Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 28:14-30:11

14 ฉะนั้นจงฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด เหล่านักถากถาง
ผู้ปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม
15 เจ้าอวดว่า “เราเข้าร่วมพันธสัญญากับความตาย
เราทำข้อตกลงกับแดนมรณะไว้แล้ว
เมื่อหายนะโหมกระหน่ำมา
มันจะแตะเราไม่ได้
เพราะการโกหกเป็นเกราะป้องกันเรา
ความเท็จ[a]เป็นที่ซ่อนของเรา”

16 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน
เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า
เหมาะเป็นรากฐานอันมั่นคง
ผู้ที่วางใจจะไม่มีวันท้อแท้
17 เราจะใช้ความยุติธรรมเป็นสายวัด
ใช้ความชอบธรรมเป็นลูกดิ่ง
ลูกเห็บจะกวาดล้างการโกหกอันเป็นเกราะกำบังของเจ้า
น้ำจะซัดท่วมที่ซ่อนของเจ้า
18 พันธสัญญาที่เจ้าทำไว้กับความตายจะเป็นโมฆะ
ข้อตกลงของเจ้ากับแดนมรณะจะไม่คงอยู่
เมื่อหายนะโหมกระหน่ำมา
เจ้าจะถูกโค่นล้ม
19 มันมาบ่อยเท่าไร มันก็ซัดพาเจ้าไปบ่อยเท่านั้น
ทุกเช้าทุกเย็น ทั้งวันทั้งคืน
มันจะกวาดล้างไปทั่ว”

เมื่อเข้าใจเนื้อความนี้
ก็จะเกิดความหวาดหวั่นขวัญผวา
20 เตียงก็สั้นเกินกว่าจะเหยียดกายนอน
ผ้าห่มก็แคบเกินกว่าจะห่มตัวมิด
21 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลุกขึ้นเหมือนที่พระองค์ทรงทำต่อพวกฟีลิสเตียที่ภูเขาเปริซิม
พระองค์จะทรงเร่งเร้าพระองค์เองขึ้นเหมือนที่พระองค์ทรงต่อสู้ชาวอาโมไรต์ที่หุบเขากิเบโอน
พระองค์จะเสด็จมาเพื่อทำสิ่งที่แปลกประหลาดผิดปกติ คือ
พระองค์จะทรงทำลายประชากรของพระองค์เอง!
22 จงหยุดเย้ยหยันถากถางเดี๋ยวนี้
มิฉะนั้นโซ่ตรวนของเจ้าจะหนักขึ้นอีก
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสแก่ข้าพเจ้าถึงหายนะ
ซึ่งกำหนดไว้แล้วสำหรับดินแดนนี้ทั้งหมด

23 ฟังข้าพเจ้าเถิด
จงตั้งใจฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด
24 เมื่อชาวนาไถที่เพื่อเพาะปลูก เขาไถไปเรื่อยๆ หรือ?
เขาจะไถคราดพรวนดินอยู่ตลอดไปหรือ?
25 เมื่อเขาปรับหน้าดินเสร็จแล้ว
เขาไม่โปรยหว่านเทียนแดงและยี่หร่าหรือ?
เขาไม่ปลูกข้าวสาลี
ข้าวบาร์เลย์ และข้าวสแปลต์
ในแปลงของเขาหรือ?
26 พระเจ้าของเขากำชับเขา
สอนเขาให้รู้วิธีที่ถูกต้อง

27 เทียนแดงไม่ต้องนวดด้วยรถเลื่อน
และยี่หร่าไม่ต้องบดด้วยล้อเกวียน
แต่ใช้ไม้พลองฟาดเทียนแดง
และใช้ไม้นวดบุบยี่หร่า
28 เมล็ดข้าวต้องโม่เพื่อใช้ทำขนมปัง
แต่คนไม่ได้บดอยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้เขาขับล้อเลื่อนนวดข้าวทับมัน
เขาก็ไม่ได้อาศัยม้าบดข้าว
29 ทั้งหมดนี้มาจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ผู้ทรงให้คำปรึกษาที่เยี่ยมยอดและทรงมีสติปัญญาล้ำเลิศ

วิบัติแก่เมืองดาวิด

29 วิบัติแก่เจ้า อารีเอลเอ๋ย อารีเอล
นครซึ่งดาวิดตั้งขึ้น!
ปีแล้วปีเล่า
ให้วัฏจักรแห่งเทศกาลของเจ้าวนเวียนไป
ถึงกระนั้นเราจะล้อมเมืองอารีเอล
เมืองนั้นจะทุกข์โศกและคร่ำครวญ
จะเป็นเหมือนเตาไฟแท่นบูชา[b]สำหรับเรา
เราจะตั้งค่ายโอบล้อมสู้กับเจ้า
เราจะสร้างหอรบล้อมรอบเจ้า
และก่อเชิงเทินขึ้นสู้กับเจ้า
เมื่อตกต่ำลงแล้ว เจ้าจะพูดขึ้นจากพื้นดิน
คำพูดของเจ้าจะดังแผ่วขึ้นมาจากธุลี
เสียงของเจ้าเหมือนเสียงผีดังขึ้นมาจากพื้นโลก
เสียงพูดของเจ้าจะกระซิบกระซาบขึ้นมาจากฝุ่นธุลี

แต่ศัตรูมากมายของเจ้าจะกลายเป็นเหมือนฝุ่นละเอียด
กลุ่มคนอำมหิตจะเป็นเหมือนแกลบปลิวฟุ้งไปกับลม
ในทันทีทันใด ในพริบตาเดียว
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะเสด็จมา
ด้วยฟ้าคำรน แผ่นดินไหว และเสียงกัมปนาท
เสด็จมาด้วยลมกล้า พายุหมุน และเปลวไฟเผาผลาญ
แล้วประชาชาติทั้งปวงที่รวมตัวกันมาสู้อารีเอล
มาโจมตีอารีเอลกับป้อมของมันและล้อมมันไว้
จะเป็นเหมือนฝัน
เหมือนนิมิตยามค่ำคืน
เหมือนคนหิวโหยฝันว่าได้กิน
แต่เมื่อตื่นขึ้นก็ยังหิวอยู่
เหมือนคนกระหายน้ำฝันว่าได้ดื่ม
แต่พอตื่นก็ยังหมดแรง
คอแห้งผากและยังไม่สิ้นความกระหาย
ประชาชาติทั้งปวงที่รวมตัวกันมาต่อสู้ภูเขาศิโยน ก็จะเป็นเช่นนี้

จงงงงันและประหลาดใจ
ทำเป็นตาบอดมองอะไรไม่เห็น
จงเมามายแต่ไม่ใช่เพราะเหล้า
โซซัดโซเซแต่ไม่ใช่เพราะเมรัย
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำการหลับใหลมาเหนือเจ้า
พระเจ้าทรงปิดตาของเจ้า (คือผู้เผยพระวจนะ)
พระองค์ทรงคลุมหัวของเจ้า (คือผู้ทำนาย)

11 นิมิตทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเลยสำหรับเจ้านอกจากเป็นถ้อยคำที่ถูกปิดผนึกไว้ในหนังสือม้วน และหากเจ้ายื่นหนังสือม้วนให้คนที่อ่านออกและบอกว่า “ช่วยอ่านให้หน่อย” เขาก็จะตอบว่า “อ่านไม่ได้ มันถูกปิดผนึกไว้” 12 หรือหากเจ้ายื่นให้คนที่อ่านไม่ออกและบอกว่า “ช่วยอ่านให้หน่อย” เขาก็จะตอบว่า “อ่านไม่ออก”

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ประชากรเหล่านี้เข้ามาใกล้เราแต่ปาก
ปากของพวกเขาพูดยกย่องเรา
แต่ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
พวกเขานมัสการเรา
ตามกฎเกณฑ์ที่มนุษย์สอนกันมาเท่านั้น[c]
14 ฉะนั้นเราจะทำให้ประชากรเหล่านี้งงงวยอีกครั้ง
ด้วยการอัศจรรย์ซ้อนการอัศจรรย์
สติปัญญาของคนมีปัญญาจะพินาศ
ความฉลาดของคนฉลาดจะสูญสิ้น”
15 วิบัติแก่คนเหล่านั้นซึ่งไปยังที่ลึกล้ำ
เพื่อซ่อนแผนการของตนไว้จากองค์พระผู้เป็นเจ้า
เขาซุ่มทำการของตนในที่มืดและคิดว่า
“ใครเล่าจะเห็นเรา? ใครเล่าจะรู้ได้?”
16 เจ้าทำให้สิ่งต่างๆ กลับตาลปัตร
ราวกับว่าช่างปั้นเป็นดินเหนียว!
ควรหรือที่สิ่งที่ถูกปั้นจะพูดกับช่างปั้นว่า
“ท่านไม่ได้สร้างเรา”?
ควรหรือที่หม้อไหจะพูดกับช่างปั้นว่า
“ท่านไม่รู้อะไร”?

17 ในไม่ช้าเลบานอนจะไม่กลับกลายเป็นท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์หรือ?
และท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์จะดูเหมือนป่าหรือ?
18 ในวันนั้นคนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำในหนังสือม้วน
และคนตาบอดจะมองฝ่าความมัวหม่นและมืดมิด
และจะแลเห็น
19 ผู้ถ่อมใจจะชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอีก
คนขัดสนจะเปรมปรีดิ์ในองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
20 คนอำมหิตจะสูญสิ้นไป
คนถากถางจะหายหน้าไป
คนที่ตาจดจ้องอยู่ที่ความชั่วจะถูกโค่นลง
21 คือบรรดาผู้ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น
ผู้วางกับดักไว้เล่นงานผู้ปกป้องความยุติธรรมในศาล
และผู้ที่ให้การเท็จทำให้ผู้บริสุทธิ์ไม่ได้รับความยุติธรรม

22 ด้วยเหตุนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัมตรัสเกี่ยวกับวงศ์วานของยาโคบว่า

“ยาโคบจะไม่ต้องอับอายอีกต่อไป
พวกเขาจะไม่ต้องหน้าซีดหน้าเซียวอีกแล้ว
23 เมื่อพวกเขาเห็นผลงาน
ที่เราทำท่ามกลางลูกหลานของพวกเขา
พวกเขาจะรักษานามของเราให้บริสุทธิ์
พวกเขาจะยอมรับรู้ความบริสุทธิ์สูงส่งขององค์บริสุทธิ์แห่งยาโคบ
และจะยืนสงบด้วยความยำเกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล
24 ผู้ที่ใจโลเลจะเข้าใจ
ผู้ที่พร่ำบ่นจะยอมรับคำสอน”

วิบัติแก่ชนชาติที่ดื้อรั้น

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อรั้น
แก่ผู้ซึ่งทำตามแผนการที่ไม่ได้มาจากเรา
ทำสัญญาไมตรีโดยไม่ได้อาศัยวิญญาณของเรา
ทำบาปซ้อนบาป
ผู้ลงไปยังอียิปต์
โดยไม่ปรึกษาเรา
ผู้มุ่งขอการอารักขาจากฟาโรห์
ขอลี้ภัยใต้ร่มเงาของอียิปต์
แต่การอารักขาของฟาโรห์จะกลับเป็นความอัปยศอดสูแก่เจ้า
ร่มเงาของอียิปต์จะทำให้เจ้าอับอายขายหน้า
ถึงแม้พวกเขาจะมีกองทหารอยู่ในโศอัน
และบรรดาทูตของเขาได้ไปถึงฮาเนส
ทุกคนก็จะต้องอับอายขายหน้า
เพราะชนชาติซึ่งไม่มีประโยชน์แก่พวกเขา
ผู้ไม่ให้ความช่วยเหลือหรือประโยชน์อันใด
ให้แต่ความอับอายและความอัปยศอดสู”

พระดำรัสเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ แห่งเนเกบมีดังนี้

คณะทูตขนทรัพย์สมบัติมาบนหลังลาและบนโหนกอูฐ
เดินทางผ่านดินแดนอันยากลำบากและทุกข์ลำเค็ญ
แดนแห่งราชสีห์และนางสิงห์
แดนแห่งงูกะปะและงูแมวเซา
เพื่อไปยังชนชาติที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้
ไปยังอียิปต์ ซึ่งความช่วยเหลือของเขาเปล่าประโยชน์อย่างแท้จริง
เราจึงเรียกอียิปต์ว่า
“ราหับผู้ไร้พิษสง”

บัดนี้จงไปเขียนไว้บนแผ่นจารึกสำหรับพวกเขา
เขียนลงบนหนังสือม้วน
เพื่อวันข้างหน้า
จะได้เป็นพยานหลักฐานที่ยืนยงตลอดไป
คนเหล่านี้เป็นประชากรผู้ทรยศ เป็นลูกหลานที่ชอบหลอกลวง
ลูกหลานซึ่งไม่เต็มใจรับฟังคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
10 พวกเขาบอกผู้ทำนายว่า
“อย่าเห็นนิมิตต่างๆ อีกต่อไป!”
และบอกผู้เผยพระวจนะว่า
“อย่าแจ้งนิมิตถึงสิ่งที่ถูกต้องอีกเลย!
ขอให้บอกแต่เรื่องที่น่าฟัง
เผยพระวจนะเป็นภาพฝันมายาต่างๆ เถิด
11 จงหลีกไปให้พ้น
จงออกไปให้พ้นจากทางนี้
และหยุดเผชิญหน้ากับพวกเรา
ด้วยองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลเสียที!”

กาลาเทีย 3:23-4:31

23 ก่อนที่ความเชื่อนี้จะมีมา เราตกเป็นนักโทษของบทบัญญัติ ถูกกักขังไว้จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย 24 ดังนั้นบทบัญญัติได้รับมอบหมายหน้าที่ให้นำเรามาถึงพระคริสต์[a] เพื่อเราจะได้ถูกนับเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อ 25 บัดนี้ความเชื่อนั้นมาถึงแล้ว เราจึงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบทบัญญัติอีกต่อไป

บุตรของพระเจ้า

26 ท่านทั้งหลายล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะพวกท่านทั้งปวงผู้ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์แล้วได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์ 28 ไม่มียิวหรือกรีก ทาสหรือไท ชายหรือหญิง เพราะพวกท่านทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวในพระเยซูคริสต์ 29 ถ้าท่านเป็นของพระคริสต์ ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและเป็นทายาทตามพระสัญญา

สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวอยู่นี้ก็คือ ตราบใดที่ทายาทยังเด็กอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับทาส แม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด เขาก็ยังอยู่ในบังคับของผู้ปกครองและผู้ดูแลทรัพย์สิน จนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนด เช่นกันเมื่อเรายังเด็ก เราเป็นทาสอยู่ใต้บังคับของหลักการพื้นฐานทั้งหลายของโลก แต่เมื่อถึงกำหนด พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตรอย่างสมบูรณ์ ในเมื่อท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้พระวิญญาณของพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจเรา พระวิญญาณผู้ทรงร้องเรียกว่า “อับบา[b] พ่อ” ฉะนั้นท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และเพราะท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้ท่านเป็นทายาทด้วย

เปาโลห่วงใยพี่น้องชาวกาลาเทีย

เมื่อก่อนท่านยังไม่รู้จักพระเจ้า ท่านเป็นทาสของผู้ซึ่งโดยสภาพแล้วไม่ใช่เทพเจ้าเลย แต่เดี๋ยวนี้ท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกคือพระเจ้าทรงรู้จักท่านแล้ว ท่านยังจะหวนกลับไปหาหลักการเก่าๆ ซึ่งอ่อนแอและน่าสังเวชหรือ? ท่านอยากตกเป็นทาสด้วยสิ่งทั้งปวงนี้อีกหรือ? 10 ท่านกำลังถือวันเดือนฤดูและปี! 11 ข้าพเจ้าหวาดหวั่นแทนท่าน เกรงว่าที่ข้าพเจ้าบากบั่นทุ่มเทให้ท่านนั้นจะเปล่าประโยชน์

12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ขอให้เป็นเหมือนข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าได้เป็นเหมือนท่าน ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรต่อข้าพเจ้า 13 ท่านก็ทราบอยู่ตอนแรกที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านนั้นก็เพราะความเจ็บป่วย 14 แม้ว่าความเจ็บป่วยของข้าพเจ้าเป็นการทดลองสำหรับท่าน ท่านก็ไม่ได้ดูถูกหรือสบประมาทข้าพเจ้าเลย กลับต้อนรับราวกับข้าพเจ้าเป็นทูตของพระเจ้า ราวกับข้าพเจ้าเป็นองค์พระเยซูคริสต์เอง 15 ความชื่นชมยินดีของท่านหายไปไหนหมดแล้ว? ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าถ้าท่านทำได้ ท่านก็คงจะควักตาของท่านให้ข้าพเจ้าแล้ว 16 บัดนี้ข้าพเจ้าได้กลายเป็นศัตรูของท่านเพราะบอกความจริงแก่ท่านหรือ?

17 คนพวกนั้นร้อนรนเพื่อชนะใจท่าน แต่ไม่ใช่เพราะหวังดี สิ่งที่เขาต้องการคือแยกท่านออกไปจากเรา เพื่อให้ท่านร้อนรนเพื่อพวกเขา 18 ถ้าร้อนรนเพราะหวังดีก็ดีอยู่ ขอให้เป็นเช่นนั้นตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่าน 19 ลูกที่รักเอ๋ย ข้าพเจ้ายังต้องเจ็บปวดราวกับคลอดบุตรเพื่อท่านอีกจนกว่าพระคริสต์จะทรงก่อร่างขึ้นในท่าน 20 ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะอยู่กับท่านตอนนี้ และเปลี่ยนน้ำเสียงของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าข้องใจในตัวท่าน!

นางฮาการ์กับนางซาราห์

21 ท่านที่อยากอยู่ใต้บทบัญญัติ บอกข้าพเจ้าเถิด ท่านไม่ตระหนักถึงสิ่งที่บทบัญญัติกล่าวไว้หรือ? 22 เพราะมีเขียนไว้ว่าอับราฮัมมีบุตรชายสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นทาส อีกคนเกิดจากหญิงที่เป็นไท 23 บุตรจากหญิงที่เป็นทาสเกิดตามปกติธรรมดา ส่วนบุตรจากหญิงที่เป็นไทเกิดตามพระสัญญา

24 เรื่องนี้ถือเป็นการเปรียบเทียบได้ หญิงทั้งสองหมายถึงสองพันธสัญญา พันธสัญญาหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คือ นางฮาการ์ให้กำเนิดลูกทาส 25 นางฮาการ์หมายถึงภูเขาซีนายในประเทศอาระเบีย เล็งถึงกรุงเยรูซาเล็มปัจจุบัน เพราะนางกับบรรดาบุตรของนางเป็นทาสอยู่ 26 ส่วนเยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบนนั้นเป็นไท เป็นมารดาของเราทั้งหลาย 27 ตามที่มีเขียนไว้ว่า

“จงยินดีเถิด หญิงหมันเอ๋ย
ผู้ไม่เคยมีลูก
จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด
เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์
เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว
ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”[c]

28 พี่น้องทั้งหลาย ฝ่ายท่านเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค 29 ครั้งนั้นบุตรที่เกิดตามปกติธรรมดารังแกบุตรที่เกิดโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ บัดนี้ก็เช่นกัน 30 แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร? “ขอให้ไล่เมียทาสกับลูกของนางไปเถิด เพราะลูกของเมียทาสนั้นจะไม่มีวันมีส่วนร่วมในมรดกกับลูกของหญิงที่เป็นไท”[d] 31 ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เราไม่ใช่บุตรของหญิงที่เป็นทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นไท

สดุดี 62

(ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน บทสดุดีของดาวิด)

62 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าพักสงบในพระเจ้าแต่ผู้เดียว
ความรอดของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
พระองค์แต่เพียงผู้เดียวทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว

พวกเจ้าจะรุมเล่นงานคนคนเดียวไปนานเท่าใด?
เจ้าทั้งหมดจะโค่นล้มเขา
ผู้เป็นเหมือนกำแพงเอียงกะเท่เร่และรั้วที่โยกเยกนี้หรือ?
พวกเขาจงใจปลดเขาลงจากตำแหน่งสูง
พวกเขาชื่นชมในการโป้ปด
ปากของพวกเขากล่าวอวยพร
แต่ในใจนั้นสาปแช่ง
เสลาห์

จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จงพักสงบในพระเจ้าแต่ผู้เดียว
ความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
พระองค์แต่เพียงผู้เดียวทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
ความรอดและเกียรติของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้า[a]
พระองค์ทรงเป็นพระศิลาอันทรงฤทธิ์ เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา
จงเทความในใจของท่านต่อพระองค์
เพราะพระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา
เสลาห์

คนต่ำต้อยเป็นเพียงลมหายใจวูบหนึ่ง
คนสูงศักดิ์เป็นเพียงมายา
เมื่อขึ้นชั่งดูก็ไม่มีค่าอะไร
ทั้งคู่เป็นเพียงลมหายใจเฮือกเดียว
10 อย่าพึ่งพาการบังคับขู่เข็ญ อย่าภาคภูมิใจในของที่ขโมยมา
แม้ทรัพย์สมบัติเพิ่มขึ้น ก็อย่าปักใจกับสิ่งเหล่านั้น

11 สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าได้ตรัสแล้ว
สองสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยิน
คือ “ข้าแต่พระเจ้า อำนาจเป็นของพระองค์
12 และข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความรักเมตตา”
และ “พระองค์ทรงให้รางวัล
แต่ละคนตามการกระทำของเขา”

สุภาษิต 23:19-21

คำสอนที่

19 ลูกเอ๋ย จงฟังและเฉลียวฉลาด
จงรักษาใจให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง
20 อย่าร่วมวงสำมะเลเทเมากับคนขี้เหล้าเมายา
และคนเห็นแก่กิน
21 เพราะคนขี้เมาและคนตะกละจะยากจน
และความสะลึมสะลือทำให้เขาเหลือแต่ผ้าขี้ริ้วพันกาย

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.