The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
3 แต่เมื่อชาวกิเบโอนได้ยินเรื่องที่โยชูวาได้ทำกับเมืองเยริโคและเมืองอัยแล้ว 4 พวกเขาก็ได้ออกกลอุบายขึ้นมา ส่งกลุ่มทูตออกไป ที่มีลาแบกกระสอบขาดๆและถุงหนังเหล้าองุ่นที่เก่าและปะไว้ 5 พวกเขาสวมรองเท้าเก่ามีรอยปะ และใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆส่วนขนมปังที่เตรียมไว้ก็แห้งและมีราขึ้น
6 พวกเขาเดินทางไปหาโยชูวาที่ค่ายในเมืองกิลกาล และพูดกับโยชูวาและชาวอิสราเอลว่า “พวกเรามาจากแผ่นดินที่อยู่ห่างไกล ขอทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกเราด้วยเถิด”
7 แต่ชาวอิสราเอลพูดกับชาวฮีไวต์เหล่านั้นว่า “ไม่แน่พวกเจ้าอาจจะอาศัยอยู่แถวๆนี้ก็ได้ แล้วพวกเราจะทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกเจ้าได้ยังไง”
8 ชาวฮีไวต์จึงพูดกับโยชูวาว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน” โยชูวาจึงถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร และมาจากไหน”
9 พวกเขาตอบว่า “ชื่อเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ทำให้พวกเราผู้รับใช้ของท่าน เดินทางมาจากดินแดนอันไกลโพ้น พวกเราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้ทำในประเทศอียิปต์ 10 และได้ยินถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำต่อกษัตริย์สององค์ของชาวอาโมไรต์ ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน และกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชานที่ปกครองอยู่ที่เมืองอัชทาโรท 11 ดังนั้น พวกผู้นำอาวุโสกับชาวเมืองทั้งหลายของประเทศของเรา ได้พูดกับพวกเราว่า ‘ให้นำเสบียงอาหารติดตัวไป และเดินทางไปหาพวกเขา’ และให้พูดกับพวกเขาว่า ‘พวกเราคือคนรับใช้ของท่าน ขอช่วยทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับพวกเราด้วยเถิด’
12 ขนมปังของพวกเรานี้ พวกเราห่อมันตอนที่มันยังอุ่นๆในวันที่พวกเราออกจากบ้านเดินทางมาหาท่าน และตอนนี้ ดูสิ มันแห้งและขึ้นราแล้ว 13 นี่คือถุงหนังใหม่ๆของพวกเรา ที่พวกเราได้เติมเหล้าองุ่นใหม่ลงไป และดูสิ พวกมันขาดเสียแล้ว และเสื้อผ้าเหล่านี้กับรองเท้าของพวกเราก็เก่าลงจากการเดินทางอันยาวนานของพวกเรา”
14 ชาวอิสราเอลจึงชิมเสบียงอาหารของพวกเขาดู แต่ไม่มีใครขอคำแนะนำจากพระยาห์เวห์ 15 และโยชูวาก็ได้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับพวกเขาว่าจะไม่ฆ่าพวกเขา และพวกผู้นำของประชาชนได้รับรองข้อตกลงนั้นด้วยคำสาบาน
16 หลังจากได้ทำข้อตกลงกับชาวกิเบโอนแล้วสามวัน ชาวอิสราเอลได้ยินว่า พวกนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆพวกเขา 17 ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงออกเดินทางและในวันที่สามก็ได้มาถึงเมืองต่างๆของคนพวกนั้น คือ เมืองกิเบโอน เมืองเคฟีราห์ เบเอโรท และคิริยาทเยอาริม 18 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้โจมตีพวกนั้น เพราะพวกผู้นำของประชาชนได้สาบานกับพวกนั้นไว้แล้วต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล
แต่ชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างบ่นต่อว่าพวกผู้นำ 19 พวกผู้นำทั้งหลายจึงพูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “เราได้สาบานกับพวกเขาโดยอ้างพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลไปแล้ว ดังนั้น ตอนนี้พวกเราจึงไม่สามารถแตะต้องพวกเขาได้ 20 พวกเราจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตต่อไป ไม่อย่างนั้นความโกรธของพระเจ้าจะตกลงบนพวกเรา ที่ได้ผิดคำสาบานที่พวกเราได้ให้กับพวกเขา 21 ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตต่อไป แต่ให้มาเป็นคนตัดฟืนและคนตักน้ำให้กับประชาชนชาวอิสราเอล” ดังนั้นพวกผู้นำก็ได้ทำตามที่ได้สาบานไว้
22 โยชูวาได้เรียกพวกชาวกิเบโอนเหล่านั้นมาและพูดกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงได้มาหลอกเรา โดยพูดว่า ‘พวกเรามาจากที่ห่างไกลจากท่านมาก’ ในเมื่อความจริงแล้ว พวกเจ้าอาศัยอยู่ใกล้ๆพวกเรานี่เอง 23 ดังนั้น ตอนนี้ พวกเจ้าจะต้องถูกสาปแช่ง พวกเจ้าจะต้องเป็นทาส เป็นคนตัดฟืน และเป็นคนตักน้ำให้กับบ้านของพระเจ้า[a] ของข้าตลอดไป”
24 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “มีคนบอกพวกเรา ผู้รับใช้ของท่านว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ได้สั่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ให้มอบแผ่นดินทั้งหมดนี้ให้กับท่าน และให้กวาดล้างประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในแผ่นดินนี้ออกไปต่อหน้าท่าน’ พวกเรากลัวว่าท่านจะฆ่าพวกเรา พวกเราก็เลยทำอย่างนี้ 25 ตอนนี้ พวกเราก็อยู่ในกำมือของท่านแล้ว ทำกับพวกเราตามที่ท่านเห็นว่าดีและถูกต้องเถิด”
26 โยชูวาได้ทำอย่างนี้กับพวกเขาคือ ช่วยชีวิตชาวกิเบโอนไว้จากชาวอิสราเอล และพวกชาวอิสราเอลก็ไม่ได้ฆ่าคนเหล่านั้น 27 แต่ในวันนั้น โยชูวาได้ทำให้พวกเขาเป็นคนตัดฟืนและคนตักน้ำสำหรับชาวอิสราเอล และสำหรับแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือก และพวกเขาก็ยังเป็นทาสอยู่จนถึงทุกวันนี้
วันที่ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
10 เมื่อกษัตริย์อาโดนีเซเดกแห่งเมืองเยรูซาเล็มได้ข่าวว่า โยชูวาได้ยึดเมืองอัยและได้ทำลายถวายให้กับพระยาห์เวห์ และโยชูวาทำกับเมืองอัยและกษัตริย์ของเมืองอัยอย่างเดียวกับที่ได้ทำกับเมืองเยริโคและกษัตริย์ของมัน และเขายังรู้อีกว่าชาวเมืองกิเบโอน ได้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับชาวอิสราเอล และได้อาศัยอยู่ใกล้ๆกับชาวอิสราเอล 2 กษัตริย์อาโดนีเซเดกและประชาชนของท่านก็หวาดกลัวมาก เพราะกิเบโอนเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งเหมือนกับเมืองหลวง[b] ทั้งหลาย มีขนาดใหญ่กว่าเมืองอัย และผู้ชายของเมืองนั้นก็เป็นนักรบที่ดี 3 ดังนั้นกษัตริย์อาโดนีเซเดกแห่งเมืองเยรูซาเล็ม จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังกษัตริย์โฮฮัมแห่งเมืองเฮโบรน กษัตริย์ปิรามแห่งเมืองยารมูท กษัตริย์ยาเฟียแห่งเมืองลาคีช และกษัตริย์เดบีร์แห่งเมืองเอกโลนว่า 4 “ขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าตีเมืองกิเบโอนด้วย เพราะเมืองนั้นได้เข้าเป็นพันธมิตรกับโยชูวาและชาวอิสราเอลแล้ว”
5 ดังนั้น กษัตริย์ของอาโมไรต์ทั้งห้าองค์คือ กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม เมืองเฮโบรน เมืองยารมูท เมืองลาคีช และเมืองเอกโลน จึงได้รวบรวมกำลังพลและยกขึ้นไป และได้ตั้งค่ายอยู่ตรงข้ามกับเมืองกิเบโอนและโจมตีเมืองนั้น
6 ประชาชนเมืองกิเบโอนจึงส่งข่าวไปถึงโยชูวาที่ค่ายในกิลกาลว่า “อย่าได้ทอดทิ้งพวกเราเหล่าผู้รับใช้ของท่าน รีบขึ้นมากู้พวกเรา ช่วยพวกเราด้วย เพราะพวกกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขา ได้รวบรวมพลมาต่อสู้กับพวกเรา”
7 ดังนั้น โยชูวาจึงเดินทัพจากเมืองกิลกาล ด้วยกองทัพทั้งหมดของเขา นักรบชั้นเยี่ยมทุกคนก็อยู่กับเขา 8 พระยาห์เวห์ได้สั่งโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกมัน เพราะเราได้มอบพวกมันไว้ในกำมือของเจ้าแล้ว จะไม่มีใครสักคนในพวกมันที่จะต่อต้านเจ้าได้”
9 หลังจากเดินทางตลอดทั้งคืนจากเมืองกิลกาล โยชูวาก็ได้เข้าโจมตีทันทีไม่ให้พวกนั้นรู้ตัว
10 พระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกนั้นแตกตื่นตกใจ ต่อหน้าชาวอิสราเอล ทำให้ชาวอิสราเอลได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เมืองกิเบโอน และพวกอิสราเอลได้ไล่ล่าพวกนั้นไปตามถนนที่ขึ้นไปเบธโฮโรน และฆ่าฟันพวกเขาไปตลอดทางจนถึงเมืองอาเซคาห์และมักเคดาห์ 11 ขณะที่พวกเขาหนีอยู่ข้างหน้าของชาวอิสราเอลไปตามเส้นทางสู่เมืองเบธโฮโรนนั้น พระเจ้าได้โยนลูกเห็บขนาดยักษ์ลงมาจากฟ้า ตลอดไปจนถึงเมืองอาเซคาห์ พวกเขาก็ตาย คนที่ตายด้วยลูกเห็บยังมีมากกว่าคนที่ถูกชาวอิสราเอลฆ่าด้วยดาบเสียอีก
12 ในวันนั้นที่พระยาห์เวห์ได้มอบชาวอาโมไรต์ให้กับชาวอิสราเอล โยชูวาได้พูดกับพระยาห์เวห์ต่อหน้าชาวอิสราเอลว่า
“ดวงอาทิตย์เอ๋ย หยุดนิ่งที่เมืองกิเบโอน
และดวงจันทร์เอ๋ย หยุดอยู่ตรงหุบเขาอัยยาโลนเถิด”
13 และดวงอาทิตย์ก็หยุดอยู่กับที่ และดวงจันทร์ก็ไม่เคลื่อนไหว จนประชาชนอิสราเอลได้ชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของพวกเขา เรื่องนี้ได้บันทึกไว้ในหนังสือของยาชาร์ ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งกลางท้องฟ้า และไม่ได้ตกไปเกือบหนึ่งวัน 14 ไม่เคยมีวันไหนเหมือนกับวันนั้น ไม่ว่าจะก่อนหน้านั้นหรือหลังจากนี้ เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ฟังเสียงของมนุษย์คนหนึ่ง พระยาห์เวห์ได้ต่อสู้เพื่อชาวอิสราเอลแน่
15 แล้วโยชูวากับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็กลับไปค่ายที่เมืองกิลกาล 16 กษัตริย์ทั้งห้าคนได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์ 17 มีคนมาบอกโยชูวาว่า “พวกเราได้พบกษัตริย์ทั้งห้าหลบซ่อนอยู่ในถ้ำที่ มักเคดาห์” 18 โยชูวาได้พูดว่า “กลิ้งพวกหินใหญ่ๆไปปิดปากถ้ำนั้นไว้ และจัดคนให้คอยเฝ้าพวกเขาไว้ 19 แต่พวกท่านไม่ต้องอยู่คอยที่นั่น ให้ไล่ตามศัตรูของพวกท่านไป ให้โจมตีพวกเขาจากข้างหลัง อย่ายอมให้พวกเขากลับเข้าเมืองทั้งหลายของพวกเขาได้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกท่านแล้ว”
20 โยชูวาและชาวอิสราเอลได้ฆ่าทำลายพวกนั้นจนเกือบหมดเกลี้ยง มีไม่กี่คนที่หนีเข้าไปในเมืองของพวกเขาที่มีป้อมปราการ 21 ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมดได้กลับมาหาโยชูวาที่ค่ายพักมักเคดาห์อย่างปลอดภัย และไม่มีใครกล้ากระดิกลิ้นต่อว่าชาวอิสราเอลอีกเลย
22 แล้วโยชูวาได้พูดว่า “เปิดปากถ้ำ และนำตัวกษัตริย์ทั้งห้าออกมาพบเรา” 23 พวกเขาจึงนำกษัตริย์ทั้งห้าออกมาจากถ้ำ คือกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม แห่งเฮโบรน แห่งยารมูท แห่งลาคีช และแห่งเอกโลน 24 เมื่อพวกเขานำตัวกษัตริย์เหล่านั้นออกมายังโยชูวา โยชูวาจึงเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งหมด และเขาได้พูดกับพวกแม่ทัพที่ได้ร่วมออกรบกับเขาว่า “มานี่สิ และเอาเท้าของพวกท่านเหยียบคอกษัตริย์เหล่านี้ไว้” พวกเขาจึงเข้ามาและเอาเท้าวางไว้บนคอของกษัตริย์ทั้งห้าคนนั้น
25 โยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวหรือท้อแท้ ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ เพราะพระยาห์เวห์จะทำอย่างนี้กับศัตรูทั้งหลายที่ท่านกำลังจะสู้รบด้วย”
26 หลังจากนั้น โยชูวาได้ฆ่ากษัตริย์พวกนั้นและเสียบพวกเขาไว้บนเสาไม้ห้าต้น พวกเขาถูกเสียบอยู่อย่างนั้นจนถึงเย็น 27 เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน โยชูวาได้สั่งให้เอาศพทั้งห้าลงมา และนำไปโยนไว้ในถ้ำที่พวกเขาเคยหลบซ่อนตัว แล้วเอาหินใหญ่ๆปิดปากถ้ำไว้ หินพวกนั้นยังอยู่จนถึงทุกวันนี้
28 ในวันนั้น โยชูวาได้ยึดเมืองมักเคดาห์ และเขาได้ฆ่าประชาชนและกษัตริย์ของเมืองนั้น เขาได้ทำลายเมืองนั้นอย่างราบคาบ ไม่มีใครเหลือรอดชีวิตเลย เขาได้ทำกับกษัตริย์เมืองมักเคดาห์อย่างกับที่เขาเคยทำกับกษัตริย์เมืองเยริโค
การยึดเมืองทางใต้
29 โยชูวาและชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ยกทัพออกจากเมืองมักเคดาห์ไปถึงเมืองลิบนาห์ และได้สู้รบกับเมืองลิบนาห์ 30 พระยาห์เวห์ได้มอบเมืองและกษัตริย์ของเมืองนี้ไว้ในกำมือของชาวอิสราเอล โยชูวาได้ฆ่าทุกคนที่อยู่ในเมือง ไม่มีใครรอดชีวิตในเมืองนั้นเลย และเขาได้จัดการกษัตริย์ของเมืองนี้อย่างกับที่เขาเคยทำกับกษัตริย์เมืองเยริโค
31 แล้วโยชูวาและชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้เคลื่อนทัพต่อจากเมืองลิบนาห์ไปยังเมืองลาคีช แล้วตั้งค่ายล้อมเมืองไว้และเข้าโจมตีเมืองนั้น 32 พระยาห์เวห์ได้มอบเมืองลาคีชไว้ในกำมือของชาวอิสราเอล แล้วโยชูวายึดเมืองไว้ได้ในวันที่สอง เขาได้ฆ่าทุกคนที่อยู่ในเมืองอย่างกับที่เขาเคยทำกับเมืองลิบนาห์ 33 กษัตริย์โฮรามแห่งเมืองเกเซอร์ได้ขึ้นมาช่วยเมืองลาคีช แต่โยชูวาก็ได้เอาชนะเขากับกองทัพของเขา จนไม่มีใครเหลือรอดชีวิต
34 จากนั้น โยชูวากับชาวอิสราเอลก็ยกทัพต่อจากเมืองลาคีชไปยังเมืองเอกโลน พวกเขาได้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้และโจมตีเมืองนั้น 35 พวกเขายึดเมืองนั้นได้ ในวันนั้นพวกเขาได้ใช้ดาบฆ่าฟันทุกคนในเมือง โยชูวาได้ฆ่าทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้น อย่างกับที่เขาเคยทำกับเมืองลาคีช
36 แล้วโยชูวากับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพออกจากเมืองเอกโลนขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน และโจมตีเมืองนั้น 37 พวกเขายึดเมืองนั้นไว้ได้ และได้ฆ่ากษัตริย์และทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้น รวมทั้งผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆของมัน โยชูวาไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้ อย่างเดียวกับที่เขาเคยทำกับเมืองเอกโลน เขาได้ทำลายเมืองและทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นลงอย่างราบคาบ
38 แล้วโยชูวากับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็หันกลับไปทางเมืองเดบีร์ และเข้าโจมตีเมืองนั้น 39 โยชูวาได้เข้ายึดเมือง และจับตัวกษัตริย์ของเมืองนั้นไว้ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆของมัน พร้อมกับฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้เลย เขาจัดการกับชาวเมืองเดบีร์และกษัตริย์ของเมืองนี้ อย่างกับที่เขาเคยทำกับเมืองเฮโบรน และทำกับเมืองลิบนาห์กับกษัตริย์ของเมืองนั้น
40 โยชูวาได้เอาชนะดินแดนทั้งหมด ได้แก่ แถบเนินเขา บริเวณเทือกเขาเนเกบ ที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก และที่ลาดเขา รวมทั้งกษัตริย์ทั้งหมดของเมืองเหล่านั้น เขาไม่ปล่อยให้มีใครรอดชีวิตเลย เขาได้ทำลายทุกสิ่งที่มีลมหายใจ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้สั่งไว้
41 โยชูวามีชัยเหนือพวกเขาตั้งแต่เมืองคาเดชบารเนียไปจนถึงเมืองกาซา และตั้งแต่แผ่นดินทั้งหมดของเมืองโกเชนไปจนถึงเมืองกิเบโอน 42 โยชูวาได้ปราบกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเขาและยึดแผ่นดินของพวกเขาทั้งหมดไว้ในคราวเดียวกัน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอล ได้ต่อสู้เพื่อชาวอิสราเอล 43 แล้วโยชูวากับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ยกทัพกลับมายังค่ายที่กิลกาล
เศรษฐีกับลาซารัส
19 ครั้งหนึ่งมีเศรษฐีคนหนึ่ง เขาแต่งกายด้วยชุดสีม่วงราคาแพง และผ้าป่านเนื้อดี และใช้ชีวิตอย่างหรูหราทุกวัน 20 มีขอทานคนหนึ่งชื่อ ลาซารัส มีแผลเต็มตัวไปหมด นอนอยู่หน้าประตูบ้านเศรษฐี 21 เขาอยากจะกินแค่อาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี หมาก็มาเลียแผลของเขา 22 ต่อมาเมื่อขอทานนั้นตาย เหล่าทูตสวรรค์ก็มารับเขาไปอยู่กับอับราฮัม เศรษฐีก็ตายเหมือนกัน และถูกฝังไว้ 23 เศรษฐีไปอยู่ในแดนคนตาย และได้รับความทุกข์ทรมานมาก เขามองเห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ข้างๆอับราฮัม 24 เศรษฐีจึงร้องตะโกนว่า ‘คุณพ่ออับราฮัม สงสารผมด้วยเถิดครับ ช่วยส่งลาซารัสมานี่หน่อย เพื่อเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของผมให้เย็นลง เพราะผมเจ็บปวดทรมานเหลือเกินในเปลวไฟนี้’ 25 แต่อับราฮัมพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย จำได้ไหมตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่นั้น เจ้าได้รับแต่สิ่งดีๆแต่ลาซารัสนั้นได้รับแต่สิ่งที่ไม่ดี ตอนนี้เขามีความสุขอยู่ที่นี่ ส่วนเจ้าได้รับความทุกข์ทรมาน 26 นอกจากนั้นก็มีเหวกว้างใหญ่ขวางกั้นพวกเราอยู่ เพื่อไม่ให้ไปมาหาสู่กันได้’ 27 เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ถ้าอย่างนั้น ขอร้องคุณพ่ออับราฮัมให้ช่วยส่งลาซารัสไปที่บ้านพ่อผมด้วย 28 เพราะผมมีพี่น้องอยู่ห้าคน ลาซารัสจะได้ไปเตือนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนกับผมในที่นี้’
29 แต่อับราฮัมตอบไปว่า ‘พวกเขามีโมเสส และผู้พูดแทนพระเจ้าคอยเตือนอยู่แล้ว ให้เขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’ 30 ฝ่ายเศรษฐีจึงพูดว่า ‘แต่นั่นไม่พอหรอก คุณพ่ออับราฮัม ถ้ามีคนที่ฟื้นขึ้นจากความตายไปเตือนพวกเขา พวกเขาจะกลับตัวกลับใจเสียใหม่’ 31 อับราฮัมจึงพูดกับเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสส และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ถึงจะมีคนที่ฟื้นขึ้นจากความตาย เขาก็จะไม่ฟังอยู่ดี’”
การยั่วยวน การอภัย ความเชื่อ
(มธ. 18:6-7, 21-22; มก. 9:42)
17 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “จะมีสิ่งที่มายั่วยวนให้คนทำบาปเสมอ แต่คนที่มายั่วยวน นั้นช่างน่าอายจริงๆ 2 ระหว่างการชักชวนคนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ให้ทำบาป กับการถูกจับโยนลงไปในทะเลพร้อมกับมีหินโม่แป้ง[a]ล่ามคออยู่ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า 3 ระวังตัวไว้ให้ดี ให้ตักเตือนพี่น้องที่ทำบาป และอภัยให้เขาเมื่อเขากลับตัวกลับใจ 4 ถึงแม้เขาจะทำผิดบาปต่อคุณถึงวันละเจ็ดครั้งก็ตาม แต่ถ้าทุกครั้งเขาบอกคุณว่า ‘ผมกลับตัวกลับใจแล้วครับ’ ก็ให้ยกโทษเขา” 5 ฝ่ายพวกศิษย์เอก ก็พูดกับองค์เจ้าชีวิตว่า “ถ้าอย่างนั้น ช่วยเพิ่มความเชื่อให้กับเราด้วยครับ”
6 พระเยซูตอบว่า “แค่คุณมีความเชื่อเล็กเท่าเมล็ดมัสตาร์ดนี้ คุณก็สั่งให้ต้นหม่อนทั้งต้นถอนรากถอนโคนไปปลูกอยู่ในทะเลได้แล้ว”
ทาสที่ดี
7 “สมมุติว่าคุณมีทาสคนหนึ่ง เมื่อเขากลับมาจากไถนาหรือเลี้ยงแกะ คุณจะพูดกับเขาไหมว่า ‘รีบๆไปหาอะไรกินเร็ว’ 8 หรือคุณจะพูดกับเขาว่า ‘ไปเตรียมอาหารมาสิ แล้วคอยรับใช้อยู่นี่แหละ จนกว่าเราจะกินและดื่มเสร็จ แล้วเจ้าถึงค่อยไปกิน’ 9 นายต้องขอบใจทาสที่เขาทำตามคำสั่งหรือ 10 พวกคุณก็เหมือนกัน เมื่อทำงานที่นายสั่งมาเสร็จแล้ว ก็ควรพูดว่า ‘พวกเราเป็นแค่ทาสที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้านายจะขอบใจหรอก’”
คำอธิษฐานให้พระเจ้าชนะพวกศัตรูของอิสราเอล
เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่านิ่งเงียบ อย่าทำเป็นหูหนวก
ข้าแต่พระเจ้า อย่าเงียบเฉยอีกต่อไปเลย
2 ดูสิ พวกศัตรูของพระองค์ ส่งเสียงโกลาหลวุ่นวาย
พวกคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์เชิดหัวขึ้นต่อต้าน
3 พวกเขาวางแผนลับต่อต้านคนของพระองค์
พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านคนเหล่านั้นที่พระองค์รักใคร่หวงแหน
4 พวกเขาพูดว่า “มาเถิด ไปกวาดล้างพวกมันให้สิ้นจนไม่เหลือเป็นชนชาติอีกต่อไป
จนไม่มีใครจดจำชื่อของอิสราเอลได้อีก”
5 พวกเขาเห็นด้วยกันต่อแผนร้ายที่วางนั้น
และทำข้อตกลงร่วมกันที่จะต่อต้านพระองค์
6 “คนพวกนี้คือตระกูลต่างๆของเอโดม คนอิชมาเอล
คนโมอับ และคนฮาการ์
7 คนเกบาล คนอัมโมน คนอามาเลค
คนฟีลิสเตีย และชาวเมืองไทระ”
8 แม้แต่อัสซีเรียก็ร่วมกับพวกเขา
และเสริมกำลังให้กับลูกหลานของโลท[a] เซลาห์
9 ขอพระองค์ทำลายพวกเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับมีเดียน
เหมือนกับที่พระองค์ทำกับสิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10 สองคนนั้นถูกทำลายที่เอนโดร์
และซากศพที่เน่าเปื่อยของพวกเขากลายเป็นปุ๋ยสำหรับดิน
11 ขอพระองค์ทำลายล้างพวกผู้นำของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับโอเรบและเศเอบ
ขอพระองค์ทำกับผู้ปกครองทุกคนของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับเศบาห์ และศัลมุนนา
12 คนพวกนี้พูดว่า “ไปยึดเอาทุ่งหญ้าของพระเจ้า
มาเป็นของพวกเรากันเถอะ”
13 พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนฝุ่นที่หมุนว่อนเถิด
ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไปตามลมด้วยเถิด
14 ขอพระองค์เป็นเหมือนไฟที่เผาป่า
เป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญไปตามเนินเขาต่างๆ
15 ขอพระองค์ไล่กวดพวกเขาด้วยลมแรงของพระองค์
และทำให้พวกเขาตกใจกลัวด้วยพายุของพระองค์
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอปกคลุมใบหน้าเขาด้วยความละอาย
เพื่อว่าเขาจะแสวงหาพระองค์
17 ขอให้พระองค์ทำให้พวกเขากลัวและอับอายขายหน้าตลอดไป
ขอให้พวกเขาเสียหน้าและเสียชีวิตไป
18 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าพระองค์ผู้ที่มีชื่อว่ายาห์เวห์
เป็นเพียงผู้เดียวที่เป็นพระเจ้า ผู้ทรงครอบครองทั้งโลก
4 คนขี้เกียจจะหิว แต่ไม่มีอะไรจะกิน
แต่คนขยันจะมีกินอย่างอิ่มหนำ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International