Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 3-4

สิ่งมหัศจรรย์ที่แม่น้ำจอร์แดน

เช้าตรู่วันต่อมา โยชูวา กับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ลุกขึ้น และเคลื่อนย้ายออกจากเมืองชิทธิม[a] มาที่แม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ที่นั่นก่อนที่จะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ หลังจากผ่านไปสามวัน พวกผู้นำก็ไปทั่วค่าย และสั่งประชาชนทั้งหมดว่า “เมื่อพวกท่านเห็นพวกนักบวชชาวเลวี แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ก็ให้พวกท่านเคลื่อนย้ายออกจากที่นี่และติดตามไป โดยให้ทิ้งระยะห่างของท่านกับหีบประมาณสองพันศอก อย่าเข้าใกล้หีบของพระเจ้ามากไปกว่านี้ แต่ให้คอยติดตามไปเพื่อจะได้รู้ว่าจะไปทางไหน เพราะพวกท่านไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อน”

โยชูวาพูดกับประชาชนทั้งหลายว่า “ชำระตัวของพวกท่านให้บริสุทธิ์ เพราะพรุ่งนี้พระยาห์เวห์จะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆท่ามกลางพวกท่าน”

โยชูวาสั่งพวกนักบวชว่า “ให้ยกหีบที่เก็บข้อตกลง และเดินนำประชาชนข้ามแม่น้ำไป” พวกนักบวชจึงได้ยกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้น และเดินนำหน้าประชาชนไป

พระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “วันนี้ เราจะเริ่มยกย่องเจ้าต่อหน้าสายตาของชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า เราอยู่กับเจ้าเหมือนกับที่เราอยู่กับโมเสส ให้เจ้าสั่งพวกนักบวชที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้นว่า ‘เมื่อพวกท่านมาถึงริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน ให้หยุดยืนอยู่ในน้ำที่ริมฝั่งนั้น’”

โยชูวาพูดกับพวกชาวอิสราเอลว่า “ท่านทั้งหลาย เข้ามาฟังคำพูดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน” 10 แล้วโยชูวาพูดต่อไปอีกว่า “เรื่องนี้จะทำให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าที่มีชีวิตได้อยู่ท่ามกลางพวกท่าน และพระองค์จะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส ออกไปอย่างแน่นอน 11 บัดนี้ หีบที่เก็บข้อตกลงขององค์เจ้าชีวิตแห่งสากลโลก จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปข้างหน้าพวกท่าน 12 ตอนนี้ ให้คัดเลือกชาวอิสราเอลมาสิบสองคนจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เผ่าละหนึ่งคน 13 เมื่อพวกนักบวช ผู้ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งหมด ก้าวเท้าลงไปในแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำที่กำลังไหลลงมานั้นจะถูกตัดขาดเหมือนกับมีเขื่อนกั้นน้ำไว้”

14 เมื่อประชาชนเคลื่อนย้ายออกจากค่ายเพื่อข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกนักบวชที่เป็นผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงก็เดินนำหน้าพวกเขาไป 15 (น้ำในแม่น้ำจอร์แดนล้นตลิ่งเสมอในฤดูเก็บเกี่ยว) แต่ทันทีที่พวกนักบวชผู้ทำหน้าที่แบกหีบนั้นมาถึงแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ก้าวลงไปในน้ำ 16 น้ำที่ไหลลงมาจากข้างบนก็หยุดไหลและกองสูงขึ้นราวกับน้ำที่อยู่หลังเขื่อนตรงเมืองอาดัมที่ตั้งอยู่ข้างๆเมืองศาเรธาน ส่วนน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลอาราบาห์ (ทะเลตาย) นั้นก็ถูกตัดขาดจนเกลี้ยง แล้วประชาชนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยริโคไป 17 พวกนักบวชที่ถือหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ต่างก็ยืนอยู่บนพื้นแห้งกลางแม่น้ำจอร์แดน จนชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปจนหมดสิ้น

หินที่ระลึกจากแม่น้ำจอร์แดน

เมื่อประชาชนทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนเรียบร้อยแล้ว พระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวาว่า “ให้เลือกผู้ชายมาสิบสองคน เผ่าละคน สั่งพวกเขาว่า ‘ให้พวกเจ้าไปแบกก้อนหินมาคนละก้อนจากกลางแม่น้ำจอร์แดน ที่พวกนักบวชยืนอยู่นั้น ให้เอาขึ้นมาวางไว้ในที่ที่พวกเจ้าจะตั้งค่ายพักคืนนี้’”

โยชูวาจึงเรียกชายสิบสองคน ที่เขาได้เลือกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย เผ่าละคน โยชูวาสั่งพวกเขาว่า “ให้พวกท่านไปที่ด้านหน้าของหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ที่อยู่กลางแม่น้ำจอร์แดนนั้น และให้แต่ละคนแบกหินมาคนละก้อน ตามจำนวนเผ่าของอิสราเอล เพื่อสิ่งนี้จะได้เป็นเครื่องเตือนใจในหมู่พวกท่าน ในอนาคตเมื่อลูกๆของพวกท่านถามว่า ‘ก้อนหินเหล่านี้ มีความหมายว่าอะไร’ พวกท่านจะได้ตอบว่า ‘น้ำในแม่น้ำจอร์แดนถูกตัดขาดไปต่อหน้าหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เมื่อหีบใบนี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็หยุดไหล ดังนั้นก้อนหินเหล่านี้จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงเหตุการณ์นี้สำหรับชาวอิสราเอลตลอดไป’”

คนเหล่านั้นก็ทำตามที่โยชูวาสั่ง พวกเขาได้ไปแบกก้อนหินจากกลางแม่น้ำจอร์แดนมาจำนวนสิบสองก้อน เท่ากับจำนวนเผ่าของอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโยชูวา พวกเขาแบกหินเหล่านั้นข้ามแม่น้ำมากับพวกเขาไปถึงที่ตั้งค่ายและได้วางพวกมันไว้ที่นั่น (โยชูวายังได้ตั้งก้อนหินสิบสองก้อนไว้ที่กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่พวกนักบวชผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงยืนอยู่อีกด้วย ก้อนหินทั้งหมดนั้นยังอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้)

10 พวกนักบวชผู้แบกหีบนั้นยังคงยืนอยู่ที่กลางแม่น้ำจอร์แดน จนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นลงตามคำสั่งที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโยชูวาให้บอกกับประชาชน เหมือนกับที่โมเสสเคยสั่งโยชูวาไว้ ประชาชนข้ามแม่น้ำกันอย่างเร่งรีบ 11 เมื่อประชาชนข้ามแม่น้ำกันหมดแล้ว หีบของพระยาห์เวห์และพวกนักบวชก็ข้ามมา และมานำอยู่ด้านหน้าของประชาชน

12 ชนเผ่ารูเบน ชนเผ่ากาด และชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งถืออาวุธพร้อมมือ นำหน้าชาวอิสราเอลคนอื่นๆข้ามไปตามที่โมเสสได้สั่งไว้ 13 มีประมาณสี่หมื่นคนที่มีอาวุธพร้อมมือได้ข้ามไปต่อหน้าพระยาห์เวห์ ไปสู่ที่ราบทั้งหลายของเมืองเยริโค

14 ในวันนั้นพระยาห์เวห์ได้ยกย่องโยชูวาต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหลาย พวกเขายำเกรงโยชูวาไปจนชั่วชีวิตของท่าน เหมือนกับที่พวกเขาเคยยำเกรงโมเสส

15 พระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวาว่า 16 “ให้สั่งพวกนักบวชผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้น ขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดนได้แล้ว”

17 โยชูวาจึงสั่งพวกนักบวชทั้งหลายว่า “พวกท่านทั้งหลาย ขึ้นจากแม่น้ำจอร์แดนได้แล้ว”

18 และเมื่อพวกนักบวชผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ขึ้นมาจากกลางแม่น้ำจอร์แดน และก้าวขึ้นมาบนฝั่ง น้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็ไหลกลับมาท่วมตลิ่งเหมือนเดิม

19 ประชาชนได้ขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดนในวันที่สิบของเดือนที่หนึ่ง และได้ตั้งค่ายอยู่ที่เมืองกิลกาลทางชายแดนด้านตะวันออกของเมืองเยริโค 20 และโยชูวาได้ตั้งก้อนหินทั้งสิบสองก้อนที่พวกเขาได้นำมาจากแม่น้ำจอร์แดนไว้ที่กิลกาล 21 โยชูวาพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า “ในอนาคตเมื่อลูกหลานของพวกท่านถามพวกพ่อของพวกเขาว่า ‘หินพวกนี้หมายถึงอะไร’ 22 ให้ท่านตอบกับลูกหลานของท่านว่า ‘ชาวอิสราเอลได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนบนพื้นแห้ง’ 23 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งลงต่อหน้าพวกท่าน จนพวกท่านข้ามไปได้เหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเคยทำกับทะเลแดง พระองค์ทำให้ทะเลแดงนั้นแห้งลงต่อหน้าพวกเรา จนพวกเราข้ามไปได้ 24 เพื่อประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินจะได้รู้ว่ามือของพระยาห์เวห์นั้นทรงพลัง และเพื่อพวกท่านจะได้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตลอดไป”

ลูกา 14:7-35

อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น

เมื่อพระเยซูเห็นว่าแขกที่มาในงานชอบเลือกนั่งในที่ที่มีเกียรติ พระองค์ก็เลยใช้เรื่องเปรียบเทียบสอนว่า “เมื่อมีคนเชิญคุณไปงานแต่งงาน อย่าไปเลือกนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะเจ้าภาพอาจจะเชิญแขกที่สำคัญกว่าคุณมา แล้วเจ้าภาพจะมาบอกกับคุณว่า ‘ช่วยลุกให้แขกคนนี้นั่งหน่อย’ คุณก็จะเสียหน้า และต้องเลื่อนไปนั่งที่ที่ไม่มีเกียรติ 10 ทำอย่างนี้สิ เวลาไปงานเลี้ยงให้ไปนั่งในที่ที่ไม่มีเกียรติ ซึ่งเมื่อเจ้าภาพเห็นก็จะมาบอกกับคุณว่า ‘เพื่อนรัก ย้ายขึ้นมานั่งในที่ที่มีเกียรตินี้เถิด’ คุณก็จะได้หน้าต่อหน้าแขกคนอื่นๆ 11 เพราะคนที่ยกตัวเองจะต้องถูกกดลง และคนที่ถ่อมตัวจะถูกยกขึ้น”

คุณจะได้รับรางวัล

12 แล้วพระเยซูก็หันมาพูดกับเจ้าของบ้านว่า “เมื่อคุณจัดงานเลี้ยงมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็นก็ตาม อย่าเชิญเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มีอันจะกินมา เพราะคนพวกนี้จะเลี้ยงตอบแทน 13 แต่เมื่อคุณจัดงานเลี้ยง ให้เชิญคนยากจน คนพิการ คนขาเป๋ คนตาบอด 14 เพราะคนพวกนี้ไม่สามารถจ่ายคืนได้ แต่พระเจ้าจะให้เกียรติ และให้รางวัลกับคุณ ในวันที่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะฟื้นขึ้นจากความตาย”

เรื่องราวเกี่ยวกับงานเลี้ยงครั้งใหญ่

(มธ. 22:1-10)

15 มีชายคนหนึ่งที่กินอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็พูดกับพระเยซูว่า “ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆสำหรับคนที่ได้กินอาหารที่งานเลี้ยงในอาณาจักรของพระเจ้า”

16 พระเยซูก็ตอบเป็นเรื่องเปรียบเทียบว่า “มีชายคนหนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่โต และเชิญแขกมามากมาย 17 เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ส่งคนใช้ออกไปบอกกับแขกทั้งหลายว่า ‘มาได้แล้วครับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ 18 แต่แขกแต่ละคนก็แก้ตัวกันต่างๆนานา คนแรกบอกว่า ‘ขอโทษที ไปไม่ได้ ต้องไปดูแลนาที่เพิ่งซื้อมาใหม่’ 19 อีกคนหนึ่งก็บอกว่า ‘ขอโทษทีไปไม่ได้ เพิ่งซื้อวัวมาห้าคู่ ต้องไปทดสอบมันดูหน่อย’ 20 อีกคนหนึ่งก็บอกว่า ‘เพิ่งแต่งงาน ไปไม่ได้หรอก’

21 เมื่อคนใช้กลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้านายฟัง เจ้านายก็โกรธมาก จึงสั่งคนใช้ว่า ‘รีบไปที่ถนนตามตรอกซอกซอยในเมืองนี้ และพาคนยากจน คนพิการ คนขาเป๋และคนตาบอดมาที่นี่’ 22 ต่อมาคนใช้นั้นมารายงานเจ้านายว่า ‘ผมทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างเหลืออยู่อีก’ 23 เจ้านายจึงสั่งว่า ‘ถ้างั้น ให้ออกไปถนนนอกเมืองและตามถนนในชนบท ไปเร่งเร้าพวกเขามา ให้บ้านของเราเต็มให้ได้ 24 เราขอบอกให้รู้ว่า พวกนั้นที่เราได้เชิญในตอนแรกจะไม่มีใครได้ชิมอาหารในงานเลี้ยงของเราเลย’”

คุ้มไหมที่จะติดตามพระเยซู

(มธ. 10:37-38)

25 ผู้คนมากมายเดินตามพระเยซูไป พระองค์หันมาพูดกับพวกเขาว่า 26 “ถ้าพวกคุณอยากเป็นศิษย์ของเรา คุณต้องเกลียด[a] พ่อแม่ เมีย ลูกๆรวมทั้งพี่น้องและชีวิตของตัวเอง 27 คนที่ไม่ได้แบกไม้กางเขนของตัวเองตามเรามา ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้ 28 สมมุติว่า คุณต้องการจะสร้างหอคอย สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ต้องคิดราคาค่าก่อสร้างก่อน ดูว่ามีเงินพอหรือเปล่า 29 เพราะไม่อย่างนั้น เมื่อคุณลงฐานแล้วเกิดเงินหมดก็ต้องหยุดสร้าง คนอื่นเห็นก็จะหัวเราะเยาะเอาได้ 30 ว่า ‘คนนี้ลงมือสร้าง แต่ไม่มีปัญญาสร้างให้เสร็จ’

31 หรือสมมุติว่ากษัตริย์องค์หนึ่งจะออกไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง เขาจะไม่นั่งลงวางแผนก่อนหรือ ว่าทหารหนึ่งหมื่นคนของเขาจะไปสู้ชนะทหารสองหมื่นคนที่ยกทัพมาได้หรือเปล่า 32 ถ้าเขาคิดว่าสู้ไม่ได้ เขาจะต้องรีบส่งคนไปเจรจาขอสงบศึก ในขณะที่กองทัพนั้นยังอยู่อีกไกล 33 ก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ยอมสละทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ คุณก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

เกลือที่หมดค่า

(มธ. 5:13; มก. 9:50)

34 “เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มแล้ว ก็จะทำให้มันเค็มอีกได้อย่างไร 35 จะเอาไปใส่ดินหรือผสมกับปุ๋ยก็ไม่ได้ มีแต่ต้องโยนทิ้งไปเท่านั้น คนที่มีหูก็ฟังเอาไว้ให้ดี”

สดุดี 80

ข้าแต่พระเจ้าช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงบนพวกเรา

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองเพลงดอกพลับพลึง คำพยาน เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล โปรดฟังพวกเราด้วยเถิด
    พระองค์เป็นผู้ที่นำคนของโยเซฟเหมือนนำฝูงแกะ
พระองค์ผู้นั่งอยู่เหนือทูตสวรรค์ที่มีปีก
    ขอปรากฏตัวให้พวกเราเห็นด้วยเถิด
ลุกขึ้นเถิด แสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    ต่อหน้าประชาชนของเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์
    มาช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเรา[a] และช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    พระองค์จะโกรธคนของพระองค์ที่อธิษฐานต่อพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
พระองค์เลี้ยงพวกเขา ด้วยน้ำตาต่างข้าว
    และให้พวกเขาดื่มน้ำตาเป็นถังๆ
พระองค์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างต่อสู้แย่งชิงกัน
    และพวกศัตรูก็หัวเราะเยาะพวกเรา

ข้าแต่พระเจ้า ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

พระองค์นำพวกเราที่เป็นเถาองุ่นของพระองค์ออกจากอียิปต์
    พระองค์ขับไล่ชาวต่างชาติออกไปและปลูกพวกเราที่เป็นต้นองุ่นของพระองค์แทน
พระองค์กำจัดหินและหญ้ารกให้ต้นองุ่นนั้นมีที่เติบโต
    แล้วต้นองุ่นนั้นก็หยั่งรากลึกและแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน
10 เงาของมันปกคลุมไปทั่วเนินเขาต่างๆ
    ส่วนกิ่งก้านของมันปกคลุมต้นสนซีดาร์อันสูงใหญ่
11 เถาองุ่นได้แตกกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปทางทิศตะวันตกสู่ทะเล
    ทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำยูเฟรติส
12 แต่ตอนนี้ ทำไมพระองค์ถึงได้พังรั้วกำแพงที่ป้องกันสวนองุ่นลง
    และปล่อยให้คนที่เดินผ่านไปมาเด็ดลูกมัน
13 พวกหมูป่าก็พากันมาแทะกิน
    และแมลงจากท้องทุ่งพากันมากัดกิน

14 ข้าแต่พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดกลับมาเถิด
    โปรดมองลงมาจากสวรรค์ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    ลงมาดูแลเถาองุ่นต้นนี้ด้วยเถิด
15 พระองค์ปลูกรากเง้าของมันด้วยมือขวาของพระองค์เอง
    พระองค์เลี้ยงดูต้นอ่อนนั้นให้เป็นของพระองค์เอง
16 แต่ตอนนี้ เถาองุ่นของพระองค์ถูกโค่นลงและเผาทิ้ง
    ขอให้พวกศัตรูถูกทำลายด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธของพระองค์
17 ขอให้มือของพระองค์หนุนคนที่พระองค์เลือกสรรไว้[b]
    คือผู้ที่พระองค์ได้เลี้ยงดูให้แข็งแรงเป็นของพระองค์เอง
18 แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์
    ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

สุภาษิต 12:27-28

27 คนขี้เกียจไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง[a]
    แต่คนขยันจะได้รับความมั่งคั่ง
28 หนทางที่พระเจ้าชอบใจนั้น นำไปสู่ชีวิต
    แต่อีกทางหนึ่งนำไปสู่ความตาย[b]

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International