The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
อิชโบเชทถูกฆ่า
4 เมื่ออิชโบเชทลูกชายซาอูลได้ยินว่า อับเนอร์ตายในเมืองเฮโบรน เขาก็สูญเสียความกล้าหาญ และชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างตื่นตกใจกลัว 2 ในเวลานั้นมีชายสองคนมาหาอิชโบเชท ลูกชายของซาอูล ชายสองคนนี้เป็นหัวหน้ากองโจร คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ และอีกคนชื่อเรคาบ พวกเขาเป็นลูกชายของริมโมนชาวเมืองเบเอโรท พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน (เมืองเบเอโรทถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนเผ่าเบนยามิน 3 แต่ชาวเมืองเบเอโรทได้หลบหนีมาที่เมืองกิททาอิมกันหมด และอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะชาวต่างชาติมาจนทุกวันนี้)
4 โยนาธานลูกชายของซาอูลมีลูกชายชื่อเมฟีโบเชท เมฟีโบเชทมีเท้าพิการทั้งสองข้าง ตอนที่เมฟีโบเชทมีอายุห้าขวบนั้น มีข่าวมาจากเมืองยิสเรเอล ว่าซาอูลและโยนาธานถูกฆ่าตาย พี่เลี้ยงของเมฟีโบเชทอุ้มเขาวิ่งหนี แต่เพราะนางรีบเกินไป จึงทำเขาหล่นลงมาและขาทั้งสองข้างของเขาก็พิการ
5 ฝ่ายเรคาบและบาอานาห์ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรท ได้ออกเดินทางไปบ้านของอิชโบเชท พวกเขาได้มาถึงที่นั่นในเวลาเที่ยงที่อากาศร้อน ขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนพักเที่ยงอยู่ 6 พวกเขาเข้าไปถึงส่วนในของบ้าน ทำเหมือนกับว่าจะเข้าไปเอาข้าวสาลี และพวกเขาก็แทงอิชโบเชทเข้าที่ท้อง แล้วเรคาบกับบาอานาห์พี่ชายของเขาก็หนีไป 7 พวกเขาเข้าไปในบ้านในขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา พวกเขาได้แทงและฆ่าเขา และหลังจากนั้นพวกเขาได้ตัดหัวอิชโบเชทไปด้วย พวกเขาเดินทางตลอดทั้งคืนในหุบเขาจอร์แดน 8 พวกเขานำหัวของอิชโบเชทไปให้ดาวิดที่เมืองเฮโบรน พวกเขาพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “นี่คือหัวของอิชโบเชทลูกชายของซาอูล ซาอูลที่เป็นศัตรูของท่าน ที่พยายามฆ่าท่าน วันนี้พระยาห์เวห์ได้แก้แค้นซาอูลและลูกหลานของเขาให้กับท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าแล้ว”
9 ดาวิดตอบเรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขา ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เราพ้นจากความลำบากทั้งหลาย 10 คราวก่อน เมื่อมีคนมาบอกเราว่า ‘ซาอูลตายแล้ว’ เขาคิดว่าเขากำลังนำข่าวดีมาบอก เราได้จับเขาและฆ่าเขาที่ศิกลาก นั่นคือรางวัลที่เราได้ให้สำหรับข่าวของเขา 11 ยิ่งกว่านั้นอีก คราวนี้ ในเมื่อพวกคนชั่วได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ในบ้านของเขาและบนเตียงของเขาเอง จะไม่ให้เราฆ่าเจ้าเพราะความตายของเขาและกำจัดเจ้าออกไปจากโลกนี้ได้ยังไงกัน”
12 ดังนั้นดาวิดจึงออกคำสั่งแก่คนของเขา และพวกเขาก็ฆ่าสองคนนั้น ตัดมือและเท้าของสองคนนั้นและแขวนศพของพวกเขาไว้ที่ข้างสระน้ำในเมืองเฮโบรน แต่พวกเขาเอาหัวของอิชโบเชทไปฝังไว้ที่อุโมงค์ฝังศพของอับเนอร์ที่เมืองเฮโบรน
ชาวอิสราเอลยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์
(1 พศด. 11:1-3)
5 อิสราเอลทุกเผ่ามาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนและพูดว่า “พวกเราคือเลือดเนื้อของท่าน 2 ในอดีต เมื่อซาอูลยังเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเรา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นำอิสราเอลในการรบ และพระยาห์เวห์ได้พูดกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้นำทางประชาชนชาวอิสราเอลของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และเจ้าจะได้เป็นผู้ปกครองพวกเขา’”
3 เมื่อพวกผู้นำอาวุโสทั้งหมดของอิสราเอลมาหากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน กษัตริย์ดาวิดได้ทำสัญญากับพวกเขาที่เมืองเฮโบรนต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้เจิมดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล
4 ดาวิดมีอายุสามสิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาครองราชย์อยู่นานสี่สิบปี 5 เขาได้ครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน และในเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมดรวมทั้งยูดาห์ด้วย เป็นเวลาสามสิบสามปี
ดาวิดยึดเมืองเยรูซาเล็ม
(1 พศด. 11:4-9)
6 กษัตริย์ดาวิดและคนของเขายกทัพไปเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อโจมตีชาวเยบุสที่อาศัยอยู่ที่นั่น ชาวเยบุสบอกกับดาวิดว่า “แกบุกเข้ามาที่นี่ไม่ได้[a] แม้แต่คนตาบอดและคนพิการของเราก็ยังหยุดแกได้” พวกเขาคิดว่า “ดาวิดไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองของพวกเขาได้” 7 แต่ดาวิดก็สามารถยึดป้อมศิโยนไว้เป็นเมืองของดาวิด ได้
8 ในวันนั้น ดาวิดพูดกับคนของเขาว่า “คนที่จะเอาชนะชาวเยบุสได้ต้องเข้าไปทางท่อส่งน้ำ[b] เพื่อเข้าไปถึง ‘พวกคนพิการและคนตาบอดเหล่านั้น’ ที่เป็นศัตรูของดาวิด”
(นี่คือเหตุที่คนพูดกันว่า “อย่าให้คนตาบอดและคนพิการเข้าไปในวัง[c]”)
9 ดาวิดก็เข้ายึดเอาป้อมนั้นเป็นที่พักและเรียกมันว่าเมืองของดาวิด แล้วดาวิดก็ได้สร้างเมืองขึ้นรอบๆตั้งแต่พื้นที่ลาดเขา[d] เข้าไปถึงข้างใน 10 ดาวิดยิ่งมีอำนาจมากขึ้นๆเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นสถิตอยู่กับเขา
ฮีรามสร้างวังให้ดาวิด
(1 พศด. 14:1-2)
11 ฮีรามกษัตริย์ของไทระได้ส่งคนส่งข่าวมาหาดาวิด พร้อมด้วยไม้สนซีดาร์และช่างไม้และช่างก่อหิน และพวกเขาได้สร้างวังให้กับดาวิด 12 ดาวิดรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ตั้งเขาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และได้ทำให้อาณาจักรของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์
ลูกชายดาวิดที่เกิดในเยรูซาเล็ม
(1 พศด. 3:5-9; 14:3-7)
13 หลังจากที่เขาออกจากเมืองเฮโบรน ดาวิดได้มีเมียน้อยและเมียเพิ่มขึ้นอีกหลายคนในเยรูซาเล็ม และมีลูกชายและลูกสาวเพิ่มขึ้น 14 ชื่อของพวกลูกชายของเขาที่เกิดที่นั่น คือ ชัมมุอา โชบับ นาธัน ซาโลมอน 15 อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย 16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท
ดาวิดสู้กับชาวฟีลิสเตีย
(1 พศด. 14:8-17)
17 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล พวกเขาจึงยกทัพขึ้นมาสู้รบกับดาวิด แต่ดาวิดรู้เรื่องนี้ก่อนและได้เข้าไปอยู่ที่ป้อม 18 ขณะนั้น ชาวฟีลิสเตียได้มาถึงและกระจายกำลังอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม
19 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรขึ้นไปโจมตีชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในกำมือข้าพเจ้าหรือเปล่า”
พระยาห์เวห์ตอบเขาว่า “ไปเถิด เพราะเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในกำมือเจ้าอย่างแน่นอน”
20 ดาวิดจึงไปที่บาอัล-เปราซิม และเขาก็สู้รบเอาชนะชาวฟีลิสเตียได้ และดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้บุกทะลวงศัตรูต่อหน้าข้าพเจ้าเหมือนกับน้ำที่พุ่งทะลวงเขื่อนออกมา” จึงเรียกสถานที่นั้นว่า บาอัล-เปราซิม[e] 21 ชาวฟีลิสเตียได้ทิ้งรูปเคารพของพวกเขาไว้ที่นั่น ดาวิดกับคนของเขาได้ขนพวกมันไป
22 ชาวฟีลิสเตียยกทัพขึ้นมาอีกและกระจายกำลังออกในหุบเขาเรฟาอิม
23 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์อีก และพระองค์ก็ตอบเขาว่า “อย่าบุกเข้าไปตรงๆแต่ให้อ้อมไปด้านหลัง และโจมตีพวกเขาจากพุ่มไม้บาคา[f] 24 ทันทีที่เจ้าได้ยินเสียงเดินทัพที่ยอดพุ่มไม้บาคา ก็ให้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงพระยาห์เวห์ได้นำหน้าพวกเจ้าออกไปมีชัยเหนือกองทัพชาวฟีลิสเตียแล้ว”
25 ดาวิดจึงทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้ และเขาก็โจมตีชาวฟีลิสเตียได้ตลอดทางจากเมืองกิเบโอน[g] ไปจนถึงเกเซอร์
ดาวิดย้ายหีบศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
(1 พศด. 13:1-14; 15:26-16:3, 43)
6 ดาวิดได้เลือกทหารที่เก่งกาจของอิสราเอลมาทั้งหมดสามหมื่นคน 2 ดาวิดและคนของเขาออกเดินทางไปที่เมืองบาอาลาห์ในยูดาห์[h] เพื่อไปนำหีบของพระเจ้ามาจากที่นั่น หีบนั้นเป็นของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์ที่มีปีกสององค์ 3 พวกเขาตั้งหีบของพระเจ้าไว้บนเกวียนเล่มใหม่ และนำหีบนั้นไปจากบ้านของอาบีนาดับซึ่งอยู่บนเขา อุสซาห์และอาหิโยลูกชายของอาบีนาดับเป็นคนขับเกวียนเล่มใหม่นั้น
4 เกวียนนั้นบรรทุกหีบของพระเจ้าอยู่บนมัน และอาหิโยเดินนำหน้าเกวียนนั้น[i] 5 ดาวิดและครอบครัวอิสราเอลทั้งหมดกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงต่อหน้าพระยาห์เวห์ พวกเขาร้องเพลง เล่นพิณเล็ก พิณใหญ่ กลองรำมะนา เครื่องเขย่า และฉาบ[j] 6 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของนาโคน วัวที่ลากเกวียนนั้นเกิดสะดุดขึ้นมา อุสซาห์จึงยื่นมือออกจับหีบของพระเจ้าไว้ 7 พระยาห์เวห์โกรธอุสซาห์ แล้วพระองค์ฟาดเขาตาย อุสซาห์ตายอยู่ที่นั้นต่อหน้าพระองค์ 8 ดาวิดจึงโกรธพระเจ้า เพราะความโกรธของพระยาห์เวห์ได้ระเบิดใส่อุสซาห์ สถานที่แห่งนั้นจึงมีชื่อเรียกว่า เปเรศ-อุสซาห์[k] มาจนถึงทุกวันนี้
9 ในวันนั้น ดาวิดกลัวพระยาห์เวห์ เขาพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะเอาหีบของพระยาห์เวห์มาถึงเราได้ยังไงกัน” 10 เขาจึงไม่ยอมที่จะนำหีบของพระยาห์เวห์มาอยู่กับเขาในเมืองของดาวิด เขาจึงนำหีบนั้นไปไว้ที่บ้านของโอเบด-เอโดมจากเมืองกัท 11 หีบของพระยาห์เวห์จึงอยู่ที่บ้านของโอเบด-เอโดมจากเมืองกัทเป็นเวลาสามเดือน และพระยาห์เวห์ได้อวยพรโอเบด-เอโดมกับครัวเรือนเขาทั้งหมด
12 ขณะนั้นมีคนไปบอกกษัตริย์ดาวิดว่า “พระยาห์เวห์ได้อวยพรครัวเรือนของโอเบด-เอโดมและทุกสิ่งที่เขามี เพราะหีบของพระเจ้าอยู่กับเขา” ดาวิดจึงได้ลงไปนำหีบของพระเจ้าขึ้นมาจากบ้านของโอเบด-เอโดม มาถึงเมืองของดาวิดด้วยความชื่นชมยินดี 13 เมื่อคนที่ทำหน้าที่หามหีบของพระยาห์เวห์เดินไปได้หกก้าว ดาวิดก็ถวายวัวตัวผู้หนึ่งตัวและลูกวัวอ้วนหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชา 14 ดาวิดสวมถุงผ้าทับอกลินินเต้นรำอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์อย่างสุดเหวี่ยง
15 ดาวิดและครอบครัวอิสราเอลทั้งหมดได้นำหีบของพระยาห์เวห์ ขึ้นมาพร้อมกับโห่ร้องและเป่าแตรไปด้วย 16 ในขณะที่หีบของพระยาห์เวห์กำลังเข้าสู่เมืองของดาวิด มีคาลลูกสาวซาอูลมองลงมาจากหน้าต่าง เมื่อนางเห็นกษัตริย์ดาวิดกระโดดโลดเต้นและเต้นรำต่อหน้าพระยาห์เวห์ นางนึกดูถูกเขาอยู่ในใจ
17 พวกเขาได้นำหีบของพระยาห์เวห์มาตั้งไว้ในที่เฉพาะของมันในเต็นท์ที่ดาวิดได้กางไว้ให้ และดาวิดได้เผาสัตว์ทั้งตัวถวายเป็นเครื่องบูชาและถวายเครื่องสังสรรค์บูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์
18 หลังจากที่เขาถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชาเสร็จ เขาได้อวยพรให้กับประชาชนในนามของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น 19 แล้วเขาก็แจกขนมปังหนึ่งก้อน เค้กอินทผลัมและเค้กลูกเกดให้กับแต่ละคนในฝูงชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แล้วประชาชนทั้งหมดก็กลับบ้านของพวกเขา
20 เมื่อดาวิดกลับบ้านเพื่อมาอวยพรคนในครัวเรือนของเขา มีคาลลูกสาวซาอูลออกมาพบเขาและพูดว่า “วันนี้กษัตริย์ของอิสราเอลช่างทำตัวได้โดดเด่นเสียจริง ถอดเสื้อผ้าท่ามกลางสายตาของพวกทาสหญิงรับใช้[l] ของเขา เหมือนคนชั้นต่ำทำกัน”
21 ดาวิดพูดกับมีคาลว่า “เราทำต่อหน้าพระยาห์เวห์ผู้ที่เลือกเรา แทนที่จะเลือกพ่อของเจ้า หรือคนหนึ่งคนใดในบ้านของเขา พระยาห์เวห์เป็นผู้แต่งตั้งเราขึ้นปกครองเหนืออิสราเอลประชาชนของพระองค์ ดังนั้นเราจะเต้นรำและเฉลิมฉลองอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 22 เราจะทำสิ่งที่น่าอับอายขายหน้ายิ่งกว่านี้อีก เจ้าอาจจะไม่เคารพเรา แต่พวกทาสหญิงที่เจ้าพูดถึงนั้น จะยังคงให้เกียรติเราอยู่”
23 แล้วมีคาลลูกสาวซาอูลก็ไม่มีลูกจนกระทั่งนางตาย
31 หลังจากที่ยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูพูดว่า “ถึงเวลาแล้วที่ผู้คนจะได้เห็นว่าบุตรมนุษย์จะได้รับเกียรติขนาดไหน และพระเจ้าจะได้รับเกียรติผ่านทางบุตรมนุษย์นั้น 32 แล้วถ้าพระเจ้าได้รับเกียรติผ่านทางเขา พระองค์เองก็จะให้เกียรติเขาและจะทำอย่างนั้นทันที
33 ลูกๆที่รัก เราจะอยู่กับพวกคุณอีกประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แล้วคุณก็จะตามหาเรา เราจะบอกกับพวกคุณอย่างที่เราเคยบอกพวกยิวแล้วว่า ที่ที่เรากำลังจะไปนั้น พวกคุณไปไม่ได้
34 เราจะให้คำสั่งใหม่กับพวกคุณ คือให้รักซึ่งกันและกัน พวกคุณต้องรักกันเหมือนกับที่เรารักคุณ 35 ถ้าพวกคุณรักกัน ทุกคนก็จะรู้ว่าคุณเป็นศิษย์ของเรา”
พระเยซูทำนายว่าเปโตรจะพูดว่าไม่รู้จักพระองค์
(มธ. 26:31-35; มก. 14:27-31; ลก. 22:31-34)
36 ซีโมน เปโตรถามว่า “อาจารย์จะไปไหนหรือครับ”
พระเยซูตอบเขาว่า “ที่ที่เราจะไปนั้นตอนนี้คุณตามเราไปไม่ได้ แต่คุณจะตามเราไปทีหลัง”
37 เปโตรเลยถามอีกว่า “อาจารย์ ทำไมผมถึงตามไปตอนนี้ไม่ได้ล่ะครับ ผมพร้อมที่จะตายเพื่ออาจารย์”
38 พระเยซูตอบว่า “คุณพร้อมที่จะตายเพื่อเราหรือ เราจะบอกให้รู้ว่า พรุ่งนี้เช้า ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
พระเยซูปลอบเหล่าศิษย์
14 “อย่ากลุ้มใจไปเลย ขอให้วางใจพระเจ้าและวางใจเราด้วย 2 ในบ้านของพระบิดาของเรามีห้องหลายห้อง ถ้าหากไม่มีเราก็คงไม่บอกคุณหรอกว่า เรากำลังไปเตรียมที่ไว้ให้ 3 พอเราเตรียมเสร็จแล้ว ก็จะกลับมารับคุณไปอยู่กับเรา 4 คุณก็รู้จักทางนั้นแล้วนี่ ทางที่จะนำไปถึงที่ที่เรากำลังจะไป”
5 โธมัสบอกว่า “อาจารย์ครับ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าอาจารย์จะไปไหน แล้วพวกเราจะไปรู้จักทางนั้นได้ยังไง”
6 พระเยซูบอกว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา 7 ถ้าพวกคุณรู้จักเรา คุณก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย และนับตั้งแต่นี้ไปคุณก็เป็นคนที่รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์แล้ว”
8 ฟีลิปพูดว่า “อาจารย์ ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดาหน่อยสิครับ แค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว” 9 พระเยซูจึงพูดว่า “ฟีลิป คุณน่าจะรู้จักเราแล้วนะ เพราะเราได้อยู่กับคุณมาตั้งนานแล้ว ใครก็ตามที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วย แล้วทำไมคุณยังพูดว่า ‘ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดา’ 10 คุณไม่เชื่อใช่ไหม ว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา สิ่งที่เราสอนพวกคุณ เราไม่ได้คิดเองพูดเอง แต่พระบิดาที่อยู่ในตัวเรากำลังทำงานของพระองค์ผ่านทางเรา 11 เชื่อเราสิ เมื่อเราบอกว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา หรือไม่งั้นก็ให้เชื่อในสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้ทำไป 12 เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่วางใจเราก็จะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เหมือนกับที่เราทำ และเขาจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะว่าเรากำลังจะไปหาพระบิดา 13 ดังนั้นไม่ว่าคุณจะขออะไรก็ตามในฐานะเป็นคนของเรา เราก็จะทำสิ่งนั้นให้ เพื่อที่พระบุตรจะได้แสดงความยิ่งใหญ่ของพระบิดาให้เห็น 14 เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คุณขอ เพราะคุณเป็นคนของเรา”
กิเมิล
17 ให้รางวัลกับผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
เพื่อข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่และเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์
18 โปรดเปิดตาของข้าพเจ้าให้สังเกตเห็นสิ่งน่าทึ่งทั้งหลาย
ในคำสั่งสอนของพระองค์ด้วยเถิด
19 ข้าพเจ้าอยู่ในโลกนี้แค่ชั่วคราว
ขออย่าได้ซ่อนบัญญัติต่างๆของพระองค์ไปจากข้าพเจ้าเลย
20 จิตใจของข้าพเจ้ากระหายอยากที่จะเรียนรู้
กฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์อยู่ตลอดเวลา
21 พระองค์ประณามคนที่เย่อหยิ่งจองหองพวกนั้น
พวกเขาถูกสาปแช่งเพราะหลงไปจากบัญญัติต่างๆของพระองค์
22 ข้าพเจ้ารักษากฎต่างๆของพระองค์
ดังนั้น โปรดเอาความอับอายและความอัปยศอดสูไปจากข้าพเจ้าด้วยเถิด
23 ถึงแม้เหล่าผู้นำทั้งหลายจะนั่งจับกลุ่มกันพูดใส่ร้ายข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จะยังคงใคร่ครวญอยู่กับกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
24 กฎต่างๆของพระองค์ให้ความสุขกับข้าพเจ้า
มันให้คำแนะนำดีๆกับข้าพเจ้า
ดาลิธ
25 แต่ตอนนี้ ข้าพเจ้ากำลังจะตาย
โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปตามคำสัญญาของพระองค์
26 ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องชีวิตของข้าพเจ้าให้พระองค์ฟังและพระองค์ก็ตอบมา
โปรดสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
27 ช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจคำสั่งต่างๆของพระองค์ด้วยเถิด
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใคร่ครวญถึงคำสอนอันน่าทึ่งต่างๆของพระองค์
28 ข้าพเจ้าเศร้าโศกจนหมดเรี่ยวแรงเลย
โปรดยกข้าพเจ้าขึ้น ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ด้วยเถิด
29 ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคดโกง
โปรดเมตตาให้คำสั่งสอนของพระองค์กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
30 ข้าพเจ้าเลือกหนทางแห่งความสัตย์ซื่อ
ข้าพเจ้าจดจ่อกับกฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์
31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายึดมั่นในกฎต่างๆของพระองค์
อย่าทำให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
32 ข้าพเจ้าวิ่งในทางแห่งบัญญัติต่างๆของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ขยายความเข้าใจของข้าพเจ้า
31 คนที่ฟังคำตักเตือนที่มีประโยชน์ต่อชีวิต
จะอยู่ในหมู่คนฉลาด
32 คนที่เพิกเฉยต่อคำสั่งสอน เกลียดชังตัวเอง
แต่คนที่ฟังคำตักเตือนจะได้รับความเข้าใจ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International