The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
เมืองของชนเผ่าเลวี
21 จากนั้นหัวหน้าตระกูลต่างๆในเผ่าเลวี ได้มาพบนักบวชเอเลอาซาร์ โยชูวาลูกของนูนและหัวหน้าของตระกูลต่างๆของแต่ละเผ่าของอิสราเอล 2 คนเผ่าเลวีได้พูดกับคนเหล่านั้นที่เมืองชิโลห์ในแผ่นดินคานาอันว่า “พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านโมเสสไว้ว่า พวกเราจะได้รับเมืองหลายเมืองเพื่ออยู่อาศัยพร้อมๆกับทุ่งหญ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเราด้วย” 3 เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ ชาวอิสราเอลจึงได้ยกเมืองต่างๆเหล่านี้และทุ่งหญ้าของเมืองเหล่านั้น จากมรดกของพวกเขาให้กับชาวเลวี คือ
4 เมื่อสลากออกมา เพื่อชี้ว่าใครควรจะได้รับเมืองไหน สลากอันแรกเป็นของตระกูลต่างๆของโคฮาท ดังนั้น ชาวเลวีในตระกูลต่างๆของโคฮาทซึ่งเป็นลูกหลานของนักบวชอาโรนได้รับเมืองสิบสามเมืองจากชนเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน ตามสลากที่จับได้
5 ส่วนคนโคฮาทที่เหลือ จับสลากได้เมืองสิบเมืองจากตระกูลต่างๆของเผ่าเอฟราอิม จากเผ่าดานและจากครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์
6 คนเกอร์โชนได้รับเมืองสิบสามเมือง จากตระกูลต่างๆของเผ่าอิสสาคาร์ จากเผ่าอาเชอร์ จากเผ่านัฟทาลี และจากครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ในบาชาน
7 พวกตระกูลต่างๆของคนเมรารี ได้รับเมืองสิบสองเมืองจากเผ่ารูเบน จากเผ่ากาด และจากเผ่าเศบูลุน
8 ชาวอิสราเอลได้จับสลาก ให้เมืองต่างๆเหล่านี้และทุ่งหญ้าของเมืองเหล่านี้ กับชาวเลวีตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ผ่านทางโมเสส
9 นี่คือรายชื่อของเมืองต่างๆจากเผ่ายูดาห์ และเผ่าสิเมโอน 10 ที่ได้ยกให้กับพวกลูกหลานของอาโรน คือตระกูลหนึ่งของชาวโคฮาท ซึ่งเป็นชาวเลวี เพราะว่าสลากใบแรกตกเป็นของตระกูลนี้ 11 ชาวอิสราเอลให้เมืองคิริยาทอารบา (อารบา เป็นพ่อของอานาค) คือเมืองเฮโบรน ในแถบเนินเขาของยูดาห์พร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์รอบๆเมืองนั้น 12 แต่ทุ่งนาและชนบทของเมืองนั้นได้ยกให้เป็นมรดกของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ 13 สำหรับลูกหลานของนักบวชอาโรน พวกเขาได้ให้เมืองเฮโบรน (ซึ่งเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) พร้อมกับทุ่งหญ้ารอบเมืองนั้น และเมืองลิบนาห์พร้อมทุ่งหญ้า 14 เมืองยาททีร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเอชเทโมอากับทุ่งหญ้ารอบเมือง 15 เมืองโฮโลนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเดบีร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง 16 เมืองอายินกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยุทธาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเบธเชเมชกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นเก้าเมืองจากเผ่าสองเผ่านี้
17 ชนเผ่าเบนยามินได้ให้เมืองกิเบโอนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเกบากับทุ่งหญ้ารอบเมือง 18 เมืองอานาโธทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองอัลโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง 19 รวมเมืองทั้งหมดที่เป็นของพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรน มีสิบสามเมืองกับทุ่งหญ้ารอบเมืองเหล่านั้น
20 ส่วนชาวโคฮาทที่เหลือของพวกตระกูลโคฮาทในเผ่าเลวี ได้เมืองต่างๆจากเผ่าเอฟราอิม โดยการจับสลาก 21 พวกเขาได้รับเมืองเชเคม (เป็นเมืองหนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) กับทุ่งหญ้ารอบเมืองในแถบเนินเขาเอฟราอิม และเมืองเกเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง 22 เมืองขิบซาอิมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเบธโฮโรนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
23 ชาวโคฮาทได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าดาน คือ เมืองเอลเทเคห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองกิบเบโธนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง 24 เมืองอัยยาโลนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองกัทริมโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
25 ชาวโคฮาทได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือ เมืองทาอานาคกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองกัทริมโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมืองรวมเป็นสองเมือง
26 เมืองทั้งหมดรวมเป็นสิบเมือง กับทุ่งหญ้ารอบเมืองเหล่านั้น ซึ่งมอบให้กับตระกูลอื่นๆที่เหลือของโคฮาท
27 ในพวกตระกูลต่างๆของชาวเลวี คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้ คือ
คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือเมืองโกลานในบาชาน (เป็นเมืองลี้ภัยเมืองหนึ่งสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) และเมืองเบเอชเท-ราห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสองเมือง
28 คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าอิสสาคาร์ เมืองคีชิโอนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองดาเบรัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง 29 เมืองยารมูทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเอนกันนิมกับทุ่งหญ้ารอบเมืองรวมเป็นสี่เมือง
30 คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าอาเชอร์ คือ เมืองมิชอาลกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองอับโดนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง 31 เมืองเฮลขัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเรโหบกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
32 คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่านัฟทาลี เมืองเคเดชในกาลิลีกับทุ่งหญ้ารอบเมือง (หนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) เมืองฮัมโมทโดร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองคารทานกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสามเมือง
33 พวกตระกูลเกอร์โชนได้รับสิบสามเมืองกับทุ่งหญ้ารอบเมือง
34 พวกตระกูลเมรารี (คนเผ่าเลวีที่เหลือ) ได้เมืองต่อไปนี้ คือ
พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าเศบูลุน คือ เมืองโยกเนอัมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองคารทาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง 35 เมืองดิมนาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองนาหะลาลกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
36 พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ารูเบน คือ เมืองเบเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยาฮาสกับทุ่งหญ้ารอบเมือง 37 เมืองเคเดโมทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเมฟาอัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
38 พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ากาด คือ เมืองราโมทในกิเลอาด (หนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองมาหะนาอิมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง 39 เมืองเฮชโบนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยาเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง
40 เมืองทั้งสิบสองเมืองนี้ได้มอบให้กับตระกูลต่างๆของคนเมรารีโดยการจับสลาก พวกนี้เป็นพวกตระกูลต่างๆของคนเผ่าเลวีที่เหลือ
41 เมืองต่างๆของเผ่าเลวีที่อยู่ในอาณาเขตของชาวอิสราเอลมีทั้งหมด สี่สิบแปดเมืองกับทุ่งหญ้ารอบๆเมืองเหล่านั้น 42 แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าล้อมรอบ ทุกเมืองก็เป็นอย่างนี้
43 อย่างนี้ พระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินทั้งหมดแก่ชาวอิสราเอล ซึ่งพระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะยกให้กับพวกเขา และพวกเขาก็เข้าไปยึดครอง และตั้งรกรากกันที่นั่น 44 พระยาห์เวห์ได้ให้ความสงบสุขกับพวกเขาในทุกด้าน ตามที่พระองค์ให้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูคนใดของพวกเขาที่สามารถยืนหยัดต่อสู้พวกเขาได้ เพราะพระยาห์เวห์ได้มอบศัตรูทั้งสิ้นของพวกเขาไว้ในกำมือของพวกเขาแล้ว 45 ในพวกคำสัญญาที่ดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับครอบครัวอิสราเอล ไม่มีสักเรื่องที่ล้มเหลว ทุกเรื่องสำเร็จหมด
เผ่าที่อยู่ฝั่งตะวันออกกลับบ้าน
22 จากนั้นโยชูวาก็ได้เรียกเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามาประชุม 2 และพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายได้ทำตามที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งพวกท่านไว้ และพวกท่านก็เชื่อฟังข้าพเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าได้สั่งพวกท่าน 3 พวกท่านไม่ได้ทอดทิ้งญาติพี่น้องของพวกท่านตลอดมาจนถึงวันนี้ แต่ท่านได้รักษาคำกำชับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านอย่างเคร่งครัด 4 บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้พี่น้องของท่านอยู่อย่างสงบสุขแล้ว อย่างที่พระองค์ได้ให้สัญญาไว้กับพวกเขานั้น ดังนั้น ตอนนี้ พวกท่านกลับไปบ้านได้แล้ว ไปสู่แผ่นดินที่พวกท่านเป็นเจ้าของซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้น 5 แต่ขอให้ระวังที่จะทำตามคำสั่งและกฎที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านไว้ คือ ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้เดินตามแนวทางทั้งหลายของพระองค์ ให้เชื่อฟังพวกคำสั่งของพระองค์ ให้ใกล้ชิดกับพระองค์ และให้รับใช้พระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน”
6 โยชูวาอวยพรให้กับพวกเขาและส่งพวกเขากลับบ้าน 7 (โมเสสได้มอบแผ่นดินในเมืองบาชานให้กับคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่ารวมทั้งญาติพี่น้องชาวอิสราเอลของเขา โยชูวาได้มอบที่ดินบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้) เมื่อโยชูวาส่งพวกเขากลับบ้าน ก็ได้อวยพรให้กับพวกเขาด้วย 8 โยชูวาพูดว่า “ให้กลับไปที่บ้านของพวกท่านพร้อมความมั่งคั่ง มีสัตว์เลี้ยงมากมาย มีเงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก และมีเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก ให้ไปแบ่งสิ่งต่างๆที่ยึดมาได้จากศัตรูของพวกท่านในสงครามให้กับพี่น้องของพวกท่านด้วย”
9 ดังนั้นคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า จึงแยกจากชาวอิสราเอลที่เมืองชิโลห์ ในแผ่นดินคานาอัน เพื่อกลับไปยังแผ่นดินกิเลอาด ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พวกเขายึดมาได้ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านทางโมเสส
10 เมื่อพวกเขามาถึงกิเลโลต ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ในแผ่นดินคานาอัน ชาวรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่มาก 11 ชาวอิสราเอลที่เหลือได้ยินว่าคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่พรมแดนของแผ่นดินคานาอัน ที่กิเลโลต ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดนฝั่งที่เป็นของชาวอิสราเอล 12 ชุมชนทั้งหมดของอิสราเอลจึงยกกันมาที่ชิโลห์ เพื่อที่จะขึ้นไปสู้รบกับพวกนั้น
13 ชาวอิสราเอลส่งนักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ไปพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ในแผ่นดินกิเลอาด 14 พร้อมกับส่งผู้นำอีกสิบคน จากแต่ละเผ่า คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของตระกูลต่างๆของอิสราเอลด้วย
15 เมื่อพวกเขาพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาพูดว่า 16 “ชุมชนทั้งหมดของพระยาห์เวห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกท่านไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของอิสราเอลอย่างนี้ได้ยังไง วันนี้ พวกท่านหันเหจากพระยาห์เวห์แล้วไปสร้างแท่นบูชาเพื่อกบฏต่อพระองค์อย่างนี้ได้ยังไง
17 บาปที่เมืองเปโอร์ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเราอีกหรือ จนถึงวันนี้ พวกเรายังไม่สามารถล้างบาปนั้นให้หมดจากตัวพวกเราได้ แม้ว่าจะมีโรคระบาดลงมาในที่ชุมชนของพระยาห์เวห์ก็ตาม 18 แล้วตอนนี้ พวกท่านยังจะหันเหไปจากพระยาห์เวห์อีกหรือยังไง ถ้าพวกท่านกบฏต่อพระยาห์เวห์ในวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะโกรธชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด
19 ถ้าแผ่นดินของพวกท่านเสื่อมไป ให้ข้ามมายังแผ่นดินของพระยาห์เวห์ที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่ และมาแบ่งปันแผ่นดินไปจากพวกเราเถิด อย่าได้เป็นกบฏต่อพระยาห์เวห์ หรือต่อพวกเรา โดยการสร้างแท่นบูชาอื่นสำหรับพวกท่านเอง นอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเลย
20 ที่ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้ตกอยู่กับชุมชนอิสราเอลทั้งหมด เป็นเพราะอาคานลูกชายของเศราห์ไม่สัตย์ซื่อในเรื่องของที่ต้องทำลายเพื่ออุทิศให้กับพระยาห์เวห์ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องตายเพราะบาปของเขานะ’”
พวกผู้นำชาวยิวตั้งคำถามกับพระเยซู
(มธ. 21:23-27; มก. 11:27-33)
20 วันหนึ่งเมื่อพระเยซูกำลังสั่งสอนและประกาศเรื่องข่าวดีอยู่ในบริเวณวิหาร พวกหัวหน้านักบวช พวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกผู้นำอาวุโสมาหาพระองค์ 2 พวกเขาถามว่า “ช่วยบอกหน่อยว่าแกมีสิทธิ์อะไรไปขับไล่พวกคนขายของนั้น ใครให้สิทธิ์นี้กับแก”
3 พระเยซูตอบไปว่า “ตอบเรามาก่อนว่า 4 พิธีจุ่มน้ำของยอห์น มาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์”
5 พวกเขาปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่เชื่อยอห์นล่ะ’ 6 แต่ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ คนก็จะเอาหินขว้างเรา เพราะชาวบ้านพวกนี้เชื่อว่า ยอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า”
7 พวกเขาก็เลยตอบพระองค์ว่า “เราไม่รู้ว่ามาจากไหน”
8 พระเยซูก็เลยตอบพวกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่บอกเหมือนกันว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำสิ่งเหล่านี้”
พระเจ้าส่งลูกชายของพระองค์มา
(มธ. 21:33-46; มก. 12:1-12)
9 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้คนฟังว่า “มีชายคนหนึ่งทำสวนองุ่น แล้วให้ชาวสวนเช่า แล้วเขาก็ไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน 10 เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เขาส่งทาสคนหนึ่งมารับส่วนแบ่งจากผลองุ่น แต่พวกคนเช่ากลับทำร้ายทุบตีทาสคนนั้น และไล่กลับไปมือเปล่า 11 เจ้าของสวนองุ่นก็เลยส่งทาสอีกคนหนึ่งไป พวกคนเช่าก็ทำร้ายทุบตีเขาและทำให้เขาอับอายขายหน้า แล้วไล่กลับไปมือเปล่าอีก 12 เจ้าของสวนก็ส่งคนที่สามไปอีก พวกคนเช่าก็ทำเหมือนเดิม ทำเขาจนบาดเจ็บสาหัสแล้วโยนออกไปนอกสวน 13 เจ้าของสวนองุ่นพูดกับตัวเองว่า ‘จะทำยังไงดี รู้แล้ว เราจะส่งลูกชายสุดที่รักของเราไป พวกนั้นจะต้องเคารพยำเกรงลูกชายเราแน่ๆ’ 14 แต่พอพวกคนเช่าเห็นลูกชายของเขา ก็ปรึกษากันว่า ‘นี่ไงผู้รับมรดก ให้พวกเราฆ่ามันเลย สวนนี้จะได้ตกเป็นของพวกเรา’ 15 พวกเขาก็เลยจับลูกชายเจ้าของสวนโยนออกไปนอกสวนและฆ่าเขา พวกคุณคิดว่า เจ้าของสวนจะทำยังไงกับพวกคนเช่าเหล่านั้น 16 เขาจะกลับไปฆ่าพวกคนเช่าสวนเหล่านั้น และยกสวนองุ่นให้กับคนอื่นๆ” เมื่อผู้คนได้ยินอย่างนั้น ก็พูดขึ้นว่า “อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”
17 แต่พระเยซูก็จ้องมองเขาและพูดว่า “ถ้างั้น ข้อความนี้ในพระคัมภีร์หมายถึงอะไร
‘หินก้อนนี้ที่ช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว
กลับกลายมาเป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด’[a]
18 คนที่ล้มทับหินก้อนนั้น ร่างกายก็จะหักเป็นท่อนๆ แต่ถ้าถูกหินนี้ล้มทับ คนนั้นก็จะแหลกละเอียด”
19 เมื่อพวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกหัวหน้านักบวชรู้ตัวว่าพระเยซูกำลังเปรียบพวกเขาว่าเป็นคนเช่าสวนพวกนั้น พวกเขาก็เลยหาทางที่จะจับพระเยซูตอนนั้นเลย แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวประชาชน
พวกผู้นำชาวยิวพยายามใช้กลอุบายลวงพระเยซู
(มธ. 22:15-22; มก. 12:13-17)
20 พวกเขาจึงเฝ้าดูพระเยซูอย่างใกล้ชิด และส่งพวกสอดแนมที่แกล้งทำเป็นคนดีเพื่อไปจับผิดคำพูดของพระองค์ เพื่อจะได้จับตัวพระองค์ส่งไปให้ผู้พิพากษาและเจ้าเมืองโรม 21 พวกสอดแนมถามพระเยซูว่า “อาจารย์ครับ พวกเรารู้ว่าคำพูดและคำสอนของท่านนั้นถูกต้องและท่านก็ไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร และสอนความจริงในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ทำ 22 อาจารย์ช่วยบอกหน่อยว่า มันถูกต้องตามกฎหรือเปล่าที่จ่ายภาษีให้กับซีซาร์”
23 พระเยซูรู้ถึงอุบายของพวกเขา จึงบอกพวกเขาว่า 24 “ไหน ส่งเหรียญอันหนึ่งมาให้ดูสิ นี่รูปใคร แล้วมีชื่อใครสลักอยู่”
พวกเขาก็ตอบว่า “ซีซาร์”
25 พระองค์จึงพูดกับพวกเขาว่า “ของๆซีซาร์ก็ให้ซีซาร์ ของๆพระเจ้าก็ให้พระเจ้า”
26 พวกเขาไม่สามารถจะจับผิดคำพูดของพระองค์ต่อหน้าผู้คนได้ ได้แต่ตะลึงในคำตอบจนถึงกับพูดไม่ออก
พระยาห์เวห์จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับดาวิดหรือเปล่า
บทเพลงมัสคิลของเอธาน จากตระกูลเอศราค
1 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ
ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศด้วยปากของข้าพเจ้าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ให้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
2 เพราะข้าพเจ้าว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะอยู่นานตราบเท่าท้องฟ้า”
3 พระองค์พูดว่า “เราทำข้อตกลงกับผู้ที่เราเลือกไว้
เราให้คำสัตย์สาบานไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า
4 เราจะตั้งราชวงศ์ของเจ้าตลอดไป
เราจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าให้คงอยู่ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน” เซลาห์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชาวสวรรค์จะสรรเสริญพระองค์สำหรับการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
ที่ชุมนุมของทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะสรรเสริญความสัตย์ซื่อของพระองค์
6 มีใครบ้างในฟ้าสวรรค์ที่จะมาเท่าเทียมกับพระยาห์เวห์ได้
มีใครท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลายที่จะมาเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้
7 เมื่อทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาชุมนุมกันที่สภา พวกเขาต่างยำเกรงพระยาห์เวห์
พระองค์นั้นยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามกว่าทูตสวรรค์เหล่านั้นที่อยู่ล้อมรอบพระองค์
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดเหมือนกับพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์มีฤทธิ์อำนาจและสัตย์ซื่อในทุกเรื่อง
9 พระองค์ปกครองทะเลที่ปั่นป่วน
และเมื่อคลื่นโหมกระหน่ำพระองค์ปราบพวกมันให้สงบลง
10 พระองค์บดขยี้สัตว์ประหลาดในทะเลที่ชื่อ ราหับ[a]
พระองค์ทำให้พวกศัตรูของพระองค์แตกกระเจิงด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
11 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ รวมทั้งทุกสิ่งในโลกเป็นของพระองค์
พระองค์สร้างพวกมันขึ้นมาทั้งสิ้น
12 พระองค์สร้างทิศเหนือและทิศใต้
ภูเขาทาโบร์ และภูเขาเฮอร์โมนเต้นและร้องสรรเสริญชื่อของพระองค์ด้วยความยินดี
13 พระองค์มีแขนอันทรงพลัง
มือของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยฤทธิ์เดช มือขวาของพระองค์ชูขึ้นในชัยชนะ
15 คนรู้จักคิดย่อมเป็นที่นิยมชมชอบ
แต่หนทางของคนไม่ซื่อ เป็นความหายนะของเขาเอง
16 คนฉลาดหลักแหลมทำทุกอย่างด้วยความรู้
แต่คนโง่อวดโง่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International