Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กาลาเทีย 3:26 - โคโลสี 4:18

26 พวกคุณทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า เพราะความไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะพวกคุณทุกคนที่ได้เข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อมีส่วนในพระคริสต์ ก็ได้สวมใส่พระคริสต์ เหมือนกับใส่เสื้อผ้า 28 ไม่มีคนยิวหรือคนกรีก ไม่มีทาสหรือคนอิสระ ไม่มีชายหรือหญิง เพราะพวกคุณทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระเยซูคริสต์ 29 ถ้าคุณเป็นของพระคริสต์แล้ว คุณก็เป็นลูกหลานแท้ๆของอับราฮัม และเป็นผู้รับมรดกตามที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับอับราฮัม

ผมกำลังพูดว่า ตอนที่ผู้รับมรดกยังเป็นเด็กอยู่ เขาก็ไม่แตกต่างไปจากทาสหรอก ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม เพราะเขาจะต้องเชื่อฟังผู้ปกครองและผู้ดูแลมรดก จนกว่าจะถึงเวลาที่พ่อของเขากำหนดไว้ พวกเราก็เหมือนกัน เมื่อพวกเรายังเป็นเด็ก พวกเราตกเป็นทาสอยู่ภายใต้อำนาจของพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พระเจ้าก็ได้ส่งพระบุตรของพระองค์โดยคลอดออกมาจากผู้หญิง และมีชีวิตอยู่ภายใต้กฎ เพื่อมาปลดปล่อยคนที่อยู่ภายใต้กฎให้เป็นอิสระ และเพื่อเราทุกคนจะได้เป็นลูกของพระเจ้า

คุณได้เป็นลูกของพระองค์แล้ว พระองค์จึงส่งพระวิญญาณของพระบุตรของพระองค์เข้ามาอยู่ในใจของพวกเรา เพื่อพวกเราจะร้องเรียกพระองค์ว่า “อับบา พ่อ” คุณจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นลูกของพระเจ้า และเมื่อเป็นลูกก็เป็นผู้รับมรดกด้วย

ความรักของเปาโลต่อพี่น้องคริสเตียนในแคว้นกาลาเทีย

แต่ก่อน ตอนที่พวกคุณยังไม่รู้จักพระเจ้านั้น คุณก็เป็นทาสของพวกวิญญาณที่ไม่ได้เป็นพวกเทพเจ้าอะไรเลย แต่ตอนนี้คุณได้รู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกคือพระเจ้าได้รู้จักคุณแล้ว คุณยังอยากจะกลับไปเป็นทาสของพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้ ที่อ่อนแอและน่าสมเพชเหล่านั้นอีกหรือ 10 คุณหันไปนับถือวัน เดือน ฤดู และปีของชาวยิว 11 ผมกลัวเหลือเกินว่า งานที่ผมได้ทุ่มเทไปกับพวกคุณนั้นจะเปล่าประโยชน์

12 พี่น้องครับ ผมขอร้องให้พวกคุณเป็นเหมือนผม เพราะผมได้เป็นเหมือนคุณ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผมเลย 13 คุณก็รู้อยู่แล้วว่า ตอนแรกที่ผมมาประกาศข่าวดีให้กับคุณนั้น เป็นเพราะผมเจ็บป่วย 14 ตอนนั้น ถึงแม้การเจ็บป่วยจะเป็นภาระให้กับคุณ แต่คุณก็ไม่ได้รังเกียจหรือขับไล่ผม แต่กลับต้อนรับผมเหมือนกับผมเป็นทูตสวรรค์ หรือเป็นพระเยซูคริสต์เสียเอง 15 แล้วตอนนี้ เกียรติพวกนั้นหายไปไหนหมดแล้ว ผมเป็นพยานได้ว่า ในตอนนั้น ถ้าคุณควักลูกตาให้กับผมได้ คุณก็คงทำไปแล้ว 16 แล้วตอนนี้ผมกลายเป็นศัตรูของคุณ เพราะผมพูดความจริงกับคุณหรือ

17 คนพวกนั้น[a] เอาใจใส่คุณเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้หวังดีหรอก พวกเขาแค่อยากจะดึงคุณออกไปจากผม เพื่อคุณจะได้ไปสนใจพวกเขาแทน 18 แน่นอนมันดีอยู่แล้วที่จะมีคนเอาใจใส่คุณเป็นพิเศษจากแรงจูงใจที่ดีด้วยความหวังดี ไม่ใช่มาจากผมคนเดียวเท่านั้นตอนที่ผมอยู่ด้วย 19 ลูกๆที่รัก ผมจะต้องเจ็บปวดเหมือนเจ็บคลอดลูก เพราะพวกคุณไปอีกจนกว่าพระคริสต์จะก่อตัวขึ้นในชีวิตคุณ 20 ผมอยากจะอยู่กับคุณตอนนี้จริงๆผมจะได้ไม่ต้องพูดกับคุณด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เพราะพวกคุณทำให้ผมสับสนไปหมด

ตัวอย่างของนางฮาการ์และนางซาราห์

21 พวกคุณบางคนอยากอยู่ภายใต้กฎของโมเสส คุณรู้หรือเปล่าว่ากฎนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไร 22 พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า อับราฮัม มีลูกสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นทาส ส่วนอีกคนเกิดจากหญิงที่เป็นอิสระ 23 ลูกของหญิงที่เป็นทาสนั้นเกิดตามธรรมชาติ แต่ลูกของหญิงที่เป็นอิสระนั้นเกิดจากคำสัญญาของพระเจ้า

24 เรื่องนี้ยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่งคือ หญิงสองคนนี้เป็นตัวแทนของสัญญาสองฉบับ ฉบับแรกพระเจ้าทำขึ้นที่ภูเขาซีนาย นางฮาการ์ซึ่งเป็นหญิงทาส ก็เปรียบเหมือนสัญญาฉบับนี้ คนที่เกิดมาในครอบครัวของนางก็จะเป็นทาส 25 นางฮาการ์ถือเป็นตัวแทนของภูเขาซีนาย[b] ที่อยู่ในประเทศอาระเบีย และก็คือเมืองเยรูซาเล็มในตอนนี้ เพราะทั้งตัวเธอและลูกหลานต่างก็เป็นทาส 26 แต่นางซาราห์ที่เป็นหญิงอิสระ ก็เปรียบเหมือนเมืองเยรูซาเล็มที่อยู่บนสวรรค์ เธอเป็นแม่ของพวกเรา 27 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนถึงเธอว่า

“หญิงที่เป็นหมันและไม่เคยคลอดลูก
    ให้ดีใจเถิด
คนที่ไม่เคยเจ็บท้องคลอดลูก
    ให้เปล่งเสียงร้องยินดี
เดี๋ยวนี้คุณโดดเดี่ยวอ้างว้าง[c]
    แต่คุณจะมีลูกมากกว่าหญิงที่มีสามี”[d]

28 พี่น้องครับ พวกคุณเป็นลูกที่เกิดจากคำสัญญาของพระเจ้าเหมือนกับอิสอัค 29 แต่ในเวลานั้น ลูกที่เกิดตามธรรมชาติ ได้ข่มเหงอิสอัคผู้ที่เกิดจากอำนาจของพระวิญญาณ ซึ่งก็เหมือนกับเหตุการณ์ที่คุณเจอในตอนนี้ 30 แต่พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไร “ไล่หญิงที่เป็นทาสและลูกของเธอออกไป เพราะลูกของหญิงที่เป็นทาส จะมารับมรดกร่วมกับลูกของหญิงที่เป็นอิสระไม่ได้”[e] 31 ดังนั้น พี่น้องครับ พวกเราไม่ใช่ลูกของหญิงที่เป็นทาส แต่เป็นลูกของหญิงที่เป็นอิสระ

เมื่อพระคริสต์ได้ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระแล้ว ก็ให้อยู่อย่างคนอิสระเถิด รักษามันไว้ให้ดี อย่ากลับไปเป็นทาสของกฎอีก ฟังไว้ให้ดี ผมเปาโล ขอบอกให้รู้ว่า ถ้าพวกคุณยอมเข้าทำพิธีขลิบ พระคริสต์ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณอีกแล้ว ผมขอย้ำว่า คนที่ยังทำพิธีขลิบนั้นก็จะต้องรักษากฎให้ครบทุกข้อ ถ้าคุณพยายามที่จะให้พระเจ้ายอมรับคุณเพราะคุณรักษากฎ คุณก็ถูกแยกออกจากพระคริสต์แล้ว และหลุดจากความเมตตากรุณาของพระเจ้า พวกเรามีพระวิญญาณเพราะได้ไว้วางใจ เราถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยสิ่งที่เราหวังไว้อย่างมั่นอกมั่นใจ ความหวังนั้นคือพระเจ้าจะยอมรับเราแน่ในวันสุดท้าย เพราะในพระเยซูคริสต์ การทำหรือไม่ทำพิธีขลิบนั้นไม่สำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือความเชื่อที่แสดงออกด้วยความรัก

พวกคุณก็กำลังวิ่งกันดีๆอยู่แล้ว ใครกันนะที่มาขัดจังหวะทำให้คุณเลิกติดตามความจริง ใครก็ตามที่มาชักชวนให้คุณหยุด ไม่ได้มาจากพระเจ้าที่เรียกคุณมาแน่ ระวังตัวให้ดี “เชื้อฟู[f]นิดเดียว ก็ทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นมาได้”[g] 10 ผมมั่นใจในองค์เจ้าชีวิตว่า คุณจะไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่างออกไปจากนี้ และใครก็ตามที่มาทำให้คุณสับสน จะต้องถูกพระเจ้าลงโทษแน่

11 พี่น้องครับ ถ้าผมยังสั่งสอนให้ทำพิธีขลิบอยู่ แล้วทำไมผมยังถูกข่มเหงอยู่ล่ะ ถ้าเป็นจริงตามนั้น เรื่องไม้กางเขนที่ผมสอน ก็จะไม่ถูกต่อต้านแล้ว 12 ผมอยากให้ไอ้พวกที่มาวุ่นวายกับคุณนี้ ตอน[h] ตัวมันเองเลยแทนที่จะแค่ขลิบเท่านั้น

13 พี่น้องครับ พระเจ้าเรียกคุณมาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างที่จะทำตามสันดานที่เห็นแก่ตัว แต่ให้รับใช้กันและกันด้วยความรัก 14 เพราะกฎทั้งหมดสรุปออกมาได้ข้อเดียว คือ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง”[i] 15 แต่ถ้าคุณยังคงฉีกเนื้อกัดกินกันเหมือนสัตว์ป่า ระวังให้ดี เพราะจะย่อยยับด้วยกันทั้งหมด

พระวิญญาณกับสันดาน

16 แต่ผมขอบอกว่า ให้ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วคุณจะไม่ทำตามกิเลสตัณหาของสันดาน 17 ความต้องการของพระวิญญาณนั้นขัดแย้งกับกิเลสตัณหาของสันดาน ทั้งสองจึงต่อต้านกันโดยตรง เพื่อขัดขวางไม่ให้คุณทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ 18 แต่ถ้าคุณยอมให้พระวิญญาณนำชีวิตของคุณ คุณก็ไม่อยู่ภายใต้กฎอีกต่อไป

19 การกระทำที่เกิดจากสันดานมนุษย์ก็เห็นได้ชัดเจนคือ ความผิดบาปทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ ความคิดสกปรก กิเลสตัณหา 20 การนับถือรูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา[j] การเป็นศัตรูกัน การขัดแย้งกัน การริษยาอาฆาตกัน การโกรธเคืองกัน การชิงดีชิงเด่นกัน การไม่ลงรอยกัน การแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 การอิจฉา การเมาเหล้า การมั่วสุมกันในงานเลี้ยง เป็นต้น ขอเตือนอีกครั้งอย่างที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ทำอย่างนี้จะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกอย่างแน่นอน 22 แต่ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน การมีน้ำใจ ความดี ความซื่อสัตย์ 23 ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ขัดแย้งกับกฎข้อไหน[k] 24 คนที่เป็นของพระเยซูคริสต์ ได้เอาสันดานมนุษย์พร้อมกับกิเลสตัณหาและความใคร่ที่มาจากมัน ไปตรึงไว้บนไม้กางเขนแล้ว 25 พระวิญญาณได้ให้ชีวิตกับเราแล้ว อย่างนั้นเราจึงควรจะติดตามพระวิญญาณในทุกสิ่งที่เราทำ 26 อย่าอวดดี ยั่วโมโหหรืออิจฉากันเลย

ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

พี่น้องครับ ถ้าพี่น้องคนไหนถูกจับได้ว่าไปทำบาป ก็ให้พวกคุณที่เป็นคนของพระวิญญาณช่วยให้เขากลับมาอยู่ในทางที่ถูกต้อง แต่ต้องช่วยด้วยความสุภาพ และให้ระวังให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นตัวคุณเองก็อาจจะถูกล่อลวงให้หลงไปทำบาปได้เหมือนกัน ให้แบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน เมื่อคุณทำอย่างนั้น คุณก็ได้ทำตามกฎของพระคริสต์จริงๆ ถ้าใครคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ไม่จริง เขาก็หลอกตัวเอง ให้แต่ละคนสำรวจการงานของตน จะได้ภูมิใจในงานที่เขาทำ ไม่ต้องเที่ยวเอาไปเปรียบเทียบกับคนโน้นคนนี้ ให้ต่างคนต่างรับผิดชอบภาระของตนเอง

อย่าหยุดทำดี

อย่าลืมแบ่งปันสิ่งที่ดีๆที่คุณมีให้ครูที่สอนคุณเรื่องถ้อยคำของพระเจ้าด้วย อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไม่มีใครหลอกพระเจ้าได้หรอก ใครหว่านพืชอะไรลงไป ก็ต้องเก็บเกี่ยวผลของพืชนั้น คนที่หว่านเพื่อกิเลสตัณหาของสันดาน ก็จะเก็บเกี่ยวความพินาศ ส่วนคนที่หว่านเพื่อเอาใจพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไปจากพระวิญญาณนั้น อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากการทำดีนั้น ถ้าไม่เลิกไปซะก่อนนะ 10 ดังนั้น เมื่อมีโอกาสก็ให้ทำดีกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่ไว้วางใจในพระเจ้า

เปาโลเขียนจดหมายจบ

11 ดูตัวหนังสือที่ใหญ่โตนี้สิ เป็นลายมือของผมเอง 12 คนพวกนั้นที่อยากได้หน้า พยายามบังคับให้คุณทำพิธีขลิบ ก็เพราะเหตุผลแค่ข้อเดียวคือกลัวจะถูกคนยิวข่มเหงตอนประกาศเรื่องไม้กางเขนของพระคริสต์[l] 13 ขนาดพวกมันเองที่เข้าพิธีขลิบแล้ว ก็ยังไม่ทำตามกฎ แต่ที่พวกมันอยากให้คุณทำพิธีขลิบ ก็เพื่อจะได้ไปโม้โอ้อวดว่าพวกมันนี่แน่ ที่ทำให้คุณเข้าพิธีขลิบได้ 14 ขอให้ผมอย่าได้โอ้อวดเรื่องอะไรเลย นอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเราเท่านั้น โลกนี้ก็ได้ตาย[m] จากผมไปแล้ว และผมเองก็ได้ตายต่อโลกนี้ไปแล้วเหมือนกัน 15 จะทำหรือไม่ทำพิธีขลิบนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือ โลกใหม่ที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมา 16 ขอให้พระเจ้ามีความเมตตากรุณาและให้สันติสุขกับทุกคนที่ใช้ชีวิตตามกฎนี้ ผู้เป็นอิสราเอลแท้ๆของพระเจ้าด้วย

17 สุดท้ายนี้ อย่าให้ใครมาสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้กับผมอีกเลย บาดแผล[n]ทั่วตัวของผม ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผมเป็นของพระคริสต์

18 พี่น้องครับ ขอให้ความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้า อยู่กับจิตวิญญาณของพวกคุณด้วยเถิด อาเมน

จากเปาโล ศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามความต้องการของพระเจ้า

ถึง คนทั้งหลายที่เป็นของพระเจ้า ที่ซื่อสัตย์ในพระเยซูคริสต์ ในเมืองเอเฟซัส[o]

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณทุกคน

พระพรจากพระวิญญาณ

ขอสรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระองค์เป็นผู้ที่ได้อวยพรเรามากมายในโลกฝ่ายวิญญาณ โดยผ่านทางพระวิญญาณ เพราะเรามีส่วนในพระคริสต์ พระเจ้ารักเรา พระองค์จึงเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้ก่อนที่จะสร้างโลกนี้เสียอีก เพื่อเราจะได้เป็นคนของพระองค์และไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์ พระองค์กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะรับเรามาเป็นลูกๆของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ นี่แหละเป็นความต้องการและความพอใจของพระองค์ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ สำหรับความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ให้กับเราเปล่าๆผ่านมาทางพระบุตรที่พระองค์รักมาก พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเราที่มีส่วนในพระคริสต์นั้นให้เป็นอิสระด้วยเลือดของพระองค์ และพระเจ้าได้อภัยโทษบาปของเรา เพราะความเมตตากรุณาอันมหาศาลของพระองค์ พระเจ้าได้เมตตาเราอย่างเหลือล้น พร้อมกับให้สติปัญญาทุกอย่างและความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับเรา โดยที่พระองค์เต็มใจเปิดเผยแผนการลับที่อยู่ในใจของพระองค์ให้เรารู้ เป็นแผนการลับที่พระองค์ตั้งใจจะให้สำเร็จในพระคริสต์ 10 แผนการลับนั้นคือ เมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึงแล้ว พระเจ้าก็ได้รวบรวมทุกสิ่งทั้งในสวรรค์และบนโลกมาไว้ในพระคริสต์

11 พระเจ้าเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้แล้ว ให้เป็นคนของพระองค์ สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของพระเจ้า พระองค์ตั้งใจทำอะไร พระองค์ก็จะทำให้สำเร็จตามนั้น 12 พระองค์ตั้งใจให้เราผู้ที่มีความหวังในพระคริสต์ มีชีวิตอยู่เพื่อสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ 13 พวกคุณก็มีส่วนในพระคริสต์เหมือนกัน พระองค์ประทับตราเป็นเจ้าของคุณแล้ว ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์ทำอย่างนี้ตอนที่คุณได้ยินและเชื่อในถ้อยคำแห่งความจริง คือข่าวดีที่ทำให้คุณรอดนั้น 14 พระวิญญาณนี้ เป็นเครื่องมัดจำงวดแรกสำหรับมรดกของเรา และเป็นผู้ที่รับรองว่า พระเจ้าจะปลดปล่อยพวกเราผู้ที่เป็นของพระองค์นั้นให้เป็นอิสระ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์

คำอธิษฐานของเปาโล

15 ตั้งแต่ผมได้ยินเรื่องความเชื่อที่พวกคุณมีต่อพระเยซูเจ้า และความรักที่คุณมีให้กับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า 16 เมื่อผมอธิษฐานก็ไม่เคยหยุดขอบคุณพระเจ้าสำหรับพวกคุณเลย 17 ผมขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ของเรา คือพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ โปรดให้พระวิญญาณที่จะให้สติปัญญากับคุณ และเปิดเผยให้คุณรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้น 18 ขอให้ตาใจของคุณสว่างไสวขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าพระเจ้าเรียกให้คุณมามีความหวังอะไร และรู้ด้วยว่ามรดกที่พระเจ้ามอบให้กับคนที่เป็นของพระองค์นั้น มันยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน 19 และให้คุณรู้อีกด้วยว่า ฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้กับเราผู้ที่เชื่อนั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ 20 เป็นฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ใช้ตอนที่พระองค์ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายและให้นั่งอยู่ทางขวามือของพระองค์ในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น 21 พระเจ้าได้ตั้งให้พระคริสต์อยู่เหนือผู้ครอบครอง ผู้มีสิทธิอำนาจ ผู้มีฤทธิ์ ผู้ครอบครองแผ่นดิน และเหนือตำแหน่งใดๆที่ตั้งขึ้นมาได้ ไม่ใช่แต่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่กำลังจะมาถึงด้วย 22 พระเจ้าวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของพระคริสต์ และพระองค์ตั้งพระคริสต์เป็นศีรษะเหนือทุกสิ่งเพื่อหมู่ประชุมของพระองค์ 23 หมู่ประชุมนี้คือร่างกายของพระคริสต์ และหมู่ประชุมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคริสต์ และพระคริสต์ทำให้ทุกสิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพระองค์

จากความตายไปสู่ชีวิต

เมื่อก่อนพวกคุณตายไปแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำบาป พวกคุณเคยใช้ชีวิตตามทางชั่วของโลกนี้ ตามผู้มีอำนาจในย่านฟ้าอากาศซึ่งเป็นวิญญาณที่กำลังทำงานอยู่ภายในตัวของคนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ครั้งหนึ่งพวกเราทุกคนก็เคยใช้ชีวิตอย่างคนพวกนั้นเหมือนกัน คือชอบทำตามกิเลสตัณหาของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสนั้น ซึ่งโดยสันดานของเราแล้ว เราก็สมควรที่จะถูกลงโทษเหมือนพวกเขานั่นแหละ

แต่พระเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อเรา พระองค์จึงให้เรามีชีวิตอยู่คู่กับพระคริสต์ ทั้งๆที่เราเคยตายไปแล้ว เพราะไม่เชื่อฟัง (ที่พวกคุณรอดนั้น ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า) พระเจ้าทำให้พวกเราฟื้นขึ้นจากความตายด้วยกันกับพระคริสต์ และให้เรานั่งกับพระคริสต์บนบัลลังก์ในโลกฝ่ายวิญญาณ ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทำอย่างนี้ เพื่อแสดงให้ยุคต่อๆไปได้เห็นความเมตตากรุณาที่พระองค์ให้กับเรา เป็นความเมตตากรุณาอันมหาศาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ ที่พวกคุณรอดนั้นเป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ผ่านมาทางความเชื่อของคุณ ไม่ได้มาจากตัวของคุณเอง แต่เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า มันไม่ได้เป็นผลมาจากการกระทำของใคร เพื่อจะได้ไม่มีใครโอ้อวดได้ 10 เพราะเราเป็นผลงานของพระเจ้าที่พระองค์สร้างผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ เพื่อให้เราทำสิ่งดีๆที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วให้เราทำ

ความเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์

11 คุณไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิว พวกคนยิวที่เรียกตัวเองว่า “พวกเข้าพิธีขลิบ” ก็ได้เรียกพวกคุณว่า “พวกไม่ได้เข้าพิธีขลิบ” 12 จำไว้ว่า ในตอนนั้น พวกคุณยังไม่มีพระคริสต์ ไม่ได้รวมอยู่ในชุมชนชาวอิสราเอล และไม่มีส่วนร่วมในข้อตกลงต่างๆที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ คุณใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แบบไม่มีความหวัง และไม่มีพระเจ้า 13 เมื่อก่อนพวกคุณอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้พระเจ้าได้นำคุณเข้ามาใกล้พระองค์ โดยเลือดของพระเยซูคริสต์ 14 พระคริสต์ทำให้เกิดสันติภาพขึ้นระหว่างเรา พระองค์ทำให้คนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวกลายเป็นพวกเดียวกัน และโดยความตายของพระองค์ พระองค์ได้ทำลายกำแพงแห่งความเกลียดชังที่แบ่งแยกเราลง 15 พระองค์ได้ล้มเลิกกฎเกณฑ์และกฎข้อปฏิบัติต่างๆของโมเสส เพื่อจะสร้างสันติภาพขึ้นมา ด้วยการนำเอาคนสองฝ่ายมาสร้างเป็นคนใหม่ขึ้นในพระองค์ 16 พระองค์ได้ทำลายความเป็นศัตรูกันของคนสองฝ่าย และทำให้เขากลับมาคืนดีกันกับพระเจ้าในกายเดียวกัน ผ่านทางความตายของพระคริสต์บนไม้กางเขน 17 ดังนั้นพระองค์จึงมาประกาศข่าวดีเรื่องสันติภาพนี้กับพวกที่อยู่ห่างไกลพระเจ้า (คือพวกคุณที่ไม่ใช่ยิว) และกับคนยิวที่อยู่ใกล้พระเจ้าด้วย 18 เพราะโดยทางพระคริสต์พวกเราทั้งสองฝ่าย ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ชิดพระบิดาผ่านทางพระวิญญาณองค์เดียวกัน

19 ผลที่ตามมาก็คือ พวกคุณไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าและไม่ได้เป็นคนต่างด้าวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพลเมืองเดียวกันกับคนของพระเจ้า และเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าด้วย 20 พวกคุณคืออาคารที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา รากฐานของอาคารนี้เป็นพวกศิษย์เอกของพระเยซู และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และมีพระเยซูคริสต์เป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด 21 ในพระคริสต์นั้น ทุกส่วนของอาคารถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และเจริญขึ้นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับองค์เจ้าชีวิต 22 ในพระคริสต์นั้น พวกคุณกำลังถูกก่อขึ้นมาด้วยกันกับคนอื่นๆให้เป็นที่อยู่ของพระวิญญาณของพระเจ้า

หน้าที่การงานของเปาโลเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิว

นี่เป็นเหตุที่ผมอธิษฐานเผื่อพวกคุณ ผมเองเปาโลเป็นนักโทษเพราะรับใช้พระเยซูคริสต์และพวกคุณที่ไม่ใช่คนยิว พวกคุณคงรู้แล้วว่าพระเจ้าได้มอบหมายงานนี้ให้กับผม เพื่อช่วยเหลือพวกคุณ พระเจ้าเปิดเผยแผนการลับของพระองค์ให้ผมรู้ ตามที่ผมเขียนมาแล้วอย่างย่อๆ ถ้าคุณอ่านแล้ว คุณก็จะรู้ว่าผมเข้าใจเรื่องแผนการลับของพระคริสต์ขนาดไหน ในสมัยก่อน พระเจ้าไม่ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ให้ใครรู้ แต่ในสมัยนี้ พระองค์ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ ผ่านทางพระวิญญาณให้กับคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นศิษย์เอกของพระคริสต์และให้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า แผนการลับนี้คือ คนที่ไม่ใช่ยิวจะได้รับมรดกร่วมกันกับคนยิว เป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน มีส่วนร่วมในคำสัญญาที่พระเจ้าทำไว้ในพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะข่าวดีที่ประกาศอยู่นี้

ผมมาเป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนั้น งานนี้เป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับผม ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเล็กน้อยกว่าคนที่เล็กน้อยที่สุดในหมู่คนที่เป็นของพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ยังมอบพระพรนี้ให้กับผมคือให้ผมประกาศกับคนที่ไม่ใช่ยิวเรื่องความมั่งคั่งของพระคริสต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความเข้าใจ ทำให้ทุกคนเห็นชัดเจนถึงแผนการลับนี้ ที่พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้เก็บซ่อนไว้ตั้งแต่สร้างโลกมา 10 พระเจ้าเก็บซ่อนแผนการลับนี้ไว้เพื่อว่าตอนนี้พระองค์จะได้ใช้หมู่ประชุมของพระองค์เปิดเผยสติปัญญาอันหลากหลายของพระองค์ให้กับพวกผู้ครอบครอง และพวกผู้มีอำนาจในโลกฝ่ายวิญญาณ 11 พระองค์ทำอย่างนี้ตามจุดประสงค์ที่อยู่ในใจของพระองค์ตั้งแต่แรกมา และเรื่องนี้พระองค์ก็ได้ทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์ องค์เจ้าชีวิตของเรา 12 พวกเราที่มีส่วนในพระเยซูคริสต์ กล้าและมีความมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เพราะเราไว้วางใจในพระคริสต์ 13 ผมอธิษฐานขอให้พวกคุณไม่ท้อแท้เพราะเห็นผมต้องเดือดร้อน ที่ผมเดือดร้อนก็เพื่อประโยชน์ของพวกคุณ เพื่อที่พวกคุณจะได้รับศักดิ์ศรีด้วย

ความรักของพระคริสต์

14 นี่เป็นเหตุที่ผมได้คุกเข่าลงอธิษฐานต่อหน้าพระบิดา 15 คำว่า “ครอบครัว”[p] แม้จะในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก ก็มาจากคำว่า “พระบิดา” นี่แหละ 16 ขอให้พระเจ้าที่มั่งคั่งมหาศาล ช่วยให้พวกคุณมีพลังใจที่เข้มแข็งผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ 17 ขอให้พระคริสต์ตั้งมั่นคงอยู่ในใจของคุณเพราะคุณไว้วางใจในพระองค์ ขอให้ลงรากลึกมั่นคงในความรัก 18 ผมอธิษฐานให้พวกคุณและคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนสามารถเข้าใจว่า ความรักที่พระคริสต์มีต่อเรานั้นมันกว้าง ยาว สูง และลึกขนาดไหน 19 ขอให้เข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ ที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ เพื่อคุณจะได้เต็มไปด้วยความบริบูรณ์ของพระเจ้า

20 พระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่งมากยิ่งกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ในตัวเรา 21 ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติทั้งจากหมู่ประชุมของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์ทุกยุคทุกสมัยตลอดไป อาเมน

ร่างเดียวกัน

ในฐานะที่ผมเป็นนักโทษเพราะเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ผมขออ้อนวอนให้พวกคุณใช้ชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าได้เรียกคุณมา คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก ให้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ได้รับจากพระวิญญาณ ด้วยการใช้สันติภาพเป็นเชือกผูกมัดพวกคุณไว้ด้วยกัน มีเพียงกายเดียวและพระวิญญาณเดียว เหมือนที่พระเจ้าเรียกพวกคุณมาให้มีความหวังเดียว มีองค์เจ้าชีวิตองค์เดียว ความเชื่อเดียว พิธีจุ่มน้ำเดียว และมีพระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของทุกสิ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง อยู่ทั่วทุกสิ่ง และอยู่ในทุกสิ่ง

พวกเราแต่ละคนได้รับของขวัญต่างๆตามความเมตตาของพระคริสต์ นั่นเป็นเหตุที่พระคัมภีร์ถึงได้พูดว่า

“เมื่อพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่สูง
    พระองค์ก็เอาเชลยสงครามไปด้วยและพระองค์ก็ได้แจกของขวัญให้กับมนุษย์”[q]

ที่พูดว่า “พระองค์ขึ้นไป” ก็แสดงว่าพระองค์เคยลงมาที่โลกเบื้องล่างนี้ 10 พระองค์ที่ลงมาก็เป็นองค์เดียวกับที่ขึ้นไปสูงกว่าสวรรค์ทั้งปวง เพื่อพระองค์จะได้เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง 11 พระเยซูได้แจกของขวัญคือ พวกศิษย์เอกของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกผู้ประกาศข่าวดีและพวกผู้เลี้ยงที่สอน 12 เพื่อคนพวกนี้ จะได้เตรียมคนของพระเจ้าให้สามารถทำงานรับใช้ ซึ่งจะเสริมสร้างกายของพระคริสต์ให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ 13 จนกว่าพวกเราทั้งหมดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า แล้วเราจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเป็นเหมือนกับพระคริสต์ทุกประการ

14 ทั้งนี้ก็เพื่อเราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็กเล็กๆอีกต่อไป หรือเหมือนคลื่นที่ถูกซัดไปซัดมา หรือถูกพัดไปทางโน้นทีทางนี้ที ด้วยคำสอนใหม่ๆและด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายต่างๆของพวกผู้สอนเท็จ 15 แต่ให้พวกเราพูดความจริงด้วยความรัก และให้โตขึ้นเป็นเหมือนพระคริสต์ในทุกๆทาง พระคริสต์คือศีรษะ 16 ที่ร่างกายทุกส่วนต้องพึ่งพาและทั้งร่างก็ยึดติดสนิทกันด้วยเส้นเอ็นทุกๆเส้น เมื่ออวัยวะต่างๆทำหน้าที่ของมันเองแล้ว พระคริสต์ทำให้ร่างกายทั้งหมดเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก

ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ

17 ในฐานะตัวแทนขององค์เจ้าชีวิต ผมขอบอกคุณว่า ต่อจากนี้ไป อย่าใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ที่คิดแต่เรื่องไร้สาระ 18 ความคิดของเขามืดมัวไปเพราะความโง่เขลาและจิตใจที่ดื้อรั้นทำให้เขาถูกแยกออกจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า 19 พวกเขาไม่มีความละอายต่อบาปอีกแล้ว ปล่อยตัวมัวเมาในกาม ทำเรื่องไม่บริสุทธิ์ทุกอย่างโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ 20 แต่การใช้ชีวิตแบบนั้นไม่เหมือนกับการใช้ชีวิตกับพระคริสต์อย่างที่คุณเรียนรู้จากพวกเรา 21 จริงๆแล้ว คุณเคยได้ยินเรื่องของพระองค์และได้รับคำสอนเกี่ยวกับพระองค์ สิ่งที่คุณเรียนรู้มานั้นสอดคล้องกับความจริงที่พระเจ้าได้เปิดเผยในพระเยซู 22 คำสอนนั้นบอกให้พวกคุณกำจัดตัวตนเก่าๆที่ถูกตัณหาชักนำให้หลงและเสื่อมไป 23 คำสอนนั้นยังสอนให้คุณยอมให้พระเจ้าสร้างความคิดและจิตใจของคุณขึ้นมาใหม่ 24 คำสอนนี้ยังบอกอีกว่าให้สวมคนใหม่นั้นที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นเหมือนพระองค์ เพื่อจะได้มีชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ ตามความจริงที่เราสอนนั้น

25 ถ้าอย่างนั้น ให้เลิกพูดโกหกซะ “ให้ต่างคนต่างพูดความจริงต่อเพื่อนของตน”[r] เพราะพวกเราเป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน 26 “ถ้าโกรธ ก็อย่าทำบาป”[s] ควรกำจัดความโกรธนั้นให้หมดไปก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน 27 อย่าเปิดโอกาสให้มารเอาชนะพวกคุณได้ 28 คนที่เคยขโมยมาก่อน ก็ให้เลิกขโมยซะ แล้วหันมาทำงาน ใช้มือทำสิ่งที่มีประโยชน์ เพื่อจะได้มีสิ่งของไว้แจกคนที่ขัดสน

29 อย่าพูดคำหยาบคายเลย แต่ให้พูดในสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ให้กำลังใจกับคนที่ต้องการ เพื่อมันจะได้เป็นประโยชน์กับคนที่ได้ยิน 30 อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจ พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณนี้มาประทับตราพวกคุณไว้ เพื่อแสดงว่าคุณเป็นของพระเจ้า และเพื่อรับรองว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระในวันนั้น[t] 31 กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากหมู่พวกคุณ คือความขมขื่นทั้งหมด ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงความชั่วทุกชนิด 32 ให้เมตตาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน และอภัยให้กันและกันเหมือนกับที่พระเจ้าได้อภัยให้กับคุณผ่านทางพระคริสต์

ในฐานะที่เป็นลูกที่รักของพระเจ้า ก็ให้เลียนแบบพระองค์ ให้ใช้ชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์รักเราด้วย พระองค์ได้สละชีวิตเพื่อเรา เป็นเหมือนเครื่องถวาย และเครื่องบูชาที่หอมหวานให้กับพระเจ้า

เรื่องความผิดบาปทางเพศ เรื่องลามกทุกอย่าง หรือความมักมากในกาม แม้แต่จะพูดถึงก็อย่าเลย เพราะมันไม่เหมาะกับคนที่เป็นของพระเจ้า รวมทั้งการพูดจาหยาบคายไร้สาระไม่เป็นเรื่อง หรือพูดตลกลามก ก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น แต่ควรจะพูดขอบคุณพระเจ้าดีกว่า ให้พวกคุณรู้เอาไว้เลยว่าทุกคนที่ทำผิดบาปทางเพศ ไม่บริสุทธิ์ หรือมักมากในกาม[u] ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ จะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า

อย่าให้ใครมาหลอกลวงพวกคุณด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะเรื่องอย่างนี้แหละที่ทำให้พระเจ้าลงโทษคนพวกนั้นที่ไม่เชื่อฟัง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปมีส่วนร่วมกับคนพวกนั้นเลย เมื่อก่อนนี้พวกคุณเคยเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้เป็นความสว่างแล้ว เพราะมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต อย่างนั้นก็ให้ใช้ชีวิตให้สมกับที่เป็นลูกของความสว่างนั้น (เพราะผลของความสว่างคือความดีทุกอย่าง ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ และการพูดความจริง) 10 ให้พยายามค้นหาว่าองค์เจ้าชีวิตชอบใจอะไรบ้าง 11 อย่ามีส่วนกับการกระทำต่างๆของความมืดที่ไร้ประโยชน์นั้น แต่ให้ชีวิตบริสุทธิ์ของพวกคุณเปิดโปงเรื่องพวกนั้นออกมาดีกว่า 12 เพราะแม้แต่จะพูดถึงเรื่องลับๆที่พวกเขาทำกัน ก็ยังน่าละอายเลย 13 แต่ความสว่างนั้นทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน 14 เพราะความสว่างจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันส่องนั้นกลายเป็นความสว่างไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่มีคำพูดว่า

“ตื่นได้แล้ว เจ้าที่หลับอยู่
    ลุกขึ้นมาจากความตายสิ
แล้วพระคริสต์จะส่องสว่างใส่เจ้า”

15 ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าพวกคุณใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนโง่ แต่ให้เป็นเหมือนคนฉลาด 16 ให้ฉวยโอกาสที่จะทำดี เพราะทุกวันนี้มีแต่ความชั่วร้าย 17 ฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่ แต่ให้เข้าใจว่าองค์เจ้าชีวิตต้องการให้คุณทำอะไร 18 อย่าเมาเหล้าองุ่น มันจะทำให้คุณเสียคนได้ แต่ให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณดีกว่า 19 คือร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และเพลงจากพระวิญญาณให้กันและกัน และให้ร้องเพลงสรรเสริญองค์เจ้าชีวิตจากใจ 20 และขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราเสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในฐานะเป็นคนของพระเยซูคริสต์เจ้า[v]

สามีกับภรรยา

21 ให้ยินยอมซึ่งกันและกัน เพราะยำเกรงพระคริสต์

22 พวกคุณที่เป็นภรรยา ให้ยินยอมสามี เหมือนที่ยินยอมองค์เจ้าชีวิต 23 เพราะสามีคือศีรษะของภรรยา เหมือนกับที่พระคริสต์เป็นศีรษะของหมู่ประชุม คือพระองค์เองเป็นผู้ช่วยให้รอดของร่างกาย 24 แต่หมู่ประชุมยินยอมพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรจะยินยอมสามีของตนในทุกเรื่องอย่างนั้นด้วย

25 พวกคุณที่เป็นสามี ให้รักภรรยาของตนเหมือนกับที่พระคริสต์รักหมู่ประชุมของพระองค์ และได้สละพระองค์เองเพื่อประโยชน์ของหมู่ประชุม 26 ที่พระคริสต์ทำอย่างนี้ก็เพื่อชำระล้างหมู่ประชุมของพระองค์ ให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำและถ้อยคำของพระองค์ 27 เพื่อพระองค์จะได้มอบหมู่ประชุมที่สง่างามให้กับพระองค์เอง เป็นเจ้าสาวที่ไม่มีตำหนิ ริ้วรอย หรือความบกพร่องอะไรเลย แต่จะบริสุทธิ์หมดจดทุกอย่าง 28 สามีก็เหมือนกัน ควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักร่างกายของตนเอง คนที่รักภรรยาก็รักตัวเองนั่นแหละ 29 เพราะไม่มีใครหรอกที่เกลียดร่างกายของตนเอง มีแต่จะเลี้ยงดูและเอาใจใส่ เหมือนกับที่พระคริสต์เลี้ยงดูและเอาใจใส่หมู่ประชุมของพระองค์ 30 เพราะเราเป็นอวัยวะในร่างกายของพระองค์ 31 เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดเอาไว้ว่า “ดังนั้นผู้ชายจะจากพ่อและแม่ของเขา ไปเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยาของตน และเขาทั้งสองจะเป็นร่างกายเดียวกัน”[w] 32 เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับมาก และผมเอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับสายสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับหมู่ประชุมของพระองค์ 33 อย่างไรก็ตาม พวกคุณแต่ละคน ต้องรักภรรยาของตน เหมือนกับรักตนเอง ส่วนภรรยาจะต้องเคารพสามีของตน

ลูกกับพ่อแม่

พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน”[x] นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[y]

พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต

ทาสกับเจ้านาย

พวกคุณที่เป็นทาส ต้องเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกนี้ ควรเกรงกลัวจนตัวสั่นด้วยความจริงใจ เหมือนที่ทำกับพระคริสต์ อย่าทำเป็นขยันแค่ต่อหน้าเมื่อมีคนมองเพื่อประจบสอพลอ แต่ควรจะทำงานเหมือนกับเป็นทาสของพระคริสต์ ที่เต็มใจทำตามความต้องการของพระเจ้า ให้เต็มใจรับใช้เหมือนกับที่ทำต่อองค์เจ้าชีวิตไม่ใช่ต่อมนุษย์ จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ตาม ถ้าทำความดีก็จะได้รับสิ่งตอบแทนจากองค์เจ้าชีวิต

ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นเจ้านายอย่าได้ข่มขู่ทาสของตน จำไว้ว่าเจ้านายของคุณและของเขาก็อยู่บนสวรรค์ และพระองค์ก็ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร

จงสวมชุดเกราะของพระเจ้า

10 สุดท้ายนี้ ขอให้เข้มแข็งในองค์เจ้าชีวิต และในฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ แล้วพวกคุณจะสามารถยืนขึ้นต่อสู้แผนการของมารร้าย 12 เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับพวกผู้ครอบครอง พวกผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่ครองโลกมืดนี้ และต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วร้ายในโลกฝ่ายวิญญาณ 13 เพราะอย่างนี้ ให้สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ เพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อวันอันชั่วร้ายมาถึง และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว พวกคุณก็ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ 14 ดังนั้นให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงรัดเอวไว้เหมือนเข็มขัด เอาชีวิตที่พระเจ้าชอบใจมาสวมเป็นเกราะป้องกันอก 15 เอาใจที่พร้อมจะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า 16 นอกจากนี้แล้ว ให้เอาความเชื่อเป็นโล่ ที่พวกคุณจะใช้กันลูกธนูไฟทั้งหมดที่มารร้ายยิงเข้าใส่ 17 ให้เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก และให้ถือดาบของพระวิญญาณ ซึ่งก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 18 ในทุกโอกาสและทุกเรื่องที่คุณอธิษฐานหรือขอร้อง ก็ให้อธิษฐานด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ ให้ตื่นตัวและอธิษฐานตลอดเวลาสำหรับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า

19 ให้อธิษฐานเผื่อผมด้วย เพื่อเมื่อเวลาที่ผมเปิดปากพูด พระเจ้าจะให้คำพูดกับผม เพื่อผมจะได้เปิดเผยเรื่องลึกลับของข่าวดีนี้อย่างกล้าหาญ 20 ผมก็เป็นทูตของพระเจ้าที่กำลังประกาศข่าวดีนี้อยู่ในคุก ช่วยอธิษฐานให้ผมกล้าที่จะประกาศข่าวดีนี้ ตามที่ผมควรจะพูดด้วย

คำอวยพรสุดท้าย

21 ทีคิกัส ที่เป็นพี่น้องที่รัก และเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์เจ้าชีวิต จะเล่าเรื่องทั้งหมดของผมให้คุณฟังว่าเป็นอย่างไรบ้างและทำอะไรอยู่ 22 ผมส่งเขามาเพื่อคุณจะได้รู้ข่าวคราวของเราและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจคุณด้วย

23 ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้สันติสุข ความรักและความเชื่อกับพวกคุณ 24 ขอให้พระเจ้าให้ความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์เจ้าของเราอย่างไม่เสื่อมคลาย

จากเปาโลและทิโมธี พวกทาสของพระเยซูคริสต์

ถึงคนของพระเจ้าทุกคนที่มีส่วนร่วมในพระเยซูคริสต์ในเมืองฟีลิปปี รวมทั้งพวกผู้ดูแล และพวกผู้รับใช้พิเศษ[z]

ผมขอพระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้าให้ความเมตตาและให้สันติสุขกับพวกคุณด้วยเถิด

คำอธิษฐานของเปาโล

ผมขอบคุณพระเจ้าของผมทุกครั้งที่ผมคิดถึงพวกคุณ ผมดีใจตลอดเวลาที่ผมอธิษฐานขอพระเจ้าให้กับคุณทุกคน ผมดีใจเพราะพวกคุณได้ร่วมประกาศข่าวดีกับผม ตั้งแต่วันแรกที่คุณเชื่อจนถึงเดี๋ยวนี้ พระเจ้าได้เริ่มต้นการงานที่ดีในพวกคุณ และผมแน่ใจว่าพระองค์จะทำงานนี้ต่อไปจนกว่าจะสำเร็จในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา

สมควรแล้วที่ผมจะคิดอย่างนี้กับพวกคุณทุกคน เพราะคุณอยู่ในใจผม เพราะคุณคอยสนับสนุนงานของพระเจ้าที่พระองค์ให้ผมทำ ทั้งเวลาที่ผมติดคุกอยู่และเวลาที่ผมแก้ตัวเพื่อพระองค์และพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับข่าวดีนี้ พระเจ้าเป็นพยานได้ ผมคิดถึงพวกคุณทุกคนมากๆ ผมรักคุณเหมือนกับที่พระเยซูคริสต์รักคุณ

ผมอธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณมีความรักอย่างเปี่ยมล้น ด้วยความรู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใจว่าจะทำอย่างไรในทุกๆสถานการณ์ 10 เพื่อคุณจะได้เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด และจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดบาปในวันที่พระคริสต์กลับมา 11 คุณจะได้เต็มไปด้วยความดีงามที่มาจากฤทธิ์อำนาจที่พระเยซูคริสต์ให้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติและคำสรรเสริญ

ปัญหาของเปาโลในการประกาศ

12 พี่น้องครับ ผมอยากให้คุณรู้ว่าเหตุการณ์ร้ายที่ได้เกิดขึ้นกับผมนี้ ความจริงแล้วได้ช่วยทำให้ข่าวดีแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น 13 ตอนนี้ ทหารรักษาวังของจักรพรรดิโรมัน รวมทั้งคนอื่นๆทุกคนที่นี่รู้ว่าผมถูกล่ามโซ่อยู่นี้ก็เพื่อพระคริสต์ 14 นอกจากนั้นการที่ผมติดคุกทำให้พี่น้องส่วนใหญ่ที่นี่พึ่งความช่วยเหลือขององค์เจ้าชีวิตมากขึ้น พวกเขามีใจกล้ามากขึ้นที่จะประกาศเรื่องพระคริสต์อย่างไม่กลัวใคร

15 จริงอยู่บางคนประกาศเรื่องของพระคริสต์ เพราะอิจฉาและอยากชิงดีชิงเด่น แต่ก็มีคนที่ประกาศเพราะความหวังดีด้วยเหมือนกัน 16-17 พวกแรกนั้นประกาศเพราะอยากชิงดีชิงเด่นกับผม และเพราะมีความตั้งใจที่ไม่ดี คือพวกเขาคิดว่าจะเพิ่มความทุกข์ให้กับผมในระหว่างที่ผมยังติดคุกอยู่ แต่คนอื่นๆนั้นประกาศเพราะความรัก พวกเขารู้ว่าพระเจ้าให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องข่าวดีอันนั้น

18 อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะทำเพราะมีแรงจูงใจที่ผิดหรือทำเพราะหวังดี สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องพระคริสต์ก็ได้ประกาศออกไปอยู่ดี ซึ่งทำให้ผมดีใจ ใช่แล้ว ผมจะยังดีใจต่อไปอีก 19 เพราะรู้ว่าทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับผมนี้จะนำผมไปถึงความรอดโดยคำอธิษฐานของคุณและโดยพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าได้ให้กับผม 20 ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผมคาดหวังอย่างยิ่งว่า ผมจะไม่ต้องอับอายในเรื่องอะไรเลย แต่จะกล้าหาญมาก (เหมือนกับที่เคยกล้าหาญมาตลอด) และพระเยซูคริสต์จะได้รับเกียรติเพราะตัวผม ไม่ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือจะตายก็ตาม 21 ในความคิดของผม จะอยู่ก็อยู่เพื่อพระคริสต์ ถ้าจะตายก็ถือว่าได้กำไร[aa] 22 แต่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมก็จะทำงานให้เป็นประโยชน์ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี 23 สองทางนี้มันเลือกยากมาก จริงๆแล้วผมอยากจะตายและไปอยู่กับพระคริสต์ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดีกว่ามาก 24 แต่มันจะดีกว่าสำหรับพวกคุณ ที่ผมจะอยู่ในร่างนี้ต่อไป 25 เมื่อผมมั่นใจอย่างนี้ ผมจึงรู้ว่าผมจะอยู่ต่อไปเพื่อช่วยคุณทุกคนให้เจริญขึ้นและมีความสุขกับความเชื่อที่คุณมี 26 ดังนั้น คุณก็จะยกย่องพระเยซูคริสต์เพราะเรื่องของผม เมื่อผมกลับมาอยู่กับคุณอีกครั้งหนึ่ง

27 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสอดคล้องกับข่าวดีของพระคริสต์ แล้วไม่ว่าผมจะมาเจอคุณหรือแค่ได้ฟังข่าวคราวของคุณ ผมจะได้รู้ว่าคุณได้ตั้งมั่นคงอยู่ในพระวิญญาณองค์เดียวกัน และได้ต่อสู้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อความเชื่อที่เกิดมาจากข่าวดีนั้น 28 แล้วคุณก็จะไม่กลัวคนที่ต่อต้านคุณเลยสักนิดเดียว เพราะความเป็นหนึ่งเดียวและความกล้าของคุณ จะทำให้เห็นว่าพวกมันจะถูกทำลาย แต่พวกคุณจะได้รับความรอด ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากพระเจ้า 29 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้คุณมีสิทธิ์แค่มาเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น แต่ให้มาทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย 30 ตอนนี้พวกคุณกำลังต่อสู้ เหมือนกับที่คุณเคยเห็นผมต้องต่อสู้มาก่อน และยังได้ยินอีกว่าผมก็กำลังต่อสู้อยู่เดี๋ยวนี้ด้วย

เป็นหนึ่งเดียวกันและดูแลกันและกัน

ดังนั้น ถ้าพวกคุณได้รับกำลังใจเพราะมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าได้รับการปลอบใจจากความรัก ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพราะมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ และได้รับความรักใคร่เอ็นดูและความเห็นอกเห็นใจ

ผมก็ขอให้คุณทำสิ่งที่จะให้ความสุขกับผมอย่างเต็มที่ คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน เป็นใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน

อย่าทำอะไรที่ชิงดีชิงเด่นกัน หรือเพราะหลงคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ให้ถ่อมตัวลง และมองคนอื่นว่าสำคัญกว่าตัวเอง อย่าให้ใครคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย

ตามแบบอย่างของพระเยซู

ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยคิด ทำ และรู้สึกอย่างนี้ เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คือถึงแม้พระองค์จะมีสภาพเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ได้คิดที่จะใช้ความเท่าเทียมกับพระเจ้าของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพระองค์เองเลย

แต่พระองค์ได้ทิ้งความเป็นตัวของพระองค์เองไปจนหมด คือยอมรับสภาพเป็นทาส และได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อพระองค์ได้มาปรากฏตัวในร่างมนุษย์แล้ว พระองค์ได้ถ่อมตัวของพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่าง ถึงขนาดยอมตาย แม้กระทั่งต้องตายบนไม้กางเขน

พระเจ้าก็เลยยกพระเยซูขึ้นสูงที่สุด และยกย่องชื่อของพระองค์ให้ยิ่งใหญ่กว่าชื่อทั้งหมด 10 เพื่อทุกๆคนที่อยู่ในสวรรค์ก็ดี ในโลกนี้ก็ดี หรือใต้โลกนี้ก็ดี จะได้คุกเข่าลงให้เกียรติกับพระเยซู 11 ทุกๆคนจะยอมรับว่า พระเยซูคริสต์คือองค์เจ้าชีวิต แล้วพระเจ้าพระบิดาก็จะได้รับเกียรติยศ

ให้เป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการ

12 เพื่อนๆที่รัก คุณก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีมาตลอด ดังนั้นผมขอให้คุณทำงานหนักต่อไปด้วยใจที่เคารพและยำเกรงพระเจ้า จนกว่าคุณจะบรรลุถึงความรอด ตอนนี้ผมอยากให้คุณทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่แค่ตอนที่ผมอยู่ด้วยเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย 13 คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเป็นพระเจ้าเองที่กำลังทำงานอยู่ในหมู่พวกคุณ พระองค์ทำให้คุณเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการ และให้ฤทธิ์อำนาจกับคุณที่จะทำอย่างนั้นด้วย

14 ให้ทำทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือเถียงกัน 15 เพื่อพวกคุณจะไร้ที่ติ และบริสุทธิ์ จะได้เป็นลูกของพระเจ้าที่ไม่มีตำหนิเลย ทั้งๆที่คนรอบข้างคดโกง และวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว แต่พวกคุณจะได้ส่องแสงอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหมือนกับแสงสว่างต่างๆในท้องฟ้าที่ส่องสว่างเข้ามาในโลกมืด 16 ให้ทำทั้งหมดนี้ในขณะที่พวกคุณเสนอคำสอนที่ให้ชีวิตกับพวกเขา เพื่อในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา ผมจะได้ภูมิใจในตัวคุณ และจะได้เห็นชัดเจนว่า ผมวิ่งชนะและทำงานสำเร็จ

17 ผมจะเปรียบเทียบความเชื่อของพวกคุณเป็นเหมือนสัตว์ที่ถูกเผาถวายให้กับพระเจ้าและเป็นการรับใช้พระองค์ ถ้าหากผมเป็นเหมือนเครื่องดื่มบูชาที่ถูกเทบนเครื่องบูชาของพวกคุณนั้น ผมก็ดีใจและดีใจกับพวกคุณทุกคน 18 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณทุกคนควรจะดีใจและร่วมดีใจกับผมด้วย

ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส

19 เพราะพระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต ผมคาดว่าผมจะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณเร็วๆนี้แน่นอน แล้วผมจะได้มีกำลังใจ เมื่อเขากลับมาเล่าเรื่องพวกคุณ 20 มีแต่ทิโมธีเท่านั้นที่มีความคิดเหมือนกับผมและสนใจในเรื่องทุกข์สุขของพวกคุณจริงๆ 21 ส่วนคนอื่นๆที่อาจจะส่งมาได้ ก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองมากกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องของพระเยซูคริสต์ 22 คุณก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยของทิโมธีนั้นเป็นอย่างไร และเขาได้รับใช้ในการประกาศข่าวดีด้วยกันกับผม เหมือนลูกช่วยพ่อ 23 ดังนั้น พอผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่จะเป็นอย่างไร ผมก็หวังที่จะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณทันที 24 ผมเชื่อว่า องค์เจ้าชีวิตจะเปิดโอกาสให้ผมได้มาเจอพวกคุณเร็วๆนี้เหมือนกัน

25 แต่ตอนนี้ คิดว่าจำเป็นจะต้องส่งเอปาโฟรดิทัสกลับมาหาคุณก่อน เขาเป็นทั้งน้องชาย เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหารของผม พวกคุณได้ส่งเขามาดูแลผมตอนที่ผมขาดแคลน 26 ผมส่งเขามา เพราะเขาอยากจะเจอคุณมาก และเขาก็กลุ้มใจมากเพราะคุณได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 ตอนนั้นเขาก็ป่วยหนักจริงๆจนเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่พระเจ้าเมตตาเขา ซึ่งก็ถือว่าได้เมตตาผมด้วย เพื่อผมจะได้ไม่เป็นทุกข์มากไปกว่านี้ 28 ผมจึงตั้งใจจะส่งเขากลับไปหาคุณ เพื่อคุณจะได้ดีใจเมื่อเจอเขาอีก และตัวผมเองจะได้กังวลน้อยลง 29 ดังนั้น ให้อ้าแขนต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพราะเขามีส่วนร่วมในองค์เจ้าชีวิตเหมือนกัน และให้เกียรติกับเขาและทุกคนที่เป็นอย่างเขา 30 เพราะเขาเกือบจะตายจากงานที่เขาทำเพื่อพระคริสต์ เขาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อรับใช้ผม ในเรื่องที่พวกคุณเองก็ทำให้ผมไม่ได้

พระเยซูสำคัญที่สุด

สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิต ผมไม่เบื่อที่จะเขียนเรื่องเหล่านี้อีก และการเขียนซ้ำจะช่วยพวกคุณให้ยืนหยัดมั่นคง ให้ระวังไอ้หมาพวกนั้น ระวังไอ้พวกนั้นที่ทำชั่ว ระวังไอ้พวกนั้นที่ชอบหั่นเนื้อหนังคน[ab] เพราะเป็นพวกเรานี่แหละที่ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริง เป็นพวกเรานี่แหละที่นมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเราอวดพระเยซูคริสต์ ไม่ได้พึ่งฝ่ายเนื้อหนังหรือสิ่งดีๆที่เรามี ทั้งๆที่ผมมีเหตุผลมากมายที่จะพึ่งสิ่งต่างๆพวกนี้ แต่ถ้าใครคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะไว้วางใจในสิ่งที่อยู่ภายนอกแล้วละก็ ผมเปาโล มีมากยิ่งกว่าเขาเสียอีก คือผมได้เข้าพิธีขลิบตอนอายุได้แปดวัน ผมเป็นคนเชื้อชาติอิสราเอล มาจากเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูแท้ๆ เกิดจากพ่อแม่ชาวฮีบรู ในเรื่องศาสนา ผมอยู่ในกลุ่มที่เคร่งครัดที่สุด คือกลุ่มฟาริสี ผมร้อนรนมากถึงขนาดไปข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้า ส่วนเรื่องการทำตามกฎของโมเสสนั้น ผมไม่เคยทำผิดเลย แต่เพราะเห็นแก่พระคริสต์ สิ่งต่างๆเหล่านั้นที่ครั้งหนึ่งผมถือว่ามีค่ามาก ตอนนี้ผมถือว่าไร้ค่าแล้ว ความจริงแล้ว ผมถือว่าทุกอย่างนั้นไร้ค่า เพราะเห็นแก่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นมากนัก คือการที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของผม ผมยอมสูญสิ้นทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนขยะ เพื่อจะได้พระคริสต์ ผมอยากจะมีสายสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าที่เกิดจากความซื่อสัตย์สุจริตของพระคริสต์[ac] มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎของโมเสส สายสัมพันธ์ที่ถูกต้องนี้มาจากพระเจ้า และขึ้นอยู่กับความเชื่อ 10 ผมอยากจะรู้จักกับพระคริสต์ และฤทธิ์อำนาจอันเดียวกันที่ทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย ผมอยากร่วมทุกข์กับพระองค์ และตายไปเหมือนพระองค์ 11 เพื่อผมเองจะได้ฟื้นขึ้นจากความตายด้วย แต่จะฟื้นอย่างไรผมเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

พยายามให้ถึงเป้าหมาย

12 ไม่ใช่ว่าผมได้สิ่งเหล่านั้นแล้ว หรือถึงเป้าหมายแล้ว แต่ผมมุ่งหน้าไปอย่างแน่วแน่เพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น เพื่อจะได้คว้ารางวัลนั้นมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่พระเยซูคริสต์ได้คว้าผมมาไว้เป็นของพระองค์ 13-14 พี่น้องครับ ผมถือว่าผมยังคว้ารางวัลนั้นมาไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำอยู่ คือลืมเรื่องในอดีตเสียและโน้มตัวไปข้างหน้า วิ่งตรงดิ่งเข้าสู่เส้นชัย เพื่อจะได้รับรางวัลที่พระเจ้าได้เรียกพวกเราที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ให้ขึ้นไปรับบนสวรรค์

15 ขอให้พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่คิดแบบนี้ ถ้าหากบางเรื่องคุณไม่เห็นด้วย พระเจ้าก็จะเปิดเผยให้คุณเข้าใจเอง 16 ขอเพียงแค่ว่า ให้เราใช้ชีวิตให้สอดคล้องถึงระดับของความเข้าใจที่เราเอื้อมถึงแล้ว

17 พี่น้องที่รัก ให้เลียนแบบผม และให้จับตาดูคนพวกนั้นที่ทำตามแบบอย่างที่เราได้ให้ไว้กับคุณแล้ว 18 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะมีคนจำนวนมากที่ทำตัวเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของพระคริสต์ ผมพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ขอพูดอีกด้วยน้ำตา 19 ว่าคนพวกนั้นจะถูกทำลายไปในที่สุด พระเจ้าของเขาก็คือ ความอยากของปากท้องของเขาเอง และพวกเขาชอบคุยโวในสิ่งที่เขาควรจะอับอาย และพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งของในโลกนี้ 20 แต่บ้านเมืองแท้ๆของพวกเราอยู่บนสวรรค์ และเรากำลังรอคอยพระผู้ช่วยให้รอดของเรา คือพระเยซูคริสต์เจ้ากลับมาจากสวรรค์

21 พระองค์จะใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เปลี่ยนร่างกายที่น่าสมเพชของเรานี้ ให้เป็นเหมือนร่างกายที่เต็มไปด้วยเกียรติยศอันสูงส่งของพระองค์ ฤทธิ์อำนาจนี้เป็นฤทธิ์อันเดียวที่พระองค์ใช้ในการทำให้ทุกสิ่งมาอยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์

สิ่งที่ต้องทำ

พี่น้องที่รัก ผมอยากเจอพวกคุณมาก ผมชื่นชมพวกคุณมาก คุณเป็นความภาคภูมิใจของผม ขอให้ตั้งมั่นคงในองค์เจ้าชีวิตเถิด

ผมได้ขอร้อง ยูโอเดีย กับ สินทิเค ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในองค์เจ้าชีวิต

เพื่อนรัก น้องเป็นเพื่อนร่วมงาน ผม ขอร้องให้น้องไปช่วยผู้หญิงสองคนนี้ให้ดีกัน ทั้งสองคนนี้ได้ทำงานอย่างหนักในการประกาศข่าวดีร่วมกับผม พร้อมกับเคลเมนต์และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆของผม ชื่อของคนเหล่านี้ได้จดไว้แล้วในหนังสือแห่งชีวิต[ad]

ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิตตลอดเวลา ขอย้ำอีกที ให้ยินดีเถอะ

ขอให้ทุกคนได้เห็นถึงความสุภาพอ่อนโยนและความเมตตาปรานีของคุณ องค์เจ้าชีวิตกำลังจะกลับมา เลิกกังวลได้แล้ว แต่ให้อธิษฐานในทุกๆสถานการณ์ และขอในสิ่งที่คุณต้องการจากพระเจ้า และเมื่ออธิษฐานก็ให้ขอบคุณพระเจ้าด้วย แล้วสันติสุขที่มาจากพระเจ้า ซึ่งดีกว่าสันติสุขที่มาจากแผนงานต่างๆของมนุษย์[ae] จะปกป้องรักษาจิตใจ และความคิดของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์

สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ อะไรก็ตามที่จริง ที่น่านับถือ ที่ถูกต้อง ที่บริสุทธิ์ ที่น่ารัก ที่น่ายกย่อง นั่นคืออะไรก็ตามที่ยอดเยี่ยมและน่าสรรเสริญ ให้เอาใจใส่ในเรื่องเหล่านั้น ให้ฝึกฝนในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณได้เรียนรู้มา ได้รับมา ได้ยินมาจากผม และได้เห็นผมทำด้วย แล้วพระเจ้าแห่งสันติสุขจะอยู่กับคุณ

เปาโลขอบคุณคริสเตียนชาวฟีลิปปี

10 ผมดีใจและขอบคุณองค์เจ้าชีวิตมาก เพราะในที่สุดพวกคุณก็กลับมาห่วงใยผมอีก อันที่จริงคุณห่วงใยผมตลอดมาอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสแสดงออกมาเท่านั้นเอง 11 ผมไม่ได้พูดอย่างนี้เพราะผมขัดสน เพราะผมเรียนรู้ที่จะพอใจไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม 12 ผมรู้ว่าจะพอใจได้อย่างไรทั้งตอนที่ขัดสน และตอนที่มีอย่างเหลือเฟือ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ผมได้เรียนรู้เคล็ดลับว่าจะอยู่อย่างไร ในเวลาที่อิ่มท้องหรือหิวโหย ในเวลาที่มีเหลือเฟือหรือขาดแคลน 13 พระคริสต์ให้ผมมีกำลังที่จะทนได้กับทุกสิ่ง

14 แต่เป็นสิ่งที่ดี ที่พวกคุณได้มาช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของผม 15 พวกคุณชาวฟีลิปปีรู้อยู่แล้วว่า ในสมัยแรกๆที่ผมได้จากแคว้นมาซิโดเนียไปประกาศข่าวดีนั้น นอกจากพวกคุณแล้วไม่มีหมู่ประชุมไหน ที่มามีส่วนร่วมกับผมในการช่วยเหลือกันและกัน 16 ตอนที่ผมอยู่เมืองเธสะโลนิกา พวกคุณได้ส่งของมาช่วยเหลือผมครั้งแล้วครั้งเล่า 17 ไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมอยากจะได้ของอีก แต่ผมอยากให้คุณได้รับสิ่งตอบแทนในส่วนที่คุณควรจะได้ 18 คุณได้จ่ายคืนผมครบถ้วนแล้ว และมากเกินไปด้วยซ้ำ ผมมีครบทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว และผมได้รับของที่คุณฝากมากับเอปาโฟรดิทัสแล้ว ของฝากพวกนั้นเป็นเหมือนกับเครื่องบูชาที่หอมหวาน ที่พระเจ้ายอมรับและพอใจ 19 พระเจ้าของผมจะให้ทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณ จากความมั่งคั่งอันมหาศาลของพระองค์ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ 20 ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา ได้รับเกียรติทั้งตอนนี้ และตลอดไป อาเมน

21 ช่วยทักทายคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนในพระเยซูคริสต์ด้วย พี่น้องที่อยู่กับผมที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้กับพวกคุณทุกคน 22 คนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้พวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพวกนั้นที่ทำงานให้กับซีซาร์ 23 ขอให้ความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้าอยู่กับพวกคุณทุกคนด้วย

จากเปาโล ที่เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามใจของพระเจ้า และจากทิโมธีพี่น้องของเรา

ถึงคนที่เป็นของพระเจ้าในเมืองโคโลสี ซึ่งเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ในพระคริสต์ ขอพระเจ้าพระบิดาของเราให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณ

พวกเราขอบคุณพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสมอ เมื่อเราอธิษฐานเผื่อคุณ เพราะเราได้ยินเรื่องความไว้วางใจที่คุณมีในพระเยซูคริสต์ และได้ยินเรื่องความรักที่คุณมีต่อคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคน ความไว้วางใจและความรักนี้ เกิดมาจากความหวังที่เก็บไว้สำหรับพวกคุณในสวรรค์ ความหวังนี้พวกคุณได้ยินมาก่อนแล้วในถ้อยคำแห่งความจริง ซึ่งก็หมายถึงข่าวดีนั้น ที่มาถึงพวกคุณแล้ว ข่าวดีนี้กำลังเกิดผลและขยายไปทั่วโลกเหมือนกับที่กำลังเกิดผลในหมู่พวกคุณ นับตั้งแต่วันแรกที่คุณได้ยิน และเข้าใจถึงความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับความเมตตากรุณาของพระเจ้า คุณได้เรียนรู้เรื่องนี้จากเอปาฟรัสเพื่อนที่เป็นทาสของพระคริสต์ด้วยกันกับเรา เรารักเขามาก เขาก็เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ เพื่อประโยชน์ต่อพวกคุณ เขามาบอกพวกเราให้รู้ถึงความรักที่คุณมีผ่านทางพระวิญญาณ

เพราะอย่างนี้ เราถึงไม่เคยหยุดอธิษฐานให้พวกคุณเลย นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้ยินเรื่องของพวกคุณ

เราขอให้พระเจ้าเติมพวกคุณให้เต็มไปด้วยความรู้ถึงความต้องการของพระองค์คือให้มีความเฉลียวฉลาดทุกอย่าง และมีความเข้าใจที่มาจากพระวิญญาณด้วย 10 เราอธิษฐานอย่างนี้ เพื่อคุณจะใช้ชีวิตให้สมกับเป็นคนขององค์เจ้าชีวิต แล้วจะได้เอาใจพระองค์ในทุกเรื่อง คือเกิดผลในการทำดีทุกอย่าง และรู้จักพระเจ้ามากขึ้น 11 ให้เข้มแข็งขึ้นด้วยพลังอำนาจทั้งสิ้นที่มาจากฤทธิ์อำนาจมหาศาลของพระองค์ เพื่อคุณจะได้บากบั่นมานะและทรหดอดทน

12 พวกคุณจะได้ขอบคุณพระบิดาด้วยความชื่นชมยินดี พระบิดาได้ทำให้คุณเหมาะสมที่จะได้รับส่วนแบ่งในมรดกซึ่งอยู่ในอาณาจักรที่สว่างไสวร่วมกับคนที่เป็นของพระเจ้า 13 พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และนำเราเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระบุตร ซึ่งก็คือพระบุตรที่พระเจ้ารัก 14 พระองค์ได้ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระและอภัยบาปต่างๆของเราด้วย

เมื่อเรามองดูพระคริสต์เราเห็นพระเจ้า

15 พระคริสต์เป็นภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น พระคริสต์เป็นลูกหัวปีที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา 16 พระเจ้าใช้พระคริสต์สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นพวกวิญญาณที่นั่งบนบัลลังก์ หรือพวกผู้ครอบครองแผ่นดิน หรือพวกผู้ปกครอง หรือพวกผู้มีสิทธิอำนาจ พระคริสต์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับพระองค์ 17 ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกสร้างขึ้นมา ก็มีพระองค์อยู่แล้ว และทุกอย่างยังคงอยู่ได้ก็เพราะพระองค์ยึดมันไว้ด้วยกัน 18 พระองค์เป็นศีรษะของร่างกาย ซึ่งก็คือหมู่ประชุมของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้น เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้เป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง 19 เพราะพระเจ้าตัดสินใจว่าจะให้ความเต็มบริบูรณ์ของพระองค์อยู่ในตัวพระคริสต์ 20 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบนโลกและในสวรรค์กลับมาคืนดีกับพระองค์ คือทำให้เกิดสันติภาพขึ้น ด้วยเลือดของพระคริสต์ที่หลั่งบนไม้กางเขนนั้น

21 ในอดีตนั้นพวกคุณเคยเหินห่างจากพระเจ้า และมีใจที่เป็นศัตรูกับพระองค์ เพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่ตัวเองทำ 22 แต่เดี๋ยวนี้พระเจ้าทำให้คุณกลับมาคืนดีกับพระองค์ โดยการตายของพระคริสต์ในร่างมนุษย์นี้ พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะได้ถวายคุณต่อหน้าพระเจ้าอย่างคนบริสุทธิ์ ไม่มีข้อเสื่อมเสียและไม่มีข้อกล่าวหา 23 แต่คุณจะต้องยืนหยัดและยึดมั่นในความเชื่อต่อไป และไม่เลิกหวังในข่าวดีที่คุณได้ยินแล้วนั้น ข่าวดีนี้เป็นสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้วกับทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้านี้ ผมเปาโล ได้มาเป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนี้

งานที่เปาโลทำเพื่อหมู่ประชุมของพระเจ้า

24 ผมดีใจที่ในขณะนี้ผมกำลังทนทุกข์เพื่อพวกคุณ และมีความทุกข์ที่ยังเหลืออยู่ที่พระคริสต์จะต้องแบกอยู่อีก ผมกำลังทำให้ความทุกข์ที่เหลือนี้สำเร็จในตัวผม ผมทำทั้งหมดนี้เพื่อร่างกายของพระองค์ คือหมู่ประชุมของพระองค์ 25 พระเจ้าได้มอบหมายให้ผมมาเป็นผู้รับใช้หมู่ประชุมของพระองค์เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพวกคุณ เพื่อประกาศถ้อยคำของพระเจ้าอย่างครบถ้วนให้กับพวกคุณ 26 ความจริงที่ลึกลับนี้ได้ถูกซ่อนไว้มาหลายยุคหลายสมัย แต่ตอนนี้พระเจ้าได้เปิดเผยให้กับพวกคนที่เป็นของพระองค์ 27 พระเจ้าอยากให้คนที่เป็นของพระองค์รู้ว่า ความจริงอันลึกลับที่ได้เปิดเผยในหมู่คนที่ไม่ใช่ยิวนั้น รุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ความจริงอันลึกลับนั้นคือ พระคริสต์ผู้อยู่ในพวกคุณนั้นเอง ทำให้เราเกิดความหวังที่จะได้มีส่วนร่วมในเกียรติของพระเจ้า 28 เราประกาศเรื่องของพระคริสต์ เราเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนด้วยปัญญาทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อเราจะได้นำทุกคนไปอยู่ต่อหน้าพระเจ้าอย่างเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในพระคริสต์ 29 นี่เป็นเหตุที่ผมต่อสู้ ตรากตรำทำงานอย่างหนัก โดยพึ่งฤทธิ์เดชของพระคริสต์ที่ทำงานอย่างมากมายมหาศาลอยู่ในตัวผม

ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมต้องดิ้นรนต่อสู้มากขนาดไหนเพื่อพวกคุณ เพื่อคนที่อยู่เมืองเลาดีเซีย และคนอื่นๆที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน ที่ผมทำทั้งหมดนี้ ก็เพราะผมอยากให้พวกเขาได้รับกำลังใจ อยากให้เขารักใคร่กลมเกลียวกัน อยากให้เขาได้รับพระพรอย่างเหลือล้น เนื่องจากความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่เกิดมาจากความเข้าใจของเขา แล้วก็อยากให้เขามีความรู้ถึงความจริงอันลึกลับของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง ความลับนั้นคือพระคริสต์ สติปัญญาทั้งหมดและความรู้ทุกอย่าง เป็นขุมทรัพย์ที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในพระคริสต์

ที่ผมพูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะได้ไม่มีใครมาใช้เหตุผลต่างๆที่น่าฟังเพื่อหลอกลวงคุณ ถึงแม้ตัวผมจะไม่ได้อยู่ แต่ใจของผมก็ยังอยู่กับคุณ และผมก็ดีใจที่ได้เห็นคุณอยู่ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความเชื่อที่มั่นคงในพระคริสต์

ใช้ชีวิตต่อไปในพระคริสต์

พวกคุณได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าอย่างไร ก็ขอให้ใช้ชีวิตร่วมกันกับพระองค์ต่อไปอย่างนั้น คือคุณได้หยั่งรากลงไปในพระองค์แล้ว ให้พระองค์เป็นรากฐานของคุณต่อไป ให้ยึดมั่นในความเชื่อต่อไปเหมือนกับที่คุณได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว และให้ขอบคุณพระเจ้าอย่างล้นเหลือต่อไป

ระวังให้ดีอย่าให้ใครใช้หลักปรัชญาอันหลอกลวงและไร้ค่า เพื่อจับคุณไปเป็นเชลย เรื่องแบบนี้มนุษย์สอนสืบต่อกันมา คำสอนนั้นมาจากพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระคริสต์ เพราะความเต็มบริบูรณ์ทั้งหมดของพระเจ้า ได้มาอยู่ในสภาพของร่างมนุษย์คือในร่างของพระคริสต์นั่นเอง 10 แล้วเมื่อคุณอยู่ในพระคริสต์ คุณก็เต็มบริบูรณ์เหมือนกัน พระคริสต์เป็นศีรษะเหนือพวกผู้ครอบครอง และเหนือพวกผู้มีสิทธิอำนาจทั้งสิ้นในจักรวาล

11 ในพระคริสต์พวกคุณก็ได้เข้าพิธีขลิบด้วย แต่ไม่ใช่พิธีขลิบที่มือมนุษย์ทำหรอก แต่คุณได้เข้าร่วมพิธีขลิบของพระคริสต์เอง ที่เกิดขึ้นตอนที่พระองค์สละร่างกายที่เป็นเนื้อหนังทิ้งตอนตาย 12 คุณได้ถูกฝังร่วมกันกับพระคริสต์ในพิธีจุ่มน้ำ และได้ฟื้นขึ้นจากความตายพร้อมกับพระองค์ เพราะคุณไว้วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ผู้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นมา 13 ตอนที่พวกคุณตายไปแล้วนั้น (เพราะความผิดบาปของคุณ และเพราะคุณไม่ใช่ยิวและไม่ได้เข้าพิธีขลิบ) พระเจ้าทำให้คุณมีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ พระองค์ได้ยกโทษความผิดบาปทั้งหมดของเรา 14 พระเจ้ายกเลิกข้อกล่าวหาพวกเราที่ได้บันทึกไว้ พระองค์เอามันไปตรึงที่กางเขน 15 พระเจ้าปราบปรามพวกผู้ครอบครองและพวกผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลายจนต้องวางอาวุธลง พระเจ้านำเขาไปเป็นเชลยในขบวนแห่แห่งชัยชนะ[af] ทำให้พวกนี้อับอายขายหน้าในที่สาธารณะ พระเจ้าทำอย่างนี้ได้เพราะความตายของพระคริสต์

กฎที่มนุษย์ตั้งขึ้นเอง

16 ดังนั้นอย่าให้ใครมาประจานพวกคุณเพราะสิ่งที่กินและดื่ม หรือในเรื่องงานเทศกาลทางศาสนา งานฉลองพระจันทร์ข้างขึ้น[ag] หรือวันหยุดทางศาสนา 17 สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เงาของสิ่งที่จะตามมาภายหลัง แต่แก่นแท้ของสิ่งเหล่านี้คือพระคริสต์ 18 บางคนชอบที่จะขจัดกิเลสของตัวเอง และชอบนมัสการพระเจ้าด้วยกันกับทูตสวรรค์[ah] เพราะเขาบอกว่าเขาเห็นสิ่งต่างๆในสวรรค์ผ่านทางนิมิตของเขา อย่าไปสนใจฟังพวกเขาเมื่อพวกเขาพูดว่าคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระเจ้าเพราะคุณไม่ได้ทำตามพวกเขา ความคิดอย่างนั้นเป็นแค่ความคิดของมนุษย์ที่ทำให้พวกเขาเย่อหยิ่งจองหองไม่เข้าเรื่อง 19 คนพวกนั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับศีรษะซึ่งก็คือพระคริสต์ พระคริสต์นี่เองเป็นแหล่งทำให้ร่างกายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยงดู และยึดส่วนต่างๆของร่างกายเข้าด้วยกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆทำให้ทั้งร่างเจริญเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าต้องการ

20 ในเมื่อคุณได้ตายร่วมกับพระคริสต์ และเป็นอิสระจากพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้แล้ว ทำไมคุณยังทำตัวเหมือนว่าตัวเองยังเป็นของโลกนี้อยู่ และยังยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ 21 เช่น “ห้ามจับ” “ห้ามชิม” หรือ “ห้ามแตะต้อง” 22 กฎพวกนี้มันเกี่ยวกับสิ่งของที่เมื่อเอามาใช้แล้วก็หมดไป กฎพวกนี้ก็เป็นแค่คำสั่งหรือคำสอนจากมนุษย์เท่านั้น 23 กฎพวกนี้ฟังดูฉลาดเข้าท่าทีเดียว พวกเขาเคร่งครัดในศาสนาที่มนุษย์คิดขึ้น ทำให้เขาต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อขจัดกิเลสของตัวเอง รวมทั้งทรมานร่างกายด้วย แต่มันไม่ได้ช่วยยับยั้งความอยากของสันดานเลย

ชีวิตใหม่ในพระคริสต์

พระเจ้าได้ทำให้คุณฟื้นขึ้นจากความตายกับพระคริสต์แล้ว อย่างนั้นให้แสวงหาสิ่งต่างๆที่อยู่เบื้องบน ซึ่งเป็นที่ที่พระคริสต์นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า ให้ใจของคุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในโลก ตัวตนเก่าของคุณตายไปแล้ว ชีวิตใหม่ที่คุณได้รับนั้นถูกซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในพระเจ้า พระคริสต์เป็นชีวิตของพวกคุณ เมื่อพระองค์ปรากฏตัว คุณก็จะปรากฏตัวร่วมรับเกียรติพร้อมกับพระองค์ด้วย

ดังนั้นให้ฆ่าความชั่วร้ายทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวคุณ เช่นบาปทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ ราคะตัณหา ความฝักใฝ่ในเรื่องชั่วๆและการมักมากในกาม[ai] ซึ่งเท่ากับการกราบไหว้รูปเคารพ ความโกรธของพระเจ้ากำลังจะมาเพราะคนทำสิ่งเหล่านี้ คุณเคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน ตอนที่คุณใช้ชีวิตแบบนั้น

แต่ตอนนี้ ให้กำจัดสิ่งต่อไปนี้ให้หมดไปจากชีวิตคุณ คือความโกรธ ความบ้าคลั่ง ความพยาบาท การใส่ร้ายป้ายสี และการพูดลามก อย่าโกหกกัน เพราะคุณได้ถอดตัวตนเก่าทิ้งไปพร้อมกับการกระทำชั่วๆของตัวมันแล้ว 10 คุณได้สวมใส่คนใหม่ที่พระเจ้ากำลังสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นเหมือนพระองค์พระผู้สร้างมากขึ้นเรื่อยๆจนกว่าคุณจะรู้จักพระเจ้าเต็มที่ 11 ในเรื่องการเป็นคนใหม่นี้ มันไม่สำคัญว่าจะเป็นคนยิวหรือกรีก จะเข้าพิธีขลิบ หรือไม่เข้าพิธีขลิบ จะเป็นพวกไพร่หรือป่าเถื่อน[aj] จะเป็นทาสหรือเป็นไท แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่งก็คือพระคริสต์ และพระคริสต์นี่เองอยู่ในตัวพวกคุณทุกคน

12 ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนที่พระเจ้าได้เลือก เป็นคนของพระเจ้า และเป็นคนที่พระองค์รัก ก็ให้สวมใส่ความเห็นอกเห็นใจ ความมีน้ำใจ ความถ่อมตน ความสุภาพอ่อนโยน และความอดทน 13 ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และยกโทษให้กันด้วย ถ้าใครมีเรื่องกัน ก็ให้ยกโทษกัน องค์เจ้าชีวิตยกโทษให้กับคุณอย่างไร ก็ให้ยกโทษให้กันและกันอย่างนั้นด้วย 14 นอกจากนี้แล้ว ขอให้สวมใส่ความรัก ความรักจะผูกพันความดีทุกอย่างและทำให้สิ่งเหล่านี้สมบูรณ์ 15 ขอให้สันติสุขจากพระคริสต์มาครอบครองจิตใจของคุณ เพราะพระเจ้าได้เรียกคุณให้อยู่กันอย่างสันติในร่างกายเดียวกัน และขอให้เป็นคนที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ 16 ขอให้ถ้อยคำของพระคริสต์ตั้งรกรากอยู่ในกลุ่มพวกคุณอย่างเหลือล้น คือให้สั่งสอนเตือนสติซึ่งกันและกันด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น และร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และเพลงจากพระวิญญาณ ให้ร้องเพลงเหล่านี้สุดหัวใจถวายให้กับพระเจ้าด้วยใจกตัญญู 17 ไม่ว่าจะทำอะไรหรือจะพูดอะไร ก็ให้ทำและพูดเพื่อพระเยซูเจ้า และให้ขอบคุณพระเจ้าพระบิดาผ่านทางพระเยซู

ระเบียบในครัวเรือนของผู้เชื่อ

18 พวกคุณที่เป็นภรรยา ให้ยินยอมต่อสามีของตน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องในองค์เจ้าชีวิต

19 พวกคุณที่เป็นสามี ให้รักภรรยาของตน และอย่าได้ก้าวร้าวกับเธอ

20 พวกคุณที่เป็นเด็กๆให้เชื่อฟังพ่อแม่ของตนในทุกเรื่อง ถ้าทำอย่างนี้องค์เจ้าชีวิตก็จะพอใจ

21 พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่าทำให้ลูกของตนเคืองแค้นใจ เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ท้อใจ

22 พวกคุณที่เป็นทาส ให้เชื่อฟังนายในโลกนี้ทุกอย่าง อย่าเพียงแต่ทำดีแค่ต่อหน้าอย่างคนประจบประแจง แต่ให้ทำจากใจจริง และทำเพราะเกรงกลัวเจ้านายสูงสุด[ak] 23 ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ให้ทุ่มสุดใจเหมือนกับว่าไม่ได้ทำเพื่อมนุษย์ แต่ทำเพื่อองค์เจ้าชีวิต 24 เพราะคุณรู้ว่าจะได้รับมรดกจากองค์เจ้าชีวิตเป็นรางวัล เป็นพระคริสต์เจ้านี่แหละที่คุณกำลังรับใช้อยู่ 25 ส่วนคนที่ทำความผิดก็จะได้รับผลตอบแทนตามความผิดที่เขาทำ พระองค์จะไม่ลำเอียง

พวกคุณที่เป็นนาย ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมกับทาสของตัวเอง จำไว้ว่าคุณก็มีเจ้านายองค์หนึ่งบนสวรรค์เหมือนกัน

เปาโลให้คำแนะนำเพิ่มเติม

ทุ่มเทตัวเองในการอธิษฐาน ให้อธิษฐานอย่างตื่นตัวอยู่เสมอและมีใจขอบคุณ ช่วยอธิษฐานให้พวกเราด้วย เพื่อพระเจ้าจะเปิดโอกาสให้ประกาศถ้อยคำของพระองค์ เพื่อเราจะได้ประกาศความจริงอันลึกลับเกี่ยวกับพระคริสต์ ที่ผมถูกขังอยู่นี้ก็เพราะประกาศเรื่องนี้ ช่วยอธิษฐานให้ผมประกาศเรื่องความจริงอันลึกลับนี้ได้แจ่มแจ้งชัดเจนอย่างที่ผมควรจะทำ

ทำตัวให้ดีเมื่อติดต่อกับคนนอก ฉกฉวยทุกๆโอกาสไว้ เพื่อพวกคุณจะได้มีอิทธิพลที่ดีในชีวิตของเขา เมื่อพูดกับใคร ให้ใช้คำพูดที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจและน่าสนใจ เพื่อคุณจะได้รู้ว่าควรจะตอบทุกคนอย่างไรดี

ข่าวจากคนที่อยู่กับเปาโล

ทีคิกัสผู้เป็นน้องที่รัก ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ และเพื่อนทาสด้วยกันในองค์เจ้าชีวิต เขาจะบอกข่าวคราวของผมให้คุณรู้ ผมส่งเขาไปหาคุณเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ คือให้คุณได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรา แล้วจะได้มีกำลังใจขึ้น ผมส่งเขาไปพร้อมกับ โอเนสิมัส น้องชายที่ซื่อสัตย์และเป็นที่รักยิ่งของเรา เขาก็เป็นคนหนึ่งที่มาจากพวกคุณ สองคนนี้จะเล่าให้คุณฟังถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่

10 อาริสทารคัส เพื่อนที่ติดคุกอยู่กับผมฝากความคิดถึงมาให้ด้วย รวมทั้งมาระโกลูกพี่ลูกน้องของบารนาบัส ก็ฝากความคิดถึงมาเหมือนกัน (คุณได้รับคำสั่งเรื่องของมาระโกแล้วนะว่า ถ้าเขามาเยี่ยมคุณก็ให้ต้อนรับเขาอย่างดี) 11 เยซูคนที่เราเรียกว่ายุสทัส ก็ฝากความคิดถึงมาให้คุณด้วย ในหมู่เพื่อนร่วมงานของผมที่ทำงานรับใช้ในการเผยแพร่เรื่องอาณาจักรของพระเจ้าที่นี่ ก็มีแต่สามคนนี้เท่านั้นที่เป็นยิว พวกเขาให้กำลังใจกับผมได้มากทีเดียว

12 เอปาฟรัส ที่เป็นคนหนึ่งจากพวกคุณ และเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ได้ฝากความคิดถึงมาให้ด้วย เขาสู้อธิษฐานให้กับคุณเสมอ เพื่อคุณจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ และจะได้มั่นใจเต็มที่ในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้คุณทำ 13 ผมรับรองได้ว่าเขาตรากตรำอธิษฐานอย่างหนักเพื่อประโยชน์ของพวกคุณ รวมทั้งพวกที่อยู่ในเมืองเลาดีเซียและเมืองฮีเอราโปลิสด้วย 14 หมอลูกาเพื่อนที่รักของเรากับเดมาสก็ฝากความคิดถึงมาให้คุณเหมือนกัน

15 ผมขอฝากความคิดถึงไปให้กับพี่น้องในเมืองเลาดีเซีย และนางนุมฟากับหมู่ประชุมของพระเจ้าที่ประชุมในบ้านของเธอด้วย 16 เมื่อคุณอ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ช่วยส่งต่อไปให้หมู่ประชุมในเมืองเลาดีเซียอ่านด้วย และคุณก็ควรจะอ่านจดหมายที่ผมได้เขียนไปถึงพวกเขาด้วย 17 ให้บอกกับอารคิปปัสว่า “ทำงานที่คุณได้รับมอบหมายจากองค์เจ้าชีวิตนั้นให้เสร็จสิ”

18 ผมเปาโลได้ใช้มือผมเองเขียนคำทักทายนี้ อย่าลืมว่าผมถูกล่ามโซ่อยู่ ขอให้พระเจ้ามีเมตตากรุณาต่อคุณ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International