The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.
โยชูวาจะเป็นผู้นำคนใหม่
31 เมื่อโมเสสพูดสิ่งต่างๆเหล่านี้กับชาวอิสราเอลเสร็จแล้ว 2 โมเสสก็พูดกับพวกเขาว่า “ตอนนี้เรามีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว เราไม่สามารถจะไปไหนมาไหนกับพวกท่านได้อีกแล้ว และพระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไป’ 3 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเป็นผู้นำท่านข้ามไป ไม่ใช่เรา พระองค์จะทำลายชนชาติพวกนี้ต่อหน้าท่าน และท่านจะได้ยึดแผ่นดินของพวกเขา โยชูวาจะเป็นคนที่นำท่านข้ามไป ตามที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้
4 พระยาห์เวห์จะทำกับพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ได้ทำกับสิโหนและโอก กษัตริย์ชาวอาโมไรต์และกับแผ่นดินของพวกเขา ตอนที่พระองค์ทำลายพวกเขานั้น 5 พระยาห์เวห์จะช่วยให้ท่านเอาชนะชนชาติเหล่านั้น และพวกท่านต้องทำกับพวกเขาตามที่เราสั่งทุกอย่าง 6 ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ ไม่ต้องกลัวหรือตื่นตกใจเพราะพวกนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือผู้ที่จะไปกับท่าน พระองค์จะไม่ละท่านไปหรือทอดทิ้งท่านหรอก”
7 แล้วโมเสสก็เรียกโยชูวามาต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล โมเสสพูดกับโยชูวาว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะเจ้าจะต้องนำประชาชนเหล่านี้เข้าสู่แผ่นดินที่พระยาห์เวห์สัญญาว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และเจ้าจะต้องจัดสรรปันส่วนที่ดินนั้นให้กับพวกเขา 8 พระยาห์เวห์จะเป็นผู้ที่นำเจ้า พระองค์จะอยู่กับเจ้า พระองค์จะไม่ละเจ้าไปหรือทอดทิ้งเจ้า ไม่ต้องกลัวหรือตื่นตกใจ”
โมเสสเขียนคำสอน
9 แล้วโมเสสได้เขียนคำสอนนี้ และให้ไว้กับพวกนักบวช ที่เป็นลูกหลานของเลวี และให้กับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอล พวกลูกหลานเลวีมีหน้าที่แบกหีบที่ใส่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์ 10 โมเสสสั่งพวกเขาว่า “ทุกๆเจ็ดปี ซึ่งเป็นปีแห่งการยกหนี้ ในช่วงเทศกาลอยู่เพิง 11 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่นั้นที่พระองค์จะเลือกไว้ ท่านต้องอ่านคำสอนนี้ต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด เพื่อมันจะได้เข้าหูพวกเขา 12 ให้รวบรวมประชาชนมาให้หมด ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็กๆและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของท่าน เพื่อพวกเขาจะได้ฟัง และจะได้เรียนรู้ เพื่อเขาจะได้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และจะได้เชื่อฟังคำสอนทั้งหมดนี้อย่างระมัดระวัง 13 เพื่อลูกหลานของพวกเขาที่ไม่เคยรู้จักคำสอนนี้จะได้ฟังและเรียนรู้ที่จะเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน นานตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดเป็นเจ้าของนั้น”
พระยาห์เวห์เรียกโมเสสและโยชูวา
14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เจ้าใกล้จะตายแล้ว เรียกโยชูวาให้มายืนที่หน้าเต็นท์นัดพบ เพื่อเราจะได้มอบหมายงานให้กับเขา” โมเสสและโยชูวาจึงมายืนอยู่ที่หน้าเต็นท์นัดพบ
15 พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏที่เต็นท์ในลำเมฆ และลำเมฆก็หยุดอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 16 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “อีกไม่นานเจ้าก็จะตาย และอีกไม่ช้าคนพวกนี้จะไม่ซื่อสัตย์กับเรา และไปบูชาพระอื่นในแผ่นดินที่พวกเขากำลังจะเข้าไป พวกเขาจะทิ้งเรา พวกเขาจะผิดสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเขา 17 ในเวลานั้นเราจะโกรธพวกเขามาก เราจะทอดทิ้งพวกเขา เราจะหลบหน้าไปจากพวกเขา พวกเขาจะถูกกลืนกิน ความหายนะล่มจม และความทุกข์ยากลำบากต่างๆจะเกิดขึ้นกับพวกเขา ในวันนั้นพวกเขาจะพูดว่า ‘ความหายนะล่มจมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับเรา ก็เพราะพระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา’ 18 ในวันนั้นเราจะหลบหน้าไปจากพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะความชั่วช้าที่พวกเขาได้ทำ ที่หันหน้าไปหาพระอื่นๆ
19 ตอนนี้ให้เขียนบทเพลงนี้ลงไป และให้สอนมันกับชาวอิสราเอล ให้พวกเขาร้องจนขึ้นใจ เพื่อว่าเพลงนี้จะได้เป็นพยานให้กับเราต่อว่าคนอิสราเอล 20 เมื่อเรานำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ และเขาก็กินทุกอย่างที่อยากกินจนอ้วน แล้วพวกเขาก็จะหันไปหาพระอื่นและรับใช้พระพวกนั้น พวกเขาจะปฏิเสธเรา และผิดสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเขา 21 แล้วเมื่อความหายนะล่มจมและความยากลำบากเกิดขึ้นกับพวกเขา ในเวลานั้นลูกหลานของพวกเขาก็ยังไม่ลืมเพลงนี้ เพลงนี้จึงทำให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาเป็นคนผิด แม้แต่เดี๋ยวนี้ ก่อนที่เราจะพาพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับพวกเขา เราก็รู้แล้วว่าเขามีแนวโน้มที่จะทิ้งเรา”
22 โมเสสจึงเขียนเพลงนั้นในวันนั้น และเขาสอนมันให้กับชาวอิสราเอล
23 พระยาห์เวห์ได้มอบหมายงานให้กับโยชูวาลูกชายของนูน พระองค์พูดว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ เพราะเจ้าจะนำชาวอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา และเราจะอยู่กับเจ้า”
โมเสสเตือนประชาชนชาวอิสราเอล
24 หลังจากโมเสสได้เขียนคำสอนนี้ลงในแผ่นหนังเสร็จแล้ว 25 เขาได้สั่งให้ชาวเลวีที่ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ว่า 26 “เอาแผ่นหนังคำสอนนี้ไปวางไว้ข้างหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน มันจะอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นพยานว่าท่านยอมรับข้อตกลงนี้แล้ว 27 เพราะเรารู้ดีว่า พวกท่านชอบแข็งข้อและหัวแข็ง นี่ขนาดเรายังมีชีวิตอยู่กับพวกท่าน พวกท่านยังแข็งข้อพระยาห์เวห์เลย แล้วถ้าเราตายไป พวกท่านจะยิ่งกว่านี้อีกขนาดไหน 28 พาพวกผู้นำอาวุโสของเผ่าต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของพวกท่านมาหาเราหน่อย เพราะเราอยากจะให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ เราจะเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อว่าพวกเขา 29 เพราะเรารู้ว่าหลังจากที่เราตายไปแล้ว พวกท่านจะทำชั่วอย่างเต็มที่ และจะหันไปจากทางที่เราได้สั่งไว้ ความหายนะล่มจมจะเกิดขึ้นกับพวกท่านในอนาคต เพราะพวกท่านจะทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าชั่วช้า และทำให้พระองค์โกรธเพราะสิ่งที่พวกท่านสร้างขึ้นมากับมือ”
เพลงของโมเสส
30 แล้วโมเสสก็ร้องบทเพลงให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟัง
32 “ฟ้าเอ๋ย ช่วยฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูด
แผ่นดินเอ๋ย ช่วยฟังคำพูดจากปากข้าพเจ้า
2 คำสอนข้าพเจ้า จะตกลงมาเหมือนฝน
คำพูดข้าพเจ้า จะลงมาเหมือนหมอก
เหมือนสายฝนพรำๆบนหญ้าอ่อน
เหมือนหยาดฝนบนพืชเกิดใหม่
3 เพราะข้าพเจ้าจะประกาศชื่อของพระยาห์เวห์
สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา
4 พระศิลา[a] งานของพระองค์สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
ทางทุกทางของพระองค์ถูกต้อง
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์ไม่เคยทำผิด
พระเจ้าเที่ยงตรง พระองค์ไว้วางใจได้
5 พวกเจ้าไม่ได้เป็นลูกหลานของพระองค์
เพราะความผิดของพวกเจ้า
พวกเจ้าได้ทำผิดต่อพระองค์ พวกคนหลอกลวงและเจ้าเล่ห์
6 พวกเจ้าจะตอบแทนพระยาห์เวห์ด้วยวิธีนี้หรือ
พวกคนโง่และไร้สาระ
พระองค์ไม่ใช่พ่อของเจ้าผู้ที่สร้างเจ้ามาหรือ
พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่สร้างเจ้าและทำให้เจ้าเกิดมาเป็นชนชาติหนึ่งหรือ
7 จำวันเก่าๆเหล่านั้นไว้
คิดถึงปีที่คนรุ่นก่อนๆได้ผ่านมา
ถามพ่อของเจ้าและเขาจะบอกเจ้า
ถามผู้นำอาวุโสของเจ้าและพวกเขาจะบอกเจ้าเกี่ยวกับอดีต
8 เมื่อพระเจ้าผู้สูงสุดแบ่งชนชาติออก
เมื่อพระองค์แบ่งแยกเชื้อชาติมนุษย์
พระองค์กำหนดเขตแดนของประชาชน
ให้เท่าเทียมกับจำนวนทูตสวรรค์ที่มีอยู่[b]
9 แต่ส่วนแบ่งของพระยาห์เวห์คือประชาชนของพระองค์
ยาโคบคือส่วนแบ่งของพระองค์
10 พระองค์พบเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ร้าง และลมแรง
พระองค์อยู่รอบๆตัวเขาและดูแลเขา
พระองค์ปกป้องเขาเหมือนแก้วตาของพระองค์
11 เหมือนนกอินทรีที่คอยขยับรัง[c] ของมัน
และบินโฉบไปที่ลูกของมัน
ดังนั้น พระยาห์เวห์กางปีกของพระองค์ออกและจับพวกเขาไว้
และแบกพวกเขาไว้บนปีกของพระองค์
12 พระยาห์เวห์เท่านั้นที่นำพวกเขาผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ไม่มีพระอื่นใดที่มาช่วยพระองค์
13 พระองค์ทำให้ยาโคบมีอำนาจเหนือพื้นที่ในแถบภูเขา
และเลี้ยงเขาด้วยพืชผลในไร่นา
พระองค์ได้ให้เขาดูดน้ำเชื่อมผลไม้จากก้อนหิน
และน้ำมันมะกอกจากหินแข็ง
14 พระยาห์เวห์ได้ให้เนยจากวัวและนมจากแพะ
กับไขมันจากลูกแกะและแกะตัวผู้
ฝูงวัวจากบาชานและแพะตัวผู้กับข้าวสาลีที่ดีที่สุด
และพวกเจ้าได้ดื่มเหล้าองุ่นหมักเลือดขององุ่น
15 แต่เยชุรุน[d] อ้วนขึ้นและเริ่มเตะเจ้าของ
เจ้าเริ่มอ้วน หนาและตะกละ
เยชุรูนทอดทิ้งพระเจ้าที่สร้างเขาขึ้นมา
และเขาไม่ให้เกียรติพระศิลาที่ช่วยชีวิตเขา
16 พวกเขาทำให้พระองค์หึงหวงด้วยพระแปลกหน้า
พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยรูปเคารพที่น่ารังเกียจ
17 พวกเขาบูชาวิญญาณที่ไม่ใช่พระเจ้า
พวกเขาบูชาพระที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน
เป็นพระใหม่ มาถึงไม่นาน
บรรพบุรุษของเจ้าไม่เคยเคารพยำเกรงพระเหล่านั้นมาก่อน
18 เจ้าลืมพระศิลาที่ให้กำเนิดเจ้า
เจ้าลืมพระเจ้าที่คลอดเจ้ามาด้วยความเจ็บปวด
19 พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และทอดทิ้งพวกเขา
เพราะลูกชายและลูกสาวของพระองค์ทำให้พระองค์โกรธ
20 และพระองค์พูดว่า ‘เราจะหลบหน้าจากพวกเขา
เราเห็นจุดจบของพวกเขา
เพราะพวกเขาคือคนอกตัญญู
เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์
21 พวกเขาทำให้เราหึงหวงด้วยพวกนั้นที่ไม่ใช่พระเจ้า
พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพที่ไร้ค่าของเขา
ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขาหึงหวงด้วยพวกที่ไม่ใช่ชนชาติ
เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยชนชาติที่โง่เขลา
22 เพราะไฟได้จุดขึ้นแล้วจากความโกรธของเรา
และมันจะเผาลงไปถึงหลุมฝังศพ[e]
และมันจะเผาไหม้แผ่นดินและพืชผลของมัน
และมันจะเผาไหม้ลึกลงไปถึงรากของภูเขา
23 เราจะสุมความทุกข์ยากทั้งหลายบนพวกเขา
เราจะใช้ลูกธนูทั้งหมดยิงใส่พวกเขา
24 พวกเขาจะอ่อนแอจากความหิวโหย
และถูกทำลายด้วยเชื้อโรคที่น่ากลัว
และโรคระบาดที่รุนแรง
และเราจะส่งสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขาพร้อมกับงูพิษ
25 พวกทหารจะฆ่าพวกเขาบนถนน
และความกลัวจะฆ่าพวกเขาในห้องนอน
คนหนุ่มสาวจะตาย
รวมทั้งเด็กๆและคนแก่
26 เราเคยพูดว่า “เราจะทำลายพวกเขา
เราจะกวาดล้างพวกเขาจนหมดสิ้น
27 แต่เรากลัวว่าศัตรูของพวกเขาจะทำให้เราโกรธ
เพราะเข้าใจผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น
กลัวศัตรูพวกเขาจะพูดว่า ‘พวกเราชนะด้วยอำนาจของพวกเราเอง
พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำอะไรเลย’”
การยอมรับพระเยซูต่อหน้ามนุษย์
(มธ. 10:32-33; 12:32; 10:19-20)
8 “เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์ก็จะยอมรับเขาต่อหน้าทูตของพระเจ้าเหมือนกัน 9 แต่คนที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าเหมือนกัน
10 พระเจ้าจะยกโทษให้กับคนที่ใส่ร้ายบุตรมนุษย์ แต่พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้คนที่พูดหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์
11 เมื่อคุณถูกนำตัวไปสอบสวนในที่ประชุมชาวยิว และต้องยืนอยู่ต่อหน้าพวกผู้ปกครองบ้านเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะพูดแก้ตัวยังไงดี 12 เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนคุณว่าจะต้องพูดอะไรในเวลานั้น”
พระเยซูเตือนเรื่องความโลภ
13 มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า “อาจารย์ครับ ช่วยบอกให้พี่ชายผมแบ่งมรดกให้ผมด้วยครับ”
14 แต่พระเยซูตอบว่า “พ่อหนุ่ม ใครเป็นคนตั้งให้เราเป็นผู้แบ่งมรดกระหว่างคุณสองคน” 15 พระเยซูพูดอีกว่า “ระวังความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติมากมาย”
16 แล้วพระองค์เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้ฟังว่า “มีชายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ไร่นาของเขาให้พืชผลดีมาก 17 เขาคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำยังไงดี ไม่มีที่จะเก็บพืชผลพวกนี้ของข้าแล้ว’ 18 เขาจึงคิดว่า ‘อ๋อ รู้แล้ว ข้าจะรื้อยุ้งฉางพวกนี้ของข้าทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม เพื่อจะได้เก็บพืชผลและสิ่งของทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น’ 19 แล้วจะบอกกับตัวเองว่า ‘ข้าได้เก็บสะสมของดีๆไว้ตั้งมากมายแล้ว มีพอสำหรับหลายปี ไปกิน ดื่มและใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานดีกว่า’ 20 แต่พระเจ้าบอกกับเขาว่า ‘ไอ้โง่ คืนนี้เจ้าก็จะตายแล้ว แล้วของที่เจ้าสะสมไว้จะตกไปเป็นของใครกัน’
21 มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ สำหรับคนที่ชอบสะสมความร่ำรวยให้กับตัวเอง แต่ไม่ร่ำรวยในสายตาพระเจ้า”
แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อน
(มธ. 6:25-34, 19-21)
22 แล้วพระเยซูก็พูดกับพวกศิษย์ว่า “เพราะอย่างนี้ เราถึงขอบอกพวกคุณว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ ว่าจะมีอะไรกิน หรือเป็นห่วงร่างกายว่าจะมีอะไรสวมใส่ไหม 23 เพราะชีวิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเสื้อผ้า 24 ดูอย่างอีกาสิ มันไม่ต้องหว่านหรือเก็บเกี่ยว ไม่มีห้องเก็บของหรือยุ้งฉาง แต่พระเจ้าก็เลี้ยงดูพวกมัน พวกคุณมีค่ามากกว่านกหลายเท่านัก 25 กังวลไปทำไม กังวลแล้วทำให้ชีวิตคุณยืดออกไปได้อีกสักชั่วโมงหรือเปล่าล่ะ 26 ถ้าแม้แต่เรื่องเล็กแค่นี้ ยังทำไม่ได้เลย แล้วยังจะไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกทำไม 27 ดูอย่างดอกไม้ป่าสิว่ามันโตได้ยังไง มันไม่ได้ทำงาน และไม่ได้ปั่นด้ายเอง แต่ก็ยังสวยกว่ากษัตริย์ซาโลมอนในชุดเต็มยศเสียอีก 28 ขนาดหญ้าในทุ่งซึ่งอยู่แค่วันนี้ แล้วพรุ่งนี้ถูกเผา พระเจ้ายังรู้จักที่จะตกแต่งให้สวยแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับพวกคุณเล่า พระองค์จะไม่ยิ่งตกแต่งให้มากกว่าทุ่งหญ้าหรือ พวกคุณนี่ช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริงๆ 29 เลิกกังวลเกี่ยวกับอาหารได้แล้ว ว่าจะมีอะไรกินหรือดื่ม 30 ชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ดิ้นรนหาสิ่งเหล่านี้กัน แต่พระบิดาของคุณรู้อยู่แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับคุณ 31 แต่ให้ดิ้นรนหาอาณาจักรของพระเจ้าแทน แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่จำเป็นทั้งหมดนี้กับคุณ”
อย่าไว้วางใจเงิน
32 “ฝูงแกะเล็กๆเอ๋ย ไม่ต้องกลัวนะ เพราะพระบิดาของคุณยินดีที่จะมอบอาณาจักรให้กับคุณ 33 ให้ไปขายทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ เอาเงินไปแจกให้กับคนจน แล้วจัดหาถุงเงินที่ไม่มีวันเก่าหรือขาดให้กับตัวเอง คือทรัพย์สมบัติบนสวรรค์ที่ไม่มีวันหมด ขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้ และตัวมอดก็กัดกินไม่ได้ด้วย 34 เพราะทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย”
32 ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป
และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า
33 พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว
เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม
34 เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าฆ่าคนเหล่านั้น คนที่เหลือก็จะมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์
พวกเขาจะกลับมาหาพระองค์และแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน
35 พวกเขาจะระลึกได้ว่าพระเจ้าเป็นหินกำบังของพวกเขา
พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ที่ไถ่ชีวิตของพวกเขา
36 พวกเขาพยายามหลอกพระองค์ด้วยปาก
และโกหกพระองค์ด้วยลิ้น
37 พวกเขาไม่จริงใจต่อพระเจ้า
และไม่สัตย์ซื่อต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพระองค์
38 แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา
พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป
พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา
พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา
39 พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์
พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก
40 พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น
41 พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ
42 พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์
หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43 หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์
หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน
44 พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด
พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้
45 พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา
และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
46 พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน
และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน
47 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์
พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา
48 พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา
และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา
49 พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์
พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา
50 พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่
พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด
51 พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม[a]
52 แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ
และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์
53 พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว
เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด
54 แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
55 แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์
พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู
21 ไม่มีอันตรายใดๆจะเกิดกับคนที่ทำตามใจพระเจ้าได้เลย
แต่ชีวิตของคนชั่วจะมีปัญหาเต็มไปหมด
22 พระยาห์เวห์เกลียดคำพูดโกหก
แต่พระองค์ชื่นชอบคนสัตย์ซื่อ
23 คนฉลาดไม่อวดในสิ่งที่เขารู้
แต่จิตใจของคนโง่ป่าวประกาศความโง่ของตนออกมา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International