The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
21 ดังนั้น ชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้ตอบผู้นำตระกูลต่างๆของอิสราเอลว่า 22 “พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระองค์รู้ว่าทำไมเราถึงทำอย่างนี้ และขอให้ชาวอิสราเอลเองได้รู้ด้วย ถ้าพวกเราเป็นกบฏหรือไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์ ก็อย่าปล่อยพวกเราไว้เลยในวันนี้ 23 ถ้าพวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเพื่อที่จะเลิกติดตามพระองค์ หรือเพื่อถวายเครื่องเผาบูชา หรือถวายเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือถวายเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นนั้น ก็ขอให้พระยาห์เวห์เองลงโทษพวกเรา 24 อันที่จริงที่พวกเราได้ทำสิ่งนี้ไป ก็เพราะเกรงว่า สักวันหนึ่งในอนาคต ลูกหลานของท่านจะถามลูกหลานของเราว่า ‘เจ้ามาเกี่ยวอะไรกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลด้วย 25 พระยาห์เวห์ได้สร้างแม่น้ำจอร์แดนให้เป็นพรมแดนระหว่างพวกเรากับพวกเจ้า ชาวรูเบน และชาวกาด พวกเจ้าไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์ แล้วถ้าอย่างนั้นลูกหลานของพวกท่านอาจทำให้ลูกหลานของเราหยุดยำเกรงพระยาห์เวห์’
26 พวกเราก็เลยพูดกันว่า ให้พวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเถิด ไม่ใช่เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกท่านกับพวกเรา และระหว่างคนรุ่นต่อๆไป ว่าเราจะนมัสการพระยาห์เวห์ต่อหน้าพระองค์ ด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วในอนาคต ลูกหลานของพวกท่านก็จะไม่พูดกับลูกหลานของพวกเราว่า ‘พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพระยาห์เวห์’ 28 และพวกเราก็ได้พูดว่า ถ้าพวกเขาพูดอย่างนั้นกับเราหรือลูกหลานของเราในอนาคตแล้ว พวกเราก็จะตอบไปว่า ‘ดูแท่นบูชาจำลองของพระยาห์เวห์ที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างไว้สิ ไม่ใช่สร้างไว้สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกเรากับพวกท่าน’
29 พวกเราจะไม่มีวันกบฏต่อพระยาห์เวห์หรือหันเหไปจากการติดตามพระองค์ ด้วยการสร้างแท่นบูชาอื่น สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือเครื่องบูชาอื่น นอกจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่อยู่หน้าเต็นท์ของพระองค์”
30 เมื่อนักบวชฟีเนหัส และพวกผู้นำชุมชน คือพวกหัวหน้าตระกูลต่างๆของอิสราเอล ที่อยู่กับเขา ได้ฟังคำพูดที่ชาวรูเบน ชาวกาด และมนัสเสห์พูดแล้ว ก็รู้สึกพอใจมาก 31 นักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์จึงได้พูดกับชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ว่า “ตอนนี้พวกเราได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ยังอยู่ในท่ามกลางพวกเรา เพราะท่านไม่ได้กบฏต่อพระยาห์เวห์ในเรื่องนี้ ขณะนี้ พวกท่านได้ช่วยเหลือชาวอิสราเอลให้พ้นจากการลงโทษของพระยาห์เวห์”
32 แล้วนักบวชฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ และพวกผู้นำ กลับออกมาจากชาวรูเบนและชาวกาดในแผ่นดินกิเลอาด กลับไปยังแผ่นดินคานาอันไปหาชาวอิสราเอลและแจ้งเรื่องต่างๆให้พวกเขารู้ 33 เรื่องนั้นทำให้ชาวอิสราเอลดีใจ พวกเขาต่างสรรเสริญพระเจ้า และไม่พูดเรื่องการทำสงครามกับคนสองเผ่านั้น เพื่อที่จะทำลายล้างแผ่นดินที่ชาวรูเบนและชาวกาดอาศัยอยู่
34 ชาวรูเบนและชาวกาดได้เรียกแท่นบูชานั้นว่า “แท่นนี้เป็นพยานระหว่างเราว่า พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้า”
คำอำลาของโยชูวาต่อประชาชน
23 เมื่อผ่านไปหลายปี และพระยาห์เวห์ได้ให้ชาวอิสราเอลอยู่อย่างสงบสุข ไม่มีอันตรายจากศัตรูรอบด้าน และโยชูวาก็แก่มากแล้ว 2 โยชูวาได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งหมด พวกผู้ใหญ่ ผู้นำ ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายให้มาชุมนุมพร้อมกัน เขาได้พูดกับพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าก็แก่มากแล้ว 3 และพวกท่านเองก็ได้เห็นสิ่งต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำกับชนชาติทั้งหมดเหล่านี้เพื่อพวกท่านแล้ว เพราะเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่ได้ต่อสู้เพื่อพวกท่าน 4 อย่าลืมว่า ข้าพเจ้าได้จับสลากแบ่งแผ่นดินของชนชาติที่เหลืออยู่นี้ให้เป็นมรดกกับเผ่าต่างๆของพวกท่าน รวมกับแผ่นดินของชนชาติทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเอาชนะไปแล้ว ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดน ไปทางทิศตะวันตก จนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 5 พระยาห์เวห์เองที่เป็นพระเจ้าของพวกท่านจะขับไล่พวกเขาไปจากหนทางของท่าน และพระองค์จะผลักดันพวกเขาออกไปต่อหน้าท่าน และท่านจะได้ยึดครองดินแดนของเขาเหล่านั้นตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สัญญาไว้
6 ให้ตั้งมั่นคงในการเชื่อฟังทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือกฎ[a] ของโมเสสอย่างเคร่งครัด โดยไม่หันซ้ายหันขวา 7 เพื่อว่าท่านจะไม่ไปคบหากับชนชาติเหล่านี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ในหมู่พวกท่าน หรือไปออกชื่อบรรดาพระของพวกเขา หรือสาบานในนามของพระของพวกเขา หรือไปรับใช้หรือกราบไหว้พระเหล่านั้น 8 ท่านต้องผูกพันกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างที่ทำมาจนถึงทุกวันนี้
9 พระยาห์เวห์ได้ขับไล่พวกชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจไปต่อหน้าท่าน และไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านพวกท่านได้จนถึงทุกวันนี้ 10 คนเดียวจากพวกท่านสามารถเอาชนะศัตรูเป็นพันคนได้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านต่อสู้เพื่อท่านตามที่พระองค์ให้สัญญาไว้ 11 ดังนั้นให้ระวังตัวให้ดีที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
12 แต่ถ้าพวกท่านหันเหไปและไปผูกพันกับผู้รอดชีวิตจากชนชาติเหล่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่าน และถ้าพวกท่านไปแต่งงานกับพวกเขา หรือไปคบหาติดต่อกัน 13 พวกท่านควรรู้ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะไม่ขับไล่คนเหล่านั้นไปจากหน้าพวกท่านอีกต่อไป พวกเขาจะเป็นเหมือนบ่วงและกับดักจับพวกท่าน เป็นหอกข้างแคร่[b] และเป็นหนามยอกตาของพวกท่าน จนกว่าพวกท่านพินาศไปจากแผ่นดินที่ดีนี้ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้มอบไว้ให้กับพวกท่าน
14 ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังจะตายแล้ว และพวกท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีคำสัญญาดีๆอันไหนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้ไว้กับท่าน แล้วต้องล้มเหลวไป ทุกอย่างสำเร็จหมด ไม่มีแม้แต่สิ่งเดียวที่ล้มเหลว 15 อย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เคยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี ที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่าน เกิดขึ้นจริง พระยาห์เวห์ก็สามารถนำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่พระองค์ได้เตือนท่านแล้ว ให้เกิดขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน จนกว่าพระองค์จะทำลายพวกท่านไปจากแผ่นดินที่ดีนี้ ที่พระองค์ได้มอบให้กับพวกท่าน 16 ถ้าท่านไม่รักษาข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่พระองค์ได้สั่งท่านไว้ และไปรับใช้พระอื่นๆแล้วไปกราบไหว้พระเหล่านั้น ความโกรธเกรี้ยวของพระยาห์เวห์ก็จะเผาผลาญพวกท่าน และพวกท่านจะพินาศไปอย่างรวดเร็วจากแผ่นดินที่ดีที่พระองค์ได้ให้ไว้กับพวกท่าน”
ชาวสะดูสีพยายามจับผิดพระเยซู
(มธ. 22:23-33; มก. 12:18-27)
27 มีพวกสะดูสีบางคนมาหาพระเยซู พวกนี้ไม่เชื่อว่าคนตายแล้วจะฟื้นขึ้นจากความตาย เขาถามพระองค์ว่า 28 “อาจารย์ครับ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าชายคนไหนตายและทิ้งเมียไว้โดยยังไม่มีลูก ก็ให้น้องชายของคนตายแต่งกับหญิงม่ายคนนั้น จะได้มีลูกไว้สืบสกุลให้กับพี่ชายของเขา 29 ครั้งหนึ่งมีพี่น้องอยู่เจ็ดคน พี่ชายคนโตแต่งงาน แล้วตายไปแต่ยังไม่มีลูก 30 น้องคนที่สองก็ได้แต่งกับหญิงม่ายนั้น แต่เขาก็ตายไปและยังไม่มีลูกเหมือนกัน 31 น้องคนที่สามก็ทำแบบเดียวกัน และในที่สุด พี่น้องทั้งเจ็ดคนนี้ก็ได้แต่งงานกับหญิงนั้น แล้วพวกเขาก็ตายโดยไม่มีลูกสักคน 32 ต่อมาหญิงคนนั้นก็ตายด้วย 33 ช่วยบอกหน่อยสิว่า ในวันที่ทุกคนฟื้นขึ้นจากความตายนั้น ผู้หญิงคนนี้จะเป็นภรรยาของใคร ในเมื่อทั้งเจ็ดคนนั้นก็เคยเป็นสามีของเธอ”
34 พระเยซูจึงตอบว่า “คนในโลกนี้เท่านั้นที่แต่งงานกัน และยกให้เป็นผัวเมียกัน 35 ส่วนในโลกหน้า คนที่เหมาะสมที่จะได้อยู่ที่นั่นและฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว จะไม่แต่งงานกัน หรือยกให้เป็นผัวเมียกันอีกต่อไปแล้ว 36 เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตายอีกครั้ง แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นลูกของพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะทำให้เขาฟื้นขึ้นจากความตาย
37 เรื่องการฟื้นขึ้นจากความตายนี้ ขนาดโมเสสก็ยังพูดถึงเลย ตอนที่เขาเขียนเรื่องพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ[a] เขาได้เรียกองค์เจ้าชีวิตว่า ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’[b] 38 พระเจ้าเป็นพระเจ้าของคนมีชีวิต ไม่ใช่ของคนตาย เพราะสำหรับพระเจ้าแล้วทุกคนยังมีชีวิตอยู่”
39 พวกครูสอนกฎปฏิบัติบางคนชมพระเยซูว่า “อาจารย์ พูดได้เยี่ยมมากเลยครับ” 40 แล้วก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรพระเยซูอีกเลย
พระคริสต์เป็นลูกของดาวิดหรือ
(มธ. 22:41-46; มก. 12:35-37)
41 พระเยซูถามว่า “คุณพูดได้ยังไงว่า พระคริสต์เป็นลูกของดาวิด 42 ทั้งๆที่ตัวดาวิดเองพูดในหนังสือสดุดีว่า
‘พระเจ้าได้พูดกับองค์เจ้าชีวิตของผมผู้เป็นพระคริสต์ว่า
นั่งลงทางขวามือของเรา
43 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่วางเท้าของท่าน’[c]
44 แม้แต่ดาวิดยังเรียกพระคริสต์ว่าเป็นองค์เจ้าชีวิตเลย แล้วพระคริสต์จะเป็นลูกของดาวิดได้ยังไง”
พระเยซูต่อว่าพวกครูสอนกฎปฏิบัติ
(มธ. 23:1-36; มก. 12:38-40; ลก. 11:37-54)
45 ขณะที่ฝูงชนกำลังฟังอยู่นั้น พระเยซูก็หันไปพูดกับพวกศิษย์ว่า 46 “ระวังพวกครูสอนกฎปฏิบัติให้ดี พวกนี้ชอบใส่เสื้อคลุมยาวๆเดินไปมาให้คนคำนับตามท้องตลาด และชอบนั่งในที่สำคัญๆในที่ประชุม และชอบนั่งที่หัวโต๊ะในงานเลี้ยงต่างๆ 47 พวกเขามักจะโกงเอาบ้านของหญิงม่าย และแกล้งอธิษฐานซะยืดยาวเพื่ออวดคน คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักกว่าคนที่ไม่ได้ทำอย่างนั้น”
14 อาณาจักรของพระองค์ตั้งอยู่บนความดีงามและความยุติธรรม
ความจงรักภักดีและความเชื่อถือได้เดินแถวอยู่ตรงหน้าพระองค์
15 คนเหล่านั้นที่เรียนรู้ที่จะร้องสรรเสริญพระองค์ มีเกียรติจริงๆ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดำเนินชีวิตในความสว่างที่ส่องออกมาจากใบหน้าของพระองค์
16 พวกเขาชื่นชมยินดีที่จะสรรเสริญชื่อของพระองค์ตลอดทั้งวัน
พวกเขาได้รับชัยชนะเนื่องจากความยุติธรรมของพระองค์
17 เพราะพระองค์เป็นพละกำลังอันทรงเกียรติของพวกเขา
และพวกเราได้รับชัยชนะ[a] เมื่อพระองค์พอใจพวกเรา
18 เพราะโล่กำบัง[b] ของพวกเรามาจากพระยาห์เวห์
กษัตริย์ของพวกเรามาจากองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล[c]
19 ครั้งหนึ่ง พระองค์พูดในนิมิตกับพวกที่สัตย์ซื่อกับพระองค์ว่า “เราได้ให้ความช่วยเหลือกับนักรบคนหนึ่ง
เรายกย่องคนหนุ่มคนหนึ่งจากคนธรรมดาทั่วไป
20 เราพบดาวิด ผู้รับใช้ของเรา
และเราเจิมเขาด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
21 มือของเราจะค้ำจุนเขาไว้
แขนของเราจะทำให้เขาแข็งแรง
22 พวกศัตรูของเขาจะไม่ชนะเขาด้วยเล่ห์เพทุบาย
ไม่มีทางที่คนชั่วจะสามารถชนะเขาได้
23 เราจะบดขยี้ศัตรูของเขาต่อหน้าเขา
เราจะฟาดคนเหล่านั้นที่เกลียดชังเขาให้ล้มลง
24 ความสัตย์ซื่อและความรักมั่นคงของเราจะคงอยู่กับเขา
และเขาจะได้รับชัยชนะจากฤทธิ์อำนาจของเรา
25 เราจะแผ่ขยายอำนาจของเขาให้อยู่เหนือทะเลและแม่น้ำ[d]
26 เขาจะพูดกับเราว่า ‘พระองค์คือพ่อของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าและหินกำบังที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด’
27 เราจะให้เขาเป็นลูกชายหัวปีของเรา
เป็นผู้สูงสุดเหนือกษัตริย์ทั้งปวงบนโลกนี้
28 ความรักมั่นคงของเราจะอยู่กับเขาตลอดไป
ข้อตกลงระหว่างเรากับเขาจะมั่นคง
29 เราจะตั้งราชวงศ์ของเขาไว้ตลอดไป
อาณาจักรของเขาจะคงอยู่ต่อไปนานตราบเท่ากับฟ้าสวรรค์
30 ถึงแม้ลูกหลานของเขาจะละทิ้งกฎของเรา
และไม่เชื่อฟังกฎระเบียบของเรา
31 ถึงแม้พวกเขาจะละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆของเรา
และไม่รักษาคำสั่งต่างๆของเรา
32 แล้วเราจะลงโทษพวกเขาสำหรับความผิดต่างๆของเขา
และหวดเขาสำหรับความผิดบาปของเขา
33 แต่เราก็จะไม่มีวันเอาความรักมั่นคงของเราไปจากดาวิด
เราจะไม่มีวันหักหลังหรือไม่สัตย์ซื่อต่อเขา
34 เราจะไม่มีวันละเมิดคำมั่นสัญญาที่เราทำกับเขา
เราจะไม่มีวันกลับคำพูดในสิ่งที่เราสัญญากับเขา
35 เราได้สาบานครั้งเดียวตลอดไปโดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นประกัน
และเราจะไม่โกหกดาวิด
36 ราชวงศ์ของเขาจะคงอยู่ตลอดไป
บัลลังก์ของเขาจะคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไปเหมือนดวงอาทิตย์
37 มันจะคงอยู่ตลอดไปเหมือนดวงจันทร์
มันจะมั่นคงเหมือนท้องฟ้า” เซลาห์
17 ผู้ส่งข่าวที่พึ่งไม่ได้จะนำความเดือดร้อนมาให้
แต่ผู้ส่งข่าวที่เชื่อถือได้จะนำการเยียวยามาให้
18 คนที่ไม่สนใจคำตักเตือน จะยากจนและเสียหน้า
แต่คนที่ยอมรับคำตักเตือน จะเป็นที่นับถือ
19 ความหวังที่เป็นจริง จะหวานชื่นใจ
แต่การทิ้งความชั่ว เป็นรสชาติที่จืดชืดไม่เอาไหนสำหรับคนโง่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International