Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 24:1 - 2 พงศาวดาร 7:10

กลุ่มของพวกนักบวช

24 ต่อไปนี้เป็นพวกลูกชายของอาโรน คือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ นาดับและอาบีฮูตายก่อนพ่อของพวกเขา โดยที่ยังไม่มีลูกชาย ดังนั้น เอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงรับหน้าที่เป็นนักบวช ด้วยความช่วยเหลือจากศาโดกที่เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคที่เป็นลูกหลานของอิธามาร์ ดาวิดได้แบ่งพวกนักบวชออกตามหน้าที่รับใช้ มีหัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มากกว่าหัวหน้าจากครอบครัวของอิธามาร์ หัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มีสิบหกคน และจากครอบครัวของอิธามาร์มีแปดคน พวกเขาได้จับสลากแบ่งกัน ดูว่าใครจะได้ทำหน้าที่อะไร บางคนก็ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็มีหน้าที่เป็นนักบวช พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์และอิธามาร์

เชไมอาห์ลูกชายของเนธันเอลซึ่งเป็นชาวเลวี ทำหน้าที่เลขานุการ[a] คอยจดบันทึกรายชื่อของคนพวกนี้ต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่ ต่อหน้านักบวชศาโดก ต่อหน้าอาหิเมเลคลูกชายของอาบียาธาร์และพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและของพวกชาวเลวี พวกเขาจับสลากสลับกันไประหว่างครอบครัวของเอเลอาซาร์กับของอิธามาร์

สลากอันแรกเป็นของเยโฮยาริบ

อันที่สองเป็นของเยดายาห์

อันที่สามเป็นของฮาริม

อันที่สี่เป็นของเสโอริม

อันที่ห้าเป็นของมัลคิยาห์

อันที่หกเป็นของมิยามิน

10 อันที่เจ็ดเป็นของฮักโขส

อันที่แปดเป็นของอาบียาห์

11 อันที่เก้าเป็นของเยชูอา

อันที่สิบเป็นของเชคานิยาห์

12 อันที่สิบเอ็ดเป็นของเอลียาชีบ

อันที่สิบสองเป็นของยาคิม

13 อันที่สิบสามเป็นของหุปปาห์

อันที่สิบสี่เป็นของเยเชเบอับ

14 อันที่สิบห้าเป็นของบิลกาห์

อันที่สิบหกเป็นของอิมเมอร์

15 อันที่สิบเจ็ดเป็นของเฮซีร์

อันที่สิบแปดเป็นของฮัปปิเซส

16 อันที่สิบเก้าเป็นของเปธาหิยาห์

อันที่ยี่สิบเป็นของเยเฮเซเคล

17 อันที่ยี่สิบเอ็ดเป็นของยาคีน

อันที่ยี่สิบสองเป็นของกามูล

18 อันที่ยี่สิบสามเป็นของเดไลยาห์

อันที่ยี่สิบสี่เป็นของมาอาซิยาห์

19 คนพวกนี้ได้รับเลือกมาให้รับใช้อยู่ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ ตามกฎที่อาโรนบรรพบุรุษของพวกเขาได้ตั้งไว้ให้กับพวกเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลได้มอบกฎนี้ไว้กับอาโรน

ชาวเลวีคนอื่นๆ

20 ส่วนชาวเลวีคนอื่นๆที่เหลือ ประกอบไปด้วย

จากลูกหลานของอัมราม คือ ชูบาเอล

จากลูกหลานของชูบาเอล คือ เยเดยาห์

21 ส่วนเรหับยาห์ จากลูกหลานของเขาคืออิสชีอาห์ที่เป็นหัวหน้า

22 จากคนอิสฮาร์ คือ เชโลโมท

จากลูกหลานของเชโลโมท คือ ยาหาท

23 ลูกชายของเฮโบรน คือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า

ลูกชายคนที่สองคืออามาริยาห์

ลูกชายคนที่สามคือยาฮาซีเอล

ลูกชายคนที่สี่คือเยคาเมอัม

24 จากลูกหลานของอุสซีเอลคือมีคาห์

จากลูกหลานของมีคาห์คือชามีร์

25 น้องชายของมีคาห์คืออิสชีอาห์

จากลูกหลานของอิสชีอาห์คือเศคาริยาห์

26 จากลูกหลานของเมรารี[b] คือ มาห์ลีและมูชี และบรรดาลูกหลานของยาอาซียาห์ลูกชายของเขา

27 จากลูกหลานของเมรารี ที่มาจากยาอาซียาห์ลูกชายของเขา คือ โชฮัม ศักเกอร์และอิบรี

28 จากมาห์ลี คือ เอเลอาซาร์ซึ่งไม่มีลูกชาย

29 จากคีช ลูกหลานของเขาคือเยราเมเอล

30 ลูกหลานของมูชีคือ มาห์ลี เอเดอร์และเยรีโมท

คนเหล่านี้คือพวกผู้นำของครอบครัวชาวเลวี 31 คนเหล่านี้ได้จับสลากแบ่งหน้าที่กัน เหมือนกับญาติๆของพวกเขาที่เป็นพวกนักบวชซึ่งเป็นลูกหลานของอาโรน พวกเขาจับสลากกันต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ศาโดก อาหิเมเลคและพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและพวกชาวเลวี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกหัวปี หรือ ลูกคนสุดท้อง ก็จับสลากเหมือนกันหมด

กลุ่มนักดนตรี

25 ดาวิดและพวกเจ้าหน้าที่ของกองทัพได้แบ่งงานด้านการร้องเพลงให้กับพวกลูกหลานของอาสาฟ ของเฮมานและของเยดูธูน ซึ่งพวกเขาจะได้พูดแทนพระเจ้าโดยร้องคลอไปกับพิณเล็ก พิณใหญ่และฉาบ ต่อไปนี้คือรายชื่อของคนที่ทำงานรับใช้ด้านนี้

จากลูกหลานของอาสาฟ คือ ศักเกอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์และอาซาเรลาห์ ทั้งหมดนี้เป็นลูกหลานของอาสาฟ ภายใต้การนำของอาสาฟ พวกเขาจะพูดแทนพระเจ้าตามคำสั่งของกษัตริย์ดาวิด

จากเยดูธูน พวกลูกหลานของเขาคือ เกดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ชิเมอิ ฮาชาบิยาห์และมัททีธิยาห์ รวมทั้งหมดหกคน พวกเขาอยู่ภายใต้การนำของเยดูธูน พ่อของพวกเขา ผู้ที่พูดแทนพระเจ้าไปพร้อมๆกับพิณเล็ก และพวกเขารับผิดชอบในเรื่องการขอบคุณและการสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วย

จากเฮมาน ลูกหลานของเขาคือ บุคคิยาห์ มัทธานิยาห์ อุสซีเอล เชบูเอล เยรีโมท ฮานานิยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที โรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์และมาหะซิโอท คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของเฮมานซึ่งเป็นผู้ทำนายของกษัตริย์ดาวิด พระเจ้าได้สัญญาที่จะทำให้เฮมานแข็งแรง พระเจ้าจึงให้เฮมานมีลูกชายถึงสิบสี่คนและมีลูกสาวสามคน

พวกเขาทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การนำของพ่อของพวกเขา ในเรื่องการร้องเพลงในวิหารของพระยาห์เวห์ โดยร้องคลอไปกับฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็ก เป็นการรับใช้อยู่ในบ้านของพระเจ้า อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนอยู่ภายใต้คำสั่งของกษัตริย์ดาวิด คนพวกนี้และญาติๆของพวกเขาที่มาจากเผ่าเลวี ได้รับการฝึกฝนในเรื่องดนตรีมา พวกเขาทุกคนล้วนมีความชำนาญในการร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ พวกเขามีจำนวนทั้งหมดสองร้อยแปดสิบแปดคน พวกเขาทุกคน ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งครูและนักเรียน ต่างก็ต้องจับสลากแบ่งหน้าที่กัน

สลากอันแรกตกเป็นของพวกอาสาฟคือโยเซฟ ญาติๆและลูกหลานของเขา รวมทั้งหมดสิบสองคน

อันที่สองตกเป็นของเกดาลิยาห์ ญาติๆและลูกหลานของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

10 อันที่สามตกเป็นของศักเกอร์ ลูกหลานของเขาและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

11 อันที่สี่ตกเป็นของอิสรี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

12 อันที่ห้าตกเป็นของเนธานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

13 อันที่หกตกเป็นของบุคคิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

14 อันที่เจ็ดตกเป็นของเยชาเรลาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

15 อันที่แปดตกเป็นของเยชายาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

16 อันที่เก้าตกเป็นของมัทธานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

17 อันที่สิบตกเป็นของชิเมอี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

18 อันที่สิบเอ็ดตกเป็นของอาซาเรล ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

19 อันที่สิบสองตกเป็นของฮาชาบิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

20 อันที่สิบสามตกเป็นของชูบาเอล ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

21 อันที่สิบสี่ตกเป็นของมัททีธิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

22 อันที่สิบห้าตกเป็นของเยเรโมท ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

23 อันที่สิบหกตกเป็นของฮานานิยาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

24 อันที่สิบเจ็ดตกเป็นของโยชเบคาชาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

25 อันที่สิบแปดตกเป็นของฮานานี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

26 อันที่สิบเก้าตกเป็นของมัลโลธี ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

27 อันที่ยี่สิบตกเป็นของเอลียาธาห์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

28 อันที่ยี่สิบเอ็ดตกเป็นของโฮธีร์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

29 อันที่ยี่สิบสองตกเป็นของกิดดาลที ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

30 อันที่ยี่สิบสามตกเป็นของมาหะซิโอท ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

31 อันที่ยี่สิบสี่ตกเป็นของโรมัมทีเอเซอร์ ลูกหลานและญาติๆของเขารวมทั้งหมดสิบสองคน

พวกคนเฝ้าประตู

26 ในกลุ่มของพวกคนเฝ้าประตู จากชาวโคราห์ มี

เมเชเลมิยาห์ลูกชายของโคเร โคเรเป็นลูกชายคนหนึ่งของอาสาฟ เมเชเลมิยาห์มีลูกชาย คือ เศคาริยาห์เป็นลูกชายคนแรก เยดียาเอลเป็นคนที่สอง เศบาดิยาห์เป็นคนที่สาม ยาทนีเอลเป็นคนที่สี่ เอลามเป็นคนที่ห้า เยโฮฮานันเป็นคนที่หก เอลีโฮนัยเป็นคนที่เจ็ด

โอเบดเอโดมมีลูกชาย คือ เชไมอาห์เป็นลูกคนแรก เยโฮซาบาดเป็นคนที่สอง โยอาห์เป็นคนที่สาม สาคาร์เป็นคนที่สี่ เนธันเอลเป็นคนที่ห้า อัมมีเอลเป็นคนที่หก อิสสาคาร์เป็นคนที่เจ็ด เปอุลเลธัยเป็นคนที่แปด พระเจ้าได้อวยพรโอเบด-เอโดม[c] อย่างแท้จริง

เชไมอาห์ลูกชายของเขาก็มีลูกชายหลายคนที่เป็นผู้นำอยู่ในครอบครัวของพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถ บรรดาลูกชายของเชไมอาห์คือ โอทนี เรฟาเอล โอเบดและเอลซาบาด ยังมีบรรดาพี่น้องของเขาซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถเหมือนกัน คือ เอลีฮู กับ เสมาคิยาห์

ทั้งหมดนี้เป็นลูกหลานของโอเบด-เอโดม ทั้งตัวพวกเขาและลูกชายทั้งหลายรวมทั้งญาติๆของพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและมีเรี่ยวแรงในการทำงาน รวมครอบครัวของโอเบด-เอโดมได้ทั้งหมดหกสิบสองคน

เมเชเลมิยาห์ยังมีลูกชายและญาติๆที่มีความสามารถอีกสิบแปดคน

10 โฮสาห์คนเมรารีก็มีลูกหลานด้วย คือ ชิมรีที่เป็นหัวหน้า (เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายคนแรก แต่พ่อของเขาก็ได้ให้เขาเป็นหัวหน้า) 11 ฮิลคียาห์เป็นคนที่สอง เทบาลิยาห์เป็นคนที่สาม เศคาริยาห์เป็นคนที่สี่ รวมจำนวนของลูกชายและญาติๆของโฮสาห์ได้ทั้งหมดสิบสามคน

12 พวกผู้นำที่เป็นผู้ชายในแผนกคนเฝ้าประตูนี้ มีหน้าที่เหมือนญาติๆของพวกเขาที่เป็นนักร้อง คือรับใช้อยู่ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ 13 พวกเขาได้จับสลากเลือกประตูที่ต้องเฝ้าเป็นครอบครัวๆไปจนครบทุกครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

14 สลากของประตูทางทิศตะวันออกตกเป็นของเมเชเลมิยาห์ และพวกเขาก็ได้จับสลากให้กับเศคาริยาห์ลูกชายของเมเชเลมิยาห์ เศคาริยาห์เป็นที่ปรึกษาที่เฉลียวฉลาด เขาจับสลากได้ประตูทางทิศเหนือ 15 โอเบด-เอโดมได้ประตูทางทิศใต้และพวกลูกชายของเขามีหน้าที่เฝ้าประตูห้องเก็บของ 16 ส่วนชุปปิมและโฮสาห์เฝ้าประตูทิศตะวันตกกับประตูชัลเลเคทที่อยู่บนถนนที่ลาดชันขึ้นไป ยามจากแต่ละครอบครัวจะอยู่ตามตำแหน่งของตน 17 ในแต่ละวัน ที่ประตูทิศตะวันออกมีชาวเลวีอยู่หกคน ที่ประตูทางทิศเหนือมีสี่คน ประตูทางทิศใต้มีสี่คนและที่ประตูห้องเก็บของจะมีคนเฝ้าประจำอยู่ครั้งละสองคน 18 ส่วนที่ลาน[d] ทางทิศตะวันตกจะมีคนอยู่บนถนนสี่คนและมีอยู่ที่ลานสองคน 19 คนเหล่านี้อยู่ในกลุ่มของคนเฝ้าประตู ที่เป็นชาวโคราห์และชาวเมรารี

คลังสมบัติและเจ้าหน้าที่แผนกอื่น

20 จากเผ่าของเลวี อาหิยาห์ทำหน้าที่ดูแลคลังสมบัติของบ้านของพระเจ้า และสมบัติที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

21 ลูกหลานของลาดานเป็นลูกหลานของชาวเกอร์โชน เยฮีเอลีเป็นผู้นำคนหนึ่งของตระกูลลาดาน 22 ลูกหลานของเยฮีเอลี คือ เศธามและโยเอลน้องชายของเศธาม พวกเขามีหน้าที่ดูแลคลังสมบัติในบ้านของพระยาห์เวห์

23 ผู้นำคนอื่นๆก็ได้รับเลือกมาจากคนอัมราม คนอิสฮาร์ คนเฮโบรนและคนอุสซีเอล 24 เชบูเอลลูกหลานของเกอร์โชมที่เป็นลูกชายของโมเสสเป็นหัวหน้าดูแลคลังสมบัติในวิหาร 25 ต่อไปนี้คือญาติๆของชูบาเอล ญาติที่สืบเชื้อสายมาจากเอลีเยเซอร์ คือ เรหับยาห์ลูกชายของเอลีเยเซอร์ เยชายาห์ลูกชายของเรหับยาห์ โยรัมลูกชายของเยชายาห์ ศิครีลูกชายของโยรัม และเชโลโมทลูกชายของศิครี 26 เชโลโมทคนนี้กับญาติๆของเขารับผิดชอบในการดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่กษัตริย์ดาวิด พวกผู้นำครอบครัวและพวกผู้บังคับบัญชากองพันและกองร้อย รวมทั้งพวกแม่ทัพของกองทัพ ได้อุทิศไว้ให้กับพระยาห์เวห์ 27 ของที่ถูกยึดมาได้จากการทำสงครามนั้น พวกเขาได้อุทิศเป็นของขวัญ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมบ้านของพระยาห์เวห์ 28 เชโลโมทคนนี้และญาติๆของเขายังต้องรับผิดชอบดูแลของทั้งหมดที่ซามูเอลผู้ที่เห็นนิมิต[e] ซาอูลลูกชายของคีช อับเนอร์ลูกชายของเนอร์ และโยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้อุทิศไว้

29 เคนานิยาห์กับพวกลูกชายของเขาได้รับมอบหมายจากคนอิสฮาร์ให้ทำงานอยู่ภายนอกวิหาร เป็นเจ้าหน้าที่ศาลและผู้ตัดสินเหนือชนชาติอิสราเอล 30 ฮาชาบิยาห์กับญาติๆของเขาที่มีความสามารถรวมหนึ่งพันเจ็ดร้อยคนได้รับมอบหมายจากคนเฮโบรนให้รับผิดชอบชนชาติอิสราเอลที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนในงานทุกอย่างของพระยาห์เวห์และงานรับใช้ของกษัตริย์ 31 ส่วนคนเฮโบรน มี เยรียาห์เป็นหัวหน้าตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของครอบครัวพวกเขา (ในปีที่สี่สิบที่ดาวิดครองราชย์นั้นพวกเขาได้ตรวจบัญชีรายชื่อ และได้พบคนที่มีความสามารถในหมู่ของพวกเขาที่เมืองยาเซอร์ในกิเลอาด) 32 เยรียาห์มีญาติสองพันเจ็ดร้อยคนซึ่งล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและเป็นผู้นำครอบครัวทั้งสิ้น กษัตริย์ดาวิดจึงได้แต่งตั้งพวกเขาขึ้นเหนือชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ ให้ดูแลธุระทั้งหมดของพระเจ้าและของกษัตริย์

กองต่างๆของกองทัพ

27 ต่อไปนี้คือรายชื่อของชาวอิสราเอลที่เป็นผู้นำครอบครัว เป็นนายพันนายร้อย เป็นเจ้าหน้าที่ของพวกชาวอิสราเอล ที่รับใช้กษัตริย์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองทหาร ที่ผลัดเปลี่ยนเวรในแต่ละเดือนตลอดปี แต่ละกองมีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

ยาโชเบอัมลูกชายของศับดีเอล เป็นผู้รับผิดชอบกองเวรกองแรกสำหรับเดือนแรก ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน ยาโชเบอัมเป็นลูกหลานของเปเรศ เขาเป็นหัวหน้าของผู้บังคับบัญชาทั้งหมดในกองทัพ เขาเข้าเวรในเดือนที่หนึ่ง

โดดัยคนอาโหอาห์ เป็นผู้รับผิดชอบกองเวรสำหรับเดือนที่สอง มิกโลทเป็นรองหัวหน้าของกองนั้น ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

เบไนยาห์ลูกชายของหัวหน้านักบวชเยโฮยาดา เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สามสำหรับเดือนที่สาม ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน ลูกชายของเขาคืออัมมีซาบาดเป็นรองหัวหน้าของกองเวรนี้ เบไนยาห์คนนี้เป็นทหารกล้าอยู่ในหมู่วีรบุรุษสามสิบคน และเป็นผู้นำของสามสิบคนนั้นด้วย

อาสาเฮลที่เป็นน้องชายของโยอาบเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพที่สี่สำหรับเดือนที่สี่ และเศบาดิยาห์ลูกชายของเขาเป็นรองหัวหน้าของกองเวรนี้ ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

ชัมหุทคนอิสราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่ห้าสำหรับเดือนที่ห้า ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

อิราลูกชายของอิกเขชคนเทโคอา เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่หกสำหรับเดือนที่หก ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

10 เฮเลสคนเปโลนจากเผ่าเอฟราอิม เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่เจ็ด สำหรับเดือนที่เจ็ด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

11 สิบเบคัยคนหุชาห์ จากครอบครัวของเศราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่แปด สำหรับเดือนที่แปด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

12 อาบีเยเซอร์คนอานาโธท จากเผ่าเบนยามิน เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่เก้า สำหรับเดือนที่เก้า ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

13 มาหะรัยชาวเนโทฟาห์ จากครอบครัวเศราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบ สำหรับเดือนที่สิบ ในกองเวรเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

14 เบไนยาห์คนปิราโธน จากเผ่าเอฟราอิม เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบเอ็ด สำหรับเดือนที่สิบเอ็ด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

15 เฮลดัยชาวเนโทฟาห์ จากครอบครัวของโอทนีเอล เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบสอง สำหรับเดือนที่สิบสอง ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

พวกผู้นำกลุ่มครอบครัว

16 ต่อไปนี้คือรายชื่อของพวกผู้นำเผ่าต่างๆของอิสราเอล

สำหรับชาวรูเบน คือ เอลีเยเซอร์ลูกชายของศิครี

สำหรับชาวสิเมโอน คือ เชฟาทิยาห์ลูกชายของมาอาคาห์

17 สำหรับชาวเลวี คือ ฮาชาบิยาห์ลูกชายของเคมูเอล

สำหรับชาวอาโรนคือศาโดก

18 สำหรับชาวยูดาห์คือ เอลีฮู พี่ชายคนหนึ่งของดาวิด

สำหรับชาวอิสสาคาร์ คือ อมรีลูกชายของมีคาเอล

19 สำหรับชาวเศบูลุน คือ อิชมัยอาห์ลูกชายของโอบาดียาห์

สำหรับชาวนัฟทาลี คือ เยเรโมทลูกชายอัสรีเอล

20 สำหรับชาวเอฟราอิม คือ โฮเชยาลูกชายของอาซาซิยาห์

สำหรับครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ คือ โยเอลลูกชายของเปดายาห์

21 สำหรับอีกครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ในกิเลอาด คือ อิดโดลูกชายของเศคาริยาห์

สำหรับชาวเบนยามิน คือ ยาอาซีเอลลูกชายของอับเนอร์

22 สำหรับชาวดาน คือ อาซาเรลลูกชายของเยโรฮัม

คนเหล่านี้เป็นผู้นำของเผ่าต่างๆในอิสราเอล

ดาวิดนับคนอิสราเอล

23 พระยาห์เวห์ได้ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ คือทำให้ชนชาติอิสราเอลมีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวิดก็เลยไม่ได้นับคนที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีลงมา 24 โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เริ่มต้นนับชาวอิสราเอล แต่นับไม่เสร็จ[f] เพราะความโกรธของพระเจ้าในเรื่องนี้ได้ตกลงมาบนชาวอิสราเอลก่อน และจำนวนที่นับนี้ก็ไม่ได้ถูกจดบันทึกลงในหนังสือเหตุการณ์ประจำวันของกษัตริย์ดาวิด

พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์

25 ต่อไปนี้คือรายชื่อของผู้ที่ดูแลพวกคลังสมบัติของกษัตริย์ คือ

อัสมาเวทลูกชายของอาดีเอล มีหน้าที่ดูแลพวกคลังสมบัติของกษัตริย์

โยนาธานลูกชายของอุสซียาห์ มีหน้าที่ดูแลคลังสมบัติในชนบท ในเมืองต่างๆในหมู่บ้านทั้งหลายและในเมืองป้อมปราการ

26 เอสะรีลูกชายของเคลูบ มีหน้าที่ดูแลพวกชาวนาที่เป็นผู้ไถนา

27 ชิเมอีชาวรามาห์ มีหน้าที่ดูแลสวนองุ่น

ศับดีชาวเชฟาม มีหน้าที่ดูแลผลผลิตในสวนองุ่นสำหรับทำเหล้าองุ่น

28 บาอัลฮานันชาวเกเดอร์ มีหน้าที่ดูแลสวนมะกอกกับสวนมะเดื่อที่ภูเขาเชเฟลาห์ทางทิศตะวันตก

โยอาช มีหน้าที่เก็บรวบรวมน้ำมันมะกอก

29 ชิตรัยชาวชาโรน มีหน้าที่ดูแลฝูงวัวในทุ่งหญ้าชาโรน

ชาฟัทลูกชายของอัดลัย มีหน้าที่ดูแลฝูงวัวตามหุบเขาต่างๆ

30 โอบิลชาวอิชมาเอล มีหน้าที่ดูแลฝูงอูฐ

เยเดยาห์ชาวเมโรโนท มีหน้าที่ดูแลฝูงลา

31 ยาซีสชาวฮาการ์ มีหน้าที่ดูแลฝูงแกะ

คนเหล่านี้คือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ดาวิด

32 โยนาธานลุงของดาวิด เป็นที่ปรึกษาที่เฉลียวฉลาดและเป็นผู้จดบันทึก[g] เยฮีเอลลูกชายฮัคโมนีดูแลพวกลูกชายของกษัตริย์ 33 อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ และหุชัยชาวอารคีเป็นเพื่อนของกษัตริย์ 34 ผู้ที่สืบทอดต่อจากอาหิโธเฟลคือเยโฮยาดาลูกชายของเบไนยาห์ กับอาบียาธาร์ ส่วนโยอาบได้เป็นแม่ทัพในกองทัพของกษัตริย์ดาวิด

แผนงานของดาวิดเกี่ยวกับวิหาร

28 ดาวิดได้รวบรวมเอาพวกผู้นำทั้งหลายมาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม คือ พวกผู้นำของอิสราเอล ผู้นำของแต่ละเผ่า ผู้นำของหน่วยงานต่างๆที่รับใช้กษัตริย์ พวกนายพันนายร้อย พวกเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทรัพย์สมบัติและฝูงสัตว์ของกษัตริย์ และของพวกลูกชายกษัตริย์ รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่วัง พวกวีรบุรุษนักรบ และคนสำคัญทุกคน

กษัตริย์ดาวิดได้ยืนขึ้นและพูดว่า “พี่น้องและประชาชนทั้งหลายของเรา ฟังทางนี้ เราได้ตั้งใจไว้แล้วที่จะสร้างที่พักสำหรับหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์เพื่อให้เป็นที่วางเท้า[h] สำหรับพระเจ้าของพวกเรา และเราได้เตรียมการที่จะสร้างมันไว้แล้ว แต่พระเจ้าได้พูดกับเราว่า ‘เจ้าจะไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างบ้านสำหรับชื่อของเรา เพราะเจ้าได้ทำสงครามหลายครั้งและเจ้าได้ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก’

แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้เลือกเราออกมาจากครอบครัวของเรา ให้มาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลตลอดไป เพราะพระองค์ได้เลือกยูดาห์ให้เป็นผู้นำ และในเผ่าของยูดาห์พระองค์ก็ได้เลือกครอบครัวของเรามา และในหมู่ลูกชายทั้งหลายของพ่อเรา พระองค์พอใจที่จะเลือกเราให้เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติอิสราเอลทั้งหมด และจากบรรดาลูกชายทั้งหมดของเรา ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ให้ลูกชายไว้กับเราหลายคน พระองค์ได้เลือกซาโลมอนลูกชายของเราให้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรของพระยาห์เวห์เหนือชนชาติอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ได้พูดกับเราว่า ‘ซาโลมอนลูกชายของเจ้า จะเป็นผู้ที่สร้างวิหาร และพวกลานวิหารของเรา เพราะเราได้เลือกเขาให้เป็นลูกชายของเรา และเราจะเป็นพ่อของเขา[i] และเราจะทำให้อาณาจักรของเขามั่นคงตลอดไป ถ้าเขายังตั้งใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งและกฎทุกข้อของเราเหมือนที่เขาทำอยู่ในวันนี้’

และตอนนี้ ท่ามกลางสายตาของชนชาติอิสราเอลทั้งหมด ในที่ประชุมของพระยาห์เวห์นี้ และต่อหูของพระองค์ เราขอกำชับให้พวกท่านทำตามคำสั่งทั้งหมดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านอย่างระมัดระวัง เพื่อพวกท่านจะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีแห่งนี้ และมอบมันเป็นมรดกให้กับลูกกับหลานของท่านตลอดไป

ส่วนเจ้า ซาโลมอนลูกพ่อ ให้ยอมรับพระเจ้าของพ่อเจ้าไว้ และรับใช้พระองค์อย่างสุดใจ และด้วยความเต็มใจของเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ตรวจสอบจิตใจทุกดวง และเข้าใจความคิดทุกความคิด ถ้าเจ้าค้นหาพระองค์ เจ้าก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็ทอดทิ้งเจ้าตลอดไป 10 ดูเถิด พระยาห์เวห์ได้เลือกเจ้าเพื่อจะให้สร้างวิหารไว้ให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ให้กล้าหาญไว้และลงมือทำเถิด”

11 แล้วดาวิดก็ได้มอบแผนผังให้กับซาโลมอนลูกชายของเขา เป็นแบบของห้องด้านหน้าของวิหาร กับพวกตึกของมัน พวกห้องเก็บสมบัติ พวกห้องด้านบน พวกห้องด้านใน และห้องสำหรับหีบศักดิ์สิทธิ์ที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ 12 ยังมีแผนผังสำหรับอย่างอื่นที่เขาได้คิดเอาไว้ คือแผนผังสำหรับลานของวิหารของพระยาห์เวห์ และสำหรับห้องต่างๆที่อยู่รอบๆลานนั้น พวกห้องเก็บสมบัติของวิหารของพระเจ้า และพวกห้องเก็บของขวัญที่อุทิศให้กับพระยาห์เวห์ 13 ผังสำหรับกลุ่มเวรของพวกนักบวช และชาวเลวี สำหรับงานรับใช้ทั้งหมดในวิหารของพระยาห์เวห์ สำหรับข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่ใช้ในงานรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์ 14 และยังมีรายละเอียดน้ำหนักของทองคำที่ใช้สำหรับข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่ทำจากทองคำ ในงานรับใช้แต่ละอย่าง และรายละเอียดของน้ำหนักเงินที่ใช้สำหรับเครื่องใช้ที่ทำจากเงิน ในงานรับใช้แต่ละอย่าง 15 และบอกถึงน้ำหนักทองคำของโคมไฟยืนทองคำ และตะเกียงที่อยู่ในนั้น บอกแม้แต่น้ำหนักของทองคำที่ใช้กับโคมไฟยืนแต่ละอัน และตะเกียงแต่ละดวงของมัน และบอกถึงน้ำหนักของเงินที่ใช้กับโคมไฟยืนที่ทำจากเงิน โดยบอกน้ำหนักของเงินที่จะใช้สำหรับโคมไฟยืนแต่ละอัน และตะเกียงแต่ละดวงของมัน น้ำหนักของเงินขึ้นอยู่กับการใช้งานของตะเกียงแต่ละดวง 16 มีรายละเอียดของน้ำหนักของทองคำสำหรับโต๊ะของขนมปังศักดิ์สิทธิ์แต่ละตัว และน้ำหนักของเงินสำหรับโต๊ะที่ทำจากเงิน 17 และทองคำบริสุทธิ์สำหรับทำส้อม ชามประพรม และเหยือก สำหรับชามที่ทำจากทองคำ ดาวิดได้บอกน้ำหนักของชามแต่ละใบ และสำหรับชามที่ทำจากเงินก็ได้บอกน้ำหนักของชามแต่ละใบเหมือนกัน 18 น้ำหนักของทองคำอย่างดีที่ใช้ทำแท่นบูชาเผาเครื่องหอม ยังมีแบบสำหรับสร้างรถรบทองคำ ซึ่งก็คือทูตสวรรค์ที่มีปีกสององค์ที่กางปีกของพวกท่านออกอยู่บนฝาของหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ทูตทั้งสององค์นี้ทำจากทองคำ

19 ดาวิดได้เขียนสิ่งเหล่านี้ให้กับซาโลมอนตามที่พระยาห์เวห์ได้มอบให้กับเขา เพื่อทำให้ซาโลมอนเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดของแผนผัง

20 แล้วดาวิดพูดกับซาโลมอนลูกชายของเขาว่า “เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ ลงมือทำเถิด อย่ากลัวหรือท้อถอยเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อจะอยู่กับเจ้า พระองค์จะไม่ทิ้งลูกและไม่จากลูกไปไหน แต่พระองค์จะช่วยเหลือลูกจนกว่างานรับใช้ทุกอย่างของวิหารของพระยาห์เวห์จะเสร็จสิ้นลง 21 และนี่ก็คือกลุ่มเวรต่างๆของพวกนักบวชกับชาวเลวีสำหรับงานรับใช้ในวิหารของพระเจ้า และคนงานทุกคนที่มีความชำนาญในงานทุกประเภทจะมาอยู่กับเจ้า และพวกผู้นำกับประชาชนทั้งหมดจะอยู่ภายใต้คำสั่งทั้งสิ้นของเจ้า”

ของถวายสำหรับการสร้างวิหาร

29 กษัตริย์ดาวิดได้พูดกับคนในที่ชุมนุมทั้งหมดว่า “ซาโลมอนลูกชายของเราผู้ที่พระเจ้าได้เลือกไว้แล้วแต่เพียงผู้เดียวนี้ยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ และงานครั้งนี้ก็ยิ่งใหญ่นัก เพราะวิหารแห่งนี้ไม่ใช่สร้างให้กับมนุษย์แต่ให้กับพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า เราได้จัดเตรียมสิ่งของสำหรับวิหารของพระเจ้าของเราอย่างสุดกำลังของเรา คือทองคำสำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยทองคำ เงินสำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยเงิน ทองสัมฤทธิ์สำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เหล็กสำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยเหล็กและไม้สำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยไม้ หินโมรา[j] และหินสำหรับฝัง[k] กระเบื้องหลากสี[l] หินมีค่าทุกชนิดและหินอ่อน เป็นจำนวนมากมายมหาศาล นอกจากนี้เรายังมีทรัพย์สมบัติส่วนตัวที่เป็นทองคำและเงิน เราได้อุทิศตัวเราเองให้กับวิหารของพระเจ้าของเราไปแล้ว เราก็เลยจะยกของพวกนี้ที่เราได้สะสมไว้ให้กับวิหารของพระเจ้าของเราด้วย นอกเหนือไปจากของทั้งหมดที่เราได้จัดเตรียมไว้แล้วสำหรับวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คือมีทองคำบริสุทธิ์ประมาณร้อยตันที่ได้มาจากเมืองโอฟีร์ และเงินบริสุทธิ์ประมาณสองร้อยสี่สิบตัน[m]สำหรับหุ้มผนังห้อง ทองคำสำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยทองคำ เงินสำหรับสร้างสิ่งของที่ทำด้วยเงิน และสำหรับงานทุกอย่างที่ช่างฝีมือจะทำขึ้น ในวันนี้มีใครเต็มใจถวายตัวให้กับพระยาห์เวห์บ้าง”

แล้วพวกผู้นำของครอบครัวทั้งหลาย พวกผู้นำของเผ่าต่างๆของชนชาติอิสราเอล พวกนายพันนายร้อย รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับกษัตริย์ต่างก็ถวายตัวด้วยความเต็มใจ พวกเขาได้มอบทองคำหนึ่งร้อยเจ็ดสิบตัน เงินประมาณสามร้อยสี่สิบห้าตัน ทองสัมฤทธิ์หกร้อยสิบตันและเหล็กสามพันสี่ร้อยห้าสิบตันเพื่อใช้สำหรับวิหารของพระเจ้า และใครก็ตามที่มีพลอย ต่างก็ได้มอบพลอยเหล่านั้นไว้ในห้องเก็บสมบัติในวิหารของพระยาห์เวห์ ให้อยู่ในความดูแลของเยฮีเอลชาวเกอร์โชน ประชาชนต่างมีความสุขมาก เพราะพวกเขาถวายสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับพระยาห์เวห์ด้วยความสมัครใจ และด้วยความเต็มใจ กษัตริย์ดาวิดเองก็มีความสุขมากเหมือนกัน

ดาวิดสรรเสริญพระเจ้า

10 แล้วดาวิดก็ได้สรรเสริญพระยาห์เวห์ท่ามกลางสายตาของคนในที่ชุมนุมทั้งหมด ดาวิดพูดว่า

“ข้าแต่ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลบรรพบุรุษของพวกเรา
    ขอให้พระองค์ได้รับคำสรรเสริญตลอดเวลาและตลอดไป
11 ข้าแต่ พระยาห์เวห์ ขอให้ความยิ่งใหญ่ พลังอำนาจ ความรุ่งโรจน์ ความสง่างามและบารมีเป็นของพระองค์
    เพราะทุกสิ่งทุกอย่างทั้งบนสวรรค์และในแผ่นดินโลกนี้ต่างก็เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ อาณาจักรนี้เป็นของพระองค์
    ขอพระองค์ได้รับการยกย่องสูงสุดเหนือทุกสิ่ง
12 ความร่ำรวยและเกียรติยศมาจากพระองค์
    พระองค์ปกครองเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแข็งแกร่งและมีพลังด้วยมือของพระองค์
    และพระองค์ก็มีพลังที่จะสร้างใครก็ได้ให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง
13 พระเจ้าของพวกเรา ตอนนี้ พวกเราขอขอบคุณพระองค์
    และขอสรรเสริญชื่ออันรุ่งโรจน์ของพระองค์
14 สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้มาจากข้าพเจ้าและประชาชนของข้าพเจ้าหรอก ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากพระองค์
    และพวกเราขอมอบคืนให้กับพระองค์ในสิ่งที่พวกเราได้รับมา
15 ที่จริงแล้ว พวกเราเป็นชาวต่างชาติต่อหน้าพระองค์ และเป็นเพียงผู้ผ่านทางเหมือนกับบรรพบุรุษทั้งหมดของพวกเรา
    วันเวลาของพวกเราบนโลกนี้เป็นเหมือนเงาและไม่มีความหวัง
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ที่พวกเราได้รวบรวมมา
    เพื่อที่จะมาสร้างวิหารให้กับพระองค์
เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    ล้วนแต่มาจากพระองค์และเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น
17 พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ตรวจสอบจิตใจและยินดีกับความจริงใจ
    ข้าพเจ้าเต็มใจให้สิ่งของทั้งหมดเหล่านี้ด้วยความจริงใจ
และตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกชื่นชมยินดีที่ได้เห็น
    ประชาชนของพระองค์ที่นี่ได้มาถวายของให้กับพระองค์ด้วยความเต็มใจ
18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา
    คือ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ
ขอพระองค์รักษาเจตนาแบบนี้ในจิตใจของคนของพระองค์ตลอดไป
    และนำหัวใจของพวกเขาให้หันมาสู่พระองค์
19 ส่วนซาโลมอนลูกชายของข้าพเจ้า
    โปรดให้เขาเต็มใจที่จะรักษาพวกคำสั่ง ความต้องการและกฎต่างๆของพระองค์
เพื่อที่จะทำตามนั้นทั้งหมด
    และเขาจะได้สร้างวิหารซึ่งข้าพเจ้าได้เตรียมของพร้อมที่จะทำอยู่แล้ว”

20 แล้วดาวิดก็ได้พูดกับที่ชุมนุมทั้งหมดว่า “ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน” และที่ชุมนุมทั้งหมดก็สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และพวกเขาก็คำนับลงและหมอบกราบพระยาห์เวห์และกษัตริย์

ซาโลมอนได้เป็นกษัตริย์

(1 พกษ. 2:10-12)

21 ในวันต่อมา พวกเขาได้ถวายเครื่องสัตวบูชาให้แก่พระยาห์เวห์ พวกเขาก็ได้เผาสัตวทั้งตัวให้กับพระยาห์เวห์ เป็นวัวตัวผู้พันตัว แกะตัวผู้พันตัวและลูกแกะตัวผู้พันตัว และยังได้ถวายเครื่องดื่มบูชา และเครื่องสัตวบูชาอื่นๆอย่างล้นเหลือ สำหรับชนชาติอิสราเอลทั้งหมด 22 และพวกเขาต่างกินและดื่มกันต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันนั้น ด้วยความสนุกสนานอย่างยิ่ง

พวกเขาได้ยกซาโลมอนลูกชายของกษัตริย์ดาวิดให้ขึ้นเป็นกษัตริย์อีกเป็นครั้งที่สอง[n] พวกเขาได้แต่งตั้งซาโลมอนให้เป็นเจ้าชายของพระยาห์เวห์ และแต่งตั้งศาโดกให้เป็นนักบวช

23 แล้วซาโลมอนก็ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของพระยาห์เวห์ ได้เป็นกษัตริย์แทนที่ดาวิดพ่อของเขา และเขาก็ประสบความสำเร็จ ชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างเชื่อฟังเขา 24 พวกผู้นำ นักรบทั้งหมดและบรรดาลูกชายของกษัตริย์ดาวิดได้สัญญาที่จะจงรักภักดีกับกษัตริย์ซาโลมอน 25 และพระยาห์เวห์ก็ได้ทำให้ซาโลมอนยิ่งใหญ่ในสายตาของชนชาติอิสราเอลทั้งหมด และให้ความโอ่อ่าตระการกับเขาอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนในอิสราเอลเคยมีมาก่อน

ดาวิดตาย

26 ดาวิดลูกชายของเจสซีได้เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติอิสราเอล 27 เขาครองบัลลังก์อยู่เหนือชนชาติอิสราเอลทั้งหมดสี่สิบปี เขาปกครองอยู่ในเมืองเฮโบรนเจ็ดปีและอยู่ในเยรูซาเล็มสามสิบสามปี 28 เขาตายลงในวัยอันสมควร ด้วยอายุที่มากแล้ว ท่ามกลางความร่ำรวยและเกียรติยศ แล้วซาโลมอนที่เป็นลูกชายของเขาก็ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

29 เหตุการณ์ต่างๆในยุคของกษัตริย์ดาวิดตั้งแต่ต้นจนจบได้เขียนไว้ในหนังสือบันทึกของซามูเอลผู้ที่เห็นนิมิต ในหนังสือบันทึกของนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าและในหนังสือบันทึกของกาดผู้ที่เห็นนิมิต 30 พร้อมกับรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยของดาวิด อำนาจของเขา และเหตุการณ์ทั้งหมดที่มีผลกระทบกับเขา และชนชาติอิสราเอล รวมทั้งอาณาจักรอื่นๆทั้งหลายด้วย

ซาโลมอนขอความเฉลียวฉลาด

(1 พกษ. 3:1-15)

ซาโลมอนลูกชายของดาวิดได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออาณาจักรของเขาอย่างมั่นคง เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตอยู่กับเขาและทำให้เขายิ่งใหญ่

ซาโลมอนพูดกับชาวอิสราเอลทั้งหมด กับพวกนายพันนายร้อย พวกผู้พิพากษา และพวกผู้นำทั้งหมดของชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้น รวมทั้งผู้นำครอบครัวทั้งหลาย และซาโลมอนกับคนที่มาชุมนุมทั้งหมดนี้ได้ขึ้นไปบนสถานที่สูงที่กิเบโอน เพราะเต็นท์นัดพบ ของพระเจ้าตั้งอยู่บนนั้นซึ่งเป็นเต็นท์หลังเดียวกับที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สร้างขึ้นในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ขณะนั้น ดาวิดได้นำหีบของพระเจ้ามาจากคิริยาท-เยอาริมไปไว้ในที่ที่เขาได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว เพราะเขาได้ตั้งเต็นท์ขึ้นสำหรับหีบใบนี้ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่เบซาเลลลูกชายของอุรี ที่เป็นลูกชายของเฮอร์ ได้สร้างไว้นั้น ตั้งอยู่ตรงหน้าของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ที่กิเบโอน ดังนั้น ซาโลมอนและคนในที่ชุมนุมทั้งหมดจึงได้ไปสอบถามพระองค์ที่นั่น ซาโลมอนขึ้นไปถึงแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น

ในคืนนั้น พระเจ้าปรากฏแก่ซาโลมอนและพูดกับเขาว่า “เจ้าอยากได้อะไรจากเรา ก็ขอมาเถิด”

ซาโลมอนตอบพระเจ้าไปว่า “พระองค์ได้แสดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า และได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ขอให้คำสัญญาที่พระองค์ให้ไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า เป็นจริงในเวลานี้ด้วยเถิด เพราะพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือชนชาติที่มีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนฝุ่นบนแผ่นดินโลก 10 ขอพระองค์ให้ความเฉลียวฉลาดและความรู้กับข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะสามารถนำชนชาตินี้ได้ เพราะจะมีใครเล่าที่จะสามารถปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ของพระองค์ได้”

11 พระเจ้าตอบซาโลมอนว่า “เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยหรือเกียรติยศ ไม่ได้ขอให้ศัตรูของเจ้าตาย และไม่ได้ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับขอความเฉลียวฉลาดและความรู้ เพื่อที่จะปกครองชนชาติของเรา ที่เราได้ให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา 12 ดังนั้น เราจะให้ความเฉลียวฉลาดและความรู้กับเจ้า และเราก็จะให้ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยและเกียรติยศกับเจ้าอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเคยได้รับมาก่อน ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ก็ตาม”

13 แล้วซาโลมอนก็ออกจากสถานที่สูงในกิเบโอน จากที่หน้าเต็นท์นัดพบกลับไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเขาก็ครองบัลลังก์อยู่เหนือชนชาติอิสราเอล

ซาโลมอนสร้างกองทัพและการค้า

(1 พกษ. 10:26-29; 2 พศด. 9:25-28)

14 ซาโลมอนสะสมรถรบกับม้าไว้มากมาย เขามีรถรบอยู่หนึ่งพันสี่ร้อยคันและมีม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันตัว เขาเก็บรักษาพวกมันไว้ตามเมืองต่างๆที่เขาได้สร้างขึ้นมา และเก็บไว้ในเมืองเยรูซาเล็มกับเขาด้วย 15 ในเมืองเยรูซาเล็มกษัตริย์ได้ทำให้เงินและทองมีมากมายอย่างกับก้อนหิน และทำให้ไม้สนซีดาร์มีอย่างเกลื่อนกลาดเหมือนกับไม้มะเดื่อตามเชิงเขา 16 พวกม้าของซาโลมอนก็เป็นม้านำเข้าจากอียิปต์และจากเมืองคูเอ โดยพวกพ่อค้าของกษัตริย์เป็นผู้ซื้อพวกม้าเหล่านั้นมาจากเมืองคูเอ 17 พวกเขานำเข้ารถรบมาจากประเทศอียิปต์ รถรบหนึ่งคันเป็นเงินหนักประมาณเจ็ดกิโลกรัม และม้าตัวหนึ่งเป็นเงินหนักประมาณสองกิโลกรัม พวกเขายังส่งพวกมันออกไปขายต่อให้กับพวกกษัตริย์ของชาวฮิตไทต์และพวกกษัตริย์ของชาวอารัมด้วย

ซาโลมอนเตรียมสร้างวิหารและวัง

(1 พกษ. 5:1-18; 7:13-14)

ซาโลมอนวางแผนสร้างวิหารขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระยาห์เวห์ และวางแผนสร้างวังให้กับตัวเอง เขาเกณฑ์คนเจ็ดหมื่นคนมาเป็นคนแบกหาม และแปดหมื่นคนมาเป็นช่างตัดหินในเนินเขา และอีกสามพันหกร้อยคนมาเป็นผู้ควบคุมคนงานเหล่านี้

ซาโลมอนได้ส่งข้อความไปถึงกษัตริย์ฮีรามของเมืองไทระ[o] ว่า

“ช่วยส่งไม้สนซีดาร์มาให้เราเหมือนกับที่ท่านเคยส่งมาให้ดาวิดพ่อของเรา ตอนที่พ่อเราสร้างวังสำหรับอยู่อาศัย ตอนนี้ เรากำลังจะสร้างวิหารขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา และจะอุทิศวิหารนี้ให้กับพระองค์ เพื่อเอาไว้ใช้เผาเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์ และวางขนมปังศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน และเอาไว้สำหรับเผาเครื่องเผาบูชาทุกเช้าเย็น และทุกวันหยุดทางศาสนา รวมทั้งทุกวันข้างขึ้น[p] และสำหรับงานเทศกาลต่างๆของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่ได้กำหนดไว้ อย่างที่อิสราเอลถูกสั่งให้รักษาตลอดไป

วิหารที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนี้จะยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระอื่นๆ แต่ใครล่ะที่สามารถสร้างบ้านให้กับพระองค์ได้ ในเมื่อสวรรค์ทั้งหมด แม้แต่สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ยังไม่สามารถจุพระองค์ได้เลย แล้วเราเป็นใครกันหรือ ที่จะมาสร้างบ้านให้กับพระองค์ได้ นอกจากว่ามันจะเป็นแค่สถานที่ไว้สำหรับเผาเครื่องบูชาต่อหน้าพระองค์

ดังนั้น ช่วยส่งชายคนหนึ่งมาให้เรา ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก มีความชำนาญเกี่ยวกับเส้นใยสีฟ้า สีเลือดหมูและสีม่วง และมีประสบการณ์ด้านการแกะสลัก เพื่อให้มาทำงานในยูดาห์และในเมืองเยรูซาเล็มกับพวกช่างแกะสลักที่ชำนาญงานของเรา ที่ดาวิดพ่อของเราได้จัดหาไว้แล้ว ช่วยจัดส่งไม้สนซีดาร์ ไม้สนสามใบและไม้ประดู่จำนวนมากมาจากเลบานอน ให้กับเราด้วย เพราะเรารู้ว่าคนของท่านมีความชำนาญในการตัดไม้ของที่นั่น คนของเราจะทำงานกับคนของท่าน เพื่อที่จะจัดหาท่อนไม้จำนวนมากมายให้กับเรา เพราะวิหารที่เราจะสร้างจะต้องใหญ่โตและอลังการ 10 เราจะให้ข้าวสาลีโม่แล้วและข้าวบาร์เลย์อย่างละสี่ล้านสี่แสนลิตร เหล้าองุ่นสี่แสนสี่หมื่นลิตร และน้ำมันมะกอกสี่แสนสี่หมื่นลิตร กับพวกคนรับใช้ของท่านที่เป็นช่างตัดไม้ซึ่งได้นำไม้มาให้เรา”

11 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระส่งจดหมายตอบซาโลมอนไปว่า

“เป็นเพราะพระยาห์เวห์รักประชาชนของพระองค์ พระองค์จึงทำให้ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกเขา” 12 แล้วฮีรามก็เขียนต่อไปอีกว่า “ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลผู้ที่สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์ได้ให้ลูกชายที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งแก่กษัตริย์ดาวิด ลูกชายผู้ที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดที่จะได้เป็นผู้สร้างวิหารสำหรับพระยาห์เวห์และวังสำหรับตัวเขาเอง 13 เราจะส่งหุราม[q] คนที่มีความชำนาญมากของเราไปพบท่าน 14 แม่ของเขามาจากดานและพ่อของเขาเป็นชาวเมืองไทระ เขาได้รับการฝึกฝนให้ทำงานเกี่ยวกับทองคำและเงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก หินและไม้ รวมทั้งเส้นใยสีเลือดหมู สีฟ้าและสีม่วงกับผ้าลินินอย่างดี เขามีประสบการณ์ในการแกะสลักทุกประเภทและสามารถแกะสลักตามแบบที่เราให้กับเขาได้ทุกแบบ เขาจะทำงานร่วมกับพวกช่างแกะสลักของท่านและร่วมกับพวกคนของดาวิดเจ้านายของเราที่เป็นพ่อของท่าน

15 ตอนนี้ ขอให้ท่านผู้เป็นเจ้านายของเราโปรดส่งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์และน้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่นตามที่ท่านได้สัญญาไว้ มาให้กับพวกเราผู้รับใช้ของท่านด้วยเถิด 16 และพวกเราจะตัดไม้ซุงมาจากเลบานอนตามที่ท่านต้องการและนำไม้เหล่านั้นผูกเป็นแพล่องไปตามทะเลลงไปจนถึงยัฟฟา แล้วท่านก็จะนำพวกมันไปที่เมืองเยรูซาเล็มได้”

17 ซาโลมอนนับพวกชาวต่างชาติทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้ง หลังจากที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเขาเคยนับมาแล้ว ชาวต่างชาติเหล่านี้มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันหกร้อยคน 18 ซาโลมอนสั่งให้คนเจ็ดหมื่นคนมาทำงานแบกหาม และสั่งให้คนแปดหมื่นคนมาเป็นช่างตัดหินในเนินเขา ส่วนอีกสามพันหกร้อยคนให้มาเป็นผู้คุมคนงานเหล่านั้นให้ทำงาน

ซาโลมอนสร้างวิหาร

(1 พกษ. 6:1-38; 7:15-22)

แล้วซาโลมอนก็เริ่มสร้างวิหาร ของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม บนภูเขาโมริยาห์ซึ่งเป็นที่ที่พระยาห์เวห์ได้ปรากฏแก่ดาวิดพ่อของเขา มันตั้งอยู่บนลานนวดข้าวของโอรนัน[r] ชาวเยบุส และเป็นที่ที่ดาวิดพ่อของเขาได้ซื้อมา ซาโลมอนเริ่มสร้างวิหารในวันที่สองของเดือนที่สอง ซึ่งเป็นปีที่สี่ที่เขาขึ้นครองบัลลังก์

ซาโลมอนวางรากฐานของตึกที่จะเป็นวิหารของพระเจ้า ขนาดยาวหกสิบศอก[s] กว้างยี่สิบศอก[t] (ใช้ศอกมาตรฐานการวัดแบบเก่า) ระเบียงด้านหน้าวิหารยาวยี่สิบศอก เท่ากับด้านกว้างของวิหาร และสูงยี่สิบศอก เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์บุทับด้านใน เขาปูไม้สนสามใบไว้ที่ห้องโถงใหญ่และใช้ทองคำบริสุทธิ์บุทับและตกแต่งด้วยลวดลายต้นปาล์มและลายโซ่ ซาโลมอนประดับประดาวิหารด้วยพลอยที่มีค่า ส่วนทองคำที่เขาใช้ก็เป็นทองคำจากเมืองพารวายิม[u] เขาบุทองคำไว้ที่คาน กรอบประตู ผนังและประตูทุกแห่งของวิหารแห่งนั้น และเขายังได้แกะสลักรูปทูตสวรรค์มีปีกหลายองค์ไว้ตามพวกผนังอีกด้วย

เขาสร้างห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดขึ้น มีความยาวเท่ากับความกว้างของวิหาร คือยาวยี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก ซาโลมอนบุทองคำอย่างดีน้ำหนักรวมยี่สิบเอ็ดตันไว้ที่ด้านในของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พวกตะปูทองคำมีน้ำหนักรวมประมาณครึ่งกิโลกรัม เขายังบุทองคำไว้ที่พวกห้องชั้นบนด้วย 10 ภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ซาโลมอนได้สร้างรูปปั้นของทูตสวรรค์มีปีก ขึ้นมาสององค์ และบุทองคำลงบนรูปปั้นทั้งสองนั้น 11 ปีกของทูตสวรรค์ทั้งสองที่กางออกเต็มที่มีความยาวทั้งหมดยี่สิบศอก ปีกด้านหนึ่งยาวห้าศอก[v] ไปติดกับผนังวิหาร ในขณะที่ปีกอีกด้านหนึ่งยาวห้าศอกเหมือนกันและติดกับปีกของทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่ง

12 ในลักษณะเดียวกัน ปีกข้างหนึ่งของทูตสวรรค์องค์ที่สองก็ยาวห้าศอกและไปติดกับผนังอีกด้านหนึ่งของวิหาร และอีกข้างหนึ่งก็ยาวห้าศอกและไปติดกับปีกอีกข้างหนึ่งของทูตสวรรค์องค์แรก 13 ปีกของทูตสวรรค์ทั้งสององค์นี้เมื่อกางออกแล้วยาวยี่สิบศอก ทูตสวรรค์ทั้งสองยืนอยู่หันหน้าออกไปทางห้องโถงใหญ่

14 ซาโลมอนทำผ้าม่าน[w] ขึ้นจากเส้นใยสีเลือดหมู สีม่วงและสีฟ้า กับผ้าลินินอย่างดี โดยปักรูปทูตสวรรค์มีปีกลงบนนั้น

15 ที่ด้านหน้าของวิหาร เขาได้สร้างเสาขึ้นสองต้น สูงสามสิบห้าศอก[x] แต่ละต้นมีหัวเสาวางอยู่ด้านบนสูงอีกห้าศอก 16 เขาได้สร้างโซ่ที่ร้อยต่อกันและได้วางโซ่เหล่านั้นไว้ที่ด้านบนของเสาสองต้นนั้น เขายังได้ทำผลทับทิมหนึ่งร้อยลูก และติดพวกมันไว้กับโซ่เหล่านั้น 17 เขาได้จัดตั้งเสาสองต้นนั้นขึ้นที่ด้านหน้าของวิหาร ต้นหนึ่งอยู่ทางทิศใต้และอีกต้นอยู่ทางทิศเหนือ ต้นที่อยู่ทางใต้มีชื่อว่ายาคีน[y] และต้นที่อยู่ทางเหนือมีชื่อว่าโบอาส[z]

ข้าวของเครื่องใช้สำหรับวิหาร

(1 พกษ. 7:23-51)

ซาโลมอนสร้างแท่นบูชาจากทองสัมฤทธิ์ขึ้นแท่นหนึ่งยาวยี่สิบศอก[aa] กว้างยี่สิบศอก และสูงสิบศอก เขาได้สร้างขันทะเล[ab] ขึ้นจากเหล็กหล่อ มีรูปร่างเป็นวงกลมวัดจากขอบด้านหนึ่งไปถึงขอบอีกด้านหนึ่งได้สิบศอก มีความสูงห้าศอก วัดเส้นรอบวงได้สามสิบศอก[ac] ที่ใต้ขอบของขันทะเลนั้น เขาได้หล่อรูปน้ำเต้าอยู่สองแถวล้อมรอบขันทะเลนั้น หล่อเป็นเนื้อเดียวกับขันทะเล ขันทะเลวางอยู่บนรูปปั้นวัวตัวผู้สิบสองตัว วัวสามตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือ สามตัวหันไปทางทิศตะวันตก สามตัวหันไปทางทิศใต้และอีกสามตัวหันไปทางทิศตะวันออก ขันทะเลวางอยู่บนรูปปั้นวัวเหล่านี้ และส่วนหางของพวกมันหันเข้าด้านใน ขันทะเลมีความหนาหนึ่งฝ่ามือ[ad] ที่ขอบของมันมีลักษณะเหมือนขอบถ้วย คือคล้ายกับดอกลิลลี่ที่บานออก มันสามารถเก็บน้ำได้หกหมื่นหกพันลิตร[ae]

แล้วซาโลมอนก็ได้ทำอ่างขึ้นสิบใบไว้สำหรับชำระล้างและเอาอ่างห้าใบไปไว้ทางทิศใต้ อีกห้าใบไปไว้ทางทิศเหนือ เพื่อไว้สำหรับชำระล้างสิ่งที่จะนำมาเป็นเครื่องเผาบูชา แต่ขันทะเลจะใช้สำหรับให้พวกนักบวชชำระล้างเท่านั้น

เขาสร้างโคมไฟยืนจากทองคำไว้สิบอัน สร้างตามแบบที่ได้กำหนดไว้สำหรับพวกมัน และวางโคมไฟยืนพวกนี้ไว้ในวิหาร วางไว้ทางทิศใต้ห้าอัน และไว้ทางทิศเหนือห้าอัน เขาทำโต๊ะขึ้นสิบตัวและนำไปวางไว้ในวิหาร ทางทิศใต้ห้าตัว และทิศเหนือห้าตัว เขายังทำชามทองคำสำหรับประพรมไว้หนึ่งร้อยใบด้วย เขาสร้างลาน[af]ของพวกนักบวช และลานขนาดใหญ่กับประตูลานอีกหลายประตู และได้บุทองสัมฤทธิ์ทับประตูเหล่านั้นไว้ 10 ซาโลมอนวางขันทะเลที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหาร

11 หุรามยังได้ทำหม้ออีกหลายใบ รวมทั้งทัพพีและชามประพรม แล้วหุรามก็ได้ทำงานทุกอย่างภายในวิหารของพระเจ้าที่กษัตริย์ได้สั่งเขาไว้จนเสร็จสิ้นลง นั่นก็คือ

12 เสาสองต้น

หัวเสาสองอันที่มีรูปร่างเหมือนอ่างเพื่อวางไว้บนยอดเสา

ตาข่ายสองชุดที่ใช้สำหรับประดับบนหัวเสารูปอ่างที่อยู่บนยอดเสาสองต้นนั้น

13 ทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายสองชุด (ตาข่ายแต่ละชุดมีทับทิมอยู่สองร้อยลูกไว้สำหรับประดับหัวเสารูปชามที่อยู่บนเสาทั้งสองต้น)

14 แท่นหลายแท่นพร้อมกับอ่างน้ำวางอยู่บนนั้น

15 ขันทะเลและรูปปั้นวัวตัวผู้สิบสองตัวที่แบกขันทะเลอยู่

16 หม้อ ทัพพี ส้อมและเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ของทั้งหมดที่หุรามได้ทำขึ้นให้กับกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์นี้ทำจากทองสัมฤทธิ์ขัดมัน 17 กษัตริย์ได้ให้หล่อของเหล่านี้ขึ้นจากแม่พิมพ์ดินเหนียวที่นำมาจากหุบเขาจอร์แดนที่อยู่ระหว่างเมืองสุคคทกับเมืองเศเรดาห์ 18 เครื่องใช้ทุกอย่างที่ซาโลมอนให้ทำขึ้นนี้ใช้ทองสัมฤทธิ์มากมายจนบอกน้ำหนักไม่ได้

19 ซาโลมอนยังทำของที่ใช้ในวิหารของพระเจ้าด้วย คือแท่นบูชาทองคำ พวกโต๊ะสำหรับวางขนมปังไว้ตรงหน้าพระเจ้า 20 โคมไฟยืนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ที่สร้างตามแบบที่ได้กำหนดไว้ พร้อมกับตะเกียงของพวกมัน เพื่อใช้จุดไฟไว้ด้านหน้าของห้องศักดิ์สิทธิ์[ag] ที่อยู่ด้านใน 21 ดอกไม้ทองคำ ตะเกียงและคีม[ah] (พวกมันทำจากทองคำบริสุทธิ์ที่สุด) 22 กรรไกรตัดไส้ตะเกียงที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ชามประพรม ชามกับกระถางไฟ และประตูทองคำหลายบานของวิหารคือประตูด้านในที่จะเข้าไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและประตูของห้องโถงใหญ่

เมื่อซาโลมอนทำงานสำหรับวิหาร ของพระยาห์เวห์เสร็จหมดแล้ว เขาก็นำเอาสิ่งของต่างๆที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเขาได้อุทิศไว้ เช่น เงิน ทองคำและเครื่องใช้ทั้งหมด เข้ามาวางไว้ในคลังสมบัติของวิหารของพระเจ้า

การแห่หีบศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่วิหาร

(1 พกษ. 8:1-11)

แล้วซาโลมอนเรียกพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล พวกหัวหน้าทั้งหมดของเผ่าต่างๆและพวกผู้นำครอบครัวทั้งหลายของชาวอิสราเอล ให้มาชุมนุมกันที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากเมืองศิโยนหรือเมืองของดาวิด และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกันต่อหน้ากษัตริย์ในช่วงเทศกาลของเดือนที่เจ็ด[ai]

เมื่อพวกผู้อาวุโสทั้งหมดของชาวอิสราเอลมาถึง ชาวเลวีก็ได้ยกหีบขึ้น และพวกเขา[aj]ได้ยกหีบ และเต็นท์นัดพบ รวมทั้งพวกข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ภายในเต็นท์ไปด้วย พวกนักบวชที่เป็นชาวเลวีเป็นผู้ถือของเหล่านั้น และกษัตริย์ซาโลมอนกับชาวอิสราเอลทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่กับเขาก็ไปอยู่ต่อหน้าหีบ ถวายเครื่องบูชาเป็นแกะและวัวมากมายจนนับไม่ถ้วน ไม่สามารถจดบันทึกลงได้ แล้วพวกนักบวชก็นำหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์เข้าไปวางไว้ในที่ของมัน ที่อยู่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ ด้านในสุดของวิหารซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและวางหีบนั้นไว้ใต้ปีกของทูตสวรรค์ทั้งสององค์นั้น ทูตสวรรค์ที่มีปีกทั้งสององค์นั้นกางปีกออกเหนือที่วางหีบนั้น ปีกนั้นก็ปกคลุมอยู่เหนือหีบและคานหามของมัน คานเหล่านี้ยาวมาก จนปลายของคานที่ยื่นออกมาจากหีบนั้น สามารถมองเห็นได้จากหน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น แต่ถ้าอยู่นอกห้องศักดิ์สิทธิ์ก็มองไม่เห็น และคานเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้ 10 ในหีบนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากแผ่นหินสองแผ่น[ak] ที่โมเสสได้ใส่เอาไว้ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่ภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงกับชนชาติอิสราเอล หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว

11 แล้วพวกนักบวชก็ออกมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์[al] นักบวชทั้งหมดที่อยู่ในที่นั้นได้ทำตัวเองให้บริสุทธิ์แล้ว ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มเวรไหนก็ตาม 12 ชาวเลวีทั้งหมดที่เป็นนักดนตรี เช่น อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนรวมทั้งพวกลูกชายและญาติๆของเขา ได้ยืนอยู่ทางด้านตะวันออกของแท่นบูชาพวกเขาแต่งตัวด้วยผ้าลินินอย่างดี และเล่นฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็กโดยมีพวกนักบวชหนึ่งร้อยยี่สิบคนเป่าแตรคลอไปด้วยกัน 13 บรรดาคนเป่าแตรและนักร้องต่างทำหน้าที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะสรรเสริญและขอบคุณพระยาห์เวห์ พวกเขาได้ประสานเสียงสรรเสริญพระยาห์เวห์ และร้องเพลง[am] คลอไปกับเสียงของแตร ฉาบ และเครื่องดนตรีทั้งหมด พวกเขาร้องว่า

“สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”

แล้ววิหารของพระยาห์เวห์ก็เต็มไปด้วยเมฆ 14 หมอกควันเหล่านั้นทำให้พวกนักบวชไม่สามารถทำพิธีรับใช้ของพวกเขาต่อไปได้ เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์ได้เข้ามาอยู่ในวิหารของพระเจ้าแล้ว

แล้วซาโลมอนพูดว่า “พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าพระองค์จะอาศัยอยู่ในเมฆสีดำ ข้าพเจ้าได้สร้างวิหารอันสง่างามไว้ให้กับพระองค์เพื่อเป็นสถานที่สำหรับพระองค์ได้ใช้อาศัยอยู่ตลอดไป”

คำพูดของซาโลมอน

(1 พกษ. 8:14-21)

แล้วกษัตริย์ก็หันไปหาคนอิสราเอลทั้งหมด ที่ยืนชุมนุมกันอยู่ที่นั่น และขอให้พระเจ้าอวยพรพวกเขา พระองค์พูดว่า

“ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล มือของพระองค์นั้นได้ทำให้สิ่งที่พระองค์เคยสัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้านั้น เป็นความจริงขึ้นมา เพราะพระองค์ได้พูดว่า ‘ตั้งแต่วันที่เรานำประชาชนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เรายังไม่เคยเลือกเมืองหนึ่งเมืองใดจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เพื่อที่จะใช้สร้างวิหารเป็นเกียรติให้กับชื่อของเราเลย และเราก็ยังไม่เคยเลือกใครสักคนให้เป็นผู้นำเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา แต่ตอนนี้ เราได้เลือกเมืองเยรูซาเล็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา และเรายังได้เลือกดาวิดให้มาปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา’

ดาวิดพ่อของเราเคยคิดอยู่ในใจว่า เขาจะสร้างวิหาร ขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล แต่พระยาห์เวห์พูดกับดาวิดพ่อของเราว่า ‘ที่เจ้าคิดอยู่ในใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรานั้น นับเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ได้เป็นคนที่สร้างวิหารนั้น แต่ลูกชายของเจ้าที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าจะเป็นผู้สร้างวิหารนั้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา’ 10 พระยาห์เวห์ได้รักษาสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ เราได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากดาวิดพ่อของเรา และตอนนี้เราก็นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือชนชาติอิสราเอล เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้ให้สัญญาไว้ และเราก็ได้สร้างวิหารหลังนั้นขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว 11 และในนั้น เราก็ได้วางหีบ[an] ใบนั้นไว้ เป็นหีบที่ใส่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ที่ได้ทำไว้กับประชาชนชาวอิสราเอล”

คำอธิษฐานของซาโลมอน

(1 พกษ. 8:22-53)

12-13 ซาโลมอนสร้างปะรำยกพื้นจากทองสัมฤทธิ์ขึ้น ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก และสูงสามศอก และวางมันไว้ตรงกลางของลานด้านนอก เขายืนอยู่บนปะรำนั้นและก็คุกเข่าลงต่อหน้าชุมนุมอิสราเอลทั้งหมด และชูแขนทั้งสองข้างขึ้นบนฟ้าสวรรค์ 14 เขาพูดว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนอีกแล้ว ที่จะเหมือนกับพระองค์ ไม่ว่าจะบนสวรรค์เบื้องบนหรือแผ่นดินโลกเบื้องล่าง พระองค์รักษาสัญญาแห่งความรักกับเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของเขา 15 พระองค์ยังรักษาสัญญากับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ที่เป็นพ่อของข้าพเจ้า พระองค์สัญญาด้วยปากของพระองค์และในวันนี้พระองค์ได้ทำให้คำสัญญานั้นสำเร็จลุล่วงด้วยมือของพระองค์ 16 ตอนนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ขอพระองค์รักษาสัญญาอื่นๆที่พระองค์ได้ทำไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ที่เป็นพ่อของข้าพเจ้าด้วยเถิด เมื่อครั้งที่พระองค์ได้พูดว่า ‘ดาวิด ถ้าลูกหลานของเจ้าระมัดระวังในทุกๆสิ่งที่พวกเขาทำ เพื่อจะทำตามกฎของเราเหมือนกับที่เจ้าได้ทำ เจ้าจะไม่มีวันขาดคนที่จะมานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเราเลย’ 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ในตอนนี้ ขอให้พระองค์ทำให้คำพูดของพระองค์ที่ได้สัญญาไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์เป็นจริงขึ้นมาด้วยเถิด

18 แต่พระเจ้า พระองค์จะอาศัยอยู่บนพื้นโลกกับมนุษย์ได้จริงๆหรือ เพราะฟ้าสวรรค์หรือแม้แต่สวรรค์ชั้นสูงสุดยังไม่สามารถรองรับพระองค์ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับวิหารแห่งนี้ที่ข้าพเจ้าได้สร้างเล่า 19 ถึงกระนั้น ขอพระองค์โปรดฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของผู้รับใช้คนนี้ของพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดฟังเสียงร่ำร้องและคำอธิษฐานที่ผู้รับใช้ของพระองค์ กำลังอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระองค์ 20 ขอให้ดวงตาของพระองค์เฝ้ามองวิหารหลังนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน มันเป็นสถานที่ที่พระองค์ได้พูดไว้ว่าจะวางชื่อของพระองค์ไว้ที่นี่ ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานตอนหันหน้าเข้าหาสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิด 21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์และอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพวกเขาอธิษฐานหันหน้ามายังสถานที่นี้ด้วยเถิด ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานในฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้ยินแล้ว ขอโปรดยกโทษให้กับพวกเราด้วยเถิด

22 เมื่อคนหนึ่งคนใดทำผิดต่อเพื่อนบ้านของเขา และต้องสาบาน เมื่อเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 23 ขอโปรดรับฟังจากบนฟ้าสวรรค์ และตัดสินพวกผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด ขอพระองค์ตอบแทนคนที่ทำผิด โดยให้ความผิดของเขาตกลงบนหัวของเขาเอง และขอให้พระองค์ประกาศความบริสุทธิ์ของคนที่บริสุทธิ์ โดยให้รางวัลกับเขาตามความบริสุทธิ์ของเขา

24 ถ้าประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรูเพราะทำความผิดบาปต่อพระองค์ และถ้าพวกเขาหันกลับมายอมรับชื่อของพระองค์ มาอธิษฐานร้องขอต่อพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 25 โปรดฟังพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ และอภัยให้กับความบาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และนำพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาด้วยเถิด

26 หรือเมื่อพระองค์ปิดสวรรค์ ไม่ให้ฝนตกลงมา เพราะประชาชนของพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ถ้าพวกเขาหันหน้ามาทางวิหารอธิษฐาน และสรรเสริญชื่อของพระองค์ และหันจากบาปของพวกเขา เพราะพระองค์ได้ลงโทษพวกเขา 27 ก็ขอโปรดฟังจากฟ้าสวรรค์ และอภัยบาปให้กับพวกผู้รับใช้พระองค์คืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ด้วยเถิด โปรดสอนพวกเขาให้ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง และช่วยส่งฝนให้ตกลงมาบนแผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้เป็นมรดกกับประชาชนของพระองค์ด้วยเถิด

28 เมื่อเกิดภาวะอดอยาก[ao] หรือเกิดโรคระบาดขึ้นในแผ่นดิน หรือเกิดโรคซีดในพืช หรือเกิดเชื้อราทำลายพืช หรือ เกิดตั๊กแตนวัยบินหรือวัยคลานมาทำลายพืช หรือมีพวกศัตรูมาปิดล้อมเมืองทั้งหลายของพวกเขาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความหายนะใดๆหรือโรคร้ายใดๆที่เกิดขึ้นก็ตาม 29 และเมื่ออิสราเอลหรือคนหนึ่งคนใดได้สำนึกผิดเพราะได้รับความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวด และเขาได้ยื่นมือไปยังวิหารแห่งนี้ และอธิษฐานหรืออ้อนวอนต่อพระองค์ 30 ขอพระองค์ได้โปรดฟังจากสวรรค์ที่เป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดยกโทษและช่วยพวกเขาด้วย มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้จิตใจของมนุษย์ทุกคน อย่างนั้นได้โปรดตอบแทนพวกเขาตามการกระทำของพวกเขาด้วยเถิด 31 เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยำเกรงพระองค์และจะได้เดินตามทางของพระองค์ตลอดเวลาที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา

32 ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ พวกเขาจะเดินทางมาจากแดนไกล เพราะพวกเขาจะได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และมือที่เต็มไปด้วยอำนาจกับแขนที่กางออกของพระองค์ เมื่อคนต่างชาตินั้นหันหน้ามาทางวิหารนี้และอธิษฐาน 33 ขอพระองค์โปรดฟังจากฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดทำตามสิ่งที่ชาวต่างชาติคนนั้นขอจากพระองค์ด้วยเถิด เพื่อชนทุกชาติบนโลกนี้จะได้รู้จักชื่อเสียงของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนกับที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ทำ และเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า วิหารหลังนี้ที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นมาเป็นของพระองค์

34 เมื่อประชาชนของพระองค์ไปทำสงครามกับพวกศัตรูของพวกเขา ไม่ว่าพระองค์จะส่งพวกเขาไปที่ใดก็ตาม และเมื่อพวกเขาอธิษฐานกับพระองค์ โดยหันหน้ามาทางเมืองนี้ที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระองค์แล้ว 35 ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด

36 เมื่อพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ เพราะคงไม่มีใครที่ไม่ทำบาปเลย และพระองค์ก็โกรธพวกเขา และได้ส่งพวกเขาไปตกอยู่ในกำมือของศัตรูที่เข้ามาจับตัวพวกเขาไปเป็นเชลยและนำตัวพวกเขาไปสู่ดินแดนอื่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ตาม 37 และพวกเขาสำนึกผิดตอนอยู่บนแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับตัวไปนั้น และพวกเขาได้กลับตัวกลับใจ และได้อธิษฐานต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้ที่จับตัวพวกเขาไปนั้น และพวกเขาพูดว่า ‘พวกเราได้ทำบาปและทำผิดไปแล้ว พวกเราได้ทำตัวเลวมาก’ 38 และถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของพวกเขาในแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับตัวไปนั้น และได้อธิษฐานโดยหันหน้าไปยังแผ่นดินที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และได้หันไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระองค์ 39 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์นั้น และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด และโปรดยกโทษให้กับชนชาติของพระองค์ ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์ด้วย 40 และตอนนี้ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอให้ดวงตาของพระองค์เปิดขึ้นและขอให้หูของพระองค์ได้รับฟังคำอธิษฐานที่ถวายให้ในที่นี้

41 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ตอนนี้ขอลุกขึ้นเถิด และมาสู่สถานที่พักผ่อนของพระองค์
    ทั้งพระองค์และหีบแห่งอำนาจของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ขอให้เหล่านักบวชของพระองค์ได้สวมใส่ความช่วยเหลือ
    ขอให้เหล่าศิษย์แท้จริงของพระองค์
    ยินดีในความดีของพระองค์
42 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้เป็นพระเจ้า ขออย่าได้ปฏิเสธผู้ที่พระองค์ได้แต่งตั้งเลย
    ขอจดจำความรักอันยิ่งใหญ่ที่ได้สัญญาไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด”

อุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

(1 พกษ. 8:62-66)

เมื่อซาโลมอนอธิษฐานเสร็จ ก็มีไฟลงมาจากสวรรค์

และมาเผาเครื่องเผาบูชา กับพวกเครื่องสัตวบูชาและรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็แผ่ออกมาเต็มวิหาร พวกนักบวชไม่สามารถเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ได้ เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์เต็มวิหารไปหมด เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้เห็นไฟที่พุ่งลงมาและรัศมีของพระยาห์เวห์เหนือวิหารแห่งนั้น พวกเขาก็คุกเข่าลงและก้มหน้าลงกับพื้นหิน พวกเขานมัสการและขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยพูดว่า

“พระองค์ทรงดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”[ap]

แล้วกษัตริย์กับประชาชนทั้งหมดก็ถวายเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ และกษัตริย์ซาโลมอนได้ถวายวัวสองหมื่นสองพันตัว และแกะกับแพะอีกหนึ่งแสนสองหมื่นตัว แล้วกษัตริย์กับประชาชนทั้งหมดก็ได้อุทิศวิหารนี้ให้กับพระเจ้า พวกนักบวชได้เข้าประจำตำแหน่งของตน เหมือนกับพวกชาวเลวี ซึ่งมีพวกเครื่องดนตรีของพระยาห์เวห์ ซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้ทำขึ้นไว้เพื่อใช้สรรเสริญพระยาห์เวห์ และใช้เมื่อเขาต้องการขอบคุณพระองค์ พวกเขาร้องเพลงว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป” แล้วพวกนักบวชที่ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเลวี ก็เป่าแตรขึ้น และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็กำลังยืนอยู่

ซาโลมอนได้อุทิศส่วนกลางของลานที่อยู่ด้านหน้าวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะได้ถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันของเครื่องสังสรรค์บูชา เพราะแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่เขาได้สร้างขึ้นนั้นไม่พอสำหรับวางเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช รวมทั้งส่วนไขมันเหล่านั้นได้ทั้งหมด

แล้วซาโลมอนก็ฉลองเทศกาลนั้นอยู่เจ็ดวัน และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็อยู่กับเขา เป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่มหึมาที่มาจากทุกที่ตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัท จนถึงลำธารแห่งอียิปต์ ในวันที่แปดพวกเขามีการชุมนุมกัน เพราะพวกเขาได้เฉลิมฉลองการอุทิศแท่นบูชามาแล้วเจ็ดวัน แล้วฉลองเทศกาลต่อไปอีกเจ็ดวัน 10 ในวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่เจ็ด ซาโลมอนได้ส่งประชาชนเหล่านั้นกลับไปบ้านของพวกเขาด้วยจิตใจที่ร่าเริงยินดี เพราะสิ่งดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับดาวิด กับซาโลมอนและกับชาวอิสราเอลประชากรของพระองค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International