Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 43:14-45:10

พระเมตตาของพระเจ้า

และความไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอล

14 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของเจ้า
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งกองทัพไปยังบาบิโลน
ทำให้ชาวบาบิโลน[a]ทั้งหลายกลายเป็นเชลย
ในเรือซึ่งพวกเขาเคยภาคภูมิใจ
15 เราคือพระยาห์เวห์องค์บริสุทธิ์ของเจ้า
พระผู้สร้างของอิสราเอลและกษัตริย์ของเจ้า”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างทางผ่านทะเล
ทำทางผ่านห้วงน้ำอันทรงพลัง
17 ผู้ทรงนำรถม้าศึกและม้า
นำกองทัพและแสนยานุภาพต่างๆ มาด้วยกัน
ทำให้พวกเขานอนจมอยู่ที่นั่น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก
สูญสิ้นดับไปเหมือนไส้ตะเกียง
18 ตรัสว่า “จงลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
อย่าฝังใจกับอดีต
19 ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่!
มันเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?
เรากำลังสร้างทางในถิ่นกันดาร
และสายธารต่างๆ ในที่แห้งแล้ง
20 สัตว์ป่าทั้งหลายเช่นหมาใน นกเค้าแมว
ต่างยกย่องเรา
เพราะเราให้น้ำในถิ่นกันดาร
ให้สายธารในที่แห้งแล้ง
เพื่อจะให้น้ำดื่มแก่ประชากรที่เราเลือกสรรไว้
21 ประชากรที่เราได้ปั้นไว้สำหรับเรา
เพื่อพวกเขาจะประกาศเกียรติภูมิของเรา

22 “ถึงกระนั้นยาโคบเอ๋ย เจ้าก็ไม่ได้เรียกหาเรา
อิสราเอลเอ๋ย เจ้าไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อเรา
23 เจ้าไม่ได้ถวายแกะเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา
เจ้าไม่ได้ให้เกียรติเราด้วยเครื่องบูชาของเจ้า
เราไม่ได้วางภาระเรื่องธัญบูชาแก่เจ้า
หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะเรื่องเครื่องหอม
24 เจ้าไม่ได้ซื้อเครื่องหอมมาให้เรา
ทั้งไม่ได้ทำให้เราพอใจด้วยไขมันเผาบูชา
แต่เจ้าได้วางภาระเรื่องบาปของเจ้าแก่เรา
และทำให้เราเอือมระอาด้วยการละเมิดทั้งหลายของเจ้า

25 “เรานี่แหละ
คือผู้ที่ลบล้างการล่วงละเมิดของเจ้าเพื่อเห็นแก่เราเอง
และจะไม่จดจำบาปของเจ้าอีกต่อไป
26 จงรื้อฟื้นอดีตเพื่อเรา ให้เรามาโต้กันเถิด
จงแถลงความมา เพื่อจะพิสูจน์ว่าเจ้าพ้นข้อกล่าวหา
27 ต้นตระกูลของเจ้าทำบาป
ผู้นำของเจ้าทรยศเรา
28 ฉะนั้นเราจะหยามผู้สูงศักดิ์ประจำวิหารของเจ้า
เราจะมอบยาโคบให้ถูกทำลายย่อยยับ[b]
และปล่อยอิสราเอลให้เป็นที่ดูหมิ่น

อิสราเอลที่ทรงเลือกสรรไว้

44 “แต่บัดนี้ จงฟังเถิด ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
อิสราเอลผู้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงปั้นเจ้า ผู้ทรงสร้างเจ้าไว้ในครรภ์
ผู้จะทรงช่วยเหลือเจ้า ตรัสดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูนซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
เพราะเราจะเทน้ำลงบนดินที่แตกระแหง
ให้มีธารน้ำบนพื้นดินที่แห้งผาก
เราจะเทวิญญาณของเราลงเหนือวงศ์วานของเจ้า
และเทพรของเราให้ลูกหลานของเจ้า
พวกเขาจะงอกงามเหมือนหญ้าในทุ่งกว้าง
เหมือนต้นปอปลาร์ริมธารน้ำ
คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า ‘ฉันเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
อีกคนหนึ่งจะเรียกตัวเองตามชื่อของยาโคบ
ส่วนอีกคนจะเขียนที่มือของตนว่า ‘เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
และจะใช้ชื่ออิสราเอล

องค์พระผู้เป็นเจ้า

“พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นองค์กษัตริย์และพระผู้ไถ่ของอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า
เราเป็นปฐมและอวสาน
นอกเหนือจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด
ใครเล่าเสมอเหมือนเรา? ให้เขาประกาศออกมา
ให้เขาประกาศและแจกแจงต่อหน้าเรา
ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับตั้งแต่เราสถาปนาประชากรเก่าแก่ของเรา
และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ให้เขาพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
อย่ากลัวเลย อย่าสั่นสะท้าน
เราไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และทำนายไว้เมื่อนานมาแล้วหรอกหรือ?
เจ้าเป็นพยานของเรา มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ?
ไม่มีเลย ไม่มีพระศิลาอื่นใดอีก เราไม่รู้จักสักองค์เดียว”

บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็ไร้ค่า
สิ่งต่างๆ ที่เขาเทิดทูนก็เปล่าประโยชน์
บรรดาผู้ออกรับแทนพวกเขาก็ตาบอด
พวกเขาโง่เง่าและต้องอับอาย
10 ใครปั้นเทวรูป ใครหล่อรูปเคารพ
ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ตน?
11 เขากับพรรคพวกจะต้องอัปยศอดสู
ช่างฝีมือก็เป็นแค่มนุษย์
ให้พวกเขามาชุมนุมกัน ยืนอยู่ในที่ของตน
พวกเขาจะถูกทำให้ตกลงไปในความสยดสยองและความเสื่อมเสีย

12 ช่างเหล็กหยิบเครื่องมือ
ง่วนอยู่กับรูปเคารพในเตาเผา
เขาใช้ค้อนแต่งเทวรูป
ทุบสุดกำลังแขน
เขาหิวและหมดกำลัง
เขาไม่ได้ดื่มน้ำและหมดแรง
13 ช่างไม้ขึงเชือกวัด
ทำโครงสร้างหยาบๆ
ใช้กบไส
เอาวงเวียนขีด
แต่งให้เป็นรูปคน
มีลักษณะงามครบถ้วนอย่างมนุษย์
ให้อยู่ในสถานบูชา
14 เขาโค่นสนซีดาร์ลง
บางทีก็ใช้สนไซเปรสหรือต้นโอ๊ก
เขาปล่อยให้มันโตขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่า
บางทีก็ปลูกสน และฝนทำให้มันเติบโตขึ้น
15 มันเป็นฟืนให้คนเผา
บางส่วนเขานำมาใช้ผิงกาย
เขาจุดไฟปิ้งขนมปัง
แต่ที่เหลือจากนั้นก็เอามาตกแต่งเป็นเทพเจ้าและนมัสการมัน
เขาสร้างให้เป็นรูปเคารพและก้มกราบมัน
16 เขาใช้ไม้ครึ่งหนึ่งก่อไฟ
เตรียมอาหารย่างเนื้อกินจนอิ่ม
ทั้งใช้ผิงกายและพูดว่า
“เออ! อุ่นดี ข้าเห็นไฟแล้ว”
17 ส่วนที่เหลือเขาใช้ทำเทวรูป เป็นรูปเคารพของเขา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการมัน
เขาอธิษฐานต่อมันว่า
“ช่วยลูกด้วย เทพเจ้าของลูก”
18 พวกเขาไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจอะไร
ตาของเขาถูกปิดจึงมองไม่เห็น
ใจของเขาก็ถูกบังจึงไม่อาจเข้าใจ
19 ไม่มีใครหยุดเพื่อคิด
ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจที่จะพิเคราะห์ว่า
“เราใช้ไม้ครึ่งหนึ่งทำฟืน
เราปิ้งขนมปังบนถ่านไม้
เราย่างเนื้อกิน
ควรหรือที่เราจะเอาไม้ส่วนที่เหลือมาทำสิ่งที่น่าเกลียดชัง?
ควรหรือที่เราจะหมอบกราบลงตรงหน้าท่อนไม้?”
20 เขายังชีพด้วยขี้เถ้า จิตใจที่ลุ่มหลงนำเขาหลงเจิ่นไป
เขาไม่อาจช่วยเหลือตัวเองหรือพูดว่า
“สิ่งที่อยู่ในมือขวาของเรานี้เป็นสิ่งหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”

21 “ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้
อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้สร้างเจ้ามา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กวาดล้างการละเมิดของเจ้าออกไปเหมือนเมฆ
ได้ลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอกยามเช้า
จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”

23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำการนี้
โลกเอ๋ย จงโห่ร้องให้กึกก้อง
จงร้องเพลงเถิด ภูเขาทั้งหลาย
ทั้งป่าไม้และพฤกษ์ไพรทั้งปวง
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบแล้ว
พระองค์ทรงสำแดงพระเกียรติสิริในอิสราเอล

เยรูซาเล็มจะมีผู้อยู่อาศัย

24 “พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้ได้ทรงปั้นเจ้าในครรภ์มารดาตรัสดังนี้ว่า

“เราคือพระยาห์เวห์
ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง
เราแต่ผู้เดียวคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เราเองเป็นผู้กางแผ่นดินโลกออก
25 ผู้ทรงทำลายหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะเท็จ
และทำให้นักทำนายกลายเป็นคนโง่เง่า
ผู้ทรงคว่ำความรอบรู้ของคนฉลาด
และทรงเปลี่ยนมันเป็นสิ่งไร้สาระ
26 ผู้ประทานถ้อยคำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และให้การคาดคะเนต่างๆ ของทูตของพระองค์กลายเป็นจริง

“ผู้ทรงกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีผู้อยู่อาศัย’
ทรงกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
และทรงกล่าวถึงความหายนะของพวกเขาว่า ‘เราจะฟื้นฟูขึ้นใหม่’
27 ผู้ทรงกล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งไป
และเราจะทำให้สายธารทั้งหลายของเจ้าแห้งเหือด’
28 ผู้ทรงกล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
และจะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่เราพอใจ
เขาจะกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “ให้สร้างมันขึ้นใหม่”
และกล่าวถึงพระวิหารว่า “ให้วางฐานรากของมัน” ’

45 “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าถึงไซรัสผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
ผู้ซึ่งทรงยึดไว้ด้วยพระหัตถ์ขวา
ให้พิชิตชนชาติต่างๆ ตรงหน้า
และทำลายแสนยานุภาพของเหล่ากษัตริย์
เป็นผู้เปิดประตูซึ่งอยู่ตรงหน้า
เพื่อไม่ให้มีประตูใดถูกปิดไว้
เราจะนำหน้าเจ้าไป
และปราบภูเขา[c]ทั้งหลายให้ราบ
เราจะทลายประตูทองสัมฤทธิ์
และตัดลูกกรงเหล็ก
เราจะยกสมบัติที่ซ่อนไว้ในความมืด
ขุมทรัพย์ในที่เร้นลับให้แก่เจ้า
เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์
พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้เรียกเจ้ามาตามชื่อของเจ้า
เพื่อเห็นแก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลซึ่งเราเลือกสรรไว้
เราจึงเรียกเจ้ามาตามชื่อของเจ้า
และมอบตำแหน่งอันทรงเกียรติแก่เจ้า
แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักเรา
เราคือพระยาห์เวห์ ไม่มีใครอื่น
นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใด
เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้น
แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักเรา
เพื่อจากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
จดที่ดวงอาทิตย์ตก
มนุษย์จะรู้ว่าไม่มีใครอื่นนอกจากเรา
เราคือพระยาห์เวห์ ไม่มีใครอื่น
เรากำหนดความสว่างและสร้างความมืด
เรานำความเจริญและบันดาลภัยพิบัติ
เรา พระยาห์เวห์ทำสิ่งทั้งปวงนี้

“ฟ้าสวรรค์เบื้องบนจงหลั่งรินความชอบธรรมลงมา
หมู่เมฆต่างๆ จงโปรยปรายความชอบธรรมลงมา
โลกจงเปิดกว้าง
ให้ความรอดผุดขึ้นมา
และให้ความชอบธรรมงอกงามไปด้วยกัน
เรา พระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งเหล่านี้

“วิบัติแก่ผู้ที่โต้เถียงกับพระผู้สร้างของเขา
เขาเป็นเพียงเศษหม้อดินชิ้นหนึ่งที่กองอยู่บนพื้น
ดินเหนียวจะพูดกับช่างปั้นได้หรือว่า
‘ท่านกำลังทำอะไร?’
หม้อดินจะกล่าวได้หรือว่า
‘ใบนั้นไม่มีหูหิ้ว’?
10 วิบัติแก่ผู้ที่กล่าวกับบิดาของตนว่า
‘ท่านให้กำเนิดอะไร?’
หรือกล่าวกับมารดาว่า
‘ท่านได้คลอดอะไรมา?’

เอเฟซัส 3

พันธกิจของเปาโลเพื่อคนต่างชาติ

ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์เพื่อท่านผู้เป็นคนต่างชาติ

แน่ทีเดียวท่านทั้งหลายย่อมได้ยินถึงภารกิจแห่งพระคุณของพระเจ้าซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าเพื่อท่านแล้ว อันได้แก่ข้อล้ำลึกซึ่งทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้อย่างย่อๆ เมื่อท่านอ่านแล้วจะสามารถเข้าใจถึงความรู้แจ้งของข้าพเจ้าในข้อล้ำลึกของพระคริสต์ ซึ่งในยุคก่อนๆ ไม่ได้ทรงเปิดเผยแก่มนุษย์เหมือนที่บัดนี้ทรงสำแดงโดยพระวิญญาณแก่เหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ข้อล้ำลึกนี้คือ โดยทางข่าวประเสริฐนั้นคนต่างชาติก็เป็นทายาทร่วมกับชนอิสราเอล เป็นอวัยวะร่วมในกายเดียวกันและเป็นผู้มีส่วนร่วมในพระสัญญาในพระเยซูคริสต์

ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนี้โดยพระคุณซึ่งพระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าผ่านทางการทำงานของฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แม้ข้าพเจ้าต่ำต้อยกว่าผู้เล็กน้อยที่สุดในประชากรทั้งหมดของพระเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้รับพระคุณนี้ คือได้ประกาศแก่คนต่างชาติถึงความไพบูลย์อันสุดจะหยั่งได้ของพระคริสต์ และได้แสดงให้คนทั้งปวงเห็นถึงภารกิจแห่งข้อล้ำลึกนี้อย่างชัดเจน ซึ่งตลอดยุคที่ผ่านๆ มาได้ถูกปิดซ่อนไว้ในพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง 10 เพื่อบัดนี้เหล่าเทพผู้ครองและเทพผู้ทรงอำนาจในสวรรคสถานจะได้เห็นถึงพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักร 11 ตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 12 ในพระองค์และโดยความเชื่อในพระองค์เราจึงเข้ามาหาพระเจ้าได้ด้วยเสรีภาพและความมั่นใจ 13 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอท่านอย่าท้อใจเนื่องด้วยความทุกข์ยากของข้าพเจ้าเพื่อพวกท่าน ซึ่งเป็นสง่าราศีของท่าน

ทูลอธิษฐานเพื่อพี่น้องชาวเอเฟซัส

14 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลงต่อหน้าพระบิดา 15 ผู้ทรงเป็นที่มาของนามแห่งตระกูลทั้งมวลของพระองค์[a]ในสวรรค์และในแผ่นดินโลก 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าจากความไพบูลย์อันทรงเกียรติสิริของพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นด้วยฤทธานุภาพผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ที่อยู่ภายในท่าน 17 เพื่อพระคริสต์จะสถิตในใจของท่านโดยทางความเชื่อ และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าเมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นคงในความรักแล้ว 18 ตัวท่านพร้อมกับประชากรทั้งหมดของพระเจ้าจะได้สามารถหยั่งถึงความรักของพระคริสต์ว่ากว้างยาวสูงลึกปานใด 19 และซาบซึ้งในความรักนี้ซึ่งเหนือกว่าความรู้ เพื่อท่านจะบริบูรณ์ด้วยความสมบูรณ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า

20 บัดนี้ขอเทิดพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงสามารถกระทำเกินกว่าที่เราจะทูลขอหรือคาดคิดได้ตามฤทธานุภาพของพระองค์ซึ่งกระทำการอยู่ภายในเรา 21 ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุสืบๆ ไปเป็นนิตย์! อาเมน

สดุดี 68:1-18

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด บทเพลง)

68 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น ขอให้ศัตรูของพระองค์แตกฉานซ่านเซ็นไป
ขอให้ข้าศึกพ่ายหนีไปต่อหน้าพระองค์
ขอทรงไล่พวกเขาไปดั่งลมไล่ควัน
ขอให้คนชั่วร้ายพินาศไปต่อหน้าพระเจ้าดั่งขี้ผึ้งถูกไฟลน
แต่ขอให้คนชอบธรรมเปรมปรีดิ์
และชื่นชมยินดีต่อหน้าพระเจ้า
ขอให้พวกเขาผาสุกและชื่นบาน

จงร้องเพลงถวายพระเจ้า ร้องเทิดทูนพระนามพระองค์
แซ่ซ้องพระองค์ผู้เสด็จมาเหนือหมู่เมฆ[a]
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ จงชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
บิดาของลูกกำพร้าพ่อและผู้ปกป้องของหญิงม่าย
คือองค์พระเจ้าในที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์
พระเจ้าทรงให้ผู้ว้าเหว่เดียวดายเข้าอยู่ในครอบครัว[b]
พระองค์ทรงนำผู้ถูกจองจำออกมาด้วยการร้องเพลง
แต่คนที่ชอบกบฏต้องใช้ชีวิตในดินแดนที่แห้งแล้งแตกระแหง

ข้าแต่พระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำหน้าเหล่าประชากรของพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงยาตราผ่านถิ่นกันดาร
เสลาห์
แผ่นดินโลกก็สะเทือนเลื่อนลั่น
และฟ้าสวรรค์ก็เทฝนลงมา
ต่อหน้าพระเจ้า เอกองค์แห่งภูเขาซีนาย
ต่อหน้าพระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานฝนอันอุดม
ให้ความชุ่มชื่นแก่มรดกที่อ่อนล้าของพระองค์
10 ข้าแต่พระเจ้า ประชากรของพระองค์ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
พระองค์ประทานแก่ผู้อัตคัดแร้นแค้นจากความอุดมสมบูรณ์ของพระองค์

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศพระวจนะ
มหาชนร่วมกันป่าวร้องแจ้งข่าว
12 “บรรดากษัตริย์และกองทัพรีบหนีเตลิดไปแล้ว
ผู้คนแบ่งของที่ริบได้กันในค่าย
13 แม้ในขณะที่ท่านนอนอยู่ท่ามกลางฝูงแกะ[c]
ปีกนกพิราบของเราก็อาบด้วยเงิน
และขนก็อร่ามด้วยทองคำ”
14 เมื่อองค์ทรงฤทธิ์กระทำให้บรรดากษัตริย์ในดินแดนนั้นกระจัดกระจายไป
ก็เปรียบเหมือนหิมะตกบนภูเขาศัลโมน

15 ขุนเขาแห่งบาชานตั้งตระหง่าน
ยอดต่างๆ ลดหลั่นตลอดแนวเทือกเขา
16 เทือกเขาลดหลั่นเอ๋ย เหตุใดจึงจ้องดู
ภูเขาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือก
เป็นที่ประทับอย่างริษยา?
17 ราชรถของพระเจ้ามีนับหมื่นนับแสน
องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาจากภูเขาซีนาย
เข้าสู่สถานนมัสการของพระองค์
18 เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง
พระองค์ทรงนำเชลยไปด้วย
พระองค์ทรงรับของถวายจากมนุษย์
แม้แต่จาก[d]คนที่ชอบกบฏ
ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ เพื่อพระองค์[e]จะประทับที่นั่น

สุภาษิต 24:1-2

คำสอนที่

24 อย่าอิจฉาคนชั่ว
อย่าปรารถนาจะเป็นเพื่อนเขา
เพราะใจของเขาคิดวางแผนทารุณ
และเอ่ยปากถึงการก่อความเดือดร้อน

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.