The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
ดินแดนของเอฟราอิม และมนัสเสห์
16 ที่ดินที่ได้จับสลากแบ่งให้กับลูกหลานของโยเซฟ เริ่มจากแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยริโค ทางทิศตะวันออกของตาน้ำเยริโค เข้าไปในทะเลทราย แล้วจากเมืองเยริโคขึ้นไปถึงแถบเนินเขาเบธเอล 2 จากเมืองเบธเอลไปถึงลูส และข้ามไปถึงเมืองอาทาโรทตรงเขตแดนของชาวอารคี 3 จากนั้น ก็ลงไปทางตะวันตก จนถึงเขตแดนของชาวยาเฟล็ท ไกลออกไปถึงพรมแดนของเมืองเบธโฮโรนล่างและถึงเมืองเกเซอร์ และไปสิ้นสุดที่ทะเล
4 ลูกหลานของโยเซฟคือ ชนเผ่ามนัสเสห์ และชนเผ่าเอฟราอิม ได้รับมรดกที่ดินของพวกเขา
5 เขตแดนของที่ดินที่เป็นมรดกของชนเผ่าเอฟราอิมตามตระกูลต่างๆของเขา เขตแดนมรดกด้านตะวันออกเริ่มจากเมืองอาทาโรทอัดดาร์ไกลไปถึงส่วนบนของเบธโฮโรน 6 ส่วนเขตแดนด้านตะวันตกเริ่มจากเมืองมิคเมธัทที่อยู่ทางเหนือเลี้ยวไปทางเมืองทาอานัทชิโลห์ แล้วอ้อมผ่านไปทางตะวันออกของเมืองยาโนอาห์ 7 มันลงจากยาโนอาห์ไปถึงเมืองอาทาโรทและเมืองนาอาราห์ไปจนติดเมืองเยริโค และสิ้นสุดที่แม่น้ำจอร์แดน 8 จากทัปปูวาห์ เส้นเขตแดนไปทางตะวันตกถึงลำธารคานาห์ และมาสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่คือมรดกชนเผ่าเอฟราอิม ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา 9 รวมทั้งเมืองต่างๆซึ่งได้แบ่งแยกไว้ให้คนเอฟราอิมในดินแดนที่เป็นมรดกของคนมนัสเสห์ คือทั้งเมืองและชนบทของเมืองนั้นๆ 10 แต่พวกเขาไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป ดังนั้นชาวคานาอันจึงได้อาศัยอยู่กับชนเผ่าเอฟราอิมมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พวกเขาก็ถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาส
17 แล้วก็มีการแบ่งที่ดินให้แก่ชนเผ่ามนัสเสห์ เพราะเขาเป็นลูกชายคนแรกของโยเซฟ เมืองกิเลอาดและเมืองบาชานเป็นของชาวมาคีร์อยู่แล้ว มาคีร์เป็นลูกชายคนแรกของมนัสเสห์ และเป็นพ่อของกิเลอาด ชาวกิเลอาดเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ 2 ดังนั้น ที่ดินได้ถูกแบ่งให้กับชาวมนัสเสห์ที่เหลือ ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา ลูกหลานของอาบีเยเซอร์ เฮเลค อัสรีเอล เชเคม เฮเฟอร์ และเชมิดา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานผู้ชายของมนัสเสห์ ลูกชายของโยเซฟตามตระกูลต่างๆของเขา
3 เศโลเฟหัดลูกชายของเฮเฟอร์ ผู้เป็นลูกชายของกิเลอาด ซึ่งเป็นลูกชายของมาคีร์ ที่เป็นลูกชายของมนัสเสห์นั้นไม่มีลูกชายมีแต่ลูกสาว และนี่คือชื่อลูกสาวของเขา คือมาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ 4 พวกเขาเข้ามาหานักบวชเอเลอาซาร์ โยชูวาลูกชายนูน และบรรดาผู้นำแล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสให้มอบมรดกที่ดินให้กับพวกเรา พร้อมๆกับญาติๆผู้ชายของพวกเรา” ดังนั้น โยชูวาจึงยกที่ดินให้กับพวกนางพร้อมๆกับพี่น้องของพ่อพวกนางตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้
5 ชนเผ่ามนัสเสห์จึงได้รับส่วนแบ่งที่ดินสิบส่วน นอกเหนือจากดินแดนกิเลอาด และบาชาน บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 เพราะลูกหลานที่เป็นผู้หญิงของมนัสเสห์ได้รับที่ดินด้วย แต่แผ่นดินกิเลอาดเป็นของลูกหลานกลุ่มอื่นของเผ่ามนัสเสห์
7 เขตแดนของมนัสเสห์ขยายจากอาเชอร์ไปถึงมิคเมธัทซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับเมืองเชเคม แล้วเส้นเขตแดนก็ลงไปทางทิศใต้ถึงที่อยู่อาศัยของชาวเอนทัปปูวาห์ 8 แผ่นดินของทัปปูวาห์เป็นของมนัสเสห์ แต่ตัวเมืองทัปปูวาห์ตรงพรมแดนมนัสเสห์เป็นของชาวเอฟราอิม 9 แล้วเส้นเขตแดนก็ลงไปถึงหุบเขาลึกคานาห์ เมืองต่างๆเหล่านี้ที่อยู่ทางตอนใต้ของหุบเขาลึก ท่ามกลางเมืองต่างๆของเผ่ามนัสเสห์ เป็นของเผ่าเอฟราอิม แต่พรมแดนของมนัสเสห์อยู่ทางเหนือของหุบเขาลึก และไปสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 10 แผ่นดินทางใต้เป็นของเอฟราอิม ทางเหนือเป็นของมนัสเสห์ และมีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นพรมแดนทางทิศตะวันตกของมนัสเสห์ ทางเหนือไปติดอาเชอร์ และทางตะวันออกติดอิสสาคาร์
11 มนัสเสห์ยังมีเมืองต่างๆอยู่ในเขตแดนของอิสสาคาร์และอาเชอร์ คือเมืองเบธชาน เมืองอิบเลอัม เมืองโดร์ เมืองเอนโดร์ เมืองทาอานาค เมืองเมกิดโด และเมืองเล็กๆที่อยู่ล้อมรอบพวกมัน เมืองที่สามนั้นมีอีกชื่อหนึ่งว่า นาโฟท (โดร์) 12 แต่ชนเผ่ามนัสเสห์ไม่สามารถยึดครองเมืองเหล่านี้ได้ เพราะชาวคานาอันยังขืนที่จะอาศัยอยู่ในเขตแดนนั้นต่อไป 13 เมื่อชาวอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น พวกเขาได้บังคับชาวคานาอันให้ทำงานให้กับพวกเขา แต่ไม่ได้ขับไล่พวกคานาอันออกไปจนหมด
14 คนเผ่าโยเซฟได้พูดกับโยชูวาว่า “ทำไมท่านถึงให้ส่วนแบ่งพวกเราแค่ส่วนเดียวเป็นมรดก ทั้งๆที่เรามีคนเป็นจำนวนมาก เพราะพระยาห์เวห์ได้อวยพรให้กับพวกเราตลอดมานี้”
15 โยชูวาตอบว่า “ถ้าพวกเจ้ามีคนจำนวนมาก ก็ให้ขึ้นไปที่ป่าไปแผ้วถางป่าเอาเองในที่ดินของคนเปริสซี และคนเรฟาอิม เพราะที่แถบเนินเขาของคนเอฟราอิมคับแคบเกินไปสำหรับพวกเจ้า”
16 คนเผ่าโยเซฟพูดว่า “แถบเนินเขาไม่เพียงพอสำหรับพวกเรา แต่ในหุบเขานั้น ก็มีชาวคานาอันอาศัยอยู่ และพวกเขาก็มีรถรบ ที่ทำจากเหล็ก ทั้งในเบธชานกับหมู่บ้านของมัน และตามหมู่บ้านที่คนเหล่านั้นอาศัยอยู่ในหุบเขายิสเรเอล”
17 ดังนั้น โยชูวาจึงพูดกับครอบครัวของโยเซฟซึ่งก็คือเผ่าเอฟราอิมและเผ่ามนัสเสห์ว่า “พวกท่านมีผู้คนเป็นจำนวนมาก และมีกำลังเข้มแข็ง พวกท่านจะไม่ได้ส่วนแบ่งแค่ส่วนเดียว 18 แต่ที่แถบเนินเขาจะเป็นของพวกท่านด้วย ถึงแม้มันจะเป็นป่า พวกท่านแผ้วถางมันและยึดครองมันไปจนสุดเขตเถิด พวกท่านจะขับไล่ชาวคานาอันออกไป แม้ว่าพวกเขาจะมีรถรบทำด้วยเหล็กและพวกเขาจะเข้มแข็งก็ตาม”
การแบ่งแผ่นดินที่เหลือ
18 ชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดมาประชุมกันที่ชิโลห์และตั้งเต็นท์นัดพบกันที่นั่น ในตอนนั้น แผ่นดินได้ตกอยู่ในครอบครองของพวกเขาแล้ว 2 แต่ยังคงมีชาวอิสราเอลอีกเจ็ดเผ่า ที่ยังไม่ได้รับมรดกเป็นส่วนแบ่งของพวกเขา
3 ดังนั้นโยชูวาจึงพูดกับชาวอิสราเอลว่า “พวกเราจะรอไปอีกนานแค่ไหน กว่าจะเข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านได้มอบให้แก่พวกท่าน 4 ให้เลือกคนมาเผ่าละสามคน ข้าพเจ้าจะส่งพวกเขาให้เดินทางไปสำรวจทั่วแผ่นดินนั้น และจดรายละเอียดของแผ่นดินนั้นมา ตามมรดกที่แต่ละเผ่าได้รับ และนำกลับมาให้ข้าพเจ้า 5 พวกเขาจะแบ่งมันออกเป็นเจ็ดส่วน ชนเผ่ายูดาห์จะยังคงอยู่ในเขตแดนของเขาทางตอนใต้ และครอบครัวของโยเซฟจะคงอยู่ในเขตแดนทางเหนือ 6 ให้พวกท่านเขียนรายละเอียดของที่ดินทั้งเจ็ดส่วน และนำมันกลับมาให้ข้าพเจ้าที่นี่ และข้าพเจ้าจะจับสลากแบ่งให้ท่านที่นี่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา 7 แต่ชาวเลวีจะไม่ได้รับส่วนแบ่งในหมู่พวกท่านทั้งหลาย เพราะฐานะนักบวชของพระยาห์เวห์ก็คือมรดกของพวกเขาอยู่แล้ว ส่วนชนเผ่ากาด รูเบน และเผ่ามนัสเสห์ครั้งหนึ่งก็ได้รับมรดกของพวกเขาที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแล้ว ซึ่งโมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้พวกเขาไว้”
8 ดังนั้น คนเหล่านั้นจึงออกเดินทาง โยชูวากำชับพวกเขาให้จดรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินว่า “ให้เดินทางไปให้ทั่วทั้งแผ่นดินและจดรายละเอียดของมันและกลับมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะจับสลากให้กับพวกท่านที่นี่ ต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่ชิโลห์”
9 จากนั้น คนเหล่านี้ก็ออกเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดินนั้น และได้จดบันทึกรายละเอียดของแผ่นดินลงในหนังสือเกี่ยวกับเมืองต่างๆในเจ็ดส่วนนั้น แล้วพวกเขาจึงกลับมาหาโยชูวาที่ค่ายชิโลห์ 10 และโยชูวาก็ได้จับสลากให้กับพวกเขาที่ชิโลห์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ โยชูวาได้แบ่งที่ดินให้กับชาวอิสราเอลตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า
ที่ดินสำหรับชนเผ่าเบนยามิน
11 สลากอันแรกตกเป็นของเผ่าเบนยามิน ตามตระกูลต่างๆของเผ่านั้น พวกเขาได้ที่ดินที่อยู่ระหว่างชนเผ่ายูดาห์และโยเซฟ 12 พรมแดนทางเหนือเริ่มต้นที่แม่น้ำจอร์แดน และขึ้นไปถึงสันเขาทางตอนเหนือของเมืองเยริโค และมันก็ขึ้นไปถึงแถบเนินเขาทางตะวันตก และไปสิ้นสุดที่ทะเลทรายเบธาเวน 13 จากที่นั่นพรมแดนก็อ้อมไปถึงเมืองลูส ไปถึงสันเขาเมืองลูส (เรียกอีกอย่างว่าเบธเอล) แล้วเส้นพรมแดนก็ลงไปจนถึงอาทาโรทอัดดาร์ บนภูเขาซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองเบธโฮโรนล่าง 14 พรมแดนก็หักโค้งไปทางตะวันตก อ้อมลงไปทางใต้จากภูเขาที่อยู่ทางใต้ของเบธโฮโรน และไปสิ้นสุดที่คิริยาทบาอัล (คือคิริยาทเยอาริม) เมืองนี้เป็นของชนเผ่ายูดาห์ นี่คือพรมแดนทางตะวันตก
15 ทางด้านใต้ เริ่มที่ชานเมืองคิริยาทเยอาริมไปตามลำธารจนถึงตาน้ำของเนฟโทอาห์ 16 ลงไปถึงเชิงเขาที่อยู่ตรงข้ามหุบเขาลูกชายฮินโนม ซึ่งอยู่ทางเหนือของหุบเขาเรฟาอิม และมันก็ลงไปที่หุบเขาฮินโนม ใต้สันเขาของชาวเยบุสแล้วจึงลงไปที่เมืองเอนโรเกล 17 จากนั้น มันก็หักโค้งขึ้นเหนือไปตามลำธารจนถึงเมืองเอนเชเมช และก็ไปตามลำธารจนไปออกที่เกลีโลท ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางข้ามเขาชื่ออดุมมิม แล้วลงไปถึงก้อนหินของโบฮันซึ่งเป็นลูกชายของรูเบน 18 แล้วเส้นเขตแดนก็อ้อมขึ้นไปทางเหนือถึงสันเขาที่หันหน้าเข้าหาหุบเขาจอร์แดน แล้วก็ลงไปที่หุบเขาจอร์แดน 19 พรมแดนได้อ้อมขึ้นไปที่สันเขาทางด้านเหนือของเบธฮกลาห์ และมาสิ้นสุดที่อ่าวด้านเหนือของทะเลเกลือที่ตอนใต้สุดของแม่น้ำจอร์แดน นี่คือเขตแดนทางด้านใต้
20 แม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนทางตะวันออก นี่คือเขตแดนที่เป็นมรดกของตระกูลต่างๆของเผ่าเบนยามินในทุกด้าน 21 เมืองต่างๆที่เป็นของชนเผ่าเบนยามินที่แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา คือ เยริโค เบธฮกลาห์ เอเมคเคซีส 22 เบธอาราบาห์ เศมาราอิม เบธเอล 23 อัฟวิม ปาราห์ โอฟราห์ 24 เคฟาอัมโมนี โอฟนี เกบา รวมเป็นสิบสองเมือง พร้อมกับชนบทรอบๆเมืองเหล่านั้น
25 กิเบโอน รามาห์ เบเอโรท 26 มิสปาห์ เคฟีราห์ โมซาห์ 27 เรเคม อิรเปเอล ทาระลาห์
28 เศลา หะเอเลฟ เยบุส (เยรูซาเล็ม) กิเบอาห์ และคิริยาท รวมเป็นสิบสี่เมืองและชนบทรอบๆเมืองเหล่านั้น นี่คือมรดกของชนเผ่าเบนยามินที่แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา
ศักเคียสคนเก็บภาษีอยากเห็นพระเยซู
19 พระเยซูเดินเข้าไปในเมืองเยริโค 2 มีชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี[a] ที่ร่ำรวยมาก 3 เขาอยากจะดูว่าพระเยซูเป็นใคร แต่เขามองไม่เห็น เพราะตัวเตี้ยและคนแน่นมาก 4 เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าพระเยซู แล้วปีนขึ้นไปดักคอยพระองค์อยู่บนต้นมะเดื่อ 5 เมื่อพระเยซูเดินมาถึง พระองค์ก็เงยขึ้นไปพูดกับศักเคียสว่า “ศักเคียส รีบลงมาเร็ว เราต้องไปพักที่บ้านคุณวันนี้”
6 เขารีบลงมา และพาพระองค์ไปบ้านของเขาด้วยความดีใจ 7 ทุกคนที่เห็นอย่างนั้น ก็บ่นกันว่า “เขาไปเป็นแขกในบ้านของคนบาปได้ยังไง”
8 ในวันนั้นศักเคียสลุกขึ้นบอกองค์เจ้าชีวิตว่า “อาจารย์ ผมจะบริจาคทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของผมให้กับคนจน และถ้าผมได้โกงใครมา ผมยินดีจะคืนให้เขาถึงสี่เท่า”
9 พระเยซูจึงพูดถึงเขาว่า “วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะเขาก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมด้วยเหมือนกัน 10 บุตรมนุษย์ มาก็เพื่อเรื่องนี้แหละคือเพื่อค้นหาและช่วยคนที่หลงหายให้รอด”
กษัตริย์กับทาสสิบคน
(มธ. 25:14-30)
11 ขณะที่พวกเขากำลังฟังเรื่องต่างๆนี้ พระเยซูก็เล่าเรื่องเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งให้ฟัง เพราะเกือบจะถึงเมืองเยรูซาเล็มแล้วและพวกชาวบ้านคิดว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะปรากฏให้เห็นในเร็วๆนี้ 12 พระองค์เล่าว่า “มีเชื้อพระวงศ์องค์หนึ่งกำลังจะเดินทางไปแดนไกลเพื่อไปรับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ แล้วเขาจะกลับมา 13 ก่อนไป เขาก็เรียกทาสมาสิบคน มอบเงินให้สิบมินา[b] และสั่งว่า ‘เอาไปทำการค้าจนกว่าเราจะกลับมา’ 14 แต่คนเมืองนั้นเกลียดเขา จึงส่งตัวแทนตามหลังเขาไปเพื่อบอกว่า ‘เราไม่อยากได้คนนี้มาเป็นกษัตริย์ของพวกเรา’
15 แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ และได้เดินทางกลับมา เขาเรียกพวกทาสที่เขาฝากเงินมาพบ เพราะอยากรู้ว่าพวกเขาทำกำไรได้เท่าไหร่ 16 คนแรกมาถึงและบอกว่า ‘เจ้านายครับ เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมเอาไปทำกำไร ได้สิบมินาครับ’ 17 เจ้านายชมเขาว่า ‘เยี่ยมมาก เจ้าเป็นทาสที่ดี ไว้ใจได้แม้แต่เรื่องเล็กๆเราจะให้เจ้าดูแลเมืองสิบเมือง’ 18 ทาสคนที่สองก็เข้ามาหาและบอกว่า ‘เจ้านายครับ เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมเอาไปทำกำไรได้ห้ามินา’ 19 เขาก็บอกทาสคนนั้นว่า ‘เราจะให้เจ้าดูแลห้าเมือง’ 20 แล้วทาสอีกคนหนึ่งก็เข้ามาพบและบอกว่า ‘เจ้านายครับ นี่เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมได้เอาผ้าห่อเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย 21 เพราะกลัวที่ท่านเป็นคนที่โหดร้ายทารุณ ชอบยึดเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง และชอบเอาเปรียบคนอื่นโดยเก็บเกี่ยวในสิ่งที่ตนเองไม่ได้หว่าน’ 22 นายผู้นั้นจึงด่าว่า ‘ไอ้ทาสชาติชั่ว เราจะลงโทษเจ้า ตามคำพูดของเจ้า ถ้าเจ้ารู้ว่า เราเป็นคนเข้มงวด ชอบยึดของของคนอื่นและชอบเอาเปรียบ 23 แล้วทำไมถึงไม่เอาเงินไปฝากธนาคาร เมื่อเรากลับมาจะได้รับทั้งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย’ 24 แล้วเขาก็สั่งพวกทาสที่ยืนอยู่ตรงนั้นว่า ‘เอาเงินที่เขามี ไปให้คนที่มีสิบมินานั่น’ 25 พวกเขาจึงพูดว่า ‘เจ้านาย เขามีตั้งสิบมินาแล้วนะ’ 26 เจ้านายตอบว่า ‘เราจะบอกให้รู้ว่า “คนที่ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ก็จะได้รับเพิ่มมากขึ้น แต่คนที่ไม่ได้ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ทุกสิ่งที่เขามีก็จะถูกริบไปจนหมดด้วย” 27 แล้วไปจับพวกที่เป็นศัตรูของเราที่ไม่อยากให้เราเป็นกษัตริย์มาฆ่าต่อหน้าเราที่นี่’”
ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย
บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์
1 พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
2 พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
3 เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์
4 พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[a]
5 ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
“ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
6 เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์
7 ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
“ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”
11 ความมั่งคั่งที่ได้มาจากการฉ้อโกง จะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ
แต่คนที่สะสมความมั่งคั่งจากการทำงานหนัก จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International