Bible in 90 Days
23 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 24 “เยเรมียาห์ เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนพวกนี้พูดอะไรออกไป พวกเขาพูดว่า ‘ตอนนี้พระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์ สองครอบครัวที่พระเจ้าเคยเลือกไว้ แต่ตอนนี้พระองค์ได้ปฏิเสธพวกเขาไปแล้ว’ และชนชาติอื่นๆก็ดูถูกดูหมิ่นคนของเรา และชนชาติเหล่านั้นก็ไม่ได้นับพวกเขาว่าเป็นชนชาติหนึ่งอีกต่อไป”
25 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ถ้าเราไม่ได้รักษาข้อตกลงกับวันและคืน และไม่ได้ออกกฎควบคุมฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกแล้วละก็ 26 เมื่อนั้นแหละ เราก็จะปฏิเสธลูกหลานของยาโคบและลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราก็คงไม่ให้ลูกหลานของดาวิดปกครองอยู่เหนือลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ให้กับพวกเขา และเราจะแสดงความเมตตากับพวกเขา”
คำเตือนต่อเศเดคิยาห์กษัตริย์ยูดาห์
34 นี่คือข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมียาห์ ในช่วงที่เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลนกำลังต่อสู้กับเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆที่อยู่บริเวณนั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ยกกองทัพทั้งหมดของเขามา รวมทั้งกองทัพทั้งหมดของอาณาจักรต่างๆและชนชาติต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา
2 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด คือ “ให้ไปพูดกับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ให้บอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘เรากำลังจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์บาบิโลน แล้วเขาจะเอาไฟเผาเมืองนี้ 3 เศเดคียาห์ ตัวเจ้าเองก็จะหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือเขา เพราะเจ้าจะถูกจับและถูกส่งไปอยู่ในกำมือของเขาอย่างแน่นอน เจ้าจะได้เจอกับกษัตริย์บาบิโลนซึ่งๆหน้า และเขาจะพูดกับเจ้าตรงหน้า หลังจากนั้นเจ้าก็จะต้องไปที่บาบิโลน’”
4 แต่เศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์พูดถึงท่านไว้ว่า “เจ้าจะไม่ตายด้วยคมดาบหรอก 5 แต่จะตายอย่างสงบ และจะมีผู้คนเผาเครื่องหอมเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้า เหมือนกับที่พวกเขาเผาเครื่องหอมให้กับกษัตริย์องค์ก่อนๆที่เป็นบรรพบุรุษของเจ้า พวกเขาจะไว้ทุกข์ให้กับเจ้า โดยพูดว่า ‘นายท่าน พวกเราเสียใจเหลือเกิน’ เจ้ามั่นใจได้เพราะเราได้พูดไว้แล้ว” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
6 แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกทั้งหมดนี้ให้กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ฟังในเมืองเยรูซาเล็ม 7 ในเวลานั้นกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนก็กำลังตีเมืองเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆของยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ คือเมืองลาคีชและอาเซคาห์ เพราะในยูดาห์ มีแต่สองเมืองนี้เท่านั้นที่มีป้อมปราการเหลืออยู่
8 หลังจากที่กษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทำข้อตกลงกับทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มว่าจะประกาศอิสรภาพให้กับพวกเขา ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ 9 ชาวเมืองแต่ละคนจะต้องปล่อยทาสฮีบรูทั้งชายและหญิงของตนให้เป็นอิสระ พลเมืองยูดาห์จะได้ไม่ต้องเป็นทาสรับใช้พลเมืองยูดาห์ด้วยกันเอง
10 ส่วนพวกเจ้านายและคนทุกคน ที่ร่วมในข้อตกลงปลดปล่อยทาสชายหญิงเหล่านี้ เพื่อทาสพวกเขาจะได้ไม่ต้องรับใช้พวกเขาอีกต่อไป คนเหล่านั้นต่างก็ยอมทำตามข้อตกลงนี้ และได้ปลดปล่อยทาสของพวกเขาไป 11 แต่ต่อมา ชาวเมืองก็ไม่ทำตามข้อตกลง ไปบังคับพวกผู้ชายและผู้หญิงที่พวกเขาได้ปลดปล่อยไปแล้วกลับมาเป็นทาสอีก 12 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์อีกครั้ง พระองค์พูดว่า 13 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราได้ทำข้อตกลงไว้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า ตอนที่เราพาพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จากการเป็นทาสนั้น เราได้บอกกับพวกเขาว่า 14 เมื่อสิ้นปีที่เจ็ด พวกเจ้าแต่ละคนต้องปล่อยชาวฮีบรูที่เป็นพี่น้องของเจ้าให้เป็นอิสระ เขาได้ขายตัวเขาเองให้กับเจ้า เขาจะรับใช้เจ้าอยู่หกปี แล้วหลังจากนั้น เจ้าก็จะต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระ แต่บรรพบุรุษของเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังเรา และไม่ได้เงี่ยหูฟัง 15 แต่วันนี้ พวกเจ้าได้กลับใจ แล้วเจ้าก็ได้ทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง คือเรียกร้องอิสรภาพให้กันและกัน แถมเจ้ายังทำข้อตกลงกันต่อหน้าเราในวิหารที่มีชื่อของเราอีกด้วย 16 แต่แล้วเจ้าก็กลับคำ และทำให้เราเสียชื่อ พวกเจ้าแต่ละคนไปเอาทาสและสาวใช้ที่ปล่อยให้เป็นอิสระไปแล้วกลับมาอีก ทั้งๆที่พวกเขาอยากจะไปจากเจ้า แล้วเจ้าก็บังคับให้พวกเขากลับมาเป็นทาสและสาวใช้ของเจ้าเหมือนเดิม”
17 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่า “เจ้าไม่ได้เชื่อฟังเราเรื่องให้อิสระกับพี่น้องและเพื่อนบ้านของเจ้า” ดังนั้น พระยาห์เวห์พูดว่า “เราก็จะให้การปลดปล่อยกับเจ้าบ้าง เราจะปลดปล่อยคมดาบ โรคร้าย และความอดอยาก และเราจะทำให้เจ้ากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงให้กับอาณาจักรทั้งหลายบนโลกนี้ 18 เราจะทำให้ชายที่ทำผิดข้อตกลงของเรา คือคนที่ไม่ทำตามข้อตกลงที่พวกเขาทำต่อหน้าเรา เหมือนกับวัวสาวที่พวกเขาแบ่งเป็นสองท่อนแล้วเดินผ่านไปท่ามกลางอวัยวะของมัน[a] 19 คนพวกนี้คือผู้ที่ได้เดินผ่านท่ามกลางอวัยวะต่างๆนั้น คือพวกเจ้านายของยูดาห์และของเยรูซาเล็ม พวกขันที พวกนักบวช และชาวบ้านทุกคน 20 เราจะยกพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู และคนที่อยากจะฆ่าพวกเขา ศพของพวกเขาจะกลายเป็นอาหารนกกาในอากาศ และสิงสาราสัตว์บนพื้นดิน 21 เราจะยกกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และพวกเจ้าขุนมูลนายของเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูและคนที่อยากฆ่าพวกเขา และยิ่งกว่านั้นจะให้พวกเขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนที่กำลังเข้ามาโจมตีพวกเขาด้วย” 22 พระยาห์เวห์พูดว่า “เรากำลังจะออกคำสั่งให้นำกองทัพของบาบิโลนกลับมาที่เยรูซาเล็ม พวกเขาจะโจมตีและยึดเยรูซาเล็ม และเอาไฟเผาเมืองเยรูซาเล็ม และเราจะทำให้เมืองต่างๆของยูดาห์ กลายเป็นที่รกร้าง ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย”
ตัวอย่างที่ดีของครอบครัวเรคาบ
35 ในสมัยที่เยโฮยาคิมเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์[b] เยโฮยาคิมเป็นลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 2 “ให้ไปหาครอบครัวเรคาบ และพูดคุยกับพวกเขา แล้วนำพวกเขามาที่วิหารของพระยาห์เวห์ และให้พาพวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่งของวิหารนั้น แล้วให้พวกเขาดื่มเหล้าองุ่น”
3 ดังนั้นผมจึงได้พายาอาซันยาห์ลูกชายของเยเรมียาห์ ที่เป็นลูกชายของฮาบาซินยาห์ และพี่ชายน้องชายของเขา และลูกๆทุกคนของเขา รวมทั้งทุกคนในครอบครัวเรคาบ 4 ไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ และเข้าไปที่ห้องของพวกลูกชายฮานัน ฮานันเป็นลูกชายของอิกดาลิยาห์ ฮานันเป็นคนของพระเจ้า ห้องนี้อยู่ใกล้กับห้องของพวกเจ้านายทั้งหลาย และอยู่เหนือห้องของมาอาเสอาห์ลูกชายของชัลลูม มาอาเสอาห์เป็นคนเฝ้าประตูวิหาร 5 แล้วผมก็เอาเหยือกที่เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นมาหลายเหยือกพร้อมกับพวกถ้วยมาวางไว้ต่อหน้าสมาชิกในครอบครัวของเรคาบ แล้วผมก็บอกพวกเขาว่า “ดื่มเหล้าองุ่นสิ”
6 แต่พวกเขาตอบว่า “พวกเราไม่ดื่มเหล้าองุ่นครับ เพราะโยนาดับลูกชายของเรคาบ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเราสั่งพวกเราไว้ว่า ‘พวกเจ้าและลูกหลานของเจ้าจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นตลอดไป 7 เจ้าจะต้องไม่สร้างบ้านอยู่ ต้องไม่หว่านพืชเพาะปลูก และต้องไม่ทำไร่องุ่น เจ้าต้องไม่ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ แต่เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ตลอดชีวิต เพื่อที่เจ้าจะได้อยู่นานๆในเขตแดนที่เจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างถิ่น’ 8 และพวกเราก็ได้เชื่อฟังคำสั่งของโยนาดับบรรพบุรุษของเรา ที่เป็นลูกชายของเรคาบ พวกเราไม่เคยดื่มเหล้าองุ่นเลยตลอดชีวิต รวมทั้งเมียของพวกเรา และลูกชายลูกสาวของพวกเราก็ไม่เคยดื่มด้วย 9 พวกเราไม่เคยสร้างบ้านอยู่ และไม่เคยมีไร่องุ่น ไม่มีท้องทุ่ง และเมล็ดพืช 10 พวกเราอยู่เต็นท์มาตลอด และพวกเราก็ได้เชื่อฟังและทำตามสิ่งที่โยนาดับบรรพบุรุษของเราได้สั่งให้พวกเราทำ 11 แต่พอกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนบุกแผ่นดินยูดาห์ เราก็พูดกันว่า ‘ไปเยรูซาเล็มกันเถอะ เพราะเรากลัวพวกทหารของบาบิโลนและซีเรีย’ ดังนั้นพวกเราจึงมาอยู่ที่เยรูซาเล็ม”
12 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 13 “พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘ให้ไปบอกกับคนยูดาห์และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าจะไม่ยอมรับคำตักเตือนหรือ พวกเจ้าจะไม่ยอมฟังเราหรือ”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 14 “ขนาดคำพูดของโยนาดับ ลูกชายของเรคาบ ที่ได้สั่งพวกลูกชายของเขาไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่น พวกลูกๆของเขาก็ยังทำตามเลย จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาก็ไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะเชื่อฟังคำสั่งของพ่อพวกเขา แต่พอเราสั่งพวกเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเจ้าก็ไม่เห็นเชื่อฟังเราเลย 15 เราส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นพวกผู้รับใช้เราไปหาเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ให้พวกเขาบอกกับเจ้าว่า ‘พวกเจ้าแต่ละคน ให้หันกลับจากทางชั่วๆของเจ้าและทำตัวให้ดีๆได้แล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่ไปติดตามรับใช้พระอื่นๆ พวกเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าไว้’ แต่เจ้าก็ทำหูทวนลม ไม่ยอมฟังเรา 16 พวกลูกหลานของโยนาดับที่เป็นลูกชายของเรคาบได้ทำตามคำสั่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาสั่งพวกเขาไว้ แต่คนพวกนี้ไม่ยอมเชื่อฟังเรา”
17 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลได้พูดว่า “เราจะทำให้สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่เราได้พูดไว้ เกิดขึ้นกับคนยูดาห์ และผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มทุกคน เพราะเราได้พูดกับพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง เราได้เรียกพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมตอบ”
18 แต่สำหรับครอบครัวของเรคาบ เยเรมียาห์พูดว่า “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดว่า ‘เพราะพวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของโยนาดับบรรพบุรุษของเจ้า และรักษาคำสั่งของเขาทุกข้อ และได้ทำทุกอย่างที่เขาสั่งให้พวกเจ้าทำ’ 19 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล จึงพูดว่า ‘จะมีคนจากครอบครัวของโยนาดับลูกชายของเรคาบ มายืนอยู่ต่อหน้าเราเสมอ’”
กษัตริย์เยโฮยาคิมเผาหนังสือม้วนของเยเรมียาห์
36 ในปีที่สี่[c] ที่เยโฮยาคิม เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ เยโฮยาคิมเป็นลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า พระองค์พูดว่า 2 “เยเรมียาห์ ให้เอาหนังสือม้วนมา แล้วเขียนถ้อยคำทั้งหมดที่เราได้พูดกับเจ้าต่อว่าอิสราเอล ยูดาห์ และชนชาติทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่เราพูดกับเจ้าคือตั้งแต่ช่วงที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ มาจนถึงวันนี้ 3 บางทีเมื่อชาวยูดาห์ได้ยินเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เราวางแผนจะทำให้เกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาแต่ละคนอาจจะได้เลิกทำชั่ว แล้วเราจะได้อภัยให้กับความผิดบาปของพวกเขา”
4 เยเรมียาห์จึงไปเรียกบารุคลูกชายของเนริยาห์ แล้วบารุคก็เขียนตามที่เยเรมียาห์บอกลงในหนังสือม้วน เยเรมียาห์บอกเขาทุกๆถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับเยเรมียาห์ไว้ 5 เยเรมียาห์สั่งบารุคว่า “ข้าถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 6 เจ้าจะต้องไปอ่านหนังสือม้วนนี้ที่เจ้าได้เขียนถ้อยคำของพระยาห์เวห์ลงไป ตามที่ข้าได้บอกเจ้านั้น เจ้าจะต้องไปอ่านหนังสือนี้ให้กับทุกคนในวิหารฟังในวันอดอาหาร และเจ้าจะต้องอ่านถ้อยคำเหล่านี้ให้ชาวยูดาห์ทุกคนที่มาจากเมืองต่างๆของเขา ฟังด้วย 7 บางทีคำร้องขอความเมตตาของพวกเขาอาจจะไปถึงพระยาห์เวห์ก็ได้ แล้วแต่ละคนก็จะหันกลับจากการทำชั่วของเขา เพราะความโกรธแค้นเดือดดาลที่พระยาห์เวห์มีต่อคนพวกนี้รุนแรงมาก” 8 แล้วบารุคลูกชายของเนริยาห์ก็ทำตามที่เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าสั่งทุกอย่าง เขาอ่านหนังสือที่มีถ้อยคำของพระยาห์เวห์ในวิหารของพระยาห์เวห์
9 ในเดือนเก้าของปีที่ห้าที่เยโฮยาคิมเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ เยโฮยาคิมเป็นลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ ทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มและทุกคนที่เดินทางมาเยรูซาเล็มจากเมืองต่างๆของยูดาห์ ต่างพากันอดอาหารอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 10 ในเวลานั้น บารุคได้อ่านหนังสือม้วนที่เขียนขึ้นตามคำพูดของเยเรมียาห์ในวิหารของพระยาห์เวห์ให้กับคนทั้งหมดฟัง เขาอ่านอยู่ในห้องของเกมาริยาห์ผู้เป็นเลขานุการ ที่อยู่บนโถงชั้นบนตรงทางเข้าประตูใหม่ของวิหาร เกมาริยาห์เป็นลูกชายของชาฟาน
11 มีคายาห์ได้ยินถ้อยคำทั้งหมดของพระยาห์เวห์ในหนังสือม้วน มีคายาห์เป็นลูกชายของเกมาริยาห์ และเกมาริยาห์เป็นลูกชายของชาฟาน
12 เขาก็เลยลงไปที่ห้องของเลขานุการที่ในวังของกษัตริย์ พวกเจ้านายทั้งหมดก็นั่งอยู่ที่นั่น มีทั้งเอลีชามาเลขานุการ และเดไลยาห์ลูกชายของเชไมอาห์ เอลนาธันลูกชายของอัคโบร์ เกมาริยาห์ลูกชายของชาฟาน เศเดคียาห์ลูกชายของฮานันยาห์ และพวกเจ้านายทั้งหมด 13 แล้วมีคายาห์ก็เล่าสิ่งที่เขาได้ยินมาทั้งหมด ตอนบารุคอ่านจากหนังสือม้วนให้ประชาชนฟัง
14 และพวกเจ้านายทั้งหมด ก็ได้ส่งเยฮูดีลูกชายของเนธานิยาห์ ซึ่งเป็นลูกของเชเลมิยาห์ เชเลมิยาห์เป็นลูกชายของคูชิ พวกเขาส่งเยฮูดีไปหามีคายาห์ พร้อมกับสั่งให้บอกบารุคว่า “ให้เอาหนังสือม้วนที่เจ้าอ่านให้ประชาชนฟัง แล้วให้มาที่นี่”
ดังนั้นบารุคลูกชายของเนริยาห์ ได้เอาหนังสือม้วนไปหาพวกเขา
15 แล้วคนพวกนั้นก็พูดกับบารุคว่า “นั่งลงสิ แล้วอ่านมันให้พวกเราฟังหน่อย”
บารุคจึงอ่านมันให้พวกเขาฟัง
16 เมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำทั้งหมด พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว แล้วพวกเขาก็พูดกับบารุคว่า “เราจะเอาถ้อยคำทั้งหมดนี้ไปบอกกับกษัตริย์อย่างแน่นอน” 17 แล้วพวกเขาก็ถามบารุคว่า “บอกพวกเราหน่อยสิว่า เจ้าเขียนข้อความนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เจ้าเขียนตามที่เขาบอกหรือ”
18 บารุคตอบว่า “ใช่แล้วครับ ผมเขียนตามที่เขาบอก พอเขาพูดคำเหล่านี้ให้ผมฟัง ผมก็เขียนลงในหนังสือม้วนตามที่เขาต้องการ”
19 แล้วพวกเจ้านายก็บอกบารุคว่า “รีบหนีไปซะ เจ้ากับเยเรมียาห์ รีบไปหาที่ซ่อน และอย่าให้ใครรู้ว่าพวกเจ้าอยู่ที่ไหน”
20 แล้วพวกเจ้านายก็ได้วางหนังสือม้วนไว้ในห้องของเอลีชามาผู้เป็นเลขานุการ แล้วพวกเขาก็พากันไปหากษัตริย์ที่ลานของวัง แล้วพวกเขาก็ได้บอกกษัตริย์เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
21 แล้วกษัตริย์ก็ส่งเยฮูดี ไปเอาหนังสือม้วนนั้น แล้วเขาก็ไปเอามันมาจากห้องของเอลีชามาครูสอนศาสนานั้น แล้วเยฮูดีก็อ่านมันให้กับกษัตริย์ และพวกเจ้านายทุกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ฟัง 22 เวลานั้นตรงกับเดือนเก้าของปี กษัตริย์นั่งอยู่ในวังฤดูหนาวของพระองค์ กระถางไฟที่อยู่ตรงหน้าพระองค์จุดอยู่ 23 เมื่อเยฮูดีอ่านหนังสือม้วนไปได้สามสี่แถบ พระองค์ก็เอามีดกรีดหนังสือเป็นชิ้นๆแล้วโยนลงไปในกระถางไฟ พระองค์ตัดหนังสือไปเรื่อยๆจนพระองค์ได้เผาหนังสือม้วนทั้งเล่มในกระถางไฟนั้น 24 ทั้งกษัตริย์และพวกผู้รับใช้ของพระองค์ที่ได้ฟังถ้อยคำทั้งหมดนี้ของพระยาห์เวห์ ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวหรือสำนึกผิดด้วยการฉีกเสื้อผ้าของตัวเองเลย
25 ถึงแม้เอลนาธัน เดไลยาห์และเกมาริยาห์จะขอร้องไม่ให้พระองค์เผาหนังสือม้วน แต่พระองค์ก็ไม่ฟังพวกเขา 26 กษัตริย์สั่งเยราเมเอล ลูกชายของพระองค์ และเสไรอาห์ลูกชายของอัสรีเอล และเชลามิยาห์ลูกชายของอับเดเอลให้ไปจับตัวบารุคที่เป็นเสมียน และเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า แต่พระยาห์เวห์ซ่อนพวกเขาไว้
27 หลังจากที่กษัตริย์ได้เผาหนังสือม้วน ที่มีถ้อยคำที่บารุคได้เขียนไว้ตามคำพูดของเยเรมียาห์ ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า
28 “เยเรมียาห์ไปเอาหนังสือม้วนมาอีกเล่มหนึ่ง แล้วให้เขียนข้อความทุกอย่างลงไป เหมือนกับที่เจ้าเคยเขียนไว้ก่อนแล้วในหนังสือม้วนเล่มแรก ที่เยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์เผาไป 29 และให้เจ้าต่อว่ากษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ว่าพระยาห์เวห์พูดว่า ‘เจ้าได้เผาหนังสือม้วนเล่มนี้ และพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงได้เขียนบนม้วนหนังนี้ว่ากษัตริย์แห่งบาบิโลนจะมาแน่ๆและเขาจะมาทำลายแผ่นดินนี้ และจะต้อนคนและสัตว์ไปเป็นเชลย”’” 30 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงพูดเกี่ยวกับเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า “จะไม่มีลูกหลานของเขาได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ศพของเขาจะถูกทิ้งไว้อยู่กลางแดดที่ร้อนจัดในตอนกลางวันและหนาวเหน็บในตอนกลางคืน 31 เราจะทำโทษเขา ลูกหลานของเขา และพวกทาสรับใช้ของเขา สำหรับความผิดบาปที่พวกเขาทำ และเราจะทำให้สิ่งเลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นกับพวกเขาและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มรวมทั้งคนยูดาห์ เป็นสิ่งเลวร้ายที่เราได้ประกาศว่าจะเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่สนใจฟัง”
32 เยเรมียาห์จึงเอาหนังสือม้วนมาอีกเล่ม และเอาไปให้กับบารุคที่เป็นเสมียน ที่เป็นลูกชายของเนริยาห์ แล้วบารุคก็เขียนถ้อยคำทั้งหมดตามที่เยเรมียาห์บอก ซึ่งเหมือนกับถ้อยคำที่อยู่ในหนังสือม้วนเล่มที่เยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์เอาไปเผาไฟ แถมเพิ่มข้อความอีกมากมายทำนองนั้นลงไปอีกด้วย
เยเรมียาห์ถูกขัง
37 เนบูคัดเนสซาร์เป็นกษัตริย์ของบาบิโลน พระองค์ได้แต่งตั้งให้เศเดคียาห์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินยูดาห์ แทนกษัตริย์โคนิยาห์[d] ลูกชายของเยโฮยาคิม เศเดคียาห์เป็นลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ 2 แต่กษัตริย์เศเดคียาห์ และผู้รับใช้ของพระองค์ รวมทั้งผู้คนในยูดาห์ ก็ไม่ยอมฟังถ้อยคำต่างๆของพระยาห์เวห์ ที่พระองค์ได้พูดผ่านมาทางเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า
3 กษัตริย์เศเดคียาห์ส่งเยฮูคัลลูกชายของเชเลมิยาห์ พร้อมกับนักบวชเศฟันยาห์ ลูกชายของมาอาเสอาห์ ไปหาเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า และบอกว่า “เยเรมียาห์ อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา แทนพวกเราด้วย”
4 ในเวลานั้นเยเรมียาห์ยังไปไหนมาไหนท่ามกลางผู้คนได้อย่างอิสระ พวกเขายังไม่ได้จับเยเรมียาห์ขังคุก 5 และตอนนี้กองทัพของฟาโรห์ก็ได้เคลื่อนทัพออกจากอียิปต์มาแล้ว และชาวบาบิโลนที่กำลังปิดล้อมเมืองเยรูซาเล็มอยู่รู้ข่าว ก็เลยถอนฐานที่มั่นออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม
6 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า 7 พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เยฮูคัลและเศฟันยาห์ เรารู้ว่าเศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ได้ส่งให้พวกเจ้ามาร้องขอต่อเรา ให้ไปบอกกับเขาว่า กองทัพของฟาโรห์ที่กำลังออกจากอียิปต์เพื่อมาช่วยเจ้านั้น กำลังจะหันกลับไปอียิปต์แผ่นดินของพวกเขา 8 และชาวบาบิโลนก็จะกลับมาโจมตีเมืองเยรูซาเล็มอีก และพวกนั้นก็จะยึดเมืองเยรูซาเล็มและเผาเมืองทิ้ง” 9 พระยาห์เวห์พูดว่า “อย่าหลอกตัวเอง โดยพูดว่า ‘พวกบาบิโลนจะถอนไปแน่ๆ’ เพราะพวกเขาจะไม่ไปไหน 10 ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะทำให้กองทัพบาบิโลนทั้งกองที่กำลังต่อสู้กับเจ้าอยู่ ได้รับบาดเจ็บ และเหลือแต่พวกที่บาดเจ็บไว้ในเต็นท์ของพวกเขา พวกเขาก็จะลุกฮือขึ้นเผาเมืองนี้อยู่ดี”
11 เมื่อกองทัพบาบิโลนถอยทัพจากเมืองเยรูซาเล็มเพราะกองทัพของฟาโรห์บุกเข้ามา 12 เยเรมียาห์ก็ออกจากเมืองเยรูซาเล็มไปยังแผ่นดินเบนยามิน เพื่อไปรับส่วนแบ่งในมรดกที่ดินร่วมกับคนอื่นที่เหลืออยู่ที่นั่น 13 เมื่อเขามาถึงประตูเมืองเบนยามิน หัวหน้ายามรักษาประตูอยู่ที่นั่น เขามีชื่อว่าอิรียาห์ลูกชายของเชเลมิยาห์ ซึ่งเป็นลูกของ ฮานานิยาห์ อิรียาห์จับกุมตัวเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า พร้อมกับบอกว่า “เจ้ากำลังจะไปหาพวกบาบิโลนนี่นา” 14 เยเรมียาห์ตอบว่า “ไม่จริง ผมไม่ได้ไปหาพวกบาบิโลน” แต่อิรียาห์ก็ไม่ฟังเยเรมียาห์ และจับตัวเยเรมียาห์ไปให้พวกเจ้านาย 15 พวกเจ้านายโกรธเยเรมียาห์ พวกเขาก็เลยทุบตีเขา จากนั้นก็จับเขาไปขังไว้ในคุกที่บ้านของโยนาธานผู้เป็นเลขานุการ เพราะพวกเขาทำบ้านหลังนั้นเป็นคุกไว้แล้ว
กษัตริย์เศเดคียาห์ปรึกษากับเยเรมียาห์
16 เยเรมียาห์ถูกจับขังไว้ในบ่อเก็บน้ำที่แห้ง แล้วก็อยู่ที่นั่นหลายวัน 17 หลังจากนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์ก็ส่งคนมาเอาตัวไปพบกษัตริย์ แล้วกษัตริย์ก็ถามเขาในวังเป็นการลับๆว่า “มีข่าวสารอะไรจากพระยาห์เวห์บ้างไหม” เยเรมียาห์ก็ตอบว่า “มีครับ” และเขาก็พูดต่อไปว่า “ท่านจะถูกส่งให้ไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์บาบิโลน” 18 จากนั้นเยเรมียาห์ก็พูดกับกษัตริย์เศเดคียาห์อีกว่า “ข้าพเจ้าทำผิดอะไรต่อพระองค์ หรือต่อผู้รับใช้ของพระองค์ หรือต่อคนพวกนี้หรือ พระองค์ถึงได้จับข้าพเจ้าขังคุก 19 แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกท่านหายไปไหนกันหมดแล้ว พวกที่ทำนายให้กับพระองค์ว่า ‘กษัตริย์แห่งบาบิโลนจะไม่มาโจมตีพวกท่านและแผ่นดินนี้’ 20 ข้าแต่กษัตริย์ ขอได้โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด อย่าได้ส่งข้าพเจ้ากลับไปที่บ้านของโยนาธานเลขานุการนั้นเลย เพราะข้าพเจ้าจะต้องตายที่นั่นแน่ๆ”
21 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์จึงออกคำสั่ง และพวกเขาก็ส่งเยเรมียาห์ไปอยู่ภายใต้การดูแลของทหารยามที่ลาน พวกเขาให้ขนมปังกับเยเรมียาห์ทุกวัน ขนมปังนี้มาจากถนนของพวกทำขนมปัง จนไม่มีขนมหลงเหลืออยู่ในเมืองอีกแล้ว และเยเรมียาห์ก็ได้อาศัยอยู่ในลานของทหารยามนั้น
เยเรมียาห์ถูกขังไว้
38 เชฟาทิยาห์ลูกชายของมัทธาน เกดาลิยาห์ลูกชายของปาชเฮอร์ ยูคาลลูกชายของเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์ลูกชายของมัลคียาห์ ได้ยินสิ่งต่างๆที่เยเรมียาห์พูดกับทุกๆคนว่า 2 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘คนที่อยู่ในเมืองนี้ จะต้องตายจากคมดาบ ความอดอยาก หรือไม่ก็โรคร้าย แต่คนที่ออกไปมอบตัวกับพวกบาบิโลนจะรอดชีวิต จะได้ชีวิตตัวเองเหมือนของที่ยึดมาได้จากสงคราม’
3 พระยาห์เวห์บอกว่า ‘เมืองนี้จะต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนและจะต้องถูกยึดอย่างแน่นอน’”
4 พวกเจ้านายก็เลยบอกกับกษัตริย์ว่า “น่าจะฆ่าชายคนนี้เสีย เพราะเมื่อเขาพูดสิ่งเหล่านี้ เขาก็ได้ทำลายขวัญและกำลังใจของทหารและประชาชนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ อันที่จริง ชายคนนี้ไม่ได้กะจะให้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นกับคนเหล่านี้หรอก แต่เขากะจะให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น”
5 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดว่า “เขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว เพราะเราก็ห้ามอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
6 พวกเขาก็เลยไปเอาตัวเยเรมียาห์ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อเก็บน้ำแห้งของมัลคียาห์ ที่อยู่ในลานของทหารยาม พวกเขาใช้เชือกหย่อนตัวเยเรมียาห์ลงไป ในบ่อที่ไม่มีน้ำนั้น มีแต่โคลน เยเรมียาห์ก็จมลงในโคลน 7 แล้วเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปีย ที่เป็นขันทีที่ทำงานอยู่ในวัง ได้ยินว่าเยเรมียาห์ถูกหย่อนลงไปในบ่อที่ไม่มีน้ำ และเขารู้ว่ากษัตริย์นั่งอยู่ที่ประตูเบนยามิน 8 เอเบดเมเลคจึงออกไปจากวังไปพูดกับกษัตริย์ว่า 9 “ข้าแต่กษัตริย์ของข้าพเจ้า คนพวกนี้ทำผิดต่อเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าในทุกเรื่อง พวกเขาผิดที่โยนท่านลงไปในบ่อเก็บน้ำแห้งนั้น ท่านจะหิวตายอยู่ใต้นั้นแน่เพราะมันไม่มีขนมปังหลงเหลืออยู่ในเมืองอีกแล้ว”
10 กษัตริย์จึงสั่งเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า “ให้เอาลูกน้องของเจ้าสามคน[e] ไปดึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าขึ้นมาจากบ่อเก็บน้ำนั้นก่อนที่เขาจะตาย”
11 เอเบดเมเลคจึงนำลูกน้องไป เขาเข้าไปในวังใต้ห้องเก็บของ เขาเอาผ้าขี้ริ้วและเสื้อเก่าๆจากที่นั่น เอาเชือกมัดพวกมันหย่อนลงไปให้เยเรมียาห์
12 แล้วเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียก็บอกกับเยเรมียาห์ว่า “คล้องผ้าขี้ริ้วขาดๆและเศษเสื้อผ้าพวกนี้ไว้ใต้รักแร้ของท่าน ตรงที่อยู่ระหว่างเชือกกับตัวท่านเถิด” เยเรมียาห์ก็ทำตามที่เขาบอก
13 พวกเขาจึงดึงเยเรมียาห์ขึ้นมาด้วยเชือก และนำเขาขึ้นมาจากบ่อเก็บน้ำแห้งได้ แล้วเยเรมียาห์ก็อยู่ในลานของทหารยามต่อไป
เศเดคียาห์ขอคำปรึกษาจากเยเรมียาห์
14 กษัตริย์เศเดคียาห์ ส่งคนไปนำตัวเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ามาพบพระองค์ ที่ตรงประตูที่สามซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เราจะถามเจ้าบางอย่าง อย่าได้ปิดบังอะไรจากเราละ”
15 เยเรมียาห์จึงบอกกับกษัตริย์เศเดคียาห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าบอกพระองค์ พระองค์จะไม่ฆ่าข้าพเจ้าหรือ และถ้าข้าพเจ้าให้คำแนะนำกับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ฟังข้าพเจ้าหรอก” 16 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์จึงสาบานกับเยเรมียาห์อย่างลับๆว่า “เราขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ผู้สร้างพวกเราและประทานชีวิตให้พวกเราว่า เราจะไม่ฆ่าเจ้า และจะไม่มอบตัวเจ้าให้กับคนพวกนี้ที่อยากจะฆ่าเจ้า”
17 เยเรมียาห์จึงบอกกับเศเดคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้ายอมออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจริงๆเจ้าก็จะรอดชีวิต และเมืองนี้ก็จะไม่ถูกไฟเผา เจ้าและครอบครัวของเจ้าก็จะรอดชีวิต 18 แต่ถ้าเจ้าไม่ออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน เมืองนี้ก็จะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะจุดไฟเผาเมือง แล้วเจ้าก็จะไม่รอดพ้นเงื้อมมือพวกเขา’”
19 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เรากลัวพวกยิวที่ทิ้งเมืองไปหาพวกบาบิโลน กลัวว่าเราจะถูกส่งไปให้พวกมันทำร้ายเอา”
20 เยเรมียาห์จึงพูดว่า “พวกเขาจะไม่ส่งพระองค์ไปอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นหรอก โปรดฟังเสียงของพระยาห์เวห์ผู้ที่ข้าพเจ้ากำลังพูดแทนอยู่เถิด และทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีสำหรับพระองค์ และพระองค์ก็จะรอดชีวิต
21 แต่พระยาห์เวห์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น ถ้าพระองค์ไม่ยอมออกไปมอบตัว 22 คือผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในบ้านของกษัตริย์แห่งยูดาห์จะถูกจับไปให้กับพวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ‘พันธมิตรของแกหักหลังแกแล้ว พวกเขาชนะแก เท้าของแกจมโคลนแล้ว และพวกเขาก็ทอดทิ้งแกไป’
23 พวกเมียและลูกทุกคนของพระองค์จะต้องไปหาชาวบาบิโลน และพระองค์ก็จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปได้ เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะจับกุมพระองค์และเอาไฟเผาเมืองนี้”
24 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าเจ้าไม่บอกให้ใครรู้ ถึงเรื่องที่เราได้พูดคุยกันในวันนี้ เจ้าก็จะไม่ตาย 25 ถ้าพวกเจ้านายรู้ว่าเราพูดกับเจ้า แล้วพวกเขามาถามเจ้าว่า ‘ช่วยบอกพวกเราหน่อยว่า เจ้าได้พูดอะไรกับกษัตริย์ และกษัตริย์ได้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง ถ้าเจ้าบอกเราทุกอย่าง เราจะไม่ฆ่าเจ้า’
26 เจ้าก็ต้องบอกพวกเขาว่า ‘ผมได้ขอร้องพระองค์ ว่าอย่าได้ส่งผมกลับไปตายที่บ้านของโยนาธานเลย’”
27 แล้วพวกเจ้านายทั้งหมดก็ตรงเข้ามาถามเยเรมียาห์ เขาก็ตอบไปตามที่กษัตริย์สั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกถามเพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้ยินการพูดคุย
28 แล้วเยเรมียาห์ก็อยู่ในลานของทหารยาม จนถึงวันที่บาบิโลนยึดเมืองเยรูซาเล็มได้
เมืองเยรูซาเล็มแตก
(2 พกษ. 25:1-12; ยรม. 52:4-16)
39 ในเดือนที่สิบของปีที่เก้าที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้ยกกองทัพทั้งหมดของพระองค์มาล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ 2 ในวันที่เก้าเดือนสี่ ของปีที่สิบเอ็ดที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ แนวป้องกันเมืองเยรูซาเล็มก็ถูกทะลวงเข้ามา 3 พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ที่กลางประตูเมือง เนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สารเสคิม ที่มียศรับสารีส[f] เนอร์กัลชาเรเซอร์[g] ที่มียศรับมัก และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลนก็อยู่ที่นั่นด้วย
4 เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และทหารทุกคนเห็นพวกนี้ พวกเขาก็พากันหนีออกไปนอกเมืองในตอนกลางคืน ผ่านทางสวนของกษัตริย์ ออกทางประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงสองชั้น พวกเขาออกนอกเมืองทางถนนที่ตรงไปยังทะเลทรายอารบา 5 ทหารบาบิโลนก็ไล่ตามพวกเขาไป และไปทันกษัตริย์เศเดคียาห์ ที่ทะเลทรายอารบาใกล้ๆเมืองเยริโค แล้วพวกเขาก็จับกษัตริย์เศเดคียาห์ และพาพระองค์ไปหาเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน ที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก็ได้ตัดสินลงโทษกษัตริย์เศเดคียาห์ 6 กษัตริย์บาบิโลนได้ฆ่าพวกลูกชายของกษัตริย์เศเดคียาห์ที่ริบลาห์ต่อหน้าต่อตาพระองค์ แล้วก็ฆ่าเจ้านายทั้งหมดของยูดาห์ด้วย 7 จากนั้นพระองค์ก็ควักดวงตาของกษัตริย์เศเดคียาห์ แล้วเอาโซ่ล่ามพระองค์ พาไปบาบิโลน
8 จากนั้นพวกบาบิโลนก็เผาวังของกษัตริย์และบ้านเรือนของประชาชน พร้อมกับทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มลง 9 เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ได้ทำการกวาดต้อนประชาชนที่เหลือในเมือง และคนเหล่านั้นที่ได้ทิ้งเมืองออกไปมอบตัวกับเขาก่อนหน้านี้ รวมทั้งช่างฝีมือที่เหลือ เขาได้กวาดต้อนไปบาบิโลน 10 ส่วนคนที่ยากจนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ปล่อยทิ้งไว้ในยูดาห์ และในวันนั้นเขาก็ได้ยกพวกไร่องุ่นกับท้องทุ่งทั้งหลายให้กับพวกเขา
เนบูคัดเนสซาร์ดูแลเยเรมียาห์
11 แล้วเนบูคัดเนสซาร์ก็ออกคำสั่งผ่านเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เกี่ยวกับเยเรมียาห์ พระองค์สั่งว่า 12 “ไปเอาตัวเยเรมียาห์มา และดูแลเขาให้ดี อย่าได้ทำอันตรายเขา แต่ให้ทำทุกอย่างตามที่เขาขอ”
13 แล้วเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เนบูชัสบาน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เนอร์กัลชาเรเซอร์ ที่มียศรับมัก และนายพลทุกคนของกษัตริย์บาบิโลน ก็เรียกเยเรมียาห์มาพบ 14 พวกเขาไปนำตัวเยเรมียาห์มาจากลานของทหารยาม แล้วก็ส่งตัวเขาไปให้กับ เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม อาหิคัมเป็นลูกชายของชาฟาน เกดาลิยาห์จะเป็นคนพาเยเรมียาห์กลับไปบ้านของเยเรมียาห์เอง และเยเรมียาห์ก็ได้อยู่ท่ามกลางคนของเขา
พระเจ้าสัญญาว่าจะช่วยเอเบดเมเลค
15 และถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ ตอนที่เขาถูกคุมตัวอยู่ในลานของทหารยาม พระยาห์เวห์พูดว่า 16 “เยเรมียาห์ ไปบอกกับเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล พูดว่า ‘เราจะนำความพินาศมาสู่เมืองนี้ ไม่ใช่ความรุ่งเรือง เราจะทำกับเมืองนี้เหมือนกับที่เราได้เตือนไว้แล้ว และเจ้าจะเห็นเหตุการณ์ที่เราได้เตือนไว้แล้วเกิดขึ้น’” 17 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่เราจะปกป้องเจ้าไว้ในวันนั้น เพื่อเจ้าจะได้ไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านั้นที่เจ้ากลัว 18 เจ้ามั่นใจได้เลย เพราะเราจะช่วยชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน แล้วเจ้าก็จะไม่ถูกดาบฆ่าฟัน เจ้าจะได้รับชีวิตตัวเองเหมือนของที่ยึดได้จากสงคราม เพราะเจ้าไว้วางใจในเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
เยเรมียาห์และพวกที่เหลืออยู่กับเกดาลิยาห์
40 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ หลังจากที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ได้ปล่อยเขาให้เป็นอิสระที่เมืองรามาห์ ตอนที่เนบูซาระดานเจอตัวเยเรมียาห์นั้น เขาถูกมัดอยู่กับกลุ่มคนที่ถูกกวาดต้อนมาจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ เพื่อไปที่บาบิโลน 2 หัวหน้าองครักษ์เอาตัวเยเรมียาห์มา และพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ได้ขู่ว่าจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้ 3 และพระยาห์เวห์ก็ได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกับที่พระองค์บอก เพราะพวกเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังพระองค์ เลยทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้า 4 ตอนนี้เราได้ปลดโซ่ออกจากมือของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าอยากไปบาบิโลนกับเรา ก็มาเถอะ เราจะดูแลเจ้าเอง แต่ถ้าเจ้าไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป มองดูแผ่นดินทั้งหมดนี้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าสิ อยากไปไหนก็ไปเถอะ” 5 ก่อนที่เยเรมียาห์จะเดินจากไป เนบูซาระดานก็พูดขึ้นว่า “หรือเจ้าจะกลับไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟาน กษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ปกครองเมืองต่างๆในยูดาห์ เจ้าก็ไปอยู่กับเขาร่วมกับประชาชน หรือเจ้าอยากจะไปที่ไหนที่เจ้าคิดว่าดี ก็ไปเถอะ” แล้วหัวหน้าองครักษ์ก็ให้เสบียงอาหาร จากนั้นก็ปล่อยเขาไป 6 เยเรมียาห์ก็เลยไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมที่มิสปาห์ แล้วก็อยู่กับเขาที่นั่น ท่ามกลางประชาชนที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในแผ่นดินนั้น
การปกครองสั้นๆของเกดาลิยาห์
7 แล้วพวกแม่ทัพนายกองที่อยู่ในพื้นที่กับลูกน้องของพวกเขาก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมให้เป็นผู้ดูแลแผ่นดินนี้ และยังได้มอบหมายให้เขาดูแลพวกผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก รวมทั้งให้เขาดูแลคนยากคนจนในแผ่นดินนี้ที่ไม่ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลน
8 คนเหล่านี้ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คืออิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ โยฮานันและโยนาธาน ลูกชายของคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกชายของทันหุเมท พวกลูกชายของเอฟายชาวเนโทฟาห์ และเยซันยาห์ลูกชายชาวมาอาคาห์ คนเหล่านี้ รวมทั้งคนของพวกเขาก็ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์
9 เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟานได้สาบานกับพวกเขาและคนของพวกเขาว่า “ไม่ต้องกลัวที่จะต้องรับใช้ชาวบาบิโลนหรอก ให้อาศัยอยู่ในดินแดนของพวกท่าน และรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วทุกอย่างก็จะดีเองสำหรับท่าน 10 แต่สำหรับเรา เราจะอยู่ที่มิสปาห์เพื่อเป็นตัวแทนของท่านต่อพวกบาบิโลนที่มาโจมตีพวกเรา ส่วนพวกท่านก็ให้เก็บเหล้าองุ่น ผลไม้ และน้ำมันมะกอกไว้ในหม้อไห แล้วก็อยู่ในเมืองต่างๆของท่าน ที่พวกท่านยึดมาได้”
11 และพลเมืองยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในโมอับ ในอัมโมน ในเอโดม และอยู่ในที่ต่างๆก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้ทิ้งคนไว้นิดหน่อยในยูดาห์ และพระองค์ได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายอาหิคัม ให้ปกครองพวกเขาเหล่านั้น อาหิคัม เป็นลูกชายของชาฟาน 12 ดังนั้นพวกยิวทุกคนต่างก็พากันเดินทางกลับมาจากสถานที่ต่างๆที่พวกเขาเคยถูกขับไล่ไปอยู่นั้น แล้วพวกเขาก็มาที่แผ่นดินยูดาห์ มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ แล้วพวกเขาก็ได้เก็บเกี่ยวองุ่นและผลไม้อื่นๆได้มากมาย
อิชมาเอลซ่องสุมคนหักหลังเกดาลิยาห์
13 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์กับแม่ทัพนายกอง ที่อยู่ในท้องทุ่ง ต่างก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 14 และพวกเขาบอกกับเกดาลิยาห์ว่า “ท่านรู้หรือเปล่าว่า กษัตริย์บาอาลิสแห่งอัมโมน ได้ส่งอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ มาฆ่าท่าน” แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมไม่เชื่อพวกเขา 15 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ ก็เลยแอบพูดกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ว่า “ขอให้ผมไปฆ่าอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ จะได้ไม่มีใครรู้ จะปล่อยให้เขามาฆ่าท่านได้ยังไง ถ้าเขาทำอย่างนี้ มันจะทำให้คนยูดาห์ทุกคนที่รวมตัวกันมาอยู่กับท่าน ก็จะต้องกระจัดกระจายไป แล้วคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ก็จะถูกกำจัดจนหมดสิ้นไป”
16 แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม บอกกับโยฮานันลูกของคาเรอาห์ว่า “อย่าทำอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เจ้าพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลน่ะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”
41 ในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ เนธานิยาห์เป็นลูกชายของเอลีชามา อิชมาเอลได้มาหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม ที่มิสปาห์ อิชมาเอลคนนี้เป็นเชื้อเจ้าคนหนึ่ง และเป็นนายพลที่เก่งกาจคนหนึ่งของกษัตริย์ เขามากับคนของเขาสิบคน และพวกเขาก็กินอาหารร่วมกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 2 จากนั้นอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์และชายสิบคนที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นมา เอาดาบแทงเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายชาฟานจนตาย เกดาลิยาห์เป็นคนที่กษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองแผ่นดินนี้
3 จากนั้นก็ฆ่าพลเมืองยูดาห์ทั้งหมดที่อยู่กับเขาในเมืองมิสปาห์ รวมทั้งทหารบาบิโลนที่อยู่ที่นั่นด้วย
4 วันที่สองหลังจากฆ่าเกดาลิยาห์ผ่านไปแล้ว ยังไม่มีใครรู้ 5 มีชายแปดสิบคนเดินทางมาจาก เชเคม ชิโลห์ และสะมาเรีย พวกเขาโกนหนวดเครา ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง และเชือดเฉือนเนื้อตัวเอง พวกเขาถือเครื่องบูชาเมล็ดพืชไว้ในมือ และเครื่องหอมมาถวายในวิหารของพระยาห์เวห์ 6 แล้วอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ก็ออกจากมิสปาห์มาหาพวกเขา อิชมาเอลเดินไปก็ร้องไห้ไป เมื่อเจอพวกนั้นแล้วก็บอกว่า ไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมกันเถอะ
7 แต่พอพวกเขาเดินเข้าไปถึงใจกลางเมือง อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์และคนที่มากับเขา ก็ฆ่าคนพวกนั้นแล้วเอาศพไปโยนทิ้งในบ่อเก็บน้ำ
8 แต่มีสิบคนจากแปดสิบคนนั้นบอกกับอิชมาเอลว่า “อย่าฆ่าพวกเราเลย เพราะเรามีข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันมะกอก และน้ำเชื่อมผลไม้ซ่อนอยู่ในทุ่งด้วย” อิชมาเอลก็เลยหยุด ไม่ได้ฆ่าพวกเขาให้ตายตามคนอื่นๆที่มาด้วยกัน
9 (บ่อเก็บน้ำที่อิชมาเอลโยนศพคนที่เขาฆ่าลงไป โดยแกล้งทำเป็นเพื่อนของเกดาลิยาห์นั้น เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่กษัตริย์อาสาสร้างไว้ตอนที่พระองค์ถูกกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลโจมตี) อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ถมมันด้วยศพของคนที่เขาฆ่า
10 แล้วอิชมาเอลก็จับคนที่เหลือที่อยู่ในมิสปาห์ไป ซึ่งมีทั้งพวกลูกสาวของกษัตริย์ และคนที่ยังเหลืออยู่ คนพวกนี้เป็นคนที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมเป็นผู้ดูแล แล้วอิชมาเอลก็หนีข้ามไปหาคนอัมโมน
11 จากนั้นโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่อยู่กับเขา ได้ยินเรื่องชั่วช้าที่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ทำลงไป 12 พวกเขาจึงยกทหารทั้งหมดที่มีอยู่ไปสู้กับอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ พวกเขาไปเจออิชมาเอลที่บึงน้ำใหญ่ในกิเบโอน
13 เมื่อคนที่โดนจับตัวมาที่อยู่กับอิชมาเอลเห็นโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ พร้อมกับพวกแม่ทัพนายกองที่มากับเขา พวกเขาต่างก็พากันดีใจ
14 แล้วทุกคนที่อิชมาเอลจับมาจากมิสปาห์ก็หันกลับไปหาโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ 15 แต่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์กับทหารแปดคนก็หนีโยฮานันไปได้ แล้วเขาหนีไปหาชาวอัมโมน
16 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์กับแม่ทัพนายกองทั้งหมดที่มากับเขาก็รับเอาคนที่เหลือที่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์พามาจากมิสปาห์ หลังจากที่เขาได้ฆ่าเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมแล้ว มีทั้งผู้ชาย ทหาร ผู้หญิง เด็ก และขันทีที่โยฮานันนำกลับมาจากกิเบโอน
โยฮานันหนีไปอียิปต์
17 พวกเขาได้ไปอยู่ที่เกรูธคิมฮามซึ่งอยู่ใกล้ๆเบธเลเฮม พยายามจะหนีไปให้ถึงอียิปต์ 18 เพราะอยากจะไปให้ไกลจากพวกบาบิโลน นั่นก็เพราะพวกเขากลัวชาวบาบิโลน เพราะอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ ได้ฆ่าเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม ที่กษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้ดูแลแผ่นดินนี้
ข่าวของเยเรมียาห์ไปถึงโยฮานัน
42 พวกแม่ทัพนายกองทุกคน ก็ได้เดินทางมากับโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และอาซาริยาห์[h] ลูกชายของโฮชายาห์ และคนทั้งหมดจากคนที่กระจอกที่สุดไปถึงคนที่สำคัญที่สุด ต่างก็พากันมาหาเยเรมียาห์
2 แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ขอได้โปรดรับฟังคำอ้อนวอนของพวกเราด้วย ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เผื่อพวกเราและชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่นี้ด้วยเถอะ เพราะพวกเราเหลือกันแค่ไม่กี่คนอย่างที่ท่านเห็นนี้ จากที่เคยมีกันอยู่มากมาย 3 อธิษฐานให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน บอกพวกเราหน่อยว่า พวกเราควรจะไปทางไหน และควรจะทำอะไร”
4 แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็บอกพวกเขาว่า “ผมได้ยินที่พวกท่านพูดแล้ว ผมจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตามที่ท่านขอ เมื่อพระยาห์เวห์ตอบอะไรกลับมาให้กับท่าน ผมจะบอกพวกท่านทุกอย่าง โดยไม่ปิดบังอะไรไว้เลย”
5 แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าพวกเราไม่ทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบอกผ่านท่านให้พวกเราทำแล้วละก็ ขอให้พระยาห์เวห์เป็นพยานที่เชื่อถือได้ต่อต้านพวกเรา 6 ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี พวกเราก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ผู้ที่พวกเรากำลังส่งท่านไป เพื่อว่าทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีสำหรับพวกเรา เมื่อเราเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา”
7 หลังจากนั้นสิบวัน ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ 8 แล้วเขาก็เรียกโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ รวมทั้งแม่ทัพนายกองทุกคนที่อยู่กับเขา และประชาชนทุกคน ตั้งแต่กระจอกงอกง่อยไปจนถึงคนที่สำคัญที่สุด 9 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ผู้ที่พวกท่านส่งเราไปขอร้อง พระองค์พูดว่า 10 ‘ถ้าพวกเจ้าจะยังคงอยู่ในดินแดนนี้ต่อไปแน่ๆแล้วละก็ เราก็จะสร้างเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราก็จะไม่ทำลายเจ้าลง เราจะปลูกเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราจะไม่ถอนรากเจ้า เพราะเราเสียใจที่เราได้ทำสิ่งร้ายๆไว้กับเจ้า 11 ไม่ต้องกลัวเมื่อพวกเจ้ายืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์บาบิโลนที่เจ้ากลัวอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องกลัวเขา’ พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น ‘เพราะว่าเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยและปกปักรักษาเจ้าจากเงื้อมมือของเขา 12 เราจะเมตตาปรานีพวกเจ้า เขาจะได้เมตตาปรานีเจ้าด้วย แล้วเขาก็จะคืนเขตแดนของเจ้าให้กับเจ้า’ 13 แต่ถ้าเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้หรอก’ แสดงว่าเจ้าจะไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าแล้ว 14 พวกเจ้ากลับพูดว่า ‘เราไม่อยู่ที่นี่หรอก เราจะไปอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์ จะได้ไม่เจอกับสงคราม เราจะได้ไม่ได้ยินเสียงแตรศึก และจะได้ไม่ต้องอดข้าวตาย และเราจะอยู่ที่นั่น’ 15 ถ้านั่นเป็นความต้องการของเจ้าละก็ ชาวยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ ฟังการตัดสินใจของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็ไปอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะคนต่างชาติ 16 สงครามที่เจ้ากลัวนักกลัวหนาก็จะเกิดขึ้นกับเจ้าที่แผ่นดินอียิปต์นั้น และความอดอยากที่เจ้าเป็นห่วงกังวล ก็จะตามเจ้ามาติดๆเข้าไปในอียิปต์นั้น แล้วเจ้าก็จะตายที่นั่น 17 ทุกคนที่ตัดสินใจจะไปอยู่ในอียิปต์อย่างคนต่างชาตินั้น ก็จะตายด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด จะไม่มีใครรอดชีวิตหรือหนีรอดออกมาได้เลยจากเรื่องเลวร้ายที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้นกับพวกเขานั้น’”
18 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เราจะเทความโกรธใส่เจ้าเมื่อเจ้าไปอียิปต์ เหมือนกับที่เราเคยเทความโกรธใส่คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมาแล้ว เจ้าจะกลายเป็นแบบอย่างของคำสาปแช่ง เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นของที่ไม่มีค่า และเป็นแบบอย่างของการหัวเราะเยาะ แล้วเจ้าจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย”
19 พวกท่านคนยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ พระยาห์เวห์บอกให้พวกท่านว่าอย่าไปอียิปต์เลย พวกท่านก็รู้แน่ชัดแล้วว่าวันนี้ผมได้เตือนท่านแล้ว 20 ว่าพวกท่านได้ทำให้ชีวิตของตัวเองหันเหออกไปจากทางที่ถูกที่ควร ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะพวกท่านส่งผมไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเอง โดยขอว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเผื่อพวกเราด้วย และช่วยบอกพวกเราทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พูด แล้วเราจะทำตาม”
21 และวันนี้ผมก็ได้บอกท่านแล้วว่าพระองค์พูดอะไรกับผม แต่พวกท่านก็ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่ยอมฟังทุกสิ่งที่เราบอกท่านไปแล้ว 22 ถึงตอนนี้ท่านก็มั่นใจได้เลยว่า พวกท่านจะต้องตายจากคมดาบ จากความอดอยาก และจากโรคระบาด ในที่แห่งนั้นที่ท่านอยากจะไปอยู่อย่างคนต่างชาติ
ย้ายถิ่นฐานไปอียิปต์
43 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาได้ส่งเยเรมียาห์มาบอกถ้อยคำของพระองค์กับประชาชนทุกคน เมื่อเยเรมียาห์ได้บอกทุกอย่างที่พระยาห์เวห์สั่งให้มาบอกกับพวกเขาเสร็จแล้ว 2 อาซาริยาห์ลูกชายของโฮชายาห์ และโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกประชาชนที่โอหังทุกคน พูดกับเยเรมียาห์ว่า “แกพูดโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ส่งแกมาให้พูดกับเราว่า ‘อย่าไปอียิปต์เพื่อไปอยู่เหมือนคนต่างชาติที่นั่นเลย’ 3 ที่แกพูดอย่างนี้ก็เพราะบารุคลูกชายของเนริยาห์กำลังยุแหย่ให้แกต่อต้านพวกเรา เพื่อจะได้จับพวกเราส่งไปให้อยู่ในเงื้อมมือของพวกบาบิโลน เพื่อให้มันฆ่าพวกเราทิ้งและกวาดต้อนพวกเราไปที่บาบิโลน” 4 โยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกแม่ทัพนายกองทั้งหมด และคนทั้งหมด ก็ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ผู้ที่บอกให้พวกเขาอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ 5 โยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกแม่ทัพนายกองทั้งหมดก็พาคนยูดาห์ที่เหลือไปอาศัยอยู่ในอียิปต์ในฐานะคนต่างชาติ คนยูดาห์ที่เหลืออยู่นี้คือคนที่แต่ก่อนเคยถูกขับไล่ออกไป แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ในยูดาห์แล้ว 6 คนที่เดินทางไปอียิปต์ก็มีทั้งชายหญิง เด็กๆและพวกลูกสาวของกษัตริย์ อันที่จริงคนพวกนี้เป็นคนที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ได้ให้เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมเป็นผู้ดูแล อาหิคัมเป็นลูกชายของชาฟาน โยฮานันก็พาเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าและบารุคลูกชายของเนริยาห์ไปอียิปต์ด้วย 7 พวกเขาทั้งหมดก็เดินทางไปอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาก็เดินทางไปไกลถึงทาปานเหส
8 ที่เมืองทาปานเหสนี้เอง ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ พระองค์พูดว่า 9 “เยเรมียาห์ ไปเก็บหินก้อนโตๆมาให้เต็มมือเจ้า และต่อหน้าพลเมืองยูดาห์ให้เจ้าฝังหินพวกนั้นไว้ใต้อิฐกับปูน ที่ปูอยู่บนทางเดินหน้าประตูวังฟาโรห์ที่เมืองทาปานเหส 10 แล้วให้เจ้าบอกกับคนยูดาห์ที่ดูอยู่ว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “เราจะเรียกเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามาที่นี่ เราจะวางบัลลังก์ของเขาไว้บนก้อนหินเหล่านี้ที่เราได้ฝังไว้ เขาจะกางเต็นท์อยู่เหนือหินเหล่านี้ 11 เขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ แล้วคนที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยโรคระบาดก็จะต้องตายด้วยโรคระบาด คนที่ถูกกำหนดให้ถูกจับไปเป็นเชลย ก็จะต้องไปเป็นเชลย และคนที่ถูกกำหนดให้ถูกดาบฆ่าฟัน ก็จะต้องตายด้วยดาบ”’”
12 “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ จะจุดไฟเผาวิหารของพวกเทพเจ้าอียิปต์ จะเผาและยึดพวกมันไป เขาจะเด็ดอียิปต์จนเกลี้ยงเกลาเหมือนคนเลี้ยงแกะกำจัดเหาออกจากเสื้อของตัวเอง แล้วก็จากไปอย่างปลอดภัย 13 เขาจะทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ในวิหารเทพพระอาทิตย์ในเมืองเบธเชมาชที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ และจะเอาไฟเผาวิหารทั้งหมดของเทพเจ้าอียิปต์ให้สิ้น”
ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ต่อคนยูดาห์ในอียิปต์
44 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ เกี่ยวกับเรื่องของพลเมืองยูดาห์ที่อาศัยอยู่ในอียิปต์ พวกเขาอยู่ที่มิกดล ทาปานเหส เมมฟิส และทางใต้ของอียิปต์ พระองค์บอกพวกเขาว่า 2 “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘พวกเจ้าได้เห็นเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เรานำไปสู่เยรูซาเล็มและเมืองทั้งหมดของยูดาห์แล้ว และตอนนี้พวกมันก็ถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่ ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย 3 นั่นเป็นเพราะความชั่วร้ายที่พวกเขาทำ พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยการเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆที่บรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จัก 4 เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ คือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเรามาให้กับพวกเจ้า เราส่งพวกเขามาเรื่อยๆให้พวกเขามาบอกว่า “อย่าทำเรื่องน่าขยะแขยงที่เราเกลียดชังนี้” 5 แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง และไม่สนใจที่จะหันจากเรื่องชั่วๆที่ทำกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาเผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าอื่นๆ 6 เราโกรธแค้นมาก และความโกรธของเราก็ได้พลุ่งขึ้นต่อเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม และพวกมันได้กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่ามาจนถึงทุกวันนี้’”
7 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง ทำไมเจ้าถึงได้กำจัดพวกผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และทารกทั้งหมดไปจากยูดาห์ไม่เหลือไว้ที่นั่นสักคน 8 ทำไมเจ้าถึงได้ยั่วโมโหเราด้วยรูปเคารพที่เจ้าทำขึ้นมากับมือ ทำไมเจ้าถึงเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆในแผ่นดินอียิปต์ ที่เจ้าได้มาอาศัยอยู่นี้ ในที่สุดเจ้าก็จะทำลายตัวเจ้าเอง และชื่อของเจ้าจะถูกใช้เวลาสาปแช่ง และเจ้าจะเป็นที่หัวเราะเยาะของชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ 9 เจ้าลืมความชั่วร้ายของบรรพบุรุษเจ้า และความชั่วร้ายของกษัตริย์ต่างๆของยูดาห์แล้วหรือ เจ้าลืมความชั่วร้ายของเมียพวกเขา และความชั่วร้ายของเจ้าและของเมียเจ้าที่ทำเอาไว้ในแผ่นดินยูดาห์และตามท้องถนนของเยรูซาเล็มแล้วหรือ
10 จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังไม่ถ่อมตัว พวกเขาไม่เคารพยำเกรงเรา และพวกเขาก็ไม่ได้ทำตามกฎและระเบียบที่เรามอบไว้ให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า”
11 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลจึงพูดว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าจะลงโทษเจ้าและจะกำจัดยูดาห์ให้สิ้นซาก 12 เราจะจัดการกับคนยูดาห์ที่เหลือ ที่ตัดสินใจไปอียิปต์และไปอยู่อย่างคนต่างชาติที่นั่น พวกเขาทั้งหมดจะพบกับจุดจบที่แผ่นดินอียิปต์นั้น พวกเขาจะตายในสงคราม หรือไม่ก็อดตาย พวกเขาตั้งแต่คนที่กระจอกที่สุดไปจนถึงคนที่สำคัญที่สุดจะต้องพบกับจุดจบ พวกเขาจะต้องตายด้วยสงคราม หรือไม่ก็อดตาย แล้วผู้คนก็จะใช้ชื่อพวกเขาเวลาสาปแช่ง พวกเขาจะเป็นตัวอย่างของความพินาศย่อยยับ เป็นตัวตลก หรือเป็นเป้าให้คนเยาะเย้ย
13 เราจะลงโทษพวกนั้นที่อาศัยอยู่ในอียิปต์เหมือนกับที่เราลงโทษเยรูซาเล็ม คือด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด
14 พวกยูดาห์ที่หลงเหลืออยู่ ที่กำลังจะไปอยู่ในอียิปต์อย่างคนต่างชาตินี้ จะไม่มีคนพวกนี้สักคน ที่จะหนีพ้นหรือรอดชีวิต จะไม่มีคนพวกนี้เหลือสักคนที่จะได้กลับไปยูดาห์ ถึงแม้พวกเขาอยากจะกลับไปอยู่ที่นั่นก็ตาม พวกนี้จะไม่ได้กลับไปยูดาห์หรอก จะไม่มีใครหนีรอดออกมาได้นอกจากคนไม่กี่คน”
15 แล้วพวกผู้ชายทุกคนที่รู้ว่าเมียของตัวเองเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆ และผู้หญิงทุกคนที่กำลังยืนอยู่ในที่ประชุมใหญ่ รวมทั้งทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์และทางใต้ของอียิปต์ พวกเขาก็ตอบโต้เยเรมียาห์ว่า
16 “สิ่งที่แกพูดต่อว่าเรา โดยอ้างว่ามาจากพระยาห์เวห์นั้น พวกเราไม่ฟังแกหรอก 17 แต่พวกเราจะทำทุกสิ่งที่เราได้บนบานไว้ เราจะเผาเครื่องบูชาถวายราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาถวายให้กับนาง เราจะทำเหมือนกับที่พวกเรา ปู่ย่าตายายของเรา กษัตริย์ของพวกเรา และพวกเจ้านายของพวกเราเคยทำในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม ตอนที่เราทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น เรามีอาหารกินอย่างเหลือเฟือ มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเราไม่ใช่เรื่องเลวร้าย 18 ตั้งแต่พวกเราเลิกเผาเครื่องหอมบูชาให้กับราชินีแห่งสวรรค์และเลิกรินเครื่องดื่มให้นาง เราก็ขัดสนทุกอย่าง แถมเรายังพบกับจุดจบ ด้วยคมดาบและความอดอยากอีกด้วย”
19 ส่วนพวกผู้หญิงก็พูดว่า “ตอนที่พวกเราเผาเครื่องหอมบูชาให้กับราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มถวายนางนั้น แกคิดว่าตอนที่พวกเราทำขนม หรือปั้นขนมรูปนาง หรือรินเครื่องดื่มให้นางนั้น พวกเราไปแอบทำไกลๆสามีหรือยังไง”
20 แล้วเยเรมียาห์ก็ตอบกับพวกผู้ชาย ผู้หญิง และทุกคนที่เถียงกับเขาว่า 21 “พระยาห์เวห์จดจำได้ที่พวกท่านนำเครื่องเผาบูชามาถวายพระอื่นๆในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์จำได้ที่พวกท่าน ปู่ย่าตายายของท่าน กษัตริย์และเจ้านายของท่าน รวมทั้งทุกคนในแผ่นดินนี้ ได้ทำอย่างนั้น และมันก็ยังอยู่ในใจของพระองค์
22 แต่พระยาห์เวห์ทนไม่ไหวแล้วกับการกระทำที่ชั่วช้าต่างๆของท่าน และสิ่งต่างๆที่น่าขยะแขยงที่พวกท่านได้ทำลงไป ดังนั้นแผ่นดินของพวกท่านถึงได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ถูกทำลาย และกลายเป็นร้าง อย่างที่มันเป็นอยู่ในทุกวันนี้ 23 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะท่านได้เผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าอื่นๆและได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังพระองค์ ไม่ทำตามกฎ ระเบียบ และไม่ใช้ชีวิตตามพวกกฎเกณฑ์ของพระองค์ ดังนั้นท่านถึงได้พบกับความหายนะเหมือนในวันนี้”
24 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดกับทุกคนและกับผู้หญิงทั้งหมดว่า “พวกท่านชาวยูดาห์ทุกคน ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ฟังคำของพระยาห์เวห์ให้ดี 25 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘พวกเจ้าและเมียของเจ้า ได้ทำตามคำพูดของตัวเองที่ว่า “พวกเราจะทำตามคำสาบานที่พวกเราให้ไว้ว่า ‘พวกเราจะเผาเครื่องหอมถวายให้กับราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาให้กับนาง’ พวกเราจะทำตามที่เราได้บนบานไว้อย่างแน่นอน”’”
พระยาห์เวห์พูดว่า “ทำไปเลย ทำตามที่เจ้าได้บนบานไว้”
26 เมื่อเจ้าเอาอย่างนี้ พวกเจ้าชาวยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระองค์พูดว่า “เราได้สาบานกับชื่ออันยิ่งใหญ่ของเราว่า ‘ขออย่าให้มีชาวยูดาห์คนไหนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ อ้างชื่อของเราในคำสาบานของพวกเขาอีกเลย’ 27 เราจะคอยจับตาดูพวกเขา เพื่อเราจะได้ทำให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา ไม่ใช่ความสุขความเจริญ และคนยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะต้องตายด้วยคมดาบ หรือไม่ก็อดตาย จนกว่าพวกมันจะหมดสิ้นไป 28 จะมีแค่ไม่กี่คนในพวกเขาที่เล็ดรอดคมดาบออกมาได้ แล้วพวกนี้ก็จะไปจากแผ่นดินอียิปต์กลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ แล้วคนยูดาห์ที่รอดชีวิต ที่ได้มาอยู่ในแผ่นดินอียิปต์อย่างคนต่างชาตินั้น ก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ถูกต้อง พวกเขาหรือยาห์เวห์” 29 พระยาห์เวห์พูดว่า “เมื่อเราลงโทษพวกเจ้าที่นี่ นั่นจะเป็นข้อพิสูจน์สำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้รู้ว่าเมื่อเราบอกว่าเราจะให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า มันจะเกิดแน่”
30 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยกฟาโรห์โฮฟรา กษัตริย์ของอียิปต์ ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเขา และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่อยากฆ่าเขา เหมือนกับที่เรายกเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่อยากฆ่าเขา”
สิ่งที่เยเรมียาห์บอกบารุค
45 ในปีที่สี่ที่เยโฮยาคิมลูกของกษัตริย์โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้บอกถ้อยคำนี้กับบารุคลูกชายของเนริยาห์ บารุคก็ได้เขียนถ้อยคำเหล่านั้นลงบนหนังสือม้วนตามคำบอกของเยเรมียาห์ เยเรมียาห์บอกกับบารุคว่า 2 “บารุค พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดถึงท่านว่าอย่างนี้ 3 ‘บารุค เจ้าเคยพูดว่า “ผมเป็นทุกข์ เพราะพระยาห์เวห์เพิ่มความเศร้าโศกให้กับผม ทั้งๆที่ผมมีความเจ็บปวดอยู่แล้ว ผมเหน็ดเหนื่อยกับการร้องคร่ำครวญ และผมหาความสงบสุขไม่ได้เลย”’” 4 “เยเรมียาห์ เจ้าต้องบอกกับบารุคว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “สิ่งที่เราได้สร้างไว้ เราจะพังทลายลง และสิ่งที่เราได้ปลูกไว้ เราจะถอนมันขึ้นมา ซึ่งก็คือแผ่นดินทั้งหมด 5 เจ้ากะว่าตัวเองจะรุ่งเรืองหรือ ไม่ต้องไปคาดหวังเลย เพราะเราจะนำความหายนะมาสู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน เราจะไว้ชีวิตเจ้าเหมือนของที่ยึดมาได้จากสงคราม”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ
46 นี่คือถ้อยคำต่างๆที่พระยาห์เวห์พูดกับเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับอียิปต์
2 เกี่ยวกับอียิปต์ คือเรื่องกองทัพของฟาโรห์เนโคกษัตริย์ของอียิปต์ กองทัพนั้นเคยอยู่ตามฝั่งแม่น้ำยูเฟรติสในเมืองคารเคมิช กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เอาชนะกองทัพนั้นในปีที่สี่ที่เยโฮยาคิมลูกของโยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ พระองค์พูดว่า
3 “เตรียมเกราะป้องกันใหญ่น้อยของเจ้าไว้ให้พร้อม
เตรียมตัวรบ
4 รัดบังเหียนม้าไว้
แล้วให้คนขึ้นขี่เสีย
สวมหมวกเหล็กเข้าประจำการ
ขัดหอกให้เงา
และใส่ชุดเกราะเสียด้วย
5 ทำไมเราถึงเห็นสิ่งเหล่านี้
คนอกสั่นขวัญแขวน
พวกเขาหันหลังวิ่งหนี
นักรบผู้เก่งกล้าของพวกเขาถูกบดขยี้
พวกเขาก็เลยวิ่งอ้าว
พวกเขาไม่หันกลับมา
รอบๆมีแต่ความน่าหวาดผวา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
6 คนที่ว่องไวจะไม่สามารถวิ่งหนีได้
และนักรบจะไม่สามารถหลบหนี
พวกเขาจะสะดุดและล้มลง
ที่ทางเหนือริมแม่น้ำยูเฟรติส
7 ใครกันนะที่ถาโถมขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์
และที่น้ำของเขาไหลเชี่ยวกรากเหมือนแม่น้ำ
8 อียิปต์นั่นเองที่ถาโถมมาเหมือนแม่น้ำไนล์
และน้ำของเขาไหลเชี่ยวกรากเหมือนแม่น้ำไนล์
อียิปต์พูดว่าเราจะบุกขึ้นไป เราจะครอบครองโลกนี้
เราจะทำลายเมืองต่างๆและชาวเมืองทั้งหลาย
9 ขึ้นม้าสิ
แล้วทำให้รถม้าศึกดังกระหึ่ม
ให้นักรบที่กล้าหาญออกไปสิ
ให้ชาวเอธิโอเปียและชาวพุทที่กวัดแกว่งโล่เก่งๆ
และชาวลูดที่เก่งธนูลุยเข้าไป
10 วันนั้นจะเป็นวันแก้แค้นของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
เป็นวันที่พระองค์เองจะแก้แค้นศัตรูของพระองค์
ดาบจะกินจนอิ่ม
และมันจะดับกระหายด้วยเลือดของพวกเขา
เพราะมีการเซ่นไหว้ให้กับพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นในแผ่นดินทางเหนือริมแม่น้ำยูเฟรติส
11 อียิปต์ลูกสาวเอ๋ย
ขึ้นไปเอายาทาที่กิเลอาด
ยามากมายที่เจ้าทำขึ้นมานั้นมันไม่มีประโยชน์
เพราะพวกมันไม่สามารถรักษาเจ้าได้
12 ชนชาติต่างๆได้ยินเรื่องอัปยศ เสื่อมเสียของเจ้า
และเสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมานของเจ้าก็ดังไปทั่วโลก
เพราะนักรบคนหนึ่งไปสะดุดอีกคนหนึ่ง
แล้วล้มลงทั้งคู่
13 นี่คือถ้อยคำที่พระยาห์เวห์พูดกับเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ขณะที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกำลังบุกมาโจมตีอียิปต์ว่า
14 “ไปประกาศในอียิปต์ ไปป่าวร้องในมิกดล
และป่าวร้องในเมมฟิสกับทาปานเหสว่า
เข้าประจำการและเตรียมตัวให้พร้อม
เพราะว่าดาบกำลังเขมือบกินคนที่อยู่รอบๆเจ้า
15 ทำไมวัวที่เจ้าบูชา โดนเหวี่ยงทิ้งเสียล่ะ
มันยืนหยัดไม่ไหว
เพราะพระยาห์เวห์ได้ผลักมันล้มคว่ำไปนะสิ
16 มันทำให้คนมากมายสะดุด ล้มคะมำ พวกเขาล้มทับกันเองด้วย
พวกเขาพูดว่า ‘ลุกสิ
ให้พวกเรากลับไปหาคนของเราและกลับไปยังแผ่นดินเกิดของเรา
ไปให้ไกลจากดาบของผู้ที่โจมตีเรา
17 ให้เรียกชื่อฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ว่า
“ขี้โม้ ที่พลาดโอกาส”’”
18 กษัตริย์ผู้มีชื่อว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
พูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน
ผู้กดขี่ที่ยิ่งใหญ่ จะมาแน่ขนาดนั้น เขาจะเหมือนภูเขาทาโบร์ที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางภูเขาอื่นๆ
และเหมือนภูเขาคารเมลที่ยิ่งใหญ่อยู่ริมทะเล
19 อียิปต์ลูกสาวเอ๋ย เก็บข้าวของของเจ้าแล้วอพยพไปเสีย
เพราะเมมฟิสจะกลายเป็นเมืองร้าง
เป็นที่ปรักหักพัง
และไม่มีคนอาศัยอยู่
20 อียิปต์เป็นวัวสาวแสนสวย
ตัวเหลือบจากทางเหนือบินมากัดเธอ
21 แม้แต่พวกที่เธอจ้างไว้ให้ช่วยที่เป็นเหมือนวัวสาวตัวอ้วนพี
แต่พวกเขาก็วิ่งหนีไปเหมือนกัน
พวกเขาก็ไม่ได้ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน
เพราะวันแห่งความหายนะได้มาถึงพวกเขาแล้ว
เวลาที่พวกเขาจะต้องถูกลงโทษได้มาถึงพวกเขาแล้ว
22 เธอทำเสียงเหมือนงูที่เลื้อยหนีไป
เพราะศัตรูของเธอบุกมาด้วยพละกำลัง
พวกเขาถือขวานมาหาเธอเหมือนคนตัดฟืน
23 พระยาห์เวห์พูดว่า ถึงป่าของเธอจะยิ่งใหญ่เกินกว่าจะวัดได้
แต่พวกนั้นจะโค่นมันลง
เพราะพวกเขามีมากยิ่งกว่าตั๊กแตน
จะนับก็นับไม่ถ้วน
24 อียิปต์ผู้เป็นลูกสาวจะต้องอับอายขายหน้า
เธอถูกยกให้กับคนทางเหนือ”
25 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เราจะลงโทษพระอาโมนแห่งเธเบส เราจะลงโทษฟาโรห์ อียิปต์ พวกเทพเจ้าของเธอ และพวกกษัตริย์ของเธอด้วย เราจะลงโทษทั้งฟาโรห์และคนที่พึ่งฟาโรห์
26 แล้วเราจะส่งพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่อยากฆ่าพวกเขา และไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและคนรับใช้ของเขา แต่หลังจากนั้น จะมีผู้คนมาอาศัยอยู่ในเธออีกเหมือนในอดีต” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับอิสราเอล
27 “อิสราเอลเอ๋ย อย่าท้อใจไปเลย
ยาโคบผู้รับใช้ของเรา ไม่ต้องกลัว
เพราะเราจะนำเจ้าออกมาจากประเทศที่ห่างไกล
และช่วยลูกหลานของเจ้าออกมาจากดินแดนที่พวกเขาถูกจับไป
ยาโคบจะกลับมาอยู่อย่างสงบสุข
ไม่มีใครรังควาน ไม่มีใครทำให้เขากลัวได้”
28 พระยาห์เวห์พูดว่า “ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย ไม่ต้องกลัว
เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า
เราจะทำให้ทุกประเทศที่เราได้ไล่เจ้าไปอยู่ต้องพบกับจุดจบ
แต่เราจะไม่ทำให้เจ้าถึงจุดจบ
แต่เราจะลงโทษเจ้าตามที่เจ้าสมควรจะได้รับ
เราจะไม่ปล่อยให้เจ้าพ้นผิดไปได้”
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับฟีลิสเตีย
47 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เกี่ยวกับชาวฟีลิสเตีย ก่อนที่ฟาโรห์จะโจมตีเมืองกาซา
2 พระยาห์เวห์พูดว่า
“น้ำกำลังหลากมาจากทางเหนือ
และมันจะกลายเป็นน้ำหลากในธารน้ำแห้งขอด
ซึ่งจะท่วมแผ่นดินและคนที่อาศัยอยู่
น้ำจะท่วมเมืองและคนที่อาศัยอยู่ในเมือง
ผู้คนจะร้องทุกข์
และทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินจะร้องโหยหวน
3 เมื่อพวกพ่อได้ยินเสียงย่ำพื้นของม้าศึก
เสียงรถรบดังกระทบกัน
และล้อรถดังสนั่นหวั่นไหว
พวกเขาจะไม่หันกลับมาช่วยลูกๆ
เพราะพวกเขาสิ้นหวังเสียแล้ว
4 เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ชาวฟีลิสเตียทั้งหมดจะถูกทำลาย
และพันธมิตรชุดสุดท้ายของไทระและไซดอนจะถูกกำจัดไป
เพราะพระยาห์เวห์จะทำลายชาวฟีลิสเตีย
ซึ่งเป็นชาวเกาะคัฟโทร์ที่เหลือ
5 ชาวกาซาโกนหัวแล้ว
ชาวอัชเคโลนก็ถูกทำลายแล้ว
ชาวอานาคที่เหลือเอ๋ย[i]
เจ้าจะเชือดเฉือนตัวเองไปอีกนานแค่ไหน
6 ดาบของพระยาห์เวห์เอ๋ย
เธอจะฟาดฟันไปอีกนานแค่ไหนก่อนที่เธอจะหยุดพัก
สอดตัวเจ้าเองลงในฝักเถอะ
หยุดพักอยู่เฉยๆบ้างเถอะ
7 แต่มันจะอยู่เฉยๆได้ยังไง
พระยาห์เวห์สั่งให้มันโจมตี
พระองค์กำหนดให้มันแทงอัชเคโลนและชายฝั่งทะเลเสีย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International