Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ผู้วินิจฉัย 1:1-2:9

เผ่ายูดาห์สู้กับคนคานาอัน

หลังจากโยชูวาตาย ชาวอิสราเอลได้ถามพระยาห์เวห์ว่า “ในพวกเราเผ่าไหนจะเป็นเผ่าแรกที่ขึ้นไปสู้รบกับชาวคานาอันหรือ” พระยาห์เวห์ตอบว่า “ให้ยูดาห์ขึ้นไปเป็นเผ่าแรก ดูสิ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือของพวกเขาแล้ว”

ชาวเผ่ายูดาห์จึงไปพูดกับชาวเผ่าสิเมโอน พี่น้องของเขาว่า “ไปช่วยพวกเรารบกับชาวคานาอัน ในแผ่นดินที่ได้จัดสรรให้กับพวกเราด้วยเถิด แล้วพวกเราก็จะขึ้นไปช่วยพวกเจ้ารบในแผ่นดินที่ได้จัดสรรให้กับพวกเจ้าเหมือนกัน” แล้วชาวสิเมโอนก็ไปกับพวกเขา

แล้วยูดาห์ได้บุกขึ้นไป และพระยาห์เวห์ได้มอบชาวคานาอันและชาวเปริสซี ไว้ในมือของคนยูดาห์ พวกเขาได้ฆ่าพวกผู้ชายไปหนึ่งหมื่นคนที่เมืองเบเซก แล้วที่นั่นพวกเขาได้เจอกับอาโดนีเบเซก[a] ผู้เป็นเจ้าเมืองเบเซก และได้สู้รบกับเขา และได้ฆ่าคนคานาอันและคนเปริสซี

อาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาได้ไล่ล่าตามไป จนจับตัวเขาไว้ได้ และตัดนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วหัวแม่เท้าของเขาทิ้ง อาโดนีเบเซก พูดว่า “มีกษัตริย์เจ็ดสิบองค์ที่ถูกตัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้า เก็บกินเศษอาหารอยู่ใต้โต๊ะของข้า ข้าได้ทำกับพวกเขายังไง พระเจ้าก็ได้ทำกับข้าอย่างนั้นเหมือนกัน” พวกเขาได้คุมตัวอาโดนีเบเซกไปที่เยรูซาเล็มและเขาก็ตายที่นั่น

ชนเผ่ายูดาห์เข้าโจมตีและยึดเมืองเยรูซาเล็มไว้ได้ พวกเขาใช้ดาบไล่ฆ่าฟันชาวเมืองเยรูซาเล็ม และเผาเมืองทิ้ง ต่อมาชนเผ่ายูดาห์ได้ลงไปสู้รบกับคนคานาอัน ที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาเนเกบ และแถบที่ลุ่มเชิงเขาฝั่งตะวันตก[b] 10 ชนเผ่ายูดาห์ได้ไปสู้รบกับชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนเดิมชื่อ คิริยาทอารบา) และพวกเขาได้รบชนะตระกูลเชชัย อาหิมาน และทัลมัย

คาเลบและลูกสาวของเขา

11 จากที่นั่น ชาวยูดาห์ได้บุกไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ (เมืองเดบีร์เดิมชื่อว่า เมืองคิริยาทเสเฟอร์) 12 คาเลบพูดว่า “ใครที่โจมตีเมืองคิริยาทเสเฟอร์และยึดมันไว้ได้ เราจะยกอัคสาห์ลูกสาวของเราให้เป็นเมียผู้นั้น”

13 โอทนีเอล ลูกชายเคนัส ตีเมืองนั้นได้ เคนัสเป็นน้องชายของคาเลบ คาเลบจึงยกอัคสาห์ลูกสาวของเขาให้เป็นเมียของโอทนีเอล 14 เมื่อนางอัคสาห์มาหาโอทนีเอล โอทนีเอลได้บอกให้นางขอที่นากับพ่อของนาง 15 เมื่อนางลงจากหลังลา คาเลบจึงถามนางว่า “ลูกมีอะไรให้พ่อช่วยหรือ”

นางจึงตอบว่า “ขอของขวัญให้กับลูกสักอย่างเถิด ไหนๆพ่อก็ให้ดินแดนแห้งแล้งแถบเนเกบกับลูกแล้ว ขอพวกตาน้ำให้กับลูกด้วยเถิด” คาเลบจึงยกตาน้ำที่อยู่ตอนบนกับตาน้ำที่อยู่ตอนล่างให้กับนาง

16 ลูกหลานของคนเคไนต์ (คนเคไนต์สืบเชื้อสายมาจากพ่อตาของโมเสส) ได้ขึ้นไปจากเมืองต้นปาล์มอินทผลัม[c] พร้อมกับชนเผ่ายูดาห์ พวกเขาเข้าไปถึงถิ่นทุรกันดารยูดาห์ที่อยู่ในเนเกบ ใกล้กับอาราด แล้วพวกเขาก็ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่กับคนอามีลีไคที่นั่น 17 ชนเผ่ายูดาห์ได้ไปร่วมรบกับชนเผ่าสิเมโอนพี่น้องของเขา และพวกเขาก็ได้ฆ่าคนคานาอัน ที่อาศัยอยู่ในเมืองเศฟัท และทำลายเมืองนั้นอย่างราบคาบ เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า “โฮรมาห์”[d]

18 ชนเผ่ายูดาห์ได้ยึดเมืองกาซา เมืองอัชเคโลนและเมืองเอโครน พร้อมกับอาณาเขตของสามเมืองนั้น 19 พระยาห์เวห์อยู่ด้วยกับชนเผ่ายูดาห์ และพวกเขาได้ยึดครองพื้นที่แถบเทือกเขาไว้ได้ แต่ไม่สามารถขับไล่ชาวเมืองที่อยู่ในหุบเขาออกไป เพราะพวกนั้นมีรถรบเหล็ก

20 คาเลบได้รับเมืองเฮโบรน ตามที่โมเสสได้สัญญาไว้ และเขาได้ขับไล่สามตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากอานาค[e]ออกไป

เผ่าเบนยามินในเยรูซาเล็ม

21 แต่ชนเผ่าเบนยามินไม่ได้ขับไล่ชาวเยบุสที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอยู่ร่วมกับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้

ลูกหลานโยเซฟยึดเบธเอล

22 ลูกหลานของโยเซฟได้ขึ้นไปต่อสู้กับเมืองเบธเอลด้วยเหมือนกัน และพระยาห์เวห์ได้อยู่กับพวกเขา 23 คนของโยเซฟได้ส่งคนสอดแนมเข้าไปในเมืองเบธเอล (เมืองนี้เดิมชื่อว่าลูส)

24 เมื่อพวกคนสอดแนมเห็นชายคนหนึ่งออกมาจากเมือง พวกเขาพูดกับชายคนนั้นว่า “บอกทางเข้าเมืองให้กับเราหน่อย และเราจะปรานีเจ้า” 25 ชายคนนั้นก็บอกทางเข้าเมืองให้ พวกคนสอดแนมก็เอาดาบฆ่าฟันคนในเมือง แต่เขาปล่อยชายคนที่บอกทางคนนั้นกับครอบครัวของเขาไป 26 ชายคนนั้นเข้าไปในดินแดนของชาวฮิตไทต์ และสร้างเมืองขึ้น เรียกว่า เมืองลูส และเมืองนั้นก็ยังมีชื่อว่าลูสมาจนถึงทุกวันนี้

คนตระกูลอื่นๆสู้รบกับคนคานาอัน

27 เผ่ามนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธชาน เมืองทาอานาค เมืองโดร์ เมืองอิบเลอัม เมืองเมกิดโด และชนบทรอบๆเมืองเหล่านั้น เพราะคนคานาอันไม่ยอมออกไปจากแผ่นดินนั้น 28 เมื่อชาวอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้น พวกเขาก็ได้บังคับให้คนคานาอันทำงานอย่างทาส แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้ไล่คนคานาอันออกไปให้หมด

29 ชนเผ่าเอฟราอิมก็ไม่ได้ขับไล่คนคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป แต่คนคานาอันและชนเผ่าเอฟราอิมต่างก็อยู่ร่วมกันในเมืองเกเซอร์ 30 ชนเผ่าเศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองคิทโรนกับเมืองนาหะโลลออกไป แต่คนคานาอันกับคนเศบูลุนก็ยังอยู่ร่วมกัน แต่คนคานาอันก็ได้ถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาส

31 ชนเผ่าอาเชอร์ก็ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองอัคโค เมืองไซดอน เมืองอัคลาบ เมืองอัคซีบ เมืองเฮลบาห์ เมืองอาฟิก และเมืองเรโหบ 32 คนเผ่าอาเชอร์ก็อยู่ร่วมกับคนคานาอันในแผ่นดินนั้น เพราะคนอาเชอร์ไม่ได้ขับไล่คนคานาอันออกไป

33 ชนเผ่านัฟทาลีก็ไม่ได้ขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบธเชเมช หรือในเมืองเบธอานาทออกไป แต่คนเผ่านัฟทาลีก็อยู่ร่วมกันกับคนคานาอันในแผ่นดินนั้น แต่ชาวเมืองเบธเชเมชและเมืองเบธอานาทได้ถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาสให้กับชนเผ่านัฟทาลี 34 คนอาโมไรต์ขับไล่คนเผ่าดานให้กลับไปที่แถบเทือกเขาและไม่ยอมให้พวกเขาลงมาที่หุบเขา

35 คนอาโมไรต์ยังคงอาศัยอยู่ที่ภูเขาเฮเรส ในเมืองอัยยาโลน และในเมืองชาอัลบิม แต่ลูกหลานของโยเซฟเข้มแข็งกว่า และพวกเขาได้บังคับให้คนอาโมไรต์ทำงานอย่างทาส 36 อาณาเขตของคนอาโมไรต์ เริ่มตั้งแต่ทางข้ามแมงป่องไปถึงเมืองเส-ลา และเรื่อยขึ้นไป

ทูตของพระยาห์เวห์ที่โบคิม

ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้ขึ้นไปจากเมืองกิลกาลถึงเมืองโบคิม และพระองค์พูดว่า “เราได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากอียิปต์ และเราได้นำเจ้าเข้ามาสู่แผ่นดิน ที่เราได้สัญญาไว้กับพวกบรรพบุรุษของเจ้า เราได้พูดว่า ‘เราจะไม่มีวันล้มเลิกข้อตกลงที่เราได้ให้ไว้กับเจ้า แต่เจ้าจะต้องไม่ทำข้อตกลงกับคนที่อยู่ในแผ่นดินนี้ ให้รื้อพวกแท่นบูชาของพวกเขาทิ้งไป’ แต่เจ้าก็ไม่ได้ฟังเสียงของเรา ดูเอาเองสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป

ดังนั้น ตอนนี้เราขอบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าเจ้าอีกแล้ว พวกเขาจะเป็นตัวปัญหา[f] ให้กับเจ้า และพวกพระของพวกเขาก็จะเป็นกับดักจับเจ้า” เมื่อทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้พูดคำเหล่านี้ให้กับคนอิสราเอลทั้งหมดฟัง พวกเขาก็ร้องไห้เสียงดัง เขาจึงตั้งชื่อที่นั่นว่า โบคิม[g] และพวกเขาก็ได้ถวายเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ที่นั่น

การไม่เชื่อฟังและความพ่ายแพ้

เมื่อโยชูวาปล่อยให้ประชาชนกลับไป ชาวอิสราเอลต่างคนต่างก็กลับไปในที่ดินที่ตนเองเป็นเจ้าของ พวกเขาได้รับใช้พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของโยชูวา และตลอดชีวิตของผู้อาวุโสที่มีอายุยืนยาวกว่าโยชูวา ผู้อาวุโสพวกนี้คือพวกที่ได้เห็นงานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับคนอิสราเอล โยชูวาลูกชายของนูน ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ ได้ตายไปเมื่อเขามีอายุหนึ่งร้อยสิบปี

พวกเขาได้ฝังโยชูวาไว้ในเขตที่ดินที่เป็นมรดกของเขา ในเมืองทิมนาท-เฮเรส ในแถบเทือกเขาเอฟราอิม ทางตอนเหนือของภูเขากาอัช

ลูกา 21:29-22:13

ถ้อยคำของเราจะคงอยู่ตลอดไป

(มธ. 24:32-35; มก. 13:28-31)

29 แล้วพระองค์ก็เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “เมื่อพวกคุณเห็นต้นมะเดื่อหรือต้นไม้อื่นๆ 30 แตกใบอ่อนออกมา คุณก็รู้ว่าใกล้ถึงฤดูร้อนแล้ว 31 ก็เหมือนกัน เมื่อคุณเห็นสิ่งเหล่านี้ที่เราพูดไว้เกิดขึ้น คุณบอกได้เลยว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว

32 เราจะบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นก่อนที่คนรุ่นนี้จะตายไป 33 สวรรค์และโลกจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป

ควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

34 ระวังตัวให้ดี อย่าให้ใจหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการดื่มกินกันหรือเมาเหล้ากัน หรือมัวแต่ห่วงกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น วันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับดัก 35 เพราะวันนั้นจะมาถึงทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ 36 คุณต้องระวังตัวทุกเวลา และอธิษฐานให้ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น และจะได้สามารถมายืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์”

37 พระเยซู สั่งสอนอยู่ในวิหารทุกวัน และกลับไปนอนที่ภูเขามะกอกเทศทุกคืน 38 ทุกคนจะตื่นแต่เช้ามาฟังพระองค์สอนที่วิหาร

พวกผู้นำชาวยิวอยากจะฆ่าพระเยซู

(มธ. 26:1-5, 14-16; มก. 14:1-2, 10-11; ยน. 11:45-53)

22 เมื่อใกล้ถึงเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าเทศกาลวันปลดปล่อย พวกผู้นำนักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติต่างพยายามหาทางที่จะฆ่าพระเยซู แต่พวกเขาก็กลัวชาวบ้าน

ยูดาสวางแผนหักหลังพระเยซู

(มธ. 26:14-16; มก. 14:10-11)

ซาตานได้เข้าสิงยูดาส อิสคาริโอทซึ่งเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคน ยูดาสไปหาพวกผู้นำนักบวชและพวกทหารเฝ้าวิหาร เพื่อเสนอตัวที่จะช่วยจับพระเยซูให้ พวกเขาดีใจมาก และสัญญาว่าจะให้เงินกับยูดาส ยูดาสตกลงและเริ่มหาโอกาสที่จะส่งตัวพระเยซูไปให้พวกเขาตอนที่ไม่มีฝูงชนอยู่กับพระองค์

จัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย

(มธ. 26:17-25; มก. 14:12-21; ยน. 13:21-30)

เมื่อถึงเทศกาลวันกินขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งเป็นวันที่พวกยิวจะฆ่าลูกแกะถวายพระเจ้าสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยด้วย พระเยซูบอกเปโตรกับยอห์นว่า “ไปเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้พวกเรากินกัน”

พวกเขาจึงถามว่า “จะให้ไปเตรียมที่ไหนดีครับ” 10 พระองค์ตอบว่า “ให้เข้าไปในเมือง แล้วจะเจอผู้ชายที่แบกเหยือกน้ำ ให้ตามเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง 11 ให้พูดกับเจ้าของบ้านนั้นว่า ‘อาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะใช้กินอาหารในเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์อยู่ที่ไหน’ 12 เขาก็จะพาคุณขึ้นไปดูห้องใหญ่ชั้นบนที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็ให้จัดเตรียมอาหารที่นั่น” 13 พวกเขาก็ไปและมันก็เป็นไปตามที่พระเยซูบอกทุกอย่าง พวกเขาจึงจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น

สดุดี 90-91

หนังสือเล่มที่สี่

(สดุดี 90-106)

พระเจ้าคงอยู่ตลอดไปมนุษย์นั้นชั่วคราว

คำอธิษฐานของโมเสสคนของพระเจ้า

ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต
    พระองค์ได้เป็นที่ลี้ภัยของพวกเราตลอดมาทุกรุ่น
ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายจะเกิดมา
    ก่อนที่พระองค์จะทำให้โลกนี้เกิดขึ้น
    ตั้งแต่อดีตกาล ตราบจนชั่วนิรันดร์กาล พระองค์คือพระเจ้า

พระองค์ทำให้มนุษย์กลับไปเป็นผงคลีดิน
    พระองค์พูดว่า “มนุษย์กลับไปเป็นดินซะ”
ข้าแต่พระเจ้า สำหรับพระองค์แล้วพันปีก็เหมือนกับแค่วันวานที่ผ่านไป
    เหมือนกับแค่เสี้ยวหนึ่งของค่ำคืน[a]

และอีกพันปี ก็จะเป็นเหมือนหญ้าที่เปลี่ยนสีเท่านั้น
    พวกมนุษย์นั้นเป็นเหมือนหญ้าที่งอกขึ้นในตอนเช้า
หญ้างอกขึ้นในตอนเช้า และเขียวไปทั่วในตอนเช้า
    แล้วในตอนค่ำก็เหี่ยวแห้งไป

พวกเราตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวความเกรี้ยวโกรธของพระองค์
    พวกเราถูกทำลายเพราะความโกรธของพระองค์
พระองค์วางความผิดทั้งหมดของเราไว้ต่อหน้าพระองค์
    บาปทั้งหลายที่เราซ่อนเร้นไว้ก็ถูกตีแผ่อยู่ในความสว่างต่อหน้าพระองค์

วันทั้งหลายของพวกเราจบสิ้นลงเพราะความโกรธของพระองค์
    เดือนปีของพวกเราจบสิ้นลงอย่างรวดเร็วเหมือนถอนหายใจ
10 ชีวิตเราก็แค่เจ็ดสิบปี
    ถ้าเราแข็งแรง อาจจะอยู่ถึงแปดสิบปี
แม้แต่วันปีที่ดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก
    ชีวิตก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเราก็หายวับไป

11 ใครเล่าได้สัมผัสความเกรี้ยวโกรธอย่างเต็มที่ของพระองค์
    ใครเล่าได้สัมผัสความโกรธของพระองค์และความกลัวที่เกิดจากมัน
12 โปรดช่วยเราให้รู้จักนับวันเวลาอันแสนสั้นของพวกเรา
    เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดกลับมาหาพวกเรา พระองค์จะถ่วงเวลาไปอีกนานแค่ไหน
    โปรดสงสารพวกผู้รับใช้ของพระองค์
14 โปรดให้เราอิ่มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ทุกๆเช้า
    แล้วพวกเราจะได้โห่ร้องด้วยความยินดีและมีความสุขไปชั่วชีวิต
15 โปรดให้พวกเรามีความสุขนานเท่ากับวันเวลาแห่งความทุกข์ทรมานที่พระองค์เคยหยิบยื่นให้กับเรานั้น
    นานเท่ากับปีแห่งความทุกข์ระทมที่เราเจอมา
16 โปรดให้พวกเราผู้รับใช้ของพระองค์ได้เห็นการกระทำต่างๆของพระองค์
    ให้ลูกหลานของพวกเราได้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจอันอัศจรรย์ของพระองค์
17 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกเรา
    โปรดอวยพรพวกเราด้วยเถิด
    โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
    ใช่แล้ว โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ

ปลอดภัยอยู่ในพระเจ้า

พวกเจ้าที่พักอยู่ในที่กำบังแห่งพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
    พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ให้พูดกับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือที่ลี้ภัยและป้อมปราการของข้าพเจ้า
    เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าผู้ที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ”
พระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากตาข่ายของนักล่านก
    พระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากโรคร้ายแรง
พระองค์จะกางปีกออกเหนือท่านและให้ท่านหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์นั้น
    ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะเป็นโล่และกำแพงป้องกันภัยให้กับท่าน
ท่านจะไม่ต้องกลัวการโจมตีในตอนกลางคืน
    หรือการจู่โจมด้วยลูกธนูในตอนกลางวัน
ท่านจะไม่ต้องกลัวโรคที่ย่องเข้ามาตอนกลางคืน
    หรือความเจ็บป่วยที่เข้ามาปล้นในตอนกลางวัน

คนเป็นพันอาจจะล้มตายอยู่ข้างท่าน
    คนเป็นหมื่นอาจจะล้มตายอยู่ทางขวาของท่าน
    แต่จะไม่มีอันตรายย่างกรายเข้ามาหาท่านเลย
ใช่แล้ว ท่านจะเห็นสิ่งเหล่านี้กับตาท่านเอง
    ท่านจะได้เห็นคนชั่วร้ายได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม

เพราะท่านเอาพระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
    ท่านให้พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดเป็นที่ปลอดภัยของท่าน
10 ดังนั้น จึงไม่มีความหายนะใดๆแตะต้องท่าน
    ไม่มีโรคระบาดใดๆเข้าไปในเต็นท์ของท่านได้

11 เพราะไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็ตาม
    พระเจ้าจะมอบหมายให้พวกทูตสวรรค์คอยคุ้มครองท่าน
12 ทูตสวรรค์เหล่านั้นจะเอามือยกท่านขึ้น
    เพื่อเท้าท่านจะได้ไม่ต้องกระแทกก้อนหิน
13 ท่านจะเดินบนพวกสิงโตและงูเห่า
    และเหยียบย่ำพวกสิงโตดุร้ายและพวกงูพิษได้

14 พระยาห์เวห์พูดว่า “เขารักเรา ดังนั้น เราจะช่วยเหลือเขา
    เราจะวางเขาไว้บนที่สูงที่ปลอดภัยเพราะเขารู้จักเราจริงๆ
15 เมื่อเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราจะตอบเขา
    เราอยู่กับเขาในยามที่เขาทุกข์ยาก
    เราช่วยให้เขาพ้นภัยและทำให้เขามีเกียรติ
16 เราจะทำให้เขาเต็มอิ่มด้วยชีวิตที่ยืนยาว
    แล้วให้เขาเห็นว่าเราสามารถช่วยให้เขารอดได้”

สุภาษิต 13:24-25

24 คนที่ยั้งไม้เรียวไว้ ก็เกลียดชังลูก
    แต่คนที่รักลูกจะไม่เพิกเฉยต่อการตีสอนลูก
25 คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะได้กินอย่างอิ่มหนำ
    แต่ท้องของคนชั่วจะหิวโหยต่อไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International