The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
10 ในที่สุด คนรุ่นนั้นทั้งหมดก็ถูกรวบรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของพวกเขา และมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนพวกเขา คนรุ่นใหม่นี้ไม่มีประสบการณ์กับพระยาห์เวห์ หรือสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับคนอิสราเอล 11 คนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ และไปรับใช้พวกพระบาอัล 12 พวกเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา พระเจ้าที่นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาไปติดตามพระอื่นๆที่เป็นพวกพระของชนชาติที่อยู่รอบข้างพวกเขา และกราบไหว้พระเหล่านั้น ทำให้พระยาห์เวห์โกรธ
13 พวกเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ และไปรับใช้พระบาอัลและพวกพระอัชทาโรท 14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงโกรธคนอิสราเอล พระองค์จึงยกพวกอิสราเอลให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของโจร โจรได้มาปล้นทรัพย์สินของพวกเขา และขายพวกเขาให้ไปอยู่ในมือของพวกศัตรูที่อยู่รอบด้านพวกเขา และพวกเขาก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้พวกศัตรูของพวกเขาได้ 15 ทุกครั้งที่พวกอิสราเอลออกรบ มือของพระยาห์เวห์ก็ต่อต้านพวกเขา ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ อย่างที่พระองค์ได้สาบานไว้แล้วว่าจะทำกับพวกเขา และพวกเขาเดือดร้อนมาก
16 แล้วพระยาห์เวห์ก็ได้เลือกพวกผู้นำขึ้นมา และคนพวกนี้ได้มาช่วยกู้คนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกที่ปล้นพวกเขานั้น 17 แต่ชาวอิสราเอลก็ไม่เชื่อฟังแม้แต่พวกผู้นำของพวกเขา เพราะคนอิสราเอลได้ขายตัวให้กับพวกพระต่างๆและไปกราบไหว้พวกพระเหล่านั้น คนอิสราเอลได้หันไปจากทางที่พวกพ่อของเขาเคยเดินมานั้นอย่างรวดเร็ว พวกพ่อของเขาเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์ แต่คนรุ่นใหม่นี้ไม่ได้ทำตาม
18 เมื่อไหร่ก็ตามที่พระยาห์เวห์ได้ตั้งผู้นำคนหนึ่งขึ้นมาให้กับพวกเขา พระยาห์เวห์ก็จะอยู่กับผู้นำคนนั้น และพระองค์ก็ได้ช่วยพวกอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรู ตลอดชั่วชีวิตของผู้นำคนนั้น เพราะพระยาห์เวห์สงสาร เมื่อได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกอิสราเอล เพราะถูกกดขี่ข่มเหง
19 แต่เมื่อผู้นำคนนั้นตายไป พวกอิสราเอลก็หันกลับไปทำชั่วยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก พวกเขาไปติดตามรับใช้และกราบไหว้พวกพระอื่นๆ พวกอิสราเอลไม่ยอมทิ้งสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำกันอยู่หรือการกระทำที่ดื้อดึงของพวกเขา
20 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงโกรธพวกอิสราเอลมาก และพระองค์พูดว่า “เพราะชนชาตินี้ได้ฝ่าฝืนข้อตกลงของเรา ที่เราได้สั่งให้บรรพบุรุษของพวกเขารักษา และพวกเขาก็ไม่ยอมฟังเสียงของเราด้วย 21 อย่างนั้น เราจะไม่ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าพวกเขาอีกแล้ว คือพวกชนชาติต่างๆที่ยังหลงเหลืออยู่ตอนที่โยชูวาตาย 22 เราจะใช้ชนชาติพวกนี้ลองใจชาวอิสราเอล จะดูสิว่า พวกเขาจะเดินในเส้นทางของพระยาห์เวห์อย่างระมัดระวังเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำหรือเปล่า” 23 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงปล่อยให้พวกชนชาติเหล่านั้น อาศัยอยู่ในแผ่นดินต่อไป พระองค์ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกไปทันที พระองค์ไม่ได้มอบพวกชนชาติเหล่านั้นไว้ในมือของโยชูวา
3 ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์ยังปล่อยให้หลงเหลืออยู่ในแผ่นดินเพื่อลองใจชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ไม่ได้เข้าร่วมรบตอนยึดแผ่นดินคานาอันนั้น 2 พระยาห์เวห์ทำอย่างนี้เพื่อให้คนอิสราเอลรุ่นหลังนี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรบมาก่อน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสงคราม
3 ชนชาติต่างๆที่ยังเหลืออยู่ คือผู้ครอบครองทั้งห้าคนของฟีลิสเตีย คนคานาอันทั้งหมด คนไซดอน และคนฮีไวต์ที่อาศัยอยู่แถบเนินเขาเลบานอน ตั้งแต่ภูเขาบาอัล-เฮอร์โมน ไปจนถึงเมืองเลโบ-ฮามัท
4 ชนชาติเหล่านี้ มีไว้สำหรับลองใจชาวอิสราเอล เพื่อจะได้รู้ว่า พวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์หรือไม่ คือคำสั่งต่างๆที่พระองค์ได้สั่งบรรพบุรุษของพวกเขาผ่านมาทางโมเสส 5 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงได้อาศัยอยู่ร่วมกับ คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์และคนเยบุส
6 คนอิสราเอลได้เอาลูกสาวของคนพวกนั้นมาเป็นเมีย และยอมยกลูกสาวของตนให้กับลูกชายของคนพวกนั้น แถมไปรับใช้พระต่างๆของคนพวกนั้นด้วย
โอทนีเอลผู้นำคนแรก
7 ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ และได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และไปรับใช้รูปเคารพของพวกพระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท 8 พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล พระองค์ขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมแห่งอาราม นาชาราอิม[a] ชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมอยู่แปดปี
9 แต่เมื่อชาวอิสราเอลร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ส่งผู้ช่วยมาให้กับคนอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือพวกเขา คนนั้นคือ โอทนีเอลลูกชายของเคนัส เคนัสเป็นน้องชายของคาเลบ 10 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ลงมาอยู่กับโอทนีเอล และเขาได้กลายเป็นผู้นำของอิสราเอล เขาออกไปทำสงคราม และพระยาห์เวห์ได้ทำให้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา และเขามีชัยเหนือกษัตริย์คูชัน 11 จากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี จนโอทนีเอลลูกชายเคนัสตายไป
ผู้นำเอฮูด
12 ต่อมาชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก พระองค์ก็เลยทำให้กษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับมีกำลังเข้มแข็ง และมาโจมตีชาวอิสราเอล เพราะคนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ 13 กษัตริย์เอกโลนได้ชวนคนอัมโมนและอามาเลค มาเข้าพวกกับเขา และไปโจมตีอิสราเอล และพวกเขาได้ยึดครองเมืองดงอินทผลัมไว้ได้
14 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์เอกโลน ของเมืองโมอับอยู่สิบแปดปี 15 ชาวอิสราเอลได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็ได้ส่งผู้ช่วยคนหนึ่งมาให้กับพวกเขา คือเอฮูดลูกชายของเกราจากเผ่าเบนยามิน เขาถูกฝึกให้สู้รบด้วยมือซ้าย ชาวอิสราเอลให้เขาเอาส่วยไปส่งให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ
16 เอฮูดได้ทำดาบสองคมเล่มหนึ่งยาวศอกหนึ่ง เขามัดมันไว้ที่ต้นขาขวาใต้ชุดที่ใส่ 17 แล้วเขาได้นำส่วยไปมอบให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ (กษัตริย์เอกโลนเป็นคนที่อ้วนมาก) 18 เมื่อเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว เขาก็ไปส่งคนที่แบกส่วยมา 19 เมื่อเอฮูดไปถึงพวกรูปหินแกะสลักที่กิลกาล เขาก็ย้อนกลับไปหากษัตริย์เอกโลนและพูดกับกษัตริย์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้ามีความลับจะแจ้งกับท่าน”
กษัตริย์จึงบอกให้เอฮูดเงียบก่อน แล้วเขาก็สั่งให้พวกผู้รับใช้ของเขาออกไปนอกห้อง
20 แล้วเอฮูดได้เข้าไปหากษัตริย์เอกโลน ในขณะที่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่บนฐานที่ยกสูง ซึ่งเป็นของเขาโดยเฉพาะ เอฮูดพูดว่า “ข้าพเจ้ามีข่าวจากพระเจ้ามาแจ้งกับท่าน” ในขณะที่กษัตริย์เอกโลนลุกขึ้นจากที่นั่ง 21 เอฮูดก็ยื่นมือซ้ายไปชักดาบจากต้นขาขวาของเขา แล้วแทงเข้าไปที่ท้องของกษัตริย์เอกโลน 22 จมมิดด้าม ไขมันก็ปิดคมดาบไว้ และเอฮูดก็ไม่ได้ดึงดาบออกจากท้องของกษัตริย์ และกษัตริย์เอกโลนก็อุจจาระราดออกมา
23 แล้วเอฮูดก็ได้ปิดประตูห้องบัลลังก์และลงกลอนข้างใน จากนั้นเขาก็หย่อนตัวลงทางช่องส้วมไปยังห้องด้านล่าง 24 แล้วเอฮูดก็ออกไปทางห้องโถงใหญ่ และพวกผู้รับใช้ของกษัตริย์เอกโลนก็เข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นว่าประตูห้องบนชั้นสองนั้นปิดอยู่ พวกเขาก็คิดว่ากษัตริย์เอกโลนกำลังถ่ายทุกข์อยู่ข้างใน 25 พวกเขาคอยอยู่จนรู้สึกเป็นห่วง จึงเอากุญแจมาไขเข้าไปดู และพบกษัตริย์เอกโลนนอนตายอยู่บนพื้น
26 เอฮูดหนีออกมา ในขณะที่พวกคนรับใช้กำลังคอยอยู่ เขาเดินผ่านพวกรูปเคารพที่สลักจากหิน และหนีไปจนถึงเสอีราห์ 27 เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาได้เป่าแตรเขาสัตว์ที่เทือกเขาเอฟราอิม แล้วชาวอิสราเอลก็ยกพลลงจากเขาไปพร้อมกับเอฮูด ที่นำหน้าพวกเขาไป
28 เอฮูดสั่งพวกเขาว่า “ตามเรามา เพราะพระยาห์เวห์ได้มอบพวกศัตรูของพวกท่าน คือชาวโมอับไว้ในเงื้อมมือของพวกท่านแล้ว” ชาวอิสราเอลทั้งหลายจึงตามเขาไป และพวกเขาได้ยึดบริเวณน้ำตื้นที่ลุยข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเมืองโมอับได้ และไม่ให้ใครข้ามทั้งนั้น 29 ในครั้งนั้นพวกเขาได้ฆ่าชายโมอับที่เข้มแข็งและกล้าหาญไปประมาณหนึ่งหมื่นคน ไม่มีใครหนีรอดไปได้
30 ในวันนั้นชาวโมอับตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของคนอิสราเอล หลังจากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาแปดสิบปี
ผู้นำชัมการ์
31 หลังจากเอฮูดแล้ว ก็มีชัมการ์ลูกชายอานาท เขาใช้ปฏักวัวฆ่าชาวฟีลีสเตียไปหกร้อยคน เขาก็เป็นผู้ช่วยชาวอิสราเอลคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
อาหารมื้อเย็นขององค์เจ้าชีวิต
(มธ. 26:26-30; มก. 14:22-26; 1 คร. 11:23-25)
14 เมื่อถึงเวลากินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย พระเยซูนั่งเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหารกับพวกศิษย์เอก 15 แล้วพูดว่า “เราอยากจะกินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยมื้อนี้กับพวกคุณมาก ก่อนที่เราจะถูกทรมาน 16 เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่กินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยนี้อีก จนกว่าความหมายที่แท้จริงของเทศกาลวันปลดปล่อยนี้จะสำเร็จครบถ้วนในอาณาจักรของพระเจ้า”
17 แล้วพระองค์ก็ยกถ้วยขึ้นมาและขอบคุณพระเจ้า พร้อมกับพูดว่า “รับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม 18 เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง”
19 หลังจากนั้นพระองค์ก็หยิบขนมปังขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า พร้อมหักส่งให้พวกเขา พระองค์พูดว่า “นี่คือร่างกายของเราที่ให้กับพวกคุณ ให้ทำอย่างนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงเรา” 20 เมื่อพวกเขากินอาหารเย็นเสร็จแล้ว พระองค์ก็หยิบถ้วยขึ้นมาทำเหมือนเดิม แล้วพูดว่า “นี่เป็นเลือดของเราที่ได้หลั่งไหลออกมาเพื่อคุณ พระเจ้าได้ทำสัญญาขึ้นใหม่กับพวกคุณด้วยเลือดนี้”[a]
คนที่หักหลังพระเยซูเป็นใคร
21 พระเยซูพูดว่า “คนที่จะหักหลังเรา ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้กับเราด้วย 22 บุตรมนุษย์จะต้องตายตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า แต่คนที่หักหลังพระองค์นี้น่าละอายที่สุด”
23 พวกศิษย์เอกเหล่านั้นถามกันใหญ่ว่าใครจะทำอย่างนั้น
ให้เป็นเหมือนคนรับใช้
24 พวกศิษย์เอกต่างเถียงกันว่า พวกเขาคนไหนใหญ่ที่สุด 25 พระเยซูบอกว่า “พวกกษัตริย์ของคนต่างชาติชอบออกคำสั่งประชาชนของเขาไปทั่ว ส่วนพวกนั้นที่มีอำนาจ ก็ชอบให้คนเรียกว่า ‘ผู้ทำประโยชน์เพื่อสังคม’ 26 แต่พวกคุณต้องไม่เป็นอย่างนั้น ในพวกคุณ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดควรจะเป็นเหมือนเด็กที่สุด คนที่เป็นหัวหน้าควรจะเป็นเหมือนคนรับใช้ 27 ใครใหญ่กว่ากัน คนที่นั่งโต๊ะหรือคนที่ยืนรับใช้ คนนั่งไม่ใช่หรือ แต่เราอยู่ท่ามกลางพวกคุณเหมือนกับคนรับใช้
28 ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อเราถูกข่มเหง พวกคุณยืนเคียงข้างเราเสมอ 29 เราก็จะให้พวกคุณปกครองเป็นกษัตริย์ เหมือนกับที่พระบิดาของเราให้เราเป็นกษัตริย์ 30 เพื่อพวกคุณจะได้ดื่มกินกับเราในอาณาจักรของเรา และพวกคุณจะได้นั่งบนบัลลังก์ตัดสินชนชาติอิสราเอลสิบสองเผ่า”
อย่าทิ้งความเชื่อ
(มธ. 26:31-35; มก. 14:27-31; ยน. 13:36-38)
31 “เปโตรเอ๋ย เปโตร[b] ฟังให้ดี ซาตานได้ขอนำพวกคุณแต่ละคน ไปฝัดร่อนเหมือนข้าวเปลือก 32 แต่ เปโตร เราได้อธิษฐานให้คุณมีความเชื่อที่มั่นคง และเมื่อคุณหันกลับมาหาเราแล้ว ก็ให้ช่วยเหลือพี่น้องคนอื่นๆให้ตั้งมั่นคงอยู่ในความเชื่อด้วย”
33 เปโตรบอกว่า “ผมพร้อมที่จะติดคุกและตายพร้อมกับอาจารย์ครับ” 34 พระองค์ตอบว่า “เปโตร เราจะบอกให้รู้ว่า คืนนี้ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
ชื่นชมยินดีในความดีงามของพระองค์
บทเพลงสดุดี เพลงสำหรับวันหยุดทางศาสนา
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะสรรเสริญพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
2 มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะพูดถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในตอนเช้า
และเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในตอนค่ำคืน
3 คลอไปกับเสียงของพิณสิบสาย พิณสี่สาย
และทำนองของพิณเขาคู่
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดีในผลงานต่างๆจากมือของพระองค์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ความคิดของพระองค์ก็ช่างลุ่มลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้
6 คนที่โง่เหมือนควายไม่รู้เรื่องนี้
คนโง่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
7 คือถึงจะมีคนชั่วผุดขึ้นมามากมายเหมือนหญ้าและคนทำชั่วจะรุ่งเรือง
พวกมันจะต้องถูกทำลายตลอดไป
8 แต่พระยาห์เวห์
พระองค์จะได้รับการยกย่องตลอดไป
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูศัตรูของพระองค์เถิด ดูสิ พวกมันจะต้องถูกทำลาย
คนที่ทำชั่วทุกคนจะต้องกระจัดกระจายไป
10 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแรง[a] เหมือนกระทิงป่า
พระองค์ชโลมข้าพเจ้าด้วยน้ำมันอันสดชื่น
11 ตาของข้าพเจ้าได้เห็นการพ่ายแพ้ของคนเหล่านั้นที่พยายามซุ่มโจมตีข้าพเจ้า
หูของข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกศัตรูชั่วๆของข้าพเจ้า
12 แต่คนดีจะผลิบานดุจต้นปาล์ม
เขาจะโผล่สูงขึ้นมามาก เหมือนกับต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอน
13 คนเหล่านั้นเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่ปลูกไว้
ในวิหารของพระยาห์เวห์
พวกเขาจะเจริญงอกงามในลานทั้งหลายของพระเจ้าของเรา
14 พวกเขาจะยังคงผลิดอกออกผลแม้ในยามแก่เฒ่า
พวกเขาจะยังคงสดชื่นแข็งแรงและเขียวสด
15 แล้วพวกเขาก็จะประกาศได้ว่า พระยาห์เวห์ ผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้านั้นยุติธรรม
และพระองค์ไม่เคยทุจริตเลย
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงบารมี
1 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
พระยาห์เวห์สวมบารมี พระองค์ใส่พละกำลัง
พระองค์ตั้งโลกนี้อย่างมั่นคงและมันจะไม่สั่นคลอน
2 บัลลังก์ของพระองค์ตั้งไว้อย่างมั่นคงแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา
ยิ่งกว่านั้น พระองค์เป็นอยู่แล้วตลอดมา
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คลื่นส่งเสียง
ใช่แล้ว คลื่นส่งเสียงดังขึ้น
เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นเรื่อยๆ
4 เสียงร้องของมหาสมุทรช่างดังกึกก้องมาก
เสียงน้ำทะเลแตกกระจาย ช่างทรงพลังเหลือเกิน
แต่พระยาห์เวห์ผู้อยู่เบื้องบนก็ยังทรงพลังยิ่งกว่า
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระบัญญัติต่างๆของพระองค์นั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ตลอดไป
วิหารของพระองค์จะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปตราบนานเท่านาน
14 หญิงฉลาดสร้างบ้านเรือนของเธอขึ้นมา
แต่หญิงโง่พังทลายบ้านเรือนของเธอด้วยมือของเธอเอง[a]
2 คนที่ดำเนินชีวิตในทางสัตย์ซื่อนั้นย่อมยำเกรงพระยาห์เวห์
แต่คนที่เดินอยู่ในทางคดโกงดูหมิ่นพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International