Bible in 90 Days
พระเจ้าโจมตีเยรูซาเล็มและช่วยกู้เยรูซาเล็ม
29 เฮ้ย อารีเอล[a] อารีเอล
เมืองที่ดาวิดตั้งค่ายอยู่
ขอให้ผ่านไปอีกปีสองปี
ขอให้เทศกาลประจำปีมาถึงอีกรอบ
2 หลังจากนั้นเราจะส่งความหายนะมาสู่อารีเอล
แล้วต่อจากนั้นก็จะมีความเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้
และเมืองนั้นจะเป็นเหมือนแท่นบูชาสำหรับเรา
3 เราจะให้ศัตรูมาตั้งค่ายรายล้อมเจ้า
เราจะล้อมเจ้าด้วยหอคอยโจมตีเคลื่อนที่และเราจะสร้างเนินดินไว้บุกขึ้นโจมตีเจ้า
4 เจ้าจะถูกกดให้ต่ำลงและเจ้าจะพูดขึ้นมาจากโลกใต้ดิน
เจ้าจะส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอจากผงดิน
เสียงของเจ้าจะมาจากพื้นดินเหมือนเสียงผี
และเจ้าก็จะกระซิบออกมาจากผงดิน
5 แต่ศัตรูที่มากมายของเจ้าจะกลายเป็นเหมือนผงฝุ่นที่ละเอียด
พวกที่กดขี่ข่มเหงมากมายจะเป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไป
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในทันทีทันใดในชั่วพริบตาเดียว
6 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหวและเสียงดังสนั่นหวั่นไหวด้วยพายุ
ลมแรงและเปลวไฟที่เผาผลาญ
7 แม้ว่ามีชนชาติมากมายที่มาต่อสู้กับอารีเอล คือมาต่อสู้กับเขา
และป้อมปราการของเขาและสร้างปัญหาให้กับเขา
พวกนั้นก็จะหายไปเหมือนฝัน เหมือนนิมิตในตอนกลางคืน
8 คนหิว ฝันว่าได้กิน แต่พอตื่นขึ้นก็ยังหิวอยู่
คนที่กระหายน้ำ ฝันว่าได้ดื่มน้ำแล้ว แต่พอตื่นขึ้นมาก็ยังอ่อนเพลียและคอแห้งผากอยู่
มันจะเป็นอย่างนั้นกับชนชาติมากมายที่มาต่อสู้กับภูเขาศิโยน
ที่ฝันว่ายึดเยรูซาเล็มได้แล้ว แต่มันจะไม่เป็นไปตามฝันนั้น
ยูดาห์ตาบอด
9 เชิญเลย เชิญงงและตะลึงงันไปได้เลย
ทำตัวเองให้บอด และบอดต่อไปซะ[b]
ให้เมาแต่ไม่ใช่จากเหล้าองุ่นนะ
เดินโซซัดโซเซ แต่ไม่ใช่เพราะดื่มเบียร์
10 พระยาห์เวห์ได้ทำให้เจ้านอนหลับสนิท
พระองค์ได้ปิดตาของเจ้าคือพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
พระองค์ได้ครอบหัวของเจ้าคือพวกผู้ที่เห็นนิมิต
11 และสำหรับพวกเจ้านิมิตเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเหมือนคำเขียนต่างๆในหนังสือม้วนที่ปิดผนึกไว้ ถ้าเอาไปให้กับคนที่อ่านหนังสือเป็น และสั่งเขาว่า “อ่านเรื่องนี้ซิ” เขาจะตอบว่า “ข้าอ่านไม่ได้เพราะมันปิดผนึกไว้” 12 ถ้าเอาไปให้คนที่อ่านหนังสือไม่เป็น และบอกเขาว่า “อ่านเรื่องนี้ซิ” เขาจะตอบว่า “ข้าอ่านหนังสือไม่ออก”
13 องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“คนพวกนี้เข้ามาใกล้เราด้วยปากของเขาเท่านั้น พวกเขาให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากเท่านั้น
แต่หัวใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
และที่พวกเขามานมัสการเรานั้นก็เป็นแค่ทำตามกฎของมนุษย์ที่ท่องจำกันมาเท่านั้น
14 ดังนั้น ดูไว้นะ เราจะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆกับคนพวกนี้
สิ่งที่น่าตกใจและมหัศจรรย์
สติปัญญาของคนฉลาดก็จะสูญสิ้นไป
และความเข้าใจของคนที่เข้าใจก็จะถูกบังซ่อนไป”
15 เฮ้ย ไอ้พวกที่พยายามเก็บซ่อนแผนของเจ้าไว้ลึกเพื่อไม่ให้พระยาห์เวห์เห็น
ไอ้พวกที่แอบทำสิ่งต่างๆในความมืด
และพูดว่า “ไม่มีใครเห็นเราหรอก ไม่มีใครรู้หรอก”
16 เจ้าเข้าใจผิดกลับหัวกลับหางกันไปหมด
เจ้ามองว่าช่างปั้นหม้อเป็นดินเหนียวหรือ
สิ่งที่ถูกสร้างจะพูดถึงผู้ที่สร้างมันว่า
“เขาไม่ได้สร้างฉันซะหน่อย” ได้หรือ
สิ่งที่ถูกปั้นจะพูดถึงผู้ที่ปั้นมันว่า
“เขาไม่มีความเข้าใจอะไรเลย” ได้หรือ
อนาคตที่สดใสกำลังจะมา
17 เจ้าไม่รู้หรือว่า อีกไม่นานเลบานอนจะกลายเป็นสวนผลไม้
และสวนผลไม้ก็จะมีมากมายเหมือนผืนป่า
18 ในเวลานั้นคนหูหนวกจะได้ยินคำพูดต่างๆจากหนังสือได้
และคนตาบอดจะหลุดพ้นจากความมืดสลัวของพวกเขาและมองเห็นได้
19 คนยากจนก็จะชื่นชมยินดีอีกครั้งในพระยาห์เวห์
และคนที่ขัดสนที่สุดก็จะร่าเริงในองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
20 เพราะจะไม่มีผู้นำที่โหดร้ายอีกต่อไป
คนที่เย่อหยิ่งจองหองก็จะหมดไป
และคนพวกนั้นที่จ้องหาโอกาสทำชั่วก็จะถูกกำจัดไป
21 คือคนพวกนั้นที่ชอบกล่าวหาคนอื่นอย่างผิดๆ
และวางหลุมพรางให้กับผู้พิพากษาที่ประตูเมือง
และใช้ลมปากไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์
22 ดังนั้น พระยาห์เวห์ ผู้ที่ช่วยกู้อับราฮัม ได้พูดสิ่งนี้กับครอบครัวของยาโคบว่า
“ยาโคบจะไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป
และหน้าของเขาก็จะไม่ต้องซีดอีกต่อไป
23 เมื่อพวกเขาเห็นลูกหลานของพวกเขาท่ามกลางพวกเขาซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรา
พวกเขาจะถือว่าชื่อของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาจะเห็นด้วยกันว่าองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบนั้นศักดิ์สิทธิ์จริง
และพวกเขาก็จะเคารพยำเกรงพระเจ้าของอิสราเอล
24 คนที่ชอบทำผิด ก็จะกลับมามีความเข้าใจ
และพวกคนขี้บ่น ก็จะกลับมายอมรับคำสั่งสอน”
ยูดาห์ควรไว้วางใจในพระเจ้าไม่ใช่ไว้วางใจในอียิปต์
30 พระยาห์เวห์พูดว่า “เฮ้ย ไอ้พวกลูกหลานที่ดื้อดึง
ไอ้พวกที่ทำตามแผน แต่ไม่ใช่แผนของเรา
ไอ้พวกที่ไปทำสนธิสัญญา ทั้งๆที่เราไม่ได้บอกให้เจ้าทำ
ไอ้พวกที่ทำบาปซ้ำแล้วซ้ำอีก
2 ไอ้พวกที่เดินทางไปอียิปต์โดยไม่ได้ขอคำแนะนำจากเรา
แล้วไปขอให้ฟาโรห์ปกป้อง
และไปหาที่พักพิงภายใต้ร่มเงาของอียิปต์นั้น
3 การคุ้มครองของฟาโรห์นั้นจะกลายเป็นความอับอายของพวกเจ้า
และที่พักพิงภายใต้ร่มเงาของอียิปต์นั้นจะกลายเป็นความอัปยศของเจ้า
4 ถึงแม้พวกข้าราชการของเจ้าจะอยู่ที่โศอัน[c]
และพวกตัวแทนของเจ้าได้ไปถึงเมืองฮาเนสแล้ว
5 แต่ทุกคนจะได้รับความอับอายเพราะชนชาตินั้นจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
อียิปต์จะไม่เป็นประโยชน์หรือช่วยอะไรเจ้าได้เลย มีแต่จะนำความอับอายขายหน้าและความอัปยศอดสูมาให้เท่านั้น”
ส่งส่วยไปให้อียิปต์ไม่ช่วยอะไรได้เลย
6 นี่เป็นข่าวสารที่เกี่ยวกับพวกสัตว์ในแถบเนเกบ
ในแผ่นดินที่มีแต่ปัญหาและอันตราย
คือแผ่นดินที่เต็มไปด้วยสิงโตตัวเมียและตัวผู้
เต็มไปด้วยงูพิษ และงูที่โฉบบิน
พวกเขาบรรทุกทรัพย์สมบัติของพวกเขาบนหลังลา
และบรรทุกทรัพย์สินของพวกเขาบนโหนกพวกอูฐ
เดินทางไปหาชนชาติที่ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
7 อียิปต์นั้นไม่มีประโยชน์และการช่วยเหลือของเธอนั้นไร้ค่า
เราถึงเรียกหล่อนว่า “พญานาคที่เอาแต่นั่ง”[d]
คำจารึกเพื่อให้คนในอนาคตเห็นว่าพระเจ้าได้เตือนแล้ว
8 ไปตอนนี้เลย ไปจารึกเรื่องนี้ลงบนแผ่นหินต่อหน้าพวกเขา
ให้เขียนเรื่องนี้ไว้บนหนังสือม้วน
เพื่อในอนาคตมันจะได้เป็นพยานต่อว่าพวกเขาไปตลอด
9 เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่ชอบกบฏ
พวกเขาเป็นลูกจอมโกหก
เป็นเด็กที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์
10 พวกเขาพูดกับพวกผู้ที่เห็นนิมิตว่า “หยุดมองได้แล้ว”
และพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ไม่ต้องเอานิมิตพวกนั้นมาสอนพวกเราหรอกว่าอะไรถูกต้อง
ให้พูดกับเราในสิ่งที่รื่นหูดีกว่าและเล่านิมิตปลอมๆให้กับพวกเราฟัง
11 เปลี่ยนเรื่องได้แล้ว หันไปจากทางเก่าๆนั้นได้แล้ว
พวกเราไม่อยากจะฟังแล้วเรื่องผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลนั้น”
12 เพราะอย่างนั้น องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
จึงพูดอย่างนี้ว่า
“เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับข่าวสารนี้แต่กลับไปไว้วางใจในความโหดร้ายและการหลอกลวงและไปพึ่งในสิ่งเหล่านั้น
13 ดังนั้น ความผิดนี้ของเจ้าจะเป็นเหมือนรอยแตกในกำแพงสูงที่ปริออกมาใกล้จะพังแล้ว
และมันจะพังลงมาทันทีในชั่วพริบตา
14 มันจะแตกเหมือนกับหม้อดินที่แตกออกเป็นชิ้นๆ
จนไม่เหลือสักชิ้นที่ใหญ่พอจะเอาไปใส่ถ่านไฟร้อนๆจากเตา
หรือใช้ตักน้ำจากบ่อเก็บน้ำ”
15 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลได้พูดไว้
“ถ้าพวกเจ้ากลับมาหาเราและพักพิงในเรา พวกเจ้าก็จะรอด
ถ้าพวกเจ้าจะใจเย็นๆและไว้วางใจในเรา พวกเจ้าก็จะมีพลัง
แต่พวกเจ้ากลับไม่ยอมทำอย่างนั้น”
16 พวกเจ้าบอกว่า “ไม่เอา พวกเราจะควบม้าหนีไป”
เพราะอย่างนั้น พวกเจ้าก็จะต้องหนีจริงๆซะแล้ว
และเจ้ายังพูดอีกว่า “พวกเราจะขี่ม้าที่วิ่งเร็วหนีไป”
เพราะอย่างนั้น เราจะให้คนไล่กวดเจ้าเร็วกว่าเจ้าอีก
17 พวกเจ้าพันคนจะหนีเพราะคำขู่ของคนๆเดียว
คำขู่ของห้าคนจะทำให้พวกเจ้าหนีไปหมด
จนกว่าพวกเจ้าจะถูกทิ้งให้เหลือตัวคนเดียว
เหมือนกับเสาธงที่ปักอยู่บนยอดเขา
เหมือนกับธงให้สัญญาณบนเนินเขา
พระเจ้าจะมาช่วยคนของพระองค์
18 อย่างนั้น พระยาห์เวห์กำลังเฝ้าคอยให้พวกเจ้ากลับมาหาพระองค์เพื่อพระองค์จะได้อวยพรเจ้า
พระองค์จะลุกขึ้นมาแสดงความเมตตากับพวกเจ้า
เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่สัตย์ซื่อยุติธรรม
พวกที่อดทนรอคอยพระองค์ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
19 ชาวเมืองศิโยนเอ๋ย คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเอ๋ย ใช่แล้ว พวกเจ้าจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะมาปลอบโยนเจ้าอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเจ้า พระองค์ก็จะมาช่วยเจ้าทันที 20 ถึงองค์เจ้าชีวิตจะให้เจ้ากินความทุกข์ยากลำบากอย่างกับอาหาร และดื่มความทุกข์ทรมานอย่างกับน้ำ แต่พระองค์ผู้เป็นครูของเจ้าก็จะไม่หลบซ่อนตัวเองอีกต่อไป และเจ้าจะได้เห็นครูของเจ้ากับตาตัวเอง 21 เมื่อพวกเจ้าหันไปทางขวาหรือหันทางซ้าย หูของเจ้าก็จะได้ยินเสียงข้างหลังเจ้าว่า “ทางอยู่นี่ เดินทางนี้สิ” 22 แล้วพวกเจ้าจะทำให้พวกรูปเคารพที่เคลือบเงินเคลือบทองของพวกเจ้าเสื่อมไป และพวกเจ้าจะเอาพวกมันไปทิ้งเหมือนทิ้งผ้าอนามัยเปื้อนเลือด และพูดกับมันว่า “ไปให้พ้น”
23 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์จะให้ฝนตกลงมาบนเมล็ดพืชที่เจ้าได้หว่านไปในดิน พระองค์จะให้อาหารซึ่งเป็นผลผลิตจากพื้นดิน และมันก็จะมีมากมายเหลือเฟือ และในเวลานั้นฝูงสัตว์เลี้ยงของเจ้าก็จะได้เล็มหญ้าในทุ่งกว้าง 24 พวกวัวตัวผู้และลาที่ทำไร่ไถนาอยู่นั้น ก็จะได้กินฟางอย่างดีที่ใช้พลั่วและสามง่ามทำให้มันกระจัดกระจายไป 25 บนภูเขาสูงทุกลูก และบนเนินเขาทุกแห่ง ก็จะมีลำธารน้ำไหล สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ศัตรูถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก และพวกป้อมปราการของศัตรูพังทลายลงมา
26 ในเวลานั้น แสงของดวงจันทร์ก็จะเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์ก็จะสว่างขึ้นอีกเจ็ดเท่า เหมือนกับแสงของเจ็ดวัน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่พระยาห์เวห์ได้ดามกระดูกที่หักของคนของพระองค์ และได้รักษาบาดแผลที่พระองค์ทำให้เกิดขึ้น
อัสซีเรียจะพ่ายแพ้
27 ดูสิ พระยาห์เวห์เองกำลังมาแต่ไกล
ด้วยความโกรธที่เผาผลาญของพระองค์และด้วยควันหนาทึบ[e]
ริมฝีปากของพระองค์เต็มไปด้วยความโกรธ
และลิ้นของพระองค์ก็เหมือนกับไฟที่เผาผลาญอยู่
28 ลมปากของพระองค์เป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลท่วมท้นสูงถึงคอ
พระองค์จะเอาตะแกรงแห่งการทำลายมาร่อนชนชาติต่างๆ
และพระองค์จะเอาบังเหียนมาใส่เข้าที่ปากของชนชาติทั้งหลายเพื่อนำพวกเขาให้พินาศไป
29 แล้วพวกเจ้าจะร้องเพลงหนึ่งเหมือนกับร้องในคืนที่มีเทศกาลทางศาสนาและพวกเจ้าก็จะมีความสุขในใจเหมือนคนที่กำลังเดินตามเสียงขลุ่ยขึ้นไปที่ภูเขาของพระยาห์เวห์ ผู้เป็นศิลาลี้ภัยแห่งอิสราเอล 30 และพระยาห์เวห์จะทำให้ทุกคนได้ยินเสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวของพระองค์ และเห็นแขนอันทรงพลังของพระองค์ฟาดลงมาด้วยความโกรธแค้น และด้วยเปลวไฟแห่งการเผาผลาญ พระองค์จะมาอย่างกับเสียงพายุฟ้าคะนอง มีทั้งฝนและลูกเห็บ 31 อัสซีเรียจะเกิดขวัญผวาเมื่อได้ยินเสียงจากพระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ตีด้วยไม้กระบองของพระองค์ 32 แต่ละจังหวะที่พระองค์หวดไม้กระบองลงโทษอัสซีเรียนั้น จะเข้ากับจังหวะของเสียงกลองและพิณ พระองค์จะกวัดแกว่งอาวุธของ พระองค์เพื่อต่อสู้กับพวกเขา 33 พระองค์ได้เตรียมที่เผาศพพวกเขาไว้แล้ว ใช่แล้ว พระองค์ได้เตรียมไว้สำหรับกษัตริย์ของพวกเขา หลุมนั้นลึกและกว้าง มีไฟกับฟืนอย่างเหลือเฟือ แล้วพระองค์จะจุดมันด้วยลมปากของพระยาห์เวห์ที่เป็นเหมือนลำธารไฟกำมะถัน
ให้พึ่งพระเจ้าไม่ใช่พึ่งอียิปต์
31 เฮ้ย ไอ้พวกที่ลงไปอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ไอ้พวกที่หวังพึ่งในม้าศึก
ไอ้พวกที่ไว้วางใจในรถรบอียิปต์เพราะมันมีมากมาย
ไอ้พวกที่ไว้วางใจในทหารม้าเพราะมันมีมากมหาศาล
แต่ไม่ได้คิดจะพึ่งพาพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลและปรึกษาพระยาห์เวห์
2 แต่พระยาห์เวห์ก็ฉลาดเหมือนกันนะ และพระองค์สามารถนำความหายนะมาให้
แล้วพระองค์ไม่เคยกลับคำ
พระองค์จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกที่ทำชั่ว
และต่อสู้กับคนที่ช่วยเหลือพวกที่ทำบาปนั้น
3 ชาวอียิปต์เป็นแค่มนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า
และม้าศึกของพวกเขาก็เป็นแค่เนื้อหนังไม่ได้เป็นวิญญาณซักหน่อย
เมื่อพระยาห์เวห์เงื้อมือขึ้นเตรียมฟาด อียิปต์ที่เป็นผู้ช่วยนั้นก็จะล้มลุกคลุกคลาน
และคนที่รับความช่วยเหลือนั้นก็จะล้มลง
และทั้งสองก็จะถูกทำลายไปพร้อมๆกัน
4 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกกับผม
“เมื่อสิงโตร้องคำราม หรือสิงห์หนุ่มยืนขู่คำรามอยู่เหนือเหยื่อของมัน
แล้วมีพวกผู้เลี้ยงแกะออกมาสู้กับมัน
สิงโตไม่กลัวต่อเสียงร้องตะโกนของพวกเขาและเสียงของพวกเขาไม่ได้ทำให้สิงโตนั้นสะทกสะท้านเลย
เช่นเดียวกัน พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็ไม่กลัวอะไรเลย พระองค์จะลงมาต่อสู้บนภูเขาศิโยน
5 พวกนกบินโฉบไปโฉบมาเพื่อเฝ้าระวังรังของพวกมัน
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะปกป้องเยรูซาเล็มอย่างนั้นเหมือนกัน
พระองค์จะปกป้องและช่วยกู้พวกเขา
พระองค์จะไว้ชีวิตพวกเขาและช่วยให้พวกเขารอด
6 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ให้หันกลับไปหาพระองค์ที่เจ้าได้ทรยศอย่างร้ายแรงนั้น 7 ในเวลานั้น พวกเจ้าแต่ละคนก็จะละทิ้งรูปเคารพเงินและทองของเจ้าที่พวกเจ้าได้ทำบาปสร้างขึ้นมากับมือเจ้า
8 แล้วอัสซีเรียจะล้มลงด้วยดาบแต่ไม่ใช่ดาบของคน
อัสซีเรียจะถูกทำลายแต่ไม่ใช่ด้วยดาบของมนุษย์
อัสซีเรียจะวิ่งหนีจากดาบ
แต่หนุ่มๆของเขาจะถูกจับไปเป็นทาส
9 และหินกำบัง[f] ของอัสซีเรีย ก็จะสาบสูญไป พวกเขาจะตื่นตระหนก
และพวกเจ้านายของเขาก็จะทิ้งธงออกศึกวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น ไฟของพระองค์อยู่ในเมืองศิโยน
และเตาหลอมของพระองค์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม
จะมีกษัตริย์และสังคมที่ยุติธรรม
32 ดูเถอะ จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งปกครองด้วยความซื่อสัตย์
และพวกผู้นำจะปกครองด้วยความยุติธรรม
2 แล้วพวกเขาแต่ละคนก็จะเป็นเหมือนที่กำบังลม
และเป็นเหมือนที่ปลอดภัยท่ามกลางพายุ
พวกเขาจะเป็นเหมือนลำธารน้ำในที่แห้งแล้ง
และเป็นเหมือนร่มเงาของหินใหญ่ในแผ่นดินที่ไม่มีอะไรงอกขึ้นมาได้
3 แล้วตาของคนที่มองเห็นจะได้ไม่ปิดไป
หูของคนที่ได้ยินจะได้ตั้งใจฟัง
4 และจิตใจของคนใจร้อนก็จะได้คิดอย่างรอบคอบ
และลิ้นของคนที่พูดติดอ่างก็จะพูดได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว
5 จะไม่มีใครเรียกพวกคนโง่ว่าผู้สูงศักดิ์
และจะไม่มีใครเรียกคนชั่วว่าเป็นคนน่านับถือ
6 เพราะคนโง่ก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ
และจิตใจของพวกเขาก็วางแผนแต่เรื่องชั่วๆ
ทำในสิ่งที่ขัดกับทางของพระเจ้า
และพูดเท็จเรื่องของพระยาห์เวห์
พวกเขาปล่อยให้คนที่หิวโหย หิวต่อไป
และไม่ให้น้ำกับคนที่กระหายน้ำดื่ม
7 อุปกรณ์ของอันธพาลก็อัปลักษณ์
เขาวางแผนแต่เรื่องชั่วๆที่จะทำลายคนยากจนด้วยคำโกหก
แม้ว่าคนขัดสนเหล่านั้นกำลังขอความเป็นธรรมก็ตาม
8 แต่คนที่สูงศักดิ์วางแผนทำในสิ่งที่สูงส่ง
แล้วสิ่งสูงส่งเหล่านั้นทำให้พวกเขายืนอย่างมั่นคง
เวลาของความทุกข์ยากลำบากกำลังมา
9 พวกคุณนายที่ใช้ชีวิตแสนสบายไปวันๆ
ลุกขึ้นมาซะ ฟังเสียงของผมให้ดี
พวกสาวๆที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้ว
ให้ฟังสิ่งที่ผมพูดให้ดี
10 ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะคิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว
แต่อีกประมาณปีกว่าๆเจ้าก็จะต้องกลัวจนตัวสั่น
เพราะไร่องุ่นจะไม่ออกผลและจะไม่มีผลไม้ให้เก็บเกี่ยว
11 พวกคุณนายที่ใช้ชีวิตแสนสบายให้กลัวจนตัวสั่น
พวกสาวๆที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้วให้ตัวสั่นงันงก
ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะและให้สวมผ้ากระสอบแทน
12 ให้ทุบอกของเจ้าด้วยความเศร้า
เพราะท้องทุ่งที่เจ้าชื่นชมและเถาองุ่นที่แสนดกได้หายไปหมดแล้ว
13 ให้เศร้า เพราะผืนดินของคนของเรามีแต่หนามและหญ้าคาขึ้นรกไปหมด
เออ ให้เศร้า ที่บ้านต่างๆที่มีความสุขสนุกสนาน
และเมืองที่เฉลิมฉลองกัน หายไปหมดแล้ว
14 เพราะพระราชวังจะถูกทอดทิ้ง
เมืองที่คึกครื้นเสียงดังก็จะถูกทิ้งร้างไป
เนินเขาและหอคอยก็จะกลายเป็นที่ร้างตลอดไป
เป็นที่สนุกสนานกันของลาป่า
ฝูงแพะแกะก็จะมาหากินที่นั่น
15 มันจะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่าพระองค์จะเทชีวิตใหม่[g] ลงมาบนพวกเราจากสวรรค์
และทะเลทรายก็จะกลายเป็นสวนผลไม้
และสวนผลไม้ก็จะมีมากมายเหมือนผืนป่า
16 แล้วความยุติธรรมจะอาศัยอยู่ในทะเลทรายนั้น
และความถูกต้องจะพักอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่อุดมนั้น[h]
17 ผลของความถูกต้องจะเป็นสันติสุข
และผลของความถูกต้องจะเป็นความสงบสุขและความปลอดภัยตลอดไป
18 ชนชาติของเราจะอาศัยอยู่ในชุมชนที่สงบสุข
ในที่อยู่อันมั่นคง ในที่พักอันเงียบสงบ
19 ลูกเห็บจะทำลายป่าของศัตรู
เมืองของพวกเขาก็จะตกต่ำลง
20 แต่พวกเจ้าจะมีเกียรติขึ้นและจะได้หว่านเมล็ดพืชไว้ข้างๆลำธารทุกสาย
และปล่อยวัวปล่อยลาให้เดินหากินไปมาอย่างอิสระ
พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรียและช่วยกู้เยรูซาเล็ม
33 เฮ้ย ไอ้เจ้านักทำลายผู้ที่ยังไม่เคยถูกทำลาย
ไอ้เจ้าคนทรยศผู้ที่ยังไม่เคยถูกใครหักหลัง
เมื่อเจ้าทำลายคนอื่นเสร็จแล้ว ตัวเจ้าเองก็จะถูกทำลาย
เมื่อเจ้าหักหลังคนอื่นเสร็จแล้ว เจ้าก็จะถูกหักหลัง
2 ประชาชนพูดว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาเราด้วย เราคอยพระองค์อยู่
ขอประทานเรี่ยวแรงให้กับเราทุกเช้า
ขอช่วยกู้เราในยามที่เดือดร้อน
3 เพราะเสียงคำรามของพระองค์ทำให้ผู้คนวิ่งหนีไป
เมื่อพระองค์ยืนขึ้นมา ชนชาติต่างๆก็หนีกระเจิงไป
4 ของที่พวกเจ้าปล้นมาได้นั้นจะโดนยึดไปเหมือนฝูงตั๊กแตนมายึด
คนอื่นจะโดดตะครุบใส่ของพวกนั้นเหมือนฝูงตั๊กแตนตะครุบใส่
5 พระยาห์เวห์ได้รับการยกย่องเชิดชู พระองค์อยู่ในที่สูง
พระองค์ทำให้เมืองศิโยนเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความถูกต้อง
6 พระองค์จะเป็นความมั่นคงของเจ้าตลอดเวลา
พระองค์จะให้ความรอด ให้สติปัญญา และให้ความรู้กับเจ้าอย่างเหลือเฟือ
การยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นสมบัติล้ำค่าที่พระองค์ให้
7 ฟังสิ พวกทูตร้องไห้เสียงดังอยู่ตามถนน
พวกตัวแทนที่พยายามทำสัญญาสงบศึกร้องไห้อย่างขมขื่น
8 พวกถนนทางหลวงก็ถูกทิ้งร้างแล้ว
ไม่มีใครกล้าเดินทางบนท้องถนน
เพราะคำสัญญาสงบศึกนั้นพังทลายไปแล้ว
คำสัญญาที่ตกลงก็ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
ชีวิตมนุษย์นั้นไม่มีค่าแล้ว
9 แผ่นดินก็เศร้าหมองและหมดเรี่ยวแรง
เลบานอน ก็ได้รับความอับอายและเหี่ยวแห้งไป
หุบเขาชาโรน[i] ก็เป็นเหมือนกับทะเลทราย
ต้นไม้ของบาชาน[j] และภูเขาคารเมล[k] ใบร่วงใกล้ตาย
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตอนนี้ เราจะลุกขึ้น
ตอนนี้ เรายกย่องตัวเอง
ตอนนี้ เราจะให้คนเห็นว่าเรายิ่งใหญ่
11 พวกเจ้าตั้งท้องเป็นแกลบและคลอดฟางออกมา
แล้วลมหายใจของพวกเจ้า[l] จะเป็นไฟที่เผาผลาญตัวพวกเจ้าไป
12 ชนชาติทั้งหลายจะถูกเผาเป็นผุยผง
พวกเขาจะถูกเผาไฟเหมือนต้นหนามที่โดนตัดเผาไป”
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเจ้าที่อยู่ไกล ให้ฟังเรื่องที่เราได้ทำ
พวกเจ้าที่อยู่ใกล้ ให้ยอมรับฤทธิ์อำนาจของเรา”
14 พวกคนบาปในศิโยนกำลังกลัวอยู่
และคนที่ไม่นับถือพระเจ้าก็สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาพูดว่า “มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนไฟที่เผาผลาญนี้ได้
มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนได้กับเปลวเพลิงที่เผาอยู่ตลอดเวลา”
15 คำตอบคือ “คนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง คนที่พูดอย่างสัตย์ซื่อ
คนที่ไม่ยอมรับกำไรจากการกดขี่ข่มเหงคนอื่น
คนที่ปัดสินบนไป แทนที่จะรับมัน
คนที่ปิดหูไม่ยอมฟังแผนการฆ่านองเลือด และคนที่ปิดตาไม่ยอมมองสิ่งที่ชั่วร้าย
16 คนพวกนี้จะอยู่อย่างปลอดภัย
ที่ลี้ภัยของพวกเขาจะเป็นป้อมปราการบนภูเขา
เขาจะมีเสบียงอาหารตลอดเวลาและน้ำก็จะมีไม่ขาด”
17 ดวงตาของเจ้าจะเห็นกษัตริย์ที่สง่างาม
ดวงตาของเจ้าจะเห็นอาณาจักรของพระองค์ขยายออกไปไกล
18 จิตใจของเจ้าจะคิดถึงเรื่องที่เจ้าเคยหวาดกลัวในอดีตว่า
“คนที่มาเก็บส่วย ทั้งคนนับและคนชั่งอยู่ที่ไหนแล้ว
คนสอดแนมที่มานับป้อมปราการอยู่ที่ไหนแล้ว”
19 เจ้าจะไม่ได้เห็นคนต่างชาติที่เย่อหยิ่งจองหองพวกนี้อีก
ที่พูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
ลิ้นที่พูดตะกุกตะกักที่เจ้าไม่เข้าใจ
20 ดูเมืองศิโยนสิ เมืองที่มีเทศกาลประจำปีของพวกเรา
ดวงตาของเจ้าจะมองเห็นเยรูซาเล็มเป็นที่อยู่ที่ปลอดภัย
เป็นเหมือนเต็นท์ที่จะไม่มีวันเคลื่อนย้ายไปไหน หมุดปักเต็นท์นั้นจะไม่มีวันถูกถอนขึ้นมา
และพวกเชือกของเต็นท์นั้นจะไม่มีวันขาดไป
21 แต่ที่นั่นพระยาห์เวห์จะอยู่กับเราอย่างมีสง่าราศี
เหมือนแผ่นดินที่มีแม่น้ำหลายสายและลำธารกว้าง
แต่จะไม่มีเรือพายอันยิ่งใหญ่ของศัตรูแล่นเข้ามา
และจะไม่มีเรืออันทรงพลังข้ามแม่น้ำเหล่านั้นมาได้
22 เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้พิพากษาของเรา
พระยาห์เวห์เป็นผู้ให้กฎหมายกับเรา
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ของเรา
พระองค์จะช่วยกู้พวกเรา
23 เจ้าศัตรู สายระโยงใบเรือของเจ้านั้นหย่อนแล้ว
เชือกที่ยึดให้เสากระโดงเรือแน่นนั้นก็หย่อน
พวกมันกางใบไม่ขึ้น
ดังนั้นของที่เจ้าปล้นมาได้จะต้องถูกแบ่งกัน
แม้แต่คนง่อยในพวกเราก็สามารถมาช่วยกันปล้นเจ้าได้
24 จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในเมืองเราพูดว่า “ฉันไม่สบาย”
คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัยโทษสำหรับบาปของพวกเขา
พระเจ้าจะลงโทษศัตรูของพระองค์
34 ชนชาติทั้งหลาย เข้ามาฟังใกล้ๆ
ผู้คนทั้งหลาย ตั้งใจฟังให้ดี
ให้โลกนี้และทุกอย่างในโลกนี้ได้ยิน
ให้แผ่นดินโลกและทุกอย่างที่เกิดบนมันได้ยินเถิด
2 เพราะพระยาห์เวห์โกรธชนชาติทั้งหมด
พระองค์เดือดดาลต่อกองทัพทั้งหมดของพวกเขา
พระองค์กำหนดให้พวกมันถูกทำลายจนหมดสิ้น
พระองค์ได้มอบพวกมันให้ไปโดนฆ่า
3 คนของพวกนั้นที่ถูกฆ่าก็จะถูกโยนทิ้ง
ซากศพนั้นก็จะส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปหมด
เลือดของพวกเขาจะไหลนองทั่วภูเขา
4 พวกดวงดาวทั้งสิ้นจะสลายหายไป
ท้องฟ้าก็จะม้วนไปเหมือนหนังสือม้วน
พวกดวงดาวนั้นก็จะร่วงหล่นไปเหมือนกับใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากเถาองุ่น
หรือเหมือนลูกมะเดื่อเหี่ยวที่ร่วงหล่นจากต้นมะเดื่อ
5 เมื่อดาบของเราได้สำเร็จภารกิจในฟ้าสวรรค์แล้ว
มันก็จะฟาดลงมาที่เอโดม[m]
ลงมาบนผู้คนที่เราได้กำหนดให้ถูกทำลายและถูกลงโทษ
6 พระยาห์เวห์มีดาบเล่มหนึ่ง
มันอาบไปด้วยเลือดและไขมัน
มันเป็นเลือดของพวกลูกแกะและแพะ
และไขมันจากไตของพวกแกะตัวผู้
เพราะพระยาห์เวห์กำลังฆ่าเครื่องบูชานี้ที่โบสราห์[n]
มีการฆ่าครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในแผ่นดินเอโดม
7 วัวป่า[o] จะล้มไปด้วย
และลูกวัวผู้จะล้มไปกับวัวผู้อันแข็งแรง
แผ่นดินของพวกเขาจะโชกไปด้วยเลือด
และพื้นดินของเขาก็จะอาบไปด้วยไขมันสัตว์
8 เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกวันแห่งการลงโทษ
และปีสำหรับการแก้แค้นให้กับคดีของศิโยน
9 ลำธารต่างๆของเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย
และดินของมันก็จะกลายเป็นกำมะถัน
แผ่นดินของมันจะกลายเป็นเหมือนยางมะตอยที่ลุกไหม้อยู่
10 ไฟของมันจะเผาทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันดับ
ควันก็จะลอยขึ้นมาอยู่ตลอดไป
เอโดมจะกลายเป็นที่ร้างว่างเปล่าตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
และจะไม่มีใครเดินทางผ่านมันอีกตลอดไป
11 แต่พวกเหยี่ยวและพวกเม่นจะมาเป็นเจ้าของ
พวกนกฮูกและพวกอีกาก็จะมาอยู่กันที่นั่น
พระเจ้าก็จะสำรวจรังวัดแผ่นดินเอโดม
และทำให้มันว่างเปล่าและมีสภาพยุ่งเหยิงเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้สร้างโลกนี้
12 จะไม่มีอะไรหลงเหลือให้เรียกว่าเป็นอาณาจักรอีกเลย
พวกเจ้านายของมันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
13 พวกพงหนามก็จะขึ้นตามป้อมปราการของมัน
พวกต้นตำแยและพวกต้นไมยราบก็จะขึ้นในเมืองที่มีกำแพง
มันจะกลายเป็นบริเวณที่หมาป่าอยู่กัน
เป็นที่อยู่ของนกฮูก
14 พวกแมวป่าก็จะมาเจอกับพวกหมาป่า
พวกแพะป่าก็ส่งเสียงเรียกกัน
พวกสัตว์กลางคืน[p] ก็จะมาอยู่กันที่นั่นด้วย
เพื่อหาที่พักผ่อน
15 พวกนกฮูก[q] ก็จะมาทำรังและวางไข่และกกไข่ไว้และรวบรวมลูกๆไว้ใต้ปีกของพวกมัน
อีแร้งก็จะมารวมกันที่นั่น อยู่คู่ใครคู่มัน
16 ให้ค้นหาในหนังสือม้วนของพระยาห์เวห์และอ่านดู
จะไม่มีสัตว์สักตัวที่ขาดไป
จะไม่มีสักตัวเลยที่ขาดคู่ของมัน
เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมพวกมันไว้
17 พระองค์ได้จัดสรรที่ดินให้กับพวกมัน
และมือของพระองค์ได้ใช้สายวัดแบ่งแผ่นดินให้กับพวกมัน
พวกมันจะเป็นเจ้าของแผ่นดินนั้นตลอดไป
พวกมันจะอยู่ที่นั่นรุ่นแล้วรุ่นเล่า
พระเจ้าจะปลอบโยนคนของพระองค์
35 1-2 ทะเลทรายและแผ่นดินที่แห้งแล้งจะมีความสุข
ทะเลทรายจะดีใจและผลิดอก
มันจะออกดอกมากมายเหมือนดอกหญ้า
มันจะชื่นชมยินดีด้วยความสุขและการร้องเพลง
มันจะมีสง่าราศีเหมือนป่าแห่งเลบานอน
มันจะสง่างามเหมือนภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน
คนจะเห็นถึงสง่าราศีของพระยาห์เวห์
จะเห็นความสง่างามของพระเจ้าของเรา
3 ให้เสริมกำลังให้กับคนที่มีมือเหนื่อยล้า
และช่วยคนที่หัวเข่าอ่อนแอให้มั่นคง
4 ให้พูดกับคนที่มีจิตใจที่ขลาดกลัวว่า
“ให้เข้มแข็งไว้ ไม่ต้องกลัว
นี่ไงพระเจ้าของพวกท่าน
พวกศัตรูของท่านจะถูกลงโทษ
เป็นการแก้แค้นของพระเจ้า
พระองค์จะมาและช่วยกู้พวกท่าน”
5 แล้วตาของคนตาบอดก็จะเปิด
และหูของคนหูหนวกก็จะไม่ตันอีกแล้ว
6 แล้วคนง่อยก็จะกระโดดเหมือนกับกวาง
และลิ้นของคนใบ้ก็จะร้องเพลงอย่างมีความสุข
เพราะน้ำจะทะลักออกมาในทะเลทราย
และเกิดลำธารขึ้นในทะเลทราย
7 ทะเลทรายที่ร้อนระอุ[r] จะกลายเป็นทะเลสาบ
ดินที่กระหายน้ำจะมีตาน้ำเต็มไปหมด
ในบริเวณที่หมาป่าอยู่และนอนพักกัน
หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อกับต้นกก
8 จะมีทางหลวงเกิดขึ้นที่นั่น
และมันจะมีชื่อว่า “ถนนอันศักดิ์สิทธิ์”
คนที่ไม่บริสุทธิ์จะไม่เดินทางบนถนนนั้น
มันมีไว้สำหรับคนของพระเจ้าเดินเท่านั้น
พวกคนโง่[s] จะไม่ได้เดินผ่านไปมาบนมัน
9 จะไม่มีสิงโตที่นั่น
และจะไม่มีสัตว์ร้ายมาย่างกรายที่นั่น
จะไม่พบพวกมันที่นั่น
แต่คนที่พระเจ้าได้ไถ่ตัวไว้แล้วจะเดินบนถนนเส้นนั้น
10 คนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ไถ่ให้เป็นอิสระแล้ว
จะกลับมาที่ศิโยนด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ
ความสุขจะสวมอยู่บนหัวของพวกเขาตลอดไป
ความชื่นชมยินดีก็จะท่วมท้นพวกเขา
ความเศร้าโศกและการครวญครางจะวิ่งหนีไปจากพวกเขา
อัสซีเรียบุกยูดาห์
(2 พกษ. 18:13-37; 2 พศด. 32:1-19)
36 ในช่วงปีที่สิบสี่[t] ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์[u] ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[v] ของอัสซีเรียได้ยกทัพขึ้นมาโจมตีเมืองต่างๆที่มีป้อมปราการของยูดาห์ และยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ 2 กษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งแม่ทัพของเขาพร้อมกับกองทัพใหญ่จากเมืองลาคีช ไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เมืองเยรูซาเล็ม แม่ทัพนั้นได้มาหยุดอยู่ข้างๆรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า 3 มีสามคนออกไปหาแม่ทัพคนนั้นที่นั่น คือเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาเลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ
4 แม่ทัพได้พูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า
‘ทำไมเจ้าถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ 5 ข้อตกลงกับพันธมิตรที่เจ้าหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด เจ้าคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้เจ้าไปพึ่งใครหรือ ถึงกล้ามากบฏกับเรา 6 ดูดีๆว่าเจ้ากำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าต้นอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา
7 แต่ถ้าเจ้าจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”
8 ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ 9 ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ เจ้ายังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ
10 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีแผ่นดินนี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”
11 แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”
12 แต่แม่ทัพนั้นตอบว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้า และกับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[w]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”
13 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า
“นี่เป็นคำพูดของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 14 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าได้หรอก 15 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์ เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด”
16 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ “มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 17 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น”
18 ระวังให้ดี อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าหลงผิดไป เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย” 19 พวกพระของเมืองฮามัท[x]กับเมืองอารปัดไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิมไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 20 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ’”
21 แต่พวกเขาก็เงียบ ไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้สั่งไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”
22 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา เลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ไปหาเฮเซคียาห์ใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และพวกเขาก็รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด
เฮเซคียาห์ขอคำปรึกษาจากอิสยาห์
(2 พกษ. 19:1-13)
37 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส
3 พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา 4 ไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”
5 เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า ‘ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น 7 ตัวเราเองจะทำให้กษัตริย์อัสซีเรียกังวลใจ เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง’”
กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม
8 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพได้ยินอย่างนั้น เขาก็ไปยังเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น 9 ในเวลานั้น กษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเกี่ยวกับกษัตริย์ทีระหะคาร์[y] แห่งเอธิโอเปียว่า “กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน” เมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และสั่งพวกเขาว่า
10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียหรอก’[z] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดนั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[aa] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายไปไหนกันหมดแล้ว”
เฮเซคียาห์อธิษฐานถึงพระเจ้า
(2 พกษ. 19:14-19)
14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วพระองค์ก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า
16 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกเครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดทั้งหมดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด
18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติทั้งหลายรวมทั้งแผ่นดินของพวกเขาด้วย 19 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 20 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
พระเจ้าตอบเฮเซคียาห์
(2 พกษ. 19:20-34)
21 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ ‘เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย’
22 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า
‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า
เธอหัวเราะเยาะเจ้า
นางสาวเยรูซาเล็มส่ายหัวเยาะเย้ยเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
23 เจ้าดูถูกใครหรือพูดหมิ่นประมาทใครรู้รึเปล่า
เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครรู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครรู้รึเปล่า
เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
24 เจ้าได้เย้ยองค์เจ้าชีวิตผ่านทางพวกผู้รับใช้ที่เจ้าส่งมา
เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปถึงยอดเขา ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอนด้วยรถรบมากมายของข้า
ข้าได้โค่นพวกต้นซีดาร์ที่สูงที่สุดของมันและต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
ข้าได้ไปถึงยอดเขาที่ไกลลิบลิ่วของมัน ข้าไปถึงป่าที่ดีที่สุดของมัน
25 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน[ab]และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์จนมันเหือดแห้งไป”
26 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
คือเราได้ให้เจ้าทำลายป้อมปราการของเมืองต่างๆให้กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
27 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้นกำลังตกใจกลัวและอับอาย
พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[ac]
28 เรารู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
29 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”
30 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้จะปลูกอะไรไม่ได้เลย ก็ให้กินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ก็ให้กินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ก็ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมันและให้ปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 31 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและออกผลขึ้นข้างบน 32 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคนก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
33 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
34 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอกพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
35 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดคนรับใช้ของเรา”
กองทัพของอัสซีเรียถูกทำลาย
(2 พกษ. 19:35-37)
36 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 37 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่นีนะเวห์
38 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น พวกลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน
เฮเซคียาห์ป่วย
(2 พกษ. 20:1-11; 2 พศด. 32:24-26)
38 ในช่วงนั้นเฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตายแล้ว อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสก็ได้มาหาท่านและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ให้สั่งเสียคนในครัวเรือนของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะไม่หายหรอก’”
2 แล้วเฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 3 ท่านพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดอย่าลืมว่าข้าพเจ้านั้นได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดี” แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง
4 แล้วอิสยาห์ก็ได้รับข้อความจากพระยาห์เวห์ว่า 5 “ไปหาเฮเซคียาห์และบอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน พูดว่าอย่างนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และได้เห็นน้ำตาของเจ้า เราจะต่อชีวิตให้กับเจ้าอีกสิบห้าปี 6 เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และเราก็จะป้องกันเมืองนี้ไว้’”
7 แล้วนี่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า พระยาห์เวห์จะทำในสิ่งที่พระองค์ได้บอก 8 พระยาห์เวห์พูดว่า “คอยดูนะ เราจะทำให้เงาที่ทอดยาวไปบนขั้นบันไดของอาหัส[ad] ย้อนถอยหลังกลับไปสิบขั้น” แล้วเงาของดวงอาทิตย์ที่ได้ทอดยาวไปแล้วนั้น ก็ได้ถอยหลังกลับไปสิบขั้น
เฮเซคียาห์ขอบคุณพระยาห์เวห์
9 ต่อไปนี้คือสิ่งที่เฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์เขียนขึ้นมา หลังจากที่ท่านป่วยและหายดีแล้ว
10 ตอนนั้นข้าพูดว่า “ในช่วงกลางคน ข้าจะต้องไปซะแล้ว
แล้วใช้วันปีที่เหลือข้างในประตูแห่งแดนผู้ตาย”
11 ตอนนั้นข้าพูดว่า “ข้าจะไม่ได้เห็นพระยาห์เวห์ในแดนของคนเป็นอีกแล้ว
ข้าจะไม่ได้เห็นคนหรืออยู่กับคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว
12 ชั่วชีวิตของข้าก็ถูกรื้อลงและเอาไปจากข้าเหมือนเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ
ชีวิตของข้าถูกม้วนเก็บเหมือนกับคนทอผ้าม้วนผ้า
พระองค์ตัดข้าออกจากหูกทอผ้า
พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว
13 ข้าร้องขอความช่วยเหลือจนถึงเช้า
พระองค์หักกระดูกทั้งหมดของข้าเหมือนสิงโต
พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว
14 ข้าร้องเหมือนกับนกนางแอ่นและนกกระเรียน
ข้าร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขา
ตาของข้าเมื่อยล้าจากการมองขึ้นไปบนสวรรค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าถูกกดขี่ข่มเหง ช่วยประกันตัวข้าออกไปด้วยเถิด
15 เมื่อพระเจ้าบอกว่าจะทำอะไร ข้าจะทำอะไรได้
และพระองค์เป็นผู้ทำมันเอง
ข้านอนไม่หลับ[ae] เพราะความทุกข์ในใจ
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เราอยู่ได้เพราะสิ่งที่พระองค์พูดและทำ
สิ่งทั้งหมดนั้นทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
ขอคืนสุขภาพที่แข็งแรงให้กับข้าพเจ้า
และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถิด”
17 ดูเถอะ ที่ข้ามีความทุกข์มากนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อข้า
พระองค์ได้ไว้ชีวิตของข้าไม่ให้ตกลงไปในหลุมแห่งความพินาศ
พระองค์ได้เอาความบาปทั้งหมดของข้าเหวี่ยงทิ้งไปด้านหลังพระองค์
18 คนในแดนคนตายไม่สามารถขอบคุณพระองค์ได้
คนตายก็ไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ได้
คนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมก็ไม่สามารถหวังพึ่งในความสัตย์ซื่อของพระองค์ได้
19 มีแต่คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์ได้เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้
พวกพ่อจะสอนลูกๆของเขาเกี่ยวกับความสัตย์ซื่อของพระองค์
20 พระยาห์เวห์พร้อมที่จะช่วยกู้ข้าพเจ้าเสมอ
ดังนั้น พวกเราจะเล่นเครื่องสายตลอดชีวิตของพวกเราที่วิหารของพระยาห์เวห์
21 อิสยาห์ได้บอกพวกคนรับใช้ของกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ให้เอามะเดื่อมาอัดกันเป็นก้อนแล้วโปะเข้าไปที่แผลเปื่อยของเขา แล้วเขาก็จะหาย” 22 เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “จะมีอะไรพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์อีก”[af]
พวกทูตจากบาบิโลน
(2 พกษ. 20:12-19)
39 หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์เมโรดัคบาลาดัน[ag] ลูกชายของบาลาดันแห่งบาบิโลนได้ส่งพวกทูตถือพวกจดหมายและของขวัญมาให้กับเฮเซคียาห์ เพราะเมโรดัคบาลาดันได้ยินข่าวว่าเฮเซคียาห์ป่วยและตอนนี้หายดีแล้ว 2 เฮเซคียาห์ได้ต้อนรับพวกทูตเหล่านั้น และพาพวกเขาไปดูคลังสมบัติของเขา ทั้งเงินทองและเครื่องเทศต่างๆรวมทั้งน้ำมันที่มีค่า คลังอาวุธทั้งหมด และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพวกคลังเก็บของ เฮเซคียาห์พาพวกเขาไปดูทุกซอกทุกมุมของวังและทั่วราชอาณาจักรของเขา
3 แล้วอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ได้มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และพูดกับเขาว่า “คนพวกนี้มาพูดอะไร และพวกเขามาหาท่านจากที่ไหนกัน”
เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขามาหาข้าจากแดนไกลโน้น มาจากบาบิโลน”
4 อิสยาห์ถามอีกว่า “พวกเขาเห็นอะไรบ้างในวังของท่าน”
เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของข้า ไม่มีอะไรเลยในพวกคลังเก็บของของข้า ที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาดู”
5 แล้วอิสยาห์ก็บอกกับเฮเซคียาห์ว่า “ฟังให้ดี นี่คือข่าวสารจากพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น 6 เวลานั้นกำลังจะมาถึง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในวังของท่าน รวมทั้งทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของท่านได้เก็บสะสมมาให้จนถึงทุกวันนี้ จะถูกขนย้ายไปที่บาบิโลน จะไม่มีอะไรเหลือเลย พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น 7 พวกเขาจะเอาลูกๆของท่านบางคนไป พวกลูกชายของท่านเอง พวกเขาจะกลายเป็นพวกขันทีในวังของกษัตริย์บาบิโลน”
8 แล้วเฮเซคียาห์ก็พูดกับอิสยาห์ว่า “ข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่ท่านพูดมานั้นดี” เพราะเขาคิดว่า “ในช่วงสมัยของข้า จะมีสันติสุขและความมั่นคงปลอดภัย”
การลงโทษของอิสราเอลจะสิ้นสุดลง
40 พระเจ้าของพวกเจ้าพูดว่า
“ให้ปลอบโยน ให้ปลอบโยนชนชาติของเรา
2 ให้พูดกับคนเยรูซาเล็มอย่างอ่อนโยน
และให้บอกกับเธอว่าการเป็นทาสรับใช้ของเธอนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
เธอได้ใช้หนี้บาปของเธอแล้ว
พระยาห์เวห์ได้ลงโทษเธอเป็นสองเท่าแล้วสำหรับบาปทั้งหมดของเธอ”
3 มีเสียงหนึ่งร้องว่า
“ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ให้เตรียมทางสำหรับพระยาห์เวห์
ให้สร้างทางหลวงให้ตรงไปให้กับพระเจ้าของเราในทะเลทราย
4 ทุกๆหุบเขาจะถูกถมให้สูงขึ้น
ทุกๆภูเขาและเนินเขาจะถูกปราบให้แบนราบลง
พื้นที่ลุ่มๆดอนๆจะเสมอกันไปหมด
พื้นที่ที่ขรุขระจะราบเรียบ
5 แล้วสง่าราศีของพระยาห์เวห์ก็จะถูกเปิดเผยออกมา
และมนุษย์ทุกคนก็จะได้เห็นมันพร้อมๆกัน
เพราะปากของพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาออกมาอย่างนี้”
6 มีเสียงหนึ่งบอกว่า “ตะโกนสิ”
แต่ข้าบอกว่า “จะให้ข้าตะโกนอะไรหรือ
มนุษย์ทุกคนก็เป็นเหมือนหญ้า
และความจงรักภักดีของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง
7 หญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้ก็ร่วงโรยไป
เมื่อลมจากพระยาห์เวห์เป่าไปถูกมัน”
เสียงนั้นตอบว่า “ใช่แล้ว มนุษย์เป็นเหมือนหญ้า
8 หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกไม้ก็ร่วงโรยไป
แต่พระคำของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนตลอดกาล”
9 ศิโยนเอ๋ย ผู้นำข่าวดี
ขึ้นไปบนภูเขาสูงสิ แล้วตะโกนให้สุดเสียงของเจ้า
เยรูซาเล็มเอ๋ย ผู้นำข่าวดี
ร้องตะโกนให้ดังๆไม่ต้องกลัว บอกเมืองต่างๆของยูดาห์ว่า
“นี่ไง พระเจ้าของพวกเจ้า”
10 ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตกำลังมาด้วยพลังอันเกรียงไกร
พระองค์จะปกครองด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
พระองค์เอารางวัลมาให้
และพระองค์จะจ่ายค่าตอบแทนให้แต่ละคน
11 พระองค์จะนำหน้าฝูงแกะของพระองค์อย่างผู้เลี้ยงแกะ
พระองค์จะรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมแขนของพระองค์
และอุ้มพวกมันไว้ในอ้อมอกและนำแม่แกะไปหาน้ำ
ใครเล่าเป็นเหมือนพระยาห์เวห์
12 ใครหนอ ที่ตวงน้ำทั้งทะเลได้ด้วยอุ้งมือเดียวหรือวัดท้องฟ้าได้ในหนึ่งคืบ
และใครกันที่สามารถถือฝุ่นทั้งโลกในถ้วยตวงเดียว
หรือชั่งพวกภูเขาบนตาชั่งและพวกเนินเขาบนตราชู
13 มีใครหรือที่ชี้ทางให้กับพระวิญญาณของพระยาห์เวห์
และสั่งสอนพระองค์เหมือนเป็นที่ปรึกษาของพระองค์
14 พระองค์ต้องปรึกษาใครหรือ เพื่อจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้
พระองค์ต้องให้ใครมาสอนพระองค์เรื่องความยุติธรรมหรือ
ใครสอนให้พระองค์มีความรู้
ใครเล่าเรื่องทางแห่งสติปัญญาให้พระองค์เข้าใจหรือ
15 ดูสิ ชนชาติทั้งหลายเปรียบเหมือนน้ำหยดเดียวในถัง
หรือถือเป็นแค่ขี้ฝุ่นบนตราชั่ง
ดูสิ พระองค์ยกเกาะทั้งหลายเหมือนผงฝุ่น
16 จะเอาไม้ทั้งป่าเลบานอนมาเป็นฟืนเผาเครื่องบูชาให้กับพระองค์
และสัตว์ทั้งหมดของเลบานอนมาเผาเป็นเครื่องบูชาก็ยังไม่สมกับเกียรติของพระองค์
17 ต่อหน้าพระองค์ ชนชาติทั้งหมดอย่างกับเป็นศูนย์เลย
พระองค์ถือว่าชนชาติทั้งหมดนั้นน้อยกว่าศูนย์และไร้ค่า
18 เจ้าจะเปรียบพระเจ้าเหมือนใครหรือ
จะเอารูปอะไรมาเปรียบกับพระองค์หรือ
19 จะเปรียบพระองค์เหมือนรูปเคารพหรือ
ที่ช่างหล่อขึ้นมาแล้วช่างทองก็เอาทองมาหุ้มไว้
และทำสร้อยเงินให้กับมัน
20 ส่วนคนที่ยากจนก็จะเลือกไม้ที่จะไม่ผุมา
แล้วหาช่างไม้ที่เก่งๆมาแกะสลักรูปเคารพที่จะไม่ล้มคว่ำลงมา
21 พวกเจ้าไม่เคยรู้หรือ
พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ
ไม่เคยมีใครบอกพวกเจ้าตั้งแต่แรกหรือ
พวกเจ้าไม่เคยเข้าใจเรื่องที่เป็นจริงตั้งแต่วางรากสร้างโลกมาหรือ
22 คือพระองค์เป็นผู้นั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์
เหนือวงกลมของโลกนี้
และเมื่อพระองค์มองลงมา
พวกที่อาศัยอยู่บนมันก็เป็นเหมือนกับตั๊กแตน
พระองค์เป็นผู้ที่ขึงฟ้าสวรรค์ออกเหมือนขึงผ้าเต็นท์
และกางมันออกเหมือนกางเต็นท์ให้อยู่
23 พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกผู้ครอบครองหมดสภาพไป
และทำให้พวกผู้พิพากษาของโลกนี้กลายเป็นศูนย์
24 พวกนั้นเป็นเหมือนกับพวกพืชที่เพิ่งจะหว่านยังไม่ทันลงรากเลย
พระองค์ก็เป่าพวกมันซะแล้ว
แล้วพวกเขาก็เหี่ยวแห้งไป
แล้วพายุก็มาพัดพวกเขาไปเหมือนฟาง
25 องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์พูดว่า “พวกเจ้าจะเปรียบเรากับใครหรือ
ใครจะมาเทียบกับเราได้หรือ”
26 เงยหน้าขึ้นและมองซะ
ใครเป็นผู้ที่สร้างสิ่งเหล่านี้
พระองค์ได้นำกองทัพหมู่ดาวเหล่านั้นออกมาทีละดวง
และเรียกชื่อมันแต่ละดวง ไม่มีสักดวงที่ขัดขืนไม่ออกมา
เพราะพระองค์มีพลังอันมหาศาล
และฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่
27 ยาโคบเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงบ่นอย่างนี้
อิสราเอลเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงพูดว่า
“พระยาห์เวห์มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า
และพระเจ้าของข้าก็ไม่เห็นสนใจที่จะให้ความยุติธรรมกับข้าเลย”
28 เจ้าไม่รู้หรือ เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ ที่ว่า
พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าตลอดมาและตลอดไป เป็นผู้สร้างทั้งโลก
พระองค์ไม่เคยเหนื่อยหรือหมดเรี่ยวแรง
ไม่มีใครหยั่งรู้ถึงสติปัญญาของพระองค์ได้
29 พระองค์ให้เรี่ยวแรงกับคนที่เหน็ดเหนื่อย
และเพิ่มกำลังให้กับคนที่หมดเรี่ยวแรง
30 แม้คนหนุ่มๆจะเหนื่อยและหมดเรี่ยวแรง
และชายหนุ่มจะสะดุดล้มลง
31 แต่คนเหล่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์จะมีกำลังขึ้นมาใหม่
และจะบินสูงขึ้นไปเหมือนติดปีกนกอินทรี[ah]
พวกเขาจะวิ่งและจะไม่หมดเรี่ยวแรง
พวกเขาจะเดินและจะไม่เหนื่อย
พระยาห์เวห์อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์
41 พระยาห์เวห์พูดว่า
“พวกเจ้าที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลและเกาะทั้งหลาย ให้ฟังเราอย่างเงียบๆ
ชนชาติทั้งหลาย ให้เข้มแข็งไว้
ให้พวกเขาเข้ามาใกล้ๆและให้พวกเขาพูด
ให้พวกเรามาเจอกันเพื่อขึ้นศาลตัดสินคดีกัน
2 ใครยุแหย่ชายคนนั้นที่มาจากทางทิศตะวันออก[ai]
เขามีแต่ชัยชนะในทุกย่างก้าวของเขา
พระยาห์เวห์ได้ส่งมอบชนชาติต่างๆให้กับเขา
เขาจึงเหยียบย่ำพวกกษัตริย์ไว้ใต้เท้าเขา
เขาใช้ดาบทำให้พวกนั้นกลายเป็นเหมือนฝุ่น
เขาใช้คันธนู ทำให้พวกนั้นกระจายไปเหมือนฟางถูกลมพัด
3 เขาไล่ตามพวกนั้นไปและไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย
เขาเร็วจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
4 ใครกันที่ทำสิ่งนี้ และใครกันที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมา
ใครกันที่ควบคุมประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรก
เป็นเราเอง ยาห์เวห์
เราอยู่ตอนเริ่มแรก
และเราก็จะอยู่ตอนจบ
5 พวกคนที่อยู่ตามแถบชายฝั่งและหมู่เกาะต่างๆได้เห็นผู้พิชิตที่เรายกขึ้นมาและเกิดความเกรงกลัว
สุดปลายโลกก็กลัวจนสั่นเทิ้ม
พวกเขาได้เข้ามาใกล้และได้มาถึงแล้ว
6 พวกเขาช่วยเหลือกันและกัน
และคนหนึ่งพูดกับอีกคนหนึ่งว่า ‘ให้เข้มแข็งไว้’
7 ช่างแกะสลักไม้ให้กำลังใจช่างทอง
ช่างที่ใช้ค้อนเคาะเหล็กให้เรียบก็ให้กำลังใจช่างตีเหล็กขึ้นรูป
ช่างตีเหล็กขึ้นรูปก็พูดเกี่ยวกับงานเชื่อมว่า ‘มันดีแล้ว’
และเขาก็ตอกตะปูยึดรูปเคารพนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันล้มลงมา”
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่เจ้า อิสราเอล ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
ยาโคบ คนที่เราได้เลือกมาเอ๋ย
และลูกหลานของอับราฮัมเพื่อนเราเอ๋ย
9 เจ้าผู้ที่เราได้นำมาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
เจ้าผู้ที่เราได้เรียกมาจากไกลสุดขอบโลก
เจ้าที่เราได้พูดว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้เลือกเจ้าและไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า’
10 ไม่ต้องกลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า
อย่ากลัวเลย เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะทำให้เจ้ามีกำลัง ใช่แล้ว เราจะช่วยเจ้า
เราจะพยุงเจ้าด้วยมือขวาแห่งชัยชนะของเรา
พระยาห์เวห์จะดูแลคนอิสราเอล
11 ดูสิ คนทั้งหลายที่โกรธเคืองเจ้าจะได้รับความอับอายขายหน้า
พวกนั้นที่ต่อต้านเจ้าจะเป็นอย่างกับศูนย์และพินาศไป
12 เจ้าจะมองหาคนพวกนั้นที่ต่อสู้กับเจ้าแต่จะหาไม่เจอ
คนพวกนั้นที่ทำสงครามกับเจ้าจะเป็นอย่างกับศูนย์ไปเลย
13 เพราะเรา ยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังจับมือขวาของเจ้าไว้
เป็นเราเอง ที่กำลังพูดกับเจ้าว่า ‘ไม่ต้องกลัว เราจะช่วยเจ้า’”
14 พระยาห์เวห์พูดว่า “อย่ากลัวเลย ยาโคบ เจ้าหนอนตัวน้อย
อย่ากลัวเลย อิสราเอล เจ้าหนอนผีเสื้อตัวน้อย
ตัวเราเองจะช่วยเจ้า
ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลคือผู้ที่ปกป้องเจ้า
15 ดูสิ เราจะทำให้เจ้าเป็นเลื่อนนวดข้าว
ที่แหลมคม ใหม่ และมีซี่ฟันมากมาย
เจ้าจะนวดและบดภูเขาต่างๆ
เจ้าจะทำให้เนินเขาต่างๆเป็นเหมือนแกลบ
16 เจ้าจะฟัดร่อนพวกมัน แล้วลมก็จะพัดพวกมันไป
พายุก็จะพัดให้พวกมันกระจายไป
แล้วเจ้าก็จะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์
เจ้าก็จะภาคภูมิใจในผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
17 เมื่อคนจนและคนขัดสนแสวงหาน้ำแต่ไม่มีน้ำ
แล้วลิ้นของพวกเขาก็แห้งผากด้วยความกระหาย
เรา ยาห์เวห์ ก็จะตอบพวกเขา
เรา พระเจ้าของอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งพวกเขา
18 เราจะทำให้เกิดแม่น้ำหลายสายไหลอยู่บนที่สูงที่ว่างเปล่านั้น
แล้วทำให้เกิดพวกตาน้ำท่ามกลางหุบเขาเหล่านั้น
และจะทำให้ทะเลทรายกลายเป็นทะเลสาบ
และทำให้ที่ดินแห้งกลายเป็นตาน้ำ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International