Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 10-11

ซามูเอลเจิมซาอูล

10 จากนั้นซามูเอลได้หยิบขวดน้ำมัน และเทลงบนหัวของซาอูล พร้อมกับจูบเขา และพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้เจิม ท่านให้เป็นผู้นำเหนือคนอิสราเอล ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระองค์แล้ว เจ้าจะได้ครอบครองประชาชน แล้วช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา พระองค์ได้เจิมท่านให้เป็นผู้ครอบครองเหนือคนของพระองค์ แล้วนี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าคำพูดของเราเป็นความจริง คือ[a] เมื่อท่านจากเราไปในวันนี้ ท่านจะพบชายสองคนอยู่ใกล้หลุมศพของราเชลที่เมืองเศลซาห์ในเขตแดนของเบนยามิน พวกเขาจะบอกท่านว่า ‘ฝูงลาที่ท่านตามหานั้นเจอแล้ว และตอนนี้คีชพ่อของท่านเลิกห่วงเรื่องฝูงลาแล้ว แต่กลับเป็นห่วงท่านแทน’ พ่อท่านพูดว่า ‘เราจะทำยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องของลูกชายเรา’

จากนั้นท่านจะเดินต่อไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ทาโบร์ ที่นั่นท่านจะพบชายสามคนที่กำลังจะขึ้นไปพบพระเจ้าที่เบธเอล ชายคนที่หนึ่งจะแบกลูกแพะสามตัว ชายคนที่สองจะถือขนมปังสามก้อน และชายคนที่สามจะถือถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง พวกเขาจะทักทายท่านและจะให้ขนมปังที่ยื่นถวายสองชุด[b]ซึ่งสงวนไว้ให้กับนักบวช ให้กับท่าน ก็ให้รับเอาไว้จากพวกเขา หลังจากนั้นท่านจะไปถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ซึ่งมีทหารรักษาการของฟีลิสเตียอยู่ เมื่อท่านเข้าใกล้เมืองนั้น ท่านจะพบขบวนผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังลงมาจากบนที่สูงนั้น กำลังเล่นพิณ กลอง ขลุ่ย และพิณใหญ่ นำหน้าเข้ามา และกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่[c] พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะมามีฤทธิ์อยู่เหนือท่าน และท่านจะร่วมกันพูดแทนพระเจ้ากับพวกเขา ท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อสัญญาณเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าดี เพราะพระเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน

ให้ท่านล่วงหน้าไปกิลกาลก่อนเรา เราจะลงไปหาท่านอย่างแน่นอน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แต่ท่านต้องรอเราอยู่ที่นั่นเจ็ดวันจนกว่าเราจะมาหาท่าน และบอกท่านว่าท่านจะต้องทำอะไร”

ซาอูลกลายเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า

เมื่อซาอูลหันหลังไปจากซามูเอล พระเจ้าได้เปลี่ยนจิตใจของซาอูล และสัญญาณต่างๆเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น 10 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ก็พบกับขบวนของผู้พูดแทนพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้าก็พุ่งเข้าไปในตัวซาอูล และซาอูลก็ร่วมพูดแทนพระเจ้ากับคนเหล่านั้น 11 เมื่อคนที่เคยรู้จักเขามาก่อน เห็นเขาพูดแทนพระเจ้าอยู่กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ถามกันว่า “นั่นมันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของคีช ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”

12 ชายคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นตอบว่า “ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำของคนเหล่านั้น”[d] ดังนั้นมันจึงเป็นคำพูดติดปากกันว่า “ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”

ซาอูลกลับถึงบ้าน

13 หลังจากซาอูลหยุดพูดแทนพระเจ้า เขาก็ขึ้นไปบนที่สูง

14 ลุงของซาอูลก็ถามเขาและคนรับใช้ว่า “พวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา”

ซาอูลตอบว่า “เราไปตามหาฝูงลา แต่เมื่อตามไม่เจอ เราเลยไปหาซามูเอล”

15 ลุงของซาอูลพูดว่า “บอกลุงซิว่า ซามูเอลพูดอะไรกับเจ้า”

16 ซาอูลตอบว่า “เขายืนยันกับพวกเราว่าฝูงลาได้หาเจอแล้ว” แต่เขาไม่ได้บอกลุงของเขาเรื่องที่ซามูเอลพูดเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์

ซามูเอลประกาศให้ซาอูลเป็นกษัตริย์

17 ซามูเอลเรียกประชุมคนอิสราเอลต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์ 18 และได้บอกกับคนทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของคนอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เป็นเรานี่แหละ ที่ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และเราได้ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของคนอียิปต์ และอาณาจักรทั้งหลายที่ข่มเหงพวกเจ้า’ 19 แต่ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหลายได้ละทิ้งพระเจ้าของเจ้า ผู้ที่ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากความหายนะและความโศกเศร้าทั้งหลายของเจ้า แต่พวกเจ้าทั้งหลายกลับพูดว่า ‘ไม่เอา ขอตั้งกษัตริย์มาปกครองพวกเรา’ ดังนั้น ตอนนี้ ให้เข้ามาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ตามเผ่าและตระกูลของพวกเจ้า”

20 เมื่อซามูเอลนำเผ่าทั้งหลายของคนอิสราเอลเข้ามา ก็มีการจับสลากกัน และคนเผ่าเบนยามินก็ได้รับเลือก 21 จากนั้นเขาก็นำตระกูลต่างๆในเผ่าเบนยามินเข้ามาที่ละตระกูล และตระกูลมัตรีก็ได้รับเลือกตามสลาก สุดท้ายซาอูลลูกชายของคีชก็ได้รับเลือกโดยการจับสลากนี้

แต่เมื่อพวกเขาตามหาซาอูลกลับไม่พบตัว 22 พวกเขาจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ชายคนนี้มาที่นี่แล้วหรือยัง”

พระยาห์เวห์ตอบว่า “เขาซ่อนตัวอยู่หลังหีบห่อเหล่านั้น”

23 พวกเขาจึงวิ่งไปตามซาอูลออกมา เมื่อซาอูลยืนอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาจะสูงเกินคนอื่นๆไปหนึ่งช่วงบ่า

24 ซามูเอลพูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “พวกท่านได้เห็นคนที่พระยาห์เวห์ได้เลือกแล้วหรือยัง ไม่มีใครเหมือนเขาเลยในท่ามกลางประชาชนทั้งหมด”

ดังนั้นประชาชนจึงร้องตะโกนว่า “ขอให้กษัตริย์ทรงพระเจริญ”

25 ซามูเอลอธิบายให้ประชาชนฟังถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์ เขาได้เขียนมันลงบนม้วนกระดาษและได้วางมันไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ จากนั้นซามูเอลก็ปล่อยให้ประชาชน กลับบ้านของพวกเขา

26 ซาอูลก็กลับบ้านของเขาที่กิเบอาห์ด้วย มีคนกล้าหาญที่พระเจ้าได้ดลใจให้ติดตามซาอูลไปจำนวนหนึ่ง 27 แต่ก็มีพวกชอบก่อปัญหาบางคนพูดถึงซาอูลว่า “ไอ้หมอนี่จะช่วยอะไรพวกเราได้” พวกเขาต่างดูถูกเขา และไม่นำของขวัญมาให้ แต่ซาอูลไม่พูดอะไรเลย

นาหาช กษัตริย์ของชาวอัมโมน

กษัตริย์นาหาชของชาวอัมโมนได้ทำร้ายเผ่ากาดและรูเบน นาหาชได้ควักตาขวาของชายทุกคน และไม่ยอมให้ใครมาช่วยพวกเขา เขาได้ควักตาขวาของชายอิสราเอลทุกคนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน แต่มีชายอิสราเอลเจ็ดพันคนหนีจากชาวอัมโมนไปอยู่ที่เมืองยาเบช-กิเลอาด[e]

นาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมน

11 ประมาณหนึ่งเดือนผ่านไป นาหาชคนอัมโมนได้ขึ้นมาล้อมเมืองยาเบช-กิเลอาด ชาวเมืองยาเบชจึงพูดกับนาหาชว่า “ทำสัญญาสงบศึกกับพวกเราเถอะ และพวกเราจะยอมรับใช้ท่าน”

แต่นาหาชชาวอัมโมนตอบว่า “เราจะทำสัญญาสงบศึกกับพวกเจ้า ก็ต่อเมื่อเราได้ควักดวงตาข้างขวาของพวกเจ้าออกทุกคน เพื่อคนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับความอับอายขายหน้า”

พวกผู้นำของเมืองยาเบชพูดกับเขาว่า “ขอเวลาพวกเราสักเจ็ดวัน เพื่อจะได้ส่งข่าวไปให้ทั่วทุกแห่งที่คนอิสราเอลอยู่ แต่ถ้าไม่มีใครมาช่วยพวกเรา เราก็จะยอมจำนนต่อท่าน”

ซาอูลช่วยกู้ยาเบช-กิเลอาด

เมื่อพวกคนส่งข่าวมาถึงเมืองกิเบอาห์ของซาอูล พร้อมกับแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นให้กับชาวเมือง ชาวเมืองต่างพากันร้องไห้เสียงดัง พอดีซาอูลที่เพิ่งกลับมาจากท้องทุ่งกำลังต้อนฝูงวัวมา เขาจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับประชาชนหรือ ทำไมพวกเขาถึงร้องไห้กันใหญ่”

ชาวเมืองจึงบอกซาอูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนยาเบช เมื่อซาอูลได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ก็พุ่งเข้าไปอยู่ในตัวซาอูล และทำให้เขาโกรธมาก เขาเอาวัวมาสองตัวสับเป็นชิ้นๆและให้คนส่งชิ้นส่วนของวัวไปให้คนอิสราเอลทั้งหมด พร้อมประกาศว่า “ใครที่ไม่ยอมตามซาอูลและซามูเอลมา วัวของพวกเขาก็จะถูกสับเป็นชิ้นๆเหมือนวัวตัวนี้”

ประชาชนก็เกิดความหวาดกลัวพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อซาอูลรวบรวมพลอยู่ที่เมืองเบเซก นับคนอิสราเอลได้จำนวนสามแสนคนและคนยูดาห์สามหมื่นคน[f]

ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดบอกคนส่งข่าวที่มาว่า “ไปบอกคนยาเบช-กิเลอาดว่า ‘เที่ยงของวันพรุ่งนี้ พวกท่านจะได้รับการช่วยกู้’”

เมื่อคนส่งข่าวนำเรื่องนี้มาบอกกับคนยาเบช พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่ 10 และพวกเขาก็บอกกับคนอัมโมนว่า “พรุ่งนี้เราจะยอมจำนนต่อท่าน และพวกท่านสามารถทำกับพวกเราชาวยาเบช-กิเลอาดตามที่ท่านเห็นดี”

11 วันรุ่งขึ้นซาอูลแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม ในระหว่างการเฝ้าเวรในตอนเช้า พวกเขาก็บุกเข้าไปทำลายค่ายของคนอัมโมนและฆ่าพวกเขา จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง พวกที่รอดชีวิตก็หนีกระเจิดกระเจิงตัวใครตัวมัน[g]

12 แล้วประชาชนก็พูดกับซามูเอลว่า “คนที่พูดว่า ‘ไอ้ซาอูลคนนั้นจะมาครอบครองเหนือพวกเราอย่างนั้นหรือ’ ให้นำคนเหล่านั้นมาให้พวกเรา เพื่อจะได้ฆ่าซะ”

13 แต่ซาอูลพูดว่า “จะไม่มีใครถูกฆ่าตายในวันนี้ เพราะเป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนอิสราเอลให้รอดพ้น”

14 ดังนั้นซามูเอลจึงพูดกับประชาชนว่า “มาเถอะพวกเราไปที่กิลกาลกัน เพื่อจะได้ไปยืนยันอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการปกครองด้วยกษัตริย์”

15 แล้วประชาชนอิสราเอลทั้งหมดก็ไปที่กิลกาล และยืนยันให้ซาอูลเป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาก็ถวายเครื่องสังสรรค์บูชาให้กับพระยาห์เวห์ ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่

ยอห์น 6:43-71

43 พระเยซูพูดขึ้นว่า “เลิกบ่นกันได้แล้ว 44 ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากว่าพระบิดาผู้ส่งเรามาจะพาเขามาหาเรา และเราจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมามีชีวิตในวันสุดท้าย 45 ผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าจะสั่งสอนพวกเขาทุกคน’[a] ทุกคนที่ได้ฟังและเรียนรู้จากพระบิดาก็จะมาหาเรา 46 (ไม่มีใครเคยเห็นพระบิดา นอกจากผู้ที่มาจากพระบิดาผู้เคยเห็นพระองค์) 47 เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ไว้วางใจเราก็มีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป 48 เราเป็นขนมปังที่ให้ชีวิต 49 บรรพบุรุษของพวกคุณได้กินมานาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง สุดท้ายพวกเขาก็ตายกันไปหมด 50 แต่คนไหนกินขนมปังที่ลงมาจากสวรรค์ คนนั้นจะไม่ตายอีกเลย 51 เราเป็นขนมปังจากสวรรค์ที่ให้ชีวิต คนที่กินขนมปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป ขนมปังนี้คือเนื้อหนังของเรา ที่เราจะให้เพื่อคนในโลกนี้จะได้มีชีวิต”

52 พวกยิวก็เริ่มเถียงกันเองว่า “ผู้ชายคนนี้จะเอาเนื้อหนังของเขาให้พวกเรากินได้ยังไง” 53 พระเยซูพูดกับพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าพวกคุณไม่กินเนื้อหนัง และไม่ดื่มเลือดของบุตรมนุษย์ คุณก็ไม่มีชีวิตที่แท้จริง 54 คนที่กินเนื้อและดื่มเลือดของเราจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป เราจะให้เขาฟื้นขึ้นมามีชีวิตในวันสุดท้าย 55 เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และเลือดของเราก็เป็นเครื่องดื่มแท้ 56 คนที่กินเนื้อและดื่มเลือดของเราก็เป็นหนึ่งเดียวกับเรา และเราก็เป็นหนึ่งเดียวกับเขา 57 พระบิดาผู้มีชีวิตอยู่ส่งเรามา และเรามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพระบิดา ดังนั้นคนที่กินเลือดเนื้อของเราจะมีชีวิตอยู่ได้เพราะเราเหมือนกัน 58 นี่คือขนมปังที่ลงมาจากสวรรค์ ซึ่งไม่เหมือนกับมานาที่บรรพบุรุษของพวกคุณได้กิน แล้วสุดท้ายก็ยังต้องตายกัน แต่คนที่ได้กินขนมปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” 59 พระเยซูพูดเรื่องเหล่านี้ ขณะที่พระองค์กำลังสอนอยู่ในที่ประชุมชาวยิวในเมืองคาเปอรนาอุม

ศิษย์จำนวนมากเลิกติดตามพระองค์

60 เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินเรื่องเหล่านี้ ก็บ่นกันว่า “ใครจะไปยอมรับคำสอนยากๆอย่างนี้ได้” 61 พระเยซูรู้ว่าพวกศิษย์กำลังบ่นกันถึงเรื่องนี้ พระองค์จึงถามว่า “คำสอนเหล่านี้ทำให้พวกคุณตะลึงงันไปเลยหรือ 62 แล้วพวกคุณจะว่ายังไง ถ้าได้เห็นบุตรมนุษย์ขึ้นไปสวรรค์ที่พระองค์เคยอยู่มาก่อน 63 ไม่ใช่พละกำลังของมนุษย์ที่เป็นผู้ให้ชีวิต แต่เป็นพระวิญญาณของพระเจ้า คำพูดที่เราได้บอกพวกคุณนี้แหละ จะนำพระวิญญาณของพระเจ้ามาให้กับคุณ เป็นพระวิญญาณที่ให้ชีวิต 64 แต่พวกคุณบางคนก็ไม่เชื่อ” (ตั้งแต่เริ่มแรกพระเยซูก็รู้แล้วว่าพวกไหนจะไม่เชื่อ และคนไหนที่จะหักหลังพระองค์) 65 แล้วพระองค์พูดว่า “ก็เพราะอย่างนี้เราถึงบอกคุณว่า ‘ไม่มีใครมาถึงเราได้ นอกจากพระบิดาจะทำให้เขาสามารถมาได้’”

66 หลังจากที่พระเยซูพูดอย่างนั้น ศิษย์จำนวนมากก็ทิ้งพระเยซูไป

67 แล้วพระเยซูถามศิษย์เอกทั้งสิบสองคนว่า “พวกคุณคงจะไม่ทิ้งเราไปด้วยมั้ง”

68 ซีโมน เปโตรตอบพระองค์ว่า “จะให้พวกเราทิ้งอาจารย์ไปหาใครอีกล่ะครับ อาจารย์มีคำพูดที่ให้ชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไป 69 พวกเราเชื่อและรู้แล้วว่าอาจารย์เป็นองค์พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”

70 พระเยซูตอบพวกเขาว่า “เราเป็นคนเลือกพวกคุณทั้งสิบสองคนมาเองถูกไหม แต่คนหนึ่งในพวกคุณเป็นมารร้าย” 71 (พระองค์หมายถึงยูดาส ลูกของซีโมน อิสคาริโอท เพราะเขาจะหักหลังพระองค์ แม้ว่าเขาเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้นก็ตาม)

สดุดี 107

หนังสือเล่มที่ห้า

(สดุดี 107-150)

ขอบคุณพระยาห์เวห์ที่ช่วยให้พ้นจากความเดือดร้อนทั้งหลาย

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
ให้พูดอย่างนี้แหละ พวกคนที่พระยาห์เวห์ได้ไถ่ไว้แล้ว
    คือพวกคนที่พระองค์ได้ไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
พระองค์รวบรวมพวกเขามาจากดินแดนต่างๆของคนต่างชาติ
    จากทั่วทุกสารทิศ ออกถึงตก เหนือถึงใต้[a]

พวกเขาบางคนเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย
    เพื่อมองหาเมืองที่จะอยู่อาศัย แต่ก็หาไม่พบ
พวกเขาหิวโหยและกระหายน้ำ
    และเหนื่อยอ่อนแทบขาดใจตาย
ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
พระองค์ก็นำพวกเขาตรงไป
    ยังเมืองที่พวกเขาจะอยู่อาศัยได้
ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
    และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
เพราะพระองค์ทำให้คนที่กระหายได้ดับกระหาย
    และพระองค์ทำให้คนที่หิวโหยอิ่มหนำด้วยของดีๆ

10 พวกเขาบางคนอยู่ในห้องขังที่มืดมิดราวกับความตาย
    ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนและมีปลอกเหล็กอยู่รอบคอ
11 เพราะพวกเขากบฏต่อคำสั่งของพระเจ้า
    และดูหมิ่นคำแนะนำสั่งสอนของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
12 พระองค์ทำให้จิตใจของพวกเขาถ่อมลงด้วยงานหนัก
    และพวกเขาล้มลงโดยไม่มีใครช่วย
13 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
14 พระองค์เอาพวกเขาออกมาจากความมืดมิดราวกับความตาย
    และตัดโซ่ตรวนที่มัดตัวเขาออกเสีย
15 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงขอพระองค์
    และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
16 เพราะพระองค์พังประตูทองสัมฤทธิ์ทั้งหลายของคุก
    และทำลายกลอนเหล็กของพวกเขาจนแหลกละเอียด

17 พวกเขาบางคนก็กลายเป็นคนโง่ไปเพราะกบฏต่อพระเจ้า
    และต้องทนทุกข์ทรมานเพราะสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
18 พวกเขาเบื่ออาหารทุกอย่าง
    และเฉียดใกล้ประตูแห่งความตาย
19 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
20 เมื่อพระองค์สั่ง พวกเขาก็ได้รับการรักษา
    พวกเขาจึงรอดพ้นจากหลุมศพของพวกเขา
21 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
    และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
22 ให้พวกเขาถวายเครื่องบูชาต่างๆเพื่อขอบคุณพระองค์
    และเล่าด้วยความชื่นชมยินดีถึงเรื่องที่พระองค์ได้ทำ

23 พวกเขาบางคนลงเรือไปในทะเล
    เพื่อไปทำมาหากินอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่
24 พวกเขาเห็นถึงการงานต่างๆของพระยาห์เวห์
    และเห็นสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำในทะเลลึก
25 เมื่อพระองค์สั่ง พายุก็พัดเข้ามา
    และคลื่นในทะเลก็ก่อตัวสูงขึ้น
26 ลำเรือต่างถูกซัดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงมาอย่างรวดเร็วสู่ห้วงทะเลลึก
    พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อไปในช่วงที่ตกอยู่ในอันตรายนี้
27 พวกเขาโซเซไปมาราวกับคนเมา
    และความเป็นลูกเรือที่ชำนาญก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
28 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์นำพวกเขาออกมาจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
29 พระองค์ทำให้พายุหยุดนิ่ง
    และทำให้คลื่นสงบลง
30 พวกเขาต่างก็ดีใจที่มันสงบลงได้
    และพระองค์นำพวกเขาไปสู่ท่าเรือที่พวกเขาอยากไป
31 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
    และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
32 ขอให้พวกเขายกย่องเชิดชูพระองค์ต่อหน้าที่ชุมนุมของประชาชน
    และสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าสภาผู้นำอาวุโสของเมือง

33 พระองค์เปลี่ยนพวกแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลทราย
    และเปลี่ยนตาน้ำให้กลายเป็นผืนดินที่แห้งผาก
34 พระองค์ทำให้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นดินเค็ม
    เพราะความชั่วช้าที่ผู้อาศัยอยู่ที่นั่นได้ทำ
35 และพระองค์ยังสามารถเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นทะเลสาบ
    และผืนดินแห้งกลับกลายเป็นตาน้ำ
36 พระองค์ให้พวกผู้หิวโหยตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
    และพวกเขาก็ได้สร้างเมืองขึ้นมาอยู่กัน
37 พวกเขาหว่านพืชในท้องนา พวกเขาปลูกสวนองุ่น
    แล้วพวกมันก็ออกผลมากมาย
38 พระองค์อวยพรพวกเขาและพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
    และพระองค์ไม่ได้ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาลดน้อยลงเลย

39 พวกคนกลุ่มอื่นอ่อนแอลงและลดจำนวนลง
    เนื่องจากการถูกกดขี่ข่มเหงและความหายนะที่ทุกข์ทรมาน
40 พระองค์ทำให้พวกผู้นำของพวกเขาต้องอับอายขายหน้า
    และบังคับให้พวกเขาออกเร่ร่อนเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ยังไม่มีถนนหนทาง
41 แต่พระองค์ได้ยกย่องพวกคนขัดสนให้พ้นจากความเดือดร้อนทุกข์ยาก
    และให้ครอบครัวต่างๆของพวกเขาเพิ่มขึ้นเหมือนฝูงแกะ
42 เมื่อพวกคนดีมองเห็นสิ่งนี้ ต่างก็เฉลิมฉลองกัน
    แต่เมื่อคนชั่วทุกคนเห็น ต่างก็อึ้งเงียบไป
43 ให้คนที่ฉลาดไตร่ตรองถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้
    และพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์

สุภาษิต 15:1-3

15 คำตอบที่สุภาพระงับความโกรธ
    แต่คำพูดที่รุนแรงกวนโมโห
ลิ้นคนฉลาดทำให้ความรู้น่าฟัง
    ปากคนโง่นั้นก็พรั่งพรูความเขลาออกมา
ดวงตาของพระยาห์เวห์นั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
    คอยจับตาดูทั้งคนดีและคนชั่ว

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International