Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 8-24

บิลดัดพูดกับโยบ

จากนั้นบิลดัด คนชูอาห์ ก็ตอบโยบว่า

“ท่านจะพูดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
    คำพูดของท่านจะเป็นเหมือนลมพายุ
    ไปอีกนานแค่ไหน
พระเจ้าบิดเบือนความยุติธรรมหรือ
    หรือว่าพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์บิดเบือนความถูกต้องหรือ
พระองค์มอบลูกๆของท่านให้รับโทษ
    เพราะพวกเขาทำบาปต่อพระองค์
ถ้าท่านจะแสวงหาพระองค์
    และร้องขอความเมตตาจากพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
ถ้าท่านเป็นคนบริสุทธิ์และซื่อตรง
    แน่นอน พระองค์จะลุกขึ้นมาเพื่อช่วยท่าน
พระองค์จะคืนครอบครัวให้ท่านเป็นรางวัล
จุดเริ่มต้นของท่านอาจจะเล็กน้อย
    แต่อนาคตของท่านจะใหญ่โตมโหฬาร
ท่านลองถามคนรุ่นก่อนดู
    และพิจารณาถึงสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ค้นพบ
เพราะพวกเราเพิ่งมาอยู่บนโลกนี้และไม่รู้อะไรเลย
    เพราะวันเวลาของเราเป็นแค่เงา
10 พวกบรรพบุรุษเหล่านั้นสามารถสอนท่านไม่ใช่หรือ
    พวกเขาสามารถบอกอะไรบางอย่างกับท่านไม่ใช่หรือ
    พวกเขาสามารถบอกสิ่งที่เขาเข้าใจให้กับท่านไม่ใช่หรือ
11 ต้นกกจะเติบโตในที่ที่ไม่มีปลักตมได้หรือ
    ต้นอ้อจะเจริญงอกงามในที่ที่ไม่มีน้ำได้หรือ
12 ขนาดตอนที่ต้นไม้เหล่านี้ยังเขียวสดอยู่และยังไม่มีใครมาตัด
    มันก็ยังอาจจะเหี่ยวเฉาเร็วกว่าต้นไม้ประเภทอื่นได้
13 ทางทั้งหลายของคนที่หลงลืมพระเจ้าก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ
    เพราะความหวังของคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะถูกทำลายไป
14 สิ่งที่เขามั่นใจนั้นขาดกระจุยเหมือนเส้นด้ายบาง
    สิ่งที่เขาไว้วางใจนั้นก็เปราะบางดุจใยแมงมุม
15 ถ้ามีใครพิงใยนั้น เขาก็จะล้ม
    ถ้าเขาไปจับฉวยมัน มันก็ไม่ช่วยให้เขาลุกขึ้นมาได้
16 คนชั่วอาจจะเป็นเหมือนพืชที่อุดมด้วยน้ำ ที่งอกอยู่ต่อหน้าดวงอาทิตย์
    และแตกหน่อแพร่กระจายไปทั่วสวน
17 รากของพวกเขาอาจจะเลื้อยพันรอบๆกองหิน
    และหยั่งลงไปในซอกหิน
18 แต่ถ้าพืชนั้นถูกทำลายไปจากที่ของมัน
    ที่นั่นก็จะปฏิเสธมันว่า ‘ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน’
19 ความสุขของมันก็แค่นั้นแหละ
    แล้วเดี๋ยวก็จะมีพืชอื่นงอกขึ้นมาแทนที่
20 ดูสิ พระเจ้าไม่เคยละทิ้งคนดีพร้อม
    พระองค์ไม่เคยพยุงคนชั่วไว้
21 พระองค์จะทำให้ปากของท่านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
    และจะทำให้ริมฝีปากท่านร้องเพลงอย่างมีความสุข
22 ส่วนคนที่เกลียดชังท่านก็จะอับอายขายหน้า
    และเต็นท์ของคนชั่วก็จะไม่มีอีกต่อไป”

โยบตอบบิลดัด

แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ข้ารู้แน่ว่า
    ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะชนะคดีต่อพระเจ้าได้หรอก
ถ้าหากเขาต้องการเอาพระองค์ขึ้นศาล
    พระองค์จะย้อนกลับมาค้านเขาเป็นพันเรื่อง
    คนนั้นก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้แม้แต่เรื่องเดียว
พระเจ้าฉลาดล้ำเลิศและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ
    มีผู้ใดบ้างที่ฟ้องร้องพระองค์แล้วชนะ
พระองค์ย้ายพวกภูเขาและภูเขาทั้งหลายก็ไม่รู้ตัว
    พระองค์คว่ำภูเขาลงได้เมื่อพระองค์โกรธเกรี้ยว
พระองค์เขย่าโลกให้เคลื่อนไปจากที่ของมัน
    ทำให้พวกเสาหลักทั้งหลายของมันต้องสั่นไหว
พระองค์สามารถสั่งดวงอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นและมันก็เป็นอย่างนั้น
    พระองค์สามารถขังหมู่ดาวไม่ให้ออกมา
พระองค์ได้กางแผ่นฟ้าออก
    และสามารถเดินอยู่บนคลื่นในทะเล
พระองค์ได้สร้างหมู่ดาวหมี
    หมู่ดาวไถ ดาวลูกไก่ และหมู่ดาวทิศใต้
10 พระองค์ทำการยิ่งใหญ่มากมายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
    พระองค์กระทำการอันน่าทึ่งมากมายเกินกว่าจะนับได้
11 ถ้าพระเจ้าผ่านหน้าข้าไป ข้าพเจ้าก็ไม่อาจมองเห็นพระองค์
    ถ้าพระองค์เคลื่อนผ่านข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ไม่อาจสังเกตเห็น
12 ถ้าพระองค์หยิบอะไรไป ใครจะไปห้ามพระองค์ได้
    ใครจะกล้าไปถามพระองค์ว่า ‘พระองค์กำลังทำอะไรอยู่นั่น’
13 พระเจ้าไม่ยั้งความโกรธของพระองค์
    แม้แต่พวกลูกสมุนของราหับ[a] ยังต้องมากราบอยู่แทบเท้าพระองค์
14 แล้วอย่างนั้นข้าจะตอบพระองค์ได้ยังไง
    ข้าจะเลือกคำพูดอะไรไปโต้แย้งกับพระองค์ได้
15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก แต่ข้าก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้
    ข้าได้แต่ขอความเมตตาจากคู่กรณีผู้นี้
16 ถึงแม้ข้าจะเชิญพระองค์มาที่ศาลและพระองค์ก็มา
    ข้าก็ยังไม่เชื่อว่าพระองค์จะฟังเรื่องของข้า
17 พระองค์คงจะบดขยี้ข้าด้วยพายุ
    และทำให้ข้ามีบาดแผลเพิ่มทวีขึ้น ทั้งๆที่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด
18 พระองค์คงไม่ยอมให้ข้าหยุดพักให้หายเหนื่อย
    แต่คงจะใส่ความขมขื่นให้ข้าจนอิ่ม
19 ถ้าพูดถึงอำนาจ แน่นอนพระองค์ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งกว่า
    ถ้าพูดถึงความยุติธรรม ใครจะไปบังคับให้พระองค์มาขึ้นศาลได้
20 ข้าเป็นฝ่ายถูก แต่ปากข้าคงทำให้ข้าดูเหมือนเป็นฝ่ายผิด
    ข้าไม่มีที่ติ แต่พระองค์คงทำให้ข้าดูเหมือนเป็นคนขี้โกง
21 ข้าเป็นคนที่ไม่มีที่ติ แต่ข้าไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตข้า
    ข้าเบื่อชีวิตของข้าเต็มทีแล้ว
22 ข้าไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกันเลย
    ข้าว่า ‘พระเจ้าทำลายทั้งคนถูกและคนผิด’
23 ยิ่งกว่านั้นเมื่อภัยพิบัตินำความตายมาให้อย่างกระทันหัน
    พระองค์ยังหัวเราะเยาะกับความทุกข์ทรมานที่พวกผู้บริสุทธิ์ต้องเจอ
24 ในขณะที่แผ่นดินถูกยกไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว
    และพระองค์ได้ปิดตาของผู้พิพากษาไม่ให้เห็นความจริง
ถ้าไม่ใช่พระองค์ทำสิ่งเหล่านี้ แล้วใครทำล่ะ

25 วันเวลาของข้าผ่านไปเร็วกว่านักวิ่งส่งข่าว
    มันวิ่งหนีไป โดยไม่ได้เห็นสิ่งดีๆอะไรเลย
26 มันผ่านไปรวดเร็วราวกับเรือที่ทำจากต้นอ้อ
    เหมือนนกอินทรีที่โฉบลงมาเอาเหยื่อ

27 ถึงข้าจะพูดว่า ‘ข้าจะลืมคำพร่ำบ่นของข้า
    จะถอดหน้าเศร้าทิ้งไปและปั้นสีหน้าให้มีความสุข’
28 แต่ข้าก็ยังกลัวความเจ็บปวดทั้งหมดของข้าอยู่ดี
    เพราะข้ารู้ว่าพระองค์จะไม่ยอมถือว่าข้าเป็นฝ่ายถูก
29 ถึงยังไงข้าก็ยังจะถูกตัดสินว่าผิด
    แล้วข้าจะดิ้นรนสู้คดีไปให้เหนื่อยเปล่าทำไมกัน
30 ถึงข้าจะล้างตัวเองด้วยหิมะ
    และขัดถูเนื้อตัวให้สะอาดด้วยสบู่
31 พระเจ้าก็ยังจะหย่อนตัวข้าลงไปในหลุมโคลนอยู่ดี
    จนแม้แต่เสื้อผ้าของข้ายังขยะแขยงตัวข้า
32 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์อย่างข้าที่ข้าจะไปโต้ตอบกับพระองค์ได้
    ที่จะไปขึ้นศาลด้วยกันได้
33 แล้วไม่มีใครจะสามารถมาเป็นคนกลางระหว่างเราได้
    ที่จะมาสั่งให้เราทั้งสองยอมรับการตัดสินของเขา[b]
34 และมาเอาไม้เรียวของพระองค์ไปจากตัวข้า
    เพื่อข้าจะได้ไม่ต้องกลัวฤทธิ์อำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์อีกต่อไป
35 แล้วเมื่อนั้นข้าจะพูดและจะไม่กลัวพระองค์
    แล้วข้าจะได้เป็นตัวของตัวเองซะที[c]

10 “ข้าเบื่อชีวิตของข้า
    ดังนั้นข้าจะบ่นอย่างไม่ยั้ง
    ข้าจะพูด เพราะจิตวิญญาณข้าขมขื่น
ข้าจะพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่าเพิ่งตัดสินว่าข้าพเจ้าผิด
    ช่วยบอกหน่อยว่าพระองค์มีข้อกล่าวหาอะไรข้าพเจ้าบ้าง
พระองค์ชอบหรือที่จะกดขี่และทอดทิ้ง
    ผลงานที่พระองค์ทุ่มเทสร้างขึ้นมา
    ในขณะที่พระองค์อวยพรแผนการทั้งหลายของคนชั่วหรือ
พระองค์มีตาอย่างกับตามนุษย์หรือ
    พระองค์มองแคบๆเหมือนกับที่มนุษย์มองหรือ
วันคืนของพระองค์เหมือนกับวันคืนของคนหรือ
    เดือนปีของพระองค์สั้นเหมือนกับเดือนปีของมนุษย์หรือ
ที่พระองค์จะต้องรีบมาค้นหา
    ความชั่วช้าและความผิดบาปของข้าพเจ้า
พระองค์รู้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร
    แต่ไม่มีใครสามารถช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพระองค์ได้อยู่ดี
มือของพระองค์ปั้นและสร้างข้าพเจ้าขึ้นมา
    แต่ตอนนี้พระองค์กลับหันมาทำลายข้าพเจ้า
ขออย่าลืมว่าพระองค์ปั้นข้าพเจ้าขึ้นมาเหมือนปั้นดินเหนียว
    แต่ตอนนี้ พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้ากลับไปเป็นผงคลีดินอีกอย่างนั้นหรือ
10 พระองค์เทข้าพเจ้าออกมาราวกับนม
    และทำให้ข้าพเจ้าแข็งตัวราวกับเนยแข็ง ไม่ใช่หรือ
11 พระองค์ห่อหุ้มข้าพเจ้าไว้ด้วยหนังและเนื้อ
    พระองค์สานทอข้าพเจ้าไว้ด้วยกระดูกและเส้นเอ็น
12 พระองค์ให้ชีวิตและความรักกับข้าพเจ้า
    และการเอาใจใส่ดูแลของพระองค์ได้ปกป้องจิตวิญญาณของข้าพเจ้าไว้
13 แต่พระองค์มีแผนการเหล่านี้แอบแฝงอยู่ในใจ
    ข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือความตั้งใจของพระองค์
14 คือถ้าข้าพเจ้าทำบาป พระองค์จะจับตาดูข้าพเจ้า
    และจะไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าพ้นผิดจากความผิดบาปของข้าพเจ้า
15 ถ้าข้าพเจ้าผิด วิบัติก็จะเกิดกับข้าพเจ้า
    ถึงข้าพเจ้าถูก ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้
เพราะข้าพเจ้าจะเต็มอิ่มไปด้วยความอับอายและความทุกข์ยาก
16 ถ้าข้าพเจ้ายกตัวเองขึ้น
    พระองค์ก็จะไล่ล่าข้าพเจ้าอย่างสิงโต
    และแผลงฤทธิ์อันอัศจรรย์ของพระองค์ใส่ข้าพเจ้าอีก
17 พระองค์จะหาพยานมาเพิ่มเพื่อปรักปรำข้าพเจ้าใหม่
    และเพิ่มความโกรธเกรี้ยวใส่ข้าพเจ้า
    พระองค์ส่งกองทัพชุดใหม่มาสู้กับข้าพเจ้า
18 ทำไมพระองค์จึงนำข้าพเจ้าออกมาจากท้องแม่
    ข้าพเจ้าน่าจะตายไปก่อนที่จะมีสายตาใครได้เห็น
19 ข้าพเจ้าน่าจะเป็นเหมือนกับคนที่ไม่เคยมีชีวิต
    คือถูกนำจากท้องแม่ตรงไปสู่หลุมฝังศพ
20 ข้าพเจ้ามีเวลาเหลืออยู่ไม่กีวันไม่ใช่หรือ
    อย่ามายุ่งกับข้าพเจ้าได้ไหม หันไปจากข้าพเจ้าหน่อยเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีความสุขสักนิด
21 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไปและไม่กลับมาอีก
    จะไปสู่ดินแดนแห่งความมืดและเงาแห่งความตาย
22 ไปสู่ดินแดนแห่งความมืดทึบ
    และเงาแห่งความตาย ดินแดนแห่งความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ
    ที่ความสว่างของมันเป็นเหมือนความมืด’”

โศฟาร์พูดกับโยบ

11 แล้วโศฟาร์ชาวนาอามาห์ตอบโยบว่า

“คำพูดที่มากมายขนาดนี้จะปล่อยให้ไม่มีคำตอบหรือ
    คนนี้ที่พูดมากจะต้องเป็นฝ่ายถูกอย่างนั้นหรือ
ท่านคิดว่าคำบ่นพึมพำอันไร้สาระของท่าน
    จะทำให้คนอื่นเงียบงันไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อท่านพูดเยาะเย้ยมากขนาดนี้
    จะไม่ให้มีใครมาทำให้ท่านเสียหน้าเลยหรือ
ท่านพูดว่า ‘คำสอนของข้านั้นถูกต้อง’
    และพูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์’
แต่ข้าอยากให้พระเจ้าพูดเหลือเกิน
    คือเปิดริมฝีปากของพระองค์พูดกับท่าน
และข้าอยากจะให้พระองค์
    เปิดเผยความลับแห่งสติปัญญาให้กับท่าน
เพราะสติปัญญานั้นย่อมมีอีกแง่มุมหนึ่งที่ท่านคิดไม่ถึง
    แล้วท่านจะได้รู้ว่าพระเจ้าได้ลงโทษท่านน้อยกว่าที่ท่านสมควรจะได้รับเสียอีก

ท่านสามารถค้นพบสติปัญญาอันลึกลับของพระเจ้าได้หรือ
    ท่านสามารถค้นพบขอบเขตแห่งความรู้ของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้หรือ
มันสูงยิ่งกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะไปทำอะไรได้
    มันลึกยิ่งกว่าแดนคนตาย ท่านจะไปรู้อะไรได้
สติปัญญาของพระเจ้านั้น
    วัดได้ยาวไกลกว่าผืนโลกและกว้างยิ่งกว่าทะเล
10 ถ้าพระองค์ผ่านมาและคุมขังใครไว้
    และเรียกตัวผู้นั้นขึ้นตัดสินความ ใครจะไปห้ามพระองค์ได้
11 เพราะพระองค์รู้ว่าใครทำตัวไร้ค่า
    แล้วเมื่อพระองค์เห็นความชั่วร้าย พระองค์จะมองข้ามมันไปหรือ
12 คนสมองกลวงจะมีสติปัญญาได้
    ก็ต่อเมื่อลาป่าเกิดลูกออกมาเป็นคน
13 ถ้าท่านมอบจิตใจของท่านให้กับพระเจ้า
    และยื่นมือของท่านไปยังพระองค์
14 ถ้าท่านเอาความชั่วร้ายในมือของท่านทิ้งไป
    และไม่ยอมให้ความผิดบาปอาศัยอยู่ในพวกเต็นท์ของท่าน
15 เมื่อนั้น ท่านจะเชิดหน้าขึ้นได้แน่อย่างไม่มีที่ติ
    ท่านจะมั่นคงและไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด
16 เพราะท่านจะลืมความทุกข์ยากของท่าน
    เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้ว
17 ชีวิตของท่านจะส่องสว่างสดใสยิ่งกว่ายามเที่ยงวัน
    แม้แต่ความมืดในชีวิตของท่านก็จะเป็นเหมือนแสงสว่างในยามเช้า
18 ท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง
    ท่านจะได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา และนอนพักอย่างปลอดภัย
19 เมื่อท่านนอนลง จะไม่มีใครทำให้ท่านกลัว
    ผู้คนมากมายจะมาร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน
20 แต่ดวงตาของคนชั่วร้ายจะมืดมัวไป
    มันหาทางหนีไม่เจอ
    ความหวังของมันก็คือความตายนั่นเอง”

โยบตอบเพื่อนๆ

12 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ไม่ต้องสงสัยเลย
    พวกท่านเป็นคนฉลาดชุดสุดท้าย
เมื่อพวกท่านตาย
    โลกนี้ก็ไม่หลงเหลือความฉลาดไว้อีกแล้ว
แต่ข้าก็มีความเข้าใจเหมือนกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
    ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ที่ท่านพูด
แต่ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะเยาะ
    แต่ก่อนข้าเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าก็ตอบข้าด้วย
    ข้าเป็นคนมีคุณธรรมและไม่มีที่ติ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
คนที่อยู่สบายๆพูดว่า ‘คนนี้เคราะห์ร้ายอยู่แล้ว ซ้ำเติมลงไปเลย’
    พวกนี้พูดว่า ‘คนนั้นโซเซอยู่แล้วผลักให้มันล้มไปเลย’
แต่เต็นท์ของโจรอยู่อย่างสงบสุข
    และคนที่ยั่วเย้าพระเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัย
    ทั้งๆที่ชีวิตของพวกมันอยู่ในกำมือพระเจ้าอยู่แล้ว
แต่พวกท่านพูดว่า
    ‘ไปปรึกษาพวกสัตว์ดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
    ไปปรึกษาพวกนกในอากาศดูสิ แล้วมันจะบอกท่าน
หรือ ไปปรึกษากับแผ่นดินโลกดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
    ไปปรึกษาปลาในท้องทะเลดูสิ แล้วมันจะเล่าให้ท่านฟัง’
ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งไหนบ้างที่ไม่รู้ว่า
    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เอง
10 ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงและลมหายใจของมนุษย์ทุกคน
    อยู่ในมือของพระองค์
11 หูทดสอบคำพูด
    เหมือนที่ปากแยกแยะรสชาติอาหารไม่ใช่หรือ
12 สติปัญญาย่อมอยู่กับผู้สูงวัย
    และความเข้าใจก็มากับชีวิตที่ยืนยาวไม่ใช่หรือ
13 ข้าว่าสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระเจ้า
    คำปรึกษาและความเข้าใจเป็นของพระองค์
14 ถ้าพระองค์รื้ออะไรลง จะไม่มีใครสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อีก
    ถ้าพระองค์ขังใครไว้ จะไม่มีใครปล่อยคนนั้นออกมาได้
15 ถ้าพระองค์หยุดยั้งน้ำฝนไว้ แผ่นดินก็จะเหือดแห้งไป
    ถ้าพระองค์ส่งน้ำฝนลงมา มันจะท่วมท้นแผ่นดิน
16 กำลังและสติปัญญาเป็นของพระองค์
    ทั้งคนที่ถูกหลอกและคนที่หลอกลวงล้วนอยู่ใต้อำนาจของพระองค์
17 พระองค์เปลื้องผ้าพวกที่ปรึกษาของแผ่นดิน แล้วนำพวกเขาออกไปแต่ตัวล่อนจ้อน
    พระองค์ทำให้พวกผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่
18 พระองค์ปลดสายสะพายของเหล่ากษัตริย์ออก
    แล้วให้พวกกษัตริย์นั้นใส่แค่ผ้าคาดเอว
19 พระองค์เปลื้องผ้าพวกนักบวช แล้วนำพวกเขาออกไปตัวล่อนจ้อน
    พระองค์โค่นอำนาจของผู้ที่ปกครองมาช้านาน
20 พระองค์ปิดปากของพวกที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจ
    พระองค์แย่งความเข้าใจไปจากพวกผู้นำอาวุโส
21 พระองค์เทการเย้ยหยันลงบนพวกเจ้านาย
    และปลดดาบคาดเอวของนักรบที่แข็งแกร่ง
22 พระองค์เปิดเผยพวกเรื่องลึกลับที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด
    และนำความมืดมาสู่แสงสว่าง
23 พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆยิ่งใหญ่
    แต่ต่อมาก็ทำลายมันลง
พระองค์ขยายอาณาเขตของชนชาติต่างๆ
    แต่ต่อมาก็นำพวกเขาออกไปเป็นเชลย
24 พระองค์ริบเอาความรู้ของพวกผู้นำประชาชนบนแผ่นดินโลก
    แล้วทำให้พวกเขาเดินพลัดหลงเข้าไปในดินแดนอันรกร้างที่ไม่มีถนนหนทาง
25 ผู้นำเหล่านั้นเดินคลำทางในความมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง
    พระองค์ทำให้พวกเขาเดินโซเซอย่างกับคนเมา

13 “ดูสิ ตาของข้าได้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
    หูของข้าได้ยินและเข้าใจมันแล้ว
ท่านรู้อะไรข้าก็รู้ด้วย
    ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
แต่ข้าอยากจะพูดกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
    และอยากจะต่อสู้คดีของข้ากับพระเจ้า
แต่พวกท่านใช้คำโกหกทั้งหลายมาเป็นยาทาข้าพเจ้า
    พวกท่านทั้งหมดเป็นหมอที่ห่วยแตก
พวกท่านน่าจะนิ่งเงียบซะ
    นั่นจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับท่าน
ตอนนี้ให้ฟังคำโต้แย้งของข้า
    ให้ฟังคดีของข้า
พวกท่านจะพูดโกหกเพื่อพระเจ้าหรือ
    หรือพูดหลอกลวงเพื่อพระองค์หรือ
พวกท่านจะลำเอียงเข้าข้างพระองค์หรือ
    พวกท่านจะสู้คดีเพื่อพระเจ้าหรือ
เมื่อถึงคราวที่พระองค์ตรวจสอบพวกท่าน
    พวกท่านคิดว่าจะออกมาดีหรือ
หรือพวกท่านคิดว่าจะหลอกพระองค์ได้
    เหมือนกับที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถหลอกอีกคนหนึ่งได้
10 พระองค์จะฟ้องร้องพวกท่านแน่
    ถ้าพวกท่านแอบลำเอียง
11 เมื่อความโอ่อ่าตระการตาของพระองค์ปรากฏ ท่านจะไม่หวาดหวั่นหรือ
    ความน่าเกรงขามของพระองค์ไม่ทำให้ท่านสะทกสะท้านหรือ
12 คำคมและพวกสุภาษิตของพวกท่านไร้ค่าอย่างขี้เถ้า
    คำแก้ต่างของพวกท่านเปราะบางอย่างหม้อดิน
13 เงียบซะ แล้วปล่อยให้ข้าพูด
    อะไรจะเกิดขึ้นกับข้าก็ให้มันเกิดเถอะ
14 ข้าจะยอมกัดเนื้อตัวเอง
    ยอมเสี่ยงชีวิต
15 พระองค์อาจจะฆ่าข้า แต่ข้าไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้ว
    ข้าจะต้องพูดแก้ตัวของข้าต่อหน้าพระองค์
16 ความกล้าของข้านี้อาจจะเป็นความรอดของข้า
    เพราะคนชั่วจะไม่กล้ามายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์หรอก
17 ให้ฟังถ้อยคำของข้าให้ดี
    ให้คำพูดของข้าอยู่ในหูของท่าน
18 ข้าได้เตรียมคดีของข้าพร้อมแล้ว
    ข้ารู้ว่าข้าเป็นฝ่ายถูก
19 มีใครเล่าสามารถพิสูจน์ว่าข้าผิด
    ถ้ามี ข้าจะหุบปากและตายไป
20 ข้าแต่พระเจ้า ขอช่วยทำสองสิ่งนี้ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องซ่อนตัวไปจากหน้าของพระองค์
21 คือช่วยเอามือของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าหน่อย
    และขออย่าให้ความน่ากลัวของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
22 แล้วเบิกตัวข้าพเจ้ามาเถิด แล้วข้าพเจ้าจะตอบข้อกล่าวหา
    หรือไม่อย่างงั้นก็ให้ข้าพเจ้าพูดก่อน แล้วพระองค์ค่อยแย้ง
23 ไหน มีกี่เรื่องที่ข้าพเจ้าทำผิดทำบาป
    ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้หน่อยว่าความละเมิดและความผิดบาปของข้าพเจ้าคืออะไร
24 ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    และถือว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรู[d] ของพระองค์
25 อะไรกัน พระองค์จะขู่ข้าพเจ้า
    ผู้เป็นแค่ใบไม้ใบเดียวที่ปลิวตามลมนี่นะ
    พระองค์จะไล่กวดเศษฟางแห้งอันเดียวนี่นะ
26 พระองค์ได้เขียนคำตัดสินต่างๆที่ขมขื่นให้กับชีวิตข้าพเจ้า
    และพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำในวัยหนุ่ม
27 พระองค์เอาโซ่ตรวนใส่เท้าข้า
    แล้วพระองค์เฝ้ามองทุกฝีก้าวของข้า
    และสะกดรอยทุกย่างก้าวของข้า
28 ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นแค่มนุษย์ที่ทรุดโทรมไปเหมือนของเน่า
    เหมือนเสื้อผ้าที่ถูกแมลงกัดกิน”

14 มนุษย์ที่เกิดมาจากหญิง
    ชีวิตก็สั้นและเต็มไปด้วยความยุ่งยาก
เขาผลิบานราวกับดอกไม้ แล้วก็เหี่ยวแห้งไป
    เขาหายไปอย่างกับเงา ชีวิตเขาไม่ยั่งยืน
ทำไมพระองค์จะต้องมาเพ่งดูผู้ที่มีลักษณะอย่างนี้
    และนำข้ามาสู้คดีกับพระองค์ด้วย
ใครเล่าจะทำสิ่งที่สกปรกให้กลับสะอาดได้อีก
    ไม่มีหรอก
เพราะวันเวลาของคนได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
    และพระองค์ก็ล่วงรู้จำนวนเดือนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่
พระองค์ได้กำหนดขอบเขตของเวลา
    ที่พวกเขาไม่สามารถข้ามไปได้
เลิกมองเขาได้แล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย
    เผื่อบางทีเขาอาจจะมีความสุขบ้างสักเล็กน้อยเหมือนลูกจ้างรายวัน
ขนาดต้นไม้ก็ยังมีความหวังเลย
    ถึงจะถูกโค่นลง มันก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ได้
    และหน่อของมันก็จะมีชีวิตต่อไป
ถึงรากของมันจะแก่อยู่ในดิน
    และตอก็เริ่มตายอยู่บนพื้น
แต่พอมันได้กลิ่นของน้ำ
    มันก็จะแตกหน่อและแตกกิ่งก้านออกมาเหมือนต้นไม้อ่อน
10 แต่สำหรับมนุษย์ เมื่อตายแล้ว เรี่ยวแรงก็หมดไป
    มนุษย์สิ้นลม และก็ไม่อยู่แล้ว
11 เหมือนกับน้ำที่ระเหยไปจากทะเลสาบ
    เหมือนกับแม่น้ำที่ขาดแหล่งน้ำของมันไป
12 มนุษย์นอนลงและไม่ลุกขึ้นอีก
    เขาจะไม่ตื่น ตราบเท่าฟ้าสวรรค์ยังมีอยู่
    ปลุกก็ไม่ตื่น

13 ข้าอยากให้พระองค์ซ่อนข้าไว้ในแดนคนตายเหลือเกิน
    จะได้แอบข้าไว้จนกว่าพระองค์จะหายโกรธ
    แล้วกำหนดเวลาที่จะนึกถึงข้าและนำข้าออกมา

14 ถ้ามนุษย์ตาย เขาจะฟื้นขึ้นมาได้อีกหรือ
    ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าจะคอยและสู้ทนต่อการฝึกหนักเยี่ยงทหารของข้าไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม
    จนกว่าจะถึงเวลาที่ข้าจะได้รับการปลดปล่อย
15 ถ้ามีการฟื้นขึ้น เมื่อพระองค์ร้องเรียกข้า ข้าก็จะได้ตอบ
    พระองค์จะตั้งตาคอยผู้ที่พระองค์ได้สร้างขึ้นมา
16 พระองค์จะได้เฝ้าดูแลย่างก้าวของข้า
    ไม่ใช่มาจ้องจับผิดข้า
17 ความละเมิดของข้าจะถูกปิดไว้ในถุง
    พระองค์จะกลบความผิดของข้า

18 แต่ว่านี่ ภูเขาก็ถูกพังทลายและผุกร่อนไป
    หินผาถูกเคลื่อนไปจากที่ของมัน
19 พวกโขดหินถูกน้ำเซาะจนกร่อน
    ผิวดินของแผ่นดินถูกน้ำซัดไป
    และความหวังของคนถูกพระองค์ทำลายไป
20 พระองค์ปราบเขาอย่างราบคาบตลอดไป
    และเขาก็สูญสิ้นไป
พระองค์ใช้ความตายเปลี่ยนโฉมหน้าของเขา
    และผลักเขาออกไป
21 ลูกๆของเขาอาจจะได้รับเกียรติ แต่เขาก็ไม่รู้เรื่อง
    หรือลูกๆของเขาอาจจะตกต่ำลง เขาก็ไม่อาจรับรู้ได้
22 เขารู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดในร่างของเขาเท่านั้น
    และเขาคร่ำครวญเรื่องของตัวเองเท่านั้น”

เอลีฟัสตอบโยบ

15 แล้วเอลีฟัสแห่งเทมานก็กล่าวตอบว่า

“คนมีปัญญา เขาจะพ่นคำพูดใส่คนให้หงายหลังตึงไปอย่างนั้นหรือ
    คนมีปัญญา เขาจะอัดอั้นลมตะวันออกไว้ในท้องอย่างนั้นหรือ
เขาจะสู้คดีด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์
    และไม่เป็นผลดีกับใครเลยอย่างนั้นหรือ
ท่านกำลังทิ้งความยำเกรงพระเจ้า
    และกำลังลดความสำคัญของการมีสมาธิจดจ่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า
เพราะความผิดของท่านชักนำให้ปากของท่านพูดอย่างนี้
    และท่านเลือกใช้ลิ้นที่เคลือบแฝงไปด้วยเล่ห์
ปากของท่านนั่นแหละที่กล่าวโทษตัวท่าน ไม่ใช่ข้า
    ริมฝีปากของท่านต่างหากที่ปรักปรำท่าน

ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมาหรือยังไง
    ท่านเกิดก่อนพวกภูเขา หรือยังไง
ท่านได้ร่วมฟังอยู่กับสภาที่ปรึกษาของพระเจ้า หรือยังไง
    มีแต่ท่านเท่านั้นหรือที่มีสติปัญญา
มีอะไรบ้างที่ท่านรู้ แต่พวกเราไม่รู้
    มีอะไรบ้างที่ท่านเข้าใจ แต่พวกเราไม่เข้าใจ
10 ในพวกเรา มีคนหนึ่งที่ผมหงอกและสูงอายุ
    แก่ยิ่งกว่าพ่อท่านเสียอีก
11 ท่านเห็นว่าคำพูดของพระเจ้าที่ให้กำลังใจท่านนั้น เป็นเรื่องขี้ผงสำหรับท่านหรือ
    คือคำพูดที่เรากำลังพูดกับท่านอย่างสุภาพนี้
12 ทำไมท่านถึงปล่อยให้ความคิดนำท่านออกนอกลู่นอกทาง
    ทำไมตาของท่านถึงมองไม่เห็นความจริง
13 จนทำให้ท่านเกรี้ยวกราดต่อพระเจ้า
    และปล่อยคำพูดอย่างนี้ออกมาจากปากท่าน
14 มนุษย์เป็นใครกัน เขาจะสะอาดบริสุทธิ์ได้หรือ
    มนุษย์ที่เกิดจากผู้หญิงนี่นะ จะดีรอบคอบได้หรือ
15 ดูเถิด ขนาดทูตสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ยังไม่ไว้วางใจเลย
    ขนาดดวงสว่างบนท้องฟ้า พระเจ้าก็ยังเห็นว่ายังไม่สะอาดบริสุทธิ์เลย
16 แล้วจะนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่น่าขยะแขยงและเสื่อมทราม
    ที่ดื่มความชั่วร้ายเข้าไปเหมือนน้ำ
17 ฟังข้าให้ดี ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังว่าอะไรเป็นอะไร
    ข้าจะเล่าให้ฟังถึงสิ่งทั้งหลายที่ข้าเห็นมา
18 เป็นเรื่องที่ผู้มีปัญญาได้เล่าให้ฟัง
    ที่บรรพบุรุษของเขาไม่ได้ปิดบังไว้
19 พระเจ้าได้มอบแผ่นดินให้กับบรรพบุรุษพวกนั้นเท่านั้น
    ไม่มีคนต่างชาติผ่านเข้าไปท่ามกลางพวกเขาเลย[e]
20 คนชั่วเป็นทุกข์กังวลยิ่งนักตลอดวันเวลาของเขา
    ส่วนคนที่กดขี่ข่มเหงนั้นก็ทุกข์กังวลตลอดปีตลอดชาติ
21 ในหูเขามีแต่เสียงอันน่าสะพรึงกลัวก้องอยู่
    และเมื่อเขารุ่งเรืองก็กังวลว่าจะมีโจรมาปล้นเขา
22 เขาไม่เชื่อว่าเขาจะหนีรอดจากความมืดมิดนั้น
    และเขาเชื่อว่ามีดาบกำลังคอยฆ่าเขาอยู่
23 เขาเชื่อว่าเขาจะถูกโยนทิ้งออกไปเป็นอาหารให้ฝูงนกแร้ง
    เขารู้ว่าเขาจะเจอกับความหายนะแน่
24 ความทุกข์ใจและกลัดกลุ้มใจทำให้เขาหวาดหวั่น
    มันถาโถมเข้าหาเขาราวกับกษัตริย์ที่เตรียมพร้อมประจัญบาน
25 เพราะเขาชูกำปั้นใส่พระเจ้า
    และโจมตีพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์อย่างนักรบ
26 เพราะเขาก้มหน้าก้มตาวิ่งเข้าใส่พระองค์
    ด้วยโล่ที่แข็งแกร่งหนาทึบ
27 ถึงแม้ว่าเขาจะมีกินจนอ้วนฉุ
    และประสบความสำเร็จในชีวิต
28 แต่เขาจะได้อาศัยอยู่ในเมืองร้าง
    ในบ้านที่ใกล้จะพังเป็นกองซากปรักหักพังอยู่แล้ว
29 ดังนั้น คนนั้นจะไม่ร่ำรวยอีกต่อไป ทรัพย์สมบัติของเขาจะไม่ยั่งยืน
    ทรัพย์สินของเขาจะไม่งอกเงยไปทั่วแผ่นดิน
30 เขาจะหนีความมืดมิดไปไม่พ้น
    เปลวไฟจะทำให้ต้นอ่อนของเขาเหี่ยวแห้ง
    ลมหายใจจากปากของพระเจ้าจะพัดพาตัวเขาไป
31 อย่าให้เขาหลงเชื่อในสิ่งที่ไร้ค่าซึ่งจะทำให้เขาหลอกตัวเอง
    เพราะเขาจะได้สิ่งไร้ค่าเป็นผลตอบแทน
32 เขาจะได้รับกรรมอย่างเต็มที่และตายก่อนเวลาอันควร
    แล้วกิ่งก้านของเขาจะไม่เขียวอีกแล้ว
33 เขาจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่ผลร่วงก่อนสุก
    เป็นเหมือนต้นมะกอกที่ช่อดอกร่วงหล่นไป
34 เพราะกลุ่มคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะเป็นหมัน
    และไฟก็จะเผาผลาญเต็นท์ของคนรับสินบน
35 พวกเขาตั้งท้องปัญหา และคลอดความชั่วร้ายออกมา
    ครรภ์ของเขาให้กำเนิดความหลอกลวง”

โยบตอบเอลีฟัส

16 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ข้าเคยได้ฟังเรื่องอย่างนี้มามากแล้ว
    พวกท่านช่างเป็นผู้ปลอบประโลมที่สร้างความทุกข์ใจเสียจริงๆ
ลมปากของท่านไม่มีที่สิ้นสุดหรือยังไง
    มีอะไรกวนใจท่านหรือถึงต้องพูดไม่หยุดอย่างนี้
ข้าก็พูดอย่างที่พวกท่านพูดได้
    ถ้าพวกท่านมาอยู่จุดนี้แทนข้า
ข้าก็สามารถเรียงร้อยถ้อยคำมาต่อว่าพวกท่าน
    และส่ายหัวใส่พวกท่านได้
แต่ข้ากลับจะให้กำลังใจพวกท่านด้วยปากข้ามากกว่า
    และปลอบประโลมพวกท่านด้วยริมฝีปากของข้า เพื่อช่วยให้ท่านคลายจากความเจ็บปวด

แต่ตอนนี้ถึงข้าจะพูด ความเจ็บปวดก็ไม่ได้คลายไป
    ถึงข้าจะเงียบ ความเจ็บปวดก็ไม่ได้ทิ้งข้าไปอยู่ดี
พระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง
    พระองค์ทำลายทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าซูบผอม
    ซึ่งคนเอามาเป็นหลักฐานเอาผิดกับข้าพเจ้า
ความผอมแห้งของข้าพเจ้าลุกขึ้นมาต่อว่าข้าพเจ้า
    เป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้าซึ่งๆหน้า
พระองค์ฉีกข้าพเจ้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ และอาฆาตแค้นข้าพเจ้า
    พระองค์ขบฟันใส่ข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นศัตรูของข้าพเจ้าที่จ้องข้าพเจ้าเขม็ง
10 ชาวบ้านอ้าปากกว้างหัวเราะเยาะข้าพเจ้า
    และตบหน้าเยาะเย้ยข้าพเจ้า เขารวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
11 พระเจ้ามอบข้าพเจ้าไปอยู่ใต้อำนาจของคนชั่ว
    พระองค์โยนข้าพเจ้าให้ไปตกอยู่ในกำมือของคนเลว
12 เมื่อข้าพเจ้ากำลังสุขสบาย พระองค์หักข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ
    พระองค์คว้าคอของข้าพเจ้าและทุบข้าพเจ้าจนละเอียด
พระองค์จับตัวข้าพเจ้ายืนขึ้นเป็นเป้า
13     นักยิงธนูของพระองค์รายล้อมตัวข้าพเจ้าอยู่
พระองค์แทงไตของข้าพเจ้าจมมิดอย่างโหดเหี้ยม
    และเทน้ำดีของข้าพเจ้าลงสู่พื้น
14 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนกำแพงที่พระองค์ทะลวงเป็นช่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากทุกด้าน
    และพระองค์วิ่งโถมเข้าใส่ข้าพเจ้าราวกับนักรบ
15 ข้าพเจ้าเย็บผ้ากระสอบติดกับหนัง[f]ข้าพเจ้า
    และกำลังข้าพเจ้าก็จมดินไปแล้ว
16 ใบหน้าของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร่ำไห้
    ขอบตาของข้าพเจ้าดำคล้ำไปหมดแล้ว
17 ถึงแม้ว่ามือข้าพเจ้าไม่เคยก่อความรุนแรง
    และคำอธิษฐานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์

18 แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปกปิดเลือดของข้าพเจ้าไว้เลย
    ขออย่าให้เสียงร้องของข้าพเจ้าหยุดลงเลย แต่ให้มันไปจนทั่ว
19 เดี๋ยวนี้เอง พยานของข้าพเจ้าก็อยู่ในสวรรค์
    ผู้ที่พูดแทนข้าพเจ้าก็อยู่เบื้องบนนั้น
20 เพื่อนๆของข้าพเจ้าเย้ยหยันข้าพเจ้า[g]
    ตาของข้าพเจ้าเทน้ำตาออกให้กับพระเจ้า
21 แต่พยานของข้าพเจ้าจะสู้คดีให้กับพระเจ้า
    อย่างที่เพื่อนควรจะทำให้กับเพื่อนของตน
22 เพราะว่าอีกไม่กี่ปี
    ข้าพเจ้าก็จะไปตามทางที่ไปแล้วไปลับ
17 วิญญาณของข้าพเจ้าใกล้แตกดับแล้ว วันเวลาของข้าพเจ้าใกล้จะมอดแล้ว
    หลุมศพรอคอยข้าพเจ้าอยู่
ใช่แล้ว มีแต่คนเยาะเย้ยอยู่รอบตัวข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ต้องมองพวกนี้สบประมาทข้าพเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า
โปรดยอมรับคำยืนยันของข้าพเจ้าที่ว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์ด้วยเถิด
    เพราะไม่มีผู้อื่นมายืนยันให้กับข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ได้ปิดกั้นความคิดของพวกเขาไม่ให้เข้าใจ
    พระองค์จะไม่ได้รับการยกย่องจากการทำอย่างนั้น
คนพูดกันว่า
‘ผู้ที่ปรักปรำเพื่อนเพราะเห็นแก่ได้
    ลูกๆของเขาก็จะหิวหน้ามืด’
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน
    และเขาต่างถ่มน้ำลายรดหน้าข้าพเจ้า
ดวงตาของข้าพเจ้าพร่ามัว เนื่องจากความเศร้าโศก
    และแขนขาของข้าพเจ้าผอมเหลือแต่เงา
คนดีจะตกตะลึงกับเรื่องนี้
    คนบริสุทธิ์ก็จะปลุกเร้าตนเองให้ต่อต้านคนที่ไม่มีพระเจ้า
คนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็จะยึดมั่นในทางของเขา
    และคนมือสะอาดก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

10 มาสิ พวกท่านทุกคน โจมตีข้าพเจ้าอีกสิ
    ข้าพเจ้าไม่เห็นใครในหมู่พวกท่านฉลาดสักคน
11 วันเวลาของข้าพเจ้าผ่านพ้นไปแล้ว
    แผนการของข้าพเจ้าแตกหักแล้ว
    คือสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าหวังไว้นั้น
12 ความหวังเหล่านั้นทำให้กลางคืนเป็นกลางวัน
    และนำแสงสว่างมาสู่ความมืด
13 ถ้าข้าพเจ้าคาดหวังว่าแดนคนตายจะเป็นบ้านของข้าพเจ้า
    ถ้าข้าพเจ้ากางเตียงนอนในความมืดมิดนั้น
14 ถ้าข้าพเจ้าพูดกับหลุมลึกว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของข้า’
    และพูดกับหนอนว่า ‘แม่จ๋า หรือ พี่สาวจ๋า’
15 ถ้าข้าพเจ้าทำอย่างนั้น
    ความหวังของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนกัน และใครจะเห็นอนาคตที่สดใสสำหรับข้าพเจ้า
16 ความหวังของข้าพเจ้าจะลงไปสู่แดนคนตาย ไม่ใช่หรือ
    ทั้งข้าพเจ้าและความหวังของข้าพเจ้า จะลงไปสู่ผงคลีดินด้วยกัน ไม่ใช่หรือ”

บิลดัดพูดกับโยบ

18 แล้วบิลดัดแห่งชูอาห์ก็กล่าวตอบ

“อีกนานไหมท่านถึงจะหยุดพูด
    หยุดใคร่ครวญสักหน่อยดีไหม
    แล้วเราจะได้พูดกันรู้เรื่อง
ทำไมท่านถึงมองพวกเราเหมือนวัวควาย
    ทำไมท่านถึงได้มองพวกเราโง่เง่าเต่าตุ่น
ท่านนั่นแหละที่ฉีกตัวเองเป็นชิ้นๆด้วยอารมณ์โมโหร้ายของตน
    จะให้โลกนี้ถูกทิ้งร้างหรือหินผาถูกเคลื่อนไป
    เพื่อให้มันเข้ากับความคิดของท่านหรือ
ไม่ว่าท่านจะคิดยังไงความสว่างของคนชั่วจะถูกดับไป
    และเปลวไฟของเขาจะไม่ส่องสว่างอีก
แสงสว่างในเต็นท์ของเขาจะมืดลง
    โคมไฟที่อยู่เหนือเขาจะถูกดับลง
ก้าวย่างที่แข็งแกร่งของเขาจะสั้นลง
    ส่วนแผนการของเขาจะกลับโค่นเขาเองให้ล้มลง
ใช่แล้ว เท้าของเขาก้าวสู่ตาข่ายที่เขาได้เตรียมไว้
    และก้าวสู่หลุมพรางที่ปิดซ่อนไว้
ส้นเท้าของเขาติดกับดัก
    และบ่วงแร้วนั้นรัดเขาไว้แน่น
10 มีเชือกซ่อนไว้บนพื้นเพื่อมัดตัวเขา
    มีกับดักซ่อนอยู่บนทางเดินเพื่อดักเขา
11 เรื่องน่ากลัวจากทุกด้านทำให้เขาหวาดหวั่น
    และพวกมันไล่ตามส้นเท้าของเขาไป
12 ความหิวโหยกัดกร่อนกำลังของเขา
    ความหายนะรอคอยโอกาสที่เขาจะสะดุดล้ม
13 โรคกัดกินผิวหนังของเขา
    โรคระบาด[h] กัดกินแขนขาของเขา
14 เขาถูกกระชากออกมาจากเต็นท์อันปลอดภัย
    และถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งความน่าสยองขวัญทั้งหลาย
15 ไฟก็มาอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเขา
    ไฟกำมะถันถูกหว่านไปทั่วที่พักของเขา
16 รากเบื้องล่างของเขาก็เหี่ยวแห้งไป
    กิ่งด้านบนของเขาก็เหี่ยวเฉาลง
17 ความทรงจำถึงเขาก็สูญหายไปจากแผ่นดินโลก
    และชื่อของเขาก็ไม่เป็นที่กล่าวถึงตามถนนหนทางอีกต่อไป
18 เขาถูกโยนออกมาจากความสว่างเข้าสู่ความมืด
    และถูกขับไล่ออกไปจากแผ่นดินโลก
19 เขาไม่มีลูก ไม่มีผู้สืบสกุลในหมู่ประชาชนของเขา
    ในที่ต่างๆที่เขาเคยพัก ไม่มีลูกหลานของเขารอดชีวิตเหลืออยู่
20 คนทางตะวันตกเมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาต่างพากันตกตะลึง
    ส่วนคนทางตะวันออกฟังแล้วสยองขวัญ
21 ที่อยู่อาศัยทั้งหลายของคนชั่วก็เป็นอย่างนี้แน่
    ส่วนที่อยู่ของคนที่ลืมพระเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ”

โยบพูดอีก

19 แล้วโยบก็ตอบว่า

“พวกท่านจะทรมานข้าไปอีกนานแค่ไหน
    พวกท่านพยายามจะบดขยี้ข้าเป็นชิ้นๆด้วยคำพูดอย่างนี้ไปอีกนานไหม
พวกท่านพยายามฉีกหน้าข้ามาตั้งสิบครั้งแล้ว
    ยังไม่รู้สึกอายที่ทำผิดต่อข้าอย่างนี้หรือ
สมมุติว่าข้าได้ทำผิดจริง
    ข้าเองจะต้องเป็นผู้รับผิด
ถ้าพวกท่านพองตัวว่าดีกว่าข้า
    และถือเอาความตกต่ำของข้าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าข้าผิด
ก็รู้ไว้เถิดว่าเป็นพระเจ้าที่ทำให้ข้าดูเหมือนเป็นคนผิด
    แล้วปิดล้อมโจมตีข้าอย่างนี้
ถึงข้าจะร้องว่า ‘ช่วยด้วย ข้าถูกโบยตี’
    ก็ไม่มีใครฟังข้าอยู่ดี
ถึงข้าจะร้องให้ช่วย
    ก็ยังไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้น
พระองค์กั้นทางข้าไม่ให้ผ่าน
    และทำให้เส้นทางทั้งหลายของข้ามืดไป
พระองค์ปลดศักดิ์ศรีของข้าไปหมด
    และถอดมงกุฎไปจากหัวข้า
10 พระองค์รื้อข้าลงจากทุกด้าน จนข้าสูญสิ้นไป
    ความหวังของข้าถูกพระองค์ถอนรากถอนโคนเหมือนต้นไม้
11 พระองค์จุดความโกรธเกรี้ยวต่อข้า
    และนับว่าข้าเป็นศัตรูของพระองค์
12 กองทัพทั้งหลายของพระองค์เรียงหน้าบุกเข้ามาพร้อมกัน
    พวกเขาสร้างเนินดินไว้บุกกำแพงข้า
    และตั้งค่ายล้อมรอบเต็นท์ของข้า

13 พระองค์ทำให้พี่น้องของข้าเหินห่างจากข้า
    ส่วนเพื่อนๆของข้าทำตัวเป็นคนแปลกหน้ากับข้า
14 ญาติพี่น้องและพวกเพื่อนสนิทของข้าได้ทอดทิ้งข้าไป
    แขกทั้งหลายที่เคยมาบ้านข้าหลงลืมข้าหมดแล้ว
15 สาวใช้ของข้ามองข้าเป็นคนแปลกหน้า
    ข้ากลายเป็นคนต่างด้าวในสายตาพวกเขา
16 ข้าเรียกทาสชายของข้า แต่เขาไม่ตอบ
    แม้ข้าจะอ้อนวอนให้เขามาช่วยก็ตาม
17 กลิ่นปากของข้าเป็นที่น่ารังเกียจแก่เมียข้า
    และพี่น้องท้องเดียวกับข้าก็สะอิดสะเอียนข้า
18 แม้แต่เด็กเล็กๆก็ดูหมิ่นข้า
    เมื่อข้ายืนขึ้นพูด พวกเขาก็พูดต่อว่าข้า
19 พวกเพื่อนสนิททุกคนของข้าต่างก็สะอิดสะเอียนข้า
    ส่วนคนเหล่านั้นที่ข้ารักก็หักหลังข้า
20 กระดูกของข้าอ่อนปวกเปียกซะจนต้องเกาะหนังและเนื้อไว้
    ข้ารอดตายอย่างหวุดหวิดเหลือแต่หนังหุ้มฟัน
21 เพื่อนๆของข้า สงสารข้าด้วย สงสารข้าด้วยเถิด
    เพราะมือของพระเจ้าได้ตบตีข้า
22 ทำไมพวกท่านต้องไล่ล่าข้าเหมือนกับที่พระเจ้าทำอยู่นี้
    กินเนื้อข้ายังไม่อิ่มหรือ
23 ข้าอยากให้มีคนบันทึกคำพูดของข้าเหลือเกิน
    ข้าอยากให้จารึกไว้บนแผ่นหิน
24 ข้าอยากให้สลักคำพูดทั้งหมดของข้าไว้บนแผ่นหินตลอดไป
    ด้วยสิ่วเหล็กและเคลือบตะกั่ว
25 เพราะข้ารู้ว่าผู้ที่จะแก้ต่างให้กับข้านั้นมีชีวิตอยู่
    เขาจะยืนขึ้นในที่สุดเพื่อพูดแทนข้าบนผืนดินนี้
26 แม้ว่าหนังของข้าจะถูกถลกออกไปแล้วก็ตาม
    แต่ข้าก็ยังอยากจะเห็นพระเจ้าในขณะที่ข้ายังอยู่ในเนื้อหนังนี้
27 ข้าอยากจะเห็นพระองค์ด้วยตัวข้าเอง
    ด้วยตาของข้าเอง ไม่ใช่มีแต่คนอื่นเห็น
    ข้าคอยจนเหนื่อยใจแล้ว
28 เมื่อพวกท่านพูดว่า ‘ไล่ล่ามันไป’
    และกล่าวว่า ‘ปัญหาของมันก็อยู่ที่ตัวมันนั่นแหละ’
29 ให้ระวังดาบไว้ให้ดี
    เพราะความโกรธเกรี้ยวของพวกท่าน สมควรจะถูกลงโทษด้วยดาบ
    แล้วพวกท่านจะได้รู้ว่าการพิพากษามีจริง”

โศฟาร์ตอบโยบ

20 แล้วโศฟาร์ชาวนาอามาห์ตอบว่า

“เรื่องนี้รบกวนใจเหลือเกิน
    ความคิดของข้าบีบให้ข้าต้องโต้ตอบออกมา
ข้าต้องทนฟังคำว่ากล่าวตักเตือนที่ดูถูกข้า
    ความเข้าใจของข้าดลใจให้ข้าต้องตอบท่านไป
ตั้งแต่สมัยโบราณมา
    ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มนุษย์ถูกวางไว้บนแผ่นดินโลก
ท่านไม่รู้หรือว่า
เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะของคนชั่วอยู่ไม่นาน
    ความยินดีของคนไม่นับถือพระเจ้าก็อยู่แค่ประเดี๋ยวเดียว
แม้ความเย่อหยิ่งของเขาสูงเสียดฟ้า
    และหัวของเขาขึ้นไปถึงหมู่เมฆ
แต่เขาจะหายไปตลอดกาลอย่างกับขี้ของเขาเอง
    คนที่เคยเห็นเขาจะพูดว่า ‘พวกนั้นอยู่ไหนแล้ว’
พวกเขาจะบินไปเหมือนกับความฝันและจะไม่มีใครพบเขาอีกแล้ว
    เขาจะถูกไล่ไปเหมือนกับภาพฝันในยามค่ำคืน
ดวงตาที่เคยเห็นพวกเขา จะไม่เห็นพวกเขาอีก
    ที่ที่พวกเขาอยู่จะไม่เห็นพวกเขาอีก
10 เมื่อมือของคนชั่วเหล่านั้นจะต้องคืนความร่ำรวยที่โกงมากลับไป
    ลูกๆของพวกเขาจะต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากคนยากจน
11 ในขณะที่พวกเขายังเป็นหนุ่มและแข็งแรง
    พวกเขาจะต้องนอนตายลงในผงคลีดิน

12 แม้ความชั่วร้ายจะหอมหวานในปากของพวกเขา
    แม้พวกเขาจะให้มันละลายอยู่ใต้ลิ้น
13 แม้พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยมันไป
    และอมไว้ในปาก
14 แต่อาหารประเภทนั้นจะกลับบูดเปรี้ยวในท้องของพวกเขา
    มันจะเป็นเหมือนพิษงูในร่างกายของพวกเขา
15 ความมั่งคั่งที่พวกเขากลืนเข้าไปนั้น พวกเขาจะต้องอ้วกออกมา
    พระเจ้าจะโยนมันออกมาจากท้องของพวกเขา
16 พวกเขาจะดูดดื่มพิษงู
    เขี้ยวของงูพิษจะฆ่าพวกเขาเสีย
17 พวกเขาจะไม่ได้เห็นธารน้ำมันมะกอก
    และธารน้ำเชื่อมผลไม้
18 พวกเขาจะต้องคืนสิ่งที่เขาโกงมา เขาจะไม่สามารถกลืนมันลงไปได้
    พวกเขาจะไม่ได้สนุกสนานกับผลกำไรจากการค้าของเขา
19 เพราะพวกเขาได้กดขี่และทอดทิ้งคนยากจน
    พวกเขาได้ยึดบ้านที่เขาไม่ได้สร้างขึ้นมา

20 พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้หลุดลอยไป
    เพราะท้องของเขาร้องหิวตลอดเวลา
21 พวกเขากินอย่างตะกละตะกลามจนไม่เหลืออะไรเลย
    ดังนั้นความเจริญรุ่งเรืองของเขาจะไม่ยั่งยืน
22 ในยามที่คนชั่วอิ่มหนำสำราญนั้น ความทุกข์ยากจะเกิดขึ้นกับพวกเขา
    ความเดือดร้อนจะถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างสุดฤทธิ์
23 พระเจ้าจะยัดเยียดความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ให้กับคนชั่วเหล่านั้นจนอิ่มแปล้
    พระองค์จะเทความเกรี้ยวโกรธอย่างฝนให้เป็นอาหารพวกเขา
24 คนชั่วจะวิ่งหนีอาวุธเหล็ก
    แต่ลูกธนูทองสัมฤทธิ์จะแทงทะลุตัวเขา
25 เขาจะดึงลูกธนูออกจากแผ่นหลัง
    เขาดึงหัวลูกธนูที่อาบเลือดมันวับออกจากถุงน้ำดีของเขา
    แล้วเรื่องน่าสะพรึงกลัวทั้งหลายตกลงบนพวกเขา
26 แดนมืดมิดนั้นได้สำรองที่ไว้แล้วสำหรับทรัพย์สมบัติของเขา
    ไฟที่ไม่ต้องโหมพัดโดยมนุษย์ จะเผาผลาญพวกเขาไป
    ไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งที่เหลืออยู่ในเต็นท์ของเขา
27 ฟ้าสวรรค์จะเปิดเผยความชั่วร้ายของพวกเขา
    และแผ่นดินโลกจะลุกขึ้นต่อต้านเขา
28 กระแสน้ำท่วมจะกวาดบ้านเขาไป
    น้ำจะลากมันไปในวันที่พระเจ้าเกรี้ยวโกรธ
29 นี่คือส่วนแบ่งที่พระเจ้าให้กับคนชั่ว
    นี่คือมรดกที่พระองค์กำหนดไว้ให้กับพวกเขา”

โยบตอบอีกแล้ว

21 แล้วโยบก็ตอบว่า

“ตั้งใจฟังคำพูดของข้าหน่อย
    นั่นแหละเป็นวิธีที่พวกท่านจะปลอบใจข้า
อดทนกับข้าหน่อย ปล่อยให้ข้าพูดเถิด
    แล้วเมื่อข้าพูดจบแล้ว อยากจะเยาะเย้ยข้าต่อก็เชิญ
คำบ่นของข้าไม่ได้ต่อว่ามนุษย์ซักหน่อย
    แล้วเรื่องอะไรข้าจะต้องอดทนกับพระองค์ต่อไป
มองดูข้าสิ แล้วให้ท่านตกตะลึง
    อ้าปากค้างพูดไม่ออก
เมื่อข้าคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับข้านี้
    ข้าก็ตกใจ สั่นสะท้านไปทั้งตัว
ทำไมคนชั่วจึงมีชีวิตอยู่
    ทำไมพวกเขาอยู่จนแก่เฒ่าและมีอิทธิพลมากขึ้น
พวกเขาเห็นลูกๆเติบโตขึ้น
    พวกเขาอยู่จนได้เห็นหน้าของหลานๆ
บ้านของพวกเขาปลอดภัย พวกเขาไม่ต้องกลัวอะไร
    พระเจ้าไม่ได้เอาไม้เรียวตีพวกเขา
10 วัวผู้ของพวกเขาทำให้ตัวเมียตั้งท้อง ไม่เคยพลาด
    วัวตัวเมียของพวกเขาคลอดลูก ไม่เคยแท้ง
11 พวกคนชั่วส่งลูกๆออกไปเล่นกันเหมือนพวกลูกแกะ
    เด็กๆเหล่านั้นต่างพากันกระโดดโลดเต้น
12 พวกเขาร้องเพลง ตีกลองรำมะนา และดีดพิณ
    เฉลิมฉลองกันด้วยเสียงปี่
13 ตลอดวันเวลาของเขาผ่านไปอย่างรุ่งโรจน์
    เขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสงบสุข
14 พวกเขาพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่ามายุ่งกับพวกเรา
    พวกเราไม่ต้องการเรียนรู้ทางทั้งหลายของพระองค์
15 พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เป็นใคร ที่เราจะต้องไปบูชา
    ถ้าเราอธิษฐานต่อพระองค์แล้วจะได้อะไร’

16 ที่พวกเขารวยก็มาจากความสามารถของพวกเขาเองไม่ใช่หรือ
    เขาวางแผนชั่วยังไงพระองค์ก็ไม่สน[i]
17 มีสักกี่ครั้งที่ตะเกียงของคนชั่วโดนดับไป
    มีสักกี่ครั้งที่ความพินาศเกิดขึ้นกับพวกเขา
    มีสักกี่ครั้งที่พระเจ้าแจกจ่ายความเจ็บปวดให้กับพวกเขาตอนที่พระเจ้าเกรี้ยวโกรธ
18 มีสักกี่ครั้ง ที่พวกเขาถูกพัดปลิวไปเหมือนฟาง
    มีสักกี่ครั้ง ที่พวกเขาถูกพายุหอบไปเหมือนแกลบ
19 ท่านอาจแย้งว่า ‘พระเจ้าจะสะสมโทษให้ไปตกที่ลูกๆของพวกเขา’
    แต่ข้าว่า ‘พระองค์น่าจะให้โทษนั้นตกกับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เจอกับตัวเอง’
20 ขอให้ดวงตาของคนชั่วเห็นความพินาศของตัวเอง
    และให้เขาดื่มความโกรธของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
21 เพราะคนพวกนี้ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวหลังจากที่ตัวเขาจากไป
    คือเมื่อจำนวนเดือนของเขาถูกตัดขาดเสียแล้ว

22 ใครจะไปสั่งสอนพระเจ้าได้
    ขนาดพวกเทพเจ้า พระองค์ยังพิพากษาเลย
23 มนุษย์คนหนึ่งตาย
    ตอนที่ยังร่ำรวย อยู่สุขสบายและมั่นคง
24 ยังมีน้ำยาอยู่เลย
    และกระดูกของเขาก็ยังแข็งแรงอยู่
25 แต่มนุษย์อีกคนหนึ่งตายไปด้วยความขมขื่น
    ในชีวิตเขาไม่เคยได้ชิมของดีอะไรเลย
26 ทั้งสองคนนี้นอนตายด้วยกันในธุลีดิน
    และตัวหนอนก็มาห่อหุ้มเขาทั้งสอง

27 ข้ารู้นะว่าพวกท่านคิดอะไรอยู่
    และรู้ถึงแผนการร้ายของท่านที่มีต่อข้า
28 เพราะพวกท่านว่า ‘บ้านที่ผู้ทรงอิทธิพลเคยอยู่นั้นหายไปไหนแล้ว
    และเต็นท์ที่พวกคนชั่วเคยอยู่กันหายไปไหนแล้ว’

29 ท่านไม่เคยถามพวกคนเดินทางหรือ
    ไม่เคยฟังเรื่องที่พวกเขาเล่าหรือ ที่ว่า
30 มีคนชั่วเยอะแยะที่ไม่เจอกับวันหายนะ
    พวกเขารอดพ้นจากวันแห่งความเกรี้ยวโกรธ
31 มีใครบ้างที่กล้าไปเตือนเขาต่อหน้าถึงสิ่งที่เขาทำ
    มีใครบ้างที่ตอบแทนพวกเขาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำลงไป
32 เมื่อเขาถูกแห่ไปที่หลุมฝังศพ
    ก็มียามดูแลอุโมงค์ให้
33 ดินที่ถมทับพวกเขาก็หอมหวาน
    และทุกคนต่างเดินตามหลังขบวนแห่ศพของเขา
    และมีฝูงชนจำนวนนับไม่ถ้วนเดินนำหน้า
34 แล้วพวกท่านยังจะเอาคำพูดไร้สาระอย่างนี้ มาปลอบใจข้าหรือ
    คำตอบของพวกท่านนี้มันทรยศเพื่อนชัดๆ”

เอลีฟัสตอบโยบ

22 แล้วเอลีฟัสชาวเทมานก็ตอบว่า

“พระเจ้าจะได้ผลประโยชน์จากมนุษย์ได้หรือ
    แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดจะมาช่วยเหลือพระองค์ได้หรือ
ถ้าเจ้าทำดี พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้อะไรพิเศษขึ้นมาหรือ
    ถ้าเจ้าทำตัวไม่มีที่ติ มันเพิ่มกำไรให้กับพระองค์หรือ
ที่พระองค์ติเตียนเจ้า และฟ้องร้องเจ้าในศาลนี่นะ
    เป็นเพราะเจ้ายำเกรงพระเจ้าหรือ
ไม่ใช่ เป็นเพราะความชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่
    และความผิดบาปที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเจ้าต่างหาก
เพราะเจ้ายึดของประกันจากพี่น้องด้วยกันโดยไม่มีเหตุ
    และเจ้ายังเปลื้องผ้าของคนที่ไม่มีอะไรจะใส่อยู่แล้ว
เจ้าไม่ให้น้ำกับคนที่เหนื่อยล้าดื่ม
    และหน่วงเหนี่ยวขนมปังไว้ไม่ให้คนที่หิวโหยกิน
เจ้ามองว่าแผ่นดินเป็นของผู้มีอำนาจ
    เจ้ามองว่าผู้มีอิทธิพลเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถือครอง
เจ้าไล่แม่หม้ายออกไปตัวเปล่าๆ
    และบดขยี้พวกเด็กกำพร้า
10 นั่นเป็นเหตุที่มีกับดักอยู่รายล้อมตัวเจ้า
    อันตรายที่เจ้าคิดไม่ถึงทำให้เจ้ากลัวขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ
11 แสงสว่างคือความมืดมิดสำหรับเจ้า เจ้าจึงมองไม่เห็น
    และมีน้ำท่วมท้นตัวเจ้า

12 พระเจ้าอยู่ในที่สูงนั้นบนฟ้าสวรรค์ไม่ใช่หรือ
    มองดูหมู่ดาวที่อยู่สูงสุดพวกนั้นสิ มันสูงจริงๆ
13 แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘พระเจ้าจะรู้อะไร
    พระองค์จะมองทะลุผ่านเมฆอันมืดทึบนั้นลงมาตัดสินได้หรือ
14 เมฆหนาทึบเหล่านั้นเป็นเหมือนผ้าคลุมหน้าพระองค์ไว้ ที่ทำให้พระองค์มองไม่เห็นอะไร
    ในขณะที่พระองค์เดินไปมาบนโดมแห่งฟ้าสวรรค์’

15 เจ้ายังจะเดินตามเส้นทางเก่านั้น
    ที่คนชั่วเคยเดินมาแล้วหรือ
16 คนชั่วพวกนั้นถูกกระชากไปก่อนเวลาของพวกมัน
    รากฐานของพวกเขาถูกน้ำท่วมซัดไป
17 คนชั่วเหล่านั้นเคยพูดกับพระเจ้าว่า
    ‘ไปให้พ้นจากพวกเรา’ และ
    ‘พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์จะทำอะไรกับพวกเราได้’
18 ทั้งๆที่เป็นพระองค์เองที่ทำให้บ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยของดีๆ
    เขาวางแผนชั่วยังไงพระองค์ก็ไม่สน[j]
19 คนดีจะเห็นความพินาศของคนชั่วและจะดีใจ
    คนบริสุทธิ์จะหัวเราะเยาะพวกเขา
20 และพูดว่า ‘พวกศัตรูของเราโดนตัดไปแล้วแน่
    ไฟได้เผาทุกอย่างที่พวกนั้นได้เหลือไว้’

21 ให้ปรองดองกับพระเจ้าซะ และอยู่อย่างสงบสุข
    แล้วสิ่งดีๆก็จะเกิดกับเจ้า
22 รับคำสั่งสอนจากปากของพระองค์เถิด
    และเก็บคำพูดของพระองค์ไว้ในใจ
23 ถ้าเจ้ากลับมาหาพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ เจ้าจะถูกสร้างขึ้นใหม่
    ถ้าเจ้านำสิ่งชั่วร้ายไปให้ห่างจากพวกเต็นท์ของเจ้า
24 ถ้าเจ้าถือว่าทองคำเป็นฝุ่น
    และมองทองคำแห่งโอฟีร์ว่าเป็นหินกลางแม่น้ำ
25 ถ้าเจ้าเอาพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เป็นทองคำของเจ้า
    และเป็นเงินกองพะเนินของเจ้า
26 เมื่อนั้นเจ้าจะได้ชื่นชมยินดีในพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
    และเจ้าจะได้เงยหน้าขึ้นหาพระเจ้า
27 เจ้าจะอธิษฐานต่อพระองค์ และพระองค์จะฟังเจ้า
    และเจ้าจะได้แก้บนของเจ้า
28 แล้วไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจทำอะไร เจ้าก็จะประสบผลสำเร็จ
    และแสงสว่างจะส่องลงมาบนเส้นทางทั้งหลายของเจ้า
29 เมื่อคนอื่นๆตกต่ำ เจ้าจะได้พูดว่า ‘เชิดหน้าไว้’
    และพระองค์ก็จะช่วยคนที่ถ่อมสุภาพให้รอดพ้น[k]
30 พระองค์ช่วยกู้แม้แต่คนที่มีความผิด
    และคนเหล่านั้นที่มีความผิดจะได้รับการช่วยกู้ผ่านทางมือที่สะอาดสะอ้านของเจ้า”

โยบตอบอีกแล้ว

23 แล้วโยบก็ตอบว่า

“แม้แต่ตอนนี้ ข้าก็ยังร้องบ่นด้วยความขมขื่น
    มือของพระองค์หนักอึ้งอยู่บนตัวข้าทั้งๆที่ข้าร้องครวญคราง
อยากรู้เหลือเกินว่า จะไปหาพระองค์ได้ที่ไหน
    จะได้เข้าไปถึงที่พักของพระองค์
ข้าจะยื่นคดีของข้าต่อหน้าพระองค์
    และจะให้ปากข้าเต็มไปด้วยข้อพิสูจน์ว่าข้าถูก
แล้วจะได้รู้ว่าพระองค์จะตอบข้าว่ายังไง
    จะได้เข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์จะพูดกับข้า
พระองค์จะโต้แย้งคดีกับข้าด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์หรือ
    ไม่หรอก พระองค์จะต้องฟังข้าแน่
คนซื่อตรงมีสิทธิ์ที่จะชี้แจงเหตุผลให้กับพระองค์ได้
    แล้วข้าจะได้หลุดพ้นจากคดีนี้ของข้าตลอดไป
ถ้าข้าไปทางทิศตะวันออก พระองค์ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น
    หรือถ้าข้าไปทางทิศตะวันตก ข้าก็มองไม่เห็นพระองค์เหมือนกัน
ถ้าข้าไปทางเหนือ พระองค์ซ่อนตัว
    ข้าก็หาพระองค์ไม่เจอ
    ถ้าข้าหันไปทางใต้ ข้าก็ไม่พบพระองค์เหมือนกัน
10 แต่พระองค์รู้ดีว่าข้าไปตามเส้นทางไหน
    เมื่อพระองค์ทดสอบข้า ก็จะเห็นว่าข้าเป็นเหมือนทองคำบริสุทธิ์
11 เท้าของข้าได้เดินตามรอยเท้าของพระองค์ไป
    ข้าได้ยึดมั่นในเส้นทางของพระองค์นั้น ข้าไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางเลย
12 ข้าไม่ได้ละไปจากคำสั่งที่ออกจากริมฝีปากของพระองค์เลย
    แต่ข้าได้สะสมคำพูดจากปากของพระองค์มากกว่าที่กำหนดให้ซะอีก
13 แต่พระองค์เด็ดขาด ไม่มีใครทำให้พระองค์เปลี่ยนใจได้
    เมื่อพระองค์อยากจะทำอะไร พระองค์ก็จะทำสิ่งนั้น
14 สิ่งที่พระองค์ได้กำหนดไว้ให้กับข้า พระองค์จะทำให้สำเร็จ
    แล้วพระองค์มีแผนการอย่างนี้มากมายในจิตใจของพระองค์
15 ข้าก็เลยกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์
    แค่คิด ข้าก็กลัวพระองค์แล้ว
16 พระเจ้าทำให้จิตใจข้าขลาดกลัว
    พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทำให้ข้าหวาดหวั่น
17 แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้าจะไม่ให้ความมืดปิดปากข้า
    ถึงแม้ว่าความมืดอันหนาทึบจะมาปกคลุมหน้าข้าไว้

24 ทำไมพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ถึงไม่ได้กำหนดวันต่างๆที่จะตัดสินคดีต่างๆ
    ทำไมคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์ถึงมองไม่เห็นวันเหล่านั้นที่พระองค์ลงโทษคนชั่ว
คนชั่วย้ายหลักเขตที่ดิน
    พวกเขาขโมยฝูงแพะแกะไปรวมเข้ากับฝูงตัวเอง
เขาต้อนเอาลาของเด็กกำพร้าไป
    และยึดเอาวัวตัวผู้ของแม่หม้ายเป็นประกัน
เขาผลักคนขัดสนไปจากถนนหนทาง
    คนยากจนของแผ่นดินต่างต้องไปซ่อนตัวไว้
คนยากจนต้องออกไปทำงานหนัก
    คุ้ยหาอาหารให้ลูกกินในที่รกร้างว่างเปล่าเหมือนลาป่าในทะเลทราย
พวกเขาต้องไปเก็บเกี่ยวในทุ่งนาของคนอื่น
    และเก็บเศษผลองุ่นในสวนองุ่นของคนชั่ว
ในตอนกลางคืน พวกเขาต้องนอนตัวเปลือยเปล่า
    ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่มีผ้าห่มกันหนาว
ฝนจากเทือกเขาทำให้พวกเขาเปียก
    พวกเขายึดเอาซอกหินเพราะไม่มีที่อื่นที่จะไปหลบ
พวกคนชั่วกระชากเด็กที่กำพร้าพ่อไปจากอกแม่
    และเอาทารกของคนยากจนเป็นประกัน
10 พวกคนจนเหล่านั้นเดินเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าใส่
    พวกเขาต้องแบกฟ่อนข้าวให้กับคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองหิวโซไม่มีอะไรจะกิน
11 พวกเขาต้องคั้นน้ำมันมะกอกในสวนของคนชั่ว
    และต้องเหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อทั้งๆที่ตัวเองกระหายไม่มีอะไรจะดื่ม
12 ส่วนในเมืองนั้น คนที่กำลังจะตายต่างร้องครวญคราง
    และลำคอของผู้บาดเจ็บร่ำร้องขอความช่วยเหลือ
    แต่พระเจ้าก็ไม่ได้สนใจต่อคำร้องขอของพวกเขา[l]

13 มีบางคนที่เกลียดแสงสว่างในตอนกลางวัน
    พวกเขาไม่คุ้นกับหนทางที่มีแสงสว่าง
    และไม่ชอบอยู่บนเส้นทางทั้งหลายที่มีแสงสว่าง
14 ฆาตกรลุกขึ้นมาตอนใกล้ค่ำ
    เพื่อไปฆ่าคนจนและคนขัดสน
    แล้วในกลางคืนเขาก็ทำตัวเป็นขโมย
15 สายตาของคนเล่นชู้นั้นก็เฝ้ารอให้ดวงอาทิตย์ตก
    และพูดว่า ‘ไม่มีสายตาไหนเห็นข้าหรอก’
    และเขาก็ปิดบังหน้าของเขา
16 ตอนมืดขโมยก็ขุดช่องเข้าไปในบ้านของคนอื่น
    ในตอนกลางวันขโมยพวกนี้ก็เก็บตัวไว้
    พวกเขาไม่คุ้นกับแสงสว่าง
17 สำหรับคนพวกนี้ ความมืดอันลึกล้ำนั้นก็เปรียบเหมือนเวลาเช้า
    พวกเขาเป็นเพื่อนกับเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของความมืดมิดอันลึกล้ำ

18 ขอให้คนชั่วเหล่านี้ลอยละลิ่วไปเหมือนฟางแห้งที่ลอยอยู่บนน้ำ
    ขอให้ทรัพย์สมบัติของเขาบนแผ่นดินถูกสาปแช่ง
    ขออย่าให้มีใครไปทำงานในสวนองุ่นของพวกเขา
19 ขอให้แดนคนตายลักเอาคนที่ทำบาปเหล่านี้ไป
    เหมือนกับความแห้งแล้งและความร้อนระอุลักเอาน้ำที่ละลายจากหิมะไป
20 ขอให้แม่ของพวกเขาลืมเขาไป
    ขอพวกหนอนมองพวกเขาเป็นของหวาน
    ขอให้คนลืมพวกเขาอย่างสนิท
    ขอให้คนชั่วช้าถูกหักลงเหมือนต้นไม้
21 คนชั่วเอาเปรียบผู้หญิงที่ไม่มีลูก
    พวกเขาไม่ยอมช่วยเหลือแม่หม้าย
22 แต่ว่าพระเจ้าใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ต่อชีวิตให้กับพวกผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น
ถึงแม้ในยามที่พวกเขาคิดว่าจะต้องตายแล้ว พวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาใหม่ได้อีก
23 พระเจ้าปกป้องและค้ำจุนพวกเขา
    พระองค์เฝ้าดูแลทุกย่างก้าวของพวกเขา
24 แต่ถึงแม้พวกคนชั่วจะอยู่ในตำแหน่งสูงระยะหนึ่ง
    ขอให้เขาสูญสิ้นไป
    ขอให้เขาตกต่ำลง
    ขอให้เขาเหี่ยวแห้งไปอย่างวัชพืช
    ขอให้เขาเฉาตายไปอย่างยอดรวงข้าว
25 เรื่องนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกว่าข้าโกหก
    ไม่มีใครชี้ได้หรอกว่าข้าพูดผิด”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International