The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NRSVUE. Switch to the NRSVUE to read along with the audio.
สนับสนุนนักบวชและชาวเลวี
18 นักบวชชาวเลวี เผ่าเลวีทั้งหมดจะไม่มีส่วนแบ่งในที่ดินเหมือนกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆ ชาวเลวีจะกินจากพวกของขวัญที่นำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ นั่นเป็นส่วนแบ่งของพวกเลวี[a] 2 แต่เผ่าเลวีจะไม่มีส่วนแบ่งในที่ดินในหมู่พี่น้องของเขา พระยาห์เวห์คือส่วนแบ่งของพวกเขาตามที่พระองค์ได้สัญญากับเขาไว้
3 เมื่อท่านฆ่าวัวหรือแกะเพื่อเอามาเป็นเครื่องถวาย ท่านจะต้องแบ่งส่วนต่างๆพวกนี้ให้กับนักบวช คือส่วนไหล่ ส่วนแก้ม และส่วนท้อง 4 ท่านต้องให้ข้าวที่เกี่ยวชุดแรก เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน รวมทั้งขนแกะที่ตัดครั้งแรกจากแกะของท่านกับนักบวช 5 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้เลือกชาวเลวีและลูกหลานของเขาออกมาจากเผ่าทั้งหลายของท่าน เพื่อมายืนรับใช้พระยาห์เวห์ในฐานะนักบวชตลอดไป
6 ถ้าชาวเลวีคนหนึ่งจากเมืองหนึ่งของท่านมา ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตามในอิสราเอล และมายังสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์ได้เลือกไว้ เขาอยากจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ 7 เขาก็มาทำหน้าที่รับใช้ในนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาได้ เหมือนกับที่พี่น้องชาวเลวีของเขายืนอยู่ที่นั่นต่อหน้าพระยาห์เวห์ 8 พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งอาหารเท่าๆกัน นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเขาได้รับจากการขายทรัพย์สมบัติของครอบครัวเขา[b]
ชาวอิสราเอลต้องแตกต่าง
9 เมื่อท่านเข้ามาอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน ท่านต้องไม่เลียนแบบชนชาติพวกนั้นที่ทำแต่สิ่งชั่วๆ 10 อย่าเอาลูกชายและลูกสาวของท่านไปบูชายัญ อย่าให้ใครทำนายโชคชะตา โหราพยากรณ์ หรือหมอดูอนาคต อย่าให้ใครทำตัวเป็นพ่อมดหมอผี 11 หรือพยายามใช้เวทมนตร์สะกดคนอื่น และอย่าให้ใครปรึกษากับผีหรือวิญญาณ หรือพยายามพูดกับคนที่ตายไปแล้ว 12 คนที่ทำแบบนี้เป็นคนที่พระยาห์เวห์รังเกียจ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะขับไล่ชนชาติเหล่านี้ออกไปจากดินแดนนั้นต่อหน้าพวกท่าน เพราะพวกเขาทำสิ่งที่น่ารังเกียจพวกนี้ 13 ท่านต้องซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างครบถ้วน 14 เพราะชนชาติพวกนี้ที่ท่านกำลังจะขับไล่ออกไปนั้น ไปฟังพวกทำนายโชคชะตา และพวกโหราพยากรณ์ แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ยอมให้ท่านทำอย่างนั้น
ผู้พูดแทนพระเจ้าคนใหม่แทนโมเสส
15 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะส่งผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนเรา มาจากท่ามกลางพวกท่าน จากท่ามกลางพี่น้องของท่าน พวกท่านต้องเชื่อฟังเขา 16 นี่คือสิ่งที่ท่านได้ขอจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ภูเขาซีนายในวันที่ท่านได้ชุมนุมกัน ท่านพูดว่า ‘ขออย่าให้เราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอีกเลย และขออย่าให้เราเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้อีกเลย เพื่อว่าเราจะได้ไม่ตาย’
17 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘ข้อเสนอของพวกเขานั้นดี 18 เราจะส่งผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนกับเจ้า ที่มาจากพี่น้องของพวกเขาเองมาให้พวกเขา และเราจะบอกเขาว่าจะพูดอะไร และเขาจะบอกคนพวกนั้นทุกอย่างที่เราสั่งเขา 19 ใครที่ไม่เชื่อฟังคำของเราที่พูดผ่านมาทางเขานั้น เราจะเป็นคนลงโทษคนนั้นเอง’
ลักษณะผู้พูดแทนพระเจ้าปลอม
20 แต่ผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนที่บังอาจพูดในสิ่งที่เราไม่ได้สั่งให้เขาพูด แต่อ้างว่าเราพูด จะต้องตาย และผู้พูดแทนพระอื่นๆจะต้องตาย 21 ถ้าท่านนึกในใจว่า ‘แล้วพวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้มาจากพระยาห์เวห์’ 22 เมื่อผู้พูดแทนพระเจ้านั้นอ้างว่าเขาพูดแทนพระยาห์เวห์ แต่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นและมันไม่เป็นจริง ท่านก็รู้เลยว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นพูดมั่วๆเอาเอง พระยาห์เวห์ไม่ได้บอกให้เขาพูด ท่านไม่ต้องไปกลัวเขา
เมืองสำหรับลี้ภัย
(กดว. 35:9-28; ยชว. 20:1-9)
19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำลายชนชาติที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะยกให้กับท่าน และเมื่อท่านได้ขับไล่พวกเขาออกไป และเข้าไปตั้งรกรากในบ้านเมืองของพวกเขาแล้ว 2 ท่านต้องแยกสามเมืองออกมาจากดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะยกให้กับท่าน 3 ท่านต้องคำนวณระยะทางที่จะไปสามเมืองนั้น[c] และแบ่งดินแดนที่พระยาห์เวห์ยกให้กับท่านออกเป็นสามส่วน เพื่อคนที่ฆ่าคนตายจะได้หนีไปอยู่ที่นั่น
4 มีกฎอยู่ว่า คนที่ฆ่าคนอื่นตายและหนีไปอยู่ที่นั่นเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น จะต้องเป็นคนที่ฆ่าคนอื่นโดยไม่ได้เจตนา และเขาต้องไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ตายมาก่อน 5 ตัวอย่างเช่น มีคนๆหนึ่งเข้าไปตัดต้นไม้ในป่ากับเพื่อนอีกคน ตอนที่เขาเงื้อขวานขึ้นเพื่อตัดต้นไม้ เผอิญหัวขวานหลุดจากด้าม ลอยไปโดนอีกคน ทำให้เพื่อนเขาตาย เขาต้องหนีไปอยู่หนึ่งในสามเมืองนี้ เพื่อเอาชีวิตรอด 6 ไม่อย่างนั้น ญาติของคนตาย[d] จะไล่ตามคนฆ่า ถ้าระยะทางไปสามเมืองนั้นไกลเกินไป เขาก็จะจับคนฆ่านั้นได้ และด้วยความโกรธเขาก็จะฆ่าคนนั้น ทั้งๆที่คนฆ่านั้นไม่สมควรได้รับโทษถึงตาย เพราะคนฆ่านั้นไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ตายมาก่อน 7 นั่นเป็นเหตุที่เราสั่งให้ท่านแยกเมืองออกมาสามเมือง
8 แต่ถ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ขยายเขตแดนของท่านออกไป เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน และพระองค์ให้แผ่นดินทั้งหมดกับท่าน ตามที่พระองค์สัญญาว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของท่าน 9 พระองค์จะทำอย่างนี้ ถ้าท่านทำตามทุกอย่างที่เราได้สั่งท่านในวันนี้อย่างระมัดระวัง คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเดินในทางของพระองค์เสมอ เมื่อพระองค์ขยายเขตแดนของท่าน ท่านต้องหาเมืองลี้ภัยเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกสามเมือง 10 ด้วยวิธีนี้ จะได้ไม่มีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าในแผ่นดินของท่าน ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านเป็นมรดก และท่านจะได้ไม่มีความผิดเพราะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตาย
11 แต่ถ้ามีคนหนึ่งเป็นศัตรูกับอีกคนหนึ่ง แล้วคนนั้นมาดักซุ่มคอยทำร้าย หลังจากลอบตีอีกคนจนตายแล้ว ก็วิ่งหนีเข้าไปในเมืองลี้ภัยพวกนี้ 12 พวกผู้นำของเมืองที่เขาอยู่ จะต้องส่งคนไปเอาตัวเขาออกมาจากเมืองลี้ภัยนั้น และส่งเขาไปให้กับญาติของผู้ตายเพื่อเอาไปฆ่า 13 ท่านต้องไม่สงสารเขา ท่านต้องกำจัดความผิดบาปที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ให้ออกไปจากอิสราเอล เพื่อทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน
เส้นแบ่งเขตที่ดิน
14 ท่านต้องไม่โยกย้ายหลักเขตหิน ที่แบ่งเขตแดนของเพื่อนบ้านท่าน ที่คนรุ่นก่อนๆได้ปักไว้ในที่ดินที่ท่านจะได้รับ ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน
พยาน
15 พยานแค่คนเดียวไม่เพียงพอที่จะตัดสินโทษคนๆหนึ่งที่อาจจะไปทำความผิดบาปมา แต่จะต้องมีพยานสองหรือสามคนมายืนยันเรื่องนั้นถึงจะตัดสินได้
16 ถ้ามีพยานเท็จเกิดขึ้น กล่าวหาอีกคนหนึ่งอย่างผิดๆ 17 และทั้งสองคนที่ทะเลาะกันได้มาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ต่อหน้านักบวชและผู้ตัดสินที่เข้าเวรในวันนั้น 18 ผู้ตัดสินจะสอบถามอย่างละเอียด และถ้าพยานใส่ร้ายพี่น้องของเขา 19 พวกท่านต้องลงโทษเขาอย่างที่เขาวางแผนจะให้พี่น้องคนนั้นถูกลงโทษ ท่านต้องกำจัดความชั่วร้ายออกไปจากท่ามกลางท่าน 20 คนที่เหลือจะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วจะได้กลัว และพวกเขาจะได้ไม่กล้าทำสิ่งชั่วร้ายอย่างนั้นอีกในหมู่พวกท่าน 21 ท่านต้องไม่สงสารเขา ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มือต่อมือ เท้าต่อเท้า
กฎของการทำสงคราม
20 เมื่อท่านออกไปทำสงครามกับศัตรู และท่านเห็นม้าและรถรบ และกองทัพที่ใหญ่กว่ากองทัพของท่าน ไม่ต้องกลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์อยู่กับท่าน
2 เมื่อท่านเข้าใกล้สนามรบ นักบวชจะมาอยู่ข้างหน้าและพูดกับกองทัพว่า 3 ‘ชาวอิสราเอล ฟังให้ดี พวกท่านกำลังจะเข้าสู่สนามรบกับศัตรูของท่านในวันนี้ อย่าเสียกำลังใจ อย่ากลัว อย่าแตกตื่นและอย่าตกใจกลัวพวกนั้น 4 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะไปกับพวกท่าน และพระองค์จะต่อสู้กับศัตรูแทนพวกท่านและจะให้ท่านมีชัยชนะ’
5 เจ้าหน้าที่จะต้องพูดกับกองทัพว่า ‘มีใครบ้างในที่นี้ที่ได้สร้างบ้านใหม่ แต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่เลย เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบและคนอื่นจะเข้าไปอยู่แทน 6 หรือมีใครบ้างที่ปลูกองุ่นไปแล้วแต่ยังไม่ได้กินผลของมัน เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบและคนอื่นจะมากินแทน 7 หรือมีใครที่หมั้นสาวไว้แต่ยังไม่ได้แต่ง เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบ และคนอื่นจะมาแต่งงานกับนางแทน’
8 แล้วเจ้าหน้าที่จะพูดกับกองทัพว่า ‘มีใครบ้างที่ขี้ขลาดและกลัว เขาควรจะกลับบ้านไป จะได้ไม่พลอยทำให้คนอื่นกลัวไปด้วย’ 9 เมื่อเจ้าหน้าที่พูดกับกองทัพเสร็จแล้ว พวกเขาควรแต่งตั้งผู้บัญชาการเพื่อมานำกองทัพ
10 เมื่อท่านใกล้ถึงเมืองที่ท่านจะสู้รบด้วย สิ่งแรกที่ท่านต้องทำก่อน คือเสนอเงื่อนไขให้จำนน 11 ถ้าพวกเขายอมจำนน และเปิดประตูเมืองให้ท่าน ท่านต้องบังคับทุกคนที่ท่านพบในเมืองนั้นให้มาทำงานรับใช้ท่าน 12 แต่ถ้าเมืองนั้นไม่ยอมจำนน ให้ท่านล้อมเมืองนั้นไว้ 13 แล้วเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมอบเมืองนั้นไว้ในมือท่าน ท่านต้องเอาดาบฆ่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคน 14 แต่ให้จับเอาผู้หญิง เด็กๆฝูงวัว และสิ่งอื่นๆที่อยู่ในเมืองนั้น รวมทั้งของที่มีค่าทั้งหมดมาเป็นของท่านได้ และท่านก็สามารถใช้สิ่งเหล่านี้ที่เป็นของศัตรูท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้กับท่าน 15 ส่วนเมืองต่างๆที่ห่างไกลจากท่านมาก ที่ไม่ใช่เป็นของพวกชนชาติแถวนี้ ก็ให้ท่านทำแบบเดียวกัน
16 แต่ท่านต้องไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่เลยในเมืองต่างๆของคนพวกนี้ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่านเป็นมรดก 17 เพราะท่านต้องทำลายคนพวกนี้ให้สิ้นซาก คือ ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งท่านไว้ 18 เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่สอนพวกท่านให้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจที่พวกเขาได้ทำให้กับพระต่างๆของพวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกท่านทำบาปอย่างนั้นต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
19 ถ้าท่านล้อมเมืองเมืองหนึ่งอยู่หลายวัน และต่อสู้กันเพื่อจะยึดเมืองนั้น อย่าเอาขวานโค่นพวกต้นไม้ เพราะท่านอาจจะได้กินผลของพวกมัน อย่าโค่นพวกต้นไม้ลง พวกต้นไม้ในทุ่งนาเป็นคนหรือยังไงถึงต้องไปต่อสู้กับมัน 20 แต่ถ้าท่านรู้ว่าต้นไหนไม่ใช่ต้นผลไม้ ท่านก็โค่นทิ้งได้ แล้วเอาไม้พวกมันมาสร้างกำแพงป้องกันภัยจากเมืองที่ทำสงครามกับท่านอยู่ จนกว่าจะยึดเมืองนั้นได้
โมเสส เอลียาห์และพระเยซู
(มธ. 17:1-8; มก. 9:2-8)
28 หลังจากนั้นประมาณแปดวันพระองค์พาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน 29 ในขณะที่อธิษฐาน ใบหน้าของพระองค์ก็เปลี่ยนไป เสื้อผ้าพระองค์เปลี่ยนเป็นสีขาวเปล่งประกายแวววาว 30 อยู่ๆก็มีชายสองคน คือโมเสสกับเอลียาห์[a] มาพูดคุยอยู่กับพระองค์ที่นั่น 31 ทั้งสองเปล่งรัศมีเจิดจ้า พวกเขากำลังพูดถึงการตายของพระเยซูที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม 32 ส่วนเปโตรกับเพื่อนอีกสองคนนั้นง่วงมาก แต่เมื่อพวกเขาตื่นเต็มที่ ก็เห็นรัศมีอันเจิดจ้าของพระเยซู และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ 33 เมื่อชายสองคนนั้นกำลังจะไป เปโตรพูดกับพระเยซูว่า “อาจารย์ครับ ดีจังเลยที่พวกเราอยู่ที่นี่ เราจะได้สร้างเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หนึ่งหลัง โมเสสหนึ่งหลัง และเอลียาห์อีกหนึ่งหลัง” แต่เปโตรไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกไป
34 ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆลอยมาปกคลุมพวกเขาไว้ พวกเขากลัวมาก 35 มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้คือลูกของเราที่เราเลือกไว้ ให้เชื่อฟังท่าน”
36 เมื่อเสียงนั้นเงียบลง พวกเขาก็เห็นแต่พระเยซูเท่านั้น แล้วพวกศิษย์ก็เก็บเรื่องที่ได้เห็นนี้ไว้ในใจ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยในตอนนั้น
พระเยซูรักษาเด็กผู้ชายที่มีผีชั่วสิงอยู่
(มธ. 17:14-18; มก. 9:14-27)
37 วันต่อมา เมื่อพวกเขาเดินลงมาจากภูเขา ชาวบ้านกลุ่มใหญ่มาหาพระเยซู 38 ชายคนหนึ่งในฝูงชนนั้นร้องขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ช่วยลูกผมด้วย ผมมีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น 39 ผีชั่วชอบเข้าสิงเขา เขาก็จะกรีดร้องทันที บางครั้งมันก็ทำให้เด็กล้มชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และชอบทำร้ายเขาอยู่เรื่อย 40 ผมได้ขอร้องให้พวกศิษย์ของท่านขับมันออกไป แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”
41 พระเยซูจึงตอบว่า “พวกขาดความเชื่อและหัวดื้อ เราจะต้องอยู่กับพวกคุณไปอีกนานแค่ไหน เราจะต้องอดทนกับพวกคุณไปถึงไหน พาลูกคุณมานี่ซิ”
42 เมื่อเด็กนั้นกำลังเดินเข้ามา ผีชั่วก็ทำให้เขาล้มลงชักดิ้นชักงอกับพื้น พระเยซูได้ตวาดไล่ผีชั่วนั้นออกไป และรักษาเด็กคนนั้น แล้วส่งคืนให้กับพ่อของเขา 43 ทุกคนต่างพากันประหลาดใจมากถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
พระเยซูพูดถึงการตายของพระองค์
(มธ. 17:22-23; มก. 9:30-32)
ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับสิ่งที่พระเยซูทำนั้น พระองค์ก็พูดกับพวกศิษย์ว่า 44 “ตั้งใจฟังให้ดีในสิ่งที่เราจะบอก บุตรมนุษย์ จะต้องถูกจับส่งไปอยู่ในมือของมนุษย์” 45 แต่พวกศิษย์ไม่เข้าใจว่าพระองค์พูดถึงเรื่องอะไร เพราะความหมายถูกซ่อนไปจากใจของพวกเขา ก็เลยไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
คนที่สำคัญที่สุด
(มธ. 18:1-5; มก. 9:33-37)
46 พวกเขาเริ่มเถียงกันว่า ในกลุ่มพวกเขาใครจะได้เป็นใหญ่ที่สุด 47 พระเยซูรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ พระองค์จึงพาเด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆพระองค์ 48 แล้วพูดกับพวกศิษย์ว่า “คนที่ต้อนรับเด็กเล็กอย่างนี้เพราะเห็นแก่เรา คนนั้นก็ต้อนรับเรา และคนที่ต้อนรับเราก็ต้อนรับพระองค์ผู้ส่งเรามาด้วย คนที่ต่ำต้อยที่สุดในหมู่พวกคุณนั่นล่ะคือคนที่สำคัญที่สุด”
คนที่ไม่ได้ต่อต้านคุณก็อยู่ฝ่ายคุณ
(มก. 9:38-40)
49 ยอห์นพูดว่า “อาจารย์ครับ พวกเราเห็นชายคนหนึ่งขับผีชั่วออกโดยอ้างชื่อของอาจารย์ พวกเราก็เลยพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ใช่พวกเรา”
50 พระเยซูพูดกับยอห์นว่า “อย่าไปห้ามเขาเลย เพราะคนที่ไม่ได้ต่อต้านคุณก็เป็นพวกคุณอยู่แล้ว”
หนังสือเล่มที่สาม
(สดุดี 73-89)
ดูเหมือนคนชั่วได้ดีคนดีได้ชั่ว
บทเพลงสดุดีของอาสาฟ[a]
1 แน่นอน พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
คือดีต่อคนอิสราเอลเหล่านั้นที่มีจิตใจบริสุทธิ์
2 แต่เท้าของข้าพเจ้าเองเกือบลื่นล้ม
ย่างเท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นหงายหลังแล้ว
3 เพราะข้าพเจ้าเริ่มจะอิจฉาคนที่หยิ่งจองหอง
เมื่อข้าพเจ้าเห็นถึงความร่ำรวยของพวกคนชั่วเหล่านั้น
4 พวกเขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอะไรเลย
ร่างกายพวกเขาแข็งแรงและพวกเขาอยู่ดีกินดี[b]
5 พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เหมือนคนอื่น
และไม่เดือดร้อนเหมือนคนอื่น
6 ดังนั้นพวกเขาใส่ความเย่อหยิ่งเหมือนสร้อยคอ
และสวมความทารุณโหดร้ายเหมือนเสื้อผ้า
7 พวกเขาอ้วนจนตาถลน
จิตใจเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย
8 พวกเขาเย้ยหยันผู้อื่นและวางแผนการร้ายต่อผู้อื่น
พวกเขาใช้ฐานะทางสังคมที่สูงกว่าวางแผนเอาเปรียบผู้คน
9 ปากของพวกเขาพูดราวกับว่าเป็นผู้ครอบครองฟ้าสวรรค์
ลิ้นของพวกเขาพูดยังกับว่าเป็นเจ้าของโลกนี้
10 ดังนั้น แม้แต่คนของพระเจ้าก็หันไปหาพวกเขา
และยินดีทำตามที่พวกเขาบอก
11 คนหยิ่งจองหองพวกนั้นพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราทำอะไรอยู่
พระเจ้าสูงส่งนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
12 ดูเอาเถอะ คนชั่วก็เป็นอย่างนั้นแหละ
พวกเขาอยู่กันอย่างสบายๆและยังรวยเอารวยเอา
13 ดังนั้น ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “มันจะมีประโยชน์อะไร ที่ข้าพเจ้าจะต้องรักษาใจให้บริสุทธิ์
และล้างมือของข้าพเจ้าเพื่อแสดงว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
14 ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ตลอดเวลา
และถูกลงโทษทุกๆเช้าอยู่”
15 แต่ถ้าข้าพเจ้าตั้งใจที่จะพูดอย่างนั้น
ก็จะเป็นการหักหลังคนของพระองค์
16 ข้าพเจ้าพยายามอย่างหนักที่จะเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้
แต่มันยากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าได้เข้าไปยังวิหารของพระเจ้า
ตอนนั้นแหละข้าพเจ้าถึงได้เข้าใจจุดจบของพวกเขา
18 ข้าแต่พระเจ้า แน่นอน พระองค์ได้วางพวกเขาไว้บนทางลื่น
และพระองค์พร้อมที่จะให้พวกเขาตกลงไปสู่ความพินาศ
19 แล้วพวกเขาจะถูกทำลายในชั่วพริบตา
พวกเขาจะพบกับจุดจบจากความตายอันน่าสะพรึงกลัว
20 พวกเขาจะเป็นเหมือนกับฝันที่พอเราตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด
องค์เจ้าชีวิต เมื่อพระองค์ลุกขึ้นมา
พระองค์จะทำให้พวกเขาหายไปเหมือนภาพในฝันนั้น
21 เมื่อจิตใจของข้าพเจ้าขมขื่น
และความเจ็บปวดเสียบแทงเข้าในใจ
22 ตอนนั้นข้าพเจ้าช่างโง่เขลาเบาปัญญา
และสิ้นคิดเหมือนสัตว์ต่อหน้าพระองค์
23 แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์จับมือขวาของข้าพเจ้าไว้
24 พระองค์นำทางข้าพเจ้าด้วยคำชี้แนะของพระองค์
และหลังจากนั้นพระองค์จะนำข้าพเจ้าเข้าไปสู่เกียรติยศ[c]
25 ในฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าไม่มีใครเลยนอกจากพระองค์
ในโลกนี้ มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ข้าพเจ้าอยากได้
26 กายใจของข้าพเจ้าอาจอ่อนแอลง
แต่พระเจ้าคือหินกำบังแห่งจิตใจของข้าพเจ้าและเป็นมรดกของข้าพเจ้าตลอดไป
27 แต่คนเหล่านั้นที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์จะพบกับความหายนะ
เพราะพระองค์จะทำลายล้างคนเหล่านั้นที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพเจ้านั้น มันช่างดีจริงที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์
ข้าพเจ้าเอาพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัย
และข้าพเจ้าจะเล่าถึงทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
10 คนที่ทำตามใจพระเจ้า เข้าใจความต้องการของสัตว์ที่เขาเลี้ยง
แต่ความเมตตาของคนชั่ว ก็ยังเป็นความโหดเหี้ยม
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International