Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เอเสเคียล 36:1-47:12

พระยาห์เวห์พูดให้กำลังใจเทือกเขาของอิสราเอล

36 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเรากับเทือกเขาของอิสราเอล และบอกพวกเขาว่า ‘เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์เถิด นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ศัตรูพูดถึงเจ้าไว้ว่า ไชโย เทือกเขาโบราณตกเป็นของพวกเราแล้ว”’”

ดังนั้นให้พูดแทนเราต่อเทือกเขาอิสราเอล ให้บอกไปว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกเขาได้ทำลายล้างและเข้ามาเหยียบย่ำเจ้าจากทุกๆด้าน จนเจ้าตกเป็นสมบัติของชนชาติอื่นๆและตกเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านนินทา และถูกใส่ร้ายป้ายสี’”

อย่างนั้น เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเถิด นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับเทือกเขา เนินเขาทั้งหลาย ลำธารที่เหือดแห้ง หุบเขา กับที่รกร้างว่างเปล่า และเมืองร้างต่างๆที่ถูกปล้นและถูกคนชาติอื่นที่อยู่รอบๆเยาะเย้ย นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “แน่นอน เรากำลังพูดต่อต้านชนชาติอื่นๆที่เหลือ และต่อต้านเอโดมทั้งหมด ด้วยความเร่าร้อนที่จะปกป้องเกียรติของเรา เพราะพวกมันได้ริบเอาแผ่นดินของเราไปเป็นของพวกมันเอง ด้วยความดีอกดีใจ พวกมันปล้นชิงดินแดนไปเป็นทุ่งหญ้าของพวกมัน”

“ดังนั้นให้พูดแทนเราเกี่ยวกับแผ่นดินอิสราเอล และพูดกับบรรดาเทือกเขา เนินเขา ลำธารที่เหือดแห้ง และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด เราพูดด้วยความเร่าร้อนที่จะปกป้องเกียรติของเรา เพราะเจ้าถูกชนชาติอื่นๆรังเกียจ’”

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรายกมือขึ้นสาบานว่า ‘ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเจ้าจะถูกรังเกียจด้วย’”

“แต่เจ้า เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลให้กับชาวอิสราเอลของเราเพราะพวกเขาจะกลับบ้านในเร็ววันนี้ เราอยู่ฝ่ายเจ้า และจะหันมาสนใจเจ้า เจ้าจะได้รับการไถหว่าน 10 และเราจะให้ประชากรของเจ้าทวีคูณ คือครอบครัวชาวอิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆจะเต็มไปด้วยผู้คน และซากปรักหักพังทั้งหลายจะได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ 11 เราจะให้จำนวนคนและสัตว์บนเจ้าทวีคูณ และพวกเขารวมทั้งพวกสัตว์เหล่านั้นจะออกลูกหลานและจะมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งถิ่นฐานลงบนเจ้าเหมือนในอดีตและเราจะอวยพรเจ้ามากกว่าแต่ก่อน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 12 เราจะทำให้ประชาชน คือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เดินบนเจ้า พวกเขาจะเป็นเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นของที่พวกเขามีสิทธิ์ใช้ได้ เจ้าจะไม่มีวันพรากลูกหลานของพวกเขาไปจากพวกเขาได้อีก”

13 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ประชาชนพูดกับเจ้าว่า ‘เจ้าเขมือบผู้คนและเอาลูกหลานไปเสียจากชนชาติของเจ้าเอง’ 14 แต่ต่อไปนี้ เจ้าจะไม่ได้เขมือบผู้คนหรือเอาลูกหลานไปจากชนชาติเจ้าอีกต่อไป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 15 “เราจะทำให้เจ้าไม่ต้องฟังคำเยาะเย้ยจากชนชาติอื่นๆอีกแล้ว และไม่ต้องถูกเชื้อชาติอื่นๆรังเกียจ และไม่ต้องเป็นเหตุทำให้ชนชาติตัวเองต้องล่มสลายอีกต่อไปแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

พระเจ้าจะปกป้องชื่อเสียงของพระองค์

16 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกว่า 17 “เจ้าลูกมนุษย์ เมื่อชาวอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินนี้สกปรก ด้วยความประพฤติและสิ่งต่างๆที่พวกเขาทำ การกระทำของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ในสายตาเราเหมือนผู้หญิงที่มีประจำเดือน[a] 18 เราจึงเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา เพราะพวกเขาได้ทำให้แผ่นดินนี้เปื้อนเลือดเหมือนกัน ด้วยการฆ่าคนบริสุทธิ์ และทำให้แผ่นดินนี้สกปรกด้วยรูปเคารพขี้ๆเหล่านั้น 19 เราเคยให้พวกเขากระเจิดกระเจิงไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย พวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆ เราได้ตัดสินพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขาแล้ว 20 และพวกเขาไปที่ไหนก็ตามในท่ามกลางชนชาติต่างๆ พวกเขาได้ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่ เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงพวกเขาไว้ว่า ‘คนพวกนี้เป็นคนของพระยาห์เวห์ แต่ก็ยังต้องออกไปจากแผ่นดินของตัวเองอยู่ดี’[b]

21 แต่เรารู้สึกเป็นห่วงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ที่ครอบครัวชาวอิสราเอลได้ทำให้เสื่อมไปในหมู่ชนชาติที่พวกเขาไปอยู่นั้น 22 ดังนั้นให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เรื่องที่เราจะทำต่อไปนี้ อย่าเข้าใจว่าเราเห็นแก่พวกเจ้านะ จริงๆแล้วเราเห็นแก่ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ที่พวกเจ้าได้ทำให้เสื่อมเสียไปแล้วในหมู่ชนชาติที่เจ้าไปอยู่นั้น 23 เราจะกู้ชื่ออันยิ่งใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นกลับมา ชื่อที่เสื่อมเสียไปแล้วในท่ามกลางชนชาติต่างๆเป็นชื่อที่เจ้าได้ทำให้เสื่อมเสียไปแล้วในหมู่พวกเขา แล้วชนชาติเหล่านั้นจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเราแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาพวกเขา ตอนนำเจ้ากลับมา’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

24 “เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชนชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้ากลับสู่แผ่นดินของเจ้าเอง 25 เราจะประพรมน้ำสะอาดลงบนเจ้า และเจ้าก็จะสะอาด เราจะชำระเจ้าจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย และจากพวกรูปเคารพขี้ๆของเจ้า 26 เราจะให้หัวใจดวงใหม่แก่เจ้า และเอาวิญญาณใหม่วางไว้ในตัวเจ้า เราจะเอาหัวใจหิน[c]ออกจากเจ้า และให้หัวใจที่มีเลือดเนื้อ[d]แก่เจ้าแทน 27 เราจะใส่พระวิญญาณของเราไว้ในเจ้า[e] และทำให้เจ้ามาทำตามกฎระเบียบต่างๆของเรา และรักษากฎทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด 28 เจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นคนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 29 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายของเจ้า เราจะให้เมล็ดข้าวงอกงามและเพิ่มขึ้นมากมาย และเราจะไม่นำความอดอยากมาให้กับเจ้าอีก 30 เราจะเพิ่มจำนวนผลไม้บนต้นและพืชพันธุ์ในท้องทุ่ง เพื่อเจ้าจะไม่ต้องอับอายท่ามกลางชนชาติต่างๆเพราะอดอยาก 31 แล้วเจ้าจะได้รู้สึกตัวถึงวิถีทางอันเลวทรามและการกระทำที่ชั่วร้ายของเจ้า เจ้าจะรู้สึกขยะแขยงตัวเองเพราะบาปเหล่านั้นกับการทำตัวที่น่ารังเกียจนั้น”

32 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เราอยากให้เจ้ารู้ว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก ให้ละอายใจและอับอายต่อการกระทำของเจ้าเถิด”

33 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งหลายของเจ้า เราจะตั้งรกรากให้พวกเจ้าใหม่ตามเมืองต่างๆและเราจะสร้างซากปรักหักพังทั้งหลายขึ้นมาใหม่ 34 ที่ดินที่รกร้างจะได้รับการไถหว่านแทนที่จะถูกทิ้งร้างอยู่อย่างนั้น ต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมา 35 พวกเขาจะพูดว่า ‘แผ่นดินที่เคยถูกทิ้งร้างนี้กลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆที่เคยเป็นซากปรักหักพัง รกร้างว่างเปล่า เดี๋ยวนี้กลับมีกำแพงล้อมรอบอย่างแน่นหนาและมีผู้คนอาศัยอยู่’

36 แล้วชาติต่างๆที่อยู่ล้อมรอบเจ้าที่ยังเหลือรอด จะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่เคยถูกทำลายไปแล้วให้กลับคืนมาใหม่ และได้เพาะปลูกลงในที่ที่เคยรกร้างมาแล้วขึ้นใหม่ เรายาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดออกไปแล้ว และเราก็จะทำให้สำเร็จ”

37 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยอมฟังคำอ้อนวอนของครอบครัวชาวอิสราเอลอีก และจะทำสิ่งเหล่านี้เพื่อพวกเขา เราจะทำให้ประชาชนของพวกเขาทวีคูณเหมือนฝูงแกะ 38 พวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนฝูงแพะแกะที่นำมาอยู่รวมกันในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเป็นเครื่องบูชา ในช่วงเทศกาลต่างๆที่กำหนดไว้ แล้วเมืองต่างๆที่เคยพังทลายไป จะเต็มไปด้วยฝูงชน แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”

นิมิตเกี่ยวกับกระดูกแห้ง

37 ฤทธิ์อำนาจ[f]ของพระยาห์เวห์ ได้มาอยู่บนตัวผม พระองค์ได้นำตัวผมออกมาจากในเมืองด้วยพระวิญญาณ[g] ของพระยาห์เวห์ และวางผมลงกลางหุบเขา[h] แห่งนั้น ที่มีกระดูกคนเต็มไปหมด พระองค์พาผมเดินไปรอบๆกองกระดูกเหล่านั้น ผมได้เห็นกระดูกมากมายมหาศาลในหุบเขานั้น ล้วนแต่เป็นกระดูกที่แห้งกรัง

พระองค์ถามผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ กระดูกเหล่านี้จะมีชีวิตขึ้นมาอีกได้ไหม”

ผมตอบว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้คำตอบ”

แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “ให้พูดแทนเรากับกระดูกเหล่านั้น ให้พูดกับพวกมันว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี’ นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับกระดูกเหล่านี้ ‘เราจะระบายลมหายใจ[i] เข้าไปในตัวเจ้า และเจ้าจะมีชีวิตขึ้น เราจะติดเส้นเอ็นเข้ากับเจ้า และเอากล้ามเนื้อมาใส่ให้กับเจ้า และเอาผิวหนังมาห่อหุ้มเจ้าไว้ เราจะใส่ลมหายใจไว้ในตัวเจ้า และเจ้าจะกลับมีชีวิตขึ้นมา แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์’”

ผมจึงทำตามคำสั่งที่ผมได้รับมา ในขณะที่ผมกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่นั้น ก็มีเสียงดัง “กรอกแกรกกรอกแกรก” ขึ้น และกระดูกทั้งหลายก็ต่อเข้าด้วยกันทีละชิ้นๆ ผมมองดู และเห็นเส้นเอ็นกับกล้ามเนื้อเริ่มปรากฏขึ้นบนกระดูกเหล่านั้น แล้วมีผิวหนังมาห่อหุ้มพวกมัน แต่พวกมันยังไม่มีลมหายใจ แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราให้กับลมว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ลมเอ๋ย[j] พัดมาจากทั้งสี่ทิศเถิด ลมเอ๋ย ให้ลมหายใจกับผู้ที่ถูกฆ่าตายเหล่านี้เถิด เพื่อพวกเขาจะได้มีชีวิต”’”

10 ผมจึงพูดตามที่พระองค์สั่งผม และลมหายใจก็เข้าสู่ร่างของคนเหล่านั้น พวกเขามีชีวิตและยืนขึ้นมาเป็นกองทัพขนาดใหญ่มหึมา

11 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ กระดูกเหล่านี้คือครอบครัวของชาวอิสราเอลทั้งหมด ชาวอิสราเอลชอบพูดว่า ‘กระดูกของพวกเราแห้งกรังไปแล้ว พวกเราสิ้นหวัง พวกเราโดนตัดขาดแล้ว’ 12 ดังนั้น ให้พูดแทนเรากับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ประชาชนของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของพวกเจ้าและนำพวกเจ้าออกมา เราจะนำพวกเจ้ากลับคืนสู่แผ่นดินอิสราเอล 13 ประชาชนของเราเอ๋ย เมื่อเราเปิดหลุมฝังศพของพวกเจ้าและนำพวกเจ้าออกมาจากหลุมเหล่านั้น เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 14 เราจะใส่พระวิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้าและพวกเจ้าจะมีชีวิต เราจะวางพวกเจ้าไว้ในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เรา คือ ยาห์เวห์ เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว และเราก็จะทำตามนั้น”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

ยูดาห์กับอิสราเอลจะรวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง

15 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 16 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หยิบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่งและเขียนลงบนมันว่า ‘ยูดาห์และชาวอิสราเอลที่อยู่ร่วมกับเขา’ แล้วหยิบกิ่งไม้มาอีกกิ่งหนึ่ง และเขียนลงบนมันว่า ‘โยเซฟ (เอฟราอิม) และครอบครัวของชาวอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ร่วมกับเขา’ 17 ให้เอาสองกิ่งนี้มาติดเป็นท่อนเดียวกันในมือเจ้า

18 เมื่อคนของเจ้าถามว่า ‘ท่านจะไม่บอกพวกเราหรือว่า ที่ท่านทำนี้หมายถึงอะไร’ 19 ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะเอากิ่งไม้ที่เป็นตัวแทนของโยเซฟ ที่เป็นของเอฟราอิมและเผ่าทั้งหลายของอิสราเอลที่อยู่ร่วมกับเขานั้น มาติดไว้กับกิ่งไม้ที่เป็นตัวแทนของยูดาห์ และทำให้มันเป็นท่อนเดียวกัน แล้วพวกเขาจะได้กลายเป็นไม้ท่อนเดียวกันในมือของเรา”’

20 ให้ยกกิ่งไม้ที่เจ้าเขียนลงนั้น ไว้ต่อหน้าต่อตาพวกเขา 21 และเราจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะเอาชาวอิสราเอลออกจากชนชาติต่างๆที่พวกเขาไปอยู่นั้น เราจะรวบรวมพวกเขามาจากทั่วทุกหนแห่ง และนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินของพวกเขาเอง 22 เราจะทำให้พวกเขากลายเป็นชนชาติเดียวในแผ่นดินที่อยู่ท่ามกลางเนินเขาทั้งหลายของอิสราเอล และพวกเขาจะได้มีกษัตริย์องค์เดียวปกครองอยู่เหนือพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจะไม่มีวันแตกแยกออกเป็นสองชาติหรือเป็นสองอาณาจักรได้อีก 23 พวกเขาจะไม่ทำตัวเองให้แปดเปื้อนด้วยพวกรูปเคารพขี้ๆและสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียนของพวกเขา หรือการละเมิดอื่นๆทั้งหมดของพวกเขา เพราะเราจะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการหันเหไปจากเราซึ่งเป็นความบาป เราจะชำระพวกเขา พวกเขาจะเป็นคนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

24 ดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา พวกเขาทุกคนจะมีผู้เลี้ยงแค่คนเดียว พวกเขาจะทำตามกฎต่างๆของเรา และรักษาข้อบังคับทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด 25 พวกเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับยาโคบผู้รับใช้ของเรา เป็นแผ่นดินที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าเคยอาศัยอยู่ พวกเขากับลูกๆรวมทั้งลูกหลานของพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดไป และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นผู้นำของพวกเขาตลอดไป 26 เราจะทำข้อตกลงให้พวกเขาอยู่เย็นเป็นสุข เป็นข้อตกลงชั่วนิรันดร์ เราจะทำให้พวกเขามั่นคงและจะเพิ่มจำนวนพวกเขา เราจะวางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราไว้ในหมู่พวกเขาตลอดไป 27 ที่อยู่อาศัยของเราจะอยู่เหนือพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นคนของเรา 28 แล้วชนชาติต่างๆจะได้รู้ว่าเรายาห์เวห์ได้ทำให้อิสราเอลเป็นของเราโดยเฉพาะ ด้วยการตั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป”’”

พระยาห์เวห์ต่อต้านโกก

38 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าไปทางโกก ซึ่งเป็นดินแดนของมาโกก ผู้นำที่สำคัญที่สุด[k] ของเมเชคกับทูบัล ให้พูดแทนเราต่อต้านเขา ให้บอกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้โกก ผู้นำคนสำคัญที่สุดของเมเชคและทูบัล เราต่อต้านเจ้า เราจะให้เจ้าหันกลับ เราจะเอาตะขอเกี่ยวไว้ที่กรามของเจ้า และนำเจ้าออกไปพร้อมกับกองทัพทั้งหมดของเจ้า ที่มีม้า มีทหารม้าที่ติดอาวุธเต็มอัตราศึก มีกองทัพใหญ่ที่ถือโล่ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทหารแต่ละคนถือดาบอยู่ มีชาวเปอร์เซีย ชาวเอธิโอเปีย[l] และชาวพูตอยู่กับพวกเขาด้วย ทุกคนถือโล่และสวมหมวกเหล็ก ยังมีชนชาติโกเมอร์กับกองทัพทั้งหมดของเขา มีชนชาติเบธโทการมาห์[m] ที่มาจากทางเหนือที่ไกลโพ้นพร้อมกับกองทัพทั้งหมดของเขา ซึ่งคนเหล่านี้ได้อยู่ในกองทัพกับเจ้า

ให้เตรียมตัว และพร้อมอยู่เสมอ ทั้งเจ้ากับกองทัพทั้งหมดที่มาอยู่ร่วมกับเจ้า ให้ทุกคนพร้อมที่จะรับคำสั่งของเจ้า หลังจากผ่านพ้นไปนาน เจ้าจะถูกเรียกให้ออกรบ ในอนาคตอันไกลโพ้น เจ้าจะบุกรุกเข้าไปในแผ่นดินที่ได้ฟื้นตัวขึ้นจากสงคราม ประชาชนในดินแดนแห่งนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชนชาติ เพื่อจะไปที่เทือกเขาแห่งอิสราเอล ซึ่งเคยถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน พวกเขาถูกพาออกมาจากชนชาติต่างๆ ในเวลานั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้อยู่กันอย่างปลอดภัย เจ้ากับกองทัพทั้งหมดของเจ้าและชาติอื่นๆที่อยู่กับเจ้า จะขึ้นไปโจมตีพวกเขา พวกเจ้าจะบุกขึ้นไปเหมือนกับพายุลูกหนึ่ง เจ้าจะเป็นเหมือนกับเมฆที่ปกคลุมแผ่นดินแห่งนั้น”’”

10 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ในวันนั้น ความคิดมากมายจะแล่นเข้ามาในหัวของเจ้า และเจ้าจะคิดแผนการชั่วร้ายขึ้น 11 เจ้าจะพูดว่า ‘เราจะบุกดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีหมู่บ้านต่างๆที่ไม่มีกำแพงล้อมรอบ ไม่มีประตูเมือง หรือสลักประตูเลย 12 เราจะปล้นและขนเอาทรัพย์สินของพวกเขาไป เราจะสู้รบต่อสถานที่ต่างๆซึ่งเคยเป็นซากปรักหักพังแต่ตอนนี้กลับมีผู้คนอาศัยอยู่ เราจะสู้รบกับชนชาติที่ถูกรวบรวมมาจากหลายชนชาติ เป็นชนชาติที่ได้ฝูงสัตว์เลี้ยงและข้าวของ และอาศัยอยู่ในใจกลางแผ่นดินโลก’

13 เชบาและเดดานกับบรรดาพ่อค้าแห่ง ทารชิช รวมทั้งนักธุรกิจที่ร่ำรวยทั้งหลายของมัน จะพูดกับเจ้าว่า ‘ที่ท่านมานี่ เพื่อมาปล้นพวกเขาหรือ ที่ท่านรวบรวมคนของท่านมาเพื่อมาขนข้าวของและขนเอาเงินทองของพวกเขาอย่างนั้นหรือ เพื่อมาเอาฝูงสัตว์เลี้ยงและบรรดาสินค้าของพวกเขาหรือ เพื่อจะยึดของๆพวกเขาหรือ’

14 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับโกกแทนเราว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ในเวลานั้นพวกเจ้าจะสังเกตเห็นว่าประชาชนชาวอิสราเอลของเราอยู่กันอย่างปลอดภัย 15 แล้วพวกเจ้าจะลงมาจากบ้านเมืองของเจ้าที่อยู่ทางเหนืออันไกลโพ้นนั้น ทั้งเจ้าและชนชาติมากมายที่อยู่กับเจ้า ทุกคนล้วนขี่ม้า เป็นฝูงชนมหึมา เป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร 16 เจ้าจะลุยไปข้างหน้าเพื่อสู้รบกับประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เหมือนกับเมฆที่เข้าปกคลุมแผ่นดินนี้ ไอ้โกก ในอนาคตอันไกลโพ้นนั้น เราจะนำเจ้ามาสู้รบกับแผ่นดินของเรา แล้วเราจะได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเรา ด้วยการเอาชนะเจ้าต่อหน้าต่อตาชนชาติทั้งหลาย เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักเรา’”

17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้โกก เจ้าก็เป็นคนนั้นแหละ ที่เราเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าชาวอิสราเอลคนรับใช้ของเรา ในตอนนั้น พวกเขาได้ทำนายเป็นเวลาหลายปีว่า เราจะนำเจ้ามาต่อสู้กับพวกเขา”

18 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนั้น เมื่อโกกเข้าโจมตีแผ่นดินอิสราเอล ความโกรธของเราจะพลุ่งพล่านขึ้น

19 เราขอประกาศด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าและด้วยความโกรธที่พลุ่งขึ้น ว่าในวันนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงขึ้นในแผ่นดินอิสราเอล 20 ปลาในทะเล นกบนท้องฟ้า สัตว์ป่าในท้องทุ่ง รวมทั้งสัตว์เล็กๆทั้งหมดที่เลื้อยคลานอยู่บนพื้นดิน และผู้คนทั้งหมดบนผืนแผ่นดินนี้ จะสั่นเทิ้มอยู่ต่อหน้าเรา ภูเขาจะถูกคว่ำลง หน้าผาจะแตกกระจายและกำแพงทั้งหมดจะล้มลงมาบนดิน”

21 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “เราจะเรียกดาบ[n] มาต่อสู้กับโกกบนเทือกเขาทุกลูกของเรา แล้วพวกโกกก็จะต่อสู้กันเองด้วยดาบ 22 เราจะตัดสินลงโทษโกกด้วยโรคระบาดและการฆ่าฟัน เราจะเทฝนลงมาอย่างบ้าคลั่ง จะมีลูกเห็บและไฟกำมะถัน ตกลงมาบนเขาและกองทัพของเขา รวมทั้งชนชาติมากมายที่มากับเขาด้วย 23 เราจะได้แสดงความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านทางเหตุการณ์เหล่านี้ เราจะทำให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในสายตาของชนชาติทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

ความตายของโกกกับกองทัพของเขา

39 เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดต่อต้านโกกแทนเราว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราต่อต้านเจ้า ไอ้โกก ผู้นำที่สำคัญที่สุด[o] แห่งเมเชคและทูบัล เราจะทำให้เจ้าหันกลับและจะผลักเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากทางเหนืออันไกลโพ้น และส่งเจ้าไปยังเทือกเขาของอิสราเอล แล้วเราจะตีให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูตกลงจากมือขวาของเจ้า ทั้งเจ้าและกองทัพทั้งหมดของเจ้า รวมทั้งชนชาติทั้งหลายที่มากับเจ้า จะล้มลงบนเทือกเขาแห่งอิสราเอล เราจะให้เจ้าเป็นอาหารของนกที่กินซากและพวกสัตว์ป่า เจ้าจะล้มตายกลางทุ่ง เพราะเราได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

“เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกก และบนพวกที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามเมืองชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เราจะทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เราจะไม่ปล่อยให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีก และชนชาติต่างๆจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์คือผู้ศักดิ์สิทธิ์ในอิสราเอล” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “มันกำลังจะมาถึงแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ก็เป็นวันที่เราได้พูดถึงแล้ว”

“แล้วคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ตามหัวเมืองต่างๆของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธทั้งหลายมาเป็นเชื้อเพลิง และเผาพวกมัน มีทั้งโล่เล็ก โล่ใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบอง หรือหอก พวกเขาจะใช้ของพวกนี้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึงเจ็ดปี 10 โดยไม่จำเป็นต้องไปหาฟืนตามทุ่ง หรือไปตัดไม้ในป่าเลย เพราะพวกเขาจะใช้อาวุธพวกนี้เป็นเชื้อเพลิง พวกเขาจะหยิบของจากซากศพของคนที่เคยปล้นพวกเขามา และขนเอาสิ่งของจากพวกที่เคยมาขนของจากพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

11 “ในวันนั้นเราจะจัดหลุมฝังศพให้กับโกกในอิสราเอล ในแถวหุบเขาของคนเหล่านั้นที่เดินผ่านไปมา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลตาย หลุมฝังศพนั้นจะไปขวางกั้นทางของพวกที่เดินทางผ่านไปมา เพราะโกกและฝูงชนมหึมาทั้งหมดของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจะมีชื่อว่าหุบเขาฝูงชนของโกก[p] 12 ครอบครัวชาวอิสราเอลจะใช้เวลาฝังศพพวกเขาถึงเจ็ดเดือน เพื่อที่จะชำระล้างแผ่นดินนั้น 13 ชาวบ้านทุกคนในแผ่นดินจะต้องช่วยกันฝังศพของพวกเขา และมันจะนำเกียรติมาให้กับคนอิสราเอล ในวันที่เราได้แสดงความยิ่งใหญ่ของเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

14 “พวกผู้ชายจะถูกจ้างเต็มเวลาให้ออกไปเก็บศพทั่วแผ่นดินและฝังมัน เพื่อชำระล้างแผ่นดิน มันจะใช้เวลาตั้งเจ็ดเดือน ที่จะค้นหาและฝังกระดูกเหล่านั้น 15 ในขณะที่พวกเขาค้นหาไปทั่วแผ่นดินนั้น เมื่อพบโครงกระดูกมนุษย์ ก็จะทำเครื่องหมายไว้ข้างๆและเครื่องหมายนั้นจะอยู่จนกว่าโครงกระดูกเหล่านั้นจะถูกฝังในหุบเขาฮาโมนโกก 16 (จะมีเมืองหนึ่งที่ชื่อฮาโมนาห์[q] อยู่ที่นั่นด้วย) นี่แหละเป็นวิธีที่พวกเขาจะชำระล้างแผ่นดิน”

17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เจ้าลูกมนุษย์ เรียกนกทุกชนิดและสัตว์ป่าทั้งหมดออกมา ให้บอกพวกมันว่า ‘มาชุมนุมกันเถอะ มารวมกันจากทั่วสารทิศ เพื่อมาร่วมกินกันในงานเซ่นไหว้ที่เราได้เตรียมไว้ให้กับเจ้านี้ เป็นการเซ่นไหว้เฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่บนเทือกเขาของอิสราเอล ที่นั่นเจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือด 18 เจ้าจะได้กินเนื้อของคนที่เก่งกล้า และดื่มเลือดของบรรดาเจ้าชายแห่งโลก ราวกับว่าพวกเขาเป็นแกะผู้และลูกแกะ เป็นแพะและวัวตัวผู้ พวกเขาทั้งหมดเป็นสัตว์ที่ได้รับการขุนจนอ้วนพีมาจากบาชาน 19 ในงานเซ่นไหว้ที่เราได้จัดเตรียมให้กับเจ้านี้ เจ้าจะได้กินไขมันจนอิ่มหนำและดื่มเลือดจนเมามาย 20 จากโต๊ะของเรา เจ้าจะได้กินทั้งม้าและคนขับรถม้า คนที่เก่งกล้าและทหารทุกประเภท จนกว่าเจ้าจะอิ่มหนำสำราญ’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

21 “เราจะแสดงความยิ่งใหญ่ของเราท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และทุกชนชาติจะได้เห็นการลงโทษที่เรานำมาและเห็นมือที่เราวางลงบนพวกเขา 22 จากวันนั้นเป็นต้นไป ครอบครัวชาวอิสราเอลจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 23 และชนชาติทั้งหลายจะรู้ว่า ที่ประชาชนชาวอิสราเอลต้องถูกเนรเทศนั้น เป็นเพราะบาปของพวกเขาเอง เราจึงได้หลบหน้าของเราจากพวกเขา และได้มอบพวกเขาไว้กับศัตรูทั้งหลายของพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดต้องล้มตายด้วยดาบ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา 24 เราได้ลงโทษพวกเขาอย่างสาสมกับความไม่บริสุทธิ์และการกบฏทั้งหลายของพวกเขา และเราได้หลบหน้าไปจากพวกเขา”

25 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ตอนนี้เราจะทำให้ยาโคบกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม[r] เราจะเมตตาประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด และเราจะมีใจร้อนรนที่จะกู้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรากลับมา 26 เมื่อพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของพวกเขา และไม่ต้องกลัวใครอีก พวกเขาจะได้ลืมความอับอายและความไม่ซื่อสัตย์ที่พวกเขาได้ทำกับเรา 27 เมื่อเราได้นำพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และได้รวบรวมพวกเขามาจากประเทศของศัตรูพวกเขา นี่เป็นการแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านทางพวกเขา ต่อหน้าต่อตาของประชาชนมากมาย 28 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่าเราได้เนรเทศพวกเขาไปอยู่ท่ามกลางชาติต่างๆเราก็จะรวบรวมพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินของพวกเขา เราจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาสักคนเดียวไว้ที่นั่น 29 เราจะไม่หลบหน้าของเราไปจากพวกเขาอีก เพราะเราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนครอบครัวชาวอิสราเอล”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

วิหารหลังใหม่

40 ในปีที่ยี่สิบห้าหลังจากที่พวกเราถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย[s] ในช่วงต้นปี ตรงกับวันที่สิบของเดือน[t] ซึ่งเป็นสิบสี่ปีหลังจากที่เมืองเยรูซาเล็มล่มสลาย ในวันนั้นเองมือของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่บนตัวผม และพระองค์ได้พาผมไปที่นั่น

ในนิมิตจากพระเจ้า พระองค์ได้พาผมไปที่แผ่นดินอิสราเอล และวางผมลงบนภูเขาที่สูงลิบลิ่ว มีหมู่ตึกตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขานั้น ซึ่งดูเหมือนกับเป็นเมืองเมืองหนึ่ง พระองค์พาผมไปที่นั่น และผมได้เห็นชายผู้หนึ่ง เขาดูเหมือนทองสัมฤทธิ์ เขายืนอยู่ที่ประตู ในมือถือเชือกลินินไว้เส้นหนึ่ง กับไม้สำหรับวัดความยาว ชายคนนั้นพูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้มองดูด้วยตาของเจ้า ฟังด้วยหูของเจ้า และให้ความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากำลังจะแสดงให้เจ้าดูนี้ เพราะที่เอาตัวเจ้ามาก็เพื่อให้เห็นสิ่งเหล่านี้ ให้บอกกับครอบครัวของชาวอิสราเอลทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็น”

ผมได้เห็นกำแพงที่ล้อมรอบบริเวณวิหาร

ไม้วัดในมือของชายผู้นั้นมีความยาวหกศอก

แต่ละศอกยาวเท่ากับหนึ่งศอกกับอีกหนึ่งฝ่ามือ[u] เขาได้วัดกำแพงนั้น มันมีความหนาเท่ากับหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด[v]

แล้วชายผู้นั้นได้ไปที่ประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เขาขึ้นบันไดและไปวัดธรณีประตู มันลึกเข้าไปหนึ่งไม้วัด ห้องทั้งหลายของยาม มีความยาวหนึ่งไม้วัดและกว้างหนึ่งไม้วัด และพวกผนังที่กั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องมีความหนาห้าศอก และธรณีประตูที่อยู่ถัดจากระเบียงด้านหน้า ที่หันหน้าไปทางวิหาร มีความลึกเท่ากับหนึ่งไม้วัด แล้วเขาก็วัดระเบียงหอประตู[w] มันลึกแปดศอก และผนังที่ติดกับประตูมีความหนาสองศอก[x] ระเบียงด้านหน้าของประตูทางเข้านั้นหันหน้าเข้าหาวิหาร 10 ข้างในประตูด้านตะวันออก มีห้องยามอยู่สามห้องเรียงกันอยู่ทั้งสองฝั่ง ทั้งสามห้องมีขนาดเท่ากัน และผนังที่กั้นแต่ละห้องก็มีขนาดเดียวกัน 11 แล้วเขาก็วัดความกว้างของทางเข้าประตู มันกว้างสิบศอก และทางเดินข้างในประตูกว้างสิบสามศอก 12 ที่หน้าห้องยามแต่ละห้องนั้นมีขอบกั้นลึกเข้าไปหนึ่งศอก ห้องยามเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ขนาดกว้างยาวหกศอก

13 แล้วเขาก็วัดระยะจากส่วนบนสุดของผนังหลังห้องหนึ่งไปสุดส่วนบนสุดของผนังหลังของอีกห้องหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม ยาวเท่ากับยี่สิบห้าศอก 14 เขาวัดไปจนถึงระเบียง ได้ห้าสิบศอก[y] 15 ระยะทางจากทางเข้าประตูไปจนสุดระเบียงด้านหน้ายาวห้าสิบศอก 16 มีหน้าต่างแคบๆ[z]อยู่ตามห้องยามแต่ละห้องอยู่ตรงผนังด้านนอก และตรงระเบียงด้วย ด้านกว้างของหน้าต่างอยู่ด้านในของทางเข้า ด้านแคบอยู่ด้านนอก บนผนังมีการสลักลายต้นปาล์มมากมาย

ลานด้านนอก

17 แล้วเขาก็นำผมออกมาที่ลานด้านนอก ที่นั่นผมได้เห็นห้องมากมายและพื้นหินที่ทำไว้รอบๆลานนั้น มีห้องอยู่สามสิบห้องเรียงรายไปรอบๆพื้นหินนั้น 18 พื้นหินนั้นเลียบไปตามด้านข้างของพวกประตูและด้านกว้างกับด้านยาวเท่ากัน นี่คือพื้นหินด้านล่าง 19 แล้วชายผู้นั้นก็วัดระยะจากด้านในของประตูด้านล่างไปถึงด้านนอกของลานด้านใน ทางด้านตะวันออกมีความยาวหนึ่งร้อยศอก ซึ่งเท่ากับทางด้านเหนือ

20 แล้วเขาก็วัดความยาวและความกว้างของประตูที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นทางที่จะไปสู่ลานด้านนอก 21 ที่ประตูนี้ มีห้องยามอยู่ด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องแต่ละด้านและระเบียงนั้นมีขนาดเท่ากับของประตูแรกคือลึกเข้าไปห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 22 พวกหน้าต่างของมัน รวมทั้งระเบียงของมัน กับลายต้นปาล์มนั้น มีขนาดเดียวกับของประตูด้านตะวันออก ด้านนอกของประตูมีบันไดเจ็ดขั้นขึ้นสู่ประตู และสุดทางอีกด้านหนึ่งของบันไดมีระเบียงอยู่ 23 ตรงข้ามลานด้านนอกจากประตูทิศเหนือ มีประตูเข้าสู่ลานด้านใน เหมือนกับประตูด้านตะวันออก ชายผู้นั้นวัดระยะทางจากประตูหนึ่งไปถึงอีกประตูหนึ่งที่ด้านตรงข้ามได้หนึ่งร้อยศอก

24 แล้วเขาได้นำผมไปทางทิศใต้ และผมได้เห็นประตูหนึ่งที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดขนาดของพวกผนังกั้นและระเบียงของประตูด้านใต้ได้ขนาดเท่ากับของสองประตูทางด้านเหนือกับด้านตะวันออก 25 ที่ประตูทางเข้ากับระเบียงนั้นมีหน้าต่างโดยรอบเหมือนกับประตูอื่นๆ ประตูลึกเข้าไปห้าสิบศอกและกว้างยี่สิบห้าศอก 26 มีบันไดเจ็ดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้ และสุดทางอีกด้านหนึ่งของบันไดมีระเบียงอยู่ พวกผนังกั้นทั้งสองด้านของประตูนั้นมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ 27 ที่ลานด้านในก็มีประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้เหมือนกัน และชายผู้นี้ได้วัดระยะทางจากประตูด้านในนี้ไปถึงประตูด้านนอกที่อยู่ทางทิศใต้มีความยาวหนึ่งร้อยศอก

ลานด้านใน

28 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมเข้าไปที่ลานด้านในผ่านทางประตูทิศใต้ เขาวัดขนาดประตูทิศใต้ได้ขนาดเดียวกันกับประตูอื่น 29 ห้องยามทั้งหลาย ผนังกำแพง และระเบียงของประตูนี้ ก็มีขนาดเดียวกันกับของประตูอื่นๆ มีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูทางเข้าลึกเข้าไปห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 30 [aa] 31 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้

32 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมเข้าไปที่ลานด้านในและเดินไปทางทิศตะวันออกของลานนั้น เขาวัดขนาดของประตู มันมีขนาดเดียวกันกับประตูของด้านอื่นๆ 33 พวกห้องยาม รวมทั้งพวกผนังกั้น และระเบียงก็มีขนาดเดียวกันกับด้านอื่นๆ มีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูทางเข้านี้ลึกห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 34 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูทั้งสองด้านมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้

35 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมไปที่ประตูทางทิศเหนือ เขาวัดขนาดของประตู มันมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ 36 ห้องยามทั้งหลาย พวกผนังกั้น และระเบียงก็มีขนาดเดียวกันกับด้านอื่นๆ และมีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูนี้ลึกห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 37 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูทั้งสองด้านมีลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้

ห้องสำหรับจัดเตรียมเครื่องบูชา

38 ที่ระเบียงของประตู มีประตูที่นำไปสู่ห้องๆหนึ่ง ที่ใช้สำหรับชำระล้างสัตว์ ที่จะเป็นเครื่องเผาบูชาทั้งตัว 39 แต่ละด้านของระเบียง มีโต๊ะตั้งอยู่ด้านละสองตัว เป็นโต๊ะสำหรับฆ่าสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องเผาบูชาทั้งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และเป็นเครื่องบูชาชดเชย 40 ที่ผนังด้านนอกของระเบียง ตรงบันไดที่นำขึ้นไปสู่ประตูเหนือนั้น มีโต๊ะตั้งอยู่ข้างละสองตัว 41 รวมเป็นโต๊ะสี่ตัวอยู่ที่ด้านในของประตูทางเข้า และอีกสี่ตัวอยู่ด้านนอก รวมทั้งหมดแปดตัว โต๊ะพวกนี้ใช้สำหรับฆ่าสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องบูชา 42 ยังมีโต๊ะอีกสี่ตัวที่ทำจากหินที่สกัดแล้วที่ใช้ในการเตรียมเครื่องเผาบูชาทั้งตัว โต๊ะแต่ละตัวยาวหนึ่งศอกครึ่ง กว้างหนึ่งศอกครึ่ง และสูงหนึ่งศอก บนนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้ฆ่าเครื่องเผาบูชาทั้งตัว และฆ่าสัตว์บูชาอื่นๆ 43 มีตะขอสองง่ามจำนวนหนึ่งแขวนติดอยู่รอบๆกำแพง แต่ละอันยาวหนึ่งฝ่ามือ[ab] โต๊ะเหล่านี้ใช้สำหรับวางเนื้อของเครื่องบูชา

ห้องนักบวช

44 หลังจากออกมาจากประตูด้านใน มีห้องอยู่สองห้อง[ac] อยู่ที่ลานด้านใน ห้องหนึ่งอยู่ฝั่งประตูทิศเหนือหันหน้าไปทางใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ฝั่งประตูทิศใต้[ad] หันหน้าไปทางทิศเหนือ 45 ชายผู้นั้นพูดกับผมว่า “ห้องที่หันหน้าไปทางทิศใต้นั้น เป็นห้องสำหรับนักบวชที่ทำหน้าที่เป็นยามสำหรับวิหาร 46 ส่วนห้องที่หันหน้าไปทางทิศเหนือนั้น เป็นห้องสำหรับนักบวชที่ทำหน้าที่เป็นยามสำหรับแท่นบูชา พวกนักบวชเหล่านี้ทุกคนเป็นลูกหลานของศาโดก พวกเขาเป็นลูกหลานของเลวีเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้พระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์[ae] 47 แล้วชายผู้นั้นได้วัดขนาดของลานด้านใน ลานนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ยาวหนึ่งร้อยศอก กว้างหนึ่งร้อยศอก และมีแท่นบูชาตั้งอยู่ด้านหน้าวิหาร

ระเบียงของวิหาร

48 ชายผู้นั้นได้พาผมไปที่ระเบียงของวิหารและเขาได้วัดขนาดของผนังทั้งสองด้านของระเบียงนั้น แต่ละด้านหนาห้าศอก และกว้างสามศอก ทางเข้ากว้างสิบสี่ศอก 49 ระเบียงนี้กว้างยี่สิบศอก มีระยะจากด้านหน้าถึงด้านหลังสิบสองศอก มีบันไดสิบขั้นขึ้นสู่ระเบียงนี้ และมีเสาสองต้นตั้งอยู่ที่ข้างประตูของระเบียงนี้ ด้านละต้น

ห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร

41 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมเข้าไปยังห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์ และเขาได้วัดขนาดของผนังทั้งสองด้านที่ติดกับทางเข้าออก แต่ละด้านกว้างหกศอก

ทางเข้าออกนี้กว้างสิบศอก และผนังแต่ละด้านที่ติดกับทางเข้าออกนี้ กว้างห้าศอก

เขาได้วัดพื้นที่ของห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มันยาวสี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก

ห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวิหาร

แล้วชายผู้นี้ได้เข้าไปในห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเขาได้วัดขนาดของผนังด้านที่ติดกับทางเข้าออก แต่ละด้านหนาสองศอก กว้างเจ็ดศอก ทางเข้าออกกว้างหกศอก

และเขายังได้วัดความยาวของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ด้วย มันยาวยี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก ไปจดกับห้องโถงศักดิ์สิทธิ์

ชายผู้นั้นพูดกับผมว่า “นี่คือห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด”

ห้องอื่นๆที่อยู่รอบวิหาร

ชายผู้นี้ได้วัดผนังของวิหาร มันหนาหกศอก และห้องแต่ละห้องที่อยู่รายรอบวิหารนั้นกว้างสี่ศอก ห้องด้านข้างนี้ มีอยู่สามชั้น ซ้อนกันอยู่ แต่ละชั้นมีสามสิบห้อง พวกคานที่ค้ำห้องชั้นบนนั้นวางอยู่บนส่วนที่ยื่นออกมาจากกำแพงโดยรอบ อย่างนี้ คานเหล่านี้ไม่ได้เสียบเข้าไปในกำแพงของวิหาร

ห้องด้านข้างรอบๆวิหารนี้ พื้นชั้นบนกว้างกว่าชั้นที่อยู่ถัดลงมา ลักษณะโครงสร้างโดยรอบจึงเหมือนกับเวทีที่ยกสูงขึ้นไปเป็นขั้นทางด้านข้าง ห้องที่อยู่ด้านบนจึงกว้างขึ้น มีบันไดทอดยาวจากชั้นล่างสุดขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดโดยผ่านชั้นสอง ผมเห็นว่าวิหารมีส่วนที่ยื่นออกมาโดยรอบ ซึ่งเป็นฐานของพวกห้องข้างๆ วัดความสูงของส่วนที่ยื่นออกมานั้นได้หนึ่งไม้วัดซึ่งก็คือหกศอก ผนังด้านนอกของห้องด้านข้าง หนาห้าศอก บริเวณที่เปิดโล่งที่อยู่ระหว่างห้องด้านข้างของวิหาร 10 กับห้องนักบวชนั้นกว้างยี่สิบศอก โดยรอบวิหารทุกด้าน 11 มีทางเข้าสู่ห้องด้านข้างจากบริเวณที่เปิดโล่งนั้น โดยทางหนึ่งอยู่ทิศเหนือและอีกทางหนึ่งอยู่ทิศใต้ และส่วนที่ยื่นออกมานั้นที่ติดกับบริเวณที่เปิดโล่งนั้น กว้างห้าศอกโดยรอบวิหาร

12 ตึกที่หันไปทางลานของวิหารที่อยู่ทางทิศตะวันตก กว้างเจ็ดสิบศอก กำแพงของตึกนั้นหนาห้าศอกโดยรอบ และลึกเข้าไปเก้าสิบศอก 13 แล้วชายผู้นั้นวัดขนาดวิหาร ได้ความลึกหนึ่งร้อยศอก และบริเวณลานในเขตหวงห้ามของวิหารกับตึก รวมทั้งพวกผนัง ยาวหนึ่งร้อยศอกเหมือนกัน 14 ลานทางตะวันออกของวิหาร รวมทั้งส่วนหน้าของวิหารกว้างหนึ่งร้อยศอก

15 [af] แล้วชายผู้นั้นได้วัดความยาวของตึกที่หันไปทางเขตหวงห้ามด้านหลัง รวมกับระเบียงทั้งสองข้างของมัน ได้ยาวหนึ่งร้อยศอก ข้างในห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และระเบียงที่หันหน้าไปที่ลานด้านใน 16 รวมทั้งธรณีประตูกับหน้าต่างแคบๆและระเบียงที่ล้อมรอบทั้งสามด้าน ตรงข้ามธรณีประตู ล้วนปูไม้ทับอยู่ ตั้งแต่พื้นผนังตลอดแนวไปจนถึงหน้าต่าง และหน้าต่างก็มีไม้ปิดทับด้วยเหมือนกัน 17 และปูขึ้นไปถึงด้านบนสุดของประตูของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และของระเบียงด้านนอก และบนผนังทั้งหมดที่อยู่รอบข้างทั้งในและนอก ออกแบบอย่างประณีต 18 และถูกแกะสลักรูปเครูบและต้นปาล์มไว้มากมาย โดยแกะลายต้นปาล์มสลับกับลายเครูบ เครูบแต่ละองค์มีสองหน้า 19 ใบหน้าหนึ่งเป็นหน้าคนหันไปทางต้นปาล์มด้านหนึ่ง และอีกใบหน้าหนึ่งเป็นสิงโตหันไปทางต้นปาล์มอีกด้านหนึ่ง มีรูปเหล่านี้แกะสลักอยู่รอบวิหาร 20 มีรูปของเครูบกับต้นปาล์มเหล่านั้น แกะสลักอยู่บนผนังของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่พื้นไปจนถึงบริเวณเหนือทางเข้า

21 ห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ มีพวกกรอบประตูรูปสี่เหลี่ยม และตรงด้านหน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น มีสิ่งที่ดูเหมือนกับ 22 แท่นบูชาทำจากไม้อยู่แท่นหนึ่ง สูงสามศอก กว้างและยาวสองศอกเท่ากัน ที่มุมทั้งสี่มุม รวมทั้งที่ฐานและด้านข้างของแท่นนั้นเป็นไม้

ชายคนนั้นพูดกับผมว่า “นี่คือโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของพระยาห์เวห์”

23 ทั้งห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีประตูอยู่สองบาน

24 แต่ละประตูมีบานเหวี่ยงสองบาน

25 และบนประตูของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ แกะสลักลายเครูบและต้นปาล์มเหมือนกับที่แกะไว้บนผนัง และมีที่กันแดดยื่นอยู่บนด้านหน้าของระเบียง

26 มีหน้าต่างแคบๆที่มีลายต้นปาล์มแกะสลักอยู่บนผนังทั้งสองข้างของระเบียง และมีห้องต่างๆอยู่ด้านข้างที่มีที่กันแดดด้วย

ห้องนักบวช

42 แล้วชายผู้นั้นก็นำผมไปทางทิศเหนือ

ออกไปที่ลานด้านนอก และนำผมไปยังพวกห้องที่อยู่อีกฝากหนึ่งของลานที่อยู่หลังวิหาร และตรงข้ามกับตึกทางทิศเหนือ

ตึกที่มีห้องพวกนี้ มีประตูออกไปสู่ทิศเหนือนั้น ยาวหนึ่งร้อยศอก กว้างห้าสิบศอก

ตึกนี้สูงสามชั้นและมีพวกระเบียงทางเดินอยู่ทั้งสามชั้นระหว่างตึกนี้กับวิหารนั้น มีลานด้านในขั้นอยู่ กว้างยี่สิบศอก อีกฝากหนึ่งของตึกนี้ หันไปทางพื้นหินของลานด้านนอก

ที่ด้านหน้าห้องต่างๆที่หันหน้าเข้ามาด้านใน มีเฉลียงกว้างสิบศอก ยาวหนึ่งร้อยศอก แล้วมีประตูอยู่ทางทิศเหนือ

ตึกนี้ ห้องข้างบนแคบกว่าข้างล่าง

เพราะระเบียงทางเดินเหล่านั้นไปกินที่ของห้องชั้นบน มากกว่าที่ชั้นกลางและชั้นล่างของตึก

ทั้งสามชั้นไม่มีเสาหลักเหมือนกับที่มีในลานข้างนอก ดังนั้นห้องชั้นบนพวกนี้จึงมีพื้นที่ว่างน้อยกว่าชั้นล่างและชั้นกลาง

ด้านนอกของตึกนี้ มีกำแพงขนานไปกับห้องพวกนี้และลานด้านนอก กำแพงนี้ทอดยาวไปตามด้านหน้าของห้อง มีขนาดยาวห้าสิบศอก

แถวของห้องที่ขนานไปกับลานด้านนอกนั้นยาวห้าสิบศอก

แถวของห้องที่อยู่ใกล้กับห้องศักดิ์สิทธิ์นั้นยาวหนึ่งร้อยศอก

มีทางเข้าจากลานด้านนอก เข้ามายังห้องพวกนี้จากทางทิศตะวันออก

10 ตรงจุดเริ่มต้นของกำแพงลานของลานวิหาร ทางทิศใต้เลาะไปตามแนวกำแพงลานด้านนอก มีห้องหลายห้องติดกับลานของวิหารและอยู่ตรงข้ามกับตึก

11 มีเฉลียงอยู่หน้าห้องเหล่านั้น ห้องทางทิศใต้พวกนี้เหมือนกับห้องต่างๆทางทิศเหนือ มีความกว้างและยาวเท่ากัน มีพวกทางออกและความลึกเหมือนกันด้วย 12 ที่จุดเริ่มต้นของเฉลียงที่ขนานไปกับผนัง มีทางเข้าอันหนึ่งที่ผู้คนสามารถใช้เข้าออกห้องต่างๆเหล่านั้นได้ จากทางทิศตะวันออก

13 แล้วชายผู้นั้นได้พูดกับผมว่า

“ห้องทางทิศเหนือและห้องทางทิศใต้ที่หันหน้าไปที่ลานหลังวิหารนั้น คือห้องของพวกนักบวช เป็นห้องสำหรับพวกนักบวชที่รับใช้อยู่ใกล้ชิดพระยาห์เวห์ จะใช้กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พวกเขาจะวางเครื่องบูชาเหล่านี้ไว้ในห้องเหล่านั้น คือเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องบูชาชดเชย เพราะห้องพวกนั้นเป็นห้องศักดิ์สิทธิ์

14 พวกนักบวชที่เข้าไปในพวกบริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์ของวิหารนั้น จะต้องไม่ออกมาที่ลานด้านนอก จนกว่าพวกเขาจะได้ถอดชุดที่ใส่รับใช้พระยาห์เวห์ไว้ในห้องทั้งหลายของนักบวชก่อน เพราะชุดเหล่านั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์

พวกเขาต้องสวมเสื้อผ้าอื่น ก่อนที่จะออกไปยังบริเวณด้านนอกที่คนทั่วไปอยู่กัน”

ลานด้านนอก

15 เมื่อชายผู้นั้นวัดขนาดสิ่งต่างๆภายในบริเวณวิหารเสร็จแล้ว เขาได้นำผมออกมาทางประตูด้านตะวันออก และเขาได้วัดบริเวณรอบๆวิหารทั้งหมด

16 เขาเอาไม้วัด วัดด้านตะวันออกได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก

17 เขาเอาไม้วัด วัดด้านเหนือได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก

18 เขาเอาไม้วัด วัดด้านใต้ ได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก

19 แล้วเขาก็หันไปทางด้านตะวันตกและวัดด้านนั้นได้ความยาวห้าร้อยศอกเหมือนกัน

20 เขาจึงใช้ไม้วัด วัดทั้งสี่ด้านซึ่งมีกำแพงล้อมรอบอยู่ ได้ขนาดยาวห้าร้อยศอก กว้างห้าร้อยศอก กำแพงนี้แยกบริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากบริเวณทั่วๆไป

สง่าราศีของพระยาห์เวห์กลับคืนสู่วิหารของพระองค์

43 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมไปที่ประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และผมได้เห็นรัศมีของพระเจ้าของชาวอิสราเอล ส่องออกมาจากทางทิศตะวันออกนั้น เสียงดังเหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และพื้นดินได้สว่างจ้าไปด้วยแสงจากรัศมีของพระองค์

นิมิตที่ผมเห็นนั้นเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งที่พระองค์ได้มาเพื่อทำลายเมือง และเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นที่คลองเคบาร์ และผมก็ซบหน้าลงกับดิน

รัศมีของพระยาห์เวห์ได้เข้าสู่วิหารทางประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก

แล้วพระวิญญาณ[ag] ได้ยกผมขึ้น และนำผมเข้าสู่ลานด้านใน และรัศมีของพระยาห์เวห์ได้แผ่ไปทั่ววิหาร ในขณะที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ข้างๆผม ผมได้ยินเสียงของผู้หนึ่งดังออกมาจากภายในวิหารพูดกับผม

พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์

นี่คือที่ตั้งบัลลังก์ของเรา และเป็นที่วางฝ่าเท้าของเรา

นี่คือที่ที่เราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลตลอดไป ทั้งครอบครัวชาวอิสราเอลกับพวกกษัตริย์ของพวกเขา จะไม่ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องเสื่อมเสียอีก ด้วยการขายตัว[ah] ของพวกเขา และด้วยการถวายของขวัญให้กับพวกวิญญาณของกษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาในงานศพของกษัตริย์เหล่านั้น

กษัตริย์ของพวกเขาสร้างธรณีประตูวังและเสาประตูวังของพวกเขาติดกับของเราเลย มีแค่ผนังกั้นระหว่างเรากับพวกเขาเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพวกเขาทำตัวน่ารังเกียจ พวกเขาก็ได้ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสียไป เราถึงได้ทำลายพวกเขาตอนที่เราโกรธ ให้พวกเขาหยุดขายตัว และให้หยุดถวายของขวัญให้กับพวกกษัตริย์ที่ตายแล้วของพวกเขา แล้วเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป

10 เจ้าลูกมนุษย์เอ๋ย ให้บรรยายเรื่องวิหารนี้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลฟัง เพื่อพวกเขาจะได้อับอายในบาปทั้งหลายของพวกเขา และให้พวกเขาพิจารณาถึงแผนผังของวิหารนี้ 11 แล้วพวกเขาจะได้ละอายต่อสิ่งทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำไป ให้พวกเขารู้จักรูปแบบของวิหารนี้ ทั้งการจัดวาง พวกทางออกและทางเข้า รวมทั้งกฎระเบียบและคำสั่งทั้งหมดของมัน ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ไว้ต่อหน้าพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รักษากฎทั้งหลายของเรา และทำตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดของเรา

12 นี่คือกฎของวิหาร คือบริเวณรอบๆวิหารทั้งหมดบนยอดเขา จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นั่นคือกฎของวิหาร

แท่นบูชา

13 ต่อไปนี้คือขนาดของแท่นบูชา โดยวัดเป็นศอก ให้หนึ่งศอกยาวเท่ากับหนึ่งศอกกับอีกหนึ่งฝ่ามือ

แท่นบูชานี้มีร่องน้ำอยู่รอบๆฐานของมัน ลึกหนึ่งศอก กว้างหนึ่งศอก

ตรงริมของร่องน้ำ มีขอบสูงขึ้นมาหนึ่งคืบ และต่อไปนี้คือความสูงของแท่นบูชา

14 จากก้นของร่องน้ำ ขึ้นมาถึงส่วนบนสุดของที่กั้นอันต่ำ สูงสองศอก หนาหนึ่งศอก จากที่กั้นอันต่ำสุดนี้ขึ้นไปถึงที่กั้นอันสูงสุด สูงสี่ศอก หนาหนึ่งศอก

15 เตาไฟของแท่นบูชาสูงสี่ศอก

และที่มุมทั้งสี่ของเตาไฟนั้น มีเชิงงอนสี่อันยื่นขึ้นมา

16 เตาไฟของแท่นบูชานั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสองศอก

17 ที่กั้นอันสูงนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสี่ศอก มีขอบสูงครึ่งศอก มีรางน้ำขนาดหนึ่งศอกอยู่รอบๆฐานของแท่น บันไดของแท่นบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก”

18 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

นี่คือกฎระเบียบต่างๆสำหรับแท่นบูชา เมื่อเจ้าสร้างมันเสร็จแล้ว เพื่อเจ้าจะได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาบนมัน และซัดเลือดใส่ข้างแท่นบูชา

19 เจ้าต้องใช้วัวหนุ่มหนึ่งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เจ้าต้องนำมันมาให้กับนักบวชชาวเลวี ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของศาโดก พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้เรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

20 “เจ้าต้องเอาเลือดของมันมาส่วนหนึ่ง มาใส่ที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชา และที่มุมทั้งสี่ของที่กั้นชั้นบนสุดที่ถัดจากเตาลงมา และขอบที่อยู่รอบมัน อย่างนี้เจ้าจะทำให้แท่นบูชานั้นบริสุทธิ์และชำระมัน

21 เจ้าต้องเอาวัวหนุ่มที่ถูกถวายเป็นเครื่องบูชา และให้เอาไปเผาในที่ที่ได้กำหนดไว้ภายในบริเวณวิหาร ที่อยู่นอกตึกของวิหาร

22 ในวันที่สอง เจ้าต้องถวายแพะผู้ตัวหนึ่งที่ไม่มีตำหนิใดๆเพื่อเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และเจ้าต้องทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ อย่างที่ทำตอนถวายวัวหนุ่มนั้น

23 เมื่อเจ้าทำพิธีชำระแท่นบูชาเสร็จแล้ว

เจ้าต้องถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งที่มาจากฝูง ทั้งสองตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ

24 เจ้าต้องถวายพวกมันต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกนักบวชต้องโรยเกลือลงบนพวกมัน และนำพวกมันไปถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์

25 เจ้าจะต้องจัดหาแพะตัวผู้ตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ทุกๆวันเป็นเวลาเจ็ดวัน และเจ้ายังต้องจัดหาวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับแกะผู้ตัวหนึ่งจากฝูง สัตว์ทั้งหมดต้องไม่มีตำหนิใดๆ

26 พวกนักบวชต้องชำระแท่นบูชา และทำให้มันบริสุทธิ์ เป็นเวลาเจ็ดวัน อย่างนี้พวกเขาจะได้อุทิศแท่นบูชานี้ให้กับพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ 27 เมื่อพวกเขาทำจนครบเจ็ดวันแล้ว ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไป พวกนักบวชต้องถวายเครื่องเผาบูชาของเจ้า และเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นบูชานั้น แล้วเราจะยอมรับเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ประตูด้านนอกทางทิศตะวันออก

44 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมกลับไปที่ประตูด้านนอกของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ประตูนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมันก็ปิดอยู่

พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ประตูนี้ต้องปิดอยู่เสมอ ไม่มีใครมีสิทธิ์เปิดมัน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออกทางประตูนี้ มันต้องปิดอยู่เสมอ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้เข้ามาทางประตูนี้

มีแต่ผู้นำของอิสราเอลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ที่ในประตูนี้ เพื่อจะกินอาหารต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาต้องเข้ามาทางระเบียงของประตูและออกไปทางเดียวกัน”

ความศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร

แล้วชายผู้นั้นได้นำผมผ่านเข้าไปทางประตูทิศเหนือ ไปถึงด้านหน้าของวิหาร ผมมองดูและเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์เต็มวิหารของพระองค์ และผมได้ซบหน้าลงกับดิน

พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า

“เจ้าลูกมนุษย์ สนใจดีๆ ดูดีๆและฟังดีๆถึงทุกสิ่งที่เราบอกกับเจ้า ที่เกี่ยวกับกฎระเบียบของวิหารของพระยาห์เวห์ ให้สังเกตทางเข้าและทางออกทั้งหมดของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ดี

ให้พูดกับครอบครัวอิสราเอลที่ชอบกบฏว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ครอบครัวอิสราเอล ให้หยุดการประพฤติอันน่ารังเกียจทั้งหมดของพวกเจ้าซะ นอกจากการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างอื่นของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังได้นำพวกชาวต่างชาติที่ไม่ได้ขลิบทั้งใจและกาย เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ทำให้วิหารของเราเสื่อมไป ในขณะที่เจ้าถวายอาหารให้กับเราซึ่งก็คือไขมันและเลือดนั้น อย่างนี้พวกเจ้าได้ละเมิดข้อตกลงที่มีต่อเรา

แทนที่พวกเจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้า ในการเฝ้ายามพวกของศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับให้คนต่างชาติเข้ามาเฝ้ายามแทนในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา”’”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ห้ามพวกคนต่างชาติที่ยังไม่ได้ขลิบทั้งใจและกายเข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถึงจะเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลก็ตาม

10 แต่พวกชาวเลวีจะเข้ามา คือคนเหล่านั้นที่ปลีกตัวห่างไปจากเราตอนที่ชาวอิสราเอลหลงทางไป พวกชาวเลวีที่หันไปจากเราและไปติดตามพวกรูปเคารพ จะต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น

11 พวกเขาจะยังทำหน้าที่ยามในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา รับใช้อยู่ที่ประตูวิหาร และฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆสำหรับประชาชน และยืนอยู่ต่อหน้าประชาชนเพื่อรับใช้พวกเขา 12 แต่เราได้ยกมือสาบานไว้ว่า พวกเขาต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น เพราะพวกเขาเคยไปรับใช้คนเหล่านั้นต่อหน้าพวกรูปเคารพของพวกเขา และทำให้ครอบครัวชาวอิสราเอลทำบาป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

13 “อย่างนี้ พวกเขาจะต้องไม่เข้าใกล้เพื่อรับใช้เราในฐานะนักบวช หรือเข้าใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม หรือเข้าใกล้เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา พวกเขาต้องทนรับความอับอายจากการทำตัวที่น่ารังเกียจของพวกเขา

14 แต่เราจะตั้งให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นยาม และจัดการกับภาระทั้งหลายที่จะต้องทำในวิหารนั้น

15 แต่พวกนักบวชที่เป็นชาวเลวี และเป็นลูกหลานของศาโดก ที่เคยทำหน้าที่อยู่ภายในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างซื่อสัตย์ เมื่อครั้งที่ชาวอิสราเอลหันเหไปจากเรานั้น พวกเขามีสิทธิ์เข้ามาใกล้เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา พวกเขามีสิทธิ์ยืนอยู่ต่อหน้าเรา เพื่อถวายเครื่องบูชาที่เป็นส่วนไขมันและเลือดนั้นให้กับเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

16 “พวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา และเข้ามาใกล้โต๊ะของเรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา และพวกเขาจะทำหน้าที่เฝ้ายามสำหรับเรา

17 เมื่อพวกนักบวชนี้เข้าสู่ประตูลานด้านใน พวกเขาต้องสวมเสื้อลินิน พวกเขาต้องไม่สวมเสื้อผ้าที่ทำจากขนแกะ ในขณะที่ทำพิธีอยู่ที่ประตูลานด้านในหรือภายในวิหาร

18 พวกเขาต้องสวมผ้าโพกหัวที่ทำจากลินินและใส่ผ้าชั้นในที่ทำจากลินินไว้รอบเอวของพวกเขา พวกเขาต้องไม่สวมสิ่งใดๆก็ตามที่จะทำให้มีเหงื่อ 19 เมื่อพวกเขาออกไปสู่ลานด้านนอกที่ประชาชนอยู่ พวกเขาต้องถอดเสื้อผ้าที่ใส่ในขณะทำพิธีออก และต้องทิ้งเสื้อผ้าชุดนั้นไว้ในพวกห้องศักดิ์สิทธิ์ และสวมเสื้อผ้าชุดอื่นแทน อย่างนั้น จะได้ไม่มีใครไปถูกเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเป็นอันตราย[ai]

20 พวกเขาต้องไม่โกนหัวหรือปล่อยให้ผมยาว แต่พวกเขาต้องเล็มผมอยู่เป็นประจำ

21 ห้ามนักบวชดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้าไปในลานด้านใน

22 พวกเขาต้องไม่แต่งงานกับแม่หม้าย หรือกับหญิงที่หย่ากับสามีมาแล้ว

พวกเขาจะต้องแต่งงานกับหญิงพรหมจรรย์ที่เป็นลูกหลานของชาวอิสราเอล หรือแต่งกับแม่หม้ายของนักบวชเท่านั้น

23 พวกเขาต้องสอนประชาชน ให้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์กับของธรรมดาทั่วๆไป และสอนให้พวกเขารู้จักวิธีแยกแยะว่าอะไรบริสุทธิ์และอะไรไม่บริสุทธิ์

24 เมื่อมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น

พวกนักบวชต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน และต้องตัดสินเรื่องนั้นตามกฎระเบียบของเรา

พวกเขาต้องรักษากฎทุกข้อและข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวกับงานเทศกาลต่างๆที่เราได้กำหนดขึ้น และพวกเขาจะต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวันหยุดทางศาสนาของเราไว้

25 พวกนักบวชต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ ด้วยการเข้าใกล้คนตาย แต่ถ้าคนตายเป็นพ่อหรือแม่ ลูกชายหรือลูกสาว พี่ชายหรือน้องชาย พี่สาวหรือน้องสาวของเขาที่ยังไม่ได้แต่งงาน เขาจะได้รับอนุญาตให้ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ได้ 26 หลังจากที่เขาได้รับการชำระตัวแล้ว เขาต้องรออยู่เจ็ดวันก่อนที่จะกลับไปทำหน้าที่ในวิหาร

27 ในวันที่เขาเข้าในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ถึงลานด้านในเพื่อจะรับใช้ในบริเวณศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาชำระล้างให้กับตัวเองก่อน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

28 นี่จะเป็นมรดกที่พวกนักบวชจะได้รับ คือเราเองเป็นมรดกของพวกเขา เจ้าต้องไม่ให้เขาถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินใดๆในอิสราเอล เราเองเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา

29 พวกเขาจะกินเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องบูชาชดเชย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอิสราเอลนำมาถวายให้แก่พระยาห์เวห์จะเป็นของพวกเขา

30 ผลผลิตชุดแรกของพืชทุกชนิด และของถวายพิเศษทุกชนิด จะเป็นของพวกนักบวช เจ้าต้องให้ส่วนที่ดีที่สุดของแป้งดิบของเจ้ากับพวกเขา เพื่อเจ้ากับครอบครัวจะได้รับพร

31 แล้วพวกนักบวชต้องไม่กินอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนกหรือสัตว์อื่นๆที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฉีกทึ้งจนตาย

กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับใช้ในงานศักดิ์สิทธิ์

45 เมื่อเจ้าแบ่งที่ดินเพื่อให้เป็นมรดกนั้น

เจ้าต้องถวายที่ดินส่วนหนึ่งให้แก่พระยาห์เวห์เพื่อให้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ โดยให้มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก[aj] กว้างสองหมื่นศอก[ak] พื้นที่ทั้งหมดนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ จากเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ ให้แบ่งพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่ามีขนาดด้านละห้าร้อยศอก เพื่อให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และให้กันพื้นที่รอบๆส่วนนี้ออกมาอีกห้าสิบศอก เพื่อเป็นพื้นที่เปิดโล่ง

ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในเขตนี้จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตั้งอยู่

ในที่ดินทั้งหมด เขตนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกนักบวชอยู่กัน คือพวกนักบวชที่รับใช้อยู่ในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้าใกล้พระยาห์เวห์เพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์ มันจะเป็นที่ตั้งสำหรับบ้านของพวกเขา และเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย

พื้นที่ขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นที่ตั้งของพวกเมืองที่เป็นสมบัติของพวกชาวเลวีที่รับใช้อยู่ในวิหาร เพื่อให้พวกเขาใช้อยู่อาศัย

เจ้าต้องกำหนดบริเวณหนึ่ง มีขนาดกว้างห้าพันศอก ยาวสองหมื่นห้าพันศอก อยู่ถัดจากส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ที่ตรงนี้ให้เป็นที่อยู่ของชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมทั้งเป็นที่ตั้งของเมืองเยรูซาเล็มด้วย

กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับผู้นำอิสราเอล

เขตที่ติดกับเขตศักดิ์สิทธิ์ และติดกับเมืองเยรูซาเล็มไปทางตะวันตกและตะวันออก จะเป็นของผู้นำอิสราเอล

เขตนี้จะทอดยาวไปจากสุดเขตแดนทางทิศตะวันตก ไปถึงสุดเขตแดนทิศตะวันออก ขนานไปกับเขตแดนที่เป็นของแต่ละเผ่า ที่ดินนี้จะเป็นสมบัติของผู้นำอิสราเอล และผู้นำของเราจะไม่กดขี่ประชาชนของเราอีกต่อไป แต่จะยินยอมให้ชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของที่ดินได้ตามเผ่าพันธุ์ของพวกเขา

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“พวกผู้นำของอิสราเอล พวกเจ้าได้ปล้นและโกงคนของเรามานานพอแล้ว หยุดความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหงซะ แล้วหันมาทำในสิ่งที่เที่ยงธรรมและถูกต้อง หยุดขับไล่ประชาชนของเราไปจากบ้านของพวกเขาได้แล้ว”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

กฎระเบียบเรื่องน้ำหนักและเครื่องตวง

10 “เจ้าต้องใช้เครื่องชั่งที่เที่ยงตรง ใช้เอฟาห์[al] และใช้บัท[am] ที่เที่ยงตรง 11 เอฟาห์กับบัทนั้นต้องมีขนาดเดียวกัน หนึ่งบัทต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์[an] และหนึ่งเอฟาห์ต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์เหมือนกัน

โฮเมอร์ต้องเป็นเครื่องวัดที่มาตรฐานสำหรับทั้งเอฟาห์และบัท

12 หนึ่งเชเขล[ao] ต้องเท่ากับยี่สิบเกราห์

ยี่สิบเชเขลบวกยี่สิบห้าเชเขลบวกสิบห้าเชเขลต้องเท่ากับหนึ่งมินา[ap]

กฎระเบียบเรื่องของถวาย

13 ต่อไปนี้คือของขวัญพิเศษที่เจ้าต้องนำมาถวาย

จากแต่ละโฮเมอร์ของข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ เจ้าต้องถวายหนึ่งส่วนหกเอฟาห์

14 ให้ถวายน้ำมันตามที่ได้กำหนดไว้โดยตวงเป็นบัท

จากน้ำมันแต่ละโคระ ให้แบ่งถวายหนึ่งส่วนสิบบัท[aq]

(หนึ่งโคระเท่ากับสิบบัทหรือหนึ่งโฮเมอร์)

15 จากฝูงแกะทุกๆสองร้อยตัวที่ได้รับการเลี้ยงดูในทุ่งหญ้าของอิสราเอลที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ให้เลือกออกมาถวายหนึ่งตัว

ของพวกนี้ทั้งหมด จะเอามาเป็น เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อขจัดบาปต่างๆให้กับประชาชน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

16 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินต้องมอบของถวายต่างๆนี้ให้กับผู้นำอิสราเอล

17 ผู้นำอิสราเอลจะมีหน้าที่จัดหาเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และเครื่องดื่มบูชา สำหรับงานเทศกาลวันพระจันทร์ใหม่ วันหยุดทางศาสนา รวมทั้งงานเทศกาลทั้งหลายที่ได้กำหนดไว้ของครอบครัวชาวอิสราเอล

ผู้นำอิสราเอลจะจัดหาเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อใช้ขจัดบาปต่างๆสำหรับครอบครัวอิสราเอล

กฎระเบียบเรื่องเทศกาลต่างๆ

(อพย. 12:1-20; ลนต. 23:33-43)

18 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

ในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง เจ้าต้องนำวัวหนุ่มที่ไม่มีตำหนิใดๆมา และใช้มันทำพิธีเพื่อทำให้บริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นบริสุทธิ์

19 นักบวชต้องเอาเลือดของเครื่องบูชาชำระล้าง มาใส่ไว้ที่เสาประตูของวิหาร และใส่ตรงขอบด้านบนของทั้งสี่มุมของแท่นบูชา และใส่บนเสาประตูของลานด้านใน

20 เจ้าต้องทำพิธีนี้เหมือนกัน ในวันที่เจ็ดของเดือนนั้น สำหรับคนที่ทำบาปไปโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่รู้ โดยวิธีนี้เจ้าจะชำระวิหารให้บริสุทธิ์

21 ในวันที่สิบสี่ของเดือนนั้น เจ้าต้องจัดงานเทศกาลปลดปล่อยขึ้น งานเลี้ยงจะมีขึ้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ในระหว่างนี้ เจ้าจะต้องกินขนมปังที่ไม่ได้ใส่เชื้อฟู 22 ช่วงนี้ ผู้นำจะจัดหาวัวผู้มาตัวหนึ่ง เอามาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ให้กับทั้งตัวเขาและประชาชนทั้งหมดของแผ่นดิน

23 ตลอดทั้งเจ็ดวันของงานเลี้ยงนี้

ผู้นำต้องเป็นผู้จัดหาวัวตัวผู้เจ็ดตัว และแกะตัวผู้เจ็ดตัว ที่ไม่มีตำหนิใดๆมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์

และจัดหาแพะตัวผู้มาวันละตัว เอามาถวายเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง

24 เมื่อถวายวัวตัวผู้แต่ละตัว ผู้นำจะต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์[ar]ด้วย

และเมื่อถวายแกะตัวผู้แต่ละตัว เขาต้องถวายเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์ พร้อมกับถวายน้ำมันหนึ่งฮิน[as] สำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

25 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด และในช่วงเจ็ดวันของเทศกาลอยู่เพิง ผู้นำต้องจัดหาเครื่องบูชาเหล่านี้ไว้ด้วย คือพวกเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและน้ำมัน

กฎระเบียบต่างๆสำหรับผู้ครอบครองและประชาชน

46 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ประตูลานด้านในที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น ให้ปิดมันไว้ตลอดหกวันทำงานนั้น แต่ในวันหยุดทางศาสนาและวันพระจันทร์ใหม่ ให้เปิดมันไว้ ผู้ครอบครองอิสราเอลจะต้องเข้ามาจากด้านนอกโดยผ่านทางระเบียงของประตูทางเข้า และมายืนอยู่ข้างเสาประตู พวกนักบวชต้องเอาเครื่องเผาบูชาของผู้ครอบครอง และพวกเครื่องสังสรรค์บูชาของเขา มาถวายให้กับเรา ผู้ครอบครองต้องกราบไหว้อยู่ที่ธรณีประตูทางเข้า แล้วถึงค่อยออกไป แต่อย่าเพิ่งปิดประตูจนกว่าจะถึงตอนเย็น ทุกๆวันหยุดทางศาสนาและทุกๆวันพระจันทร์ใหม่ ประชาชนในแผ่นดินต้องมากราบไหว้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ที่ทางเข้าของประตูนั้น

เครื่องเผาบูชาที่ผู้ครอบครอง นำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ในวันหยุดทางศาสนานั้น จะต้องประกอบไปด้วย ลูกแกะผู้หกตัว และแกะผู้หนึ่งตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ

เขาต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์[at] พร้อมกับแกะผู้ตัวนั้น และถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชเท่าที่อยากจะถวาย พร้อมกับลูกแกะเหล่านั้น แต่เขาต้องถวายน้ำมันหนึ่งฮินสำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

ในวันพระจันทร์ใหม่นั้น เขาต้องถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว พร้อมกับลูกแกะหกตัว และแกะผู้หนึ่งตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ

เขาต้องจัดหาเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับวัวผู้ตัวนั้น และถวายเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์ไปพร้อมกับแกะผู้ตัวนั้นด้วย และให้ถวายเมล็ดพืชเท่าที่เขาอยากจะถวาย พร้อมกับพวกลูกแกะ แต่เขาต้องถวายน้ำมันหนึ่งฮิน[au] สำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

เมื่อผู้ครอบครองเข้ามา เขาต้องเดินผ่านระเบียงของประตูทางเข้า และต้องออกไปทางประตูเดียวกัน

เมื่อประชาชนในแผ่นดินนั้น มาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ในงานเทศกาลต่างๆที่ได้กำหนดไว้ คนที่เข้ามาทางประตูทิศเหนือเพื่อมานมัสการเรา จะต้องออกไปทางประตูทิศใต้ และคนที่เข้ามาทางประตูทิศใต้จะต้องออกไปทางประตูทิศเหนือ ห้ามเข้าออกโดยใช้ประตูเดียวกัน แต่ต้องเข้าออกโดยใช้ประตูที่อยู่ตรงข้ามกัน

10 ผู้ครอบครองจะต้องอยู่ท่ามกลางประชาชน ประชาชนเข้าออกตอนไหน ผู้ครอบครองก็ต้องเข้าออกตอนนั้นด้วย

11 ทั้งงานเทศกาลและงานเลี้ยงทั้งหลายที่ได้กำหนดขึ้น ต้องมีเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช หนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับวัวผู้หนึ่งตัว

และเมล็ดพืชอีกหนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับแกะผู้หนึ่งตัว

และถวายเมล็ดพืชเท่าที่เขาอยากจะถวาย พร้อมกับพวกลูกแกะ พร้อมกับน้ำมันหนึ่งฮินสำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

12 เมื่อผู้ครอบครองจัดหาเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจมาให้กับพระยาห์เวห์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสังสรรค์บูชาก็ตาม จะต้องเปิดประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกให้กับเขา เขาจะถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสังสรรค์บูชา เหมือนกับที่เขาถวายในวันหยุดทางศาสนา แล้วเขาจะออกไป และหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ให้ปิดประตู

กฎระเบียบเรื่องเครื่องบูชาประจำวัน

13 ทุกๆเช้า ผู้ครอบครองต้องจัดหาลูกแกะอายุหนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิใดๆมาเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์

14 ผู้ครอบครองยังต้องจัดหาเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งส่วนหกเอฟาห์ กับน้ำมันหนึ่งส่วนสามฮิน เพื่อทำให้แป้งนุ่ม ร่วมกับการถวายเครื่องเผาบูชานี้ การถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชให้แก่พระยาห์เวห์นั้น เป็นกฎที่ต้องทำตลอดไป

15 เขาจะต้องถวายลูกแกะ เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและน้ำมัน ให้กับเราในทุกๆเช้า นี่เป็นกฎสำหรับเครื่องเผาบูชาที่ทำกันตามปกติทุกๆวัน”

กฎระเบียบเรื่องการยกมรดกของผู้ครอบครองแผ่นดิน

16 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ถ้าผู้ครอบครองมอบของขวัญจากกองมรดกให้กับลูกชายคนหนึ่งคนใดของเขา มรดกนั้นจะตกเป็นของลูกหลานของลูกชายคนนั้นด้วย มันจะเป็นสมบัติที่ตกทอดกันต่อๆไป

17 แต่ ถ้าผู้ครอบครองมอบของขวัญจากกองมรดกให้กับคนรับใช้คนหนึ่งคนใดของเขา คนรับใช้คนนั้นจะเก็บของนั้นไว้ได้จนถึงปีแห่งการปลดปล่อยแล้วของนั้นก็จะกลับไปสู่ผู้ครอบครองคนนั้นเหมือนเดิม มรดกของผู้ครอบครองจะตกทอดไปสู่ลูกชายของผู้ครอบครองเท่านั้น มันเป็นสมบัติของลูกหลานของเขา

18 ผู้ครอบครองต้องไม่ไปแย่งชิงมรดกของประชาชน

หรือขับไล่ประชาชนออกจากที่ดินของพวกเขา

ผู้ครอบครองต้องยกมรดกที่เป็นของเขาเองให้กับพวกลูกชายของเขา เพื่อประชาชนของเราจะได้ไม่ต้องถูกไล่ออกจากที่ดินของพวกเขา”

กฎระเบียบเรื่องครัวของวิหาร

19 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมผ่านไปที่ทางเข้าที่อยู่ด้านข้างของประตูที่จะไปสู่บรรดาห้องศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ห้องเหล่านั้นคือห้องของพวกนักบวช เขาได้พาผมไปดูสถานที่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ปลายสุดทางด้านทิศตะวันตก 20 เขาพูดกับผมว่า “นี่คือสถานที่ที่พวกนักบวชจะใช้ต้มเครื่องบูชาชดเชย และเครื่องบูชาชำระล้าง และอบเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเอาเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ออกไปที่ลานด้านนอก ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนได้”[av]

21 แล้วเขาได้นำผมไปที่ลานด้านนอก และพาผมเดินผ่านไปทั้งสี่มุมของลาน และแต่ละมุมก็มีลานเล็กอีกลานหนึ่ง

22 ลานเล็กที่อยู่ตามมุมทั้งสี่ของลานด้านนอกนี้ มีขนาดยาวสี่สิบศอกและกว้างสามสิบศอก ลานเล็กที่อยู่ติดกับทั้งสี่มุมนี้มีขนาดเท่ากันหมด

23 บริเวณโดยรอบด้านในของลานเล็กทั้งสี่ลานนั้น มีส่วนที่ยื่นออกมาจากกำแพง ส่วนที่ยื่นออกมานั้นก่อขึ้นจากหิน และมีที่ก่อไฟอยู่ด้านล่างโดยรอบ

24 ชายผู้นั้นได้พูดกับผมว่า “สถานที่เหล่านี้คือพวกครัวที่พวกผู้ที่รับใช้อยู่ในวิหาร ใช้ต้มพวกเครื่องบูชาของประชาชน”

แม่น้ำที่ ไหลมาจากวิหาร

47 ชายผู้นั้นได้พาผมกลับมาที่ประตูทางเข้าวิหาร

และผมได้เห็นน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูของวิหาร ไหลไปทางทิศตะวันออก (เพราะวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) น้ำไหลลงมาจากทางด้านทิศใต้ของธรณีประตูของวิหาร และไหลผ่านทางด้านทิศใต้ของแท่นบูชา

แล้วชายผู้นั้นได้นำผมออกมา โดยใช้ประตูทิศเหนือ และพาผมอ้อมไปทางด้านนอกไปถึงประตูด้านนอกที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และน้ำนั้นได้ไหลออกมาจากทางทิศใต้ของประตูนั้น

ชายผู้นั้นเดินไปทางทิศตะวันออกพร้อมกับถือสายวัดเส้นหนึ่งในมือ เขาวัดสายน้ำได้หนึ่งพันศอก แล้วเขาพาผมลุยน้ำที่ลึกถึงตาตุ่ม

เขาวัดสายน้ำได้อีกหนึ่งพันศอก และเขาพาผมเดินลุยน้ำที่ลึกถึงหัวเข่า

เขาวัดสายน้ำได้อีกหนึ่งพันศอก และเขาพาผมเดินลุยน้ำที่ลึกถึงเอว

เขาวัดสายน้ำได้อีกหนึ่งพันศอก แต่ตอนนี้มันคือแม่น้ำสายหนึ่งที่ผมลุยข้ามไปไม่ได้ เพราะน้ำขึ้นสูงและลึกมากจนไม่มีใครลุยข้ามไปได้นอกจากจะว่ายน้ำข้ามไป

ชายผู้นั้นถามผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าได้สังเกตเรื่องเหล่านี้หรือเปล่า”

แล้วเขาก็พาผมกลับไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ

เมื่อผมมาถึงที่นั้น

ผมได้เห็นต้นไม้จำนวนมากขึ้นอยู่ริมแม่น้ำทั้งสองฝั่ง

ชายผู้นั้นได้พูดกับผมว่า

“แม่น้ำสายนี้ไหลไปที่แคว้นทางทิศตะวันออกและไหลไปที่อาราบา[aw] และไหลลงสู่ทะเลตายและทำให้ทะเลตายกลายเป็นน้ำจืด

แม่น้ำนี้ไหลผ่านที่ไหน ก็จะมีสิ่งมีชีวิตมาอาศัยอยู่ที่นั่น จะมีปลาอยู่มากมาย เพราะเมื่อน้ำนี้ไหลลงทะเล มันจะทำให้น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด ดังนั้น ไม่ว่าแม่น้ำสายนี้จะไหลผ่านที่ใด ก็จะมีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมาอาศัยอยู่ที่นั่น

10 ชาวประมงจะยืนอยู่ตามริมฝั่ง ตั้งแต่เอนเกดีไปจนถึงเอนเอกลาอิม จะมีที่มากมายให้ทอดแห จะมีปลามากมายหลายชนิดเหมือนกับปลาที่มีอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

11 แต่น้ำตามหนองตามบึงจะไม่เป็นน้ำจืด มันจะถูกทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ 12 ต้นไม้ทุกชนิดที่ให้ผล จะเจริญเติบโตอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำ ใบไม้ของมันจะไม่แห้งเหี่ยว และจะออกผลไม่หยุดหย่อน มันจะออกผลให้ทุกๆเดือน เพราะน้ำจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่านพวกมัน ผลของมันจะใช้เป็นอาหาร และใบของมันจะใช้เป็นยารักษา”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International