The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
เดโบราห์ผู้นำหญิง
4 เมื่อเอฮูดตาย ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก 2 พระยาห์เวห์ก็เลยขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของยาบินกษัตริย์ของคานาอัน ผู้ครอบครองเมืองฮาโซร์ แม่ทัพของเขาคือสิเสรา ที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม 3 ชาวอิสราเอลก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์อีก เพราะสิเสรามีรถรบเหล็กถึงเก้าร้อยคัน และเขาได้กดขี่ข่มเหงชาวอิสราเอลอย่างโหดร้ายทารุณถึงยี่สิบปี
4 เดโบราห์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่กำลังทำหน้าที่เป็นผู้นำของอิสราเอลอยู่ในเวลานั้น นางเป็นเมียของลับปิโดท 5 เดโบราห์เคยนั่งตัดสินคดีอยู่ใต้ต้นอินทผลัมของนาง ที่อยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในเขตเทือกเขาเอฟราอิม และชาวอิสราเอลก็มาหานางเพื่อให้นางตัดสินคดีให้
6 นางส่งคนไปเรียกบาราคลูกชายของอาบีโนอัม ให้มาจากเมืองคาเดชในเขตแดนของนัฟทาลี นางพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่ได้สั่งท่านหรือว่า ให้ยกพลไปตั้งอยู่ที่ภูเขาทาโบร์ และเกณฑ์คนหนึ่งหมื่นคนจากเผ่านัฟทาลีและจากเผ่าเศบูลุน 7 เราจะล่อสิเสรา แม่ทัพของกองทัพยาบิน พร้อมกับรถรบ และกองทหารของเขา ให้ออกมาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน และเราจะยกพวกเขาให้ตกอยู่ในกำมือของเจ้า”
8 บาราคจึงตอบเดโบราห์ว่า “ถ้าท่านไปกับข้า ข้าก็จะไป แต่ถ้าท่านไม่ไปกับข้า ข้าก็ไม่ไป”
9 เดโบราห์พูดว่า “ข้าจะไปกับท่านแน่ แต่บอกให้ท่านรู้ไว้ว่า ท่านจะไม่ได้รับเกียรติในทางที่ท่านจะไปนี้ เพราะพระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิง” แล้วเดโบราห์จึงลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช 10 บาราคได้รวบรวมพลจากเผ่าเศบูลุนและเผ่านัฟทาลีมาที่เคเดช เขารวบรวมได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นคนที่มาติดตามเขา และเดโบราห์ก็ไปกับเขาด้วย
11 มีชายคนหนึ่งชื่อเฮเบอร์ ชาวเคไนต์ เขาได้แยกตัวออกมาจากคนเคไนต์ แล้วมาตั้งค่ายอยู่ที่ต้นโอ๊กในศานันนิม ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเคเดช เคไนต์เป็นลูกหลานของโฮบับ และโฮบับเป็นพ่อตาของโมเสส 12 มีคนบอกสิเสราว่า บาราคลูกชายของอาบีโนอัม ได้ขึ้นไปที่ภูเขาทาโบร์ 13 สิเสราจึงรวบรวมรถรบเหล็กทั้งเก้าร้อยคันของเขาและทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขา เคลื่อนพลจากเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม ไปที่แม่น้ำคีโชน
14 แล้วเดโบราห์พูดกับบาราคว่า “ลุกขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของท่าน พระยาห์เวห์นำหน้าท่านอย่างแน่นอน” ดังนั้นบาราคจึงลงมาจากภูเขาทาโบร์และมีทหารทั้งหมื่นคนติดตามเขาไป
15 ในขณะที่บาราคเข้าโจมตีนั้น พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝ่ายของสิเสรารวมทั้งรถรบและกองทัพของเขาสับสนวุ่นวายใต้คมดาบของบาราค สิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนีไป 16 บาราคไล่ตามรถรบและกองทัพทั้งหลายของสิเสรา ไปจนถึงฮาโรเชท-ฮาโกยิม กองทัพทั้งหมดของสิเสราถูกฆ่าตายด้วยดาบ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
17 ส่วนสิเสราได้วิ่งหนีไปที่เต็นท์ของยาเอล เมียของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะกษัตริย์ยาบินเมืองฮาโซร์เป็นพันธมิตรกับครอบครัวเฮเบอร์คนเคไนต์ 18 ยาเอลออกมาพบกับสิเสรา นางพูดกับเขาว่า “เชิญทางนี้เจ้านาย เชิญมาหาดิฉันทางนี้ ไม่ต้องกลัว” เขาจึงตรงเข้าไปหานาง เข้าไปที่เต็นท์ของนาง และนางก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเขาไว้
19 จากนั้นสิเสราก็พูดกับยาเอลว่า “ขอน้ำให้ข้ากินหน่อย ข้าหิวน้ำ” ดังนั้นนางจึงเปิดถุงน้ำนมและให้เขาดื่ม และเอาผ้าคลุมเขาไว้ 20 เขาพูดกับนางว่า “ช่วยยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์หน่อย และถ้ามีใครถามว่า ‘มีใครอยู่ในนี้หรือเปล่า’ ให้บอกว่า ‘ไม่มี’”
21 แต่ยาเอลเมียของเฮเบอร์หยิบหมุดขึงเต็นท์กับค้อน แล้วค่อยๆย่องเข้าไปหาเขา และนางก็ตอกหมุดไปตรงขมับของเขา ทะลุติดดิน ในขณะที่เขากำลังหลับสนิท เพราะเหน็ดเหนื่อยมาก เขาจึงตาย 22 ทันใดนั้น บาราคที่กำลังไล่ล่าสิเสราก็มาถึง ยาเอลออกมาพบเขาและพูดกับเขาว่า “เข้ามาสิ แล้วฉันจะให้ท่านดูชายที่ท่านกำลังตามหาอยู่” เขาจึงเข้าไปในเต็นท์กับนาง และเห็นสิเสรานอนตายอยู่ที่นั่น มีหมุดปักเต็นท์ตอกอยู่ที่ขมับ
23 ดังนั้น ในวันนั้น พระเจ้าก็ได้พิชิตกษัตริย์ยาบินของคานาอันให้กับชาวอิสราเอล 24 ชาวอิสราเอลก็มีกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆเหนือกษัตริย์ยาบินของคานาอัน จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ทำลายกษัตริย์ยาบินของคานาอันไป
บทเพลงของเดโบราห์
5 ในวันนั้น เดโบราห์และบาราคลูกชายอาบีโนอัมได้ร้องเพลงนี้
2 สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
เพราะชาวอิสราเอลเป็นจำนวนมากได้อุทิศตัวอย่างเต็มที่
กองทัพได้อาสาสมัครเข้าร่วมรบ
3 ฟังให้ดี กษัตริย์ทั้งหลาย
สนใจหน่อย ผู้ครอบครองทั้งหลาย
ข้าจะร้องเพลง
ตัวข้าเองจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
ข้าจะร้องเพลงไปกับเครื่องดนตรี
ให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ออกมาจากเทือกเขาเสอีร์
เมื่อพระองค์ย่างก้าวมาที่นี่จากแผ่นดินของเอโดม
แผ่นดินก็สั่นสะท้าน
ท้องฟ้าก็เทฝนลงมา
หมู่เมฆก็เทน้ำลงมา
5 ภูเขาต่างๆก็สั่นสะเทือน
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระผู้นั้นของซีนาย
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
6 ในสมัยของชัมการ์บุตรอานาท
และในสมัยของยาเอล พวกขบวนคาราวานก็หยุดเดิน
พวกคนเดินทางก็อ้อมไปใช้เส้นหลัง
7 คนชนบทก็หวาดกลัวที่จะออกไปทำสวนทำไร่
ในอิสราเอล พวกเขาก็หลบอยู่แต่ในบ้านกัน
จนกระทั่งท่านมา เดโบราห์
จนกระทั่งท่านมาเป็นเหมือนแม่ของอิสราเอล
8 เมื่อพระเจ้าเลือกพวกผู้นำคนใหม่ขึ้นมา[a]
สงครามก็มาถึงประตูเมือง
ไม่มีโล่หรือหอกสักอันเดียว
ในหมู่ทหารอิสราเอลสี่หมื่นคน
9 ข้ารู้สึกสำนึกในบุญคุณของพวกผู้นำอิสราเอล
และคนเหล่านั้นที่อาสาไปออกรบ
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
10 พวกเจ้าชาวคะนาอันที่ขี่อยู่บนลาตัวเมียสีเหลืองอมแดงที่หายาก
พวกเจ้าคนร่ำรวยที่นั่งอยู่บนอานทำจากพรมอันมีค่า[b]
พวกเจ้าพ่อค้าที่เดินทางอยู่ตามถนนหลวง
ให้ทบทวนและเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้
11 ให้ฟังคำพูดของคนเหล่านั้นที่แจกน้ำอยู่แถวบริเวณที่ตักน้ำ
ที่นั่นพวกเขาบอกเล่าถึงชัยชนะทั้งหลายของพระยาห์เวห์
คือชัยชนะของชาวชนบทของพระองค์ในอิสราเอล
แล้วกองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปโจมตีประตูเมืองของศัตรู
12 เดโบราห์ ลุย ลุย
ลุย ลุย ร้องเพลงปลุกใจเถิด
ลุกขึ้น บาราคลูกของอาบีโนอัม
ไปจับตัวพวกศัตรูของท่านเถิด
13 ดังนั้นคนที่หลงเหลืออยู่ก็ลงไปสู้รบกับทหารที่เก่งกาจ
กองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปสู้รบกับพวกนักรบให้กับข้า
14 คนอิสราเอลจากเผ่าเอฟราอิมที่อาศัยอยู่ท่ามกลางคนอามาเลค[c] ก็มาด้วย
เบนยามินเอ๋ย พวกเขาเดินตามหลังท่านและทหารของท่านมา
จากตระกูลมาคีร์ก็มีพวกผู้บังคับบัญชา[d] ลงมาช่วยรบด้วย
จากเผ่าเศบูลุนก็มีพวกเจ้าหน้าที่มาด้วย
15 พวกหัวหน้าของเผ่าอิสสาคาร์ก็มาอยู่กับเดโบราห์
กองทัพจากอิสสาคาร์สนับสนุนบาราค
พวกเขาถูกส่งลงไปในหุบเขา ภายใต้คำสั่งของบาราค
พวกตระกูลแห่งเผ่ารูเบน
ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ออกไปช่วยรบ
16 ทำไมท่านถึงได้นั่งอยู่ที่คอกแกะ
และฟังเสียงปี่ที่เขาเป่าให้ฝูงแกะฟัง
พวกตระกูลของเผ่ารูเบน
ต่อสู้ในใจว่าน่าจะออกไปช่วยรบแต่ไม่ไป
17 กิเลอาดก็พักอยู่ที่บ้านอีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน
ส่วนดาน ทำไมเจ้าถึงได้รับจ้างทำงานอยู่บนเรือทั้งหลาย
ส่วนอาเชอร์ พวกเขายังคงอยู่ที่ฝั่งทะเล
พักอยู่ที่บ้านตามท่าเรือของเขา
18 แต่คนของเศบูลุนและนัฟทาลี
ได้เสี่ยงชีวิตสู้รบอยู่บนที่ราบที่ลดหลั่นลงมา
19 พวกกษัตริย์ก็มาสู้รบ
คือพวกกษัตริย์ของคานาอัน
สู้รบที่ทาอานาค ข้างลำธารเมกิดโด
แต่พวกเขาไม่ได้ปล้นเอาเงินไป
20 ดวงดาวต่อสู้จากฟากฟ้า
จากเส้นทางของพวกมัน พวกมันได้ต่อสู้กับสิเสรา
21 แม่น้ำคีโชน แม่น้ำคีโชนอันเก่าแก่นั้น[e]
ได้กวาดพวกสิเสราไปเสีย
จิตใจข้าเอ๋ย มุ่งไปอย่างฮึกเหิม[f] เถิด
22 แล้วกีบม้าก็ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำนั้น
ม้าอันทรงพลังของสิเสราก็ยกสองเท้าหน้าขึ้นตะกายฟ้าในสนามรบ
23 ทูต[g] ของพระยาห์เวห์พูดว่า “ให้สาปแช่งเมืองเมโรส
ให้สาปแช่งอย่างขมขื่นต่อคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
เพราะพวกเขาไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์
ไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์สู้รบกับพวกนักรบ
24 หญิงที่สมควรได้รับรางวัลมากที่สุดคือยาเอล
นางเป็นเมียของเฮเบอร์ชาวเคไนต์
ในพวกผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามเต็นท์นั้น
นางสมควรได้รับรางวัลที่สุด
25 สิเสราขอน้ำดื่ม นางก็ให้นมกับเขา
นางเอาโยเกิร์ตใส่ชามที่เหมาะสมกับพวกผู้นำให้กับเขา
26 นางเอื้อมมือซ้ายไปหยิบหมุดปักเต็นท์
และมือขวาไปหยิบค้อน
นางตอกมันเข้าไปที่หัวของสิเสรา
บี้หัวของเขาแตกเป็นชิ้นๆ
นางตีทะลุขมับของเขาไป
27 เขาล้มลงที่เท้าของยาเอล
เขานอนแผ่หลาอยู่
เขาล้มลงแทบเท้าของนาง
เขาล้มลงตายที่นั่น
28 แม่ของสิเสรา มองลอดหน้าต่างออกไป
นางมองผ่านช่องหน้าต่างแล้วร้องว่า
‘ทำไมรถรบของสิเสราถึงได้มาช้านัก
ทำไมเสียงพวกรถม้าของเขาถึงได้ล่าช้านัก’
29 เพื่อนชั้นสูงที่ฉลาดที่สุดของนางก็ตอบไป
และแม่ของสิเสราก็ตอบคำถามตัวเองไปว่า
30 ‘แน่นอน พวกเขากำลังค้นหาและแบ่งปันของที่ยึดได้กันอยู่
นักรบแต่ละคนกำลังจับหญิงคนสองคนมาข่มขืน
พวกของที่ยึดได้นั้น มีทั้งผ้าย้อมสีเป็นของสิเสรา
และผ้าที่ปักลวดลายทั้งสองหน้า’
31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้ศัตรูของพระองค์ถูกทำลายอย่างนี้ทุกคน
แต่ขอให้พวกเพื่อนๆของพระองค์ เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ตอนที่มันโผล่ขึ้นอย่างเต็มพลังของมัน”
และแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี
ให้เตรียมพร้อมสำหรับปัญหายุ่งยาก
35 พระเยซูถามพวกศิษย์เอกว่า “แล้วตอนที่เราส่งพวกคุณออกไป โดยไม่มีกระเป๋าเงิน ถุงย่าม และรองเท้า พวกคุณขาดแคลนอะไรกันหรือเปล่า”
พวกเขาตอบว่า “ไม่ขาดแคลนอะไรเลยครับ”
36 พระองค์พูดว่า “แต่ตอนนี้ คนที่มีกระเป๋าเงินหรือถุงย่าม ก็ให้เอาติดตัวไปด้วย และถ้าใครไม่มีดาบ ก็ให้เอาเสื้อผ้าไปขาย แล้วไปซื้อดาบซะ 37 ที่เราบอกให้ทำอย่างนี้ ก็เพราะว่า มีข้อพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘เขาถูกนับเป็นอาชญากรคนหนึ่งด้วย’ ซึ่งหมายถึงตัวเราเอง
และมันก็จะเป็นจริงตามนั้น”[a]
38 พวกเขาจึงบอกว่า “อาจารย์ครับ นี่ไง ดาบสองเล่ม” แต่พระองค์บอกว่า “เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”
อธิษฐานบนภูเขา
(มธ. 26:36-46; มก. 14:32-42)
39 พระเยซูออกไปที่ภูเขามะกอกเทศอีกตามเคย พวกศิษย์ก็ตามไปด้วย 40 เมื่อไปถึง พระองค์พูดว่า “ให้อธิษฐาน ขออย่าให้ตัวเองแพ้ต่อการยั่วยวน”
41 พระองค์ปลีกตัวออกไปใกล้ๆแค่ระยะขว้างหินตก แล้วพระองค์ก็คุกเข่าลงอธิษฐานว่า 42 “พระบิดา ถ้าพระองค์พอใจ ช่วยเอาถ้วย[b] แห่งความทุกข์นี้ไปจากลูกด้วยเถิด แต่ขอให้เป็นไปตามใจของพระบิดา ไม่ใช่ตามใจตัวลูกเอง” 43 แล้วก็มีทูตสวรรค์ลงมาให้กำลังใจพระองค์ 44 พระองค์ต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักในการอธิษฐาน จนเหงื่อไหลเหมือนหยดเลือดตกบนพื้นดิน[c] 45 เมื่ออธิษฐานแล้ว พระองค์ลุกขึ้นเดินกลับไป แต่เห็นพวกศิษย์นอนหลับกันหมด เพราะเสียใจจนหมดแรง 46 พระองค์จึงพูดว่า “ทำไมยังนอนกันอยู่อีก ลุกขึ้นมาอธิษฐานสิ จะได้ไม่แพ้ต่อการยั่วยวน”
พระเยซูถูกจับกุมตัว
(มธ. 26:47-56; มก. 14:43-50; ยน. 18:3-11)
47 พระเยซูพูดยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนของพระองค์ ก็นำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา ยูดาสทำท่าจะเข้ามาจูบทักทายพระองค์
48 พระเยซูถามยูดาสว่า “ยูดาส จะหักหลังบุตรมนุษย์ด้วยการจูบหรือ” 49 เมื่อพวกศิษย์ของพระเยซูเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามพระองค์ว่า “อาจารย์ เอาดาบลุยมันเลยดีไหม” 50 ศิษย์คนหนึ่งของพระองค์ได้ชักดาบออกมา แล้วก็ฟันถูกหูขวาของทาสคนหนึ่งของหัวหน้านักบวชสูงสุดขาดไป
51 พระเยซูห้ามว่า “พอแล้ว” แล้วพระองค์ก็จับหูคนนั้นและรักษาให้เหมือนเดิม
52 แล้วพระเยซูหันไปพูดกับพวกหัวหน้านักบวช พวกนายทหารรักษาวิหาร และพวกผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหลายที่มาจับพระองค์ว่า “เห็นเราเป็นโจรหรือยังไง ถึงได้ถือดาบและไม้กระบองมา 53 เราอยู่กับพวกคุณทุกวันในวิหาร ก็ไม่เห็นคุณจับเราเลย แต่ตอนนี้เป็นเวลาของคุณแล้ว เป็นเวลาที่ความมืดครอบครอง”
พระยาห์เวห์ผู้พิพากษาของคนทั้งโลก
1 ข้าแต่พระเจ้าผู้ลงโทษคนผิดบาป ข้าแต่พระยาห์เวห์
ข้าแต่พระเจ้าผู้ลงโทษคนผิดบาป ขอให้เราได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ด้วยเถิด
2 พระองค์ผู้พิพากษาโลก โปรดลุกขึ้น
ขอให้ตอบแทนคนหยิ่งยโสอย่างสาสมด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานแค่ไหน
อีกนานแค่ไหนที่พระองค์จะปล่อยให้คนชั่วพวกนั้นเฉลิมฉลองกัน
4 อีกนานแค่ไหน ที่พระองค์จะปล่อยให้คนชั่วพวกนั้นพูดจาเย่อหยิ่งจองหอง
และปล่อยให้คนเลวคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องชั่วๆที่พวกเขาทำ
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คนพวกนี้ขยี้คนของพระองค์
พวกเขาข่มเหงชนชาตินั้นที่เป็นของพระองค์
6 พวกเขาฆ่าแม่หม้าย และคนต่างด้าว
และพวกเขาเข่นฆ่าเด็กกำพร้า
7 คนชั่วเหล่านั้นพูดว่า “พระยาห์เวห์ไม่เห็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่หรอก
พระเจ้าแห่งยาโคบไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น”
8 เจ้าพวกสุดยอดโง่ของคนทั้งหลาย ให้ฉลาดเสียทีเถอะ
เจ้าพวกคนโง่เอ๋ย เมื่อไหร่จะเรียนรู้เสียที
9 เจ้าคิดว่า พระองค์ผู้สร้างหู จะไม่ได้ยินหรือยังไง
เจ้าคิดว่าพระองค์ผู้สร้างตา จะมองไม่เห็นหรือยังไง
10 เจ้าคิดว่าพระองค์ผู้ตีสอนชนชาติทั้งหลายจะไม่ลงโทษพวกเจ้าหรือยังไง
เจ้าคิดว่าผู้สอนมนุษย์ทั้งหลายจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือยังไง
11 พระยาห์เวห์รู้จักความคิดของมนุษย์
และพระองค์รู้ว่ามันไร้สาระ
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คนที่พระองค์ตีสอนนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
คือคนที่พระองค์ต่อว่าด้วยกฎของพระองค์
13 พระองค์ให้เขาได้รับการบรรเทาในช่วงที่มีปัญหา
จนกว่าพระองค์จะขุดหลุมของคนชั่วให้เสร็จ
14 พระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์
พระองค์จะไม่ละทิ้งชนชาติของพระองค์
15 แล้วการพิพากษาก็จะกลับมายุติธรรมเหมือนเดิม
และคนซื่อตรงทุกคนก็จะทำตามมัน
16 ใครเล่าจะยืนขึ้นช่วยข้าพเจ้าต่อต้านคนชั่วเหล่านี้
ใครเล่าจะยืนหยัดเพื่อข้าพเจ้าในการต่อต้านคนที่ทำชั่วนั้น
17 หากพระยาห์เวห์ไม่มาช่วยข้าพเจ้าในเร็ววัน
ข้าพเจ้าคงนอนสงบนิ่งอยู่ในหลุมฝังศพเป็นแน่
18 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะพูดว่า “เท้าข้าพเจ้ากำลังจะลื่นล้ม”
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์ได้ช่วยพยุงข้าพเจ้าไว้
19 เมื่อข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความกังวล
พระองค์ก็ปลอบโยนข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข
20 ผู้พิพากษาที่ชั่วร้ายจะเป็นฝ่ายเดียวกับพระองค์ได้หรือ
พวกเขาใช้กฎหมายกดขี่ข่มเหงคนอื่น
21 ผู้พิพากษาชั่วร้ายพวกนี้รวมหัวกันต่อต้านคนดี
และตัดสินประหารชีวิตคนบริสุทธิ์
22 แต่พระยาห์เวห์มาเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า เป็นหินหลบภัยของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าจะวิ่งเข้าไปลี้ภัย
23 พระองค์จะลงโทษผู้พิพากษาชั่วร้ายพวกนั้นสำหรับสิ่งที่เขาก่อขึ้น
พระองค์จะทำลายพวกเขา สำหรับความชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะทำลายพวกเขา
3 คำพูดของคนโง่นำไม้เรียวมาสู่หลัง
แต่ปากของคนฉลาดจะปกป้องตัวเขาเอง
4 คอกวัวที่ไม่มีวัวดูสะอาดสะอ้าน
แต่พืชผลอันอุดมสมบูรณ์เกิดจากแรงวัว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International