Bible in 90 Days
อิสราเอลจะกลับบ้าน
14 แต่พระยาห์เวห์จะเมตตาต่อยาโคบ พระองค์จะเลือกคนอิสราเอลอีกครั้ง พระองค์จะให้พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของพวกเขาเอง และคนต่างชาติก็จะมาสมทบกับพวกเขาและมาเป็นสมาชิกในครอบครัวของยาโคบ 2 ชนชาติต่างๆเหล่านั้นจะนำพวกอิสราเอลกลับไปยังบ้านเมืองของคนอิสราเอลเอง และครอบครัวของอิสราเอลก็จะเอาคนต่างชาติเหล่านั้นทั้งชายและหญิง มาเป็นทาสในแผ่นดินของพระยาห์เวห์ คนอิสราเอลจะจับคนที่เคยจับพวกเขาไปเป็นทาส มาเป็นทาสเสียเอง และคนอิสราเอลก็จะปกครองเหนือคนพวกนั้นที่เคยข่มเหงอิสราเอลมาก่อน
เพลงแกล้งคร่ำครวญในงานศพของกษัตริย์บาบิโลน
3 เมื่อพระยาห์เวห์ให้เจ้าได้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ความเดือดร้อน และการถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาส 4 เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะได้ร้องเพลงเยาะเย้ยกษัตริย์ของบาบิโลนว่า
“น่าสมเพชจริงๆที่กษัตริย์ที่โหดร้ายนั้น พบกับจุดจบอย่างนี้
น่าสมเพชจริงๆที่การปกครองด้วยความเย่อหยิ่งจองหองนั้นพบกับจุดจบอย่างนี้
5 พระยาห์เวห์ได้หักไม้ตะบองของพวกเลวทราม
พระองค์ได้หักไม้คทาของพวกผู้ครอบครองทิ้งไป
6 กษัตริย์บาบิโลนตีชนชาติทั้งหลายด้วยความโกรธ ตีพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ครอบครองชนชาติทั้งหลายด้วยความโกรธ ข่มเหงคนอย่างไม่เคยผ่อนปรน
7 แต่ตอนนี้ ทั้งแผ่นดินโลกก็พักผ่อนและสงบเงียบ
ผู้คนก็เริ่มร้องเพลงกัน
8 แม้แต่พวกต้นสนและสนซีดาร์ของเลบานอนก็ยังดีใจเพราะเจ้าพ่ายแพ้
พวกต้นไม้นั้นพูดว่า ‘ตั้งแต่เจ้าถูกโค่นล้มลงก็ไม่มีใครมาตัดพวกเราอีกเลย’
9 แดนคนตายเบื้องล่างยังตื่นเต้นดีใจที่จะได้เจอกับเจ้าเมื่อเจ้าไปถึง
มันปลุกวิญญาณต่างๆของคนตายเพื่อมาต้อนรับเจ้า
มันปลุกวิญญาณของทุกคนที่เคยเป็นผู้นำในโลกนี้
มันบังคับให้ทุกคนที่เคยเป็นกษัตริย์ของชนชาติทั้งหลายให้ลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพวกเขา
10 พวกนั้นทุกคนจะพูดกับเจ้าว่า ‘เจ้าได้กลายเป็นผู้อ่อนแอเหมือนพวกเราแล้ว
เจ้าเป็นเหมือนกับพวกเราแล้ว’
11 สง่าราศีเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย
พร้อมๆกับเสียงพิณต่างๆของเจ้า
ตัวหนอนแมลงวันก็แผ่อยู่ใต้เจ้าเหมือนเตียง
และพวกตัวหนอนก็คลุมเจ้าเหมือนผ้าห่ม
12 น่าสมเพชจริงๆที่เจ้าตกลงมาจากสวรรค์ซะสูงขนาดนั้น
เจ้าผู้เป็นดาวรุ่ง และลูกของรุ่งอรุณ
ดูเจ้าสิ ถูกโค่นลงมาบนดินแล้ว
ถึงเจ้าจะเคยเป็นผู้พิชิตชนชาติทั้งหลายก็ตาม
13 เจ้าคิดในใจว่า ‘เราจะขึ้นไปบนสวรรค์
เราจะยกบัลลังก์ของเราขึ้นสูงเหนือหมู่ดาวของพระเจ้า
เราจะนั่งอยู่บนภูเขาที่พวกเทพมาชุมนุมกันบนเนินลาดของภูเขาซับฟอน[a]
14 เราจะขึ้นไปเหนือเมฆ
เราจะเป็นเหมือนกับพระเจ้าผู้สูงสุด’
15 แต่เจ้ากลับถูกนำลงมาที่แดนคนตายนี้
มาอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหลุมนี้
16 คนเหล่านั้นที่เห็นเจ้า ก็จะจ้องเจ้า
พวกเขาจะคิดอย่างนี้เกี่ยวกับเจ้า
‘นี่นะหรือเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้แผ่นดินโลกไหว
คนที่ทำให้อาณาจักรต่างๆสะเทือนสะท้าน
17 นี่นะหรือคนที่ทำให้แผ่นดินโลกกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและพังทลายเมืองต่างๆของมัน
นี่นะหรือคนที่ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของเขากลับบ้าน’
18 กษัตริย์ทั้งหมดของชนชาติทั้งหลาย ต่างก็ถูกฝังอย่างสมเกียรติ
ต่างคนต่างอยู่ในอุโมงค์ฝังศพของตน
19 แต่เจ้ากลับถูกโยนออกมาจากหลุมฝังศพของเจ้า
เหมือนกับซากศพที่น่าขยะแขยง
เจ้าถูกทับด้วยศพของคนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าในสนามรบ ที่ถูกดาบแทง
ที่ลงไปในหลุมแห่งความตายที่เป็นหิน
เจ้าเป็นเหมือนซากศพที่ถูกคนเหยียบย่ำไปมา
20 เจ้าจะไม่ได้ถูกฝังร่วมกับกษัตริย์อื่นๆเหล่านั้น
เพราะเจ้าได้ทำลายประเทศของเจ้าเอง
เจ้าได้ฆ่าคนของเจ้าเอง
อย่าให้มีใครพูดถึงลูกหลานของพวกที่ทำสิ่งที่ชั่วร้ายนั้นอีกเลย
21 เตรียมที่สำหรับฆ่าพวกลูกชายของเขาเพราะความบาปของพ่อของพวกเขา
ขออย่าให้พวกเขาได้ลุกขึ้นมายึดครองโลกนี้หรือให้โลกนี้เต็มไปด้วยเมืองต่างๆของพวกเขา”
22 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกเขา เราจะทำลายบาบิโลน เราจะทำให้ชื่อเสียงของมันหมดไป เราจะไม่ปล่อยให้มีใครรอดชีวิต รวมถึงลูกและหลานของเจ้าด้วย” 23 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า “เราจะทำให้บาบิโลนกลายเป็นที่อยู่ของพวกเม่นและเป็นหนองน้ำ เราจะกวาดมันทิ้งไปเหมือนใช้ไม้กวาด”
พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรีย
24 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้สาบานไว้อย่างนี้ว่า
“เราตั้งใจจะให้มันเป็นยังไง
มันก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
เราได้วางแผนไว้ว่ายังไง
มันก็จะเป็นไปตามนั้น
25 เราจะหักอัสซีเรีย[b] ทิ้งในแผ่นดินของเรา
เราจะเหยียบย่ำพวกมันบนภูเขาทั้งหลายของเรา
เราจะเอาทั้งแอกที่อัสซีเรียวางไว้บนคอของยูดาห์
และภาระหนักของอัสซีเรียที่ยูดาห์แบกไว้ออกไป”
26 นี่คือแผนที่ได้วางไว้สำหรับโลกทั้งโลก
และนี่คือมือของพระองค์ที่ยื่นออกไปจัดการกับชนชาติทั้งหลาย
27 เพราะเมื่อพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้วางแผน
ใครจะล้มเลิกมันได้
เมื่อพระองค์ยื่นมือของพระองค์ออกไปจัดการ
ใครจะหันมันกลับได้
ข่าวสารของพระเจ้าถึงคนฟีลิสเตีย
28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสตาย[c] ข่าวสารนี้ได้มาถึงว่า
29 “พวกเจ้าคนฟีลิสเตียทุกคน
อย่าได้ดีใจเลยที่ไม้ตะบองที่ตีพวกเจ้านั้นได้หักไปแล้ว
เพราะจากครอบครัวของงูตัวนั้นก็จะเกิดงูพิษที่อันตรายกว่าตัวมันขึ้นมา
และลูกของมันนั้นก็จะเป็นงูไฟที่บินได้
30 คนยากจนที่สุดจะมีกินอย่างเหลือเฟือเหมือนแกะเล็มหญ้า
และคนขัดสนก็จะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าอดอาหารตาย
และคนที่เหลืออยู่ของเจ้า เราจะฆ่าเสีย
31 ประตูเมืองเอ๋ย ร้องคร่ำครวญเถิด เมืองเอ๋ย ร้องไห้ออกมา
คนฟีลิสเตียทุกคนเอ๋ย ให้พวกเจ้ากลัวจนหลอมละลายไป
ดูทางเหนือนั้นซิ มีควันตลบฟุ้งขึ้นมาแล้ว
และกองทัพที่กำลังลงมานั้น ไม่มีใครในพวกเขาที่ตามไม่ทัน”
32 จะตอบกับพวกผู้ส่งข่าวที่มาจากฟีลิสเตียนั้นว่ายังไงดี ให้ตอบพวกมันไปว่า
“พระยาห์เวห์ตั้งศิโยนให้แข็งแรง และแม้แต่คนยากจนของพระองค์ก็ยังเข้าไปหลบภัยในเมืองศิโยนได้”
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับคนโมอับ
15 นี่คือข่าวสาร เกี่ยวกับโมอับ
ภายในคืนเดียว กองทัพศัตรูได้มายึดเอาทรัพย์สมบัติของเมืองอาร์ในโมอับ
และทำลายเมืองนั้นไป
ภายในคืนเดียว กองทัพศัตรูได้เข้ามายึดเอาทรัพย์สมบัติของเมืองคีร์ในโมอับ
และทำลายเมืองนั้น
2 ชาวดีโบนได้ขึ้นไปยังวิหารของพวกเขา
ขึ้นไปยังสถานที่นมัสการของพวกเขาเพื่อร้องไห้คร่ำครวญกัน
คนโมอับร้องคร่ำครวญให้กับเมืองเนโบ[d] และเมืองเมเดบา[e]
ทุกคนโกนหัว โกนเคราไว้ทุกข์กัน
3 ตามท้องถนนของพวกเขาผู้คนก็สวมเสื้อผ้ากระสอบไว้ทุกข์กัน
บนดาดฟ้าและลานนัดพบ ทุกคนร้องห่มร้องไห้ ล้มตัวลงในกองน้ำตา
4 คนในเมืองเฮชโบน และเอเลอาเลห์
ส่งเสียงร้อง ดังไปไกลถึงเมืองยาฮาส
เพราะอย่างนี้จึงทำให้พวกผู้ชายที่ถืออาวุธของโมอับ
พลอยร้องเสียงดังไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
5 จิตใจของผมร้องด้วยความเศร้าให้กับโมอับ
คนของโมอับวิ่งหนีไปไกลถึงโศอาร์ ไปถึงเอกลัทเชลีชิยาห์
ผู้คนหนีขึ้นไปตามทางบนภูเขาไปถึงลูฮีท
พวกเขาก็ร้องไห้ในระหว่างทางที่ไปโฮโรนาอิม พวกเขาร้องไห้เสียงดังมาก
6 ลำธารนิมริมได้เหือดแห้งไป
หญ้าก็เหี่ยวแห้งตาย
พืชพันธุ์ก็ตายหมด
ไม่เหลือความเขียวขจีให้เห็นอีกเลย
7 เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ขนย้ายทรัพย์สมบัติที่พวกเขาหามาได้และสิ่งที่พวกเขาได้เก็บสะสมไว้
ข้ามพรมแดนตรงลำห้วยต้นป๊อปหล้า[f]
8 เสียงร้องดังระงมไปทั่วเขตแดนของโมอับ
เสียงร้องของพวกเขาดังไปไกลถึงเมืองเอกลาอิมและดังไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
9 และน้ำในเมืองดีโมน[g] เต็มไปด้วยเลือด
ใช่แล้ว เรายาห์เวห์จะนำความทุกข์ยากมากกว่านี้มาให้กับดีโมนอีก
ส่วนคนโมอับที่หลบหนีและหลงเหลืออยู่ในแผ่นดิน
เราจะส่งสิงโตมากัดกินพวกเขา
16 ให้ส่งส่วยพวกลูกแกะไปให้กับผู้ปกครองแผ่นดิน
ให้ส่งลูกแกะจากเสลา ผ่านทะเลทรายไปยังภูเขาแห่งนางสาวศิโยน
2 สาวๆของโมอับ อยู่ตรงท่าลุยข้ามของแม่น้ำอารโนน
พวกเขาเป็นเหมือนกับนกน้อยกระดุกกระดิกปีกไปมา
เหมือนลูกนกที่ตกจากรังกระจัดกระจายอยู่
3 พวกเขาพูดว่า “ขอคำแนะนำหน่อย ช่วยบอกหน่อยว่าจะทำยังไงดี
ตอนเที่ยงวัน ช่วยให้ร่มเงาเหมือนกลางคืนหน่อย[h]
ช่วยแอบซ่อนพวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากแผ่นดินของตนเอง
อย่ามอบพวกเราที่หนีมาหลบภัยให้กับศัตรูเลย
4 ปล่อยให้พวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากโมอับตั้งรกรากอยู่กับท่านด้วยเถิด
ขอให้เป็นที่หลบภัยสำหรับพวกเราจากผู้ทำลาย”
เมื่อพวกที่มาปล้นสะดมโมอับหยุดแล้ว
และการทำลายได้จบลงแล้ว
และพวกนั้นที่เหยียบย่ำแผ่นดินได้หายตัวไปแล้ว
5 เมื่อนั้น จะมีบัลลังก์ถูกตั้งขึ้นในเต็นท์ของดาวิด[i] ด้วยความรักมั่นคง
และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นก็จะสัตย์ซื่อ คนผู้นี้จะตัดสินอย่างยุติธรรมและจะไวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
6 พวกเราได้ยินว่า คนโมอับนั้นเย่อหยิ่งจองหองมาก
เราได้ยินเกี่ยวกับความหยิ่งยโส ความทะนงตน และความเดือดดาลของเขา
เรื่องที่พวกเขาโอ้อวดนั้น
ไม่เป็นความจริง
7 ดังนั้นชาวโมอับเอ๋ย ให้พวกเจ้าทุกคนร้องคร่ำครวญสำหรับชนชาติของตนเถิด
ให้โอดครวญอย่างสะเทือนใจถึงขนมเค้กที่เอร็ดอร่อยที่ทำจากลูกเกดของเมืองคีร์หะเรเชท[j]
8 สวนองุ่นของเฮชโบน และเถาองุ่นของสิบมาห์ไม่สามารถออกรวงได้
เพราะพวกเจ้านายของชนชาติต่างๆได้พังทลายเถาองุ่นพวกนั้นไป
เถาองุ่นพวกนี้เคยแผ่ไปไกลถึงเมืองยาเซอร์
พวกมันเคยเลื้อยไปถึงทะเลทราย กิ่งก้านของมันเคยแผ่กระจาย และข้ามทะเลไป
9 เพราะอย่างนี้ ผมถึงได้ร้องไห้ร่วมกับคนยาเซอร์สำหรับสวนองุ่นของสิบมาห์
เฮชโบนและเอเลอาเลห์เอ๋ย ผมจะราดคุณด้วยน้ำตาของผม
เพราะเสียงโห่ร้องยินดีกับการเก็บเกี่ยวผลไม้และเมล็ดข้าวได้หยุดไปแล้ว[k]
10 ความสุขสนุกสนานได้ถูกยึดไปจากสวนที่เกิดผลนั้นแล้ว
และในสวนองุ่นทั้งหลายก็ไม่มีเสียงเพลงหรือเสียงโห่ร้องยินดีอีกต่อไป
ไม่มีใครเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำอีก
เสียงโห่ร้องยินดีของพวกคนเก็บเกี่ยวได้หยุดไป
11 เพราะอย่างนี้ จิตใจของผมได้ร้องคร่ำครวญให้กับโมอับเหมือนกับเสียงพิณในงานศพ
และส่วนลึกของผมก็ร้องไห้ให้กับคีร์เฮเรส[l]
12 เมื่อคนโมอับขึ้นไปที่นมัสการของเขา เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา
พวกเขาก็อธิษฐานจนหมดแรง
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
13 นั่นคือข่าวสารที่พระยาห์เวห์พูดในอดีตเกี่ยวกับคนโมอับ 14 แต่เดี๋ยวนี้ พระยาห์เวห์ บอกว่า “ในอีกสามปี ตรงเผงอย่างกับที่ลูกจ้างนับวันเวลาที่เขาตกลงทำงาน ศักดิ์ศรีของโมอับก็จะถูกลบหลู่ ถึงแม้จะมีคนมากมายก็ตาม แต่ในที่สุดก็จะมีไม่กี่คนเหลือรอด[m] และพวกมันก็จะอ่อนแอด้วย”
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับดามัสกัส
17 นี่คือข่าวสาร[n]เกี่ยวกับดามัสกัส[o]
“ดูสิ ในไม่ช้าดามัสกัสจะไม่เป็นเมืองอีกแล้ว
มันจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
2 หมู่บ้านต่างๆของเมืองอาร์โรเออร์[p] จะถูกทอดทิ้งตลอดไป
มันจะเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ
ฝูงแพะแกะจะนอนกันอยู่ที่นั่นและจะไม่มีใครมายุ่งกับพวกมัน
3 ป้อมปราการของเมืองเอฟราอิมจะหายไป
และจะไม่มีกษัตริย์ปกครองในดามัสกัสอีกแล้ว
พวกอารัม[q] ที่ยังหลงเหลืออยู่จะถูกหยามเกียรติเหมือนกับที่คนอิสราเอลกำลังเป็นอยู่”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น
4 “ในเวลานั้นศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ
และความอ้วนของเขาก็จะกลายเป็นผอมขี้ก้าง
5 อิสราเอลจะถูกตัดลงเหมือนกับคนเกี่ยวข้าวเกี่ยวต้นที่ยังยืนต้นอยู่และมือของพวกเขาเกี่ยวรวงข้าว
อิสราเอลจะว่างเปล่าเหมือนกับท้องทุ่งในหุบเขาเรฟาอิม[r] หลังจากที่คนมาเก็บเอาเศษรวงข้าวไปหมดแล้ว
6 จะมีคนเหลืออยู่ในอิสราเอลน้อยมาก เหมือนกับตอนที่ต้นมะเดื่อถูกตี
แล้วเหลือแค่สองสามลูกอยู่บนกิ่งบนสุดหรือเหลือสี่ห้าลูกบนกิ่งที่ออกลูกดกนั้น”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้
7 ในวันนั้นผู้คนก็จะวางใจในพระเจ้าผู้สร้างพวกเขา พวกเขาจะพึ่งพาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล 8 พวกเขาจะไม่วางใจในแท่นบูชาต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ และพวกเขาก็จะไม่พึงพาพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ และแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับนิ้วของพวกเขาเอง
9 ในเวลานั้น เมืองป้อมปราการต่างๆของพวกเขาก็จะรกร้าง เหมือนตอนที่คนฮีไวต์และคนอาโมไรต์ได้ทิ้งแผ่นดินของพวกเขาไปเมื่อคนอิสราเอลมาถึงและมันจะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า
10 เจ้าได้ลืมพระเจ้าที่ช่วยกู้เจ้าไว้
เจ้าจำไม่ได้ว่าพระเจ้าได้ปกป้องเจ้าเป็นเหมือนหินหลบภัยของเจ้า
เพราะอย่างนี้ ถึงเจ้าจะปลูกต้นไม้ที่สวยงาม ถึงเจ้าจะปลูกเถาองุ่นที่แปลกๆมาจากแดนไกล
11 ถึงเจ้าจะพยายามทำให้มันโตขึ้นในวันที่เจ้าปลูกมัน
ถึงเจ้าพยายามจะทำให้มันงอกขึ้นมาในวันที่เจ้าหว่าน
แต่ผลของมันจะหายไปในวันที่โรคร้ายมาทำลาย
และในวันที่ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาเยียวยามาถึง
12 ฟังสิ เสียงกึกก้องของคนเป็นจำนวนมาก
พวกเขาทำเสียงดังกึกก้องเหมือนกับเสียงกึกก้องของทะเล
ฟังนั่นสิ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวของชนชาติทั้งหลาย
พวกเขาดังสนั่นเหมือนเสียงดังสนั่นของน้ำที่มีกำลังมหาศาล
13 ชนชาติต่างๆดังสนั่นเหมือนกับเสียงดังสนั่นของน้ำเป็นจำนวนมาก
แต่พระเจ้าจะร้องเข้าใส่พวกเขาและพวกเขาจะวิ่งหนีไปไกลๆ
พวกเขาจะเป็นเหมือนแกลบบนพวกภูเขาที่ถูกลมพัดปลิวไป
หรือเป็นเหมือนพุ่มไม้แห้งที่ถูกพายุพัดกลิ้งไป
14 ในตอนเย็น พวกเขาน่าสยดสยอง
แต่ก่อนรุ่งเช้า พวกเขาก็หายไปหมดแล้ว
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนพวกนั้นที่พยายามจะยึดเอาของๆเราไป
นี่คือกรรมของคนพวกนั้นที่พยายามจะปล้นเอาทรัพย์สมบัติของพวกเราไป
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับชาวเอธิโอเปีย
18 เฮ้ย แผ่นดินที่เต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆของปีกแมลง[s]
เป็นดินแดนที่อยู่เหนือพวกแม่น้ำของเอธิโอเปีย[t]
2 แผ่นดินนั้นส่งพวกทูตมาทางแม่น้ำไนล์ด้วยเรือที่ทำจากต้นกกที่แล่นมาบนน้ำนั้น
ไป พวกผู้ส่งข่าวที่ว่องไวทั้งหลาย
ไปหาชนชาตินั้นที่ร่างสูงและมีผิวเรียบ ไปหาคนพวกนี้ที่คนทั้งไกลและใกล้ต่างก็พากันเกรงกลัว
เป็นชนชาติเข้มแข็งที่ชอบเหยียบย่ำชนชาติอื่นๆ
เป็นแผ่นดินที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน
3 พวกเจ้าทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกนี้
พวกเจ้าที่อยู่บนแผ่นดินโลก
เมื่อมีธงสัญญาณยกขึ้นบนพวกภูเขา ดูให้ดี
และเมื่อได้ยินเสียงแตรเป่า ฟังให้ดี
4 เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่าอย่างนี้
“จากที่อาศัยของเรา เราจะคอยสังเกตอย่างเงียบๆ
เงียบเหมือนกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นในตอนกลางวันของฤดูร้อน
หรือเงียบเหมือนกับน้ำค้างที่ก่อตัวขึ้นในตอนเช้าของฤดูเก็บเกี่ยว
5 เพราะก่อนที่จะถึงฤดูเก็บเกี่ยว
เมื่อดอกบานหมดแล้วและดอกได้กลายเป็นผลองุ่นสุก
พระองค์ก็จะลิดพวกแขนงด้วยขอลิด
และพระองค์จะตัดกิ่งใหญ่ทิ้งไป
6 พวกเถาองุ่นนี้จะถูกทิ้งไว้ให้พวกนกจากภูเขา
และพวกสัตว์บนแผ่นดินมากินกัน
พวกนกนี้ก็จะพากันมากินในช่วงฤดูร้อน
และพวกสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดินก็จะพากันมากินในช่วงฤดูหนาว”
7 ในเวลานั้น ชนชาตินั้นที่มีรูปร่างสูงและผิวเรียบที่คนทั้งไกลและใกล้หวาดกลัว ก็จะนำพวกของขวัญมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น คนพวกนี้ที่เป็นชนชาติที่เข้มแข็งที่ชอบเหยียบย่ำชนชาติอื่นๆที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านจะเอาพวกของขวัญมาถวายในสถานที่ซึ่งประชาชนร้องออกชื่อของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นคือภูเขาศิโยน
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับคนอียิปต์
19 นี่คือข่าวสารเกี่ยวกับอียิปต์
ดูนั่นสิ พระยาห์เวห์กำลังขี่อยู่บนเมฆที่ลอยมาอย่างรวดเร็วมาที่อียิปต์
พวกเทพเจ้าของอียิปต์จะกลัวจนตัวสั่นต่อหน้าพระองค์
และความกล้าของคนอียิปต์ก็จะหลอมละลายไป
2 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยุแหย่ให้คนอียิปต์ต่อสู้กันเอง
พี่น้องรบกันเอง เพื่อนบ้านรบกันเอง
เมืองนี้จะรบกับเมืองนั้น
อาณาจักรนี้จะรบกับอาณาจักรนั้น
3 คนอียิปต์จะท้อแท้
เราจะทำให้แผนต่างๆของพวกเขาสับสน
พวกเขาจะขอคำปรึกษาจากพวกรูปเคารพ
จากพวกวิญญาณของคนตาย จากพวกคนทรงเจ้า จากพวกหมอดู
4 เราจะมอบอียิปต์ให้ไปตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้านายที่โหดร้าย
และกษัตริย์ที่มีอำนาจมากก็จะมาปกครองเหนือพวกเขา”
พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น
5 น้ำในแม่น้ำไนล์ก็จะเหือดแห้งไป
แม่น้ำจะแห้งสนิทไป
6 พวกคลองต่างๆก็จะเน่าเหม็น
พวกลำธารของอียิปต์ก็จะค่อยๆเหือดแห้งไป
พวกต้นกกและต้นอ้อก็จะเน่าไป
7 พวกพืชริมแม่น้ำไนล์จะหายไป
ทุกอย่างที่หว่านไปตลอดแนวของแม่น้ำไนล์ก็จะเหี่ยวแห้ง ถูกลมพัดไปและสูญหายไป
8 ชาวประมงจะเศร้าโศกเสียใจ
ทุกคนที่ตกเบ็ดในแม่น้ำไนล์จะร้องไห้ครวญคราง
และทุกคนที่ทอดแหในน้ำจะท้อแท้ไป
9 คนงานที่หวีป่านจะสิ้นหวัง
รวมทั้งคนที่ทอผ้าลินินด้วย
10 พวกช่างทอผ้าของพวกเขาจะหดหู่ใจ
คนพวกนั้นที่ทำงานรับจ้างก็จะเศร้าใจ
11 พวกผู้นำของเมืองโศอันนี่ โคตรโง่เลย
พวกที่ปรึกษาอันชาญฉลาดของฟาโรห์ก็ให้คำแนะนำที่โง่ๆ
พวกแกพูดกับฟาโรห์ได้ยังไงว่า
“ผมเป็นคนหนึ่งในพวกชาญฉลาดเป็นเชื้อสายของพวกกษัตริย์โบราณ”
12 อียิปต์เอ๋ย คนฉลาดของเจ้าหายไปไหนหมดแล้ว
ให้พวกเขามาบอกกับเจ้า และเปิดเผยให้เจ้ารู้สิว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมีแผนการต่อต้านอียิปต์ไว้อย่างไรบ้าง
13 พวกผู้นำของโศอันถูกหลอก
และพวกผู้นำของเมมฟิสโดนหลอกลวงไปแล้ว
พวกที่เป็นหินมุมเอกของเผ่าต่างๆของอียิปต์ได้นำอียิปต์หลงทางไป
14 พระยาห์เวห์ได้เทวิญญาณแห่งความสับสนเข้าไปในพวกเขา
แล้วพวกเขาทำให้อียิปต์เดินโซเซไปในทุกเรื่องที่ทำ เหมือนคนเมาเดินโซเซและลื่นลงไปในอ้วกของมัน
15 ไม่มีใครสามารถทำอะไรเพื่อช่วยอียิปต์ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นหัวหรือหาง
จะเป็นคนสำคัญหรือไม่สำคัญ[u] ก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้น
16 ในเวลานั้น คนอียิปต์จะเป็นเหมือนกับผู้หญิงตัวสั่นเทิ้มและกลัว เมื่อพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเงื้อมือขึ้นจะฟาดพวกเขา 17 แผ่นดินของยูดาห์จะกลายเป็นที่น่าหวาดกลัวสำหรับอียิปต์ พูดถึงคนยูดาห์เมื่อไหร่ คนอียิปต์ก็เกิดความกลัวเมื่อนั้น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้วางแผนต่อต้านอียิปต์
18 ในเวลานั้นจะมีอยู่ห้าเมืองในแผ่นดินอียิปต์ที่พูดภาษาของคนคานาอัน[v] และพวกเขาจะสาบานที่จะจงรักภักดีต่อพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น และเมืองหนึ่งในห้าเมืองนั้นจะถูกเรียกว่า “เมืองแห่งดวงอาทิตย์”[w]
19 ในเวลานั้นจะมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งสำหรับพระยาห์เวห์ในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์ และมีอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ตรงพรมแดนของอียิปต์ 20 มันจะเป็นเครื่องเตือนใจและพยานในแผ่นดินอียิปต์ถึงพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เมื่อผู้คนร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์เพราะถูกกดขี่ข่มเหงจากศัตรูของพวกเขา พระองค์ก็จะส่งผู้ช่วยให้รอดมาให้พวกเขาและผู้ช่วยนั้นจะมาสู้เพื่อพวกเขาและช่วยให้พวกเขารอด 21 พระยาห์เวห์จะสอนคนอียิปต์เกี่ยวกับพระองค์ และคนอียิปต์ก็จะได้รู้จักพระองค์ในเวลานั้น และพวกเขาก็จะได้มานมัสการพระองค์ ถวายเครื่องบูชาและของขวัญต่างๆและพวกเขาก็บนบานและแก้บนต่อพระยาห์เวห์ 22 พระยาห์เวห์จะตีสอนอียิปต์ ทั้งตีสอนและรักษา พวกเขาจะหันมาหาพระยาห์เวห์และพระองค์ก็จะฟังคำอธิษฐานของพวกเขาและรักษาพวกเขา
23 ในเวลานั้นก็จะมีทางหลวงจากอียิปต์ ไปอัสซีเรีย[x] คนอัสซีเรียจะเข้ามาที่อียิปต์และคนอียิปต์ก็จะเข้าไปที่อัสซีเรีย แล้วพวกเขาก็จะนมัสการพระเจ้าด้วยกัน
24 ในเวลานั้น อิสราเอลจะมาร่วมกับอียิปต์และอัสซีเรีย เป็นสามชนชาติด้วยกัน พวกเขาจะเป็นพระพรในโลกนี้ 25 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะอวยพรพวกเขาว่า “อียิปต์ เราจะอวยพรเจ้า เจ้าเป็นคนของเรา อัสซีเรีย เราจะอวยพรเจ้า เจ้าเป็นผลงานจากมือของเรา อิสราเอล เราจะอวยพรเจ้า เจ้าเป็นทรัพย์สมบัติของเรา”
อัสซีเรียจะชนะอียิปต์และเอธิโอเปีย
20 ในปีที่กษัตริย์ซาร์กอน[y] แห่งอัสซีเรียได้ส่งแม่ทัพใหญ่ของเขามาที่อัชโดด และเขาได้ต่อสู้กับเมืองอัชโดดและยึดเมืองนั้นไว้ได้ 2 ในช่วงเวลานั้น พระยาห์เวห์ส่งข่าวสารโดยผ่านทางตัวอย่างของอิสยาห์ลูกชายของอามอส พระองค์พูดกับอิสยาห์ว่า “ไปถอดผ้ากระสอบนั้นออกจากตัวเจ้า และถอดรองเท้าสานด้วย” แล้วอิสยาห์ก็ทำตามนั้น เขาจึงเดินเท้าเปล่าไปมาสวมแต่กางเกงชั้นใน
3 พระยาห์เวห์พูดว่า “อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเท้าเปล่าสวมแต่กางเกงชั้นในเป็นเวลาสามปี นี่เป็นสิ่งเตือนใจและรางบอกเหตุให้กับอียิปต์และเอธิโอเปีย[z] 4 เพราะกษัตริย์ของอัสซีเรีย จะจับคนอียิปต์ไปเป็นเชลยและกวาดต้อนชาวเอธิโอเปียไป ทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่ เปลือยกายและเท้าเปล่า เปิดก้นให้เห็น ทำให้อียิปต์อับอายยิ่งนัก 5 คนเหล่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับเอธิโอเปีย และมีความมั่นใจในอียิปต์ จะต้องตกใจกลัวและผิดหวัง”
6 ในเวลานั้น คนที่อาศัยอยู่แถบทะเลจะพูดว่า “ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้นที่เป็นความหวังของเรา เราอุตส่าห์วิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา เพื่อจะได้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากกษัตริย์อัสซีเรีย แล้วทีนี้พวกเราจะหนีรอดไปได้ยังไง”
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับบาบิโลน
21 นี่คือข่าวสารเกี่ยวกับบาบิโลน[aa]
มีสิ่งหนึ่งมาจากทะเลทราย
เหมือนกับพายุใหญ่พัดมาจากเนเกบ
มันมาจากดินแดนอันน่าสะพรึงกลัว
2 ผมได้เห็นนิมิตที่เลวร้าย ในนิมิตนั้น
ผมเห็นพวกคนทรยศกำลังหักหลังเจ้า
ผมเห็นพวกผู้ทำลายกำลังยึดทรัพย์สมบัติเจ้า
พระยาห์เวห์ว่า “เอลาม ขึ้นไปโจมตีเลย
มีเดีย โอบล้อมโจมตีบาบิโลนเลย
เราจะหยุดเสียงร้องครวญครางของชนชาติทั้งหลายที่บาบิโลนก่อขึ้น”
3 เมื่อผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ผมเจ็บปวดไปทั่วท้อง
อย่างกับผู้หญิงเจ็บตอนคลอดลูก
สิ่งที่ผมได้ยินมาทำให้ผมวุ่นวายใจ
สิ่งที่ผมเห็นมาทำให้ผมหวาดกลัว
4 จิตใจของผมหมุนติ้วไปหมด ผมตัวสั่นงันงกไปด้วยความกลัว
ค่ำคืนอันแสนหวานของผมกลับทำให้ผมกลัวจนตัวสั่น
5 พวกเขาตั้งโต๊ะ
ปูพรม
กินและดื่มกัน
แล้วมีคนร้องว่า ลุกขึ้น พวกแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
เตรียมโล่สำหรับรบ
6 พระยาห์เวห์บอกกับผมว่า “ไปตั้งทหารยามคนหนึ่ง
เมื่อเขาเห็นอะไร ก็ให้มารายงาน
7 เมื่อเขาเห็นพวกรถรบลากด้วยม้าเป็นคู่ๆ
คนขี่ลา คนขี่อูฐ
ให้เขาตื่นตัวเต็มที่
ให้ระวังอย่างเต็มที่”
8 แล้วทหารยาม[ab]ก็ร้องว่า “ข้าแต่องค์เจ้าชีวิตข้าพเจ้ายืนเฝ้ายามอยู่บนหอคอยทุกวัน
และข้าพเจ้ายืนอยู่ประจำที่ทุกคืน
9 ดูสิ มีรถรบคันหนึ่งที่ลากด้วยม้าคู่หนึ่ง
แล้วคนบนรถรบนั้นร้องตะโกนว่า
‘บาลิโลนล่มสลายแล้ว[ac] มันล่มสลายแล้ว
และพวกรูปปั้นเทพเจ้าของมันทั้งหมดก็ถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆอยู่บนดิน’”
10 คนของเราเอ๋ย พวกเจ้าที่ถูกนวด พวกเจ้าที่ถูกฝัดร่อน
ผมได้ยินอะไรมาจากพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผมก็ประกาศไปอย่างนั้น
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับดูมาห์
11 นี่เป็นข่าวสารเกี่ยวกับดูมาห์[ad]
มีคนหนึ่งเรียกผมจากเมืองเสอีร์
“ยาม คืนนี้มีข่าวอะไรจากดูมาห์ไหม
ยาม คืนนี้มีข่าวอะไรไหม”
12 ทหารยามตอบว่า
“ผ่านไปวันหนึ่งกับคืนหนึ่งแล้วไม่มีข่าวอะไรเลย[ae]
ถ้าอยากจะถาม
ค่อยกลับมาถามใหม่นะ”
ข่าวสารของพระเจ้าถึงอาระเบีย
13 นี่คือข่าวสารเกี่ยวกับอาระเบีย[af]
ขบวนพ่อค้าจากเดดานเอ๋ย
เจ้าจะค้างคืนอยู่ตามพุ่มไม้ในทะเลทรายอาระเบีย
14 ชาวแผ่นดินเทมาเอ๋ย
ให้เอาน้ำออกมาให้คนที่หิวกระหายด้วย
ให้เอาขนมปังออกมาเลี้ยงคนที่ลี้ภัยด้วย
15 เพราะพวกเขาได้หนีจากคมดาบมา
หนีจากดาบที่ชักจากฝักพร้อมฟันแล้ว
หนีจากคันธนูที่ง้างพร้อมยิงแล้ว
หนีจากการสู้รบอย่างหนัก
16 องค์เจ้าชีวิต พูดกับผมอย่างนี้ว่า “ในหนึ่งปี ตรงเผงอย่างกับที่ลูกจ้างนับเวลาที่เขาตกลงจะทำงาน ศักดิ์ศรีทั้งหมดของเคดาร์[ag] จะจบสิ้นไป 17 จำนวนนักรบแม่นธนูในกองทัพเคดาร์จะเหลือน้อยมาก” เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้ลั่นคำพูดไปแล้ว
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับเยรูซาเล็ม
22 นี่คือข่าวสารเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนิมิต[ah]
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าทุกคน
ถึงได้ขึ้นไปบนดาดฟ้ากัน
2 ทำไมพวกเจ้าถึงได้โห่ร้องกันใหญ่
ทำไมทั้งเมืองถึงส่งเสียงวุ่นวายอย่างนี้
ทำไมพวกเจ้าถึงยังมีหน้ามาเฉลิมฉลองกัน
ถึงคนของเจ้าไม่ได้ตายด้วยดาบในสนามรบ
แต่ก็ต้องมาตายด้วยความอดอยากและโรคระบาด
3 พวกผู้นำของเจ้าต่างก็พากันหนีไปด้วยกัน
แต่พวกเขาก็ถูกจับหมด ไม่มีแม้แต่คันธนูติดตัว
พวกเจ้าที่ไปแอบซ่อนก็ถูกจับมาพร้อมๆกัน
ถึงแม้พวกเจ้าจะหนีไปไกลแล้วก็ตาม
4 ดังนั้นผมถึงพูดว่า “อย่ามองผม
ให้ผมร้องไห้อย่างขมขื่น
ไม่ต้องพยายามมาปลอบโยนผมในเรื่องที่พวกคนที่ผมรักถูกทำลาย”
5 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ได้เลือกวันหนึ่งไว้แล้ว
ในวันนั้นมีการจลาจลเหยียบย่ำกันและความสับสนวุ่นวายขึ้นในหุบเขาแห่งนิมิต
กำแพงเมืองถูกทำลายลง
และคนในหุบเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่บนภูเขา
6 คนเอลามได้หยิบเอาคันธนูของตน
ขึ้นรถรบและขึ้นม้า และทหารจากคีร์เตรียมโล่ไว้พร้อม
7 ตอนนั้น พวกหุบเขาที่ดีที่สุดของท่านเต็มไปด้วยรถรบ
และทหารม้าก็เข้าประจำที่อยู่ตรงประตูเมือง
8 แต่พระองค์ได้เอาการปกป้องคุ้มครองของยูดาห์ไป
ในเวลานั้น พวกเจ้าได้ไว้วางใจในอาวุธที่เก็บไว้ที่วังป่า[ai]
9 พวกเจ้าได้ตรวจดูช่องโหว่หลายแห่งตรงกำแพงเมืองของดาวิด พวกเจ้าได้เก็บสะสมน้ำที่เอามาจากสระน้ำด้านล่าง 10 พวกเจ้าได้นับจำนวนบ้านของเยรูซาเล็มและได้รื้อบ้านไปหลายหลังเพื่อเอาอิฐมาซ่อมแซมกำแพง 11 พวกเจ้าได้สร้างที่กักเก็บน้ำในซอกระหว่างกำแพงด้านนอกกับด้านใน เพื่อรับน้ำที่ไหลลงมาจากสระเก่า แต่พวกเจ้ากลับไม่ได้ไว้วางใจในผู้นั้นที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา พวกเจ้าไม่ได้นับถือผู้นั้นที่ได้ออกแบบมันนานมาแล้ว
12 ในวันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเรียกให้คนร้องไห้และโศกเศร้า
เรียกให้คนโกนหัวและใส่เสื้อผ้ากระสอบไว้ทุกข์
13 แต่ดูสิ ผู้คนกลับจัดงานเลี้ยงฉลองกัน
ฆ่าวัวฆ่าแกะ
กินเนื้อและดื่มเหล้าองุ่นกันอย่างสนุกสนาน
และพูดกันว่า “พวกเรามากินและดื่มกันเถอะ
เพราะพรุ่งนี้เราก็จะตายกันแล้ว”
14 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เปิดเผยสิ่งนี้ให้ผมได้ยินกับหูว่า
“บาปที่พวกเจ้าทำนี้จะไม่ได้รับการอภัยแน่ตราบเท่าวันตาย”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ลั่นคำพูดไว้อย่างนั้น
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับเชบนา
15 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า “ให้ไปหานายคนนี้ คือเชบนาผู้ดูแลวัง 16 ให้บอกกับเขาว่า ‘เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้ามีญาติที่ถูกฝังอยู่ที่นี่หรือ เจ้าถึงได้สกัดหลุมฝังศพให้กับตัวเองที่นี่ สกัดหลุมฝังศพซะสูงเลยนะ เจ้าสกัดที่พักอันสงบในหินผานั้นอย่างนั้นหรือ’
17 เจ้า ดูสิ พระยาห์เวห์กำลังจะขว้างเจ้าออกไปอย่างแรง พระองค์กำลังจะจับเจ้าไว้แน่นๆ 18 และพระองค์ก็จะม้วนเจ้าให้แน่นๆและขว้างเจ้าออกไปเหมือนกับลูกบอล เข้าไปในแผ่นดินที่กว้างขวาง เจ้าจะตายที่นั่น และพวกรถรบที่เจ้าภูมิใจหนักหนาก็จะถูกทิ้งไว้ที่นั่นด้วย เจ้าได้นำความอับอายขายหน้ามาให้กับครัวเรือนของนายเจ้า 19 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะผลักเจ้าออกจากตำแหน่งที่สำคัญของเจ้า และเจ้าก็จะถูกกระชากลงจากตำแหน่งของเจ้า 20 ในวันนั้น เราจะเรียกผู้รับใช้ของเรามาคือ เอลียาคิมลูกของฮิลคียาห์ 21 เราจะเอาเสื้อคลุมของเจ้าสวมให้กับเขา เราจะเอาผ้ารัดเอวของเจ้ามารัดให้กับเขา และมอบอำนาจของเจ้าให้อยู่ในมือเขา และเขาจะเป็นเหมือนพ่อของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มและครอบครัวของยูดาห์ทั้งหมด
22 เราจะให้กุญแจวังของดาวิดกับเขาและความรับผิดชอบนั้นจะตกอยู่บนบ่าของเขา สิ่งที่เขาเปิด จะไม่มีใครปิดได้ และสิ่งที่เขาปิดก็จะไม่มีใครเปิดได้ 23 เขาจะเป็นเหมือนบัลลังก์ที่มีเกียรติสำหรับครอบครัวของพ่อเขา เราจะทำให้เขามั่นคงเหมือนกับหมุดที่ตอกไว้ในที่มั่นคงแน่นหนา 24 แต่น้ำหนักทั้งหมดของครอบครัวเขาก็จะแขวนอยู่บนเขา ทั้งลูกหลานและเครือญาติทั้งหมด ที่เปรียบเหมือนถ้วยเล็กๆทั้งหมดไปจนถึงเหยือกใหญ่ๆทั้งสิ้น ก็จะแขวนอยู่บนเขา’”
25 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ได้บอกว่า “หมุดที่ได้ตอกไว้ในที่ที่มั่นคงแน่นหนานั้นจะหลุดออกมา มันจะถูกตัดและตกลงมา และภาระทุกอย่างที่แขวนอยู่บนมันก็จะถูกทำลายไปหมด เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น”
ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับเมืองไทระและดินแดนฟีนีเซีย
23 นี่คือข่าวสารเกี่ยวกับเมืองไทระ
เรือบรรทุกทั้งหลายของทารชิช เอ๋ย
ร้องไห้คร่ำครวญซะ
เพราะท่าจอดเรือของเจ้าถูกทำลายหมดแล้ว
พวกเขาได้ข่าวเรื่องนี้ในระหว่างที่มาจากแผ่นดินไซปรัส
2 พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง คร่ำครวญซะ
พ่อค้าของเมืองไซดอนเคยข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำให้เจ้าร่ำรวย
3 ข้าวสาลีแห่งเมืองชิโหร์ในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ส่งมาทางเรือผ่านทะเลอันกว้างใหญ่
รายได้ของเมืองไทระมาจากการเก็บเกี่ยวจากแถบลุ่มแม่น้ำไนล์
และไทระก็ได้กลายเป็นตลาดการค้าของชนชาติต่างๆ
4 ไซดอนเอ๋ย เจ้าควรจะอับอาย
ป้อมปราการของทะเลเอ๋ย
ทะเลได้พูดกับเจ้าว่า
“ข้าไม่เคยเจ็บปวดคลอดลูก ข้าไม่เคยคลอดลูก
ข้าไม่เคยเลี้ยงลูกจนเป็นหนุ่ม ข้าไม่เคยเลี้ยงลูกจนเป็นสาว”
5 เมื่อข่าวพวกนั้นมาถึงอียิปต์
พวกเขาจะเป็นทุกข์เพราะข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทระนั้น
6 พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล
ให้ร้องไห้คร่ำครวญและให้ขึ้นเรือหนีไปเมืองทารชิชเถิด
7 นี่หรือเมืองไทระที่เคยเป็นเมืองที่พวกเจ้าภูมิใจนักหนาซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีมาช้านานแล้ว
เป็นเมืองที่เคยส่งคนไปสร้างอาณานิคมทั้งหลายในแดนไกล
8 ไทระเคยมีอำนาจแต่งตั้งพวกกษัตริย์ได้
พวกนักธุรกิจของไทระเคยได้รับการยกย่องอย่างกับเป็นเจ้าชาย
พวกพ่อค้าของไทระเคยเป็นพวกที่ได้รับเกียรติมากที่สุดในโลก
ใครได้บังอาจวางแผนต่อต้านเมืองไทระอย่างนี้
9 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเป็นผู้วางแผนนี้เอง
เพื่อทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งหมดของมัน
เพื่อทำให้ผู้มีเกียรติทุกคนในโลกขายหน้าไป
10 พวกเรือทั้งหลายของทารชิชเอ๋ย
ข้ามกลับไปยังแผ่นดินของเจ้าได้แล้ว
เจ้าจะมาใช้ที่นี่เป็นท่าเรือไม่ได้อีกแล้ว[aj]
11 พระองค์ได้ยื่นมือของพระองค์ออกเหนือทะเล
พระองค์เขย่าอาณาจักรต่างๆ
พระยาห์เวห์ออกคำสั่งให้ทำลายพวกป้อมปราการของคานาอัน[ak]
12 พระองค์พูดว่า
“ไซดอนสาวพรหมจรรย์เอ๋ย เจ้าจะถูกข่มขืน
เจ้าจะไม่ชื่นชมยินดีอีกต่อไป
ลุกขึ้น ไปที่ไซปรัสสิ
แต่ที่นั่นก็จะไม่มีที่ให้เจ้าหยุดพักเหมือนกัน”
13 ดูแผ่นดินของคนบาบิโลนสิ เป็นชนชาตินี้แหละ ไม่ใช่คนอัสซีเรีย
ที่ทำให้ไทระเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า
พวกเขาก่อเนินดินขึ้นมาบุกโจมตีป้อมปราการ
พวกเขารื้อวังต่างๆทิ้งไป พวกเขาทำให้มันกลายเป็นซากปรักหักพัง
14 เรือบรรทุกทั้งหลายของทารชิชเอ๋ย ร้องไห้คร่ำครวญซะ
เพราะท่าจอดเรือของเจ้าถูกทำลายหมดแล้ว
15 ในเวลานั้น ไทระจะถูกลืมไปเป็นเวลาเจ็ดสิบปี
นานเท่ากับชั่วชีวิตของกษัตริย์หนึ่งองค์ พอจบเจ็ดสิบปีนั้นแล้ว ไทระก็จะเป็นเหมือนโสเภณีในเพลงที่ร้องว่า
16 “หญิงโสเภณีที่ถูกลืมเอ๋ย
เอาพิณขึ้นมาและเดินไปให้ทั่วเมือง
เล่นพิณนั้นให้เพราะๆร้องเพลงหลายๆเพลง
เพื่อผู้ชายจะได้จดจำเจ้าได้”
17 เมื่อเจ็ดสิบปีนั้นจบไปแล้ว พระยาห์เวห์ก็จะมาฟื้นฟูเมืองไทระ แล้วไทระก็จะกลับมาค้าขายอีก และเธอก็จะขายตัวให้กับอาณาจักรทุกแห่งบนแผ่นดินโลกนี้ 18 แต่ว่าสินค้าและรายได้ของหล่อน หล่อนจะถวายให้กับพระยาห์เวห์ หล่อนจะไม่ได้เก็บสะสมกำไรของหล่อนเอาไว้ใช้เอง แต่สินค้าของหล่อนจะกลายเป็นอาหารอย่างเหลือเฟือ และเสื้อผ้าอย่างดีสำหรับพวกนักบวชที่อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์
พระเจ้าจะลงโทษอิสราเอล
24 ดูสิ พระยาห์เวห์กำลังจะทำลายโลกนี้แล้วและปล่อยให้มันรกร้างว่างเปล่า
พระองค์จะทำให้พื้นผิวโลกบิดเบี้ยวไปและทำให้พลเมืองของมันกระจัดกระจายไป
2 เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับทุกคนเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือนักบวช
ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเจ้านาย
ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้หรือนายผู้หญิง
ไม่ว่าจะเป็นคนซื้อหรือคนขาย
ไม่ว่าจะเป็นคนยืมหรือคนให้ยืม
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้
3 โลกจะถูกทำลายลงอย่างราบคาบทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกปล้นไปจนเกลี้ยง
เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนี้
4 โลกก็จะแห้งแล้งและเหี่ยวเฉาไป
โลกก็จะอ่อนกำลังลงและเหี่ยวเฉาไป
ฟ้าสวรรค์ก็จะอ่อนแอไปพร้อมกับโลก
5 ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกได้ทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนไปในสายตาพระเจ้า
พวกเขาได้ฝ่าฝืนกฎต่างๆและละเมิดคำสั่งทั้งหลาย
และหักทิ้งคำมั่นสัญญานิรันดร์ที่เขากับพระเจ้ามีต่อกัน
6 เพราะอย่างนั้น โลกก็ถูกคำสาปกลืนกิน
และคนที่อาศัยอยู่ในโลกก็ถูกลงโทษเพราะความผิดของพวกเขา
ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกจึงได้ร่อยหลอไป เหลือไม่กี่คน
7 เหล้าองุ่นใหม่ก็เศร้าโศกเสียใจ
เถาองุ่นก็อ่อนแอไป
ทุกคนที่เคยร่าเริงก็ครวญคราง
8 การเฉลิมฉลองกันด้วยกลองได้หยุดไป
เสียงของคนที่ดีอกดีใจก็ไม่มีอีกแล้ว
การเฉลิมฉลองด้วยพิณก็ได้หยุดไป
9 พวกเขาไม่ดื่มเหล้าองุ่นพร้อมกับร้องเพลงอีกแล้ว
รสชาติเบียร์ก็ขมเกินไปสำหรับคนที่ดื่มมัน
10 เมืองแตกกระจายและสับสนอลหม่านไป
บ้านทุกหลังก็ปิดไม่ให้คนเข้า
11 ตามท้องถนนก็มีเสียงร้องเพราะขาดเหล้าองุ่นดื่ม
ความสนุกสนานได้จางหายไป
ความยินดีของโลก[al]ถูกกวาดต้อนไป
12 ในเมืองไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความรกร้างว่างเปล่า
ประตูเมืองก็โดนกระหน่ำซะเละไปหมด
13 มันจะเป็นอย่างนี้ในศูนย์กลางของโลก[am]
ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
จะเป็นเหมือนตอนที่กิ่งต้นมะกอกถูกตีไปแล้วในช่วงเก็บเกี่ยว
หรือตอนที่เหลือองุ่นไม่กี่ลูกตอนที่ฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นผ่านไปแล้ว
14 คนที่เหลือเหล่านั้นตะโกนเสียงดัง
พวกเขาร้องสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์อย่างมีความสุข พวกเขาร้องว่า
15 “ตะโกนจากตะวันตก เฉลิมฉลองในทางตะวันออกถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์
ที่แถบชายฝั่งทะเลถวายเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล”
16 พวกเราได้ยินเสียงเพลงจากที่สุดปลายโลกว่า
“ถวายเกียรติให้กับพระองค์ผู้สัตย์ซื่อนั้น”
แต่ผมพูดว่า “ผมกำลังจะตาย ผมกำลังจะตาย
ผมรู้สึกอับอายขายหน้า
เพราะพวกที่ทรยศไม่สัตย์ซื่อ
พวกทรยศ ไม่สัตย์ซื่อเลย”
17 คนที่อาศัยอยู่ในโลกเอ๋ย
ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตื่นตระหนกตกใจ ตกหลุมพรางและติดตาข่ายแล้ว
18 คนที่วิ่งหนีเสียงที่น่าตกใจกลัวก็จะตกลงไปในหลุมพราง
และคนที่ปีนขึ้นมาจากหลุมพรางก็จะติดตาข่ายอีก
เพราะพวกช่องสวรรค์ทั้งหลายถูกเปิดเทน้ำลงมา
และรากฐานต่างๆของโลกก็สั่นสะเทือน
19 โลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
โลกฉีกเป็นชิ้นๆ
โลกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
20 โลกส่ายโซเซเหมือนคนเมา
และมันเอนเอียงไปมาเหมือนเพิงใต้พายุ
มันแบกความผิดของมันไว้จนหนักอึ้ง
และมันก็ล้มลงและจะไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก
ชัยชนะของพระยาห์เวห์
21 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์จะลงโทษพวกพระแห่งดวงดาวบนสวรรค์เบื้องบน
และพวกกษัตริย์ในโลกเบื้องล่าง
22 และพวกเขาจะถูกรวบรวมเหมือนกับนักโทษในหลุม
พวกเขาจะถูกขังไว้ในคุก
และหลังจากนั้นอีกหลายวันพวกเขาก็จะถูกลงโทษ
23 พระจันทร์จะได้รับความอับอาย
พระอาทิตย์จะถูกทำให้ขายหน้า
เพราะพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะปกครองเป็นกษัตริย์บนภูเขาศิโยนในเมืองเยรูซาเล็ม
และสง่าราศีของพระองค์จะปรากฏต่อหน้าพวกผู้อาวุโสของเมืองนั้น
เพลงสรรเสริญพระเจ้า
25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระเจ้าของผม
ผมจะยกย่องพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
พระองค์ได้วางแผนพวกมันมานานแล้วและพวกมันก็เกิดขึ้นจริงตามนั้น
2 พระองค์ทำให้เมืองกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
พระองค์ทำลายเมืองที่มีป้อมปราการลง
ป้อมปราการของคนต่างชาติก็ไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
และมันจะไม่มีวันถูกสร้างขึ้นมาอีกแล้ว
3 ดังนั้น พวกชนชาติเข้มแข็งจึงถวายเกียรติให้กับพระองค์
พวกเมืองต่างๆของชนชาติที่โหดเหี้ยมทั้งหลายจะยำเกรงพระองค์
4 เพราะพระองค์ได้เป็นที่หลบภัยสำหรับคนจน
เป็นที่หลบภัยสำหรับคนที่ขัดสนเมื่อเขาเดือดร้อน
เป็นที่กำบังจากพายุ และเป็นร่มเงากันความร้อน
เมื่อคนโหดเหี้ยมโหมพัดเข้าใส่เหมือนกับพายุในหน้าหนาว
5 หรือเหมือนกับความร้อนในที่แห้งแล้ง
พระองค์หยุดเสียงเอะอะของพวกคนต่างชาติพวกนี้ลง
พระองค์ดับเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะของคนเหี้ยมโหดลง
เหมือนกับที่เมฆดับความร้อนลง
พระยาห์เวห์จะจัดงานเลี้ยงให้กับพวกผู้รับใช้ของพระองค์
6 บนภูเขานี้ พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะจัดงานเลี้ยงให้กับทุกชนชาติ
เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่บ่มมาอย่างดี
มีเนื้อที่นุ่มนวลและเหล้าองุ่นที่กรองตะกอนแล้ว
7 และบนภูเขานี้พระองค์จะทำลายผ้าที่คลุมหน้าคนทั้งหลาย
ผ้าทอที่ครอบคลุมอยู่เหนือทุกชนชาติ
8 พระองค์จะกลืนกินความตายตลอดไปและพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจะเช็ดน้ำตาจากทุกๆใบหน้า
และพระองค์จะขจัดความอับอายที่คนของพระองค์ได้รับให้หายไปจากทั้งโลก
เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
9 ในเวลานั้นผู้คนจะพูดว่า
“ดูสิ นี่คือพระเจ้าของเรา
เรารอคอยพระองค์
และพระองค์ก็ได้มาช่วยกู้พวกเราแล้ว
นี่แหละพระยาห์เวห์ผู้ที่พวกเราได้ตั้งตารอคอย
ขอให้พวกเราชื่นชมยินดีและมีความสุขเมื่อพระองค์มาช่วยกู้พวกเรา”
10 เพราะมือของพระองค์จะวางปกป้องอยู่บนภูเขาของพระองค์
แต่พวกชาวโมอับจะถูกเหยียบย่ำลงในที่ของพวกเขานั้น เหมือนกับฟางที่ถูกเหยียบย่ำลงในกองขี้
11 และพวกชาวโมอับก็จะกางแขนของพวกเขาในกองขี้นั้นเหมือนกับนักว่ายน้ำกางแขนออกว่ายน้ำ
พระยาห์เวห์จะกดความหยิ่งจองหองของพวกเขาลง ถึงแม้จะมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม
12 ชาวโมอับ พระองค์จะรื้อป้อมปราการที่สูงใหญ่ของพวกเจ้า
ทำให้มันพังลง โยนลงกับพื้น คลุกฝุ่นไปเลย
เพลงที่ร้องสรรเสริญพระเจ้า
26 ในเวลานั้นจะมีการร้องเพลงนี้ในแผ่นดินของยูดาห์
“พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา เป็นเมืองที่เข้มแข็งของเรา
พระองค์ประทานกำแพงและป้อมปราการต่างๆให้[an]
2 ให้เปิดประตูเมืองเถิด
เพื่อชนชาติที่ดีที่จงรักภักดีต่อพระองค์จะได้เข้ามา
3 พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ประทานสันติสุขแท้จริงให้กับใจที่พึ่งพิงในพระองค์นั้น
เพราะพวกเขาไว้วางใจในพระองค์
4 ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์เสมอ
เพราะในพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์นั้นแหละ เจ้ามีหินหลบภัยอันถาวร
5 พระองค์กดให้คนพวกนั้นที่อยู่สูงเลิศเลอตกต่ำลง
พระองค์ทำให้เมืองสูงส่งล้มลง
พระองค์ทำให้มันล้มลงกับพื้นดิน
และพระองค์ก็โยนมันลงไปคลุกฝุ่น
6 มีเท้าเหยียบย่ำไปบนมัน
คือเท้าของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง
คือย่างเท้าของคนที่ขัดสน”
คนของพระเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
7 ทางของคนดีถูกปรับให้ราบเรียบ
ข้าแต่องค์ผู้ยุติธรรม พระองค์ทำให้ถนนของคนดีนั้นราบรื่น
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเราตั้งตารอคอยพระองค์
ในขณะที่เราเดินบนเส้นทางแห่งคำสั่งทั้งหลายของพระองค์
จิตวิญญาณของพวกเราอยากที่จะให้ชื่อเสียงและเกียรติของพระองค์เพิ่มขึ้น
9 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึงพระองค์ในตอนกลางคืน
จิตวิญญาณภายในตัวข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตอนรุ่งอรุณ
เพราะเมื่อการตัดสินต่างๆของพระองค์เกิดขึ้นในโลกนี้
ชาวโลกเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
10 ถ้าแสดงความเมตตาต่อคนชั่วช้า
พวกเขาก็ไม่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างถูกต้องหรอก
ถึงแม้จะอยู่ในดินแดนที่คนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องกัน พวกคนชั่วช้าก็ยังทำตัวเลวร้ายอยู่ดี
และพวกเขาก็ไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ด้วย
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เงื้อมือขึ้นมาเตรียมฟาด
แต่พวกเขามองไม่เห็น
ขอให้พวกเขาเห็นถึงความรักอันแรงกล้าที่พระองค์มีต่อคนของพระองค์ ขอให้พวกเขาอับอายต่อสิ่งที่เขาได้ทำกับพวกเรา
ขอให้เผาพลาญพวกเขาด้วยไฟที่พระองค์เตรียมไว้สำหรับศัตรูของพระองค์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ให้พวกเราอยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิด
ทุกเรื่องที่เราได้ทำสำเร็จนั้น พระองค์เป็นผู้ทำให้มันสำเร็จเพื่อเรา
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
พวกเจ้านายคนอื่นๆที่ไม่ใช่พระองค์ได้ครอบครองเหนือพวกเรา
แต่พวกเราให้เกียรติกับชื่อของพระองค์เท่านั้น
14 คนตายจะไม่มีชีวิตอยู่อีก
และผีก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
อย่างนั้นขอให้พระองค์ลงโทษและฆ่าทำลายพวกศัตรูของพวกเรา
ขอให้พระองค์ลบชื่อของพวกมันให้หมดไป
15 แต่ขอให้พระองค์เพิ่มพูนชนชาติของพวกเรา
ขอให้พระองค์เพิ่มพูนชนชาติของพวกเราให้มากขึ้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติ
ขอให้พระองค์ขยายเขตแดนของแผ่นดินทั้งหมด
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่พวกเราเดือดร้อน พวกเราแสวงหาพระองค์
ตอนที่พระองค์ตีสอนพวกเรา พวกเราก็ร้องด้วยความเจ็บปวด
17 เหมือนกับผู้หญิงท้องที่ดิ้นไปมาและร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อใกล้คลอด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทำให้พวกเราเป็นอย่างนั้น
18 พวกเราตั้งท้อง พวกเราดิ้นไปมา
พวกเราคลอดลูก คลอดแต่ลมออกมา
เราไม่ได้นำความรอดมาให้กับแผ่นดิน
และเราไม่ได้คลอดพลเมืองใหม่ออกมาให้กับโลก
19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกคนที่ตายไปแล้วของเจ้าจะมีชีวิตอยู่ พวกศพของคนของเราจะฟื้นขึ้น
พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในฝุ่นเอ๋ย ตื่นขึ้นมา ร้องเพลงอย่างมีความสุขเถิด
เพราะพวกเจ้าจะงอกขึ้นมาเหมือนพืชที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างในตอนเช้า
และผืนดินนี้จะคลอดคนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วออกมา”
ให้อดทนคอยความยุติธรรม
20 มาเถิด คนของเราเข้าไปในห้องส่วนตัวและปิดประตูซะ
ซ่อนตัวสักพักจนกว่าความโกรธของพระยาห์เวห์จะผ่านพ้นไป
21 เพราะพระยาห์เวห์กำลังออกมาจากสถานที่ของพระองค์
เพื่อมาลงโทษชาวโลกสำหรับความผิดบาปของพวกเขา
โลกนี้ก็จะเปิดโปงให้เห็นถึงเลือดที่เคยหลั่งบนมัน
และมันก็จะไม่ปกปิดคนที่ถูกฆ่าอีกต่อไป
27 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์จะลงโทษเลวีอาธาน[ao]
พญานาคตัวนั้นที่กำลังหนีไป
ด้วยดาบที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังและทำลายล้างของพระองค์
เลวีอาธานเป็นพญานาคที่คดเคี้ยวไปมา
พระองค์จะฆ่าพญานาคตัวนั้นที่อยู่ในทะเล[ap]
พระเจ้าจะช่วยกู้อิสราเอล
2 ในเวลานั้นจะมีสวนองุ่นที่น่าชื่นชมอยู่สวนหนึ่ง
ให้ร้องเพลงเกี่ยวกับสวนองุ่นนั้นกันเถอะ
3 “เรา ยาห์เวห์ เป็นคนเฝ้าดูแลมันเอง
เรารดน้ำมันสม่ำเสมอ
เราเฝ้ามันทั้งวันทั้งคืน
เพื่อจะได้ไม่มีใครมาทำร้ายมัน
4 เราไม่ได้เคียดแค้นมัน
แต่ถ้ามันเกิดหนามและหญ้าคาขึ้นมาให้กับเรา
เราก็จะบุกเข้าไปสู้รบกับพวกมัน
และจะเผาพวกหนามและหญ้าคาพวกนั้นทิ้งให้หมด
5 อย่างนั้น ให้มันมาหาเราเพื่อให้เราปกป้อง
ให้มันทำสัญญาสงบศึกกับเรา
ให้มันทำสัญญาสงบศึกกับเราดีกว่า”
6 ในวันเหล่านั้นที่จะมาถึง คนของยาโคบจะหยั่งราก
คนของอิสราเอลจะผลิดอกและแตกหน่อ
และทั้งโลกจะเต็มไปด้วยผลของพวกเขา
7 พระองค์ตีอิสราเอลเหมือนกับที่พระองค์ตีคนที่ตีอิสราเอลหรือ
คนอิสราเอลถูกฆ่าเท่ากับคนที่ฆ่าพวกเขาถูกฆ่าหรือ
8 พระองค์ได้ดำเนินคดีของพระองค์กับอิสราเอล
พระองค์ขับไล่ไสส่งอิสราเอลออกไปด้วยลมพายุของพระองค์อย่างกับวันที่ลมตะวันออกพัดมา
9 ด้วยวิธีนี้ ความผิดบาปของอิสราเอลจะได้รับการอภัย
แล้วนี่จะเป็นผลของการขจัดบาปของพวกเขานั้นด้วย
คือแท่นบูชาหินที่พวกเขาสร้างให้กับเทพเจ้าทั้งหลาย จะถูกบดให้เป็นผุยผง
และจะไม่มีพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ หรือแท่นเผาเครื่องหอมตั้งอยู่
10 เมืองที่มีป้อมปราการนั้นก็ว่างเปล่า
มันกลายเป็นหมู่บ้านที่ถูกทอดทิ้งเหมือนกับทะเลทราย
และที่นั่น พวกลูกวัวก็จะมาเล็มหญ้ามานอนกัน
และกินใบของกิ่งไม้จนหมดเกลี้ยง
11 เมื่อกิ่งก้านพวกนั้นแห้งและหักไป
พวกผู้หญิงก็เอามาทำเป็นฟืนก่อไฟ
เพราะชนชาติพวกนี้ไม่มีหัวคิด
พระผู้สร้างพวกเขาก็เลยไม่สงสารพวกเขา
พระองค์ผู้ที่ปั้นพวกเขาขึ้นมาก็เลยไม่มีความเมตตาต่อพวกเขา
12 เวลานั้นกำลังมาถึง เมื่อพระยาห์เวห์จะแยกแกลบออกจากเมล็ดข้าว[aq] ตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงลำธารอียิปต์[ar] อิสราเอลเอ๋ย พระองค์จะรวบรวมเจ้าเข้ามาทีละคน 13 ในเวลานั้น เมื่อแตรเขาสัตว์อันใหญ่ถูกเป่าขึ้น คนเหล่านั้นที่หลงหายอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย[as] และคนเหล่านั้นที่เป็นผู้อพยพอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ก็จะกลับมา และพวกเขาก็จะมานมัสการพระยาห์เวห์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเยรูซาเล็ม
คำเตือนมายังอิสราเอลเหนือ
28 เฮ้ย ดูเมืองสะมาเรียซิ
เป็นมงกุฎดอกไม้ที่พวกขี้เมาของเอฟราอิม ภูมิใจนักหนา
เป็นดอกไม้ที่สวยงามที่กำลังจะเหี่ยวแห้งไป
ที่อยู่บนเนินเขาเหนือหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
ที่อยู่บนหัวของคนที่โดนเหล้าองุ่นมอมล้มไป
2 ดูสิ องค์เจ้าชีวิตมีคนหนึ่งที่มีพลังและเข้มแข็ง[at]
เขาจะมาอย่างกับพายุลูกเห็บหรือพายุที่ทำลาย
เขาจะมาอย่างกับพายุที่นำน้ำมาท่วมท้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาจะโยนมงกุฎนั้นซึ่งคือสะมาเรียลงกับพื้นด้วยมือของเขาเอง[au]
3 มงกุฎดอกไม้ที่พวกขี้เมาของเอฟราอิมภูมิใจนักหนานั้น
จะถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า
4 ดอกไม้อันสวยงามที่กำลังจะเหี่ยวแห้งนั้น
ที่อยู่บนเนินเขาเหนือหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
จะเป็นเหมือนลูกมะเดื่อที่สุกชุดแรกก่อนหน้าร้อนจะมาถึง
ที่ใครเห็นเข้า ก็จะรีบเด็ดมากินทันที
5 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะเป็นเหมือนกับมงกุฎดอกไม้ที่มีสง่าราศี
จะเป็นเหมือนมงกุฎดอกไม้ที่สวยงามสำหรับคนของพระองค์ที่ยังเหลืออยู่
6 และพระองค์จะมอบวิญญาณแห่งความยุติธรรมให้กับคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พิพากษา
และพระองค์จะมอบพละกำลังให้กับคนเหล่านั้นที่หันการสู้รบให้พ้นไปจากประตูเมือง
พวกผู้นำยูดาห์ที่ไม่ได้เรื่องจะถูกลงโทษ
7 และคนพวกนี้ก็จะโซซัดโซเซไปเพราะเหล้าองุ่นและส่ายไปส่ายมาด้วยเบียร์
พวกนักบวช และพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็โซซัดโซเซไปเพราะเบียร์
พวกเขาก็มึนตื้อไปหมดเพราะเหล้าองุ่น
พวกเขาเดินส่ายไปส่ายมาเพราะเบียร์
พวกเขาเมาเหล้าตอนที่เห็นนิมิตต่างๆ
พวกผู้พิพากษาก็เมาหัวคะมำตอนตัดสินคดีต่างๆ
8 ทุกๆโต๊ะเลอะไปด้วยอ้วกเหม็นๆ
ไม่มีที่ไหนสะอาดเลย
9 คนหนึ่งในพวกเขาพูดว่า “ไอ้หมอนี่มันคิดว่ามันกำลังสอนใครอยู่หรือ มันคิดว่ามันกำลังอธิบายเรื่องนั้นให้ใครฟังหรือ มันคิดว่ากำลังสอนเด็กที่เพิ่งหย่านมหรือ มันคิดว่ากำลังสอนทารกที่เพิ่งแยกจากอกแม่หรือ 10 มันพูดอ้อแอ้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนพูดกับเด็กว่า
ซอ ราซอ ซอ ราซอ
คอ ราคอ คอ ราคอ
ซีเออร์แชม ซีเออร์แชม”[av]
11 อย่างนั้นแหละ พระยาห์เวห์จะพูดกับชนชาตินี้ด้วยเสียงพูดแปลกๆและภาษาของคนต่างชาติ
12 ในอดีต พระเจ้าพูดกับคนพวกนั้นว่า “ที่นี่เป็นที่ปลอดภัย ขอให้คนที่เหน็ดเหนื่อยมาพักที่นี่ ที่นี่เป็นที่ปลอดภัย” แต่พวกเขาไม่ยอมฟังพระองค์ 13 ดังนั้น เมื่อคนต่างชาติบุกเข้ามา เมื่อนั้นแหละข่าวสารจากพระยาห์เวห์ก็จะเป็นเหมือนเสียงพูดอ้อแอ้กับพวกเขา ที่ว่า
“ซอ ราซอ ซอ ราซอ
คอ ราคอ คอ ราคอ
ซีเออร์แชม ซีเออร์แชม”
แล้วพวกเขาจะไป และล้มหงายหลัง ได้รับบาดเจ็บ ติดกับ และถูกจับไปเป็นเชลย
ถึงเป็นพันธมิตรกับต่างชาติก็หนีไม่พ้นโทษจากพระยาห์เวห์
14 ดังนั้น พวกเจ้าที่เย่อหยิ่งจองหองที่ปกครองคนพวกนี้ในเยรูซาเล็ม
ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์ให้ดี
15 เพราะพวกเจ้าพูดว่า “พวกเรากับความตายได้ทำสัญญากัน
พวกเราได้ทำข้อตกลงไว้กับแดนคนตาย
เพื่อว่าเมื่อการลงโทษอย่างรุนแรงผ่านมา มันจะไม่ถึงตัวเรา
เพราะเราได้เอาคำโกหกต่างๆเป็นที่หลบภัยและเราได้หลบซ่อนอยู่หลังความเท็จ”
16 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า
“ดูไว้ เราจะวางหินไว้เป็นรากฐานในศิโยน
เป็นหินที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว เป็นหินหัวมุมที่มีค่า เป็นรากฐานที่มั่นคง
‘คนที่ไว้วางใจ จะไม่อกสั่นขวัญแขวน’[aw]
17 เราจะใช้ความยุติธรรมเป็นสายวัด
ใช้ความถูกต้องเป็นลูกดิ่ง
ลูกเห็บจะกวาดที่หลบภัยแห่งการโกหกนั้น
และน้ำก็จะท่วมที่หลบซ่อนนั้นเสีย
18 และคำสัญญาที่พวกเจ้าและความตายทำร่วมกันก็จะถูกยกเลิกไป
และข้อตกลงที่เจ้าทำไว้กับแดนคนตายจะล้มเลิกไป
และเมื่อการลงโทษอย่างรุนแรงผ่านมา
เจ้าก็จะถูกมันเหยียบย่ำ
19 ไม่ว่าการลงโทษนั้นผ่านมากี่ครั้งก็ตาม มันก็จะจัดการกับพวกเจ้าทุกที
มันจะผ่านมาเช้าแล้วเช้าเล่า
มันจะผ่านมาทั้งกลางวันทั้งกลางคืน
เมื่อเจ้าเข้าใจข่าวนี้ เจ้าจะต้องขวัญหนีดีฝ่อ
20 ตามสุภาษิตที่ว่า ‘เตียงสั้นเกินไปที่จะยืดตัวได้
และผ้าห่มก็แคบเกินไปที่จะห่อตัวได้’”
21 เพราะพระยาห์เวห์จะลุกขึ้นมาต่อสู้เหมือนกับที่พระองค์ทำที่ภูเขาเปริซิม[ax]
พระองค์จะเดือดดาลเหมือนกับที่พระองค์เดือดดาลที่หุบเขากิเบโอน
แล้วพระองค์จะจัดการกับเจ้าแบบที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน
แล้วพระองค์จะทำงานที่จำเป็นจะต้องทำนั้นถึงแม้ว่ามันจะดูแปลกในสายตาเจ้า
22 และตอนนี้ พวกเจ้าอย่าได้หัวเราะเยาะเรื่องพวกนี้
ไม่อย่างนั้นเชือกที่ผูกมัดรอบตัวเจ้าจะยิ่งแน่นขึ้น
เพราะผมได้ยินว่า พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ได้ออกคำสั่งให้ทำลายแผ่นดินนี้ทั้งหมด
พระยาห์เวห์วางแผนอย่างฉลาดและลงโทษอย่างยุติธรรม
23 ฟังให้ดี ฟังเสียงผม
ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะพูดให้ดี
24 คนที่ไถนาเพื่อหว่านนั้น เขาไถไปเรื่อยๆโดยไม่หว่านสักทีเลยหรือ
พวกเขาเบิกหน้าดินและลงคราดไปเรื่อยๆโดยไม่ปลูกสักทีเลยหรือ
25 เมื่อเขาปรับหน้าดินแล้ว
เขาจะไม่โปรยเมล็ดผักชีฝรั่งและหว่านยี่หร่าลงไปหรือ
เขาจะไม่ปลูกข้าวสาลีเป็นแถวๆและข้าวบาร์เลย์ในที่ของมันหรือ
เขาจะไม่ปลูกข้าวสแปลต์ล้อมรอบทุ่งนาหรือ
26 พระเจ้าของพวกเขาก็ได้สอนพวกเขา
พวกเขาก็เลยรู้วิธีทำงานของเขา
27 ชาวนาไม่ใช้เลื่อนนวดข้าวมานวดเมล็ดผักชีเล็กๆหรอก
หรือใช้ล้อเกวียนมากลิ้งทับเมล็ดยี่หร่าเล็กๆหรอก
แต่เขาจะเอาไม้เล็กๆมาตีเมล็ดผักชีให้มันแตก
และใช้ไม้ตะบองเล็กๆตีเมล็ดยี่หร่าให้แตกออก
28 เมล็ดข้าวเขาเอามาบดทำขนมปังกัน
จะไม่มีใครโง่นวดมันตลอดไปเรื่อยๆหรอก
ถ้าคนเอาเกวียนเทียมม้ามานวดเมล็ดข้าว
เขาก็ไม่นวดไปเรื่อยๆจนมันบี้เป็นผงหรอก[ay]
29 ความรู้นี้ก็มาจากพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นด้วยเหมือนกัน
พระองค์ให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมและพระองค์ก็ให้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International