The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.
ความรอดนิรันดร์สำหรับศิโยน
51 “จงฟังเราเถิด บรรดาผู้ขวนขวายหาความชอบธรรม
และผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงมองดูศิลาที่เจ้าถูกสกัดออกมา
ดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมา
2 จงมองดูอับราฮัมบรรพบุรุษของเจ้า
และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า
เมื่อครั้งเราเรียกเขา เขามีเพียงตัวคนเดียว
และเราก็อวยพรเขา ทำให้เขามีจำนวนมาก
3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปลอบโยนศิโยนอย่างแน่นอน
และจะทอดพระเนตรซากปรักหักพังทั้งปวงของศิโยนด้วยความเอ็นดูสงสาร
พระองค์จะทรงทำให้ทะเลทรายของศิโยนเป็นเหมือนสวนเอเดน
ที่ทิ้งร้างของเธอเหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ที่นั่นจะมีความปลาบปลื้มยินดี
มีการขอบพระคุณพระเจ้าและเสียงเพลงไพเราะ
4 “จงฟังเราเถิด ประชากรของเราเอ๋ย
ฟังเราเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย
บทบัญญัติจะออกมาจากเรา
ความยุติธรรมของเราจะเป็นแสงสว่างแก่มวลประชาชาติ
5 ความชอบธรรมของเรารีบรุดเข้ามาใกล้
ความรอดของเรากำลังมาถึงแล้ว
แขนของเราจะนำความยุติธรรมมาให้ชนชาติต่างๆ
เกาะแก่งต่างๆ จะมองดูเรา
และรอคอยด้วยหวังว่าเราจะสำแดงฤทธิ์อำนาจ
6 จงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสวรรค์
และมองดูโลกเบื้องล่าง
ฟ้าสวรรค์จะลับหายไปเหมือนควัน
โลกจะเปื่อยยุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า
และชาวโลกจะตายไปเหมือนแมลงวัน
แต่ความรอดของเราจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
ความชอบธรรมของเราจะไม่สิ้นสุดเลย
7 “จงฟังเราเถิด เจ้าทั้งหลายผู้รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง
ชนชาติผู้ถนอมบทบัญญัติของเราไว้ในใจ
อย่ากลัวการตำหนิติเตียนของมนุษย์
อย่าหวาดหวั่นไปกับคำสบประมาทของพวกเขา
8 เพราะแมลงจะแทะกินเขาเหมือนเสื้อผ้า
หนอนจะกัดกินเขาเหมือนผ้าขนสัตว์
แต่ความชอบธรรมของเราจะดำรงอยู่ตลอดกาล
ความรอดของเราจะยั่งยืนสืบไปทุกชั่วอายุ”
9 จงตื่นเถิด! พระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ตื่นเถิด! จงสวมพละกำลัง
จงตื่นขึ้น เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
เหมือนในชั่วอายุเก่าก่อน
ไม่ใช่พระองค์หรือที่ฟันราหับออกเป็นชิ้นๆ
และแทงสัตว์ร้ายตัวนั้นทะลุ?
10 ไม่ใช่พระองค์หรือที่ทำให้ทะเลแห้งเหือด?
คือทำให้ห้วงสมุทรอันลึกแห้งไป
ผู้ทรงทำทางไว้ในทะเลลึก
เพื่อผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้จะข้ามฟากไปได้
11 ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้จะกลับมา
พวกเขาจะเดินร้องเพลงเข้าศิโยน
มีความชื่นชมยินดีนิรันดร์เป็นมงกุฎประดับศีรษะ
พวกเขาจะได้รับความยินดีและความเปรมปรีดิ์
ความทุกข์โศกและการทอดถอนใจจะสูญสิ้นไป
12 “เรานี่แหละเป็นผู้ปลอบโยนเจ้า
เจ้าเป็นใครจึงไปกลัวมนุษย์ที่ต้องตาย?
กลัวลูกหลานของมนุษย์ซึ่งเป็นเพียงต้นหญ้า
13 เจ้าเป็นใครจึงลืมพระยาห์เวห์พระผู้สร้างของเจ้า
ผู้คลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
และวางฐานรากของโลก?
เรื่องอะไรเจ้าถึงต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกวี่ทุกวัน
เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง
ผู้มุ่งสู่หายนะ?
ไหนล่ะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง?
14 ในไม่ช้านักโทษผู้หวาดกลัวจนตัวสั่นจะได้รับการปลดปล่อย
เขาจะไม่ตายในคุก
และจะไม่ขาดอาหาร
15 เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้กวนทะเลทำให้คลื่นคำราม
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์คือพระนามของพระองค์
16 เราได้ใส่วาจาของเราไว้ในปากของเจ้า
และบังเจ้าไว้ด้วยร่มเงาแห่งมือของเรา
เราเป็นผู้สถาปนาฟ้าสวรรค์ไว้ในที่ของมัน
เป็นผู้วางฐานรากของโลก
และเป็นผู้กล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นประชากรของเรา’”
จอกแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด!
จงลุกขึ้นเถิดเยรูซาเล็มเอ๋ย
เจ้าผู้ได้ดื่มจากจอกแห่งพระพิโรธของพระเจ้า
ซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เจ้าดื่มจนถึงตะกอนก้นถ้วย
ซึ่งทำให้ถึงกับซวนเซ
18 ลูกชายทั้งหมดที่นางคลอดออกมา
ไม่มีสักคนเดียวที่จะนำทางนาง
ลูกชายทั้งหมดที่นางเลี้ยงดูมา
ไม่มีสักคนเดียวที่จะจูงนางไป
19 ภัยพิบัติอันกระหน่ำซ้ำเติมนี้เกิดขึ้นแก่เจ้า
ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?
หายนะและความย่อยยับ การกันดารอาหารและการรบราฆ่าฟัน
ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?[a]
20 ลูกๆ ของเจ้าเป็นลมไปแล้ว
พวกเขานอนอยู่ที่หัวถนนทุกสาย
ประหนึ่งละมั่งติดอยู่ในตาข่าย
พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และการกำราบจากพระเจ้าของเจ้าท่วมท้นพวกเขา
21 ฉะนั้นจงฟังสิ่งนี้เถิด เจ้าผู้ทุกข์ทรมาน
ผู้มึนเมาแต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่น
22 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า
ผู้ปกป้องประชากรของพระองค์ ตรัสว่า
“ดูเถิด เราได้นำถ้วยซึ่งทำให้เจ้าซวนเซ
ออกไปจากมือของเจ้า
เจ้าจะไม่ต้องดื่มจากถ้วยนั้น
คือถ้วยแห่งพระพิโรธของเราอีกต่อไป
23 เราจะเอาถ้วยนั้นใส่ในมือของบรรดาผู้ทรมานเจ้า
ผู้กล่าวกับเจ้าว่า
‘นอนหมอบราบสิ เราจะได้เดินย่ำเจ้า’
เจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน
เหมือนพื้นถนนให้เหยียบย่ำ”
52 ตื่นเถิด ตื่นเถิด ศิโยนเอ๋ย
จงสวมกำลังวังชา
เยรูซาเล็มนครบริสุทธิ์เอ๋ย
จงสวมอาภรณ์งามตระการของเจ้าเถิด
ผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตและผู้มีมลทิน
จะไม่เข้ามาในเจ้าอีก
2 จงสะบัดฝุ่นธุลีทิ้งไป
จงลุกขึ้น นั่งบนบัลลังก์เถิด เยรูซาเล็มเอ๋ย
จงปลดโซ่ตรวนที่ล่ามคอของเจ้าเถิด
ธิดาแห่งศิโยน[b]ผู้ตกเป็นเชลย
3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เจ้าถูกขายโดยไม่มีราคาค่างวด
เจ้าก็จะได้รับการไถ่คืนมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน”
4 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า
“เดิมทีประชากรของเราลงไปอาศัยอยู่ที่อียิปต์
บัดนี้อัสซีเรียได้กดขี่ข่มเหงพวกเขา”
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “และบัดนี้เรามีอะไรที่นี่บ้าง?
“เพราะประชากรของเราถูกพาตัวไปเปล่าๆ
และผู้ครอบครองเขาก็เย้ยหยัน[c]”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“ตลอดทั้งวัน
นามของเราถูกหมิ่นประมาทอยู่เสมอ
6 ดังนั้นประชากรของเราจะรู้จักนามของเรา
เพราะฉะนั้นในวันนั้นเขาจะรู้ว่า
เราเองเป็นผู้บอกไว้ล่วงหน้า
ใช่ เป็นเราเอง”
7 เท้าของผู้นำข่าวดีมาบนภูเขา
ช่างงดงามยิ่งนัก
ผู้ประกาศสันติภาพ
ผู้แจ้งข่าวดี
ผู้ประกาศความรอด
ผู้กล่าวกับศิโยนว่า
“พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง!”
8 จงฟังเถิด! พวกยามของเจ้าส่งเสียงร้อง
ร่วมกันโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี
เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมายังศิโยน
พวกเขาจะเห็นกับตา
9 จงร่วมกันเปล่งเสียงร้องเพลงเบิกบานเถิด
ซากปรักหักพังของเยรูซาเล็มเอ๋ย
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์แล้ว
พระองค์ได้ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเผยพระกรอันบริสุทธิ์
ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งปวง
ทั่วโลกจะเห็น
ความรอดแห่งพระเจ้าของเรา
11 ไปเถิด ไปเสีย จงออกจากที่นั่น!
อย่าแตะต้องสิ่งมลทิน!
จงออกมาจากที่นั่น และรักษาตัวให้บริสุทธิ์
พวกเจ้าผู้อัญเชิญภาชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
12 แต่เจ้าจะไม่จากมาด้วยความรีบร้อน
หรือเตลิดหนีมา
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จนำหน้าเจ้า
พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงระวังหลังให้เจ้า
การทนทุกข์และสง่าราศีของผู้รับใช้
13 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทำการอย่างชาญฉลาด[d]
เขาจะได้รับการยกย่องเทิดทูนและสดุดีอย่างสูงส่ง
14 คนเป็นอันมากตื่นตะลึงเพราะเขา[e]
เพราะรูปลักษณ์ของเขาเสียโฉมไปจนไม่มีใครเหมือน
และรูปร่างของเขาก็เสียไปจนดูไม่เหมือนมนุษย์
15 เขาก็จะทำให้หลายประชาชาติตกตะลึง[f]
และเขาจะทำให้บรรดากษัตริย์ปิดปาก
เพราะพวกเขาจะเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครบอกพวกเขามาก่อน
และจะเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
53 ใครเล่าได้เชื่อถ้อยคำของเรา
และพระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำแดงแก่ผู้ใด?
2 เขาผู้นั้นเจริญขึ้นต่อหน้าพระองค์เหมือนหน่ออ่อน
และเหมือนรากที่โผล่ออกมาบนพื้นดินแห้ง
เขาไม่มีความงามหรือความโอ่อ่าตระการที่จะดึงดูดเรา
รูปลักษณ์ของเขาไม่มีอะไรชวนให้ปรารถนา
3 เขาถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง
เป็นคนเจ้าทุกข์และคุ้นเคยกับความทุกข์ทรมาน
เป็นคนที่ใครๆ เบือนหน้าหนี
เขาถูกเหยียดหยาม และเราก็ไม่นับถือเขา
4 แน่ทีเดียว เขารับความอ่อนแอทั้งหลายของเรา
และแบกรับความทุกข์โศกของเราไป
ถึงกระนั้นเรากลับถือว่าเขาถูกพระเจ้าตี
คือถูกพระองค์โบยตีและทรมาน
5 แต่เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของเรา
เขาบอบช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา
เขารับโทษทัณฑ์เพื่อเราจะมีสันติสุข
บาดแผลของเขาทำให้เราได้รับการรักษาให้หาย
6 เราทุกคนหลงเตลิดไปเหมือนแกะ
แต่ละคนหันไปตามทางของตน
และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางความชั่วช้าของเราทุกคน
ไว้บนตัวเขา
7 เขาถูกกดขี่ข่มเหงและทนทุกข์ทรมาน
แต่ก็ไม่เคยปริปากเลย
เขาถูกนำตัวไปเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า
และเหมือนแกะที่เงียบอยู่ต่อหน้าคนตัดขน
เขาก็ไม่ได้ปริปากเช่นกัน
8 เขาถูกนำตัวออกไปโดยการกดขี่ข่มเหง[g]และการพิพากษา
และใครเล่าจะพูดถึงเชื้อสายของเขาได้
เพราะเขาถูกตัดขาดจากดินแดนผู้มีชีวิต
เขาถูกตี[h]เพราะการล่วงละเมิดของประชากรของเรา
9 เขาถูกฝังในหลุมศพร่วมกับคนชั่ว
และฝังร่วมกับเศรษฐีในความตายของเขา[i]
ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยทำอะไรรุนแรง
ไม่เคยพูดคำโกหกหลอกลวง
10 ถึงกระนั้นก็เป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะบดขยี้และทำให้เขาทุกข์ทรมาน
และถึงแม้พระองค์ทรงใช้[j]ชีวิตของเขาเป็นเครื่องบูชาลบความผิด
แต่เขาจะเห็นวงศ์วานของตนและวันคืนของเขายาวนาน
พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเจริญรุ่งเรืองในมือของเขา
11 หลังจากที่ชีวิตจิตใจของเขาต้องทุกข์ทรมานแล้ว
เขาจะได้เห็นแสงสว่างแห่งชีวิต[k]และเขาจะพึงพอใจ[l]
โดยความรู้ของเขา[m]คือผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของเราจะทำให้คนเป็นอันมากกลายเป็นผู้ชอบธรรม
และเขาจะแบกความชั่วช้าของคนเหล่านั้น
12 ด้วยเหตุนี้เราจะให้เขามีส่วนแบ่งในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่[n]
และเขาจะแบ่งรางวัลกับผู้แข็งแกร่ง[o]
เนื่องจากเขายอมพลีชีวิต
และถูกนับเป็นพวกเดียวกับคนที่ล่วงละเมิด
เพราะเขาแบกรับบาปของคนเป็นอันมาก
และทูลวิงวอนเพื่อคนที่ล่วงละเมิด
5 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2 และจงดำเนินชีวิตในความรักเหมือนที่พระคริสต์ทรงรักเราทั้งหลาย และประทานพระองค์เองเพื่อเราเป็นเหมือนของถวายอันมีกลิ่นหอมและเครื่องบูชาแด่พระเจ้า
3 แต่อย่าเอ่ยถึงสิ่งที่ส่อถึงการผิดศีลธรรมทางเพศและความไม่บริสุทธิ์ใดๆ หรือความโลภในหมู่ท่านทั้งหลาย เพราะเป็นสิ่งไม่เหมาะสมสำหรับประชากรบริสุทธิ์ของพระเจ้า 4 ทั้งอย่าพูดหยาบโลนลามก เฮฮาไร้สาระ หรือตลกหยาบช้า ซึ่งไม่สมควร แต่ให้ขอบพระคุณพระเจ้าดีกว่า 5 ท่านแน่ใจได้เลยว่าคนผิดศีลธรรม คนไม่บริสุทธิ์ หรือคนโลภ คนเช่นนี้เป็นผู้กราบไหว้รูปเคารพ เขาจะไม่ได้รับมรดกใดๆ ในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า[a] 6 อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยวาจาไร้สาระ เพราะเนื่องด้วยสิ่งเหล่านั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟัง 7 ฉะนั้นอย่าเป็นหุ้นส่วนกับคนเหล่านั้นเลย
8 เพราะเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง 9 (เพราะผลของความสว่างประกอบด้วยความดีทั้งปวง ความชอบธรรมทั้งมวลและความจริงทั้งสิ้น) 10 จงหาให้พบว่าอะไรเป็นที่ชอบพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 อย่าเข้าส่วนใดๆ กับกิจกรรมของความมืดอันไร้ผล แต่จงเปิดเผยการเหล่านั้นดีกว่า 12 เพราะเพียงเอ่ยถึงสิ่งซึ่งพวกที่ไม่ยอมเชื่อฟังแอบทำกันนั้นก็ยังน่าอาย 13 แต่ทุกสิ่งที่ถูกเปิดเผยโดยความสว่างก็เห็นกันแจ่มแจ้ง 14 เนื่องจากความสว่างทำให้เห็นทุกสิ่งชัดแจ้ง ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่า
“โอ ผู้ที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น
จงฟื้นขึ้นจากความตาย
และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน”
15 เพราะฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต อย่าดำเนินชีวิตแบบคนไร้ปัญญา แต่จงดำเนินชีวิตแบบคนมีปัญญา 16 จงรู้จักใช้ทุกโอกาสเพราะเวลานี้เป็นยุคอันเลวร้าย 17 ฉะนั้นจงอย่าโง่เขลา แต่จงเข้าใจพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นเช่นใด 18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ 19 จงสนทนากันด้วยเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญและบทเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ จงร้องและบรรเลงเพลงในใจถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 20 จงขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาสำหรับทุกสิ่งอยู่เสมอในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
21 จงยอมเชื่อฟังกันและกันเนื่องด้วยใจเคารพยำเกรงพระคริสต์
สามีภรรยา(A)
22 ผู้ที่เป็นภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีเหมือนที่ยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ ทั้งพระองค์ยังทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักรด้วย 24 คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกเรื่องอย่างนั้น
25 ผู้ที่เป็นสามีจงรักภรรยาของตนเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองค์เองแก่คริสตจักร 26 เพื่อทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระ[b]ด้วยน้ำผ่านทางพระวจนะ 27 และเพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรอันงามผ่องแผ้วปราศจากมลทินหรือริ้วรอยหรือตำหนิใดๆ แต่บริสุทธิ์และไม่มีที่ติ 28 เช่นนั้นแหละสามีจึงควรรักภรรยาของตนเหมือนรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง 29 ท้ายที่สุดไม่มีใครเกลียดชังกายของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูทะนุถนอมเหมือนที่พระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร 30 เพราะเราทั้งหลายเป็นอวัยวะในพระกายพระองค์ 31 “เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะละจากบิดามารดาของตนไปผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”[c] 32 ตรงนี้เป็นความลึกลับอันลึกซึ้ง แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคริสต์กับคริสตจักร 33 อย่างไรก็ตามพวกท่านแต่ละคนต้องรักภรรยาของตนเหมือนที่รักตนเองด้วย และภรรยาก็ต้องเคารพสามีของตน
19 พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์ถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน และอับอายเพียงใด
ศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ก็อยู่ต่อหน้าพระองค์
20 การเย้ยหยันทำให้ดวงใจของข้าพระองค์ชอกช้ำร้าวราน
กลายเป็นคนสิ้นท่าอนาถา
ข้าพระองค์เหลียวหาความเห็นอกเห็นใจแต่ไม่พบเลย
มองหาคนปลอบใจ แต่ไม่มีแม้สักคน
21 พวกเขาเอาน้ำดีรสขมใส่ในอาหารของ ข้าพระองค์
และให้น้ำส้มสายชูเมื่อข้าพระองค์กระหาย
22 ขอให้สำรับที่ตั้งไว้ตรงหน้าพวกเขากลายเป็นบ่วงแร้ว
ขอให้กลายเป็นสิ่งคืนสนองและเป็น[a]กับดัก
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดมัวไป พวกเขาจะได้มองไม่เห็น
และขอให้หลังของพวกเขาค้อมลงตลอดไป
24 ขอทรงระบายพระพิโรธใส่พวกเขา
ให้พระพิโรธอันเกรี้ยวกราดตะครุบพวกเขา
25 ขอให้ที่อยู่ของพวกเขาเริศร้าง
อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่ในที่พำนักของพวกเขา
26 เพราะพวกเขาข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงโบยตี
และพูดถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงทำให้บาดเจ็บ
27 ขอทรงกล่าวโทษพวกเขา คดีแล้วคดีเล่า
อย่าให้พวกเขามีส่วนในความรอดของพระองค์
28 ขอให้คนเหล่านี้ถูกลบชื่อออกจากหนังสือแห่งชีวิต
และอย่าให้มีรายชื่อร่วมกับผู้ชอบธรรม
29 ข้าพระองค์เจ็บปวดและทนทุกข์
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความรอดซึ่งมาจากพระองค์ปกป้องข้าพระองค์ไว้
30 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยบทเพลง
และถวายเกียรติแด่พระองค์ ด้วยการขอบพระคุณ
31 สิ่งนี้จะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่าการถวายวัว
ยิ่งกว่าการถวายวัวผู้ทั้งเขาและกีบ
32 ผู้ตกทุกข์ได้ยากจะเห็นแล้วยินดี
บรรดาท่านผู้แสวงหาพระเจ้าจงเบิกบานใจ
33 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังผู้ยากไร้
และไม่ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ตกเป็นเชลย
34 ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทั้งทะเลและสรรพสิ่งในทะเล จงสรรเสริญพระองค์
35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยกู้ศิโยน
และจะทรงสร้างเมืองต่างๆ ของยูดาห์ขึ้นใหม่
แล้วเหล่าประชากรจะตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์
36 ลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับดินแดนเป็นมรดก
บรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอาศัยอยู่ที่นั่น
คำสอนที่
7 สติปัญญาอยู่สูงเกินเอื้อมสำหรับคนโง่
เขาไม่ควรเปิดปากพูดในที่ประชุมที่ประตูเมือง
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.