Bible in 90 Days
พระยาห์เวห์พูดจริงทำจริง
21 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 22 “เจ้าลูกมนุษย์ ทำไมคนที่อยู่ในแผ่นดินอิสราเอลถึงได้ยกสุภาษิตนี้ขึ้นมา ที่ว่า
‘วันเวลาผ่านพ้นไป
นิมิตทั้งหลายไม่เห็นเกิดขึ้น’
23 ดังนั้นให้บอกกับคนพวกนั้นว่า พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘เราจะทำให้สุภาษิตนี้สิ้นสุดลง ผู้คนในอิสราเอลจะไม่อ้างสุภาษิตนี้อีกต่อไป’ แต่ให้เจ้าบอกพวกเขาถึงสุภาษิตอีกอันหนึ่งว่า
‘วันเวลานั้นมาถึงแล้ว
นิมิตทั้งหลายจะเกิดขึ้น’
24 จะไม่มีนิมิตจอมปลอมหรือนักเวทมนตร์ที่หลอกลวงในหมู่ประชาชนอิสราเอลอีกต่อไป 25 เพราะเรา ยาห์เวห์จะเป็นผู้ที่ออกคำสั่งเอง และสิ่งที่เราพูดนั้นจะเกิดขึ้น มันจะไม่ล่าช้าอีกต่อไป เพราะในช่วงชีวิตของพวกเจ้าครอบครัวที่ชอบกบฏ เราจะเป็นคนออกคำสั่งเอง และเราจะทำให้มันเกิดขึ้น” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดไว้ว่าอย่างนั้น
26 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 27 “เจ้าลูกมนุษย์ ครอบครัวของอิสราเอลพูดว่า ‘นิมิตที่เขาเห็นนั้นมันเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า เขากำลังทำนายเกี่ยวกับวันเวลาอันยาวไกล’ 28 ดังนั้นให้บอกกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘ไม่มีคำพูดใดของเราที่จะรีรอชักช้าอีกต่อไป เราพูดอะไร มันก็จะเกิดขึ้น’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมจะถูกลงโทษ
13 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมพวกนั้น ที่อ้างว่าพูดแทนเราอยู่ในอิสราเอล ให้พูดต่อต้านคนพวกนั้นที่แกล้งทำเป็นพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็พูดตามจินตนาการของพวกมันเอง บอกกับพวกมันว่า ‘ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี 3 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกโง่เง่าที่อ้างว่าพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็แค่พูดตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ได้เห็นนิมิตจากพระเจ้าจริง
4 ชาวอิสราเอลเอ๋ย คนเหล่านั้นที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ที่อ้างว่าพูดแทนเรา เป็นเหมือนหมาไน[a] ท่ามกลางซากปรักหักพัง 5 พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปเพื่อปกป้องเมืองตรงช่องโหว่ของกำแพง[b] และไม่ได้ซ่อมกำแพงให้กับครอบครัวของอิสราเอล เพื่อจะยืนหยัดต่อต้านสงครามไว้ได้ในวันที่พระยาห์เวห์แสดงความโกรธออกมา
6 นิมิตของพวกมันเป็นของปลอม และคำทำนายของพวกมันเป็นเรื่องโกหก พวกมันอ้างว่า สิ่งที่พวกมันพูดนั้นเป็นคำพูดของพระยาห์เวห์ พวกมันคาดหวังว่าพระองค์จะทำให้คำทำนายของพวกมันเกิดขึ้นจริง ทั้งๆที่พระองค์ไม่เคยส่งพวกมันมาเลย 7 พวกเจ้าทั้งหลายที่อ้างว่าพูดแทนเรา พวกเจ้าเห็นนิมิตจอมปลอม และทำนายเท็จ ไม่ใช่หรือ ตอนที่อ้างว่า “พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้” ทั้งๆที่เราไม่ได้พูดกับพวกเจ้าเลย’”
8 ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราต่อต้านพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าพูดโกหกและอ้างว่าเห็นนิมิต” นั่นแหละคือคำพูดของพระยาห์เวห์
9 พระยาห์เวห์พูดว่า “มือของเราจะต่อต้านพวกเจ้าที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่บอกว่าเห็นนิมิต และพวกหมอดูที่กุเรื่องโกหกขึ้นมา คนพวกนี้จะถูกแยกออกจากสภาที่ประชุมของเรา ชื่อของพวกมันจะไม่ได้รับการบันทึกไว้ในสมุดของครอบครัวอิสราเอล และพวกมันจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินอิสราเอล แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือ ยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต
10 สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เพราะพวกมันทำให้คนของเราหลงผิด พวกมันพูดว่า ‘ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี’ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย มันเหมือนกับประชาชนสร้างกำแพงแบบชุ่ยๆแล้วพวกที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้าพวกนี้ เอาปูนขาวมาฉาบให้ดูดี 11 ให้บอกกับคนฉาบปูนพวกนี้ว่า งานของพวกเขาจะต้องพังทลายลง เพราะเราจะส่งพายุฝน และลูกเห็บซัดกระหน่ำลงมา พร้อมกับลมพายุอย่างหนักที่จะพัดกำแพงให้พังลง 12 เมื่อกำแพงถล่มลงมา ผู้คนจะถามพวกมันว่า ‘ทำไมปูนขาวที่ท่านฉาบไว้ไม่ช่วยอะไรเลยล่ะ’” 13 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะใช้ลมพายุที่รุนแรงนี้ ทำให้กำแพงแตกด้วยความเดือดดาลของเรา เราจะเทฝนกระหน่ำลงมาทำให้กำแพงสึกกร่อนด้วยความโกรธของเรา เราจะส่งลูกเห็บลงมาจัดการมันให้ราบเรียบด้วยความเดือดดาลของเรา
14 ดังนั้นเราจะทำลายกำแพงที่เจ้าได้ฉาบปูนขาวไว้นั้น เราจะทำลายมันให้ราบเป็นหน้ากลอง จนมองเห็นฐานรากของมัน และเมื่อมันล้มลง เจ้าจะถูกทำลายภายในกำแพงนั้น และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
15 ด้วยวิธีนั้น เราจะได้ระบายความโกรธของเราออกมาลงบนกำแพงและลงบนคนเหล่านั้นที่ฉาบปูนขาวทับมัน เราจะบอกกับเจ้าว่า ‘กำแพงไม่มีแล้ว และพวกคนฉาบปูนขาวนั้นหายไปแล้ว’
16 สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับคนพวกนี้ของอิสราเอลที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่ทำนายให้กับเมืองเยรูซาเล็ม และเห็นนิมิตว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้แหละ
17 และตอนนี้ “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันไปดูผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ท่ามกลางคนของเจ้า พวกนางได้ทำนายตามจินตนาการของตัวเอง ให้เจ้าพูดแทนเราต่อต้านพวกนางว่า 18 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่เย็บผ้าไสยศาสตร์ไว้พันข้อมือให้กับทุกๆคน น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่ทำผ้าไสยศาสตร์ไว้คลุมหน้าหลายๆขนาด เพื่อล่าชีวิตคน เจ้าคิดว่าเจ้าจะล่าชีวิตคนของเรา แล้วตัวเจ้าเองจะรอดชีวิตไปได้หรือ 19 เจ้าทำให้คนของเราดูถูกเหยียดหยามเรา เพราะเจ้าพูดโกหกเป่าหูคนของเราที่ชอบฟังคำโกหกอยู่แล้ว เจ้าทำสิ่งนี้เพื่อแลกกับข้าวบาร์เลย์สองสามกำมือและขนมปังไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เจ้าทำให้คนที่ไม่สมควรตาย ต้องมาตาย และทำให้คนที่สมควรตาย ยังมีชีวิตอยู่ 20 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับพวกเจ้า “ดูนะ เราต่อต้านผ้าไสยศาสตร์ที่พันข้อมือของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าใช้ล่าชีวิตคนเหมือนกับล่านก เราจะฉีกมันจากแขนของพวกเจ้า และปล่อยให้คนเหล่านั้นเป็นอิสระ คือคนเหล่านั้นที่เจ้าได้ล่าเหมือนล่านก 21 เราจะฉีกผ้าคลุมหน้าของพวกเจ้าออก และช่วยชีวิตคนของเราจากอำนาจของเจ้า พวกเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อของเจ้าอีกต่อไป แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
22 เจ้าได้หลอกลวงคนดีๆให้หมดกำลังใจ แต่เราไม่อยากให้พวกเขาหมดกำลังใจ แถมเจ้ายังไปให้กำลังใจกับคนชั่วไม่ให้พวกเขากลับใจ ถ้าเขากลับใจก็จะมีชีวิตต่อไป
23 ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้อ้างว่าเห็นนิมิตอีกต่อไป และจะไม่ได้กุเรื่องเวทมนตร์ของเจ้าขึ้นมาอีก เราจะช่วยกู้คนของเราจากอำนาจของเจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์’”
คนดีๆก็ไม่สามารถหยุดพระเจ้าจากการลงโทษเยรูซาเล็มได้
14 แล้วพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลบางคนได้มาหาผม และมานั่งอยู่ต่อหน้าผม 2 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มาถึงผมว่า 3 “เจ้าลูกมนุษย์ คนพวกนี้ยังมีรูปเคารพขี้ๆพวกนั้นอยู่ในใจ และพวกเขายังวางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสะดุดไปทำบาปไว้ต่อหน้าพวกเขา อย่างนี้แล้ว เราควรจะยอมให้พวกมันเข้ามาขอคำปรึกษาจากเราอีกหรือ 4 ดังนั้น ไม่ว่าอิสราเอลหน้าไหนก็ตามที่ยังหลงรักรูปเคารพขี้ๆพวกนั้นอยู่ในใจ และวางสิ่งนั้นที่ทำให้พวกเขาสะดุดไปทำบาปไว้ต่อหน้า แต่ยังมาขอคำปรึกษาจากผู้พูดแทนเราคนหนึ่ง เรา ยาห์เวห์ จะย้อนตอบเขาให้สาสม เพราะเขามีรูปเคารพมากมาย 5 เราจะทำอย่างนี้กับครอบครัวของอิสราเอล เพื่อยึดครองใจของพวกเขา พวกรูปเคารพขี้ๆทั้งหมดของเขาได้แยกพวกเขาจากเรา 6 ดังนั้นให้บอกกับครอบครัวอิสราเอลว่า
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘ให้หันไปจากรูปเคารพขี้ๆทั้งหมดนั้น ให้เมินหน้าไปจากรูปเคารพที่น่าขยะแขยงพวกนั้นที่เราเกลียด และกลับมาหาเราเถอะ 7 ถ้ามีชาวอิสราเอลหรือชาวต่างชาติคนใด ที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลได้แยกตัวเองไปจากเราและเอารูปเคารพขี้ๆเหล่านั้นไว้ในใจ หรือวางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสะดุดไปทำบาป ไว้ต่อหน้าพวกเขา แล้วยังมาหาผู้พูดแทนเราคนหนึ่ง เพื่อขอคำปรึกษาจากเรา เราเองจะตอบพวกมัน 8 เราจะหันหน้าต่อต้านคนนั้น และทำให้เขาเป็นตัวอย่างแห่งความล้มเหลวและตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน เราจะตัดเขาออกจากประชาชนของเรา แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
9 และถ้ามีผู้พูดแทนเราบางคนโง่ถึงขนาดไปให้คำตอบกับคนอย่างนั้น เรายาห์เวห์ ก็จะแสดงให้ผู้พูดแทนเราคนนั้นเห็นว่า ตัวเขาเองนั้นโง่ขนาดไหน[c] เราจะยื่นมือของเราออกมาทำลายเขาไปจากคนอิสราเอลของเรา
10 ดังนั้น ผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น ก็จะต้องรับโทษอย่างเดียวกับคนชั่วพวกนั้นที่มาขอคำปรึกษาจากเราผ่านทางเขา
11 เราจะลงโทษพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้น เพื่อคนอิสราเอลจะได้ไม่หลงไปจากเราอีกแล้ว และจะได้ไม่แปดเปื้อนไปกับการกบฏของพวกเขาอีก แล้วพวกเขาจะเป็นคนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
12 หลังจากนั้นถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 13 “เจ้าลูกมนุษย์ สมมุติว่ามีประเทศหนึ่งที่ทำบาปต่อเรา โดยไม่จงรักภักดีต่อเรา และเราได้ลงโทษมัน ด้วยการตัดเสบียงอาหาร และส่งความอดอยากมา และฆ่าทั้งคนและสัตว์ของมัน 14 ถึงแม้ โนอาห์[d] ดาเนียล[e] และโยบ[f] จะอยู่ท่ามกลางพวกเขา สามคนนี้ก็จะช่วยกู้ได้แต่ชีวิตของตัวเองเท่านั้น เพราะพวกนี้ทำตามใจเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดไว้ว่าอย่างนั้น
15 “หรือเราอาจจะส่งสัตว์ป่าที่ดุร้ายเข้าไปฆ่าคนในแผ่นดินนั้นจนหมด ทำให้แผ่นดินนั้นกลายเป็นที่รกร้างที่ไม่มีใครกล้าผ่านไป เพราะสัตว์ร้ายเหล่านั้น 16 เรา ยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต จะบอกว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า แม้ถ้า โนอาห์ ดาเนียล และโยบ จะอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย แม้แต่ลูกชายลูกสาวของพวกเขาเอง มีแต่ตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่จะรอด และแผ่นดินนั้นจะกลายเป็นที่รกร้าง
17 หรือเราอาจจะนำดาบเข้ามาทำลายแผ่นดินนั้นก็ได้ กองทัพของศัตรูจะบุกเข้ามาฆ่าทั้งคนและสัตว์ในแผ่นดินนั้น 18 เรา ยาห์เวห์ ผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตจะบอกว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ถึงโนอาห์ ดาเนียล และโยบ จะอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยใครให้รอดได้ แม้แต่ลูกชายและลูกสาวของพวกเขาเอง มีแต่ตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่จะรอด
19 หรือเราอาจจะส่งโรคระบาดเข้าไปในแผ่นดินนั้นก็ได้ เราจะทำให้แผ่นดินนั้นได้รู้สึกถึงความโกรธของเราเต็มๆ เราจะฆ่าทั้งคนและสัตว์ 20 เรา ยาห์เวห์ ผู้เป็นองค์เจ้าชีวิต บอกว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ถึงโนอาห์ ดาเนียล และโยบจะอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยใครได้เลย แม้แต่ลูกชายและลูกสาวของตัวเอง พวกเขาจะช่วยได้แต่ชีวิตของตัวพวกเขาเองเท่านั้น เพราะพวกเขาทำตามใจเรา”
21 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“มันจะยิ่งแน่กว่านั้นอีกในกรณีของเยรูซาเล็มนี้ ว่าจะไม่มีใครสามารถช่วยได้ เมื่อเราส่งการลงโทษอันโหดร้ายสี่อย่างนี้มา คือ ดาบ ความอดอยาก สัตว์ป่าที่ดุร้าย และโรคระบาด ให้เกิดกับพวกเขา เพื่อกำจัดทั้งคนและสัตว์ในแผ่นดินนี้ 22 แต่ไม่น่าเชื่อ จะยังมีบางคนรอดชีวิต แล้วพวกเขาจะพาลูกชายลูกสาวหนีออกมา พวกเขาจะออกมาหาเจ้า แล้วเมื่อเจ้าสังเกตดูชีวิตของพวกเขาและสิ่งชั่วๆที่พวกเขาทำ เจ้าจะได้รู้สึกดีขึ้น เกี่ยวกับความหายนะที่เราทำให้เกิดขึ้นในเยรูซาเล็ม และเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ที่เรานำมาสู่พวกเขา
23 เมื่อเจ้าเห็นว่าพวกเขาใช้ชีวิตยังไง และเห็นความชั่วร้ายต่างๆที่พวกเขาทำ เจ้าจะได้รู้สึกดีขึ้น และจะได้รู้ว่าเรามีเหตุผลที่ได้ทำสิ่งทั้งหมดนั้นกับพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ชาวอิสราเอลไร้ประโยชน์เหมือนไม้จากเถาองุ่น
15 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ในไม้ทุกชนิด เกิดอะไรขึ้นกับไม้ของเถาองุ่น[g] ซึ่งถือว่าเป็นไม้ชนิดหนึ่ง 3 เคยมีช่างคนไหนใช้กิ่งองุ่นไปสร้างอะไรไหม หรือมีใครเคยเอากิ่งองุ่นไปทำหมุดแขวนข้าวของเครื่องใช้บ้างไหม 4 ไม้นั้นเอาไปเป็นฟืนเผาไฟได้ และไฟได้เผาปลายทั้งสองของมันและได้ไหม้ไปถึงแก่นของมัน มันยังจะไปใช้ทำอะไรได้อีกหรือ 5 ขนาดตอนที่มันยังดีๆอยู่ ช่างยังเอามาใช้ทำอะไรไม่ได้เลย แล้วตอนนี้มันไหม้แล้ว ยิ่งใช้ไม่ได้ใหญ่”
6 ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราใช้เถาองุ่นเป็นฟืนสำหรับเผาไฟมากกว่าใช้ไม้ชนิดอื่นๆยังไง เราก็จะทำกับพลเมืองของเยรูซาเล็มอย่างนั้นเหมือนกัน 7 เราจะหันหน้าของเราต่อต้านพวกเขา บางคนอาจจะหนีรอดจากไฟหนึ่ง แต่ก็ยังจะถูกอีกไฟหนึ่งเผาจนหมดอยู่ดี เมื่อเราต่อต้านพวกเขา เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 8 เราจะทำให้แผ่นดินนี้รกร้าง เพราะคนพวกนี้ไม่สัตย์ซื่อ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
เจ้าสาวของพระยาห์เวห์ไปเที่ยวผู้ชาย
16 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้เตือนคนในเมืองเยรูซาเล็มถึงเรื่องชั่วร้ายน่ารังเกียจที่พวกเขาทำกัน 3 ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พูดกับเมืองเยรูซาเล็ม ต้นกำเนิดและบ้านเกิดของเจ้าอยู่ในแผ่นดินของชาวคานาอัน พ่อของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์และแม่ของเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์ 4 เจ้าเป็นเหมือนกับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ในวันที่เจ้าเกิดมา ไม่มีใครตัดสายสะดือให้กับเจ้า ไม่มีใครทำพิธีชำระล้างให้กับเจ้าด้วยน้ำเพื่อให้เจ้าบริสุทธิ์ตามกฎของเรา ไม่มีใครเอาเกลือมาถูฆ่าเชื้อให้กับเจ้า และไม่มีใครเอาผ้าอ้อมมาห่อหุ้มเจ้า 5 ไม่มีใครสงสารเจ้า ไม่มีใครทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับเจ้า ไม่มีใครคอยปลอบโยนเจ้า ไม่มีใครเอาเจ้าในวันที่เจ้าเกิดมา เจ้าถูกทิ้งในทุ่งโล่ง
6 แล้วเราเดินผ่านมา เห็นเจ้านอนดิ้นอยู่ในกองเลือด เราพูดกับเจ้าว่า “จงมีชีวิตอยู่ต่อไป” ในขณะที่เจ้านอนอยู่ในกองเลือดนั้น เราพูดกับเจ้าว่า “จงมีชีวิตอยู่ต่อไป” 7 เราได้เลี้ยงดูเจ้า แล้วเจ้าก็เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนพืชในท้องทุ่ง เจ้าได้เติบโตและเจริญวัย เจ้าเริ่มแตกเนื้อสาว มีประจำเดือน มีหน้าอกใหญ่ขึ้น เริ่มมีขนขึ้นตามตัว แต่เจ้ายังเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ 8 ต่อมา เราได้สังเกตเห็นว่าเจ้าโตพอที่จะมีความรักได้แล้ว เราจึงได้กางเสื้อผ้าของเราออกคลุมตัวเจ้า[h] และคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของเจ้า เราได้ปฏิญาณผูกมัดตัวเองกับเจ้าและร่วมคำมั่นสัญญา[i]กับเจ้า และเจ้าได้กลายเป็นของเรา’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 9 “หลังจากนั้น เราได้อาบน้ำให้เจ้า ล้างเลือดของเจ้าออก เอาน้ำมันทาให้เจ้า 10 เราเอาเสื้อผ้าสวยๆมาสวมใส่ให้เจ้า เอาร้องเท้าสานจากหนังอย่างดีมาสวมเท้าของเจ้า แล้วโพกหัวของเจ้าด้วยผ้าลินินอย่างดี และคลุมตัวเจ้าด้วยผ้าไหม 11 แล้วเราได้ประดับประดาเจ้าด้วยเพชรพลอย เราได้สวมกำไลข้อมือไว้ที่มือทั้งสองของเจ้า และสวมสร้อยคอไว้รอบคอของเจ้า 12 เราได้ใส่ห่วงจมูกให้กับเจ้า ใส่ตุ้มหูไว้ที่หูทั้งสองข้าง และเอามงกุฎที่สวยงามมาสวมบนหัวเจ้า 13 เจ้าได้ประดับประดาไปด้วยทองและเงิน แต่งตัวด้วยผ้าลินินอย่างดี ผ้าไหมและผ้าปัก เจ้ากินของหวานที่ทำจากแป้งอย่างดี น้ำเชื่อมผลไม้และน้ำมันมะกอก[j] เจ้าสวยงามมาก เหมาะที่จะเป็นราชินี 14 ความงามของเจ้า ทำให้เจ้ามีชื่อเสียงไปทั่วท่ามกลางชนชาติต่างๆ เครื่องทรงของเราที่เราได้ให้กับเจ้า ทำให้เจ้างดงามหมดจดเสียจริงๆ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
15 “แต่เจ้ากลับไปไว้วางใจในความงามของเจ้า และหาประโยชน์จากชื่อเสียงของเจ้า ไปขายตัวให้กับผู้ชายทุกคนที่เดินผ่านมา 16 แล้วเจ้าก็เอาเสื้อผ้าของเจ้าที่เราให้ มาตกแต่งศาลเจ้าต่างๆของเจ้า และทำตัวเป็นโสเภณี เจ้าตกแต่งสถานที่นั้นยิ่งกว่าที่เคยมีใครตกแต่งมันมาก่อน 17 เจ้ายังเอาเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยทองและเงินของเรา ไปสร้างเป็นรูปปั้นผู้ชายขึ้นมาสำหรับตัวเอง และทำตัวเหมือนโสเภณีกับพวกมัน 18 เจ้าเอาเสื้อผ้าที่สวยงามที่เราให้กับเจ้า ไปตัดเป็นเสื้อผ้าให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้น แล้วเจ้าก็เอาน้ำมันและเครื่องหอมของเราไปวางไว้ต่อหน้าพวกมัน 19 แล้วเจ้ายังเอาอาหารที่เราให้กับเจ้า คือแป้งอย่างดี น้ำมันมะกอกและน้ำเชื่อมผลไม้ ที่เราเอามาเลี้ยงดูเจ้า เจ้าเอาไปวางไว้ต่อหน้าพวกมันเป็นเครื่องถวายที่มีกลิ่นหอมหวาน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 20 “ที่เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีนั้นยังเลวร้ายไม่พอ เจ้ายังเอาพวกลูกชายลูกสาวที่เจ้าคลอดให้กับเรา ไปสังเวยให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้นกินด้วย 21 เจ้าได้ฆ่าพวกลูกๆของเราหลายคน[k] และถวายพวกเขาในไฟให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้น 22 ในช่วงที่เจ้าทำตัวเป็นโสเภณี และทำสิ่งที่เลวร้ายพวกนี้ เจ้าไม่เคยหวนคิดถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน ตอนที่พวกเจ้าเป็นเด็ก ตอนที่เราเจอเจ้าตัวล่อนจ้อน และดิ้นอยู่ในกองเลือดนั้น
23 ดังนั้น เมื่อเจ้าได้ทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น (น่าละอาย น่าละอายสำหรับเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น) 24 เจ้าได้สร้างเนินขึ้นมาให้กับตัวเอง เป็นศาลเจ้าในลานเมืองทุกแห่ง 25 เจ้าได้สร้างศาลเจ้าไว้ตามหัวมุมถนนทุกสาย เจ้าได้ทำให้ความงามของเจ้าน่าขยะแขยง เจ้าได้อ้าขาของเจ้าให้กับคนที่เดินผ่านไปมา เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีมากขึ้นเรื่อยๆ 26 แล้วเจ้าก็หันไปหาชาวอียิปต์ ที่เป็นเพื่อนบ้านของเจ้า ที่มีอวัยวะเพศใหญ่โต และเจ้าทำตัวเป็นโสเภณีกับพวกเขา เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีมากขึ้นเรื่อยๆ 27 ดังนั้น เราจึงลงไม้ลงมือกับเจ้า เราเอาที่ดินบางส่วนของเจ้าไป เราปล่อยให้ศัตรูของเจ้าคือผู้หญิงชาวฟีลิสเตียทำกับเจ้าตามชอบใจ แม้แต่พวกเขาก็ยังตกตะลึงกับการกระทำที่ลามกของเจ้านี้ 28 เพราะเจ้ายังไม่จุใจกับความต้องการทางเพศของเจ้า เจ้าก็เลยไปมีเพศสัมพันธ์กับชาวอัสซีเรียด้วย เจ้าขายตัวให้กับพวกเขา แต่ก็ยังไม่หายอยาก 29 เจ้าจึงสำส่อนมากขึ้น เจ้าไปยังแผ่นดินของพวกพ่อค้าคือชาวบาบิโลน แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังไม่รู้จักพอ” 30 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราโกรธเจ้ามาก ที่เจ้าได้ทำอย่างที่โสเภณีไม่มียางอายเขาทำกัน
31 ในทุกหมู่บ้านของเจ้า เจ้าได้สร้างศาลเจ้าขึ้นตามหัวมุมถนนทุกสาย และได้สร้างเนินดินไว้ตามลานเมือง เจ้าต่างจากหญิงโสเภณีทั่วไป ตรงที่ว่าเจ้าไม่เอาค่าตัว 32 เจ้า เมียที่เล่นชู้ เจ้าชอบมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แทนที่จะมีกับสามีของเจ้า 33 ตามปกติแล้ว ผู้ชายต้องเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับหญิงโสเภณี แต่นี่เจ้ากลับเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับชู้รักของเจ้าทุกคน เจ้าติดสินบนพวกเขาเพื่อให้พวกเขามาหาเจ้าจากทุกๆประเทศที่อยู่รายล้อมเจ้า 34 ดังนั้น เจ้าจึงไม่เหมือนโสเภณีทั่วไป แทนที่ผู้ชายจะมาหาเจ้าและเสนอค่าตัวให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับไปหาพวกเขา เจ้าไม่ได้รับค่าตัว แต่กลับเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับพวกเขา เจ้านี่ช่างแตกต่างเสียจริง”
35 ดังนั้น อีโสเภณี ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี 36 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เพราะเจ้าได้เทความใคร่ของเจ้าออกมา และเปิดเผยอวัยวะเพศของเจ้า ด้วยการสำส่อนทางเพศกับชู้รักทั้งหลายของเจ้า และกับรูปปั้นอันสกปรกน่าขยะแขยงของเจ้า และเจ้าได้ให้เลือดของพวกลูกๆสังเวยกับพวกรูปปั้นเหล่านั้น 37 ดังนั้น เรากำลังจะรวบรวมชู้รักทั้งหมดของเจ้า ชู้รักพวกนั้นที่เจ้าพัวพันด้วย ทั้งคนที่เจ้ารักและคนที่เจ้าเกลียด เราจะรวบรวมพวกเขามาจากทุกๆประเทศ ที่เป็นเพื่อนบ้านของเจ้า แล้วเราจะเปิดอวัยวะเพศของเจ้าให้พวกเขาดู ให้พวกเขาได้เห็นความน่าอับอายของเจ้า 38 เราจะตัดสินลงโทษเจ้า สำหรับความผิดฐานมีชู้และฆ่าคนตาย เราจะประหารชีวิตเจ้า ด้วยความโกรธแค้นและเดือดดาลของเรา 39 เราจะมอบเจ้าให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาจะรื้อเนินดินของเจ้าและสับศาลเจ้าของเจ้า แล้วพวกเขาจะจับเจ้าแก้ผ้าและปลดเอาเครื่องเพชรอย่างดีของเจ้าไป และทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่า 40 พวกเขาจะรวมกลุ่มกันมุ่งหน้ามาหาเจ้า ฝูงชนเหล่านั้นจะขว้างหินใส่เจ้าและสับเจ้าเป็นชิ้นๆด้วยดาบของพวกเขา 41 พวกเขาจะเผาบ้านของเจ้าและลงโทษเจ้าต่อหน้าต่อตาของพวกผู้หญิงมากมาย[l] ด้วยวิธีนี้ เราจะทำให้เจ้าหยุดทำตัวสำส่อน และเจ้าจะไม่จ่ายค่าตัวให้กับพวกชู้รักของเจ้าอีกต่อไป 42 เมื่อถึงตอนนั้น เราจะระบายความเดือดดาลของเราออกมาใส่เจ้าจนหมดสิ้น แล้วเราจะหยุดหึงหวงเจ้า เราจะสงบลงและไม่โกรธอีกต่อไป 43 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าลืมสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันตอนที่เจ้าเพิ่งเป็นสาวนั้น เจ้าทำให้เราโกรธเพราะทำตัวอย่างนั้น เราจะให้ผลกรรมที่เจ้าก่อนั้นตกลงบนหัวเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น “เจ้าได้ทำสิ่งต่างๆที่น่าขยะแขยงที่เราเกลียดอยู่แล้ว ซ้ำนี่ยังแถมขายตัวเข้าไปอีก ไม่ใช่หรือ
44 ดูเอาเถอะ คำสุภาษิตที่อธิบายถึงเจ้าได้ดีก็คือคำสุภาษิตนี้ที่ว่า ‘แม่เป็นยังไง ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น’ 45 เจ้าเหมือนกับแม่ของเจ้าไม่มีผิด แม่ของเจ้าดูถูกสามีและลูกๆของนาง เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวน้องสาวของเจ้าไม่มีผิด เพราะพวกเขาดูถูกสามีและลูกๆของพวกเขา แม่ของพวกเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์ และพ่อของพวกเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์ 46 พี่สาวของเจ้าคือสะมาเรียผู้ที่อาศัยอยู่ทางเหนือของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง และน้องสาวของเจ้าก็คือโสโดม[m] ซึ่งอาศัยอยู่ทางใต้ของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง[n] 47 เจ้าทำตัวเหมือนพวกเขาไม่มีผิด เจ้าได้ทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่พวกเขาทำกัน ในเวลาไม่นาน เจ้าก็แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว” 48 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรายาห์เวห์ เอาชีวิตเราเป็นประกันว่า แม้แต่โสโดมน้องสาวของเจ้ากับลูกสาวทั้งหลายของนาง ก็ยังไม่เคยทำสิ่งชั่วร้ายที่เจ้าและลูกสาวทั้งหลายของเจ้าทำเลย
49 ความผิดที่โสโดมน้องสาวของเจ้าและลูกสาวทั้งหลายของนางทำ คือความเย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาอยู่ดีกินดี สบายจนไม่สนใจคนอื่น ไม่ยื่นมือช่วยคนยากจนและคนขัดสน 50 พวกเขายโสโอหัง และทำสิ่งต่างๆที่น่ารังเกียจต่อหน้าเรา ดังนั้นเราจึงได้กำจัดพวกเขา เหมือนกับที่เจ้าเห็นนั้น
51 ส่วนสะมาเรียก็ยังทำบาปไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่เจ้าทำ เจ้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก เจ้าชั่วร้ายมากจนทำให้พวกเขาดูดีขึ้นมา 52 เจ้าจะต้องอับอายขายหน้า เพราะเจ้าทำให้คดีพวกพี่สาวน้องสาวของเจ้าเบาลง เจ้าจะต้องอับอายไปเลย เพราะบาปที่เจ้าทำนั้นน่าขยะแขยงยิ่งกว่าที่พวกเขาทำ เจ้าจะต้องอับอายขายหน้าไปเลย เพราะการกระทำของเจ้า ทำให้พวกพี่น้องของเจ้าดูเหมือนเป็นคนดีไปเลย
53 แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังจะฟื้นฟูพวกเขาให้เหมือนกับที่พวกเขาควรจะเป็น เราจะฟื้นฟูโสโดมกับหมู่บ้านต่างๆที่อยู่รายล้อมนาง เราจะฟื้นฟูสะมาเรียกับหมู่บ้านต่างๆที่อยู่รายล้อมนาง และแน่นอน เราก็จะฟื้นฟูเจ้าไปพร้อมๆกับพวกเขาด้วย 54 เราจะดีกับเจ้ามาก จนเจ้าจะรู้สึกละอายกับสิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไป และที่ได้ช่วยทำให้คนพวกนั้นรู้สึกดีขึ้นมา 55 โสโดมพี่สาวของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง จะคืนสู่สภาพเดิมที่เคยเป็นมาก่อน และสะมาเรียพี่สาวของเจ้าและบรรดาลูกสาวของนางจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกัน
56 ในตอนที่เจ้ายังเย่อหยิ่งจองหองอยู่นั้น เจ้าหัวเราะเยาะใส่โสโดมพี่สาวของเจ้าไม่ใช่หรือ 57 เจ้าทำอย่างนั้นก่อนที่ความชั่วร้ายของเจ้าจะถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ เจ้าถูกทำให้ขายหน้า ต่อหน้าพวกผู้หญิงของเอโดม[o] และเพื่อนบ้านทั้งหมดของนาง พร้อมกับพวกผู้หญิงชาวฟีลิสเตีย คือคนเหล่านั้นที่ล้อมรอบเจ้าที่ดูถูกเจ้า 58 ตอนนี้เจ้ากำลังรับโทษ สำหรับความชั่วลามกและการกระทำที่น่าขยะแขยงของเจ้า” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
59 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เจ้าสมควรจะได้รับ เจ้าได้ดูหมิ่นคำสาบานของเจ้า และหักข้อตกลงที่เรามีต่อกัน 60 แต่ว่าเราจะยังรักษาข้อตกลงที่เราได้ทำกับเจ้า ตอนที่เจ้ายังเป็นสาวอยู่ ข้อตกลงนั้นจะยั่งยืนตลอดไป 61 เมื่อเจ้าได้ครอบครองพวกพี่น้องเหล่านั้น ที่ใหญ่กว่าและเล็กกว่าเจ้า เจ้าจะรู้สึกอับอายเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไปในอดีต ใช่แล้ว เราจะมอบพวกเขาให้กับเจ้าเพื่อจะได้เป็นลูกสาวของเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรากับเจ้า 62 ตัวเราเองจะยืนยันข้อตกลงของเรากับเจ้าอีกครั้ง และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 63 เราจะทำดีกับเจ้า เพื่อเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะได้อับอาย เมื่อเราลบล้างสิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะอึ้งจนพูดไม่ออกเพราะอับอาย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
นิทานเกี่ยวกับนกอินทรีสองตัว
17 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า
2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้เล่าปริศนานิทานเรื่องนี้ให้กับครอบครัวของชาวอิสราเอลฟัง 3 ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่ง[p] มีปีกใหญ่
ขนของมันมีหลายสีและยาว
มันได้บินมาที่เลบานอน
และมาคาบเอายอดของต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่งไป
4 คือ มันได้หักยอดสุดของต้นสนซีดาร์
แล้วเอาไปไว้ในแผ่นดินของการค้าขาย เอาไปวางไว้ในเมืองของพวกพ่อค้า
5 มันได้เอาเมล็ดพืชจากแผ่นดินนั้นมาส่วนหนึ่งด้วย
และเอาไปหว่านไว้ในทุ่งนา
มันได้ผันน้ำเข้ามาจากแม่น้ำที่ล้นหลาม
มันได้ปลูกเมล็ดนั้นไว้ข้างน้ำเหมือนกับต้นหลิว
6 เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นกลายเป็นเถาองุ่นอย่างดี ต้นมันค่อนข้างเตี้ย
กิ่งก้านของมันเริ่มแตกออกมา มันได้หยั่งรากลง
กิ่งก้านของมันได้แผ่ไปยังนกอินทรี
แล้วโตเป็นเถาองุ่น แตกกิ่งก้านสาขามากมาย และออกใบ
7 แต่ยังมีนกอินทรียักษ์อีกตัวหนึ่ง[q]
มีปีกใหญ่มีขนเยอะ
ต้นองุ่นรีบแผ่รากของมันไปที่นกตัวนั้น
และยื่นกิ่งก้านของมันจากจุดที่มันงอกไปยังนกตัวนั้น
กิ่งองุ่นหวังว่านกตัวนั้นจะให้น้ำกับมัน
8 ต้นองุ่นลืมไปว่า ตัวมันเองปลูกอยู่ในดินที่ดี ติดอยู่กับแหล่งน้ำ
เพื่อมันจะได้แตกกิ่งก้านเป็นจำนวนมาก และเกิดผลดกกลายเป็นต้นองุ่นที่สวยงาม’”
9 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต บอกให้ถามว่า
“อย่างนี้ เจ้าคิดว่าต้นองุ่นนั้น
จะเจริญเติบโตไหม
นกอินทรีตัวแรกนั้นจะไม่ถอนรากของต้นองุ่นนั้นหรือ
จะไม่ปล่อยให้ผลเน่าและใบเหี่ยวไปหรือ
มันไม่ต้องใช้แขนอันทรงพลังหรือกองทัพใหญ่เพื่อถอนรากถอนโคนมันขึ้นมาเลย
10 เมื่อย้ายที่ปลูก เจ้าคิดว่ามันจะเจริญเติบโตได้หรือ
แต่ถึงมันจะอยู่ที่เดิมที่มันถูกปลูกไว้
มันจะไม่เหี่ยวแห้งไปเมื่อลมร้อนตะวันออกพัดมาหรือ”
11 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า
12 “ให้พูดกับครอบครัวที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘เจ้าต้องรู้แน่ว่าสิ่งเหล่านี้หมายถึงอะไร ดูสิ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้มายังเมืองเยรูซาเล็มและเอากษัตริย์กับบรรดาขุนนางของเมืองนั้นไปที่บาบิโลน 13 แล้วกษัตริย์ของบาบิโลนได้เลือกเชื้อพระวงศ์มาคนหนึ่ง และทำข้อตกลงกับเขา ผูกมัดเขากับข้อตกลงใหม่นี้ (กษัตริย์ของบาบิโลนได้เอาผู้นำทั้งหลายของแผ่นดินไปแล้ว) 14 เพื่ออาณาจักรนั้นจะได้อ่อนแอ และหมดโอกาสที่จะมีอำนาจขึ้นมาใหม่ เพื่อข้อตกลงนั้นจะยั่งยืนต่อไป 15 แต่กษัตริย์องค์นั้นได้แข็งข้อกับกษัตริย์ของบาบิโลน เขาได้ส่งพวกทูตไปที่อียิปต์เพื่อขอม้าและกองทัพขนาดใหญ่มาช่วย เจ้าคิดว่าที่เขาทำอย่างนั้นจะสำเร็จหรือ เขาจะหนีพ้นจากการลงโทษไปได้หรือ คนที่ทำผิดสัญญาอย่างนี้จะหนีรอดไปได้หรือ’”
16 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เขาจะต้องตายในเมืองบาบิโลน เพราะเขาได้ดูหมิ่นคำสาบานและผิดคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับกษัตริย์บาบิโลน ผู้ที่ได้แต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาจะต้องตายในแผ่นดินนั้นอย่างแน่นอน 17 ฟาโรห์กับกองทัพที่แข็งแกร่งพร้อมกับทหารมากมายของเขาจะไม่สามารถมาช่วยเขาได้ เมื่อกษัตริย์ของบาบิโลนมาโจมตี และได้สร้างเนินดินและป้อมกำบังต่างๆขึ้นรอบกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม และจะมีผู้คนล้มตายลงเป็นจำนวนมาก 18 กษัตริย์ของยูดาห์องค์นี้ ได้ดูหมิ่นคำสาบาน ตอนที่เขาหักข้อตกลงนั้น เขาจะหนีการลงโทษไปไม่พ้นหรอก เพราะเขาได้จับมือสัญญาไว้แล้วแต่ก็ยังทำสิ่งต่างๆเหล่านี้” 19 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ‘โทษนั้นจะตกลงบนหัวเขา เพราะเขาได้เพิกเฉยต่อคำสาบานที่เขาทำกับเรา และหักข้อตกลงที่ได้ทำไว้ต่อหน้าเรา 20 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะติดกับดักของเรา เราจะนำเขาไปที่บาบิโลนและตัดสินโทษเขาที่นั่น เพราะเขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา 21 พวกทหารที่เก่งกาจที่สุดในกองทัพของเขาจะล้มลงด้วยดาบ และผู้รอดชีวิตจะกระจัดกระจายไปกับลม แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเป็นเราเอง ยาห์เวห์ที่พูดสิ่งเหล่านี้’”
22 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“เราจะหักยอดของต้นสนซีดาร์
และนำมันไปปลูก
เราจะเด็ดยอดอ่อนจากปลายต้นสนนั้น
และนำมันไปปลูกบนภูเขาสูงที่เด่นเป็นสง่าลูกหนึ่ง
23 เราจะปลูกมันไว้บนภูเขาสูงของอิสราเอลนั้น
มันจะแตกกิ่งก้านออกมามากมายและจะออกผล
และกลายเป็นต้นสนซีดาร์ที่สง่างามต้นหนึ่ง
นกทุกชนิดจะมาทำรังบนกิ่งก้านของมันนั้น
พวกนกจะพบที่พักอยู่ใต้ร่มเงาของกิ่งก้านสาขาของมัน
24 แล้วต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่งจะรู้ว่า
เรา คือยาห์เวห์
ผู้ที่ทำให้ต้นไม้สูง เตี้ยลง
และทำให้ต้นไม้เตี้ย สูงขึ้น
เราทำให้ต้นไม้เขียว เหี่ยวแห้งลง
และทำให้ต้นไม้เหี่ยวแห้ง เขียวขึ้น
เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว
และเราจะทำตามนั้น”
ไม่สายเกินไปที่จะกลับใจ
18 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า
2 “คนของเจ้าหมายความว่าอะไร เมื่อพวกเขายกสุภาษิตนี้ขึ้นมา ตอนพูดถึงแผ่นดินอิสราเอล
‘พวกพ่อกินองุ่นเปรี้ยว
แต่กลับเป็นลูกๆที่เข็ดฟัน’”
3 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เจ้าจะไม่ได้อ้างสุภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไป 4 เพราะทุกชีวิตเป็นของเรา ทั้งพ่อและลูกชายเป็นของเรา ทั้งคู่เป็นของเรา คนไหนทำบาปคนนั้นจะตาย
5 สมมติว่ามีคนดีคนหนึ่งที่ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม 6 เขาไม่กินเนื้อสัตว์ที่เอาไปบูชาพวกศาลเจ้าบนภูเขา หรือมองหาความช่วยเหลือจากพวกรูปเคารพของครอบครัวชาวอิสราเอล เขาไม่ได้เป็นชู้กับเมียของเพื่อนบ้านหรือนอนกับผู้หญิงระหว่างที่นางมีประจำเดือน 7 เขาไม่ได้กดขี่ข่มเหงใคร เขาคืนของประกัน[r] ที่เขาได้มาจากการให้กู้ยืม เขาไม่เคยปล้นใคร แต่เขากลับให้อาหารของเขากับคนที่หิวโหยและให้เสื้อผ้ากับคนที่เปลือยเปล่า 8 เขาให้กู้ยืมโดยไม่ได้หักดอกเบี้ยล่วงหน้าหรือคิดดอกเบี้ยทบต้น เขายั้งมือไว้จากการทำผิด เขาตัดสินอย่างยุติธรรมให้กับทั้งสองฝ่าย 9 เขาทำตามข้อบังคับของเราและรักษากฎต่างๆของเราอย่างซื่อสัตย์ ชายผู้นั้นเป็นคนดี เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
10 “สมมติว่าเขามีลูกชายที่ชอบใช้ความรุนแรง ชอบรบราฆ่าฟัน หรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในบรรดาสิ่งเหล่านี้ 11 (ทั้งๆที่พ่อของเขาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย) เขากินเนื้อสัตว์ที่เอาไปบูชาพวกศาลเจ้าบนภูเขา เขาเป็นชู้กับเมียของเพื่อนบ้าน 12 เขากดขี่ข่มเหงคนยากจนและคนขัดสน เขาปล้นคนอื่น เมื่อคนมาจ่ายหนี้ เขาก็ไม่ยอมคืนของประกันให้ เขามองหาความช่วยเหลือจากพวกรูปเคารพ และเขายังทำสิ่งที่น่ารังเกียจอื่นๆอีก 13 เขาให้กู้ยืมโดยหักดอกเบี้ยล่วงหน้าหรือคิดดอกเบี้ยทบต้น คนอย่างนี้สมควรมีชีวิตอยู่อีกหรือ ไม่เลย เพราะเขาได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ เขาจะต้องถูกฆ่าแน่ เพราะเขาแส่หาเรื่องตายเอง
14 สมมติว่าชายคนนี้ มีลูกชาย และลูกชายคนนี้เห็นบาปทั้งหมดที่พ่อของเขาทำ แต่เขาก็ไม่ได้ทำตาม คือ
15 เขาไม่ได้กินเนื้อสัตว์ที่เอาไปบูชาพวกศาลเจ้าบนภูเขา เขาไม่ได้มองหาความช่วยเหลือจากรูปเคารพของครอบครัวชาวอิสราเอล เขาไม่ได้เป็นชู้กับเมียของเพื่อนบ้าน 16 เขาไม่ได้กดขี่ข่มเหงใคร เขาไม่ได้เอาของประกันตอนให้กู้ยืม เขาไม่ได้ปล้นใคร เขากลับให้อาหารของเขากับคนที่หิวโหยและให้เสื้อผ้ากับคนที่เปลือยเปล่า 17 เขายั้งมือไว้จากการทำผิด และไม่ได้หักดอกเบี้ยล่วงหน้าหรือคิดดอกเบี้ยทบต้นตอนให้กู้ยืม เขารักษากฎต่างๆของเรา และทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา เขาจะไม่ตายเพราะบาปของพ่อเขา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 18 แต่พ่อของเขาจะตายเพราะบาปของตัวเอง เพราะพ่อของเขารีดไถคน ปล้นพี่น้องของเขาเอง และทำในสิ่งที่ผิดท่ามกลางประชาชนของเขา
19 แต่เจ้าคงถามว่า
‘ทำไมลูกชายถึงไม่ต้องรับโทษต่อความผิดของพ่อเขาล่ะ’ ก็เพราะลูกชายของเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาได้รักษาข้อบังคับทั้งหมดของเราอย่างเคร่งครัด เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 20 คนไหนทำบาปคนนั้นจะตาย ลูกชายจะไม่ถูกลงโทษเพราะความผิดของพ่อ
และพ่อก็จะไม่ต้องถูกลงโทษเพราะความผิดของลูกชาย
ความดีของคนดีก็จะตกเป็นของคนดีนั้น
ความชั่วของคนชั่วก็จะตกอยู่กับคนชั่วนั้น
21 แต่ถ้าคนชั่วคนหนึ่งหันเหไปจากบาปทั้งหมดที่เขาเคยทำและมารักษาข้อบังคับของเราและทำในสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมแล้ว เขาก็จะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 22 เราจะไม่จดจำสิ่งไม่ดีที่เขาเคยทำนั้น เขาจะมีชีวิตอยู่ เพราะเขาได้ทำสิ่งถูกต้องทั้งหลาย” 23 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตถามว่า “คิดว่าเราชอบใจกับความตายของคนชั่วหรือยังไง เราชอบใจเมื่อเขาหันไปจากการกระทำชั่วต่างๆของเขาและมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่หรือ
24 แต่ถ้าคนดีหันจากความดีไปทำบาปและทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบเดียวกับที่คนชั่วทำ เขาจะมีชีวิตอยู่หรือ เราจะไม่จดจำความดีทั้งหมดที่เขาเคยทำ เขาจะต้องตาย เพราะเขาได้ทรยศเราและทำบาป
25 แต่เจ้าอาจพูดว่า ‘วิถีทางของพระยาห์เวห์นั้นไม่ยุติธรรม’
ฟังให้ดี ครอบครัวของอิสราเอล เป็นวิถีทางของเราหรือการกระทำของเจ้ากันแน่ ที่ไม่ยุติธรรม 26 ถ้าคนดีหันไปจากความดีและไปทำบาป เขาจะต้องตาย เขาจะตายเพราะบาปที่เขาได้ทำนั้น 27 แต่ถ้าคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ และไปทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ 28 เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เพราะเขาได้สำรวจดูถึงสิ่งไม่ดีทั้งหมดที่เขาได้ทำและหันไปจากพวกมัน เขาจึงไม่ตาย
29 แต่ครอบครัวชาวอิสราเอลยังพูดอยู่ว่า
‘วิถีทางของพระยาห์เวห์นั้นไม่ยุติธรรม’
ชาวอิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราหรือการกระทำของเจ้ากันแน่ ที่ไม่ยุติธรรม 30 ดังนั้น ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เราจะตัดสินเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของเจ้า”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “กลับใจซะ ให้หันไปจากสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เจ้าทำ แล้วบาปจะไม่ทำให้เจ้าสะดุดล้ม 31 ให้ทิ้งเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เจ้าได้ทำต่อเรา แล้วให้ไปเอาหัวใจดวงใหม่และจิตวิญญาณดวงใหม่ ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะตายทำไมเล่า 32 เพราะเราไม่ได้ชอบใจกับความตายของใครเลย”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “กลับใจซะ แล้วมีชีวิตอยู่เถิด”
ร้องเพลงไว้อาลัยให้กับพวกเจ้าชายของอิสราเอล
19 พระยาห์เวห์สั่งผมว่า “ให้ร้องเพลงไว้อาลัยนี้ให้กับพวกเจ้าชายของอิสราเอลว่า
2 ‘แม่ของเจ้าเป็นสิงโตตัวเมียในหมู่สิงห์ทั้งหลาย
นางหมอบลงท่ามกลางสิงห์หนุ่มมากมายและเลี้ยงดูลูกๆของนาง
3 นางได้เลี้ยงลูกตัวหนึ่งของนางให้เติบใหญ่
และมันได้กลายเป็นสิงห์หนุ่มที่แข็งแรง
มันเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อของมัน
และขย้ำคนกิน
4 ชนชาติต่างๆได้ข่าวเกี่ยวกับมัน
มันได้ตกลงไปในหลุมกับดักของคนเหล่านั้น
พวกเขาใช้พวกตะขอเกี่ยวปาก
ลากมันไปถึงแผ่นดินอียิปต์[s]
5 เมื่อนางสิงห์เห็นว่าแผนของนางถูกขัดขวางเสียแล้ว
ความหวังของนางก็หมดสิ้นไป
นางจึงเอาลูกอีกตัวหนึ่งของนางมา
และทำให้มันเป็นสิงห์ที่แข็งแรง
6 มันออกล่าเหยื่อท่ามกลางสิงห์มากมาย
และกลายเป็นสิงห์หนุ่มที่แข็งแรง
มันเรียนรู้ที่จะฉีกเนื้อเหยื่อของมัน
และขย้ำคนกิน
7 มันพังป้อมของคนเหล่านั้นและทำลายเมืองต่างๆของพวกเขา
แผ่นดินและคนที่อยู่ในนั้นทั้งหมดต่างหวาดกลัวเสียงคำรามของมัน
8 แล้วชนชาติทั้งหลายจากแคว้นต่างๆรอบข้างได้มาต่อต้านมัน
พวกเขากางตาข่ายออกคลุมมัน
มันตกลงไปในหลุมกับดักของพวกเขา
9 พวกเขาใช้พวกตะขอเกี่ยวปากสิงห์นั้นจับมันไปขังไว้ในกรง
และนำตัวมันไปให้กับกษัตริย์เมืองบาบิโลน
พวกเขาขังมันไว้ในคุก
จึงไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของมันบนเทือกเขาของอิสราเอลอีกต่อไป[t]
10 แม่ของเจ้าเป็นเหมือนต้นองุ่นในไร่องุ่นที่ปลูกไว้ริมน้ำ
มันออกผลและกิ่งก้านสาขามากมาย
เพราะมีน้ำอย่างเหลือเฟือ
11 กิ่งของมันแข็งแรง
เหมาะสำหรับทำคทาของกษัตริย์
มันงอกสูงขึ้นเหนือต้นอื่นๆทั้งปวง
และกิ่งก้านของมันก็แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง
12 แต่มันถูกถอนรากถอนโคนอย่างบ้าคลั่ง
และถูกโยนทิ้งลงกับพื้นดิน
ลมตะวันออกทำให้มันเหี่ยวเฉา
ผลของมันถูกเด็ดไปหมดเกลี้ยง
กิ่งทั้งหลายของมันเหี่ยวแห้งลง
แล้วไฟได้เผามันจนหมด
13 เดี๋ยวนี้ มันถูกปลูกอยู่ในทะเลทราย
ในแผ่นดินที่แห้งแล้งและหิวกระหายน้ำ
14 ไฟได้ลุกลามจากกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่งของมัน
และไหม้ไปจนถึงผลของมัน
ไม่มีกิ่งที่แข็งแรงหลงเหลืออยู่
ที่เหมาะสำหรับเอามาทำคทาของกษัตริย์ได้อีกเลย’
นี่คือบทเพลงไว้อาลัย และมันจะถูกใช้ร้องสำหรับไว้อาลัย”
อิสราเอลกบฏอยู่เรื่อยต่อพระเจ้าที่ดีกับพวกเขา
20 ในวันที่สิบของเดือนที่ห้า ปีที่เจ็ด[u] พวกผู้นำอาวุโสบางคนของอิสราเอลได้มาขอคำปรึกษาจากพระยาห์เวห์ พวกเขามานั่งลงตรงหน้าผม
2 แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 3 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลอย่างนี้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขอคำปรึกษากับเราหรือ เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะไม่ตอบคำถามของพวกเจ้า’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 4 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะดำเนินคดีต่อพวกเขาหรือ เจ้าจะดำเนินคดีต่อพวกเขาหรือ ถ้าอย่างนั้น ชี้ให้เขาเห็นการกระทำอันน่าขยะแขยงของบรรพบุรุษของพวกเขาสิ 5 เจ้าต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ในวันที่เราได้เลือกอิสราเอล ตอนที่เราได้เปิดเผยตัวเองให้กับพวกเขารู้จักในแผ่นดินอียิปต์นั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานต่อพวกลูกหลานของยาโคบว่า “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” 6 ในวันนั้นเราได้สาบานไว้กับพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังแผ่นดินที่เราได้ค้นหามาให้กับพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์[v] และสวยงามที่สุดในบรรดาดินแดนทั้งหลาย’”
7 และเราได้พูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทุกคน ให้กำจัดรูปปั้นที่น่าขยะแขยง ที่เจ้าชอบมองเพื่อขอความช่วยเหลือจากมันนั้น อย่าทำตัวของพวกเจ้าให้แปดเปื้อนด้วยรูปเคารพทั้งหลายของอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” 8 แต่พวกเขากลับกบฏต่อเราและไม่ยอมฟังเรา พวกเขาไม่ยอมโยนพวกรูปปั้นชั่วที่ขยะแขยงทิ้ง ที่พวกเขาจ้องมองเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น และไม่ยอมละทิ้งพวกรูปเคารพขี้ๆของอียิปต์ ดังนั้นเราจึงพูดว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขาและแสดงความโกรธใส่พวกเขาในแผ่นดินอียิปต์’ 9 แต่เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อ ต่อชนชาติทั้งหลายรอบข้าง ที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจึงไม่ได้ทำลายพวกเขา 10 เราได้นำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปที่ทะเลทราย 11 เราได้ให้ข้อบังคับต่างๆของเรากับพวกเขา และให้พวกเขารู้จักกฎต่างๆของเรา เพราะคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังกฎพวกนั้น จะมีชีวิตต่อไป 12 เรายังให้วันหยุดพักผ่อนต่างๆกับพวกเขา เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน พวกเขาจึงรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ที่ทำให้พวกเขาเป็นของเราโดยเฉพาะ
13 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลได้กบฏต่อเราในทะเลทราย พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเรา ทั้งๆที่การเชื่อฟังกฎเหล่านั้นทำให้มีชีวิต พวกเขาทำให้พวกวันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป เราจึงบอกว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา และทำลายพวกเขาในทะเลทราย’ 14 แต่เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อ ต่อชนชาติทั้งหลายที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจึงไม่ได้ทำลายพวกเขา 15 ที่ทะเลทรายนั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานกับพวกเขาว่า ‘เราจะไม่นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราสัญญาว่าจะให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามที่สุดในบรรดาแผ่นดินทั้งหมด’
16 เพราะพวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเราและไม่ทำตามข้อบังคับของเรา และยังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เพราะพวกเขาได้มอบใจของพวกเขาให้กับพวกรูปเคารพทั้งหลายเหล่านั้นไป 17 แต่เราได้มองดูพวกเขาด้วยความสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาหรือทำให้พวกเขาจบสิ้นไปที่ทะเลทรายนั้น 18 เราได้พูดกับลูกๆของพวกเขาในทะเลทรายว่า ‘อย่าทำตามข้อบังคับต่างๆของพวกพ่อเจ้า อย่ารักษากฎทั้งหลายของพวกเขา อย่าทำตัวของพวกเจ้าให้แปดเปื้อนไปด้วยรูปเคารพของพวกเขา 19 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ให้ทำตามข้อบังคับของเรา และให้รักษากฎของเราอย่างเคร่งครัด 20 ให้รักษาพวกวันหยุดพักผ่อนที่เราให้กับเจ้าไว้ให้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า’
21 แต่ลูกๆพวกนั้นได้กบฏต่อเราอีก พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่ได้รักษากฎของเราอย่างเคร่งครัด ทั้งๆที่การเชื่อฟังกฎเหล่านั้นทำให้มีชีวิต พวกเขายังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา และแสดงความโกรธใส่พวกเขาในทะเลทราย’ 22 แต่เราได้ยั้งมือไว้ เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อต่อชนชาติทั้งหลายที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 23 ที่ทะเลทรายนั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานกับพวกเขาว่า ‘เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขาแตกกระเจิงไปอยู่ตามประเทศทั้งหลาย’
24 เพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังกฎต่างๆของเรา พวกเขาไม่ยอมรับข้อบังคับต่างๆของเรา และยังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่พวกรูปเคารพของบรรพบุรุษของพวกเขา 25 ดังนั้นเราจึงให้กฎระเบียบที่ห่วยๆกับพวกเขาและให้กฎที่ไม่สามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ 26 เราทำให้พวกเขาแปดเปื้อนไป ด้วยของถวายของพวกเขาเอง คือการสังเวยลูกชายหัวปี เพื่อเราจะได้ทำลายพวกเขาและให้พวกเขารู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 27 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกพ่อของเจ้าได้ทรยศเรา ซึ่งเป็นการลบหลู่เรา 28 เราได้นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สาบานไว้ว่าจะให้กับพวกเขา แต่พอพวกเขาเห็นเนินเขาสูงลูกใดหรือต้นไม้ต้นไหนที่ให้ร่มเงา พวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาของพวกเขาที่นั่น พวกเขาได้ยั่วยุให้เราโกรธ ด้วยการถวายเครื่องบูชาอันมีกลิ่นหอม และเทเครื่องดื่มบูชาให้กับพระปลอมที่นั่น 29 เราจึงถามพวกเขาว่า “ศาลเจ้าอะไรหรือที่พวกเจ้าไปกัน” มันถึงเรียกว่า บามาห์[w] มาจนถึงทุกวันนี้’
30 ดังนั้นให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เจ้าจะทำตัวไม่บริสุทธิ์ เหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ ที่ไปลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับรูปปั้นที่น่าขยะแขยงของพวกเขานั้น 31 การที่พวกเจ้ายังถวายเครื่องบูชา ด้วยการเอาลูกๆของพวกเจ้าใส่เข้าไปในไฟ พวกเจ้าก็ได้ทำให้ตัวเองแปดเปื้อนด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเจ้ายังมีหน้ามาขอคำปรึกษาจากเราอีกหรือ ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะไม่ตอบคำถามพวกเจ้าแม้แต่ข้อเดียว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 32 พวกเจ้าพูดว่า “พวกเราอยากเป็นเหมือนชนเผ่าอื่นๆในโลกนี้ ที่นมัสการพระเจ้าที่เป็นไม้หรือหิน” แต่สิ่งที่พวกเจ้าคิดนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก
33 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะปกครองพวกเจ้าด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่ยื่นออกมา และด้วยการเทความเดือดดาลออกมา 34 เราจะนำพวกเจ้ามาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกเจ้ามาจากประเทศทั้งหลายที่พวกเจ้าได้กระจัดกระจายกันไปอยู่นั้น ด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่ยื่นออกมานี้ 35 เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในทะเลทรายของชาติต่างๆและที่นั่นเราจะเจอกันซึ่งๆหน้า และเราจะตัดสินโทษพวกเจ้า 36 เหมือนกับที่เราได้ตัดสินบรรพบุรุษของพวกเจ้าในทะเลทรายใกล้แผ่นดินอียิปต์” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
37 “เราจะนับพวกเจ้าด้วยการให้เดินลอดไม้เท้าของเราไป[x] และเราจะทำให้เจ้ายินยอมต่อข้อตกลงของเรา 38 เราจะกำจัดพวกที่ชอบลุกฮือขึ้นต่อต้านและกบฏต่อเรา ถึงแม้ว่าเราจะนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่อย่างคนต่างชาตินั้น แต่เราก็จะไม่ให้พวกเขาเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
39 ส่วนพวกเจ้า ครอบครัวชาวอิสราเอล พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า “ไปเลย พวกเจ้าแต่ละคนไปนมัสการพวกรูปเคารพของพวกเจ้าตอนนี้เลย และต่อไป ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเรา (จะได้เห็นดีแน่)[y] และพวกเจ้าจะไม่ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องเสื่อมเสียอีกต่อไปแล้วด้วยของถวายและรูปเคารพทั้งหลายของพวกเจ้า”
40 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเป็นภูเขาสูงของอิสราเอลครอบครัวชาวอิสราเอลทั้งหมดจะนมัสการเราที่นี่ เราจะยอมรับพวกเขา เราจะยอมรับเครื่องบูชาทั้งหลายของพวกเจ้า และของถวายที่เป็นผลผลิตชุดแรกของพวกเจ้า รวมทั้งเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของพวกเจ้าด้วย 41 เมื่อเรานำพวกเจ้าออกมาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกเจ้ามาจากประเทศทั้งหลายที่เราได้ทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายกันไปอยู่นั้น เราจะยอมรับพวกเจ้าเหมือนกลิ่นหอมจากควันของเครื่องบูชาของเจ้า และเราจะแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราในหมู่พวกเจ้าต่อหน้าสายตาของชนชาติทั้งหลาย 42 แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเรานำพวกเจ้าเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอลซึ่งเป็นแผ่นดินที่เราได้ยกมือสาบานไว้ว่าจะให้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า 43 ที่นั่นพวกเจ้าจะสำนึกผิดถึงการกระทำและวิถีทางที่ชั่วร้ายทั้งหลายของเจ้า ที่ทำให้เจ้าแปดเปื้อน แล้วเจ้าจะละอายใจ 44 ครอบครัวของอิสราเอล พวกเจ้าได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากมาย พวกเจ้าสมควรที่จะถูกทำลาย แต่เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเรา เราจะไม่ทำอย่างนั้น แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
พระยาห์เวห์จะชักดาบออกมาทำลายยูดาห์ตั้งแต่ใต้ถึงเหนือ
45 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 46 “เจ้าลูกมนุษย์หันหน้าไปทางใต้ และเทศน์ต่อว่าทิศใต้นั้นให้พูดแทนเราต่อต้านป่าแห่งดินแดนทางใต้นั้น 47 ให้พูดกับป่าทางใต้นั้นว่า ‘ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า เราจะจุดไฟเผาพวกเจ้า และมันจะเผาผลาญต้นไม้ทั้งหมดของเจ้า ทั้งต้นที่ยังเขียวสดอยู่และต้นที่เหี่ยวแห้งแล้ว เปลวไฟจะไม่ดับลงและใบหน้าทุกหน้าตั้งแต่ทางใต้ไปจนถึงทางเหนือจะร้อนผ่าวๆเพราะมัน 48 ทุกคนจะเห็นว่า เรา ยาห์เวห์ เป็นผู้จุดไฟนั้นขึ้น และมันจะไม่ดับลง’”
49 แล้วผมได้พูดว่า “พระยาห์เวห์เจ้าข้า พวกเขากำลังพูดถึงผมว่า
‘เขาเป็นคนชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบอยู่อย่างนั้นแหละ’”
21 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าของเจ้าไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ให้เทศน์ต่อต้านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา และให้พูดแทนเราคัดค้านแผ่นดินของอิสราเอล 3 ให้บอกกับแผ่นดินนั้นว่า
‘พระยาห์เวห์พูดว่า เราต่อต้านเจ้า เราจะชักดาบของเราออกจากฝัก และตัดทั้งคนดีและคนชั่วไปจากเจ้า 4 เราจะตัดทั้งคนดีและคนชั่วออกไปจากเจ้า ดังนั้นเราจะชักดาบออกจากฝักเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ทุกคน
ตั้งแต่ทิศใต้จดทิศเหนือ 5 แล้วมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เรา ยาห์เวห์ ได้ชักดาบของเราออกจากฝัก แล้วมันจะไม่กลับคืนฝักอีก’
6 ดังนั้นเจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องคร่ำครวญอย่างคนที่ใจแตกสลาย และให้ร้องอย่างขมขื่นใจต่อหน้าพวกเขา
7 และเมื่อพวกเขาถามเจ้าว่า ‘ทำไมเจ้าถึงร้องคร่ำครวญอย่างนั้น’
ให้เจ้าตอบว่า ‘เป็นเพราะข่าวร้ายที่กำลังจะมา
หัวใจทุกดวงจะหลอมละลาย
มือทุกมือจะอ่อนเปลี้ยลง
จิตใจทุกดวงจะอ่อนล้าลง
ทุกหัวเข่าจะอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ’
ดูสิ ข่าวร้ายนั้นกำลังมาแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างนั้นแน่ๆ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
8 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 9 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า
ดูนั่น มีดาบ มีดาบเล่มหนึ่ง
ถูกลับจนคมและขัดจนเงาแล้ว
10 มันถูกลับจนคมเพื่อฆ่า
ถูกขัดจนเงาเพื่อส่องประกายเหมือนฟ้าแลบ
พวกเรายังจะมามัวชื่นชมในไม้คทาของยูดาห์ลูกชายของเราอยู่อีกหรือ
ดาบ[z] นั้นได้ดูถูกไม้คทาทั้งหลายนั้น
11 ดาบนั้นถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อขัดเงา
และนำไปใช้
มันถูกลับจนคมและมันวาว
เพื่อใส่ไว้ในมือของนักฆ่า
12 เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะดาบเล่มนี้ได้มาต่อต้านประชาชนของเรา มันต่อต้านบรรดาเจ้าชายทั้งหลายของอิสราเอล
พวกเขาพร้อมกับประชาชนของเราถูกโยนไปให้กับดาบเล่มนั้น ดังนั้นให้ตบตีต้นขาด้วยความเศร้า
13 การทดสอบจะมาแน่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคทาของยูดาห์ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะเจอกับดาบที่ดูถูกมันนั้น’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
14 “ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้ตบมือเปรี้ยง และพูดแทนเรา ต่อต้านพวกเขาว่า
ปล่อยให้ดาบฟันลงมาสองครั้ง
หรือสามครั้งก็ยังได้
ดาบนี้มีไว้เพื่อฆ่า
มันมีไว้เพื่อฆ่าหมู่ครั้งยิ่งใหญ่
มันล้อมพวกเขาเข้ามา
15 หัวใจของพวกเขาจะหลอมละลายไปด้วยความกลัว
จะมีคนมากมายสะดุดและล้มลง
เราได้วางดาบไว้ที่ตรงประตูทั้งหมดของพวกเขาเพื่อฆ่า
ดาบนั้นจะส่องประกายเหมือนฟ้าแลบ
มันถูกชักออกมาเพื่อการฆ่าหมู่
16 ดาบเอ๋ย ฟันไปทางขวา
ฟันไปทางซ้าย
ฟันไปทุกที่ที่เจ้าหันไป
17 แล้วเราเองก็จะตบมือเปรี้ยงเหมือนกัน
และเราก็จะระบายความเดือดดาลของเราออกมาใส่เจ้าจนหมดสิ้น
เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”
บาบิโลนเลือกไปโจมตีเยรูซาเล็ม
18 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 19 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ลากถนนขึ้นมาสองสาย ที่ดาบของกษัตริย์แห่งเมืองบาบิโลนจะไปได้
ถนนทั้งสองสายนี้จะต้องแยกออกมาจากถนนเส้นเดียวกันที่ลงมาจากประเทศหนึ่ง ให้ทำป้ายบอกทางตรงทางแยกนั้น
20 ให้วาดสายหนึ่งที่ดาบอาจจะใช้ไปสู่เมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน
และอีกสายหนึ่งที่จะไปยูดาห์และป้อมปราการในเมืองเยรูซาเล็ม
21 ให้วาดอย่างนี้ เพราะกษัตริย์บาบิโลนจะหยุดอยู่ที่ทางแยกนี้ และตัดสินว่าจะไปทางไหน เขาจะเสี่ยงทายด้วยการเขย่าเซียมซีลูกธนู สอบถามพวกรูปเคารพของเขา และผ่าตับของสัตว์ที่ถูกเซ่นไหว้ดู
22 สลากที่ตกในมือขวาของเขา บอกให้ไปเมืองเยรูซาเล็ม เขาจะออกคำสั่งฆ่า และจะอ้าปากตะโกนสั่งลุย เขาจะเอาทุ่นไม้ทะลวงประตู และเขาจะสร้างทางลาดขึ้นบุกกำแพง และสร้างกำบังเคลื่อนที่
23 ชาวยูดาห์ถือว่าลางบอกเหตุทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่มันจะเกิดขึ้นจริง เพราะพวกเขาผิดคำสาบานที่ว่าจะจงรักภักดีต่อบาบิโลน และกษัตริย์บาบิโลนจะมารื้อฟื้นความผิดของคนยูดาห์และจะจับตัวพวกเขาไปเป็นเชลย”
24 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“พวกเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย เพราะพวกเจ้าทำให้เราระลึกขึ้นได้ถึงความผิดของพวกเจ้า การกบฏของพวกเจ้าถูกเปิดโปงออกมาแล้ว พวกบาปของเจ้าเห็นได้ชัดในทุกอย่างที่เจ้าทำ 25 เจ้าชายของอิสราเอลผู้ชั่วช้า และถ่อย วันของเจ้ามาถึงแล้ว เวลาแห่งการลงโทษครั้งสุดท้ายได้มาถึงแล้ว”
26 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“ให้ถอดผ้าโพกหัวของเจ้าออก ถอดมงกุฎของเจ้าออกซะ ทุกสิ่งจะไม่เหมือนเดิม
ผู้ต่ำต้อยจะได้รับการยกย่อง และผู้ที่เคยได้รับการยกย่องจะต่ำต้อยลง
27 สับสนอลหม่าน สับสนอลหม่าน สับสนอลหม่านไปหมดแล้ว เราจะทำให้มันเป็นอย่างนั้น มันจะเป็นความพินาศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันจะเป็นอย่างนั้นจนกว่าผู้ที่จะมาลงโทษมันจะมาถึง ผู้ที่เราจะมอบหน้าที่นั้นให้”
ชาวอัมโมนจะถูกลงโทษ
28 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราว่า
‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดเกี่ยวกับชาวอัมโมนและคำเยาะเย้ยของพวกเขา
ดาบเอ๋ย ดาบ ชักออกมาเพื่อฆ่าฟัน
ถูกขัดเงาเพื่อทำลาย
และส่องประกายเหมือนสายฟ้าแลบ
29 เจ้าดาบ เจ้าจะถูกวางพาดไว้บนคอของคนถ่อยชั่วที่จะถูกฆ่า
เพราะเรื่องนิมิตทั้งหลายที่เกี่ยวกับเจ้าล้วนโกหกทั้งสิ้น
พวกหมอดูที่ทำนายอนาคตเจ้าล้วนแต่หลอกลวง
วันสำหรับคนชั่วเหล่านั้นได้มาถึงแล้ว
วันแห่งการลงโทษครั้งสุดท้ายของเขามาถึงแล้ว
เมืองบาบิโลนจะถูกลงโทษ
30 ให้เอาดาบใส่ฝักของมัน เจ้าดาบ เราจะตัดสินเจ้าในแผ่นดินที่เจ้าถูกสร้างขึ้น ในแผ่นดินซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเจ้า 31 เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนตัวเจ้า ความโกรธของเราจะเป็นเหมือนไฟที่เราจะพ่นใส่เจ้า เราจะมอบพวกเจ้าไว้ในมือของคนโหดเหี้ยม ผู้ที่ชำนาญในการทำลายล้าง
32 เจ้าจะเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟ เลือดของเจ้าจะหลั่งไหลในแผ่นดินของเจ้าเอง จะไม่มีใครจดจำเจ้าได้อีกต่อไป เพราะ เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว’”
เอเสเคียลพูดต่อต้านเมืองเยรูซาเล็ม
22 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะฟ้องร้องเมืองนี้หรือ เจ้าจะฟ้องร้องกับเมืองที่นองไปด้วยเลือดนี้หรือ ถ้าอย่างนั้น ชี้ให้เมืองนี้เห็นถึงการกระทำอันน่าขยะแขยงของมันสิ 3 บอกพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้เมืองที่ชอบนองเลือด เวลาที่เจ้าจะถูกลงโทษมาถึงแล้ว เจ้าไม่บริสุทธิ์เพราะชอบสร้างรูปเคารพทั้งหลาย”
4 ความผิดตกอยู่กับเจ้า เพราะเลือดที่เจ้าทำให้ไหลนองนั้น แล้วเจ้าทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ด้วยการสร้างรูปเคารพทั้งหลาย วันแห่งการลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว วันปีของเจ้าจบสิ้นแล้ว ดังนั้น เรากำลังทำให้เจ้าเป็นสิ่งที่ชนชาติต่างๆดูถูกเหยียดหยาม และเป็นสิ่งที่ประเทศทั้งหลายหัวเราะเยาะใส่ 5 ทั้งคนที่อยู่ใกล้และไกลจะหัวเราะเยาะเจ้า ไอ้เมืองที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
6 ดูสิ ในเมืองของเจ้า พวกเจ้าชายแห่งอิสราเอลแต่ละคน ใช้อำนาจของเขาทำให้เกิดการนองเลือด 7 ในเมืองของเจ้า ผู้คนดูหมิ่นพ่อแม่ ในเมืองของเจ้า พวกเขากดขี่คนต่างด้าว ในเมืองของเจ้า พวกเขาเอารัดเอาเปรียบเด็กกำพร้าและแม่หม้าย 8 เจ้าดูถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา และทำให้พวกวันหยุดทางศาสนาของเราเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ 9 ในเมืองของเจ้า มีการว่าจ้างให้ใส่ร้ายกัน จนทำให้คนบริสุทธิ์ถูกฆ่า ในเมืองของเจ้า มีคนที่กินอยู่ในศาลเจ้าบนภูเขา และทำสิ่งที่ชั่วช้าลามก 10 ในเมืองของเจ้า พวกเขามีเพศสัมพันธ์กับเมียของพ่อตนเอง ในเมืองของเจ้า พวกเขาร่วมเพศกับผู้หญิงทั้งๆที่พวกนางมีประจำเดือน 11 ในเมืองของเจ้า ชายคนหนึ่งทำความผิดที่น่ารังเกียจกับเมียของเพื่อนบ้าน อีกคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์กับลูกสะใภ้ของตัวเองทำให้นางไม่บริสุทธิ์ และอีกคนหนึ่งร่วมเพศกับลูกสาวของพ่อเขาเอง 12 ในเมืองของเจ้า ผู้คนต่างรับสินบนจนทำให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกฆ่า เจ้าหักดอกเบี้ยล่วงหน้าและคิดดอกเบี้ยทบต้น และหากำไรอย่างไม่ยุติธรรมจากเพื่อนบ้านของเจ้า ด้วยการรีดไถ เจ้าได้ลืมเราแล้ว’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
13 “ดูสิ เราจะตบมือเปรี้ยงด้วยความโกรธ เพราะผลกำไรที่เจ้าได้โกงเขามา และเลือดที่เจ้าทำให้ไหลนองอยู่ในเมืองของเจ้า 14 ในวันที่เราจัดการกับเจ้า เจ้ายังจะกล้าดีอยู่อีกหรือ มือของเจ้ายังจะแข็งแกร่งอยู่อีกหรือ เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว และเราจะทำตามนั้นแน่ 15 เราจะทำให้พวกเจ้าแตกซ่านไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายและกระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆ เราจะทำให้ความไม่บริสุทธิ์ของเจ้าจบสิ้นไป 16 แล้วเมื่อชนชาติทั้งหลายดูถูกเราที่เราทำอย่างนี้กับเจ้า เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
อิสราเอลเป็นเหมือนขี้เงินที่ไร้ค่า
17 แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ ครอบครัวชาวอิสราเอลกลายเป็นขี้เงินแล้วสำหรับเรา พวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนทองแดง สังกะสี เหล็กและตะกั่วที่เหลืออยู่ในเตาหลอมเมื่อคนหลอมเงิน พวกเขาเป็นเพียงขี้เงินที่เหลือทิ้งไว้ 19 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เพราะพวกเจ้าทั้งหลายเป็นขี้เงินที่ไร้ค่า เราจะรวบรวมพวกเจ้าไว้ในเมืองเยรูซาเล็ม 20 เหมือนกับที่คนรวบรวมเอาเงิน ทองแดง เหล็ก ตะกั่วและสังกะสี มาใส่ไว้ในเตาหลอมเพื่อหลอมละลายมันด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรง เราก็จะรวบรวมเจ้าไว้ด้วยความโกรธและความเดือดดาลของเรา และใส่เจ้าไว้ภายในเมืองและหลอมละลายเจ้าเสีย 21 เราจะรวบรวมเจ้าและจะโหมเจ้าด้วยความเดือดดาลอันคุกรุ่นของเรา และเจ้าจะถูกหลอมละลายอยู่ในเมืองนี้ 22 เจ้าจะถูกหลอมอยู่ในเมืองนี้ เหมือนกับเงินที่ถูกหลอมละลายอยู่ในเตาหลอม และเจ้าจะได้รู้ว่าเรา ยาห์เวห์ได้เทความเดือดดาลของเราไว้บนเจ้า’”
พวกผู้นำเยรูซาเล็มไม่ได้เรื่อง
23 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกครั้งหนึ่งว่า 24 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้บอกแผ่นดินนี้ว่า ‘เจ้าเป็นแผ่นดินที่ไม่ได้รับการชำระล้าง เจ้าก็เลยไม่ได้รับฝนในวันที่เราโกรธนั้น 25 พวกเจ้าชายในเมืองนี้เป็นเหมือนสิงโตที่คำรามตอนกำลังจะฉีกเนื้อเหยื่อของมัน พวกเขากินประชาชนของเขาเอง พวกเขายึดทรัพย์สมบัติและของมีค่าไป พวกเขาทำให้เมืองเต็มไปด้วยแม่หม้าย
26 พวกนักบวชของเจ้าละเมิดกฎของเรา และลบหลู่ของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่แยกแยะว่าสิ่งไหนศักดิ์สิทธิ์สิ่งไหนไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้สอนว่าอะไรบริสุทธิ์ อะไรไม่บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ยอมรักษาพวกวันหยุดทางศาสนาของเรา จนทำให้เราถูกลบหลู่ท่ามกลางพวกเขา
27 พวกเจ้าหน้าที่ในเมืองเป็นเหมือนพวกหมาป่าที่ฉีกเนื้อเหยื่อของพวกมัน พวกเขาทำให้เกิดการนองเลือด และฆ่าประชาชน เพื่อคดโกงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
28 พวกที่อ้างว่าพูดแทนเราของเมืองนี้ ได้ฉาบปูนขาวปิดบังการกระทำเหล่านี้ของพวกผู้นำทั้งหมดนี้ โดยใช้นิมิตปลอมและคำทำนายที่โกหก พวกเขาอ้างว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ทั้งๆที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูด
29 พวกเจ้าของที่ดินรีดไถและปล้นชิง พวกเขากดขี่คนจนและคนที่ขัดสน และข่มเหงคนต่างด้าวที่ไม่มีทางฟ้องกลับได้
30 เราได้มองหาคนหนึ่งในหมู่พวกเขา ที่จะมาซ่อมกำแพงและยืนอยู่ต่อหน้าเราตรงช่องโหว่ของกำแพง[aa] เพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ เพื่อเราจะได้ไม่ทำลายมัน แต่เราก็หาไม่พบสักคนเลย 31 ดังนั้นเราจะเทความเดือดดาลของเราลงที่พวกเขา และจะทำให้พวกเขาจบสิ้นลงด้วยไฟแห่งความโกรธของเรา เราจะให้กรรมชั่วที่พวกเขาทำนั้นสนองกลับไปตกลงบนหัวของพวกเขาเอง’”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ภรรยาสองคนที่เล่นชู้ของพระยาห์เวห์
23 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ มีพี่น้องอยู่สองคน เป็นลูกสาวจากแม่เดียวกัน 3 พวกนางกลายเป็นโสเภณีอยู่ในอียิปต์ ไปขายตัวตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กในแผ่นดินนั้น ที่นั่นพวกนางยอมให้ผู้ชายเคล้าคลึงเต้านม และลูบไล้หน้าอกอันแรกแย้มของพวกนาง 4 คนพี่ชื่อโอโฮลาห์[ab] และคนน้องชื่อโอโฮลีบาห์[ac] พวกนางกลายเป็นเมียเรา และคลอดลูกชายและลูกสาวให้กับเรา โอโฮลาห์มีอีกชื่อหนึ่งว่าสะมาเรีย โอโฮลีบาห์มีอีกชื่อหนึ่งว่าเยรูซาเล็ม
5 โอโฮลาห์ไปขายตัวในขณะที่ยังเป็นเมียของเรา และนางได้ลุ่มหลงพวกชู้รักของนาง คือชาวอัสซีเรียพวกนักรบ 6 ที่ใส่ชุดสีน้ำเงิน มีทั้งนายทหารชั้นสูงและผู้บังคับบัญชา พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเป็นทหารม้า 7 โอโฮลาห์เสนอตัวเองให้กับพวกเขา คือชายอัสซีเรียทุกคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางได้ทำตัวให้เสื่อมเสียไปกับพวกรูปเคารพของคนเหล่านั้นทั้งหมดที่นางลุ่มหลงอยู่นั้น 8 นางไม่ยอมเลิกขายตัว ที่นางได้เริ่มทำมาตั้งแต่วัยสาวในประเทศอียิปต์ ตอนที่ชายหลายคนร่วมหลับนอนกับนาง พวกเขาลูบไล้หน้าอกที่แรกแย้มของนางและเทความใคร่ของพวกเขาไว้บนตัวนาง 9 ดังนั้นเราได้มอบนางให้กับพวกอัสซีเรียชู้รักที่นางลุ่มหลง 10 พวกเขาได้จับนางเปลื้องผ้าออก[ad] แล้วเอาตัวพวกลูกชายลูกสาวของนางไป และพวกเขาก็ฆ่านางด้วยดาบ และพวกผู้หญิงใช้ชื่อนางในการแช่งด่าชาวบ้าน นั่นคือโทษที่เราได้กำหนดไว้สำหรับนาง
11 โอโฮลีบาห์น้องสาวของนางได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่นางกลับเลวทรามยิ่งกว่าพี่สาวของนางในเรื่องความใคร่และการขายตัว 12 นางยังได้ลุ่มหลงพวกชาวอัสซีเรียที่เป็นทหารชั้นสูง ผู้บังคับบัญชา นักรบที่แต่งตัวเต็มยศและทหารม้า พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา 13 เราเห็นว่านางทำตัวเสื่อมเสีย พี่น้องสองคนนี้เดินในแนวทางเดียวกัน
14 โอโฮลีบาห์ยังขายตัวหนักยิ่งขึ้น นางไปเห็นภาพของพวกชาวเคลเดีย[ae] ที่วาดด้วยสีแดงอยู่บนกำแพง 15 พวกเขามีเข็มขัดคาดอยู่รอบเอว และมีผ้าโพกหัวอยู่ พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนนายทหารชาวบาบิโลน ที่มีบ้านเกิดมาจากเมืองเคลเดีย 16 ทันทีที่นางเห็นพวกเขา นางก็ลุ่มหลงพวกเขาและได้ส่งคนไปตามหาพวกเขาในเคลเดีย 17 แล้วชาวบาบิโลนก็ได้มาพบนางเพื่อร่วมรักกับนางบนเตียง และพวกเขาได้ทำให้นางเสื่อมเสียด้วยความใคร่ของพวกเขา หลังจากที่นางทำตัวเสื่อมเสียกับพวกเขาแล้ว นางก็ตีจากพวกเขาไปด้วยความขยะแขยง
18 โอโฮลีบาห์ยังขายตัวอย่างเปิดเผย และเผยความเปลือยเปล่าของนาง เราได้ตีจากนางไปด้วยความขยะแขยงเหมือนกับที่เราเคยตีจากพี่สาวนางไป 19 เมื่อนางหวนคิดถึงครั้งที่นางยังเป็นสาวอยู่ ตอนที่นางเป็นโสเภณีอยู่ในประเทศอียิปต์ นางกลับยิ่งสำส่อนมากขึ้น 20 นางลุ่มหลงชู้รักของนางที่นั่นที่มีอวัยวะเพศเหมือนลา และมีการหลั่งน้ำกามเหมือนม้า
21 โอโฮลีบาห์ อย่างนี้ เจ้าได้หวนหาการร่านสวาทแห่งวัยสาวของเจ้า เมื่อครั้งอยู่ในประเทศอียิปต์ ที่เต้านมของเจ้าถูกเคล้าคลึงและหน้าอกของเจ้าถูกลูบไล้ 22 ดังนั้น โอโฮลีบาห์ นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
‘เราจะปลุกปั่นพวกชู้รักของเจ้าให้ต่อต้านเจ้า
เราจะนำพวกที่เจ้าเคยตีจากไปด้วยความขยะแขยง มาต่อต้านเจ้าจากทุกๆด้าน 23 ทั้งชาวบาบิโลนและชาวเคลเดียทั้งหมด พวกผู้ชายในเปโขด โชอาและโคอา รวมทั้งชาวอัสซีเรียทั้งหมด คือพวกชายหนุ่มที่หล่อเหลา ที่เป็นทหารชั้นสูง ผู้บังคับบัญชา นายทหาร และวีรบุรุษผู้กล้า ทุกคนล้วนขี่ม้า 24 พวกเขาจะมาต่อต้านเจ้าด้วยอาวุธ รถรบ เกวียน และฝูงชนเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะมาจากทุกๆด้าน เพื่อต่อต้านเจ้าด้วยโล่ขนาดใหญ่และเล็ก กับหมวกเหล็ก เราจะปล่อยให้พวกเขาลงโทษเจ้า ตามที่พวกเขาเห็นสมควร
25 เราจะหันความโกรธอันหึงหวงของเราใส่เจ้า และพวกเขาจะจัดการกับเจ้าอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาจะตัดจมูกและหูของเจ้า คนของเจ้าที่ยังเหลืออยู่จะล้มลงด้วยดาบ พวกเขาจะเอาตัวพวกลูกชายและลูกสาวของเจ้าไป ส่วนพวกที่เหลือจะถูกไฟคลอกตาย 26 พวกเขาจะเปลื้องผ้าเจ้าออกและเอาเครื่องเพชรดีๆของเจ้าไป 27 แล้วเราทำให้การร่านสวาทและการขายตัวของเจ้าที่เจ้าได้ริเริ่มไว้ในประเทศอียิปต์นั้นจบสิ้นไป เจ้าจะได้ไม่หวนหาสิ่งเหล่านี้ หรือคิดถึงประเทศอียิปต์อีกต่อไป’”
28 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เราจะมอบเจ้าให้กับพวกที่เจ้าเกลียดชัง พวกที่เจ้าตีจากไปด้วยความขยะแขยง 29 พวกเขาจะจัดการกับเจ้าด้วยความเกลียด และเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำงานได้มา พวกเขาจะทิ้งเจ้าให้เปลือยเปล่าล่อนจ้อน และความอับอายของการขายตัวของเจ้าจะถูกเปิดเผย การร่านสวาทและการขายตัวของเจ้า 30 ได้นำพาสิ่งนี้มาสู่ตัวเจ้า เพราะเจ้าได้ไปขายตัวกับชนชาติต่างๆและทำให้ตัวเจ้าเสื่อมเสียกับรูปเคารพของพวกเขา 31 เจ้าได้ทำตัวเหมือนกับพี่สาวของเจ้า ดังนั้นเราจะเอาถ้วยที่นางถูกบังคับให้ดื่มนั้นใส่ไว้ในมือของเจ้า”
32 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้
“เจ้าจะดื่มจากถ้วยของพี่สาวเจ้า
เป็นถ้วยขนาดใหญ่และลึก
มันจุได้เยอะ
เจ้าจะถูกเยาะเย้ยและถากถาง
33 เจ้าจะเต็มไปด้วยความมึนเมาและความเศร้าโศก
จากถ้วยแห่งความน่าสะพรึงกลัวและน่าสยดสยองซึ่งคือถ้วยของสะมาเรียพี่สาวของเจ้า
34 เจ้าจะดื่มมันหมดเกลี้ยง
เจ้าจะทำมันแตกและดูดเศษชิ้นๆของมัน
เจ้าจะฉีกอกของเจ้า
เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
35 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“เจ้าจะต้องรับผลแห่งการร่านสวาทและการขายตัวของเจ้า เพราะเจ้าได้ลืมเราและโยนเราไปไว้ข้างหลังเจ้า”
การฟ้องร้องโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์
36 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์
เจ้าจะฟ้องร้องโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์หรือ อย่างนั้น ชี้ให้พวกนางเห็นถึงการทำตัวอันน่าขยะแขยงของพวกนางสิ 37 พวกนางได้เล่นชู้ และเลือดของผู้บริสุทธิ์ก็ตกอยู่ในมือของพวกนาง พวกนางเล่นชู้กับพวกรูปเคารพ พวกนางได้เอาลูกๆที่นางได้คลอดให้กับเรา ไปสังเวยในไฟให้เป็นอาหารกับรูปเคารพพวกนั้น 38 แล้วในวันเดียวกันนั้น พวกนางยังทำอย่างนี้กับเราด้วย คือพวกนางได้ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมไป และทำให้พวกวันหยุดทางศาสนาของเราเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป 39 ในวันที่พวกนางได้เอาลูกๆไปสังเวยรูปเคารพเหล่านั้น พวกนางได้เข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งทำให้มันเสื่อมไป นี่คือสิ่งที่พวกเขาทำภายในบ้านของเรา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International