The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.
ข้อตกลงในโมอับ
29 นอกจากข้อตกลงที่พระยาห์เวห์ได้ทำไว้กับชนชาติอิสราเอลที่ภูเขาซีนายแล้ว พระยาห์เวห์ได้สั่งให้โมเสสทำข้อตกลงขึ้นมาอีกฉบับหนึ่งกับชนชาติอิสราเอลในแผ่นดินโมอับ และนี่คือคำพูดต่างๆที่อยู่ในข้อตกลงนั้น
2 โมเสสเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมดและพูดว่า “พวกท่านก็ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ได้ทำในแผ่นดินอียิปต์แล้ว สิ่งที่พระองค์ทำกับกษัตริย์ฟาโรห์ คนของฟาโรห์และประเทศของเขา 3 ท่านก็เห็นกับตาแล้วถึงความทุกข์ยากลำบาก การอัศจรรย์ต่างๆ รวมถึงสิ่งที่เหลือเชื่อทั้งหลายที่พระองค์ทำ 4 แต่จนถึงวันนี้ พระยาห์เวห์ยังไม่ได้ให้ความเข้าใจกับพวกท่าน เพราะพวกท่านยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เห็นกับตา ได้ยินกับหู 5 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้นำพวกเจ้าเดินผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาสี่สิบปี ระหว่างนั้น เสื้อผ้าของพวกเจ้าไม่เคยขาดหลุดออกจากตัว รองเท้าไม่เคยสึกกร่อน 6 พวกเจ้าไม่มีอาหารกิน ไม่มีเหล้าองุ่นหรือเบียร์ดื่ม แต่เราเลี้ยงดูพวกเจ้า อาหารและน้ำของพวกเจ้านั้นมันไม่ใช่ธรรมดา เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’
7 เมื่อพวกท่านมาถึงที่นี่ กษัตริย์สิโหนของเฮชโบนและกษัตริย์โอกของบาชานออกมาสู้รบกับพวกเรา และพวกเราชนะพวกเขา 8 ยึดเอาแผ่นดินของพวกเขาไว้ และพวกเราก็ยกแผ่นดินนั้นให้กับเผ่ารูเบน กาด และครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ ไว้เป็นเจ้าของ 9 พวกท่านต้องเชื่อฟังและทำตามคำพูดทุกคำในข้อตกลงนี้อย่างระมัดระวัง เพื่อท่านจะได้สำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ
10 วันนี้พวกท่านทั้งหมดกำลังยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกหัวหน้าเผ่าต่างๆ พวกผู้นำอาวุโส พวกเจ้าหน้าที่ และพวกผู้ชายทุกคนของอิสราเอล ต่างก็ยืนอยู่ที่นี่ 11 รวมทั้งพวกลูกของพวกท่าน พวกเมียของพวกท่านและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกท่าน รวมทั้งคนตัดไม้และคนแบกน้ำ 12 พวกท่านมาอยู่ที่นี่เพื่อจะเข้าสู่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและยอมรับคำสาปแช่งของมันสำหรับคนที่ฝ่าฝืน คือข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังทำกับท่านในวันนี้ 13 เพื่อพระองค์จะได้ทำให้พวกท่านเป็นคนของพระองค์ในวันนี้ และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกท่าน เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ 14 พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำข้อตกลงพร้อมกับคำสาปแช่งนี้กับพวกท่านเท่านั้น 15 พระองค์ได้ทำข้อตกลงนี้กับพวกท่านที่ยืนกับพวกเราที่นี่ในวันนี้ ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา รวมทั้งลูกหลานของพวกเราที่ไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ด้วย 16 เพราะพวกท่านจำได้ว่าเราเคยใช้ชีวิตยังไงในแผ่นดินอียิปต์ และพวกท่านจำได้ว่าเราผ่านชนชาติที่เราผ่านมาแล้วนั้นได้ยังไง 17 พวกท่านได้เห็นสิ่งต่างๆที่น่ารังเกียจของพวกเขา คือ รูปเคารพที่ทำจากไม้ หิน เงินและทองที่อยู่กับพวกเขา 18 ระวังให้ดี เผื่อจะมีผู้ชายหรือผู้หญิงหรือตระกูลหรือเผ่าใดของพวกท่าน ที่มีใจหันเหไปจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราในวันนี้ เพื่อที่จะไปรับใช้พวกพระของชนชาติอื่น ระวังให้ดี เผื่อจะมีใครในหมู่พวกท่านที่เป็นเหมือนรากที่งอกพืชที่ขมและมีพิษออกมา
19 เมื่อคนประเภทนั้นได้ยินคำสาปแช่งนี้ เขาก็จะพูดปลอบใจตัวเองว่า ‘ถึงแม้ฉันจะทำตามใจที่ดื้อรั้นของฉัน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันหรอก’ แล้วผลสุดท้ายจะเลวร้ายอย่างยิ่ง[a] 20-21 พระยาห์เวห์จะไม่ยอมยกโทษให้เขา เพราะความโกรธและความหึงหวงของพระองค์ที่ลุกโชติโชนต่อคนๆนั้น คำสาปแช่งที่อยู่ในข้อตกลงนี้ทั้งหมด ที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้น พระยาห์เวห์จะลบชื่อของเขาออกไปจากใต้ฟ้านี้ พระยาห์เวห์จะคัดตัวคนนั้นออกมาจากเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลเพื่อเอามาลงโทษ
22 รุ่นต่อไปจะถามกัน พวกลูกๆที่เกิดมาทีหลังและชาวต่างชาติที่จะมาจากแดนไกลจะถามกัน เมื่อพวกเขาเห็นความหายนะที่เกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ และโรคต่างๆที่พระยาห์เวห์ส่งมาที่นี่ 23 ทั่วทั้งแผ่นดินจะลุกไหม้ด้วยกำมะถันและเกลือ แผ่นดินนั้นจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ไม่มีอะไรงอกขึ้นมาได้ ไม่มีแม้แต่พืช มันจะเป็นเหมือนการทำลายโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิม เมืองที่พระยาห์เวห์ได้ทำลายเมื่อพระองค์โกรธมาก
24 แล้วพวกเขาและชนชาติอื่นๆจะพูดว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้ทำกับแผ่นดินนี้อย่างนี้ ทำไมถึงได้ดุร้ายและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้’ 25 และพวกเขาก็จะตอบว่า ‘เพราะพวกชนชาติอิสราเอลได้ละทิ้งข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา เป็นข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับพวกเขา ตอนที่พระองค์นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 26 และพวกเขาก็หันไปรับใช้พวกพระอื่นและไปบูชาพระพวกนั้น พระที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และพระยาห์เวห์ก็ไม่เคยให้กับพวกเขา 27 นั่นเป็นเหตุที่พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธคนในแผ่นดินนั้นมาก พระองค์จึงทำให้แผ่นดินนั้นถูกสาปแช่ง ตามทุกอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ 28 เพราะพระยาห์เวห์โกรธแค้น เดือดดาลพวกเขาเป็นอย่างมาก พระองค์จึงถอนรากถอนโคนพวกเขาออกจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วโยนเข้าไปในแผ่นดินอื่นที่พวกเขาอยู่กันทุกวันนี้’
29 สิ่งต่างๆที่เป็นความลับเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา แต่สิ่งต่างๆที่พระองค์เปิดเผย เป็นของเราและลูกหลานของเราตลอดไป เพื่อว่าเราจะได้ทำตามคำสั่งทุกข้อที่อยู่ในกฎนั้น
ผลของการเชื่อฟัง
30 เมื่อสิ่งต่างๆทั้งหมดที่เราพูดมานี้ เกิดขึ้นกับท่าน ทั้งคำอวยพรและคำสาปแช่ง และถ้าท่านหวนคิดถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ ตอนที่ท่านอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบังคับให้ท่านไปอยู่นั้น 2 ถ้าท่านหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และถ้าตัวท่านและลูกๆของท่านเชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ ตามที่เรากำลังสั่งท่านอยู่ในวันนี้ 3 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทำให้ท่านกลับมาเหมือนเดิม พระองค์จะสงสารท่าน และจะรวบรวมท่านอีกครั้งจากชนชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทำให้ท่านกระจัดกระจายไปอยู่นั้น 4 ถึงแม้ท่านจะถูกบังคับให้ไปอยู่ไกลสุดขอบฟ้า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะรวบรวมท่านกลับมา 5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะนำท่านกลับมาสู่แผ่นดินที่บรรพบุรุษของท่านเคยเป็นเจ้าของ และท่านจะได้เป็นเจ้าของมัน และพระองค์จะทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และมีจำนวนมากกว่าบรรพบุรุษของท่าน 6 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเตรียมจิตใจของท่านและลูกหลานท่านให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่
7 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเอาคำสาปแช่งทั้งหมดไปให้กับศัตรูของท่าน คนที่เกลียดท่านและคนที่กลั่นแกล้งท่าน 8 แล้วท่านจะกลับมาเชื่อฟังพระองค์อีกครั้ง และทำตามคำสั่งทุกข้อของพระองค์ตามที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ 9 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองอย่างเต็มที่ในทุกสิ่งที่ท่านทำ ท่านจะมีลูกดก ฝูงสัตว์ของท่านจะออกลูกมากมาย และที่ดินของท่านจะผลิตพืชผลมากมาย เพราะพระยาห์เวห์ยินดีที่จะทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองอีก เหมือนที่พระองค์เคยยินดีที่ทำให้บรรพบุรุษของท่านเจริญรุ่งเรืองมาแล้ว 10 เมื่อท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านโดยรักษาบัญญัติ กฎของพระองค์ที่เขียนไว้ในหนังสือคำสอนนี้ เมื่อท่านกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน
ชีวิตหรือความตาย
11 แน่นอน คำสั่งนี้ที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ ไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะเข้าใจได้ มันไม่ไกลเกินกว่าที่จะคว้าได้ 12 คำสั่งนี้ไม่ได้อยู่ในสวรรค์ จนท่านต้องพูดว่า ‘ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์ เอามันลงมาให้เรา เพื่อเราจะได้ฟังและทำตามมันล่ะ’ 13 และคำสั่งนี้ก็ไม่ได้อยู่อีกฝั่งของทะเลจนท่านต้องพูดว่า ‘ใครจะข้ามทะเลไปถึงอีกฝั่ง เอามันกลับมาให้เรา เพื่อเราจะได้ฟังและทำตามมันล่ะ’ 14 เพราะคำนี้อยู่ใกล้ท่านมาก มันอยู่ที่ริมฝีปากและอยู่ในใจท่าน ท่านถึงทำตามมันได้
15 เห็นไหมว่า วันนี้เราให้ทางเลือกกับท่าน ระหว่างชีวิตกับความตาย ความรุ่งเรืองกับความล่มจม 16 ถ้าท่านเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน[b] ที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ โดยรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเดินในทางของพระองค์ และเชื่อฟังคำสั่ง กฎ และข้อบังคับของพระองค์ แล้วท่านจะมีชีวิตอยู่และเพิ่มจำนวนมากขึ้น และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จะอวยพรท่านในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดเป็นเจ้าของ 17 แต่ถ้าใจของท่านหันเหไปจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่เชื่อฟังพระองค์ และถูกชักนำไปในทางที่ผิด ไปบูชาและรับใช้พระอื่น 18 ถ้าอย่างนั้น เราขอเตือนพวกท่านในวันนี้ว่า พวกท่านจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน พวกท่านจะไม่มีชีวิตอยู่ยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อไปยึดเป็นเจ้าของนั้น
19 เราเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยาน วันนี้เราจะให้ทางเลือกกับท่านระหว่างชีวิตกับความตาย คำอวยพรกับคำสาปแช่ง ให้เลือกชีวิตเพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป 20 โดยรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระองค์และติดสนิทกับพระองค์ เพราะการทำอย่างนั้นจะทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ และท่านจะมีชีวิตยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์สัญญาว่าจะให้กับบรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ”
พระเยซูวิจารณ์พวกผู้นำศาสนา
(มธ. 23:1-36; มก. 12:38-40; ลก. 20:45-47)
37 เมื่อพระเยซูพูดจบแล้ว ฟาริสีคนหนึ่ง ก็ชวนพระองค์ไปกินอาหารที่บ้านของเขา เมื่อไปถึง พระองค์ก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหารทันที 38 ส่วนฟาริสีคนนั้นก็แปลกใจที่พระเยซูไม่ได้ล้างมือ[a] ตามพิธีก่อนกินอาหาร 39 พระองค์ก็บอกว่า “พวกคุณฟาริสี ล้างถ้วยชามแต่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ภายในนั้นมีแต่ความโลภ และความชั่วร้ายเต็มไปหมด 40 ช่างโง่เสียจริง พระเจ้าสร้างด้านนอกและด้านในด้วยไม่ใช่หรือ 41 ถ้างั้นก็ให้กับคนจนด้วยใจ แล้วทุกอย่างก็จะสะอาดบริสุทธิ์สำหรับคุณ
42 น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เป็นฟาริสี คุณเคร่งครัดมากในเรื่องการถวายหนึ่งในสิบ[b]ให้กับพระเจ้า แม้แต่ใบสะระแหน่ ต้นรู[c] และสมุนไพร ก็ให้จนครบถ้วน แต่พวกคุณกลับไม่มีความยุติธรรม และไม่มีความรักให้กับพระเจ้า คุณควรจะทำสิ่งนี้ไปพร้อมๆกับการถวายด้วย
43 น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เป็นฟาริสี คุณชอบนั่งในที่อันมีเกียรติในที่ประชุม และชอบให้คนยกมือไหว้ที่ตลาด
44 น่าละอายจริงๆพวกคุณเป็นเหมือนหลุมศพที่ไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ ที่คนเดินเหยียบย่ำไปมาโดยไม่รู้ตัว”[d]
45 คนที่เก่งกฎปฏิบัติคนหนึ่งพูดว่า “อาจารย์พูดอย่างนี้ ก็เท่ากับดูถูกพวกเราด้วย”
46 พระเยซูจึงตอบว่า “ใช่แล้ว พวกคุณที่เก่งกฎปฏิบัติ ก็น่าละอายจริงๆเพราะพวกคุณออกกฎที่เป็นภาระหนักอึ้งให้คนอื่นแบกไว้ แต่ตัวเองไม่คิดที่จะช่วยแบกแม้แต่นิ้วเดียว
47 น่าละอายจริงๆเพราะคุณสร้างอนุสาวรีย์สำหรับผู้พูดแทนพระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกคุณเป็นคนฆ่า 48 แสดงว่าพวกคุณเห็นดีด้วยกับสิ่งที่บรรพบุรุษของคุณได้ทำไป พวกเขาฆ่า พวกคุณก็สร้างอนุสาวรีย์ให้ 49 เพราะอย่างนี้ จึงมีสติปัญญาของพระเจ้าบอกไว้ว่า ‘เราจะส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และพวกทูตพิเศษ ไปให้พวกเขา ซึ่งบางคนก็จะถูกพวกเขาฆ่า และบางคนก็จะถูกข่มเหง’ 50 คนสมัยนี้จะต้องถูกลงโทษสำหรับเลือดของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคน ที่ถูกฆ่าตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมา 51 นับจากเลือดของอาเบล จนถึงเลือดของเศคาริยาห์[e] ที่ถูกฆ่าตายระหว่างแท่นบูชากับวิหารของพระเจ้า ใช่แล้ว เราจะบอกให้รู้ว่า คนในสมัยนี้นี่แหละที่จะต้องถูกลงโทษสำหรับเลือดของคนพวกนั้นทุกคน
52 น่าละอายจริงๆพวกคุณที่เก่งกฎปฏิบัติ เพราะคุณเอากุญแจที่จะไขความรู้ไป แต่ตัวเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังขัดขวางคนอื่นที่กำลังจะเข้าไปอีกด้วย”
53 เมื่อพระเยซูออกไปแล้ว พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสี ก็เริ่มต่อต้านพระองค์อย่างหนัก และซักถามหลายๆเรื่องอย่างไม่หวังดี 54 เพื่อคอยจับผิดคำพูดของพระองค์
อย่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด
12 มีชาวบ้านหลายพันคนได้มายืนเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ก่อนว่า “ระวังเชื้อของพวกฟาริสีไว้ให้ดี นั่นคือความหน้าซื่อใจคด[f]ของพวกเขา 2 ทุกอย่างที่ปิดบังไว้ก็จะถูกเปิดโปงออกมา และทุกอย่างที่เป็นความลับก็จะถูกเปิดเผย 3 สิ่งที่พวกคุณแอบพูดกันในที่มืดจะได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่คุณกระซิบข้างหูในห้องส่วนตัว ก็จะถูกประกาศจากบนดาดฟ้า”
ควรกลัวใคร
(มธ. 10:28-31)
4 “เพื่อนรัก อย่ากลัวมนุษย์เลย เพราะเขาฆ่าได้แต่เพียงร่างกายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ทำอะไรคุณไม่ได้อีกแล้ว 5 แต่ให้เกรงกลัวพระองค์ ผู้ที่มีอำนาจที่นอกจากจะฆ่าแล้วยังโยนลงไปในนรกได้อีกด้วย ใช่แล้ว เราบอกให้เกรงกลัวผู้นี้แหละ
6 ขนาดนกกระจอกห้าตัว ขายแค่สองบาท พระเจ้าก็ยังไม่เคยลืมพวกมันสักตัว 7 ขนาดผมทุกเส้นบนหัวคุณ พระองค์ก็นับไว้หมดแล้ว อย่ากลัวเลย เพราะคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกทั้งฝูงมากนัก”
บทเรียนที่ได้รับจากประวัติของอิสราเอล
บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ
1 คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา
เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา
2 เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา
เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต
3 ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี
เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง
4 พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา
พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง
ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ
5 พระเจ้าทำข้อตกลงไว้กับยาโคบ
พระองค์ให้กฎกับชาวอิสราเอลทำตาม
และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของพวกเรา
ให้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้กับลูกๆของพวกเขา
6 เพื่อว่าคนรุ่นต่อไป คือเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้
และเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาฟัง
7 แล้วพวกเขาจะได้ไว้วางใจในพระเจ้า
และไม่ลืมสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ
แต่จะรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์ไว้
8 พวกเขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเขา
ซึ่งเป็นรุ่นที่กบฏและไม่เชื่อฟัง
ซึ่งใจของพวกเขาไม่ได้มั่นคงในพระเจ้า
และจิตวิญญาณของพวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
9 เช่น คนเอฟราอิมที่มีธนู[a]พร้อมมือ
แต่กลับวิ่งหนีในวันที่การสู้รบมาถึง
10 พวกเขาไม่ได้รักษาข้อตกลงที่ทำไว้กับพระเจ้า
พวกเขาไม่ยอมทำตามกฎต่างๆของพระองค์
11 พวกเขาลืมสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำไป
คือสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำให้พวกเขาเห็น
12 พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา
ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์
13 พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป
พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง
14 พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน
และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน
15 พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก
และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก
16 พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา
พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ
17 แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป
และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
18 แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า
พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน
19 พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า
“ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ
20 ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้
แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ
พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ”
21 เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ
และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ
ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล
22 เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า
และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้
23 แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน
และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า
24 แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน
พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา
25 คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า[b]
พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน
26 แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่
และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า
27 พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น
มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล
28 นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย
รอบๆเต็นท์ของพวกเขา
29 พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้
และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ
30 แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น
ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก
31 จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา
พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน
พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล
19 ปากที่พูดความจริงจะคงอยู่ตลอดไป
แต่ลิ้นที่พูดโกหกจะอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น
20 ความหลอกลวงอยู่ในจิตใจของคนที่วางแผนทำชั่ว
แต่ความชื่นชมยินดีย่อมอยู่ในจิตใจของคนที่วางแผนทำดี
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International