Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 25:1-28:13

สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

25 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำการมหัศจรรย์
ตามที่ทรงดำริไว้นานมาแล้ว
ด้วยความซื่อสัตย์อันบริบูรณ์
พระองค์ทรงทำให้นครนั้นกลายเป็นซากปรักหักพัง
เมืองป้อมปราการพังพินาศ
ที่มั่นของชนต่างชาติล่มจมแล้ว
ไม่อาจสร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย
ดังนั้นชนชาติที่เข้มแข็งจะเทิดพระเกียรติพระองค์
ประชาชาติที่อำมหิตจะยำเกรงพระองค์
พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของผู้ยากไร้
เป็นที่พักพิงสำหรับคนขัดสนซึ่งอยู่ในความทุกข์
เป็นป้อมกำบังจากพายุ
เป็นร่มเงาหลบความร้อน
เพราะลมหายใจเข้าออกของคนอำมหิต
เหมือนพายุที่พัดกระหน่ำกำแพง
และเหมือนความร้อนระอุของถิ่นกันดาร
พระองค์ทรงสยบการขู่คำรามของคนต่างชาติ
เหมือนเงาเมฆบรรเทาความร้อนระอุ
แล้วบทเพลงของคนอำมหิตก็เงียบลง

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะจัดเตรียมงานเลี้ยงใหญ่บนภูเขาแห่งนี้
สำหรับชนชาติทั้งปวง
งานเลี้ยงซึ่งมีเหล้าองุ่น
และเนื้อชั้นเยี่ยม
บนภูเขาแห่งนี้พระองค์จะทรงขจัดผ้าคลุมหน้า
ซึ่งห่อหุ้มชนชาติทั้งปวง
และขจัดม่านซึ่งคลุมมวลประชาชาติ
พระองค์จะทรงกลืนความตายไปชั่วนิรันดร์
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงซับหยาดน้ำตาจากทุกใบหน้า
และจะทรงขจัดความอัปยศอดสูของประชากรของพระองค์
ออกไปจากแผ่นดินโลก
            องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

ในวันนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า

“แน่นอน นี่คือพระเจ้าของเรา
เราวางใจพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยเรา
นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราวางใจในพระองค์
ให้เรามาชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดที่พระองค์ประทานเถิด”

10 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะวางลงบนภูเขาแห่งนี้
ส่วนโมอับจะถูกเหยียบย่ำ
เหมือนฟางถูกเหยียบลงในหลุมมูลสัตว์
11 พวกเขาจะกางมือออกในหลุมนั้น
เหมือนคนว่ายน้ำที่เหยียดแขนออกว่าย
พระเจ้าจะทรงสยบความเย่อหยิ่งของเขา
ไม่ว่าเขาจะทำการอย่างชาญฉลาด[a]เพียงใดก็ตาม
12 พระองค์จะทรงทลายกำแพงสูงตระหง่านของเจ้าลงมา
ทรงทำให้มันตกต่ำ
พระองค์จะทรงทำให้มันราบลงกับพื้น
คลุกธุลีดิน

บทเพลงสรรเสริญ

26 ในวันนั้นทั่วแดนยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ว่า

เรามีเมืองแข็งแกร่งเมืองหนึ่ง
พระเจ้าทรงทำให้ความรอด
เป็นกำแพงและเชิงเทินของมัน
เปิดประตูเถิด
เพื่อชนชาติที่ชอบธรรม
ซึ่งรักษาความเชื่อไว้จะได้เข้ามา
จิตใจที่แน่วแน่นั้น
พระองค์จะทรงปกป้องไว้ในสันติภาพอันสมบูรณ์
เพราะเขาไว้วางใจในพระองค์
จงวางใจองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
เพราะพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระศิลานิรันดร์
พระองค์ทรงทำให้คนที่อยู่สูงตกต่ำลง
ทรงดึงนครที่ยโสโอหังลงมา
พระองค์ทรงปราบมันให้ราบคาบ
และทรงเหวี่ยงมันลงมาคลุกฝุ่น
เท้าของผู้ยากไร้
และผู้ถูกข่มเหง
ก็เหยียบย่ำมัน

หนทางของคนชอบธรรมราบเรียบ
ข้าแต่องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอยพระองค์
โดยดำเนินอยู่ในทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์[b]
พระนามและกิตติศัพท์ของพระองค์
เป็นความปรารถนาในใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ยามค่ำคืนจิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหาพระองค์
ยามเช้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ใฝ่หาพระองค์
เมื่อคำพิพากษาของพระองค์มายังโลก
ชาวโลกจึงได้เรียนรู้ความชอบธรรม
10 แม้ทรงแสดงพระคุณแก่คนชั่วร้าย
พวกเขาก็ไม่ได้เรียนรู้ความชอบธรรม
แม้ในดินแดนแห่งความเที่ยงธรรม พวกเขาก็ยังคงทำชั่วต่อไป
และไม่คำนึงถึงพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเงื้อพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นสูง
แต่พวกเขาไม่เห็น
ขอทรงให้พวกเขาเห็นพระทัยอันกระตือรือร้นที่ทรงมีต่อประชากรของพระองค์ แล้วเขาจะได้ละอายอดสู
ขอให้ไฟที่ทรงสงวนไว้สำหรับเหล่าศัตรูเผาผลาญพวกเขา

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติสุขแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
สิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสำเร็จ พระองค์ทรงเป็นผู้กระทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้เคยมีเจ้านายอื่นๆ ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย
แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายเทิดทูนพระนามของพระองค์เท่านั้น
14 บัดนี้เขาเหล่านั้นตายแล้ว ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
วิญญาณที่จากไปไม่ได้กลับมาอีก
พระองค์ทรงลงโทษและนำพวกเขาไปสู่หายนะ
ทรงกวาดล้างทุกอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของพวกเขา
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มพูนประชากร
พระองค์ทรงขยายประเทศชาติ
พระองค์ทรงได้รับพระเกียรติสิริของพระองค์
พระองค์ได้ทรงขยายพรมแดนของแผ่นดิน

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขามาหาพระองค์ยามทุกข์ลำเค็ญ
เมื่อทรงตีสั่งสอนพวกเขา พวกเขาก็ทุกข์จนแทบอธิษฐานไม่ออก[c]
17 ดั่งหญิงมีครรภ์ใกล้คลอด
บิดกาย กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นต่อหน้าพระองค์
18 เหล่าข้าพระองค์เจ็บท้อง ทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
แต่ก็เบ่งออกมาได้แต่ลม
ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้นำความรอดมาสู่โลก
และไม่ได้ให้กำเนิดมวลมนุษย์

19 แต่ผู้ที่เป็นของพระองค์ แม้ตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่
ร่างกายของเขาจะลุกขึ้นมา
ท่านผู้นอนอยู่ในฝุ่นธุลี
จงลุกขึ้นและโห่ร้องยินดี
น้ำค้างสำหรับท่านเหมือนน้ำค้างยามเช้า
โลกจะให้ชีวิตแก่ผู้ที่ตายแล้ว

20 ประชากรของข้าเอ๋ย จงเข้าไปในห้องของพวกท่านเถิด
แล้วปิดประตู
ซ่อนตัวอยู่สักระยะหนึ่ง
จนกว่าพระพิโรธของพระองค์ผ่านพ้นไป
21 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังเสด็จออกมาจากที่ประทับของพระองค์
เพื่อลงโทษชาวโลกเพราะบาปของพวกเขา
โลกจะเผยโลหิตซึ่งหลั่งนอง
และจะไม่ซ่อนผู้ที่ถูกเข่นฆ่าไว้อีกต่อไป

การกอบกู้อิสราเอล

27 ในวันนั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้พระแสงดาบ อันยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพลงโทษเลวีอาธาน
เจ้าพญานาคที่เลื้อยปราดอย่างรวดเร็ว
เจ้างูใหญ่ที่ขดตัวอยู่
พระองค์จะทรงสังหารเจ้าสัตว์ร้ายมหึมาแห่งท้องทะเล

ในวันนั้น

“จงร้องเพลงเกี่ยวกับสวนองุ่นที่มีผลดกดังนี้ว่า
เราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าดูแลสวนนั้น
เรารดน้ำให้ตลอดเวลา
เฝ้าดูทั้งวันทั้งคืน
ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตราย
เราไม่โกรธ
แต่ถ้ามีหนามใหญ่น้อยออกมาให้เห็น!
เราจะไปรบรากับมัน
และเผามันทิ้ง
หรือไม่ก็ให้มันมาพักพิงเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา”

ในภายภาคหน้ายาโคบจะหยั่งราก
อิสราเอลจะผลิตาและผลิดอกบาน
และออกผลทั่วโลก

พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล
เหมือนที่ทรงลงโทษศัตรูของเขาหรือ?
อิสราเอลถูกฆ่า
เหมือนคนที่ฆ่าอิสราเอลถูกฆ่าหรือ?
พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอลด้วยสงคราม[d]และการเนรเทศ
ทรงขับไล่เขาออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด
เหมือนวันที่ลมตะวันออกพัด
โดยการนี้ ความผิดของยาโคบจะได้รับการลบล้างไป
และนี่จะเป็นการกำจัดบาปของเขาอย่างสิ้นเชิง
พระองค์ทรงทำให้หินแท่นบูชา
เป็นเหมือนหินชอล์กที่ถูกบดละเอียด
ไม่มีเสาเจ้าแม่อาเชราห์[e]หรือแท่นเครื่องหอม
เหลืออยู่อีกเลย
10 เมืองป้อมปราการก็ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าเหมือนถิ่นกันดาร
วัวกินหญ้าอยู่ที่นั่น
มันเอนตัวลง
เคี้ยวกิ่งไม้จนโล่งเตียน
11 เมื่อง่ามไม้แห้ง มันก็หัก
พวกผู้หญิงก็มาเก็บไปทำฟืน
เพราะชนชาตินี้ไม่มีความเข้าใจ
ฉะนั้นพระผู้สร้างของพวกเขาจึงไม่เอ็นดูสงสารเขา
พระองค์ผู้ทรงสร้างพวกเขาไม่แสดงความโปรดปรานต่อพวกเขา

12 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนวดเอาข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสถึงลำน้ำแห่งอียิปต์ และชนชาติอิสราเอลเอ๋ย ท่านจะถูกรวบรวมมาทีละคนๆ 13 ในวันนั้นจะมีการเป่าแตรใหญ่ หลายคนที่กำลังจะพินาศในอัสซีเรียและผู้ที่ถูกเนรเทศไปอียิปต์จะกลับมานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเล็ม

วิบัติแก่เอฟราอิม

28 วิบัติแก่มงกุฎดอกไม้แห่งเกียรติยศของเหล่าคนขี้เมาแห่งเอฟราอิม
วิบัติแก่ดอกไม้อันร่วงโรย แก่ความงามอันเชิดหน้าชูตาของเอฟราอิม
ซึ่งประดับอยู่บนหัวของหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
วิบัติแก่นครแห่งนั้น เกียรติยศของพวกเขาตกต่ำลงเพราะเหล้าองุ่น!
ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีผู้หนึ่งซึ่งมีอำนาจและเข้มแข็ง
เหมือนพายุลูกเห็บและพายุล้างผลาญ
เหมือนฝนกระหน่ำ เหมือนน้ำทะลักท่วม
พระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาลงกับพื้นอย่างแรง
มงกุฎดอกไม้แห่งเกียรติยศของเหล่าคนขี้เมาแห่งเอฟราอิมนั้น
จะถูกเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้า
ดอกไม้อันร่วงโรย ความงามอันเชิดหน้าชูตาของเอฟราอิม
ซึ่งประดับอยู่บนหัวของหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
จะเป็นเหมือนมะเดื่อสุกก่อนหน้าฤดูเก็บเกี่ยว
เมื่อใครเห็นเข้าก็คว้า
และกลืนกินเข้าไป

ในวันนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จะเป็นมงกุฎอันทรงสง่าราศี
เป็นมงกุฎดอกไม้ที่งดงาม
สำหรับชนหยิบมือที่เหลืออยู่ของพระองค์
พระองค์จะทรงเป็นวิญญาณแห่งความยุติธรรม
แก่ผู้ให้คำตัดสิน
ทรงเป็นขุมพลัง
แก่ผู้พลิกผันสงครามที่ประตูเมือง

คนเหล่านี้ซึ่งโซซัดโซเซเพราะเหล้าองุ่น
และหมุนเคว้งเพราะเมรัย
คือปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ
ซึ่งโซซัดโซเซเพราะเหล้า
มึนเมาเพราะเมรัย
ตุปัดตุเป๋เมื่อเห็นนิมิต
ล้มคะมำเมื่อให้คำตัดสิน
โต๊ะทุกตัวเต็มไปด้วยอาเจียน
ไม่มีจุดไหนที่ไม่โสโครก

“ใครกันหนอที่เขาพยายามสอน?
เขากำลังอธิบายเนื้อความของเขาให้ใครฟังกันนี่?
ให้เด็กอมมือที่เพิ่งหย่านมหรือ?
ให้ทารกที่เพิ่งพ้นอกแม่หรือ?
10 เพราะมันเป็นอย่างนี้คือ
ทำนี่ ทำนั่น
กฎของสิ่งนี้ กฎของสิ่งนั้น[f]
ตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย”

11 ฉะนั้นพระเจ้าจะตรัสกับชนชาตินี้
โดยใช้ปากของคนต่างชาติและสำเนียงภาษาแปลกๆ
12 พระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า
“ที่นี่คือสถานพักพิง ผู้ที่เหนื่อยอ่อนจงพักเถิด”
และตรัสว่า “ที่นี่เป็นที่พักสงบ”
แต่พวกเขาจะไม่ฟัง
13 ฉะนั้นพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับพวกเขาจึงกลายเป็นว่า
ทำนี่ ทำนั่น
กฎของสิ่งนี้ กฎของสิ่งนั้นตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย เพื่อพวกเขาจะได้ไปและหงายหลังกลับมา
บาดเจ็บ ติดกับ และตกเป็นเชลย

กาลาเทีย 3:10-22

10 คนทั้งปวงที่พึ่งการทำตามบทบัญญัติก็ถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ว่า “ขอแช่งทุกคนที่ไม่ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติ”[a] 11 เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าพระเจ้าไม่มีใครถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมได้โดยบทบัญญัติ เพราะว่า “คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตโดยความเชื่อ”[b] 12 บทบัญญัติไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ แต่ “ผู้ใดที่ทำสิ่งเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่โดยสิ่งเหล่านี้”[c] 13 พระคริสต์ได้ทรงไถ่เราพ้นจากคำสาปแช่งของบทบัญญัติ โดยทรงรับคำสาปแช่งแทนเรา เนื่องจากมีเขียนไว้ว่า “ผู้ใดถูกแขวนบนต้นไม้ก็ถูกแช่งสาปแล้ว”[d] 14 พระองค์ทรงไถ่เราเพื่อว่าพระพรที่มีแก่อับราฮัมจะมาถึงคนต่างชาติโดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าโดยความเชื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญา

บทบัญญัติกับพระสัญญา

15 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน พันธสัญญาของมนุษย์เมื่อตกลงกันแล้วก็ไม่มีใครยกเลิกหรือเพิ่มเติมได้ฉันใด กรณีนี้ก็ฉันนั้น 16 พระเจ้าทรงทำพระสัญญาต่างๆ กับอับราฮัมและพงศ์พันธุ์ของเขา พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่า “แก่บรรดาพงศ์พันธุ์” อันหมายถึงผู้คนมากมาย แต่ระบุว่า “แก่พงศ์พันธุ์ของเจ้า”[e] อันหมายถึงคนเพียงคนเดียวคือพระคริสต์ 17 ข้าพเจ้าหมายความว่าอย่างนี้คือ บทบัญญัติซึ่งมีมาภายหลัง 430 ปีไม่ได้ล้มล้างพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงตั้งไว้ก่อนแล้ว และด้วยเหตุนี้บทบัญญัติจึงไม่ได้ยกเลิกพระสัญญา 18 เพราะหากการรับมรดกขึ้นกับบทบัญญัติก็ไม่ได้ขึ้นกับพระสัญญาอีกต่อไป แต่โดยพระคุณของพระองค์ พระเจ้าประทานมรดกแก่อับราฮัมผ่านทางพระสัญญา

19 ถ้าเช่นนั้นบทบัญญัติมีไว้เพื่ออะไร? การที่มีบทบัญญัติเพิ่มขึ้นมาก็เพราะการล่วงละเมิดทั้งหลาย และบทบัญญัตินี้คงอยู่จนกว่า “พงศ์พันธุ์” นั้นซึ่งพระสัญญาระบุไว้มาถึง บทบัญญัติมีผลบังคับใช้ผ่านทางเหล่าทูตสวรรค์โดยคนกลาง 20 อย่างไรก็ตามคนกลางไม่ได้เป็นตัวแทนของฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่พระเจ้าทรงเป็นฝ่ายเดียว

21 ถ้าเช่นนั้นบทบัญญัติขัดกับพระสัญญาของพระเจ้าหรือ? ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน! เพราะถ้าทรงให้มีบทบัญญัติซึ่งให้ชีวิต ความชอบธรรมย่อมมีได้โดยบทบัญญัติ 22 แต่พระคัมภีร์ประกาศว่าทั้งโลกตกเป็นนักโทษของบาป เพื่อว่าสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้นจะประทานแก่บรรดาผู้เชื่อโดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์

สดุดี 61

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสายของดาวิด)

61 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับเสียงร้องทูลของข้าพระองค์
ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์

ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์จากสุดปลายแผ่นดินโลก
ข้าพระองค์ร้องทูลยามจิตใจอ่อนระโหย
ขอทรงนำข้าพระองค์มายังศิลาซึ่งสูงกว่าข้าพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ทรงเป็นหอคอยที่มั่นคงต่อต้านศัตรู

ข้าพระองค์ปรารถนาจะอาศัยในพลับพลาของพระองค์เป็นนิตย์
ขอลี้ภัยใต้ร่มปีกของพระองค์
เสลาห์
ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินคำปฏิญาณของข้าพระองค์แล้ว
พระองค์ได้ประทานมรดกสำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระนามของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์

ขอทรงเพิ่มพูนอายุขัยของกษัตริย์
ให้ยืนยาวหลายชั่วอายุ
เพื่อกษัตริย์จะครองบัลลังก์ต่อหน้าพระเจ้าตลอดไป
ขอทรงให้ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ปกป้ององค์กษัตริย์ไว้

แล้วข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์เสมอไป
และทำตามคำปฏิญาณทุกวัน

สุภาษิต 23:17-18

คำสอนที่

17 อย่าให้ใจของเจ้าอิจฉาคนบาป
แต่จงกระตือรือร้นในการยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเวลา
18 เพราะมีอนาคตรอเจ้าอยู่แน่นอน
และความหวังของเจ้าจะไม่สูญสิ้น

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.