พระองค์ได้เลือกไว้
และมีส่วนร่วมในความยินดีที่คนของพระองค์มี
และร่วมสรรเสริญพระองค์กับคนเหล่านั้นที่เป็นสมบัติของพระองค์
6 พวกเราทำผิดบาปเหมือนกับบรรพบุรุษของเรา
พวกเราทำผิดและทำตัวชั่วร้าย
7 พวกบรรพบุรุษของเราในอียิปต์
ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากการอัศจรรย์ของพระองค์
พวกเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำไปด้วยความรักที่มั่นคงของพระองค์
พวกเขากบฏต่อพระองค์ที่ทะเลแดง
8 แต่พระองค์ก็ยังช่วยเหลือพวกเขาเพื่อเห็นแก่หน้าของพระองค์เอง
และเพื่อแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
9 เมื่อพระองค์ตะโกนใส่ทะเลแดง ทะเลแดงก็เหือดแห้งไป
และพระองค์ก็นำพวกเขาเดินผ่านทะเลลึกเหมือนเดินผ่านทะเลทราย
10 พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนที่เกลียดชังพวกเขา
พระองค์ไถ่พวกเขาให้เป็นอิสระจากศัตรูของพวกเขา
11 แล้วพระองค์ก็ทำให้น้ำกลบท่วมศัตรูของพวกเขา
ไม่มีใครรอดสักคนเดียว
12 แล้วพวกเขาก็เชื่อในสิ่งทั้งหลายที่พระองค์สัญญา
และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
30 ใจที่สงบ ส่งผลดีต่อสุขภาพ
แต่ความอิจฉาริษยานั้นคือมะเร็งในกระดูก
31 คนที่กดขี่ข่มเหงคนยากจนกำลังดูหมิ่นพระผู้สร้างคนจนนั้น
แต่คนที่เอื้อเฟื้อต่อคนยากไร้กำลังให้เกียรติกับพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International