The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NRSVUE. Switch to the NRSVUE to read along with the audio.
คนที่ไม่สามารถเข้าร่วมนมัสการ
23 ชายที่ลูกอัณฑะถูกทำลายหรือถูกตัดอวัยวะเพศ จะเข้าร่วมนมัสการพระยาห์เวห์กับชายอิสราเอลคนอื่นๆไม่ได้ 2 ถ้าชายคนไหนที่พ่อแม่แต่งงานกันทั้งๆที่มีกฎห้ามแต่ง ชายคนนั้นก็จะไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนของพระยาห์เวห์ และลูกหลานของเขาอีกสิบชั่วรุ่น ก็จะไม่มีสิทธิ์อย่างเต็มที่เหมือนกัน
3 ชาวอัมโมนหรือชาวโมอับจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนอิสราเอล และลูกหลานของเขาอีกสิบชั่วรุ่นก็จะไม่เป็นส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป 4 เพราะพวกเขาไม่ยอมให้อาหารและน้ำดื่มกับท่าน ตอนที่ท่านเดินทางออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และพวกเขายังว่าจ้างบาลาอัมมาสาปแช่งท่าน บาลาอัมเป็นลูกชายของเบโอร์จากเมืองเปโธร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมีย 5 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ยอมฟังบาลาอัม และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเปลี่ยนคำสาปแช่งให้เป็นคำอวยพรสำหรับท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านรักท่าน 6 ตลอดชีวิตของท่าน อย่าไปทำให้คนพวกนี้สะดวกสบายหรือมั่งคั่งเป็นอันขาด
คนที่ชาวอิสราเอลควรยอมรับ
7 อย่าเกลียดชาวเอโดม เพราะเขาคือพี่น้องของท่าน อย่าเกลียดชาวอียิปต์ เพราะท่านเคยเป็นชาวต่างชาติในประเทศของเขามาก่อน 8 ลูกของชาวเอโดมและชาวอียิปต์รุ่นที่สาม สามารถเข้าร่วมนมัสการพระยาห์เวห์กับชายอิสราเอลได้
สุขอนามัยในค่าย
9 เมื่อท่านออกไปตั้งค่ายเผชิญหน้ากับศัตรู ท่านต้องอยู่ห่างไกลจากทุกสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ 10 เมื่อมีบางคนในค่ายฝันเปียกตอนกลางคืน ทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ เขาต้องออกไปนอกค่าย ห้ามเข้ามาในค่าย 11 พอตกเย็น เขาต้องอาบน้ำ เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาถึงกลับเข้าค่ายได้
12 ท่านต้องมีสถานที่หนึ่งนอกค่ายสำหรับออกไปถ่ายทุกข์ 13 ท่านต้องเอาไม้กับอุปกรณ์ไปด้วย เมื่อท่านถ่ายทุกข์เสร็จแล้ว ก็ให้เอาไม้นั้นขุดหลุม และกลบอึของท่านด้วย 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านในค่ายนั้นด้วย เพื่อช่วยชีวิตท่านและช่วยให้ท่านชนะศัตรู ดังนั้นค่ายของท่านต้องเตรียมไว้ให้บริสุทธิ์สำหรับพระองค์ พระองค์จะได้ไม่เห็นอะไรที่น่ารังเกียจท่ามกลางท่านและเลิกติดตามท่านไป
กฎอื่นๆ
15 ทาสที่หนีนายของเขามาอยู่กับท่าน ท่านต้องไม่ส่งทาสนั้นคืนไปให้นายเก่าของเขา 16 ทาสนั้นจะเลือกอยู่ที่ไหนก็ได้ในเมืองต่างๆของท่าน ตามใจเขา ห้ามบังคับเขา
17 ห้ามไม่ให้ลูกสาวและลูกชายของคนอิสราเอลเป็นโสเภณี 18 ท่านต้องไม่เอาค่าตัวของโสเภณีหญิงหรือโสเภณีชาย มาแก้บนในวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขยะแขยงทั้งโสเภณีหญิงและชาย
19 เมื่อท่านให้พี่น้องอิสราเอลกู้ยืม ท่านต้องไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยอาหารหรือดอกเบี้ยอะไรก็แล้วแต่ที่ท่านให้กู้ยืมไป 20 ท่านอาจคิดดอกเบี้ยกับชาวต่างชาติได้ แต่ต้องไม่คิดจากพี่น้องชาวอิสราเอลคนอื่น เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดเป็นเจ้าของ
21 เมื่อท่านบนไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าชักช้าที่จะแก้บน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทวงจากท่านแน่นอน และท่านจะมีความผิดเพราะบาปนั้น 22 แต่ถ้าท่านไม่ได้บนไว้กับพระยาห์เวห์ ท่านก็ไม่มีความผิดเพราะบาปนั้น 23 ท่านต้องทำตามคำพูดของตัวเองอย่างระมัดระวัง ตามที่ท่านสมัครใจบนไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยปากของท่านเอง
24 ถ้าท่านเข้าไปในไร่องุ่นของเพื่อนบ้าน ท่านกินองุ่นได้เต็มที่เลย จนกว่าจะอิ่ม แต่ห้ามเก็บองุ่นใส่กระเป๋า 25 ถ้าท่านเดินผ่านทุ่งนาของเพื่อนบ้าน ท่านเอามือเด็ดรวงข้าวกินได้เลย แต่ต้องไม่ใช้เคียวเกี่ยวข้าวของคนอื่น ติดตัวไปด้วย
24 ถ้าชายคนไหนรับผู้หญิงมาและแต่งงานกับนาง ต่อมาเขาเริ่มไม่พอใจนาง เพราะเขาค้นพบว่านางได้ไปทำสิ่งที่น่ารังเกียจ[a] และถ้าเขาเขียนใบหย่าให้กับนางและส่งนางออกจากบ้านเขาไป 2 นางก็ออกจากบ้านเขาและไปเป็นเมียของชายคนอื่น 3 และถ้าสามีคนใหม่ก็ไม่ชอบนางเหมือนกัน และเขียนใบหย่าให้กับนางและส่งนางออกจากบ้านเขาไป หรือถ้าสามีคนใหม่ตาย 4 สามีคนแรกที่ส่งนางออกไปจากบ้านนั้น จะรับนางกลับไปเป็นเมียอีกไม่ได้แล้ว เพราะนางกลายเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์สำหรับเขาแล้ว เพราะพระยาห์เวห์เกลียดการกระทำนี้ และท่านต้องไม่นำบาปเข้ามาบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านไว้เป็นเจ้าของ
5 เมื่อผู้ชายแต่งงานใหม่ๆ เขาต้องไม่ออกไปทำสงคราม และต้องไม่ให้งานอื่นๆกับเขาทำด้วย เขาจะอยู่บ้านไม่ต้องทำอะไรเป็นเวลาหนึ่งปี และทำให้เมียที่เขาเพิ่งแต่งงานด้วยมีความสุข
6 ถ้าท่านให้ใครกู้ยืม ห้ามเอาโม่หินหรือแม้แต่หินก้อนบนของโม่นั้นเป็นเครื่องค้ำประกัน เพราะเป็นการเอาของที่สำคัญต่อชีวิตมาเป็นของค้ำประกัน[b]
7 ถ้าเจอว่าใครไปลักพาตัวพี่น้องชาวอิสราเอลของเขาเอง แล้วทำให้เขากลายเป็นทาสหรือขายเขาไป คนที่ลักพาตัวนั้นต้องถูกฆ่าตาย ท่านต้องขจัดสิ่งชั่วร้ายไปจากท่ามกลางพวกท่าน
8 ระวังให้ดี ในเรื่องเกี่ยวกับโรคผิวหนังร้ายแรง ให้ทำตามคำสั่งของนักบวชอย่างระมัดระวัง พวกท่านต้องทำตามสิ่งที่เราได้สั่งพวกเขาไว้อย่างระมัดระวัง 9 จำสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำกับมิเรียม[c] ในช่วงการเดินทางหลังจากที่พวกท่านออกมาจากอียิปต์
10 เมื่อท่านให้เพื่อนบ้านกู้ยืมอะไรก็แล้วแต่ ท่านต้องไม่เข้าไปหยิบของค้ำประกันในบ้านเขา 11 ท่านต้องยืนรออยู่ข้างนอก และชายคนที่กู้ยืมจากท่านจะเอาของค้ำประกันออกมาให้กับท่านนอกบ้าน 12 ถ้าคนกู้ยืมนั้นยากจน ท่านต้องไม่เก็บเสื้อคลุมของเขาข้ามคืน เสื้อคลุมที่เขาเอามาให้กับท่านเป็นของค้ำประกัน 13 ท่านต้องคืนเสื้อคลุมนั้นให้เขาเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาจะได้ใส่นอน แล้วเขาจะอวยพรท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะยอมรับในการกระทำของท่านว่าถูกต้อง
14 ท่านต้องไม่โกงคนงานรับจ้างที่ยากจนและเดือดร้อน ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องชาวอิสราเอลของท่านหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในดินแดนของท่าน 15 ท่านต้องจ่ายค่าจ้างให้เขาในแต่ละวันก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน เพราะเขายากจนและเขาต้องการค่าจ้างนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะมาฟ้องร้องท่านกับพระยาห์เวห์ ท่านก็จะมีความผิดจากบาป
16 ต้องไม่ฆ่าพ่อแม่แทนลูกๆและต้องไม่ฆ่าลูกๆแทนพ่อแม่ บาปของใครของมัน คนไหนทำบาปคนนั้นก็ต้องถูกฆ่า 17 ท่านต้องไม่ตัดสินคนต่างชาติหรือเด็กกำพร้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างไม่ยุติธรรม ท่านต้องไม่รับเสื้อผ้าของแม่หม้ายเป็นของค้ำประกัน 18 ท่านต้องจำไว้ว่าท่านก็เคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ปลดปล่อยท่านจากที่นั่น นั่นเป็นเหตุที่เราถึงได้สั่งให้ท่านทำอย่างนี้
19 เมื่อท่านรวบรวมพืชผลในท้องทุ่งของท่าน และท่านลืมฟ่อนข้าวไว้ฟ่อนหนึ่งในทุ่ง ท่านต้องไม่กลับไปเอา ทิ้งมันไว้ตรงนั้นสำหรับชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าหรือแม่หม้าย เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ 20 เมื่อท่านตีกิ่งมะกอกเพื่อเอาผลของมัน ท่านต้องไม่กลับไปตีกิ่งมันซ้ำอีก ผลมะกอกที่คาอยู่บนต้นจะเก็บไว้ให้ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย 21 เมื่อท่านเก็บองุ่นจากไร่ อย่ากลับไปเก็บองุ่นที่คาอยู่บนต้น เหลือมันไว้ให้ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย 22 จำไว้ว่าท่านก็เคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ นั่นเป็นเหตุที่เราถึงได้สั่งให้ท่านทำอย่างนี้
25 เมื่อมีคนสองคนทะเลาะกัน พวกเขาควรไปที่ศาล ให้ผู้ตัดสินทำการตัดสินว่าใครถูกใครผิด 2 และถ้าคนทำผิดสมควรจะถูกเฆี่ยน ผู้ตัดสินต้องจับคนนั้นนอนคว่ำและเฆี่ยนเขาต่อหน้าผู้ตัดสิน จะเฆี่ยนกี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับความผิดที่เขาทำ 3 แต่ห้ามเฆี่ยนเขาเกินสี่สิบครั้ง ถ้าเกินกว่านี้ แสดงว่าท่านกำลังเหยียดหยามเพื่อนร่วมชาติคนนี้
4 ท่านต้องไม่เอาตะกร้อสวมปากวัว เพื่อกันไม่ให้มันกินเมล็ดข้าว ตอนที่มันกำลังย่ำเมล็ดข้าวอยู่
5 ถ้ามีพี่น้องสองคนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งตายไปและยังไม่มีลูก เมียของคนที่ตายต้องไม่แต่งงานกับคนนอกครอบครัว น้องของสามีต้องแต่งงานกับนางและมีเพศสัมพันธ์กับนาง และทำหน้าที่สามีแทนพี่ชาย[d] 6 แล้วเมื่อนางคลอดลูกชายคนแรก ก็ให้ถือว่าเป็นลูกของพี่ชายที่ตายไปแล้ว เพื่อว่าชื่อของพี่ที่ตายไปแล้ว จะได้ไม่ถูกลบออกจากชาวอิสราเอล 7 แต่ถ้าชายคนนั้นไม่ยอมแต่งงานกับเมียของพี่ชายที่ตาย เมียของคนที่ตายต้องไปหาพวกผู้นำที่ประตูเมืองและพูดว่า ‘น้องของสามีฉันไม่ยอมช่วยให้ชื่อของพี่เขาคงอยู่กับชาวอิสราเอลต่อไป เขาไม่ยอมทำหน้าที่ของน้องสามีกับฉัน’ 8 แล้วพวกผู้นำของเมืองต้องเรียกตัวเขามาพูดด้วย ถ้าเขายังยืนกรานและพูดว่า ‘ผมไม่ต้องการแต่งงานกับนาง’ 9 เมียของคนที่ตายต้องเข้ามาใกล้เขา ต่อหน้าผู้นำพวกนั้น แล้วนางก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งออกจากเท้าของเขา และถุยน้ำลายรดหน้าเขา และพูดว่า ‘คนที่ไม่ยอมสืบสกุลให้กับพี่ชายของเขาจะถูกทำอย่างนี้แหละ’ 10 แล้วคนนั้นจะถูกตั้งฉายาในอิสราเอลว่า ‘ครอบครัวของคนที่ถูกดึงรองเท้าออก’
11 ถ้าชายสองคนต่อสู้กัน และเมียของคนหนึ่งเข้ามาช่วยสามีของนางที่กำลังจะแพ้ และนางยื่นมือไปจับของลับของชายคนนั้น 12 ท่านต้องตัดมือของนางทิ้ง ท่านต้องไม่สงสารนาง
13 ห้ามมีลูกตุ้มชั่งน้ำหนักสองชุดในกระเป๋า ชุดหนึ่งหนักกับอีกชุดหนึ่งเบา 14 ห้ามมีเครื่องตวงสองเครื่องในบ้าน เครื่องหนึ่งใหญ่และอีกเครื่องหนึ่งเล็ก 15 ท่านต้องใช้แต่เครื่องชั่งที่ถูกต้องเที่ยงตรงเท่านั้น และท่านต้องใช้แต่เครื่องตวงที่ถูกต้องเที่ยงตรงด้วย เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน 16 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขยะแขยงทุกคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ ทุกคนที่ขี้โกง ไม่ว่าจะโกงตราชั่ง หรือโกงเครื่องตวงก็ตาม
ชาวอามาเลคต้องถูกทำลาย
17 จำได้หรือเปล่าว่าชาวอามาเลคทำอะไรไว้กับท่านบ้าง ตอนที่ท่านเดินทางออกมาจากอียิปต์ 18 จำได้ไหมว่าพวกเขาจู่ๆก็โผล่มาในระหว่างทาง และเข้าโจมตีท่านจากด้านหลัง ตอนที่ท่านเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า และฆ่าพวกที่อยู่ล้าหลัง พวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า 19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ท่านหยุดพักจากการต่อสู้กับศัตรูทั้งหมดทุกด้าน ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านเป็นเจ้าของ เพื่อเป็นมรดกของลูกหลานต่อไป อย่าลืมว่าท่านต้องกำจัดชาวอามาเลคให้หมดไปจากใต้ฟ้านี้
พระเยซูเตือนประชาชนที่ไม่เชื่อ
(มธ. 11:20-24)
13 “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา[a] เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน[b] แล้วละก็ คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจ ใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว 14 ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก 15 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่า เจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก”
16 แล้วพระองค์ก็บอกกับศิษย์ว่า “คนที่ยอมรับถ้อยคำของพวกคุณ ก็เท่ากับยอมรับเราด้วย และคนที่ไม่ยอมรับพวกคุณ ก็เท่ากับไม่ยอมรับเราด้วย แล้วคนที่ไม่ยอมรับเรา ก็เท่ากับไม่ยอมรับพระเจ้าผู้ที่ส่งเรามาด้วย”
ศิษย์เจ็ดสิบสองคนกลับมา
17 ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมารายงานพระเยซูด้วยความดีใจว่า “อาจารย์ครับ ตอนที่เราอ้างชื่อของอาจารย์ แม้แต่พวกผีชั่ว[c] ยังเชื่อฟังเราเลย” 18 พระเยซูตอบว่า “เราเห็นซาตานตกลงมาจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ 19 เราให้อำนาจพวกคุณ ที่จะเหยียบย่ำงูร้ายและแมงป่อง และเราให้อำนาจเหนือศัตรูทั้งหมด ไม่มีอะไรทำร้ายพวกคุณได้ 20 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าดีใจเพราะพวกผีชั่วเชื่อฟังคุณ แต่ให้ดีใจเพราะมีชื่อของพวกคุณจดไว้บนสวรรค์แล้ว”
พระเยซูขอบคุณพระบิดา
(มธ. 11:25-27; 13:16-17)
21 ในเวลานั้นพระเยซูเต็มไปด้วยความสุขในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์พูดว่า
“ลูกขอขอบคุณพระองค์ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ปิดบังเรื่องเหล่านี้จากพวกที่มีการศึกษาและพวกเฉลียวฉลาด แต่เปิดเผยให้กับคนที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆได้รู้ ใช่แล้ว พระบิดา เพราะนั้นแหละเป็นไปตามความพอใจของพระองค์”
22 “พระบิดาได้ให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรเลือกที่จะบอกให้รู้เกี่ยวกับพระบิดา”
23 พระเยซูหันมาพูดกับพวกศิษย์เป็นการส่วนตัวว่า “เป็นเกียรติจริงๆสำหรับพวกคุณที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ 24 เราจะบอกให้รู้ว่า มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และพวกกษัตริย์อยากเห็นอยากได้ยินสิ่งที่พวกคุณเห็นและได้ยินนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นและก็ไม่ได้ยินด้วย”
ชาวสะมาเรียใจดี
25 มีคนที่เก่งกฎของโมเสสคนหนึ่ง ลุกขึ้นทดสอบพระเยซู เขาถามว่า “อาจารย์ครับ ผมจะต้องทำยังไงถึงจะมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าตลอดไป”
26 พระเยซูตอบว่า “กฎเขียนไว้ว่าอะไร แล้วคุณตีความว่ายังไง”
27 เขาก็ตอบว่า “ให้รักองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของคุณ ด้วยสุดใจ สุดจิต สุดกำลัง และสุดความคิด[d] และให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[e]
28 พระเยซูพูดว่า “ถูกต้องแล้ว ไปทำตามนั้นเถอะ แล้วจะมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าตลอดไป”
29 แต่เขาอยากจะอวดว่า เขาทำถูกแล้วที่ถามคำถามอย่างนี้[f] เขาจึงถามต่อว่า “แล้วใครเป็นเพื่อนบ้านของผมล่ะครับ”
30 พระเยซูตอบว่า “มีชายคนหนึ่งเดินทางจากเมืองเยรูซาเล็มไปเมืองเยริโค ในระหว่างทางเขาถูกโจรปล้นและทำร้าย พวกโจรถอดเอาเสื้อผ้าเขาไป ทุบตีเขาแล้วหนีไป ทิ้งเขาให้นอนบาดเจ็บปางตายอยู่ที่นั่น 31 บังเอิญมีนักบวชคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นพอดี แต่พอเขาเห็นชายคนนั้นเขาก็หลีกข้ามไปเดินอีกฝั่งหนึ่ง 32 ผู้ช่วยในวิหารคนหนึ่งก็เหมือนกัน เมื่อเดินมาพบชายคนนั้น เขาก็หลีกเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน 33 แต่มีชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินผ่านมา เมื่อเห็นชายคนนั้น เขาก็สงสาร 34 รีบเข้าไปช่วย เอาเหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก[g] เทลงบนบาดแผล และพันผ้าไว้ แล้วก็ยกขึ้นหลังลาของเขา พาไปที่โรงแรม ดูแลพยาบาลเขา 35 วันต่อมาชาวสะมาเรียคนนี้ก็ให้เงินสองเหรียญกับเจ้าของโรงแรมและบอกว่า ‘ช่วยดูแลเขาให้ดีด้วยนะส่วนที่เกินจากนี้ ผมจะจ่ายคืนให้ตอนขากลับ’”
36 “คุณคิดว่า ในสามคนนี้ ใครทำตัวเป็นเพื่อนบ้านของชายที่ถูกโจรปล้นนี้”
37 คนที่เก่งกฎของโมเสสคนนี้ก็ตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตากับเขานะสิครับ”
พระเยซูก็พูดกับเขาว่า “คุณก็ทำอย่างเขาบ้างสิ”
สรรเสริญพระเจ้าผู้พิพากษา
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 ข้าแต่พระเจ้า พวกเราสรรเสริญพระองค์ พวกเราสรรเสริญพระองค์ พระองค์นั้นอยู่ใกล้
ผู้คนต่างพูดถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
2 พระเจ้าพูดว่า “เมื่อเวลาที่เรากำหนดไว้นั้นมาถึง
เราจะพิพากษาอย่างยุติธรรม
3 เมื่อแผ่นดินโลกและคนที่อาศัยอยู่ในมันสั่นไหว
เรานี่แหละเป็นผู้ที่ทำให้ฐานรากนั้นมั่นคง เซลาห์
4 เราบอกพวกที่เย่อหยิ่งจองหอง ‘เลิกโอ้อวดได้แล้ว’
เราบอกคนชั่วช้า ‘เลิกวางกล้ามใหญ่โตได้แล้ว
5 เลิกวางท่าราวกับว่ามีอำนาจสูงสุดเสียเหลือเกิน[a]
ไม่ต้องเชิดหน้าพูดจาโอ้อวดหรอก’”
6 เพราะการยกย่องไม่ได้มาจากทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
หรือมาจากที่เปล่าเปลี่ยว
7 แต่พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
ทำให้คนหนึ่งตกต่ำ แล้วทำให้อีกคนหนึ่งได้รับการยกย่อง
8 เพราะพระยาห์เวห์ถือจอกแห่งการพิพากษาอยู่ในมือ จอกนั้นเต็มไปด้วยเหล้าองุ่นฤทธิ์แรงที่ผสมเครื่องเทศ
เมื่อพระองค์เทเหล้าองุ่นแห่งความโกรธ-เกรี้ยวจากจอกนั้น คนชั่วทุกคนในโลกนี้จะต้องดื่มมันจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ตะกอนก้นถ้วย
9 ส่วนข้าพเจ้านั้นจะเล่าเรื่องราวของพระองค์อยู่เสมอ
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งยาโคบ
10 พระเจ้าพูดว่า “เราจะตัดกำลังของพวกคนชั่ว
และเพิ่มกำลังให้กับคนดี”[b]
12 คนชั่วร้าย โลภอยากได้สิ่งที่คนเลวอีกคนหนึ่งหามาได้
แต่รากของคนที่ทำตามใจพระเจ้านั้นจะออกดอกออกผล
13 คนชั่วติดกับดักในคำพูดที่ผิดบาปของตนเอง
แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะรอดพ้นจากปัญหา
14 เขาอิ่มไปด้วยสิ่งที่ดีๆที่เกิดมาจากคำพูดของเขาเอง
และเขาจะได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของเขา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International