Bible in 90 Days
สติปัญญาที่ถูกต้อง
13 ใครในพวกคุณที่คิดว่าตัวเองฉลาดและมีความรู้ความเข้าใจดี ก็ให้เขาแสดงออกโดยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และถ่อมตัวทำทุกอย่างด้วยความฉลาด 14 แต่ถ้าคุณมีใจที่อิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ก็ไม่น่าจะอวดฉลาด และพยายามปกปิดความจริง 15 ความฉลาดอย่างนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระวิญญาณแต่มาจากปีศาจ 16 ที่ไหนที่มีแต่การอิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็มีแต่ความวุ่นวาย และจะมีแต่เรื่องชั่วร้ายเต็มไปหมด 17 แต่ความฉลาดที่มาจากพระเจ้านั้น คุณสมบัติแรกคือความบริสุทธิ์ และต่อมาคือการสร้างความสงบสุข เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีใจกว้างขวาง เต็มไปด้วยความเมตตา และเกิดผลดีมากมาย มีความยุติธรรม และซื่อสัตย์ 18 คนที่สร้างความสงบสุขด้วยสันติวิธี ก็จะได้เก็บเกี่ยวชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
ให้ถวายตัวต่อพระเจ้า
4 รู้หรือเปล่าว่า ที่พวกคุณทะเลาะวิวาทกันนั้น มันเกิดมาจากอะไร ก็เกิดจากกิเลสตัณหาที่ต่อสู้กันอยู่ในจิตใจของพวกคุณไง 2 คุณอยากได้ พอไม่ได้ก็เลยฆ่ากัน คุณอิจฉากัน ก็เลยทะเลาะวิวาทกัน ที่คุณไม่ได้ก็เพราะไม่ได้ขอจากพระเจ้า 3 แต่ที่คุณขอแล้วยังไม่ได้ ก็เพราะขอผิดๆ คิดไว้ว่าจะเอาไปสนองตัณหาของตัวเอง 4 พวกไม่ซื่อทั้งหลาย คุณไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลก[a] ก็เท่ากับเกลียดชังพระเจ้า ดังนั้นคนที่อยากเป็นมิตรกับโลก ก็เท่ากับทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า 5 คุณคิดว่าพระคัมภีร์เขียนเรื่อยเปื่อยไปหรืออย่างไร คุณคิดว่าวิญญาณที่พระเจ้าให้อาศัยอยู่ในพวกเรานั้น ขี้อิจฉาริษยาอย่างรุนแรงแบบนั้นหรือ ไม่ควรเป็นอย่างนั้นเลย 6 แต่พระเจ้าได้ให้ความเมตตามากยิ่งขึ้นไปอีก พระคัมภีร์ถึงได้พูดไว้ว่า “พระเจ้าต่อต้านคนหยิ่งยโส แต่พระองค์เมตตาปรานีกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน”[b]
7 ดังนั้น ให้อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีไปจากคุณ 8 เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลาย ทำใจให้บริสุทธิ์ 9 ให้เศร้าโศกเสียใจ และร้องไห้ ให้เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงคร่ำครวญ ให้เปลี่ยนความสุขสนุกสนานเป็นความเศร้าหมอง 10 ให้ถ่อมตัวลงต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต แล้วพระองค์จะยกคุณขึ้น
คุณไม่ใช่ผู้พิพากษา
11 พี่น้องครับ อย่าใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เพราะคนที่ใส่ร้ายป้ายสีพี่น้อง หรือตัดสินพี่น้องของตน ก็เท่ากับว่ากำลังใส่ร้ายป้ายสีกฎที่สั่งให้เรารักกัน และตัดสินกฎด้วย และถ้าคุณตัดสินกฎ ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำตามกฎ แต่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินซะเอง 12 ผู้ตั้งกฎ และผู้ตัดสิน มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น คือพระเจ้า พระองค์เป็นผู้มีอำนาจที่จะช่วยให้รอดหรือทำลาย แล้วคุณเป็นใครถึงเที่ยวไปตัดสินคนโน้นคนนี้
ให้พระเจ้าเป็นผู้นำชีวิต
13 ฟังไว้ให้ดีๆนะ คนที่ชอบพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนั้นเมืองนี้ อยู่ที่นั่นสักปี ค้าขายเอากำไร” 14 ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณเป็นเพียงแค่หมอก ที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียว แล้วก็จางหายไป 15 คุณควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นความต้องการขององค์เจ้าชีวิต เราก็จะมีชีวิตอยู่และทำสิ่งนั้นสิ่งนี้” 16 แต่ตอนนี้ คุณกำลังคุยโม้โอ้อวด ถึงความเก่งกาจของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนัก 17 ดังนั้น สำหรับคนที่รู้ตัวว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำแต่ไม่ยอมทำ ก็ถือว่าคนนั้นกำลังทำบาป
คนรวยที่เห็นแก่ตัวจะถูกลงโทษ
5 คนรวยทั้งหลาย ฟังไว้ให้ดี ร้องไห้คร่ำครวญซะ เพราะความทุกข์ยากกำลังมาถึงคุณแล้ว 2 ในไม่ช้านี้ทรัพย์สมบัติของคุณก็จะเน่าเปื่อยไป และเสื้อผ้าของคุณก็จะถูกแมลงกัดกิน 3 เงินทองของคุณก็ขึ้นสนิมหมดแล้ว สนิมพวกนี้แหละที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวคุณในวันพิพากษา และมันจะกัดกินคุณเหมือนไฟ ดูสิ จนถึงยุคสุดท้ายนี้แล้ว คุณก็ยังก้มหน้าก้มตาสะสมมันอยู่อีก 4 ดูนั่นสิ ค่าแรงที่คุณโกงคนงานที่ถางหญ้าในทุ่งของคุณนั้น ได้ร้องออกมาแล้ว และเสียงร้องของคนงานพวกนี้ ก็ดังไปถึงหูขององค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นแล้ว 5 ในโลกนี้คุณใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และหาความสุขให้กับตัวเอง กินจนอ้วนพีเหมือนวัวที่พร้อมจะเอาไปฆ่าแล้ว 6 คุณได้ตัดสินโทษ และฆ่าคนที่ไม่มีความผิดและไม่มีทางสู้
ให้อดทน
7 ดังนั้น พี่น้องครับ อดทนไว้จนกว่าองค์เจ้าชีวิตจะกลับมา จำไว้ว่าชาวนาที่รอคอยผลผลิตที่มีค่าจากผืนดินนั้น พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างอดทน ตั้งแต่ฝนต้นฤดูจนถึงฝนปลายฤดู 8 คุณก็เหมือนกัน ต้องรอคอยอย่างอดทนและทำใจให้เข้มแข็งไว้ เพราะใกล้ถึงวันที่องค์เจ้าชีวิตจะกลับมาแล้ว 9 พี่น้องครับ เลิกบ่นต่อว่ากันได้แล้ว เพื่อจะได้ไม่ถูกตัดสินลงโทษ ดูนั่นสิ ผู้พิพากษายืนอยู่ที่ประตูแล้ว 10 พี่น้องครับ เอาอย่างผู้พูดแทนองค์เจ้าชีวิตพวกนั้นสิ พวกเขาอดทนมาก ทั้งๆที่ต้องทนทุกข์กับเรื่องเลวร้ายมากมาย 11 เราถือว่าพวกคนที่อดทนอดกลั้นนั้นมีเกียรติจริงๆ คุณก็เคยได้ยินเรื่องความอดทนอดกลั้นของโยบ[c]มาแล้วนี่ และรู้ว่าตอนจบองค์เจ้าชีวิตได้ให้อะไรกับเขาบ้าง เพราะองค์เจ้าชีวิตนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร
ให้ระวังคำพูดของคุณ
12 พี่น้องครับ ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด อย่าสาบานเลย ไม่ต้องอ้างถึงฟ้าสวรรค์ หรือแผ่นดินโลก หรืออะไรทั้งนั้น ถ้า “ใช่” ก็บอกว่า “ใช่” ถ้า “ไม่ใช่” ก็บอกว่า “ไม่ใช่” แค่นี้ก็พอแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องถูกพิพากษา
แรงอธิษฐาน
13 ในพวกคุณ มีใครบ้างที่มีปัญหา ก็ให้เขาอธิษฐาน มีใครบ้างที่มีความสุข ก็ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า 14 มีใครบ้างที่เจ็บป่วย ก็ให้เขาไปเชิญพวกผู้นำอาวุโสของหมู่ประชุมของพระเจ้ามาอธิษฐานให้กับเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในนามขององค์เจ้าชีวิต 15 เมื่ออธิษฐานด้วยความเชื่อก็จะช่วยคนป่วยได้ แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะยกเขาขึ้นมา ถ้าเขาทำบาป พระองค์ก็จะยกโทษให้กับเขา 16 ดังนั้น ให้สารภาพความบาปทั้งหลายต่อกันและกัน และอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อคุณจะได้รับการรักษา คำอธิษฐานของคนที่ทำตามใจพระเจ้านั้นมีพลังและเกิดผล 17 ดูอย่างเอลียาห์สิ เขาก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนกับเรา แต่เมื่อเขาได้ทุ่มเทอธิษฐานขออย่าให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกเป็นเวลาถึงสามปีครึ่ง 18 แต่ต่อมาเขาก็ได้อธิษฐานขอให้ฝนตก ฝนก็เทลงมาจากท้องฟ้าและพื้นดินก็ชุ่มฉ่ำ เมล็ดพืชก็แตกหน่อออกผลอีกครั้งหนึ่ง
19 พี่น้องครับ ถ้าคนไหนในพวกคุณ ถูกชักนำให้หลงไปจากความจริง และมีบางคนไปนำเขากลับมา 20 ก็ให้จำเอาไว้ว่า คนที่นำคนบาปกลับมาจากทางผิดนั้น ก็ได้ช่วยชีวิตคนบาปคนนั้นให้หลุดพ้นจากความตาย และทำให้ความบาปมากมายได้รับการยกโทษ
1 จากเปโตรศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์
ถึงคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ที่เป็นคนต่างด้าวในโลกนี้ ถึงคนที่ได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามแคว้นปอนทัส กาลาเทีย คัปปาโดเซีย เอเชีย และบิธีเนีย 2 พระเจ้าพระบิดาได้เลือกคุณมาตามแผนการที่พระองค์ได้วางไว้ตั้งนานมาแล้ว โดยให้พระวิญญาณชำระล้างคุณให้บริสุทธิ์ พระเจ้าทำอย่างนี้เพื่อคุณจะได้เชื่อฟังพระเจ้า และเข้าเป็นคนของพระองค์เพราะความตายของพระเยซูคริสต์[d]
ขอพระเจ้าให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณอย่างล้นเหลือ
เรามีความหวังอันยั่งยืน
3 สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา พระองค์ได้ทำให้พวกเราเกิดใหม่เพราะความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เรื่องนี้เป็นไปได้ก็เพราะพระเยซูได้ฟื้นขึ้นจากความตาย พวกเราก็เลยมีความหวังที่แน่นอน 4 พระเจ้าได้เก็บมรดกไว้ให้กับคุณที่สวรรค์ เป็นมรดกที่ไม่มีวันผุพัง เน่าเปื่อย หรือจางหายไป 5 เพราะคุณไว้วางใจพระเจ้า พระองค์จึงคุ้มครองคุณด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ จนกว่าคุณจะได้รับความรอดที่จะเปิดเผยให้เห็นในวันสุดท้ายนั้น 6 เรื่องนี้ทำให้พวกคุณมีความชื่นชมยินดีมาก ถึงแม้จะต้องทนทุกข์ด้วยปัญหาสารพัดชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง 7 นี่เป็นการทดสอบดูความเชื่อของคุณ ความเชื่อที่แท้จริงมีค่ามากกว่าทองคำ เพราะขนาดทองคำที่ถูกไฟหลอมจนบริสุทธิ์แล้ว ยังถูกทำลายได้ เมื่อคุณผ่านการทดสอบแล้ว คุณก็จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ จะเต็มไปด้วยสง่าราศีและเกียรติยศ ในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา 8 ถึงแม้คุณยังไม่เคยเห็นพระองค์ แต่ก็ยังรักพระองค์อยู่ ตอนนี้คุณยังไม่เห็นพระองค์ แต่ก็ยังไว้วางใจและยังมีความสุขมากเกินกว่าจะพูดได้ 9 สิ่งที่พวกคุณกำลังจะได้รับและที่เป็นเป้าหมายของความเชื่อของพวกคุณด้วย คือความรอดของพวกคุณนั่นเอง
10 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดถึงความเมตตาของพระเจ้าที่จะมีมาถึงพวกคุณ พวกเขาได้พยายามสืบเสาะค้นหาเกี่ยวกับความรอดนี้อย่างละเอียด 11 พระวิญญาณของพระคริสต์ที่อยู่ในพวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้ ได้บอกกับพวกเขาล่วงหน้าถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และถึงเกียรติยศที่พระองค์จะได้รับในภายหลัง พวกเขาก็เลยอยากจะรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วเวลานั้นจะเป็นอย่างไร 12 แต่พระเจ้าได้เปิดเผยให้พวกเขารู้ว่า เรื่องที่เขาเอามาบอกพวกคุณนี้ ไม่ใช่สำหรับพวกเขา แต่มีไว้สำหรับพวกคุณ แล้วตอนนี้ก็มีคนมาประกาศข่าวดีนี้ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ส่งมาจากสวรรค์ให้พวกคุณรู้แล้ว ขนาดทูตสวรรค์ยังอยากจะรู้เรื่องนี้เลย
ใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์
13 พวกคุณต้องตั้งสติไว้ให้พร้อม บังคับตัวเองไว้ให้ดี ตั้งความหวังให้เต็มที่ในความเมตตากรุณาของพระเจ้าที่คุณจะได้รับในวันที่พระเยซูคริสต์มาปรากฏ 14 ให้เป็นเหมือนกับลูกๆที่เชื่อฟัง อย่าไปทำตามกิเลสตัณหาเหมือนกับเมื่อก่อน คือตอนที่คุณยังไม่รู้เรื่องพระเจ้า 15 พวกคุณจะต้องใช้ชีวิตอย่างแตกต่างจากผู้อื่น เพราะพระเจ้าผู้ที่เรียกคุณนั้น ก็แตกต่างจากผู้อื่น 16 เหมือนที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ให้รักษาตัวเองให้แตกต่างจากคนอื่น เพราะเราเองก็แตกต่างจากผู้อื่น”[e]
17 ในเมื่อพระเจ้าผู้ที่คุณเรียกว่าพระบิดาตอนที่คุณอธิษฐานนั้น ตัดสินไปตามการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียง ก็ให้คุณมีชีวิตที่เกรงกลัวพระองค์ ในฐานะที่พวกคุณเป็นคนต่างด้าวในสังคมรอบข้างคุณนี้ 18 เพราะคุณก็รู้ว่าเมื่อพระองค์ปลดปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระจากชีวิตที่ไร้สาระที่คุณได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษนั้น พระองค์ไม่ได้ใช้สิ่งที่เสื่อมสลายได้ อย่างเช่นเงินและทอง 19 แต่ใช้เลือดอันมีค่าของพระคริสต์ เหมือนกับเลือดของลูกแกะที่ไม่มีรอยตำหนิหรือจุดด่างพร้อยเลย 20 พระเจ้าได้เลือกพระคริสต์ไว้ก่อนที่จะสร้างโลกนี้เสียอีก แต่เพิ่งให้พระคริสต์มาปรากฏในช่วงสุดท้ายนี้เพื่อพวกคุณ 21 เพราะพระคริสต์นี่แหละ พวกคุณถึงมาไว้วางใจพระเจ้าได้ พระเจ้าได้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย และให้เกียรติยศกับพระองค์ด้วย นี่เป็นเหตุผลที่พวกคุณฝากความไว้วางใจและความหวังไว้กับพระเจ้า
22 ตอนที่คุณเชื่อฟังความจริงนั้น คุณก็ได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์แล้ว ตอนนี้เป้าหมายของคุณก็คือการมีความรักที่จริงใจให้กับพี่น้อง เพราะฉะนั้นขอให้รักกันและกันอย่างสุดหัวใจ 23 พวกคุณควรจะรักกันเพราะได้เกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดที่เน่าเปื่อยได้ แต่จากเมล็ดที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย เมล็ดนั้นคือถ้อยคำของพระเจ้าที่มีชีวิตถาวรตลอดไป
24 เหมือนกับที่พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า
“คนทุกคนเป็นเหมือนกับหญ้า
เกียรติยศของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ป่าในทุ่ง
หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป
และดอกไม้ก็ร่วงโรยไป
25 แต่ถ้อยคำของพระเจ้า ยืนยงถาวรตลอดไป”[f]
และถ้อยคำของพระเจ้านี้ก็คือข่าวดีที่เอามาประกาศให้คุณรู้แล้ว
พระเยซูเป็นหินที่มีชีวิต
2 ดังนั้น ให้กำจัดสิ่งต่างๆต่อไปนี้ให้หมดไปจากตัวคุณ เช่นการปองร้ายทุกอย่าง การหลอกลวงทุกอย่าง ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการใส่ร้ายป้ายสีทุกอย่าง 2 แต่ให้เป็นเหมือนเด็กทารกแรกเกิดที่หิวกระหายน้ำนมบริสุทธิ์ซึ่งคือถ้อยคำของพระเจ้า เพื่อคุณจะได้เติบโตขึ้น แล้วได้รับความรอด 3 เพราะตอนนี้คุณก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าองค์เจ้าชีวิตนั้นดีขนาดไหน
4 ให้เข้ามาใกล้พระเยซูคริสต์ผู้เป็นหินที่มีชีวิตอยู่ คนในโลกนี้ไม่ยอมรับหินก้อนนี้ แต่พระองค์เป็นหินที่มีเกียรติมากสำหรับพระเจ้าผู้ที่เลือกพระองค์มา 5 พวกคุณก็เหมือนกัน พวกคุณเป็นเหมือนหินที่มีชีวิตอยู่ ที่กำลังถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารสำหรับพระวิญญาณ พวกคุณเป็นคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นนักบวชที่ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายพระวิญญาณ พระเจ้าชอบใจกับเครื่องบูชาแบบนี้ก็เพราะถวายผ่านทางพระเยซูคริสต์ 6 เหมือนกับที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“ดูสิ เราวางหินก้อนหนึ่งไว้ในเมืองศิโยน
เป็นหินที่สำคัญที่สุด[g] มีเกียรติและได้รับการคัดเลือกมาแล้ว
และคนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้นจะไม่มีวันอับอายขายหน้าเลย”[h]
7 ดังนั้น พวกคุณที่ไว้วางใจ มีส่วนร่วมในเกียรติของหินก้อนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ไว้วางใจ มันก็เป็นไปตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า
“หินก้อนนี้ ที่คนก่อสร้างได้โยนทิ้งไป
กลับกลายมาเป็นหินที่สำคัญที่สุด”[i]
8 และ
“เป็นหินที่ทำให้คนเดินสะดุด
และเป็นก้อนหินที่ทำให้คนหกล้ม”[j]
พวกเขาสะดุดล้มก็เพราะไม่ยอมเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว
9 แต่คุณเป็นผู้ที่พระเจ้าคัดเลือกมา เป็นนักบวชของพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ เป็นชนชาติที่ได้อุทิศไว้กับพระเจ้า และเป็นคนของพระเจ้าโดยเฉพาะ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อคุณจะได้ไปป่าวประกาศถึงการกระทำอันยอดเยี่ยมทั้งหลายของพระองค์ พระองค์ได้เรียกคุณออกมาจากความมืด ให้เข้ามาหาความสว่างที่สุดแสนจะวิเศษของพระองค์
10 แต่ก่อนนั้นคุณไม่มีชนชาติ
แต่เดี๋ยวนี้คุณเป็นชนชาติของพระเจ้าแล้ว
แต่ก่อนนั้นพระเจ้าไม่ได้เมตตาคุณ
แต่เดี๋ยวนี้พระองค์ได้เมตตาคุณแล้ว[k]
อยู่เพื่อพระเจ้า
11 เพื่อนรัก ให้อยู่อย่างคนต่างด้าวและคนแปลกถิ่นในสังคมนี้ ผมขอร้องว่าอย่าไปยอมแพ้กับกิเลสตัณหาของสันดานที่ต่อสู้กับใจของคุณ 12 ถึงแม้คนที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าพวกนั้นจะพูดใส่ร้ายว่าพวกคุณทำผิด ก็ขอให้ทำตัวให้ดีในหมู่พวกเขา เขาจะได้เห็นความดีของคุณ แล้วจะได้ยกย่องพระเจ้าในวันที่พระองค์กลับมา
ยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจ
13 ให้คุณยอมอยู่ใต้อำนาจต่างๆที่มนุษย์ตั้งขึ้น[l] เพื่อเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของจักรพรรดิผู้มีอำนาจสูงสุด 14 หรือเจ้าเมืองต่างๆที่จักรพรรดินั้นส่งมา เพื่อลงโทษคนทำผิดและยกย่องคนที่ทำดี 15 เพราะพระเจ้าต้องการให้ชีวิตที่ดีงามของพวกคุณไปหุบปากคนโง่ที่พูดจาไร้สาระ 16 ขอให้พวกคุณใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างบังหน้าเพื่อจะทำชั่ว แต่ให้ใช้ชีวิตสมกับที่เป็นทาสของพระเจ้าดีกว่า 17 ให้เกียรติกับทุกๆคน ให้รักพี่น้องในพระคริสต์ ให้เกรงกลัวพระเจ้า และให้เกียรติกับกษัตริย์ด้วย
18 พวกคุณที่เป็นทาส ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายของตนด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ใช่ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่ดีและมีน้ำใจเท่านั้น แต่ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่โหดร้ายด้วย 19 คนที่ยอมทนต่อความเจ็บปวดที่ไม่ยุติธรรม เพราะต้องการทำตามใจพระเจ้านั้น เป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ 20 การที่คุณอดทนต่อการถูกเฆี่ยนตีเพราะทำผิด มันน่ายกย่องตรงไหน แต่การที่คุณต้องอดทนต่อความทุกข์ยากเพราะทำดี อย่างนี้สิถึงจะน่ายกย่องในสายตาพระเจ้า 21 พระเจ้าเรียกให้คุณมาทนทุกข์อย่างนี้ เหมือนกับที่พระคริสต์ยอมทนทุกข์เพื่อคุณ พระองค์ได้วางตัวอย่างให้คุณ เพื่อคุณจะได้เดินตามรอยเท้าของพระองค์
22 “พระองค์ไม่ได้ทำบาป
และไม่ได้โกหกด้วย”[m]
23 เมื่อเขาด่าว่าพระองค์ พระองค์ก็ไม่ได้โต้ตอบ เมื่อพระองค์ทนทุกข์ พระองค์ก็ไม่ได้ขู่อาฆาต พระองค์ได้มอบเรื่องของพระองค์ไว้กับพระเจ้าผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม 24 ตัวพระองค์เองได้แบกบาปของเราไว้ในตัวของพระองค์บนไม้กางเขนนั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาปและใช้ชีวิตตามใจพระเจ้า พวกคุณได้รับการรักษาให้หายก็เพราะบาดแผลของพระองค์ 25 แต่ก่อนนั้นพวกคุณเคยหลงทางไปเหมือนแกะ แต่ตอนนี้ได้กลับมาหาผู้เลี้ยงและผู้ดูแลรักษาชีวิตของคุณแล้ว
สามีและภรรยา
3 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นภรรยาก็ให้ยินยอมสามี เพื่อว่าถ้ามีสามีบางคนที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า ชีวิตที่ดีของคุณอาจจะชนะใจเขา และทำให้เขามาไว้วางใจพระเจ้าได้ โดยที่คุณไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ 2 เพราะเขาสังเกตว่าชีวิตของคุณบริสุทธิ์ และมีใจยำเกรงพระเจ้าขนาดไหน 3 ความงามของคุณ ไม่ควรจะมาจากการตกแต่งภายนอก เช่นการทำผมหรูหราฟู่ฟ่า ใส่เครื่องทอง หรือ ใส่เสื้อผ้าราคาแพง 4 แต่ให้งามจากภายในที่ไม่มีวันจืดจาง ซึ่งก็หมายถึงความสุภาพอ่อนโยน สงบเรียบร้อย ซึ่งมีค่ายิ่งนักในสายตาพระเจ้า 5 ผู้หญิงในสมัยก่อนที่บริสุทธิ์ และหวังใจในพระเจ้านั้น ได้ตกแต่งตัวเองให้มีเสน่ห์ด้วยการยินยอมสามี 6 เหมือนกับที่นางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกเขาว่า “นายของฉัน” ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็จะเป็นลูกสาวที่แท้จริงของนาง แต่จะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องตามใจพระเจ้า โดยไม่กลัวว่าสามีจะทำอะไรคุณ
7 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นสามีก็ให้อยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าอกเข้าใจ เพราะเธออ่อนแอกว่า พระเจ้าได้เมตตายกชีวิตใหม่ให้พวกคุณเป็นมรดก และเธอเป็นหุ้นส่วนกับคุณในมรดกนี้ด้วย คุณจึงควรจะให้เกียรติกับเธอ ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น พระเจ้าก็จะไม่ฟังคำอธิษฐานของคุณ
ทนทุกข์เพราะทำดี
8 สุดท้ายนี้ พวกคุณควรจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันท์พี่น้อง มีใจเมตตาและรู้จักถ่อมตัว 9 อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว หรือด่าคนที่ด่าว่าคุณ แต่ให้อวยพรเขาแทน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้คุณทำ แล้วพระองค์จะอวยพรคุณ 10 เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“ถ้าคุณอยากมีความสุขและเจอแต่วันที่ดีๆ
ก็อย่าใช้ลิ้นทำร้ายคนอื่น อย่าใช้ปากพูดโกหก
11 ให้เลิกทำชั่วและหันมาทำดี
ให้แสวงหาสันติสุขและติดตามทางแห่งสันติสุขนั้นไป
12 เพราะดวงตาองค์เจ้าชีวิต ดูแลทุกคนที่ทำตามใจพระองค์
และหูของพระองค์ฟังคำอธิษฐานของเขา
แต่หน้าของพระองค์หันเข้าต่อต้านพวกที่ทำชั่วนั้น”[n]
13 ถ้าคุณพยายามจริงๆที่จะทำความดีอยู่ตลอด แล้วใครล่ะจะทำร้ายคุณได้จริงๆ 14 แต่แม้ว่าคุณอาจจะต้องทนทุกข์เพราะทำตามใจพระเจ้า คุณมีเกียรติอย่างแท้จริง “คุณไม่ต้องกลัวพวกเขาหรือกังวลหรอก”[o] 15 แต่ให้ใจของคุณนับถือพระคริสต์เป็นองค์เจ้าชีวิต และให้พร้อมที่จะอธิบายกับทุกคนที่มาถามว่า ความหวังที่คุณมีนี้เป็นอย่างไร แต่ให้ตอบเขาอย่างสุภาพและเคารพนบนอบ 16 เมื่อคุณใช้ชีวิตในทางที่ดีเพราะเป็นคนของพระคริสต์ แล้วมีคนมาพูดใส่ร้ายคุณ ก็ให้คุณทำแต่สิ่งที่คุณรู้ว่าถูกต้อง เพื่อเขาจะได้อับอาย 17 ถ้าเป็นความต้องการของพระเจ้า ให้ทนทุกข์เพราะทำดีก็ยังดีกว่าทนทุกข์เพราะทำชั่ว 18 พระคริสต์ทนทุกข์เพื่อจัดการกับความบาปครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อนำคุณไปหาพระเจ้า พระองค์ถูกฆ่าทางกายแต่มีชีวิตขึ้นมาใหม่โดยทางพระวิญญาณ 19 ด้วยอำนาจของพระวิญญาณ พระองค์ได้ไปประกาศชัยชนะของพระองค์ให้กับพวกวิญญาณที่ถูกขังอยู่ 20 ในสมัยก่อนนานมาแล้ว วิญญาณพวกนี้ไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้า ตอนที่โนอาห์สร้างเรือ พระเจ้าได้รอคอยอย่างอดทนให้คนในโลกนี้กลับตัวกลับใจ สุดท้ายมีแปดคนที่อยู่ในเรือลำนั้น แล้วพระเจ้าใช้น้ำช่วยเขาให้รอดจากคนที่ชั่วร้ายในสมัยนั้น 21 เหมือนกับที่พระเจ้าใช้พิธีจุ่มน้ำช่วยให้พวกคุณรอดในสมัยนี้ การจุ่มน้ำนี้ไม่ใช่เป็นการล้างร่างกายให้สะอาด แต่เป็นการให้คำมั่นสัญญาต่อพระเจ้าว่าคุณจะทำแต่สิ่งที่คุณรู้ว่าถูกต้อง และทั้งหมดนี้ก็เป็นไปได้ เพราะพระเยซูคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย 22 พระองค์ได้ขึ้นไปสวรรค์และนั่งอยู่ทางขวาของพระเจ้า พระองค์ทำให้พวกทูตสวรรค์ พวกผู้มีสิทธิอำนาจ และพวกผู้มีฤทธิ์อำนาจ มาอยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์
เปลี่ยนชีวิตเสียใหม่
4 ในเมื่อพระคริสต์ได้ทนทุกข์ทรมานในร่างกายนี้แล้ว คุณก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมและคิดอย่างเดียวกันกับพระองค์ คือคนที่ยอมทนทุกข์ในร่างกายก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกทำบาป 2 ผลที่เกิดขึ้นคือ ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เขาไม่ได้อยู่ตามกิเลสตัณหาชั่วๆของมนุษย์ แต่เขามีชีวิตอยู่ตามความต้องการของพระเจ้า 3 ในอดีตคุณก็ได้ใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่เชื่อพระเจ้ามามากพอแล้ว ทั้งมั่วโลกีย์ กามราคะ เมาเหล้า มั่วสุมทางเพศ เลี้ยงฉลองเมามาย และกราบไหว้รูปเคารพ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง 4 เพื่อนๆของคุณก็สงสัยว่า ทำไมคุณถึงได้เลิกสำมะเลเทเมากับพวกเขา พวกเขาเลยแช่งด่าคุณ 5 แต่พวกเขาจะต้องให้การกับพระเจ้าผู้ที่พร้อมจะตัดสินโทษทุกคน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ตายไปแล้วด้วย 6 นั่นเป็นเหตุที่มีการประกาศข่าวดีนี้ในอดีตให้กับผู้เชื่อซึ่งตอนนี้ได้ตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นจะตัดสินว่าเขาผิดตอนที่เขายังอยู่ในร่างกาย แต่เขามีชีวิตอยู่ด้วยพระวิญญาณในสายตาของพระเจ้า
ใช้พรสวรรค์ที่พระเจ้าให้อย่างฉลาด
7 ใกล้จะถึงวันสิ้นโลกแล้ว ตั้งสติไว้ให้ดีและรู้จักควบคุมตัวเอง คุณจะได้อธิษฐาน 8 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้รักกันและกันอย่างลึกซึ้ง เพราะความรักจะปกปิดความบาปได้มากมาย 9 ให้เลี้ยงดูปูเสื่อกัน อย่าบ่นเลย 10 ให้แต่ละคนเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ แล้วใช้พรสวรรค์ที่รับมาเพื่อรับใช้ซึ่งกันและกัน 11 ถ้าคุณมีพรสวรรค์ในด้านการพูด ก็ให้พูดในฐานะคนที่ประกาศคำพูดที่ได้ยินมาจากพระเจ้า ถ้าคุณมีพรสวรรค์ในด้านการรับใช้ ก็ให้รับใช้สุดกำลังที่พระเจ้าให้มา เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศจากทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ขอให้เกียรติยศและฤทธิ์เดชมีกับพระเยซูคริสต์ตลอดไป อาเมน
ทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน
12 เพื่อนรัก อย่าเพิ่งแปลกใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพวกคุณ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย แต่ปัญหาก็คือการลองใจคุณ 13 ให้ดีใจที่คุณได้ร่วมทุกข์กับพระคริสต์ เพราะคุณจะได้ดีใจเป็นล้นพ้นเมื่อพระคริสต์กลับมาอย่างมีเกียรติ 14 เมื่อมีคนประณามคุณเพราะคุณเป็นของพระคริสต์ คุณก็มีเกียรติอย่างแท้จริง เพราะแสดงว่าพระวิญญาณผู้ทรงเกียรติของพระเจ้านั้นอยู่กับพวกคุณ 15 ถ้าคุณจะต้องทนทุกข์ ก็ขออย่าให้เป็นเพราะคุณไปฆ่าคนมา ไปขโมย ไปทำชั่ว หรือไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย 16 แต่ถ้าคุณต้องทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน ก็อย่าอายเลย แต่ให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะคุณได้ชื่อว่าคริสเตียน 17 ถึงเวลาสำหรับการตัดสินโทษแล้ว การตัดสินนั้นจะเริ่มต้นจากครอบครัวของพระเจ้าก่อน แล้วลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีจากพระเจ้า 18 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“ขนาดคนที่ทำตามใจพระเจ้า ยังเกือบจะไม่รอด
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนชั่วและคนบาปเล่า”[p]
19 ถ้าอย่างนั้น คนที่ต้องทนทุกข์เพราะเป็นความต้องการของพระเจ้านั้น ก็ต้องมอบตัวเองไว้กับพระผู้สร้างที่ซื่อสัตย์ และให้ทำดีต่อไป
ฝูงแกะของพระเจ้า
5 ผมเขียนมาขอร้องพวกผู้นำอาวุโสที่อยู่กับพวกคุณ ในฐานะที่ผมก็เป็นผู้นำอาวุโสคนหนึ่ง เป็นคนหนึ่งที่เป็นพยานถึงเรื่องที่พระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมาน และเป็นคนหนึ่งที่จะมีส่วนร่วมในสง่าราศีของพระคริสต์เมื่อพระองค์กลับมา 2 ขอให้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่พระเจ้าฝากให้คุณดูแลอยู่นี้ ไม่ใช่ฝืนใจทำ แต่ให้ทำด้วยความเต็มใจอย่างที่พระเจ้าต้องการให้คุณทำ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงิน แต่เพราะคุณอยากจะทำจริงๆ 3 ไม่ทำตัวเป็นนายเหนือคนพวกนั้นที่พระองค์ได้ฝากให้คุณดูแล แต่ให้ทำตัวเป็นแบบอย่างกับฝูงแกะนั้น 4 เพื่อเมื่อพระคริสต์ผู้เป็นหัวหน้าคนเลี้ยงแกะกลับมา คุณก็จะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ ที่ไม่มีวันร่วงโรยไป
5 ในทำนองเดียวกัน คนที่มีอายุน้อยกว่า ก็ให้เชื่อฟังพวกผู้นำอาวุโส แต่ความจริงแล้ว ทุกๆคนควรจะอ่อนน้อมถ่อมตัวรับใช้ซึ่งกันและกันเหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“พระเจ้าต่อต้านคนที่เย่อหยิ่งจองหอง
แต่มีความเมตตากรุณาต่อคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน”[q]
6 ถ้าอย่างนั้น ให้พวกคุณอ่อนน้อมถ่อมตัวลงใต้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะได้ยกคุณขึ้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม 7 ให้เอาความกังวลทั้งหมดของคุณฝากไว้กับพระเจ้า เพราะพระองค์ห่วงใยคุณ
8 ให้รู้จักบังคับตนเอง ระวังตัวให้ดี เพราะศัตรูของคุณคือมาร กำลังเดินด้อมๆมองๆเหมือนสิงโตที่คำรามจ้องตะครุบเหยื่อมากิน 9 ให้ขัดขืนมารนั้น และยึดมั่นในความเชื่อ เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่า พี่น้องทั่วโลกก็เจอความทุกข์ยากเหมือนคุณ
10 พระเจ้าผู้เป็นแหล่งของความเมตตาทุกอย่างได้เรียกคุณผ่านทางพระเยซูคริสต์ ให้คุณเข้ามามีส่วนร่วมในเกียรติของพระองค์ที่ไม่มีวันหมด คุณจะต้องทนทุกข์อยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นพระเจ้าก็จะช่วยให้คุณกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์แบบ จะให้คุณเข้มแข็ง มีกำลังมากขึ้นและมั่นคง 11 ขอให้ฤทธิ์เดชเป็นของพระองค์ตลอดไปอาเมน
คำทักทายสุดท้าย
12 ผมได้เขียนจดหมายสั้นๆฉบับนี้ และได้ฝากสิลาสมาให้กับคุณ เขาเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ในพระคริสต์ ผมเขียนมาเพื่อให้กำลังใจพวกคุณ และยืนยันว่าทุกอย่างที่เขียนมานี้เป็นความเมตตากรุณาที่แท้จริงของพระเจ้า ให้คุณยืนหยัดมั่นคงในความเมตตากรุณานี้
13 หมู่ประชุมที่เมืองบาบิโลน[r]ที่พระเจ้าได้เลือกไว้เหมือนกับที่พระองค์ได้เลือกพวกคุณ ได้ฝากความคิดถึงมาให้กับคุณ มาระโกลูกของผมก็ฝากความคิดถึงมาเหมือนกัน 14 เมื่อเจอกันก็ขอให้จูบทักทายกันด้วยความรัก
ขอให้ทุกคนที่มีส่วนในพระคริสต์ได้รับสันติสุข
1 จากซีโมน เปโตร ผู้เป็นทาสและศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์
ถึงคนเหล่านั้นที่มีความเชื่อที่มีค่าเท่ากันกับของเรา เพราะพระเจ้าของเราคือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดนั้น[s]ยุติธรรม
2 ขอพระเจ้าให้ความเมตตากรุณา และสันติสุขกับพวกคุณมากยิ่งๆขึ้น เพราะพวกคุณรู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์เจ้าชีวิตของเราอย่างแท้จริง
พระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งที่เราต้องการ
3 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พวกเราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่จะให้เกียรติพระเจ้า เราได้รับสิ่งเหล่านี้ ก็เพราะเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่เรียกเรามาด้วยเกียรติและฤทธิ์เดชของพระองค์ 4 และด้วยเกียรติและฤทธิ์เดชนี้แหละ พระเจ้าได้ให้สัญญาต่างๆที่มีค่าและยิ่งใหญ่กับเราแล้ว พระองค์ให้สิ่งเหล่านี้เพื่อคุณจะได้หลุดพ้นจากความเสื่อมทรามที่อยู่ในโลกนี้ เนื่องจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ เพื่อเราจะได้รับสภาพที่เหมือนพระเจ้า
5 ด้วยเหตุนี้ คุณจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะใช้ความเชื่อสร้างความดี ใช้ความดีสร้างความรู้ ใช้ความรู้เพื่อบังคับตน 6 ใช้การบังคับตนสร้างความอดทน ใช้ความอดทนสร้างชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้า 7 ใช้ชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้าสร้างความผูกพันฉันท์พี่น้อง ใช้ความผูกพันฉันท์พี่น้องสร้างความรัก 8 เพราะถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัว แล้วให้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณจะได้ไม่เป็นคนที่เฉยเมยหรือไร้ประโยชน์ในฐานะคนที่รู้จักพระเยซูคริสต์เจ้า 9 แต่คนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัว ก็เป็นคนสายตาสั้นจนเหมือนบอด และได้ลืมไปว่าบาปที่เขาได้ทำในอดีตนั้น พระเจ้าได้ล้างให้แล้ว
10 ดังนั้น พี่น้องครับ พยายามเต็มที่ เพื่อจะได้แน่ใจว่าคุณจะได้ในสิ่งที่พระเจ้าได้เรียกและเลือกให้คุณมารับนั้น เพราะถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณจะไม่มีวันสะดุดและล้มหายไป 11 แล้วคุณยังจะได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่เข้าไปในอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา 12 ด้วยเหตุนี้ ผมจะคอยเตือนคุณอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ถึงแม้คุณจะรู้และตั้งมั่นคงอยู่ในความจริงนี้แล้วก็ตาม 13 ผมว่าผมทำถูกแล้วนะที่จะเตือนความจำพวกคุณอยู่เรื่อยๆในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่ 14 เพราะรู้ว่าอีกไม่นาน ผมจะต้องจากร่างนี้ไปแล้ว ตามที่พระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเราได้บอกกับผมไว้อย่างชัดเจน 15 ดังนั้น ผมจะต้องทำอย่างดีที่สุด เพื่อที่ว่าเมื่อผมจากโลกนี้ไปแล้ว คุณก็ยังจะจำเรื่องนี้ได้อยู่ตลอดเวลา
ความยิ่งใหญ่ของพระเยซู
16 เมื่อเราประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรากับพวกคุณ ว่าพระองค์จะกลับมาด้วยฤทธิ์เดชนั้น เราไม่ได้เล่าตามนิยายต่างๆที่คนแต่งขึ้นมาอย่างเก่งกาจ แต่เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์เองกับตา 17 เราเห็นพระองค์ได้รับเกียรติและความยิ่งใหญ่จากพระเจ้าพระบิดา ตอนที่มีเสียงพิเศษจากผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด[t]มาถึงพระเยซูว่า “นี่เป็นลูกที่เรารัก เราภูมิใจเขามาก” 18 เมื่อเราอยู่กับพระเยซูบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เราก็ได้ยินเสียงนั้นที่มาจากสวรรค์
19 เรายังเห็นอีกว่า คำทำนายของผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเชื่อถือได้มากจริงๆ ที่พวกคุณสนใจเรื่องนี้ก็ดีมาก เพราะมันเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้าไปในความมืด จนกว่าจะเช้าและมีดาวรุ่งผุดขึ้นในใจของพวกคุณ 20 แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจเรื่องนี้เสียก่อนว่า คำของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในพระคัมภีร์นั้น ไม่ใช่คำที่พวกเขาคิดขึ้นมาเอง 21 หรืออยากจะพูดก็พูดเอาเอง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ดลใจคนเหล่านี้ให้พูดสิ่งที่มาจากพระเจ้า
ผู้สอนเท็จ
2 แต่ก็มีผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมเกิดขึ้นในกลุ่มคนของพระเจ้า ซึ่งก็เหมือนกับที่จะมีครูจอมปลอมเกิดขึ้นในกลุ่มพวกคุณนั่นแหละ พวกนี้จะเอาความคิดนอกลู่นอกทางมาสอนกัน คำสอนพวกนี้ทำให้คนถูกทำลายได้ ถึงแม้องค์เจ้าชีวิตได้ซื้อเขาไว้แล้ว เขาก็ยังปฏิเสธองค์เจ้าชีวิตอยู่ดี ซึ่งจะทำให้เขาถูกทำลายโดยเร็ว 2 จะมีหลายคนหันไปทำชั่วตามคนพวกนี้ คนพวกนี้แหละที่ทำให้คนดูหมิ่นทางแห่งความจริง 3 ด้วยความโลภ พวกนี้จะกุเรื่องขึ้นมาสอน หวังจะหลอกเอาเงินของคุณ คำตัดสินโทษต่อคนพวกนี้ที่ได้ประกาศไว้ตั้งนานแล้วนั้น ไม่ได้เอาไว้ขู่เล่นๆ แต่ความพินาศนั้นพร้อมแล้วและกำลังจะมาในเร็วๆนี้
4 พระเจ้าไม่ได้ละเว้นโทษแก่ทูตสวรรค์เมื่อพวกเขาทำบาป แต่ส่งไปขังไว้ในหลุมที่ลึกมาก ล่ามโซ่ไว้ในความมืดเพื่อรอวันพิพากษา 5 ในสมัยโบราณ พระเจ้าก็ไม่ได้ละเว้นโทษให้กับโลกนี้ที่เต็มไปด้วยคนที่ต่อต้านพระองค์ แต่ส่งน้ำมาท่วมโลก อย่างไรก็ตามพระองค์ได้คุ้มครองโนอาห์ซึ่งเป็นคนที่ไปประกาศให้คนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องกับพระองค์ และพระเจ้าก็ได้คุ้มครองอีกเจ็ดคนด้วย 6 พระเจ้าได้ตัดสินลงโทษเผาเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ไปทั้งเมือง เพื่อให้คนที่ต่อต้านพระเจ้าเห็นเป็นตัวอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา 7 แต่พระองค์ได้ช่วยกู้โลทคนที่ทำตามใจพระองค์ ความลามกของคนชั่วช้านั้นทำให้โลทเจ็บปวดรวดร้าวใจ 8 (โลทเป็นคนดี แต่เพราะอยู่กับคนชั่ว ได้เห็นการกระทำชั่วๆและได้ยินคำพูดเลวๆของพวกเขาทุกๆวัน ทำให้จิตใจที่ดีของเขาเจ็บปวดรวดร้าว) 9 ถ้าเป็นอย่างนี้ องค์เจ้าชีวิตย่อมรู้ว่าจะช่วยกู้คนที่อุทิศตัวให้กับพระองค์ได้อย่างไรเมื่อเขาตกทุกข์ได้ยาก แล้วจะเก็บคนชั่วไว้ลงโทษในวันพิพากษา 10 โดยเฉพาะคนพวกนั้นที่หลงระเริงไปกับความสกปรกโสมมของสันดาน และดูถูกสิทธิอำนาจขององค์เจ้าชีวิต คนพวกนี้ยโสโอหังและหัวรั้น กล้าดูหมิ่นแม้แต่ทูตสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี 11 ขนาดทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์และอำนาจมากกว่า ยังไม่ฟ้องดูหมิ่นพวกนี้ต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต 12 พวกครูจอมปลอมนี้ พูดใส่ร้ายในสิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ พวกนี้เป็นเหมือนกับสัตว์ที่ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ เพราะคิดไม่เป็น เกิดมาเพื่อถูกจับและถูกฆ่าเท่านั้น แล้วครูพวกนี้ก็จะถูกทำลายไปเหมือนกับสัตว์ด้วย 13 เขาจะได้รับความทุกข์เป็นการตอบแทนให้สมกับความทุกข์และความผิดที่เขาทำไว้กับคนอื่น ความสนุกสนานของเขาคือการจัดงานมั่วสุมเมากันกลางวันแสกๆ เขาเป็นจุดสกปรกและมีตำหนิท่ามกลางพวกคุณ และชอบสำมะเลเทเมากันเมื่อกินเลี้ยงกับพวกคุณ 14 พวกนี้สอดส่ายสายตา หาแต่ผู้หญิงมาหลับนอนด้วยตลอดเวลา ไม่เคยรู้จักพอ เขาล่อลวงพวกที่มีใจโลเลให้ทำบาป ใจพวกนี้ช่ำชองในความโลภ และอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง 15 พวกนี้ได้ทิ้งทางที่ถูกต้องและหลงไปติดตามทางของบาลาอัม ลูกของเบโอร์คนที่รักเงินค่าจ้างที่ได้มาจากการทำผิด 16 แต่ลาที่ปกติแล้วพูดไม่ได้ กลับพูดเป็นเสียงคน ต่อว่าเขาในความผิดที่เขาทำและได้หยุดการกระทำโง่ๆของผู้พูดแทนพระเจ้าคนนี้
17 พวกครูสอนผิดนี้ เป็นตาน้ำที่แห้งขอด และเป็นเมฆที่ถูกพายุพัดพาไป ขุมนรกมืดถูกเตรียมไว้แล้วสำหรับคนพวกนี้ 18 พวกนี้ดีแต่โม้เรื่องไร้สาระของตน และใช้ราคะตัณหาของร่างกายมายั่วคนที่เพิ่งจะหลุดพ้นมาจากการใช้ชีวิตผิดๆ 19 ครูพวกนี้ได้สัญญาว่าจะให้เสรีภาพกับคนพวกนั้น ทั้งๆที่ตัวเองยังตกเป็นทาสของนิสัยชั่วๆอยู่เลย คนที่พ่ายแพ้กับอะไร เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น 20 ดังนั้นคนไหนที่หลุดพ้นออกมาจากความสกปรกโสมมของโลกนี้ได้แล้ว เพราะได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่กลับพ่ายแพ้ และกลับไปพัวพันกับสิ่งเหล่านั้นอีก สภาพของเขาตอนหลังนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก 21 เพราะถ้าคนนี้ไม่ได้รู้จักทางที่ถูกต้องนี้ตั้งแต่แรก ก็ยังดีกว่าได้รู้จัก แล้วหันหน้าหนีไปจากคำสั่งสอนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ให้เขาไว้ 22 สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนพวกนี้ก็เป็นไปตามคำสุภาษิตที่ว่า “หมาก็หันกลับไปกินอ้วกของมัน”[u] หรือที่ว่า “หมูที่ล้างสะอาดแล้ว ก็กลับไปเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนตมอีก”
พระเยซูจะกลับมา
3 เพื่อนที่รัก นี่เป็นจดหมายฉบับที่สองแล้วที่ผมได้เขียนมาให้พวกคุณ ในจดหมายทั้งสองฉบับนี้ ผมพยายามที่จะสะกิดความคิดที่บริสุทธิ์ในใจคุณด้วยเรื่องพวกนี้ 2 ผมอยากให้คุณคิดถึงคำที่คนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดไว้ในอดีต และคำสั่งสอนขององค์เจ้าชีวิตพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเราที่ศิษย์เอกบอกกับพวกคุณ 3 ก่อนอื่นอยากจะให้คุณรู้ว่า ในช่วงสุดท้ายของโลกจะมีคนทำตามกิเลสตัณหาของตัวเอง และหัวเราะเยาะเย้ยพวกคุณ 4 พวกเขาจะถามคุณว่า “พระคริสต์สัญญาว่าจะเสด็จกลับมา แล้วไหนล่ะ พ่อแม่ก็ตายไปแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเหมือนกับวันแรกที่โลกนี้ถูกสร้างขึ้นมา” 5 ตอนที่พวกเขาพูดอย่างนี้ พวกเขาลืมไปว่า นานมาแล้วนั้น พระเจ้าได้สร้างท้องฟ้าและแผ่นดินขึ้นมา โดยที่พระองค์สั่งให้แผ่นดินโลกแยกจากน้ำ ทำให้แผ่นดินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ และให้น้ำล้อมรอบแผ่นดินไว้ 6 พระองค์ยังได้ใช้น้ำในการทำลายล้างโลกนี้เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ 7 แล้วยังสั่งอีกว่า ในวันพิพากษาท้องฟ้าและแผ่นดินโลกที่เหลืออยู่เดี๋ยวนี้จะถูกทำลายด้วยไฟ ในวันนั้นคนที่ต่อต้านพระเจ้าจะถูกทำลายไป
8 เพื่อนๆที่รัก อย่าลืมข้อนี้ไป สำหรับองค์เจ้าชีวิตนั้น หนึ่งวันก็เหมือนพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนหนึ่งวัน 9 องค์เจ้าชีวิตไม่ได้รีรอที่จะทำตามสัญญาเหมือนกับที่บางคนคิดหรอก แต่พระองค์ได้อดทนต่อพวกคุณ เพราะพระองค์ไม่อยากให้มีใครถูกทำลายเลย แต่พระองค์อยากให้ทุกคนกลับใจเสียใหม่ 10 แต่วันที่องค์เจ้าชีวิตกลับมานั้นจะมาเหมือนกับขโมย ในวันนั้นท้องฟ้าก็จะสูญหายไปด้วยเสียงร้องกึกก้องของลูกไฟ และดวงสว่างต่างๆในท้องฟ้าก็จะถูกทำลายไป และคนในโลกนี้ กับการกระทำของเขาจะถูกเปิดเผยออกมาให้พระองค์พิพากษา[v] 11 เมื่อรู้ว่าสิ่งต่างๆจะถูกทำลายไปอย่างนี้แล้ว คิดให้ดีๆว่าคุณควรจะเป็นคนแบบไหน คุณควรจะใช้ชีวิตให้บริสุทธิ์ และให้เกียรติพระเจ้า 12 ในขณะที่กำลังรอคอยวันของพระเจ้า และเร่งให้มันมาถึงเร็วๆ วันนั้นท้องฟ้าจะถูกทำลายด้วยไฟและทุกอย่างในท้องฟ้าจะถูกหลอมละลายด้วยเปลวไฟนั้น 13 แต่ตามสัญญาของพระเจ้านั้น เราตั้งหน้าตั้งตาคอยสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนจะทำตามใจพระองค์
14 ดังนั้น เพื่อนๆที่รัก ในเมื่อพวกคุณตั้งหน้าตั้งตาคอยสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ขอให้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้มีจุดสกปรกและด่างพร้อยต่อหน้าพระเจ้า และมีสันติสุขกับพระเจ้า 15 อย่าลืมว่าที่องค์เจ้าชีวิตอดทนนั้นก็เพราะพระองค์ต้องการให้ผู้คนรอด ตอนที่เปาโลพี่น้องที่รักของเราเขียนหาคุณตามสติปัญญาที่พระเจ้าได้ให้กับเขานั้น เขาก็พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน 16 ในจดหมายของเขาทุกฉบับพูดถึงเรื่องพวกนี้ มีบางเรื่องในจดหมายนั้นที่เข้าใจยาก ซึ่งทำให้คนที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อนและเป็นคนโลเล ได้เอาเรื่องที่เข้าใจยากพวกนี้ไปอธิบายจนผิดเพี้ยนไปจากเดิม เหมือนกับที่พวกเขาทำกับพระคัมภีร์ข้ออื่นๆด้วย จึงทำให้ตัวเองถูกทำลายไป
17 ดังนั้นเพื่อนๆที่รัก ในเมื่อพวกคุณได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ให้ระวังตัวให้ดี คุณจะได้ไม่หลงไปตามคำสอนเท็จของพวกนอกคอกนั้น และสูญเสียความมั่นคงที่คุณมี 18 แต่ขอให้เจริญขึ้นในความเมตตากรุณา และความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติ ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป อาเมน
1 มีเรื่องหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนวันแรกของโลกแล้ว เป็นเรื่องที่เราได้ยินมากับหู เห็นมากับตา ได้เพ่งดูอย่างละเอียด และได้สัมผัสมากับมือของเราเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้อยคำ[w]แห่งชีวิต 2 และชีวิตนั้นเองได้มาปรากฏให้เราเห็น และตอนนี้เราได้เป็นพยานและประกาศเรื่องของชีวิตนั้นให้พวกคุณ คือชีวิตที่จะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป ชีวิตนั้นอยู่กับพระบิดาและได้มาปรากฏให้เราเห็น 3 เพราะเราได้เห็นและได้ยินเรื่องชีวิตนั้นแล้ว เราจึงมาบอกให้พวกคุณรู้เดี๋ยวนี้ หวังว่าพวกคุณจะได้มีสายสัมพันธ์กับพวกเราเหมือนกับที่พวกเรามีสายสัมพันธ์กับพระบิดาและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ด้วย 4 เพราะอย่างนี้ เราจึงเขียนเรื่องพวกนี้ให้กับพวกคุณ เพื่อพวกเรา[x]จะได้มีความสุขอย่างเต็มที่
พระเจ้ายกโทษให้กับเรา
5 นี่คือเรื่องที่เราได้ยินจากพระเยซูคริสต์เจ้า และเป็นเรื่องเดียวกับที่เรากำลังบอกพวกคุณอยู่เดี๋ยวนี้ คือพระเจ้าเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดในพระองค์เลย 6 ถ้าเราบอกว่าเรามีสายสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในความมืด เราก็โกหกและไม่ได้ทำตามความจริง 7 แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างเหมือนกับที่พระเจ้าอยู่ในความสว่าง เราก็จะมีสายสัมพันธ์ร่วมกัน และเลือดของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าก็ล้างความบาปทุกอย่างของเราจนหมดสิ้น
8 ถ้าเราบอกว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และไม่รู้จักความจริง 9 แต่ถ้าเรายอมสารภาพความบาปของเรา พระเจ้าผู้รักษาคำสัญญาและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จะยกโทษบาปให้กับเรา และจะล้างเราให้สะอาดจากความผิดทุกอย่างด้วย 10 แต่ถ้าเราบอกว่า เราไม่ได้ทำบาป เราก็กำลังว่าพระเจ้าโกหก และคำพูดของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในใจเราเลย
พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด
2 ลูกๆที่รัก ผมได้เขียนสิ่งเหล่านี้ถึงพวกคุณ เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เราก็มีพระเยซูคริสต์ผู้ซื่อสัตย์ที่แก้ตัวแทนเราต่อหน้าพระบิดา 2 พระองค์เป็นเครื่องบูชาที่จัดการกับบาปของเรา และไม่ใช่แต่ความบาปของเราเท่านั้น แต่รวมถึงบาปของคนทั้งโลกด้วย
3 ถ้าเรารักษาคำสั่งของพระองค์ เราก็จะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์จริงๆ 4 คนที่พูดว่า “ฉันรู้จักพระเจ้า” แต่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระองค์ ก็เป็นคนโกหก เขาไม่ได้รู้จักความจริง 5 แต่คนที่ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้านั้น ความรักของพระเจ้าก็สำเร็จครบถ้วนในคนๆนั้นอย่างแท้จริง สิ่งนี้ทำให้เราแน่ใจว่าเราอยู่ในพระองค์ 6 คนที่บอกว่าตัวเองอยู่ในพระเจ้า ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนกับพระเยซูด้วย
คำสั่งให้เรารักคนอื่น
7 เพื่อนๆที่รัก ผมไม่ได้เขียนคำสั่งใหม่ให้กับคุณ แต่เป็นคำสั่งอันเก่าที่พวกคุณมีอยู่แล้วและเคยได้ยินมาแล้ว 8 แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงคุณนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำสั่งใหม่ก็ได้ คุณดูได้จากชีวิตของพระคริสต์ หรือดูจากชีวิตของพวกคุณเอง แล้วจะรู้ว่าคำสั่งใหม่นี้เป็นความจริงเพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไป และความสว่างอันแท้จริงกำลังส่องแสงอยู่แล้ว
9 คนที่พูดว่าเขาอยู่ในความสว่างแต่ยังเกลียดชังพี่น้องอยู่ ก็แสดงว่าเขายังอยู่ในความมืด 10 คนที่รักพี่น้องของเขาก็อยู่ในความสว่าง ชีวิตของเขาจะไม่มีอะไรไม่ดีที่จะไปทำให้คนอื่นสะดุดทำบาป 11 แต่คนที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็ยังอยู่ในความมืด เขายังเดินอยู่ในความมืด และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปที่ไหน เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด
12 ลูกเล็กๆที่รัก ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะบาปที่พวกคุณได้ทำนั้น พระเจ้าได้ยกโทษแล้วผ่านทางพระคริสต์
13 คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้รู้จักกับพระองค์ ผู้ซึ่งเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้เอาชนะมารร้ายนั้น
14 ลูกเล็กๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระบิดา คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระองค์ผู้ซึ่งได้เป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณมีกำลังมาก และพระคำของพระเจ้าอยู่ในพวกคุณทั้งหลาย และพวกคุณก็ได้เอาชนะมารร้ายนั้น
15 อย่ารักโลกหรือรักสิ่งของในโลกนี้อีกต่อไป ถ้าคนไหนรักโลกนี้ คนนั้นก็ไม่ได้รักพระบิดา 16 เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ คือกิเลสตัณหาของสันดาน กิเลสตัณหาของตา และการโอ้อวดในสิ่งที่ทำหรือมี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกนี้ 17 โลกนี้กำลังผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมๆกับกิเลสตัณหาของมัน แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระเจ้าจะยังอยู่ตลอดไป
อย่าติดตามศัตรูของพระคริสต์
18 ลูกๆเอ๋ย วันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว อย่างที่พวกคุณได้ยินแล้วว่าศัตรูของพระคริสต์กำลังจะมา เดี๋ยวนี้พวกศัตรูนั้นก็ได้มากันมากมายแล้ว ซึ่งทำให้เรารู้ว่าวันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว 19 ศัตรูพวกนี้เป็นพวกที่ได้เดินออกไปจากพวกเรา แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้เป็นคนของพวกเราหรอก เพราะถ้าเป็นพวกเราจริงก็ต้องอยู่กับเราตลอดไป แต่พวกเขาได้ออกไปจากพวกเราแล้ว แสดงว่าไม่มีใครสักคน ในพวกเขาที่เป็นคนของพวกเรา
20 พระคริสต์ผู้บริสุทธิ์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้พวกคุณทุกคนรู้ความจริง 21 ที่ผมเขียนจดหมายมาหาพวกคุณ ไม่ใช่เพราะพวกคุณไม่รู้ความจริงนี้ แต่เพราะพวกคุณรู้แล้ว และรู้ด้วยว่าไม่มีคำหลอกลวงออกมาจากความจริง
22 แล้วคนโกหกคือใคร คนโกหกก็คือคนที่พูดว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์ คนนี้แหละคือศัตรูของพระคริสต์และเป็นคนที่ปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตรด้วย 23 ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา แต่คนที่ยอมรับพระบุตรอย่างเปิดเผยก็มีพระบิดาด้วย
24 ขอให้พวกคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนที่คุณได้ยินมาตั้งแต่ต้น เพราะถ้าคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนนี้ไว้ คำสั่งสอนนี้ก็จะเก็บรักษาคุณไว้ในพระบุตรและพระบิดาด้วย 25 นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้กับเรา คือชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไป
26 ทั้งหมดที่ผมเขียนมานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่มีคนพยายามจะมาหลอกลวงพวกคุณ 27 พระคริสต์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ยังอยู่กับพวกคุณ คุณก็เลยไม่ต้องให้ใครมาสอนอีก เพราะพระวิญญาณนั้นได้สอนให้คุณรู้เกี่ยวกับทุกสิ่ง พระวิญญาณนั้นเป็นความจริงและจะไม่หลอกลวง ดังนั้นพวกคุณควรจะตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์เหมือนกับที่พระวิญญาณได้สอนนั้น
28 เดี๋ยวนี้ขอให้ลูกเล็กๆทั้งหลายตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อวันที่พระคริสต์มาปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจและไม่ต้องละอายเมื่อพระองค์กลับมา 29 เพราะพวกคุณรู้แล้วว่า พระเจ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็ได้เป็นลูกของพระเจ้า
เราเป็นลูกของพระเจ้า
3 ดูสิ ความรักที่พระบิดามีต่อพวกเรานั้น มันมากมายมหาศาลแค่ไหน ถึงขนาดได้เรียกเราว่าเป็นลูกของพระองค์ และเราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ โลกนี้ไม่รู้จักพระองค์ ซึ่งเป็นเหตุที่โลกไม่รู้จักเราเหมือนกัน 2 เพื่อนๆที่รัก ตอนนี้เราได้เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว เรายังไม่รู้ว่าต่อไปข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าเมื่อพระคริสต์มาปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์ตามที่พระองค์เป็นจริงๆ 3 ทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ ก็จะทำตัวเองให้บริสุทธิ์เหมือนอย่างที่พระคริสต์บริสุทธิ์
4 ทุกคนที่ทำบาปก็ฝ่าฝืนกฎของพระเจ้า เพราะความบาปก็คือการฝ่าฝืนกฎนั่นเอง 5 พวกคุณรู้แล้วว่า ที่พระคริสต์มาปรากฏก็เพื่อมารับเอาความบาปของทุกคนไปจนหมด และคุณก็รู้ว่าในพระคริสต์นั้นไม่มีความบาปเลย 6 ทุกคนที่ตั้งมั่นคงในพระคริสต์จะไม่ทำบาปอีกต่อไป ส่วนคนที่ยังทำบาปอยู่ ก็ไม่เคยเห็นพระองค์ และไม่ได้รู้จักกับพระองค์ด้วย
7 ลูกๆที่รัก อย่าให้ใครมาหลอกลวงเอาได้ คนที่ทำในสิ่งที่พระเจ้าชอบใจก็เป็นคนที่พระเจ้ายอมรับ เหมือนกับที่พระเจ้ายอมรับพระคริสต์นั้น 8 คนที่ยังทำบาปอยู่ก็เป็นพวกของมาร เพราะมารได้ทำบาปมาตั้งแต่ต้น นี่เป็นเหตุที่พระบุตรของพระเจ้ามาปรากฏ เพื่อพระองค์จะได้ทำลายการงานของมารเสีย
9 ทุกคนที่เป็นลูกของพระเจ้าจะไม่ทำบาปอีกต่อไปเพราะธรรมชาติของพระเจ้าได้เข้าไปอยู่ในคนๆนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้คนๆนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำบาปได้อีกต่อไป เพราะเขาได้มาเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว 10 แบบนี้สิ ถึงจะรู้ว่าใครเป็นลูกของพระเจ้า หรือใครเป็นลูกของมาร คือทุกคนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ได้รักพี่น้องของเขา ก็ไม่ใช่ลูกของพระเจ้า
เราต้องรักซึ่งกันและกัน
11 พวกคุณได้ยินได้ฟังคำสอนนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ให้เรารักกันและกัน 12 อย่าให้เราเป็นเหมือนคาอินที่เป็นพวกของมารและได้ฆ่าน้องชายของเขา เขาฆ่าน้องทำไม ก็เพราะการกระทำของเขาชั่ว แต่ของน้องชายเขานั้นถูกต้อง
13 พี่น้องครับ ไม่ต้องแปลกใจหรอกถ้าโลกนี้เกลียดพวกคุณ 14 เรารู้ว่าเราได้ผ่านจากความตายไปสู่ชีวิตแล้ว ก็เพราะเรารักพี่น้องของเรา ส่วนคนที่ไม่รักคนอื่นก็ยังคงอยู่ในความตาย 15 ทุกคนที่เกลียดชังพี่น้องของเขาก็เป็นฆาตกร พวกคุณรู้ว่าคนที่เป็นฆาตกรนั้นจะไม่มีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้า 16 แบบนี้สิเราถึงรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร คือพระคริสต์ได้ให้ชีวิตของพระองค์เพื่อเรา เราจึงควรให้ชีวิตของเรา เพื่อพี่น้องของเราด้วย 17 คนที่มีทรัพย์สมบัติมากมายในโลกนี้ เมื่อเห็นพี่น้องของเขาขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ แต่ใจจืดใจดำไม่ช่วย ก็แสดงว่าความรักของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในคนๆนี้เลย 18 ลูกเล็กๆที่รัก อย่าให้เรารักกันแค่คำพูดหรือรักแต่ปากเท่านั้น แต่ให้เรารักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริงใจ
19-20 แบบนี้สิเราถึงแน่ใจว่าเราอยู่ฝ่ายความจริง ถึงแม้ว่าบางครั้งใจของเราอาจจะฟ้องว่าเราผิด แต่เราก็ยังสามารถที่จะมีสันติสุขต่อหน้าพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าใจเรา และพระองค์รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
21 เพื่อนๆที่รัก ถ้าใจเราไม่ได้ฟ้องว่าเราทำผิด เราก็มีความมั่นใจที่จะเข้าพบพระเจ้า 22 และเราจะได้รับทุกสิ่งที่เราขอจากพระเจ้า เพราะได้ทำตามคำสอนของพระองค์และได้ทำสิ่งที่พระองค์พอใจ 23 คำสั่งสอนของพระองค์คือให้เราไว้วางใจในพระเยซูคริสต์เจ้าพระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกันและกันเหมือนกับที่พระองค์ได้สั่งเราไว้แล้ว 24 คนที่ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้าก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็อยู่ในใจของเขาด้วย เรารู้ว่าพระเจ้าอยู่ในเราเพราะว่าพระเจ้าได้ให้พระวิญญาณไว้กับเรา
ยอห์นเตือนให้ระวังผู้สอนผิดๆ
4 เพื่อนๆที่รัก อย่าเชื่อวิญญาณทุกชนิดที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้า แต่ให้ทดสอบพวกวิญญาณเหล่านั้นเสมอว่า มาจากพระเจ้าจริงหรือไม่ เพราะมีคนมากมายที่อ้างว่าเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าได้ออกไปหลอกลวงคนในโลกนี้แล้ว 2 พวกคุณสามารถรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้าได้ ถ้าวิญญาณดวงไหนยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ก็แสดงว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้า 3 วิญญาณดวงไหนที่ไม่ยอมรับพระเยซูก็ไม่ได้มาจากพระเจ้าและวิญญาณนี้แหละเป็นศัตรูกับพระคริสต์ ที่คุณได้ยินว่าศัตรูของพระคริสต์กำลังจะมา เดี๋ยวนี้ก็ได้เข้ามาในโลกแล้ว
4 ลูกๆเอ๋ย พวกคุณเป็นของพระเจ้า จึงมีชัยชนะเหนือพวกศัตรูของพระคริสต์ เพราะพระเจ้าที่อยู่ในพวกคุณยิ่งใหญ่กว่ามารที่อยู่ในโลกนี้ 5 พวกคนเหล่านั้นเป็นของโลกนี้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาพูดก็มาจากโลกนี้ 6 แต่พวกเราเป็นของพระเจ้า คนที่รู้จักพระเจ้าจะฟังเรา แต่คนที่ไม่ได้เป็นของพระเจ้าจะไม่ฟังเรา แบบนี้สิเราถึงสามารถบอกได้ว่าวิญญาณไหนเอาความจริงมาให้และวิญญาณไหนที่โกหก
ความรักมาจากพระเจ้า
7 เพื่อนๆที่รัก ขอให้เรารักกันและกัน เพราะความรักนั้นมาจากพระเจ้า ทุกคนที่มีความรัก ก็ได้เกิดเป็นลูกของพระเจ้า และรู้จักพระองค์ 8 ส่วนคนที่ไม่มีความรัก ก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก 9 นี่คือวิธีที่พระเจ้าได้แสดงความรักให้กับเรา คือพระองค์ได้ส่งพระบุตรเพียงองค์เดียวมาอยู่ในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยผ่านทางพระบุตรของพระองค์นั้น 10 นี่แหละคือความรักแท้ ไม่ใช่ว่าเราไปรักพระองค์ แต่พระองค์รักเราและส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นเครื่องบูชา เพื่อจัดการกับบาปของเราให้หมดไป
11 เพื่อนๆที่รัก ถ้าพระเจ้ารักเราขนาดนี้ เราก็ควรจะรักกันและกันด้วย 12 ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกันและกัน พระเจ้าก็อยู่ในเราและความรักของพระองค์ก็ได้สำเร็จในชีวิตของเราตามเป้าหมายของพระองค์
13 แบบนี้สิเราถึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ และพระองค์อยู่ในเรา คือพระองค์ได้ยอมให้เรามีส่วนร่วมกับพระวิญญาณของพระองค์ 14 เราได้เห็นและเราได้เป็นพยานว่า พระบิดาได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นผู้ช่วยให้โลกนี้รอดพ้นจากบาป 15 คนที่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็อยู่ในคนๆนั้นและคนๆนั้นก็อยู่ในพระเจ้า 16 ดังนั้นเราจึงแน่ใจและไว้วางใจในความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา พระเจ้าคือความรักและคนที่อยู่ในความรักต่อไปก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็อยู่ในคนๆนั้นด้วย 17 แบบนี้สิ ความรักของพระเจ้าถึงสำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์ในพวกเรา เราจึงมีความมั่นใจในวันพิพากษา ที่เรามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก็เพราะชีวิตที่เรามีในโลกนี้ เป็นชีวิตที่เหมือนกับชีวิตของพระคริสต์ 18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัวเพราะความรักที่สำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์นั้น ได้ไล่ความกลัวออกไปหมดแล้ว ความกลัวนั้นเกี่ยวกับการถูกลงโทษ และคนที่ยังกลัวการถูกลงโทษก็เพราะความรักนั้นยังไม่สำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์ในคนๆนั้น
19 ที่พวกเรามีความรักก็เพราะว่าพระเจ้ารักเราก่อน 20 ถ้าคนไหนพูดว่า “ฉันรักพระเจ้า” แต่ยังเกลียดชังพี่น้องของเขาเอง คนนั้นก็โกหก เพราะคนที่ไม่รักพี่น้องของเขาที่มองเห็นได้ ก็จะไม่สามารถรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น 21 เราได้รับคำสั่งนี้จากพระคริสต์คือคนที่รักพระเจ้าต้องรักพี่น้องของตนด้วย
ลูกๆของพระเจ้าชนะโลกนี้แล้ว
5 คนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ก็ได้เกิดเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว และคนที่รักพระเจ้าก็จะรักลูกๆของพระองค์ด้วย 2 แบบนี้สิเราถึงรู้ว่าเรารักลูกๆของพระเจ้าจริง คือเมื่อเรารักพระเจ้าและทำตามคำสั่งของพระองค์ 3 การที่จะรักพระเจ้าหมายความว่าเราจะทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์ และพวกคำสั่งของพระองค์ก็ไม่ยากหรอก 4 เพราะทุกคนที่เป็นลูกของพระเจ้ามีชัยชนะเหนือโลก และความเชื่อของเราเองคือฤทธิ์อำนาจที่เอาชนะโลกแล้ว 5 ใครกันล่ะที่เอาชนะโลกนี้ได้ ก็คนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า
พระเจ้าบอกเราเรื่องของพระบุตร
6 พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่มาโดยน้ำ[y] และเลือด[z] พระองค์ไม่ได้มาโดยน้ำเท่านั้น แต่มาโดยน้ำและเลือด พระวิญญาณก็ได้ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เพราะพระวิญญาณเป็นความจริง 7 มีอยู่สามสิ่งที่ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นจริงคือ 8 พระวิญญาณ น้ำ และเลือด ทั้งสามอย่างนี้ได้ยืนยันตรงกันหมด 9 ถ้าเรายอมรับพยานที่เป็นมนุษย์ว่าเชื่อถือได้ แล้วเมื่อพระเจ้ามาเป็นพยาน เราก็ควรจะเชื่อถือคำพยานของพระองค์มากยิ่งกว่านั้นอีก เพราะพระเจ้าเองเป็นพยานให้กับพระบุตรของพระองค์ 10 คนที่ไว้วางใจในพระบุตรของพระเจ้า ก็ได้เชื่อความจริงที่พระเจ้าได้ยืนยันกับเรา คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็หาว่าพระเจ้าโกหก เพราะเขาไม่เชื่อในคำยืนยันของพระเจ้าที่เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ 11 สิ่งที่พระเจ้าได้ยืนยันกับเราคือ พระองค์จะให้เรามีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์เท่านั้น 12 คนที่มีพระบุตรของพระเจ้าอยู่ด้วย ก็จะมีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้า แต่คนที่ไม่มีพระบุตรของพระองค์ ก็ไม่มีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้า
13 ผมได้เขียนเรื่องนี้ถึงพวกคุณที่ไว้วางใจในพระบุตรของพระเจ้า เพื่อพวกคุณจะได้รู้ว่า คุณยังมีชีวิตตลอดไปกับพระเจ้าอยู่ 14 พวกเรามีความเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า ถ้าเราขออะไรตามที่พระเจ้าต้องการ พระองค์ก็จะฟังเรา 15 ถ้าเรารู้ว่าพระองค์ฟังเรา ไม่ว่าเราจะขออะไรก็ตาม เราจะได้รับตามที่เราขอนั้น
16 คนที่เห็นพี่น้องของตัวเองทำบาป แต่เป็นบาปที่ไม่ได้นำไปถึงความตาย เขาควรจะขอต่อพระเจ้าสำหรับพี่น้องคนนั้น และพระเจ้าจะให้ชีวิตกับพี่น้องคนนั้น ผมกำลังพูดถึงคนที่ทำบาปซึ่งไม่ได้นำไปถึงความตาย แต่บาปที่นำไปถึงความตายก็มีด้วย ผมไม่ได้บอกให้คุณขอสำหรับคนที่ทำบาปแบบนั้น 17 การกระทำผิดทุกอย่างเป็นความบาป แต่มีบาปบางอย่างที่ไม่นำไปถึงความตายด้วย
18 เรารู้ว่าคนที่เป็นลูกของพระเจ้าจะไม่ทำบาปอีกต่อไป พระบุตรของพระเจ้าก็ได้ดูแลให้เขาปลอดภัย และมารนั้นก็ไม่สามารถมาทำร้ายเขาได้ 19 เรารู้ว่าเราเป็นของพระเจ้า ถึงแม้ว่าโลกนี้จะอยู่ในมือของมารก็ตาม 20 แต่เราก็รู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าได้มาแล้ว พระองค์ได้มาให้ความเข้าใจกับเรา เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าผู้เป็นความจริงแท้ เราได้อยู่ในพระองค์ผู้เป็นความจริงนั้นโดยผ่านทางพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ พระองค์ผู้นี้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้และเป็นผู้ที่ทำให้คนมีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป 21 ลูกๆเอ๋ย อยู่ให้ห่างจากรูปเคารพทั้งหลาย
1 จากผู้นำอาวุโส[aa]
ถึงคุณผู้หญิง[ab]ที่พระเจ้าได้เลือกไว้และลูกๆของเธอ ผมรักพวกคุณทุกคนจริงๆและไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก แต่ทุกคนที่รู้จักความจริงก็รักพวกคุณด้วย 2 ที่พวกเรารักคุณก็เพราะพวกเรามีความจริง[ac]อยู่ในใจ และความจริงนี้จะอยู่กับพวกเราตลอดไป
3 ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระบิดาให้ความเมตตากรุณา และสันติสุขกับพวกเรา ในขณะที่พวกเรามีชีวิตตามความจริงและมีความรักต่อกันและกัน
4 ผมดีใจมากที่รู้ว่าลูกๆของคุณบางคนเชื่อฟังความจริงเหมือนกับที่พระบิดาของพวกเราได้สั่งไว้ 5 แล้วตอนนี้ คุณผู้หญิงครับ ผมไม่ได้เขียนกฎใหม่ให้กับคุณ แต่นี่เป็นกฎที่เรามีมาตั้งแต่แรกแล้ว คือขอให้รักกันและกัน 6 จริงๆแล้วความรักหมายถึง การทำตามคำสั่งของพระเจ้า คำสั่งนี้คือให้รักกันและกันเสมอ เหมือนกับที่พวกเราเคยได้ยินมาแล้วตั้งแต่แรก
7 มีพวกหลอกลวงมากมายเที่ยวออกไปในโลกนี้ คนพวกนี้ไม่ยอมรับว่าพระเยซูได้เข้ามาในโลกนี้เป็นมนุษย์จริงๆ คนแบบนี้เป็นทั้งคนหลอกลวงและเป็นศัตรูกับพระคริสต์ 8 ระวังตัวให้ดี อย่าให้สิ่งที่พวกเราได้ลงแรงไปแล้วนั้นต้องหลุดมือไป เพื่อคุณจะได้รับรางวัลนั้นอย่างเต็มที่
9 คนไหนที่วิ่งล้ำหน้าไป และไม่ได้ยึดถือคำสั่งสอนที่แท้จริงเกี่ยวกับพระคริสต์อีกต่อไป คนนั้นก็ไม่มีพระเจ้าอยู่ด้วย ส่วนคนไหนที่ยึดถือคำสั่งสอนที่แท้จริง คนนั้นก็มีทั้งพระบิดาและพระบุตรอยู่ด้วย 10 ถ้ามีใครมาหาคุณแล้วไม่ได้เอาคำสอนที่แท้จริงเกี่ยวกับพระคริสต์มาด้วย ก็อย่าไปต้อนรับเขาเข้าบ้านหรือไปทักทายเขา 11 เพราะถ้าคนไหนต้อนรับเขา ก็เท่ากับว่าคนนั้นมีส่วนร่วมในสิ่งชั่วร้ายที่เขาทำด้วย
12 ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากจะพูด แต่ไม่อยากเขียนเป็นจดหมาย เพราะผมหวังว่าจะได้มาเยี่ยมคุณ จะได้พูดคุยกันซึ่งๆหน้า เพื่อเราจะได้มีความสุขอย่างเต็มที่
13 ลูกๆของน้องสาวคุณที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ก็ฝากความคิดถึงมาให้คุณด้วย
1 จากผู้นำอาวุโส[ad]
ถึงกายอัสเพื่อนรัก เพื่อนที่ผมรักจริงๆ
2 เพื่อนรัก ผมขออธิษฐานให้คุณเจริญรุ่งเรืองในทุกอย่างและมีสุขภาพที่ดีเหมือนกับที่คุณกำลังเป็นอยู่ 3 ผมดีใจมากเมื่อมีพี่น้องบางคนมาบอกว่า คุณยังยึดมั่นอยู่ในความจริง[ae] และยังใช้ชีวิตตามความจริงนั้น 4 ไม่มีอะไรทำให้ผมดีใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อได้ยินว่าลูกๆของผมใช้ชีวิตตามความจริง
5 เพื่อนรัก คุณแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ของคุณ เมื่อคุณช่วยเหลือพี่น้อง ทั้งๆที่บางคนคุณไม่เคยรู้จักมาก่อน 6 พวกเขาได้รายงานเรื่องความรักของคุณให้กับหมู่ประชุมที่นี่ฟัง จะเป็นการดีมากถ้าคุณจะช่วยสนับสนุนส่งพวกเขาเดินทางต่อไป ถ้าคุณทำอย่างนี้พระเจ้าก็จะพอใจ 7 เพราะพวกเขาเดินทางไปเพื่อรับใช้พระคริสต์ และไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า 8 ดังนั้นพวกเราจึงควรจะช่วยเหลือคนเช่นนี้ เพื่อจะได้ร่วมมือกับพวกเขาในการเผยแพร่ความจริงด้วย
9 ผมได้เขียนถึงหมู่ประชุม แต่ดิโอเตรเฟส คนที่ชอบทำตัวใหญ่โตสั่งโน่นสั่งนี่ในหมู่ประชุมนั้นไม่ยอมฟังเรา 10 รอให้ผมมาถึงก่อน แล้วผมจะชี้ให้เห็นว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง รวมถึงเรื่องที่เขาไปนินทาให้ร้ายพวกเรา แค่นั้นยังไม่พอ ตัวเขาเองไม่ยอมต้อนรับพี่น้องพวกนั้นที่เดินทาง แล้วยังไปสั่งห้ามพี่น้องที่อยากต้อนรับคนพวกนี้อีกด้วย ถ้าใครไม่ทำตาม เขาก็จะไล่ออกจากหมู่ประชุม
11 เพื่อนรักอย่าไปเลียนแบบสิ่งที่ชั่วร้าย แต่ให้เลียนแบบสิ่งที่ดี คนที่ทำดีนั้นก็เป็นของพระเจ้า ส่วนคนที่ทำชั่วนั้นก็ไม่เคยเห็นพระเจ้า
12 ทุกคนพูดยกย่องเดเมตริอัส พวกเราก็ยกย่องเขาด้วย แม้แต่ความจริงของพระเจ้าเองก็ยังยกย่องเขาเลย และคุณก็รู้ว่าที่เราพูดมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง
13 ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกคุณ แต่ไม่อยากเขียนเป็นจดหมาย 14 ผมหวังว่าจะได้เจอคุณในเร็วๆนี้ แล้วเราจะได้คุยกันซึ่งๆหน้า
15 ขอพระเจ้าให้สันติสุขกับคุณ เพื่อนๆที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้คุณ ช่วยฝากความคิดถึงให้กับเพื่อนๆแต่ละคนที่นั่นด้วย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International