The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
ชาวมีเดียนต่อสู้กับชาวอิสราเอล
6 ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก และพระยาห์เวห์ก็ปล่อยให้พวกเขาตกไปอยู่ในกำมือของชาวมีเดียนอยู่เจ็ดปี 2 ชาวมีเดียนมีกำลังมากกว่าชาวอิสราเอล ชาวมีเดียนทำให้ชาวอิสราเอลต้องไปหาที่หลบซ่อนอยู่ตามซอกเขา ตามภูเขา ตามพวกถ้ำ และตามที่เร้นลับ 3 เมื่อไหร่ก็ตามที่ชาวอิสราเอลปลูกพืชผล ชาวมีเดียน ชาวอามาเลค หรือแม้แต่คนทางตะวันออกก็จะมาโจมตีคนอิสราเอล
4 พวกเขาจะมาตั้งค่ายอยู่บนแผ่นดินของชาวอิสราเอล และพวกเขาก็จะทำลายพืชผลตลอดทางไปจนถึงเมืองกาซา พวกเขาจะไม่เหลืออาหารไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นแกะ วัว หรือลา 5 เพราะพวกเขาจะบุกมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง และครอบครัวของเขา พวกเขาจะมากันมากมายมหาศาลเหมือนฝูงตั๊กแตน นับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นคนหรืออูฐ พวกเขาจะบุกเข้ามาในแผ่นดินและทำลายมันจนหมดสิ้น
6 ชาวอิสราเอลจึงยากจนข้นแค้นเพราะชาวมีเดียน ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ 7 [a] มีอยู่ครั้งหนึ่ง ชาวอิสราเอลได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ เพราะคนมีเดียน 8 พระยาห์เวห์ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับคนอิสราเอล และเขาพูดกับคนอิสราเอลว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เราเองได้พาเจ้าออกมาจากอียิปต์ และนำเจ้าออกมาจากการเป็นทาส 9 เราได้ช่วยให้เจ้าพ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และพ้นจากพวกที่กดขี่ข่มเหงเจ้าที่อยู่ที่นี่ และเราก็ได้ขับไล่พวกเขาไปต่อหน้าเจ้า และยกแผ่นดินของพวกเขาให้กับเจ้า’ 10 เราได้บอกกับเจ้าว่า ‘เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ยำเกรงพวกพระต่างๆของคนอาโมไรต์ เจ้าของแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่นี้ แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อฟังเรา’”
ทูตของพระยาห์เวห์มาหากิเดโอน
11 ในเวลานั้น ทูตของพระยาห์เวห์ก็ได้มา และมานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊กที่โอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาช ที่มาจากตระกูลอาบีเยเซอร์ ขณะนั้นลูกชายของโยอาช คือกิเดโอน กำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น เพื่อไม่ให้มันตกเป็นของชาวมีเดียน 12 ทูตของพระยาห์เวห์ได้มาปรากฏตัวต่อกิเดโอน และพูดกับเขาว่า “นักรบผู้กล้าหาญ พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับท่าน”
13 กิเดโอนตอบเขาว่า “ขอโทษทีเจ้านาย ถ้าพระยาห์เวห์อยู่กับพวกเรา ทำไมถึงได้เกิดเรื่องพวกนี้กับพวกเราด้วย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์เคยทำ ที่บรรพบุรุษได้เล่าให้พวกเราฟัง หายไปไหนหมดแล้ว ไม่ใช่พระยาห์เวห์หรอกหรือ ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ แต่ตอนนี้พระองค์ได้ทอดทิ้งพวกเราเสียแล้ว และให้พวกเราตกไปอยู่ในกำมือของชาวมีเดียน”
14 แล้วพระยาห์เวห์ก็หันมาพูดกับเขาว่า “ไปสิ ไปช่วยชาวอิสราเอลด้วยกำลังที่เจ้ามีอยู่ ไปช่วยพวกเขาให้พ้นจากกำมือของชาวมีเดียน เรากำลังส่งเจ้าไป”
15 แล้วกิเดโอนก็พูดกับพระองค์ว่า “ขอโทษทีเถิดท่าน แล้วข้าพเจ้าจะไปช่วยคนอิสราเอลได้ยังไง ดูสิ ตระกูลของข้าพเจ้าก็อ่อนแอที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และข้าพเจ้าก็เป็นคนที่กระจอกที่สุดในครอบครัวของข้าพเจ้า”
16 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเขาว่า “แต่เราจะอยู่กับเจ้า และเจ้าจะรบชนะชาวมีเดียนทั้งหมด เหมือนรบกับคนๆเดียว”
17 แล้วกิเดโอนก็พูดกับพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้าแล้วละก็ ช่วยทำอะไรสักอย่าง เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าเป็นพระองค์จริงๆที่พูดกับข้าพเจ้า 18 อย่าเพิ่งไปไหนนะ จนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา ข้าพเจ้าจะไปเอาเครื่องถวายมาตั้งต่อหน้าพระองค์”
พระองค์พูดว่า “เราจะอยู่ที่นี่ จนกว่าเจ้าจะกลับมา”
19 ดังนั้นกิเดโอนจึงกลับบ้าน และไปเตรียมลูกแพะตัวหนึ่ง และทำขนมปังไร้เชื้อจากแป้งสาลียี่สิบสองลิตร เขาเอาเนื้อใส่ตะกร้า เอาน้ำซุปใส่หม้อ และเขาก็เอาของพวกนี้ไปให้กับพระองค์ที่ใต้ต้นโอ๊ก 20 จากนั้นทูตของพระยาห์เวห์ก็พูดกับเขาว่า “เอาเนื้อและขนมปังไร้เชื้อวางไว้บนก้อนหินนี้ แล้วเทน้ำซุปลงไปบนของพวกนั้น” กิเดโอนก็ทำตาม
21 ทูตของพระยาห์เวห์ ก็ยื่นปลายไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือ ไปแตะต้องเนื้อและขนมปังนั้น ไฟก็ลุกขึ้นมาจากก้อนหิน เผาเนื้อและขนมปังจนหมด จากนั้นทูตของพระยาห์เวห์ก็หายวับไป 22 กิเดโอนถึงได้รู้ว่าเขาเป็นทูตของพระยาห์เวห์ กิเดโอนจึงร้องออกมาว่า “แย่แล้ว พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นทูตของพระยาห์เวห์ต่อหน้าต่อตา”
23 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “สงบสติเถิด ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่ตายหรอก”
24 กิเดโอนจึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาให้กับพระยาห์เวห์ที่นั่น และตั้งชื่อว่า “พระยาห์เวห์คือความสงบ” จนถึงวันนี้แท่นนั้นก็ยังอยู่ที่โอฟราห์ ซึ่งเป็นของตระกูลอาบีเยเซอร์
กิเดโอนทำลายแท่นของพระบาอัล
25 ในคืนนั้นพระยาห์เวห์พูดกับกิเดโอนว่า “ไปเอาวัวตัวผู้ของพ่อเจ้าคือตัวที่สองที่มีอายุเจ็ดปีนั้น แล้วเอาไปรื้อแท่นพระบาอัลที่เป็นของพ่อเจ้าและให้โค่นเสาพระอาเชราห์[b] ที่อยู่ข้างๆแท่นนั้นด้วย 26 จากนั้นให้สร้างแท่นบูชาสำหรับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า ไว้บนที่สูงนี้ และเอาวัวตัวที่สองนั้น ถวายเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เอาไม้อาเชราห์ที่เจ้าจะโค่นลงมานั้นเป็นฟืน” 27 กิเดโอนก็เอาคนใช้ชายของเขามาสิบคน และทำตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกเขาไว้ แต่เพราะเขากลัวคนในครอบครัวของเขาและชาวเมือง เขาเลยไม่กล้าทำในตอนกลางวัน จึงแอบทำในตอนกลางคืน
28 วันรุ่งขึ้น เมื่อชาวเมืองตื่นขึ้นมา พวกเขาก็เห็นแท่นพระบาอัลถูกรื้อ และเสาไม้อาเชราห์ที่อยู่ข้างๆก็ถูกโค่น และมีวัวตัวผู้ตัวที่สองนั้นถูกเผาอยู่บนแท่นบูชาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ 29 พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใครเป็นคนทำอย่างนี้” หลังจากการค้นหาและสอบถาม มีคนบอกพวกเขาว่า “กิเดโอนลูกชายของโยอาชเป็นคนทำ”
30 ชาวเมืองจึงพูดกับโยอาชว่า “เอาตัวลูกชายเจ้าออกมา มันจะต้องตาย เพราะมันไปรื้อแท่นบูชาพระบาอัล และโค่นเสาไม้อาเชราห์ที่อยู่ข้างๆนั้น”
31 แล้วโยอาชพูดกับคนทั้งหมดที่ยืนล้อมรอบเขาว่า “พวกท่านจะฟ้องร้องแทนพระบาอัลหรือ พวกท่านจะช่วยชีวิตพระบาอัลหรือ ใครก็ตามที่ฟ้องร้องให้กับพระบาอัล จะถูกฆ่าก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้าจริง ก็ให้พระบาอัลฟ้องร้องเอาเองเถอะ เพราะมีคนไปรื้อแท่นบูชาของเขา”
32 วันนั้นโยอาชจึงตั้งชื่อใหม่ให้กิเดโอนว่า “เยรุบบาอัล”[c] เพราะเขาพูดว่า “ให้พระบาอัลฟ้องร้องเพราะกิเดโอนได้รื้อแท่นบูชาของเขาลง”
กิเดโอนรบชนะชาวมีเดียน
33 เมื่อชาวมีเดียน ชาวอามาเลค และชาวตะวันออกรวมตัวกัน ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขายิสเรเอล 34 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาสวมทับกิเดโอน และเขาได้เป่าแตรเพื่อเรียกคนในตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามเขา 35 เขาได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวไปทั่วเผ่ามนัสเสห์ เรียกให้คนในเผ่านี้มาติดตามเขา และเขาก็ยังส่งพวกผู้ส่งข่าวไปยังเผ่าอาเชอร์ เศบูลุน และนัฟทาลี และพวกนี้ก็ได้ขึ้นมาหากิเดโอนและคนของเขา
36 กิเดโอนพูดกับพระเจ้าว่า “ถ้ามันเป็นจริง ที่ว่าพระองค์จะช่วยกู้คนอิสราเอล ผ่านทางมือของข้าพเจ้าตามที่พระองค์บอกแล้วละก็ 37 ดูสิ ข้าพเจ้าได้วางขนแกะไว้บนลานนวดข้าว ถ้ามีน้ำค้างเปียกชุ่มแค่บนขนแกะเท่านั้น และพื้นดินส่วนอื่นๆแห้งหมด ข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าพระองค์จะช่วยเหลือคนอิสราเอล ผ่านทางมือข้าพเจ้า ตามที่พระองค์ได้พูดไว้”
38 และมันก็เกิดขึ้นตามนั้นทุกอย่าง วันต่อมาเมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นแต่เช้ามืด เขาบีบขนแกะ ก็ได้น้ำค้างมาเต็มชาม 39 จากนั้นกิเดโอนพูดกับพระเจ้าว่า “อย่าโกรธข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้ง ขอให้ข้าพเจ้าได้ลองกับขนแกะอีกสักครั้ง คราวนี้ขอให้ขนแกะแห้ง พื้นดินส่วนอื่นๆเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง” 40 ในคืนนั้นพระเจ้าก็ทำตามนั้น คือให้ขนแกะแห้งและพื้นดินเปียกไปด้วยน้ำค้าง
เปโตรกลัวที่จะยอมรับว่ารู้จักพระเยซู
(มธ. 26:57-58, 69-75; มก. 14:53-54, 66-72; ยน. 18:12-18, 25-37)
54 พวกเขาจับพระองค์ และนำตัวไปที่บ้านของหัวหน้านักบวชสูงสุด เปโตรได้ตามไปห่างๆ 55 เมื่อพวกเขาก่อกองไฟขึ้นกลางลานบ้าน และนั่งล้อมวงกัน เปโตรก็เข้าไปนั่งอยู่ด้วย 56 มีสาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ใกล้แสงไฟ นางก็จ้องมองดูเขาใกล้ๆและพูดขึ้นว่า “ชายคนนี้อยู่กับเยซูด้วย”
57 แต่เปโตรปฏิเสธว่า “แม่นาง ผมไม่รู้จักเขาเลย”
58 ต่อมาไม่นานอีกคนหนึ่งก็เห็นเปโตรและพูดขึ้นว่า “แกก็เป็นคนหนึ่งในพวกมันด้วยนี่”
แต่เปโตรปฏิเสธว่า “พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ผมนะ”
59 ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็มีชายคนหนึ่งยืนยันว่า
“ไอ้คนนี้ ต้องอยู่กับเยซูแน่ๆเพราะมันเป็นชาวกาลิลีเหมือนกัน”
60 แต่เปโตรพูดว่า “พ่อหนุ่ม ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
และเมื่อเปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงไก่ขันขึ้นมา
61 พระเยซูหันมามองเปโตร ทำให้เขานึกขึ้นได้ถึงคำพูดของพระองค์ที่บอกว่า
“คืนนี้ก่อนไก่ขัน คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
62 แล้วเปโตรก็ออกไปร้องไห้อย่างขมขื่น
คนหัวเราะเยาะพระเยซู
(มธ. 26:67-68; มก. 14:65)
63 พวกที่ควบคุมตัวพระเยซูพากันเยาะเย้ยและทุบตีพระองค์ 64 พวกเขาเอาผ้ามาปิดตาพระองค์ และถามว่า “ทายดูซิว่าใครเป็นคนตีแก” 65 แล้วพวกเขาก็พูดดูถูก เหยียดหยามพระองค์อีกมากมาย
พระเยซูอยู่ต่อหน้าพวกผู้นำชาวยิว
(มธ. 26:59-66; มก. 14:55-64; ยน. 18:19-24)
66 เมื่อถึงตอนเช้า พวกผู้นำอาวุโส พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติ พากันมาประชุม และเอาตัวพระเยซูเข้ามาในศาลสูงของพวกเขา 67 พวกเขาพูดขึ้นว่า “บอกพวกเรามาซิว่า แกเป็นพระคริสต์หรือเปล่า”
พระเยซูจึงตอบพวกเขาว่า “ถึงเราบอก คุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี 68 ถ้าเราถามอะไรคุณ คุณก็ไม่ตอบเหมือนกัน 69 แต่ว่านับจากนี้ไป บุตรมนุษย์จะนั่งอยู่ทางขวาของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น”
70 พวกเขาทั้งหมดจึงถามพระองค์ว่า “ถ้างั้น แกก็เป็นบุตรของพระเจ้าสิ” พระองค์จึงตอบว่า “ใช่ อย่างที่ท่านว่า”
71 แล้วพวกเขาก็พูดขึ้นว่า “เรายังต้องการพยานอีกทำไม ในเมื่อเราก็ได้ยินจากปากของมันเองแล้วนี่”
เจ้าเมืองปีลาตไต่สวนพระเยซู
(มธ. 27:1-2, 11-14; มก. 15:1-5; ยน. 18:28-38)
23 ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น พาพระเยซูไปหาเจ้าเมืองปีลาต 2 พวกเขาเริ่มกล่าวหาพระองค์ ว่า “เราได้พบว่า ชายคนนี้พยายามปลุกปั่นประชาชนให้กระด้างกระเดื่อง เขายุยงให้พวกประชาชนเลิกจ่ายภาษีให้แก่ซีซาร์ แถมยังอ้างตัวเองเป็นพระคริสต์ กษัตริย์ของพวกเราอีกด้วย”
3 ปีลาตจึงถามพระเยซูว่า “แกเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”
พระเยซูจึงตอบเขาว่า “ใช่ อย่างที่ท่านว่า”
4 ปีลาตจึงพูดกับพวกหัวหน้านักบวชและฝูงชนว่า “เราไม่เห็นเขาผิดอะไร” 5 แต่พวกเขายืนกรานเสียงแข็งว่า “แต่เขาก็ได้สอนและปลุกปั่นประชาชนไปทั่วแคว้นยูเดีย เริ่มจากแถวกาลิลีเรื่อยมาจนถึงเมืองเยรูซาเล็มนี้”
ปีลาตส่งตัวพระเยซูไปพบเฮโรด
6 เมื่อปีลาตได้ยินอย่างนั้น ก็สอบถามจนรู้ว่าพระเยซูเป็นชาวกาลิลี 7 ซึ่งอยู่ในการปกครองของกษัตริย์เฮโรด เขาจึงส่งตัวพระเยซูไปให้กับกษัตริย์เฮโรด ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็มพอดี 8 เมื่อกษัตริย์เฮโรดพบพระเยซูก็ดีใจมาก เพราะอยากพบมานานแล้ว เขาได้ยินชื่อเสียงของพระองค์ และเขาหวังว่าพระเยซูจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดูบ้าง 9 เฮโรดถามพระเยซูหลายอย่าง แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตอบอะไรเลย 10 พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติที่ยืนอยู่ที่นั่นก็พากันกล่าวหาพระองค์อย่างดุเดือด 11 เฮโรดกับพวกทหารของเขาต่างพากันหัวเราะเยาะ และดูถูกเหยียดหยามพระองค์ พวกเขาให้พระองค์แต่งชุดของกษัตริย์ แล้วส่งตัวกลับไปหาปีลาต 12 ในวันนั้นเอง ทั้งเฮโรดและปีลาตได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน ก่อนหน้านี้ พวกเขาเป็นศัตรูกัน
นมัสการและเชื่อฟังพระยาห์เวห์
1 มาเถิด ให้พวกเรามาร้องเพลงด้วยความชื่นบานให้กับพระยาห์เวห์กันเถิด
ให้โห่ร้องสรรเสริญหินกำบังผู้ช่วยให้รอดของเราเถิด
2 ให้พวกเราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการขอบพระคุณเถิด
ให้ร้องเพลงและเล่นดนตรีให้กับพระองค์เถิด
3 เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เหนือพระเจ้าทั้งปวง
4 เพราะโลกนี้ทั้งหมดเป็นของพระองค์
ตั้งแต่พวกถ้ำที่ลึกที่สุด จนถึงพวกยอดเขาที่สูงที่สุด
5 ทะเลทั้งหลายที่พระองค์สร้าง
และผืนดินทั้งหลายที่พระองค์ปั้นแต่งขึ้น ล้วนเป็นสมบัติของพระองค์
6 มาเถิด ให้พวกเรากราบลงนมัสการพระองค์
และคุกเข่าลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ ผู้สร้างพวกเรา
7 เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา
และเราเป็นชนชาติที่พระองค์เลี้ยงดู
คือแกะที่พระองค์นำด้วยมือของพระองค์
ขอเพียงแค่เจ้าฟังเสียงของพระองค์ในวันนี้
พระองค์พูดว่า
8 “อย่าได้มีใจดื้อรั้นเหมือนกับที่บรรพบุรุษของเจ้าทำที่เมรีบาห์
และเหมือนกับในวันนั้นที่มัสสาห์[a] ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
9 ที่นั่น พวกเขาลองดีกับเราและทดสอบเรา
ทั้งๆที่พวกเขาเคยเห็นสิ่งที่เราทำไปแล้วก็ตาม
10 เราสะอิดสะเอียนคนรุ่นนั้นนานถึงสี่สิบปี
เราว่า ‘คนพวกนั้นมีใจที่หลงผิดไป ไม่เคยเรียนรู้ทางต่างๆของเรา’
11 ดังนั้น ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า
‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเราเลย’”
ให้ทุกชนชาติสรรเสริญพระยาห์เวห์
(1 พศด. 16:23-33)
1 ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์
ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์กันเถิด
2 ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ สรรเสริญชื่อของพระองค์
ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
3 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
4 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
พระองค์น่าเกรงขามกว่าพระเจ้าทั้งปวง
5 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นรูปเคารพที่ไร้ค่า
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
6 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
อำนาจและความงดงามอยู่ในวิหารของพระองค์
7 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
8 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
ให้นำเครื่องกำนันมาให้พระองค์ในลานวิหารของพระองค์เถิด
9 ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์[b]
มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
10 ประกาศให้ทุกชนชาติรู้ว่า “พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ พระองค์ตั้งโลกนี้ไว้อย่างมั่นคง
มันจะไม่มีวันสั่นคลอน พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างยุติธรรม”
11 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
12 ขอให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
และขอให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
13 เพราะพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
พระองค์จะตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรมและตัดสินชนชาติต่างๆอย่างสัตย์ซื่อ
5 พยานที่เชื่อถือได้จะไม่พูดโกหก
แต่พยานเท็จนั้นจะหายใจออกมาเป็นคำโกหก
6 คนหยิ่งยโสเสาะหาปัญญาแต่หาไม่พบ
แต่ความรู้นั้นก็ง่ายต่อคนที่หัวไว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International