The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับคนโมอับ
15 นี่คือข่าวสาร เกี่ยวกับโมอับ
ภายในคืนเดียว กองทัพศัตรูได้มายึดเอาทรัพย์สมบัติของเมืองอาร์ในโมอับ
และทำลายเมืองนั้นไป
ภายในคืนเดียว กองทัพศัตรูได้เข้ามายึดเอาทรัพย์สมบัติของเมืองคีร์ในโมอับ
และทำลายเมืองนั้น
2 ชาวดีโบนได้ขึ้นไปยังวิหารของพวกเขา
ขึ้นไปยังสถานที่นมัสการของพวกเขาเพื่อร้องไห้คร่ำครวญกัน
คนโมอับร้องคร่ำครวญให้กับเมืองเนโบ[a] และเมืองเมเดบา[b]
ทุกคนโกนหัว โกนเคราไว้ทุกข์กัน
3 ตามท้องถนนของพวกเขาผู้คนก็สวมเสื้อผ้ากระสอบไว้ทุกข์กัน
บนดาดฟ้าและลานนัดพบ ทุกคนร้องห่มร้องไห้ ล้มตัวลงในกองน้ำตา
4 คนในเมืองเฮชโบน และเอเลอาเลห์
ส่งเสียงร้อง ดังไปไกลถึงเมืองยาฮาส
เพราะอย่างนี้จึงทำให้พวกผู้ชายที่ถืออาวุธของโมอับ
พลอยร้องเสียงดังไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
5 จิตใจของผมร้องด้วยความเศร้าให้กับโมอับ
คนของโมอับวิ่งหนีไปไกลถึงโศอาร์ ไปถึงเอกลัทเชลีชิยาห์
ผู้คนหนีขึ้นไปตามทางบนภูเขาไปถึงลูฮีท
พวกเขาก็ร้องไห้ในระหว่างทางที่ไปโฮโรนาอิม พวกเขาร้องไห้เสียงดังมาก
6 ลำธารนิมริมได้เหือดแห้งไป
หญ้าก็เหี่ยวแห้งตาย
พืชพันธุ์ก็ตายหมด
ไม่เหลือความเขียวขจีให้เห็นอีกเลย
7 เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ขนย้ายทรัพย์สมบัติที่พวกเขาหามาได้และสิ่งที่พวกเขาได้เก็บสะสมไว้
ข้ามพรมแดนตรงลำห้วยต้นป๊อปหล้า[c]
8 เสียงร้องดังระงมไปทั่วเขตแดนของโมอับ
เสียงร้องของพวกเขาดังไปไกลถึงเมืองเอกลาอิมและดังไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
9 และน้ำในเมืองดีโมน[d] เต็มไปด้วยเลือด
ใช่แล้ว เรายาห์เวห์จะนำความทุกข์ยากมากกว่านี้มาให้กับดีโมนอีก
ส่วนคนโมอับที่หลบหนีและหลงเหลืออยู่ในแผ่นดิน
เราจะส่งสิงโตมากัดกินพวกเขา
16 ให้ส่งส่วยพวกลูกแกะไปให้กับผู้ปกครองแผ่นดิน
ให้ส่งลูกแกะจากเสลา ผ่านทะเลทรายไปยังภูเขาแห่งนางสาวศิโยน
2 สาวๆของโมอับ อยู่ตรงท่าลุยข้ามของแม่น้ำอารโนน
พวกเขาเป็นเหมือนกับนกน้อยกระดุกกระดิกปีกไปมา
เหมือนลูกนกที่ตกจากรังกระจัดกระจายอยู่
3 พวกเขาพูดว่า “ขอคำแนะนำหน่อย ช่วยบอกหน่อยว่าจะทำยังไงดี
ตอนเที่ยงวัน ช่วยให้ร่มเงาเหมือนกลางคืนหน่อย[e]
ช่วยแอบซ่อนพวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากแผ่นดินของตนเอง
อย่ามอบพวกเราที่หนีมาหลบภัยให้กับศัตรูเลย
4 ปล่อยให้พวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากโมอับตั้งรกรากอยู่กับท่านด้วยเถิด
ขอให้เป็นที่หลบภัยสำหรับพวกเราจากผู้ทำลาย”
เมื่อพวกที่มาปล้นสะดมโมอับหยุดแล้ว
และการทำลายได้จบลงแล้ว
และพวกนั้นที่เหยียบย่ำแผ่นดินได้หายตัวไปแล้ว
5 เมื่อนั้น จะมีบัลลังก์ถูกตั้งขึ้นในเต็นท์ของดาวิด[f] ด้วยความรักมั่นคง
และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นก็จะสัตย์ซื่อ คนผู้นี้จะตัดสินอย่างยุติธรรมและจะไวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
6 พวกเราได้ยินว่า คนโมอับนั้นเย่อหยิ่งจองหองมาก
เราได้ยินเกี่ยวกับความหยิ่งยโส ความทะนงตน และความเดือดดาลของเขา
เรื่องที่พวกเขาโอ้อวดนั้น
ไม่เป็นความจริง
7 ดังนั้นชาวโมอับเอ๋ย ให้พวกเจ้าทุกคนร้องคร่ำครวญสำหรับชนชาติของตนเถิด
ให้โอดครวญอย่างสะเทือนใจถึงขนมเค้กที่เอร็ดอร่อยที่ทำจากลูกเกดของเมืองคีร์หะเรเชท[g]
8 สวนองุ่นของเฮชโบน และเถาองุ่นของสิบมาห์ไม่สามารถออกรวงได้
เพราะพวกเจ้านายของชนชาติต่างๆได้พังทลายเถาองุ่นพวกนั้นไป
เถาองุ่นพวกนี้เคยแผ่ไปไกลถึงเมืองยาเซอร์
พวกมันเคยเลื้อยไปถึงทะเลทราย กิ่งก้านของมันเคยแผ่กระจาย และข้ามทะเลไป
9 เพราะอย่างนี้ ผมถึงได้ร้องไห้ร่วมกับคนยาเซอร์สำหรับสวนองุ่นของสิบมาห์
เฮชโบนและเอเลอาเลห์เอ๋ย ผมจะราดคุณด้วยน้ำตาของผม
เพราะเสียงโห่ร้องยินดีกับการเก็บเกี่ยวผลไม้และเมล็ดข้าวได้หยุดไปแล้ว[h]
10 ความสุขสนุกสนานได้ถูกยึดไปจากสวนที่เกิดผลนั้นแล้ว
และในสวนองุ่นทั้งหลายก็ไม่มีเสียงเพลงหรือเสียงโห่ร้องยินดีอีกต่อไป
ไม่มีใครเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำอีก
เสียงโห่ร้องยินดีของพวกคนเก็บเกี่ยวได้หยุดไป
11 เพราะอย่างนี้ จิตใจของผมได้ร้องคร่ำครวญให้กับโมอับเหมือนกับเสียงพิณในงานศพ
และส่วนลึกของผมก็ร้องไห้ให้กับคีร์เฮเรส[i]
12 เมื่อคนโมอับขึ้นไปที่นมัสการของเขา เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา
พวกเขาก็อธิษฐานจนหมดแรง
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
13 นั่นคือข่าวสารที่พระยาห์เวห์พูดในอดีตเกี่ยวกับคนโมอับ 14 แต่เดี๋ยวนี้ พระยาห์เวห์ บอกว่า “ในอีกสามปี ตรงเผงอย่างกับที่ลูกจ้างนับวันเวลาที่เขาตกลงทำงาน ศักดิ์ศรีของโมอับก็จะถูกลบหลู่ ถึงแม้จะมีคนมากมายก็ตาม แต่ในที่สุดก็จะมีไม่กี่คนเหลือรอด[j] และพวกมันก็จะอ่อนแอด้วย”
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับดามัสกัส
17 นี่คือข่าวสาร[k]เกี่ยวกับดามัสกัส[l]
“ดูสิ ในไม่ช้าดามัสกัสจะไม่เป็นเมืองอีกแล้ว
มันจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
2 หมู่บ้านต่างๆของเมืองอาร์โรเออร์[m] จะถูกทอดทิ้งตลอดไป
มันจะเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ
ฝูงแพะแกะจะนอนกันอยู่ที่นั่นและจะไม่มีใครมายุ่งกับพวกมัน
3 ป้อมปราการของเมืองเอฟราอิมจะหายไป
และจะไม่มีกษัตริย์ปกครองในดามัสกัสอีกแล้ว
พวกอารัม[n] ที่ยังหลงเหลืออยู่จะถูกหยามเกียรติเหมือนกับที่คนอิสราเอลกำลังเป็นอยู่”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น
4 “ในเวลานั้นศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ
และความอ้วนของเขาก็จะกลายเป็นผอมขี้ก้าง
5 อิสราเอลจะถูกตัดลงเหมือนกับคนเกี่ยวข้าวเกี่ยวต้นที่ยังยืนต้นอยู่และมือของพวกเขาเกี่ยวรวงข้าว
อิสราเอลจะว่างเปล่าเหมือนกับท้องทุ่งในหุบเขาเรฟาอิม[o] หลังจากที่คนมาเก็บเอาเศษรวงข้าวไปหมดแล้ว
6 จะมีคนเหลืออยู่ในอิสราเอลน้อยมาก เหมือนกับตอนที่ต้นมะเดื่อถูกตี
แล้วเหลือแค่สองสามลูกอยู่บนกิ่งบนสุดหรือเหลือสี่ห้าลูกบนกิ่งที่ออกลูกดกนั้น”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้
7 ในวันนั้นผู้คนก็จะวางใจในพระเจ้าผู้สร้างพวกเขา พวกเขาจะพึ่งพาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล 8 พวกเขาจะไม่วางใจในแท่นบูชาต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ และพวกเขาก็จะไม่พึงพาพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับนิ้วของพวกเขาเอง
9 ในเวลานั้น เมืองป้อมปราการต่างๆของพวกเขาก็จะรกร้าง เหมือนตอนที่คนฮีไวต์และคนอาโมไรต์ได้ทิ้งแผ่นดินของพวกเขาไปเมื่อคนอิสราเอลมาถึงและมันจะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า
10 เจ้าได้ลืมพระเจ้าที่ช่วยกู้เจ้าไว้
เจ้าจำไม่ได้ว่าพระเจ้าได้ปกป้องเจ้าเป็นเหมือนหินหลบภัยของเจ้า
เพราะอย่างนี้ ถึงเจ้าจะปลูกต้นไม้ที่สวยงาม ถึงเจ้าจะปลูกเถาองุ่นที่แปลกๆมาจากแดนไกล
11 ถึงเจ้าจะพยายามทำให้มันโตขึ้นในวันที่เจ้าปลูกมัน
ถึงเจ้าพยายามจะทำให้มันงอกขึ้นมาในวันที่เจ้าหว่าน
แต่ผลของมันจะหายไปในวันที่โรคร้ายมาทำลาย
และในวันที่ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาเยียวยามาถึง
12 ฟังสิ เสียงกึกก้องของคนเป็นจำนวนมาก
พวกเขาทำเสียงดังกึกก้องเหมือนกับเสียงกึกก้องของทะเล
ฟังนั่นสิ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวของชนชาติทั้งหลาย
พวกเขาดังสนั่นเหมือนเสียงดังสนั่นของน้ำที่มีกำลังมหาศาล
13 ชนชาติต่างๆดังสนั่นเหมือนกับเสียงดังสนั่นของน้ำเป็นจำนวนมาก
แต่พระเจ้าจะร้องเข้าใส่พวกเขาและพวกเขาจะวิ่งหนีไปไกลๆ
พวกเขาจะเป็นเหมือนแกลบบนพวกภูเขาที่ถูกลมพัดปลิวไป
หรือเป็นเหมือนพุ่มไม้แห้งที่ถูกพายุพัดกลิ้งไป
14 ในตอนเย็น พวกเขาน่าสยดสยอง
แต่ก่อนรุ่งเช้า พวกเขาก็หายไปหมดแล้ว
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนพวกนั้นที่พยายามจะยึดเอาของๆเราไป
นี่คือกรรมของคนพวกนั้นที่พยายามจะปล้นเอาทรัพย์สมบัติของพวกเราไป
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับชาวเอธิโอเปีย
18 เฮ้ย แผ่นดินที่เต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆของปีกแมลง[p]
เป็นดินแดนที่อยู่เหนือพวกแม่น้ำของเอธิโอเปีย[q]
2 แผ่นดินนั้นส่งพวกทูตมาทางแม่น้ำไนล์ด้วยเรือที่ทำจากต้นกกที่แล่นมาบนน้ำนั้น
ไป พวกผู้ส่งข่าวที่ว่องไวทั้งหลาย
ไปหาชนชาตินั้นที่ร่างสูงและมีผิวเรียบ ไปหาคนพวกนี้ที่คนทั้งไกลและใกล้ต่างก็พากันเกรงกลัว
เป็นชนชาติเข้มแข็งที่ชอบเหยียบย่ำชนชาติอื่นๆ
เป็นแผ่นดินที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน
3 พวกเจ้าทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกนี้
พวกเจ้าที่อยู่บนแผ่นดินโลก
เมื่อมีธงสัญญาณยกขึ้นบนพวกภูเขา ดูให้ดี
และเมื่อได้ยินเสียงแตรเป่า ฟังให้ดี
4 เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่าอย่างนี้
“จากที่อาศัยของเรา เราจะคอยสังเกตอย่างเงียบๆ
เงียบเหมือนกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นในตอนกลางวันของฤดูร้อน
หรือเงียบเหมือนกับน้ำค้างที่ก่อตัวขึ้นในตอนเช้าของฤดูเก็บเกี่ยว
5 เพราะก่อนที่จะถึงฤดูเก็บเกี่ยว
เมื่อดอกบานหมดแล้วและดอกได้กลายเป็นผลองุ่นสุก
พระองค์ก็จะลิดพวกแขนงด้วยขอลิด
และพระองค์จะตัดกิ่งใหญ่ทิ้งไป
6 พวกเถาองุ่นนี้จะถูกทิ้งไว้ให้พวกนกจากภูเขา
และพวกสัตว์บนแผ่นดินมากินกัน
พวกนกนี้ก็จะพากันมากินในช่วงฤดูร้อน
และพวกสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดินก็จะพากันมากินในช่วงฤดูหนาว”
7 ในเวลานั้น ชนชาตินั้นที่มีรูปร่างสูงและผิวเรียบที่คนทั้งไกลและใกล้หวาดกลัว ก็จะนำพวกของขวัญมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น คนพวกนี้ที่เป็นชนชาติที่เข้มแข็งที่ชอบเหยียบย่ำชนชาติอื่นๆที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านจะเอาพวกของขวัญมาถวายในสถานที่ซึ่งประชาชนร้องออกชื่อของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นคือภูเขาศิโยน
1 จากเปาโล ผมได้เป็นศิษย์เอก ไม่ใช่เพราะมนุษย์คนไหนหรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแต่งตั้ง แต่เป็นพระเยซูคริสต์ และพระเจ้าพระบิดาผู้ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย เป็นผู้แต่งตั้งผมเอง
2 และ จากพี่น้องที่อยู่กับผมที่นี่ด้วย
ถึงหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าที่แคว้นกาลาเทีย[a]
3 ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้า ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณ 4 พระเยซูได้สละพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาสำหรับบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากยุคอันชั่วร้ายนี้ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามความต้องการของพระเจ้าพระบิดาของเรา 5 ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติตลอดไป อาเมน
ข่าวดีที่แท้จริง
6 ผมงงมากเลย ที่ยังไม่ทันไรพวกคุณก็ทิ้งพระเจ้าผู้ที่ได้เรียกคุณมาด้วยความเมตตากรุณาของพระคริสต์ แล้วหันไปติดตามข่าวดีอันอื่นเสียแล้ว[b] 7 ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ข่าวดีเลย แต่มีบางคนทำให้คุณสับสน และพยายามบิดเบือนเรื่องข่าวดีของพระคริสต์ 8 ถ้าใครมาประกาศข่าวดีอื่นๆที่แตกต่างไปจากที่เราเคยประกาศให้กับพวกคุณไว้แล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกเราเอง หรือทูตสวรรค์ หรือใครก็ตาม ก็ขอให้คนนั้นถูกสาปแช่งให้ตกนรกตลอดไป 9 ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่เคยพูดไปแล้วว่าใครก็ตามที่มาประกาศข่าวดีที่ขัดกับข่าวดีที่คุณได้รับไว้แล้วนั้น ก็ขอให้คนนั้นถูกสาปแช่งตลอดไป
10 ดูเหมือนผมกำลังพูดให้คนยอมรับ หรือให้พระเจ้ายอมรับกันแน่ ผมคิดแต่จะเอาใจคนอย่างนั้นหรือ ถ้าผมอยากจะเอาใจคน ผมก็คงไม่มาเป็นทาสของพระคริสต์หรอก
11 พี่น้องครับ ผมอยากจะบอกให้รู้ว่า ข่าวดีที่ผมประกาศอยู่นี้ไม่ได้มาจากมนุษย์ 12 ไม่มีมนุษย์คนไหนสอนผมหรือให้ผมมา แต่ผมได้มาจากพระเยซูคริสต์โดยตรง ตอนที่พระองค์มาปรากฏตัวให้ผมเห็น
13 พวกคุณก็รู้อยู่แล้วว่าเมื่อก่อนผมเป็นอย่างไร ตอนที่ยังใช้ชีวิตตามแบบของชาวยิวนั้น ผมได้ข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้าอย่างรุนแรง และพยายามทำลายมันให้สิ้นซาก 14 ในสมัยนั้น ผมก้าวหน้าในลัทธิยิวมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และยิ่งกว่านั้น ผมยังทุ่มเทอย่างเต็มที่ต่อประเพณีที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของผม
15 แต่พระเจ้ามีความเมตตากรุณาต่อผม พระองค์เลือกผมตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้องแม่ซะอีก แล้วพระองค์ก็เรียกให้ผมมารับใช้พระองค์ 16 พระองค์พอใจที่จะเปิดเผยพระบุตรของพระองค์กับผม เพื่อผมจะได้ประกาศข่าวดีเรื่องพระบุตรนั้นกับคนที่ไม่ใช่ยิว ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ปรึกษาใครเลย 17 และก็ไม่ได้ขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อหารือกับพวกที่เป็นศิษย์เอกมาก่อนผมด้วย แต่ผมไปแถบอาระเบียทันที แล้วถึงค่อยกลับมาเมืองดามัสกัส
18 สามปีต่อมา ผมได้ขึ้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเยี่ยมเยียนเปโตร[c] และได้พักอยู่กับเขาสิบห้าวัน 19 ผมไม่ได้เจอกับศิษย์เอกคนอื่นๆเลย นอกจากยากอบน้องชายขององค์เจ้าชีวิตเท่านั้น 20 สาบานต่อหน้าพระเจ้าได้เลยว่า เรื่องที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง 21 หลังจากนั้นผมก็ไปแคว้นซีเรียและแคว้นซีลีเซีย
22 แต่ในหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าที่แคว้นยูเดีย ไม่มีใครรู้จักผมเป็นการส่วนตัวเลย 23 พวกเขาได้ยินแต่คนพูดกันว่า “คนที่เคยข่มเหงเราเมื่อก่อน ตอนนี้ได้กลับมาประกาศความเชื่อที่ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามจะทำลาย” 24 แล้วพวกเขาก็ได้สรรเสริญพระเจ้าเพราะผม
การเรียกร้องความยุติธรรม
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด
1 พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
2 เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า
3 คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
4 ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[b]
พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
5 ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม
6 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
7 ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[c]
8 ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[d]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
9 ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[e]
10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”
12 ให้เปิดใจของเจ้ารับคำแนะนำสั่งสอน
ให้เปิดหูของเจ้าฟังถ้อยคำแห่งความรู้
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International