Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NRSVUE. Switch to the NRSVUE to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 23-25

คนที่ไม่สามารถเข้าร่วมนมัสการ

23 ชายที่ลูกอัณฑะถูกทำลายหรือถูกตัดอวัยวะเพศ จะเข้าร่วมนมัสการพระยาห์เวห์กับชายอิสราเอลคนอื่นๆไม่ได้ ถ้าชายคนไหนที่พ่อแม่แต่งงานกันทั้งๆที่มีกฎห้ามแต่ง ชายคนนั้นก็จะไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนของพระยาห์เวห์ และลูกหลานของเขาอีกสิบชั่วรุ่น ก็จะไม่มีสิทธิ์อย่างเต็มที่เหมือนกัน

ชาวอัมโมนหรือชาวโมอับจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนอิสราเอล และลูกหลานของเขาอีกสิบชั่วรุ่นก็จะไม่เป็นส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะพวกเขาไม่ยอมให้อาหารและน้ำดื่มกับท่าน ตอนที่ท่านเดินทางออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และพวกเขายังว่าจ้างบาลาอัมมาสาปแช่งท่าน บาลาอัมเป็นลูกชายของเบโอร์จากเมืองเปโธร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมีย แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ยอมฟังบาลาอัม และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเปลี่ยนคำสาปแช่งให้เป็นคำอวยพรสำหรับท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านรักท่าน ตลอดชีวิตของท่าน อย่าไปทำให้คนพวกนี้สะดวกสบายหรือมั่งคั่งเป็นอันขาด

คนที่ชาวอิสราเอลควรยอมรับ

อย่าเกลียดชาวเอโดม เพราะเขาคือพี่น้องของท่าน อย่าเกลียดชาวอียิปต์ เพราะท่านเคยเป็นชาวต่างชาติในประเทศของเขามาก่อน ลูกของชาวเอโดมและชาวอียิปต์รุ่นที่สาม สามารถเข้าร่วมนมัสการพระยาห์เวห์กับชายอิสราเอลได้

สุขอนามัยในค่าย

เมื่อท่านออกไปตั้งค่ายเผชิญหน้ากับศัตรู ท่านต้องอยู่ห่างไกลจากทุกสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ 10 เมื่อมีบางคนในค่ายฝันเปียกตอนกลางคืน ทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ เขาต้องออกไปนอกค่าย ห้ามเข้ามาในค่าย 11 พอตกเย็น เขาต้องอาบน้ำ เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาถึงกลับเข้าค่ายได้

12 ท่านต้องมีสถานที่หนึ่งนอกค่ายสำหรับออกไปถ่ายทุกข์ 13 ท่านต้องเอาไม้กับอุปกรณ์ไปด้วย เมื่อท่านถ่ายทุกข์เสร็จแล้ว ก็ให้เอาไม้นั้นขุดหลุม และกลบอึของท่านด้วย 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านในค่ายนั้นด้วย เพื่อช่วยชีวิตท่านและช่วยให้ท่านชนะศัตรู ดังนั้นค่ายของท่านต้องเตรียมไว้ให้บริสุทธิ์สำหรับพระองค์ พระองค์จะได้ไม่เห็นอะไรที่น่ารังเกียจท่ามกลางท่านและเลิกติดตามท่านไป

กฎอื่นๆ

15 ทาสที่หนีนายของเขามาอยู่กับท่าน ท่านต้องไม่ส่งทาสนั้นคืนไปให้นายเก่าของเขา 16 ทาสนั้นจะเลือกอยู่ที่ไหนก็ได้ในเมืองต่างๆของท่าน ตามใจเขา ห้ามบังคับเขา

17 ห้ามไม่ให้ลูกสาวและลูกชายของคนอิสราเอลเป็นโสเภณี 18 ท่านต้องไม่เอาค่าตัวของโสเภณีหญิงหรือโสเภณีชาย มาแก้บนในวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขยะแขยงทั้งโสเภณีหญิงและชาย

19 เมื่อท่านให้พี่น้องอิสราเอลกู้ยืม ท่านต้องไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยอาหารหรือดอกเบี้ยอะไรก็แล้วแต่ที่ท่านให้กู้ยืมไป 20 ท่านอาจคิดดอกเบี้ยกับชาวต่างชาติได้ แต่ต้องไม่คิดจากพี่น้องชาวอิสราเอลคนอื่น เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดเป็นเจ้าของ

21 เมื่อท่านบนไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าชักช้าที่จะแก้บน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทวงจากท่านแน่นอน และท่านจะมีความผิดเพราะบาปนั้น 22 แต่ถ้าท่านไม่ได้บนไว้กับพระยาห์เวห์ ท่านก็ไม่มีความผิดเพราะบาปนั้น 23 ท่านต้องทำตามคำพูดของตัวเองอย่างระมัดระวัง ตามที่ท่านสมัครใจบนไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยปากของท่านเอง

24 ถ้าท่านเข้าไปในไร่องุ่นของเพื่อนบ้าน ท่านกินองุ่นได้เต็มที่เลย จนกว่าจะอิ่ม แต่ห้ามเก็บองุ่นใส่กระเป๋า 25 ถ้าท่านเดินผ่านทุ่งนาของเพื่อนบ้าน ท่านเอามือเด็ดรวงข้าวกินได้เลย แต่ต้องไม่ใช้เคียวเกี่ยวข้าวของคนอื่น ติดตัวไปด้วย

24 ถ้าชายคนไหนรับผู้หญิงมาและแต่งงานกับนาง ต่อมาเขาเริ่มไม่พอใจนาง เพราะเขาค้นพบว่านางได้ไปทำสิ่งที่น่ารังเกียจ[a] และถ้าเขาเขียนใบหย่าให้กับนางและส่งนางออกจากบ้านเขาไป นางก็ออกจากบ้านเขาและไปเป็นเมียของชายคนอื่น และถ้าสามีคนใหม่ก็ไม่ชอบนางเหมือนกัน และเขียนใบหย่าให้กับนางและส่งนางออกจากบ้านเขาไป หรือถ้าสามีคนใหม่ตาย สามีคนแรกที่ส่งนางออกไปจากบ้านนั้น จะรับนางกลับไปเป็นเมียอีกไม่ได้แล้ว เพราะนางกลายเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์สำหรับเขาแล้ว เพราะพระยาห์เวห์เกลียดการกระทำนี้ และท่านต้องไม่นำบาปเข้ามาบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านไว้เป็นเจ้าของ

เมื่อผู้ชายแต่งงานใหม่ๆ เขาต้องไม่ออกไปทำสงคราม และต้องไม่ให้งานอื่นๆกับเขาทำด้วย เขาจะอยู่บ้านไม่ต้องทำอะไรเป็นเวลาหนึ่งปี และทำให้เมียที่เขาเพิ่งแต่งงานด้วยมีความสุข

ถ้าท่านให้ใครกู้ยืม ห้ามเอาโม่หินหรือแม้แต่หินก้อนบนของโม่นั้นเป็นเครื่องค้ำประกัน เพราะเป็นการเอาของที่สำคัญต่อชีวิตมาเป็นของค้ำประกัน[b]

ถ้าเจอว่าใครไปลักพาตัวพี่น้องชาวอิสราเอลของเขาเอง แล้วทำให้เขากลายเป็นทาสหรือขายเขาไป คนที่ลักพาตัวนั้นต้องถูกฆ่าตาย ท่านต้องขจัดสิ่งชั่วร้ายไปจากท่ามกลางพวกท่าน

ระวังให้ดี ในเรื่องเกี่ยวกับโรคผิวหนังร้ายแรง ให้ทำตามคำสั่งของนักบวชอย่างระมัดระวัง พวกท่านต้องทำตามสิ่งที่เราได้สั่งพวกเขาไว้อย่างระมัดระวัง จำสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำกับมิเรียม[c] ในช่วงการเดินทางหลังจากที่พวกท่านออกมาจากอียิปต์

10 เมื่อท่านให้เพื่อนบ้านกู้ยืมอะไรก็แล้วแต่ ท่านต้องไม่เข้าไปหยิบของค้ำประกันในบ้านเขา 11 ท่านต้องยืนรออยู่ข้างนอก และชายคนที่กู้ยืมจากท่านจะเอาของค้ำประกันออกมาให้กับท่านนอกบ้าน 12 ถ้าคนกู้ยืมนั้นยากจน ท่านต้องไม่เก็บเสื้อคลุมของเขาข้ามคืน เสื้อคลุมที่เขาเอามาให้กับท่านเป็นของค้ำประกัน 13 ท่านต้องคืนเสื้อคลุมนั้นให้เขาเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาจะได้ใส่นอน แล้วเขาจะอวยพรท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะยอมรับในการกระทำของท่านว่าถูกต้อง

14 ท่านต้องไม่โกงคนงานรับจ้างที่ยากจนและเดือดร้อน ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องชาวอิสราเอลของท่านหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งในดินแดนของท่าน 15 ท่านต้องจ่ายค่าจ้างให้เขาในแต่ละวันก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน เพราะเขายากจนและเขาต้องการค่าจ้างนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะมาฟ้องร้องท่านกับพระยาห์เวห์ ท่านก็จะมีความผิดจากบาป

16 ต้องไม่ฆ่าพ่อแม่แทนลูกๆและต้องไม่ฆ่าลูกๆแทนพ่อแม่ บาปของใครของมัน คนไหนทำบาปคนนั้นก็ต้องถูกฆ่า 17 ท่านต้องไม่ตัดสินคนต่างชาติหรือเด็กกำพร้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างไม่ยุติธรรม ท่านต้องไม่รับเสื้อผ้าของแม่หม้ายเป็นของค้ำประกัน 18 ท่านต้องจำไว้ว่าท่านก็เคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ปลดปล่อยท่านจากที่นั่น นั่นเป็นเหตุที่เราถึงได้สั่งให้ท่านทำอย่างนี้

19 เมื่อท่านรวบรวมพืชผลในท้องทุ่งของท่าน และท่านลืมฟ่อนข้าวไว้ฟ่อนหนึ่งในทุ่ง ท่านต้องไม่กลับไปเอา ทิ้งมันไว้ตรงนั้นสำหรับชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าหรือแม่หม้าย เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ 20 เมื่อท่านตีกิ่งมะกอกเพื่อเอาผลของมัน ท่านต้องไม่กลับไปตีกิ่งมันซ้ำอีก ผลมะกอกที่คาอยู่บนต้นจะเก็บไว้ให้ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย 21 เมื่อท่านเก็บองุ่นจากไร่ อย่ากลับไปเก็บองุ่นที่คาอยู่บนต้น เหลือมันไว้ให้ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย 22 จำไว้ว่าท่านก็เคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ นั่นเป็นเหตุที่เราถึงได้สั่งให้ท่านทำอย่างนี้

25 เมื่อมีคนสองคนทะเลาะกัน พวกเขาควรไปที่ศาล ให้ผู้ตัดสินทำการตัดสินว่าใครถูกใครผิด และถ้าคนทำผิดสมควรจะถูกเฆี่ยน ผู้ตัดสินต้องจับคนนั้นนอนคว่ำและเฆี่ยนเขาต่อหน้าผู้ตัดสิน จะเฆี่ยนกี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับความผิดที่เขาทำ แต่ห้ามเฆี่ยนเขาเกินสี่สิบครั้ง ถ้าเกินกว่านี้ แสดงว่าท่านกำลังเหยียดหยามเพื่อนร่วมชาติคนนี้

ท่านต้องไม่เอาตะกร้อสวมปากวัว เพื่อกันไม่ให้มันกินเมล็ดข้าว ตอนที่มันกำลังย่ำเมล็ดข้าวอยู่

ถ้ามีพี่น้องสองคนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งตายไปและยังไม่มีลูก เมียของคนที่ตายต้องไม่แต่งงานกับคนนอกครอบครัว น้องของสามีต้องแต่งงานกับนางและมีเพศสัมพันธ์กับนาง และทำหน้าที่สามีแทนพี่ชาย[d] แล้วเมื่อนางคลอดลูกชายคนแรก ก็ให้ถือว่าเป็นลูกของพี่ชายที่ตายไปแล้ว เพื่อว่าชื่อของพี่ที่ตายไปแล้ว จะได้ไม่ถูกลบออกจากชาวอิสราเอล แต่ถ้าชายคนนั้นไม่ยอมแต่งงานกับเมียของพี่ชายที่ตาย เมียของคนที่ตายต้องไปหาพวกผู้นำที่ประตูเมืองและพูดว่า ‘น้องของสามีฉันไม่ยอมช่วยให้ชื่อของพี่เขาคงอยู่กับชาวอิสราเอลต่อไป เขาไม่ยอมทำหน้าที่ของน้องสามีกับฉัน’ แล้วพวกผู้นำของเมืองต้องเรียกตัวเขามาพูดด้วย ถ้าเขายังยืนกรานและพูดว่า ‘ผมไม่ต้องการแต่งงานกับนาง’ เมียของคนที่ตายต้องเข้ามาใกล้เขา ต่อหน้าผู้นำพวกนั้น แล้วนางก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งออกจากเท้าของเขา และถุยน้ำลายรดหน้าเขา และพูดว่า ‘คนที่ไม่ยอมสืบสกุลให้กับพี่ชายของเขาจะถูกทำอย่างนี้แหละ’ 10 แล้วคนนั้นจะถูกตั้งฉายาในอิสราเอลว่า ‘ครอบครัวของคนที่ถูกดึงรองเท้าออก’

11 ถ้าชายสองคนต่อสู้กัน และเมียของคนหนึ่งเข้ามาช่วยสามีของนางที่กำลังจะแพ้ และนางยื่นมือไปจับของลับของชายคนนั้น 12 ท่านต้องตัดมือของนางทิ้ง ท่านต้องไม่สงสารนาง

13 ห้ามมีลูกตุ้มชั่งน้ำหนักสองชุดในกระเป๋า ชุดหนึ่งหนักกับอีกชุดหนึ่งเบา 14 ห้ามมีเครื่องตวงสองเครื่องในบ้าน เครื่องหนึ่งใหญ่และอีกเครื่องหนึ่งเล็ก 15 ท่านต้องใช้แต่เครื่องชั่งที่ถูกต้องเที่ยงตรงเท่านั้น และท่านต้องใช้แต่เครื่องตวงที่ถูกต้องเที่ยงตรงด้วย เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน 16 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขยะแขยงทุกคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ ทุกคนที่ขี้โกง ไม่ว่าจะโกงตราชั่ง หรือโกงเครื่องตวงก็ตาม

ชาวอามาเลคต้องถูกทำลาย

17 จำได้หรือเปล่าว่าชาวอามาเลคทำอะไรไว้กับท่านบ้าง ตอนที่ท่านเดินทางออกมาจากอียิปต์ 18 จำได้ไหมว่าพวกเขาจู่ๆก็โผล่มาในระหว่างทาง และเข้าโจมตีท่านจากด้านหลัง ตอนที่ท่านเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า และฆ่าพวกที่อยู่ล้าหลัง พวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า 19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ท่านหยุดพักจากการต่อสู้กับศัตรูทั้งหมดทุกด้าน ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านเป็นเจ้าของ เพื่อเป็นมรดกของลูกหลานต่อไป อย่าลืมว่าท่านต้องกำจัดชาวอามาเลคให้หมดไปจากใต้ฟ้านี้

ลูกา 10:13-37

พระเยซูเตือนประชาชนที่ไม่เชื่อ

(มธ. 11:20-24)

13 “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา[a] เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน[b] แล้วละก็ คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจ ใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว 14 ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก 15 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่า เจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก”

16 แล้วพระองค์ก็บอกกับศิษย์ว่า “คนที่ยอมรับถ้อยคำของพวกคุณ ก็เท่ากับยอมรับเราด้วย และคนที่ไม่ยอมรับพวกคุณ ก็เท่ากับไม่ยอมรับเราด้วย แล้วคนที่ไม่ยอมรับเรา ก็เท่ากับไม่ยอมรับพระเจ้าผู้ที่ส่งเรามาด้วย”

ศิษย์เจ็ดสิบสองคนกลับมา

17 ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมารายงานพระเยซูด้วยความดีใจว่า “อาจารย์ครับ ตอนที่เราอ้างชื่อของอาจารย์ แม้แต่พวกผีชั่ว[c] ยังเชื่อฟังเราเลย” 18 พระเยซูตอบว่า “เราเห็นซาตานตกลงมาจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ 19 เราให้อำนาจพวกคุณ ที่จะเหยียบย่ำงูร้ายและแมงป่อง และเราให้อำนาจเหนือศัตรูทั้งหมด ไม่มีอะไรทำร้ายพวกคุณได้ 20 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าดีใจเพราะพวกผีชั่วเชื่อฟังคุณ แต่ให้ดีใจเพราะมีชื่อของพวกคุณจดไว้บนสวรรค์แล้ว”

พระเยซูขอบคุณพระบิดา

(มธ. 11:25-27; 13:16-17)

21 ในเวลานั้นพระเยซูเต็มไปด้วยความสุขในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์พูดว่า

“ลูกขอขอบคุณพระองค์ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ปิดบังเรื่องเหล่านี้จากพวกที่มีการศึกษาและพวกเฉลียวฉลาด แต่เปิดเผยให้กับคนที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆได้รู้ ใช่แล้ว พระบิดา เพราะนั้นแหละเป็นไปตามความพอใจของพระองค์”

22 “พระบิดาได้ให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรเลือกที่จะบอกให้รู้เกี่ยวกับพระบิดา”

23 พระเยซูหันมาพูดกับพวกศิษย์เป็นการส่วนตัวว่า “เป็นเกียรติจริงๆสำหรับพวกคุณที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ 24 เราจะบอกให้รู้ว่า มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และพวกกษัตริย์อยากเห็นอยากได้ยินสิ่งที่พวกคุณเห็นและได้ยินนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นและก็ไม่ได้ยินด้วย”

ชาวสะมาเรียใจดี

25 มีคนที่เก่งกฎของโมเสสคนหนึ่ง ลุกขึ้นทดสอบพระเยซู เขาถามว่า “อาจารย์ครับ ผมจะต้องทำยังไงถึงจะมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าตลอดไป”

26 พระเยซูตอบว่า “กฎเขียนไว้ว่าอะไร แล้วคุณตีความว่ายังไง”

27 เขาก็ตอบว่า “ให้รักองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของคุณ ด้วยสุดใจ สุดจิต สุดกำลัง และสุดความคิด[d] และให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[e]

28 พระเยซูพูดว่า “ถูกต้องแล้ว ไปทำตามนั้นเถอะ แล้วจะมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าตลอดไป”

29 แต่เขาอยากจะอวดว่า เขาทำถูกแล้วที่ถามคำถามอย่างนี้[f] เขาจึงถามต่อว่า “แล้วใครเป็นเพื่อนบ้านของผมล่ะครับ”

30 พระเยซูตอบว่า “มีชายคนหนึ่งเดินทางจากเมืองเยรูซาเล็มไปเมืองเยริโค ในระหว่างทางเขาถูกโจรปล้นและทำร้าย พวกโจรถอดเอาเสื้อผ้าเขาไป ทุบตีเขาแล้วหนีไป ทิ้งเขาให้นอนบาดเจ็บปางตายอยู่ที่นั่น 31 บังเอิญมีนักบวชคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นพอดี แต่พอเขาเห็นชายคนนั้นเขาก็หลีกข้ามไปเดินอีกฝั่งหนึ่ง 32 ผู้ช่วยในวิหารคนหนึ่งก็เหมือนกัน เมื่อเดินมาพบชายคนนั้น เขาก็หลีกเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน 33 แต่มีชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินผ่านมา เมื่อเห็นชายคนนั้น เขาก็สงสาร 34 รีบเข้าไปช่วย เอาเหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก[g] เทลงบนบาดแผล และพันผ้าไว้ แล้วก็ยกขึ้นหลังลาของเขา พาไปที่โรงแรม ดูแลพยาบาลเขา 35 วันต่อมาชาวสะมาเรียคนนี้ก็ให้เงินสองเหรียญกับเจ้าของโรงแรมและบอกว่า ‘ช่วยดูแลเขาให้ดีด้วยนะส่วนที่เกินจากนี้ ผมจะจ่ายคืนให้ตอนขากลับ’”

36 “คุณคิดว่า ในสามคนนี้ ใครทำตัวเป็นเพื่อนบ้านของชายที่ถูกโจรปล้นนี้”

37 คนที่เก่งกฎของโมเสสคนนี้ก็ตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตากับเขานะสิครับ”

พระเยซูก็พูดกับเขาว่า “คุณก็ทำอย่างเขาบ้างสิ”

สดุดี 75

สรรเสริญพระเจ้าผู้พิพากษา

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า พวกเราสรรเสริญพระองค์ พวกเราสรรเสริญพระองค์ พระองค์นั้นอยู่ใกล้
    ผู้คนต่างพูดถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ

พระเจ้าพูดว่า “เมื่อเวลาที่เรากำหนดไว้นั้นมาถึง
    เราจะพิพากษาอย่างยุติธรรม
เมื่อแผ่นดินโลกและคนที่อาศัยอยู่ในมันสั่นไหว
    เรานี่แหละเป็นผู้ที่ทำให้ฐานรากนั้นมั่นคง เซลาห์

เราบอกพวกที่เย่อหยิ่งจองหอง ‘เลิกโอ้อวดได้แล้ว’
    เราบอกคนชั่วช้า ‘เลิกวางกล้ามใหญ่โตได้แล้ว
เลิกวางท่าราวกับว่ามีอำนาจสูงสุดเสียเหลือเกิน[a]
    ไม่ต้องเชิดหน้าพูดจาโอ้อวดหรอก’”

เพราะการยกย่องไม่ได้มาจากทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
    หรือมาจากที่เปล่าเปลี่ยว
แต่พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
    ทำให้คนหนึ่งตกต่ำ แล้วทำให้อีกคนหนึ่งได้รับการยกย่อง
เพราะพระยาห์เวห์ถือจอกแห่งการพิพากษาอยู่ในมือ จอกนั้นเต็มไปด้วยเหล้าองุ่นฤทธิ์แรงที่ผสมเครื่องเทศ
    เมื่อพระองค์เทเหล้าองุ่นแห่งความโกรธ-เกรี้ยวจากจอกนั้น คนชั่วทุกคนในโลกนี้จะต้องดื่มมันจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ตะกอนก้นถ้วย
ส่วนข้าพเจ้านั้นจะเล่าเรื่องราวของพระองค์อยู่เสมอ
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งยาโคบ

10 พระเจ้าพูดว่า “เราจะตัดกำลังของพวกคนชั่ว
    และเพิ่มกำลังให้กับคนดี”[b]

สุภาษิต 12:12-14

12 คนชั่วร้าย โลภอยากได้สิ่งที่คนเลวอีกคนหนึ่งหามาได้
    แต่รากของคนที่ทำตามใจพระเจ้านั้นจะออกดอกออกผล
13 คนชั่วติดกับดักในคำพูดที่ผิดบาปของตนเอง
    แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะรอดพ้นจากปัญหา
14 เขาอิ่มไปด้วยสิ่งที่ดีๆที่เกิดมาจากคำพูดของเขาเอง
    และเขาจะได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของเขา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International