Bible in 90 Days
ดาเนียลอธิษฐาน
9 ในช่วงปีแรกของดาริอัส (ดาริอัสคนนี้เป็นลูกของเซอร์เซส[a]ผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวมีเดียน ดาริอัสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของพวกคาสดิม) 2 ในช่วงปีแรกที่ดาริอัสปกครองนั้น ผม ดาเนียลได้สังเกตในเอกสารต่างๆเกี่ยวกับเรื่องที่พระยาห์เวห์บอกกับเยเรมียาห์ ผู้พูดแทนพระองค์ ที่ว่า “เมืองเยรูซาเล็มจะต้องเป็นซากปรักหักพังอยู่อย่างนั้นไปจนกว่าจะครบเจ็ดสิบปี[b] ถึงจะมีการสร้างขึ้นมาใหม่”
3 ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแสวงหาพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตของผม ด้วยการอธิษฐาน ขอความเมตตาจากพระองค์ ในขณะที่ผมอดอาหาร สวมใส่ผ้ากระสอบไว้ทุกข์ และโรยขี้เถ้าบนหัว 4 ผมอธิษฐานกับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของผม และสารภาพบาป ผมพูดว่า
“ได้โปรดเถิด องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ผู้ที่รักษาข้อตกลงของพระองค์ และแสดงความรักที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ กับคนที่รักพระองค์ ซึ่งก็คือคนที่ทำตามคำสั่งของพระองค์
5 พวกเราทำบาป ทำผิด และทำสิ่งที่ชั่วร้าย เราได้กบฏและเบือนหน้าหนีจากคำสั่งและกฎเกณฑ์ของพระองค์ 6 เราไม่ยอมฟังพวกผู้รับใช้ของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่มาพูดตามคำสั่งของพระองค์ ที่พระองค์สั่งให้มาพูดกับกษัตริย์ของเรา พวกผู้นำ พวกพ่อของเรา และทุกคนในประเทศ
7 องค์เจ้าชีวิตเจ้าข้า พระองค์ทำถูกต้องแล้ว แต่เรานำความอับอายขายหน้ามาสู่พวกเราเองจนถึงทุกวันนี้ คือมาสู่คนยูดาห์ พลเมืองของเยรูซาเล็ม และชาวอิสราเอลทุกคน ทั้งใกล้และไกล มาสู่คนในทุกประเทศที่พระองค์ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปนั้น หลังจากที่พวกเขาทรยศต่อพระองค์
8 ใช่แล้วพระยาห์เวห์ เราได้นำความอับอายมาสู่พวกเราเอง ทั้งพวกเรา พวกกษัตริย์ พวกผู้นำ และพวกพ่อของเรา เพราะพวกเราทุกคนได้ทำบาปต่อพระองค์
9 แต่องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเรามีความเมตตาและให้อภัยพวกเราที่ได้กบฏต่อพระองค์ 10 เราไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา นั่นคือเราไม่ได้ใช้ชีวิตตามคำสอนของพระองค์ ที่พระองค์ให้กับเรา ผ่านมาทางพวกผู้รับใช้ของพระองค์ คือพวกผู้พูดแทนพระเจ้านั่นเอง 11 คนอิสราเอลทุกคนละเมิดคำสั่งสอนของพระองค์ และทำผิดที่ไม่ฟังพระองค์ ดังนั้นคำสาปแช่งและคำปฏิญาณ[c] ที่เขียนไว้ในกฎของโมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้า ได้ตกอยู่บนเรา เพราะเราได้ทำบาปต่อพระองค์
12 พระองค์ก็เลยทำตามที่พระองค์ขู่ไว้ว่า จะให้เกิดขึ้นกับพวกเรา และกับพวกผู้นำของเรา พระองค์นำความหายนะครั้งใหญ่มาใส่เรา ความหายนะที่เกิดขึ้นกับเยรูซาเล็มนั้นร้ายแรงมาก ไม่เหมือนกับความหายนะอันไหนเลยที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั่วใต้ฟ้านี้ 13 ความทุกข์ยากที่ได้เขียนไว้ในกฎของโมเสส ก็ได้เกิดขึ้นกับเรา เหมือนกับที่ได้เขียนไว้ในกฎทุกอย่าง แต่พวกเราก็ไม่ได้พยายามที่จะทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราพอใจ ด้วยการหันจากการทำชั่วของเรา และเรียนรู้จากความซื่อสัตย์ของพระองค์
14 พระยาห์เวห์ได้เตรียมความหายนะนี้สำหรับเวลาที่เหมาะสม แล้วพระองค์ก็ให้มันตกลงมาบนเรา ทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทำไปนั้นยุติธรรมแล้ว แต่เราไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
15 และบัดนี้ ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของเรา พระองค์เป็นผู้ที่นำคนของพระองค์ออกจากอียิปต์
ด้วยมืออันทรงพลังของพระองค์ ด้วยพลังอำนาจที่พระองค์ได้แสดงให้เห็นนั้น ทำให้พระองค์มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วจนถึงทุกวันนี้ เราได้ทำบาปและทำสิ่งที่ชั่วร้าย 16 องค์เจ้าชีวิตของข้าพระองค์ เพื่อเห็นแก่ความเมตตาปรานี ขอได้โปรดเลิกโกรธเยรูซาเล็มเมืองของพระองค์ ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วยเถิด เพราะความเลวทรามของบรรพบุรุษของเราและความบาปของพวกเรานี่เองที่ทำให้ชนชาติอื่นๆทั้งหมดที่อยู่รอบข้างเกลียดชังเยรูซาเล็มและคนของพระองค์
17 บัดนี้ พระเจ้าของพวกเราได้โปรดฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และคำอ้อนวอนขอความเมตตาของเขาด้วยเถิด ขอให้ใบหน้าของพระองค์ส่องสว่างลงมาบนวิหารที่ปรักหักพังนี้ด้วย เพื่อเห็นแก่พระองค์เอง 18 พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดเงี่ยหูฟัง โปรดเปิดตาดู ซากปรักหักพังของเมืองที่ผู้คนรู้ว่าเป็นของพระองค์ ที่เราขอความเมตตาต่อพระองค์นี้ ไม่ใช่เพราะเราดีและสมควรจะได้รับ แต่เพราะพระองค์มีความเมตตาสงสารต่างหาก 19 องค์เจ้าชีวิตของผม ได้โปรดฟังด้วย องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ได้โปรดยกโทษให้ด้วย องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ได้โปรดสนใจด้วย พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทำตามที่ขอด้วย เพื่อเห็นแก่พระองค์เอง และโปรดอย่ารอช้าเลย ได้โปรดทำสิ่งนี้ เพราะผู้คนรู้ว่าทั้งคนพวกนี้และเมืองนี้เป็นของพระองค์”
นิมิตเรื่องเจ็ดสิบอาทิตย์
20 ในขณะที่ผมกำลังพูด อธิษฐาน และสารภาพความผิดบาปของผมเองและของชาวอิสราเอลคนของผมนั้น ขณะที่กำลังวิงวอนขอความเมตตาต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของผม ให้กับภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั้น 21 ในขณะที่ผมกำลังร้องอธิษฐานนั้นเอง กาเบรียล ผู้ชายคนที่ผมเห็นในนิมิตของผมก่อนหน้านี้ ก็ลอยมาหาผม ในช่วงการถวายเครื่องบูชาตอนเย็น 22 เขามาพูดกับผม เพื่อช่วยให้ผมเข้าใจ เขาพูดว่า “ดาเนียล เราได้มาที่นี่เดี๋ยวนี้ เพื่อช่วยให้เจ้าเข้าใจ 23 ในตอนที่เจ้าเริ่มอธิษฐานขอความเมตตานั้น พระเจ้าให้คำตอบ และเราก็ได้มาบอกมัน เพราะพระเจ้ารักเจ้ามาก ดังนั้นตั้งใจฟังคำตอบให้ดี และให้เข้าใจนิมิตนั้น
24 พระเจ้าให้เวลากับคนของเจ้าและเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเจ็ดสิบอาทิตย์[d] เจ็ดสิบอาทิตย์นี้มีไว้เพื่อให้พวกเจ้าหยุดการกบฏ ทำให้บาปนั้นสิ้นสุดลง ชำระความผิดบาปของพวกเจ้า และนำความยุติธรรมอันถาวรกลับมา ทำให้คนเห็นว่านิมิตที่ผู้พูดแทนพระเจ้ามาบอกนั้นเป็นจริง และเพื่อจะเจิมสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
25 ดาเนียล ให้รู้และเข้าใจไว้ด้วยว่า นับตั้งแต่เวลาที่ได้ออกคำสั่ง ให้ฟื้นฟูและสร้างเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ ไปจนถึงเวลาที่ผู้นำที่ถูกเจิมไว้มานั้น มีเจ็ดอาทิตย์ แล้วเวลาที่ใช้สร้างเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ รวมทั้งในลานกลางเมือง พร้อมกับคูป้องกันเมือง จะใช้เวลาหกสิบสองอาทิตย์ ในช่วงนี้จะเต็มไปด้วยปัญหามากมาย 26 และผู้นำที่ถูกเจิมไว้ก็จะถูกกำจัดไปและผู้นำคนนั้นจะไม่มีอำนาจเหนือเมืองและวิหารอีกต่อไป คนที่ติดตามผู้นำคนใหม่ในอนาคตก็จะทำตัวเลวร้าย จุดจบของผู้นำคนใหม่นั้นจะมาเหมือนกับน้ำท่วมทะลัก
พระเจ้าได้ออกคำสั่งให้เกิดการทำลายมากมายจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดลง
27 ผู้นำคนใหม่นั้นจะทำสนธิสัญญาที่เข็มแข็งกับคนจำนวนมาก และในกลางอาทิตย์นั้น การถวายเครื่องบูชาและเซ่นไหว้จะถูกหยุดไป และจะมีสิ่งที่น่าขยะแขยงมาแทนที่ จนถึงจุดจบที่พระเจ้าสั่งให้มาท่วมท้นผู้ทำลายคนนั้น”
ดาเนียลมีนิมิตที่แม่น้ำไทกริส
10 ในปีที่สาม[e]ของกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย พระเจ้าได้เปิดเผยเรื่องหนึ่งให้กับดาเนียลรู้ (ดาเนียลมีอีกชื่อหนึ่งว่าเบลเทชัสซาร์) เรื่องที่เปิดเผยนี้เชื่อถือได้ มันเข้าใจยาก แต่คำอธิบายได้มาถึงดาเนียลในนิมิต
2 ในเวลานั้น ผม ดาเนียล เป็นทุกข์เศร้าโศกอยู่ถึงสามอาทิตย์เต็มๆ 3 ผมไม่ได้กินอาหารที่อร่อยๆ ไม่มีเนื้อหรือเหล้าองุ่นตกเข้าปากผมเลย ผมไม่ได้เอาน้ำมันทาผิวหรือน้ำมันใส่ผมเป็นเวลาถึงสามอาทิตย์เต็มๆ
4 แล้วในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง ในขณะที่ผมยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอันยิ่งใหญ่นั้น คือแม่น้ำไทกริส
5 ผมเงยหน้าขึ้นมาและมองเห็นชายคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมลินิน เขาคาดเข็มขัดที่ทำจากทองของเมืองอุฟาส
6 ร่างกายของเขาดูเหมือนพลอยระยิบระยับ ใบหน้าของเขาส่องสว่างเหมือนฟ้าแลบ ดวงตาของเขาเหมือนกับคบไฟที่ลุกโชติช่วง แขนและขาของเขาดูเหมือนทองเหลืองที่ขัดมัน เมื่อเขาพูด เสียงของเขาก็ฟังเหมือนเสียงของฝูงชนกลุ่มใหญ่
7 ผม ดาเนียล เห็นนิมิตนี้แค่คนเดียว คนอื่นๆที่อยู่กับผมไม่ได้เห็นนิมิตนี้ แต่พวกเขาตกใจกลัวมากและวิ่งหนีไปแอบ 8 เหลือผมคนเดียว ในขณะที่ผมจ้องมองนิมิตอันยิ่งใหญ่นั้น ผมก็หมดเรี่ยวแรงไป หน้าผมก็ซีดเหมือนคนตาย เรี่ยวแรงก็เหือดหายไปหมด 9 แล้วผมก็ได้ยินเขาพูด เมื่อได้ยินเสียงเขา ผมก็ตกอยู่ในภวังค์ นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น
10 แล้วมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจับและโยกผม และช่วยพยุงให้ผมยันตัวขึ้นมาด้วยมือและเข่า
11 แล้วเขาก็พูดกับผมว่า “ดาเนียล ชายที่พระเจ้ารัก ให้ตั้งใจฟังสิ่งที่เรากำลังจะบอกกับเจ้านี้ ลุกขึ้นมา เพราะเราถูกส่งมาหาเจ้า” เมื่อเขาพูดอย่างนั้นกับผม ผมก็ยืนขึ้นตัวสั่น 12 แล้วเขาก็บอกผมว่า “ดาเนียล ไม่ต้องกลัว เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตั้งใจจะเข้าใจและตัดสินใจที่จะอดอาหารและถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าของเจ้า พระเจ้าก็ได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และเราก็ได้มาเพราะคำอธิษฐานของเจ้านั้น 13 เทพเจ้าผู้เป็นเจ้าฟ้าแห่งอาณาจักรเปอร์เซียต่อต้านเราอยู่เป็นเวลายี่สิบเอ็ดวัน แต่ทันใดนั้น มีคาเอล หนึ่งในพวกเจ้าฟ้าชั้นผู้นำ ก็ได้มาช่วยเรา ตอนที่เราถูกทิ้งไว้คนเดียวกับพวกกษัตริย์ของเปอร์เซีย 14 เรามาเพื่อช่วยให้เจ้าเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนของเจ้าในอนาคต เพราะยังจะมีอีกนิมิตหนึ่งมา ที่พูดถึงวันเวลานั้นที่จะต้องอธิบายให้เข้าใจ”
15 ตอนที่เขาพูดสิ่งนี้ ผมได้แต่ก้มมองที่พื้นพูดอะไรไม่ออก
16 แล้วมีผู้หนึ่งที่ดูเหมือนมนุษย์ได้มาแตะริมฝีปากของผม ผมจึงสามารถอ้าปากพูดได้ แล้วผมก็บอกผู้นั้นที่ยืนอยู่ต่อหน้าผมว่า “ท่านครับ หลังจากที่ผมเห็นนิมิตนั้น ผมก็ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด และผมก็หมดเรี่ยวแรง 17 แล้วจะให้ผมผู้รับใช้ของท่านพูดอะไรกับท่านเจ้านายของผมได้ล่ะครับ ถึงเดี๋ยวนี้ก็เถอะ ผมก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจ”
18 แต่แล้วผู้นั้นที่ดูเหมือนมนุษย์ก็จับตัวผมอีกครั้ง และทำให้ผมมีเรี่ยวแรงขึ้น
19 แล้วเขาก็พูดว่า “อย่ากลัวไปเลย พระเจ้ารักเจ้า ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีกับเจ้า อย่าได้ท้อใจไปเลย เข้มแข็งไว้” ขณะที่เขาพูดกับผม ผมก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นและพูดออกไปว่า “ท่านครับ พูดต่อไปเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมได้เรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว”
20-21 แล้วเขาก็พูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่า ทำไมเราถึงมาหาเจ้า เรามาเพื่อบอกเจ้าว่ามีอะไรเขียนไว้ในหนังสือแห่งความจริง แต่ตอนนี้เราจะต้องกลับไปสู้รบกับพวกเจ้าฟ้าแห่งเปอร์เซีย เมื่อเราจากไป เจ้าฟ้าแห่งกรีซก็จะเข้ามา ไม่มีใครช่วยเราสู้รบกับพวกเจ้าฟ้านี้ นอกจากมีคาเอลผู้เป็นเจ้าฟ้าของคนของเจ้า
11 ในปีแรกที่ดาริอัสชาวมีเดียขึ้นเป็นกษัตริย์ เราเองได้ยืนอยู่กับมีคาเอลเพื่อสนับสนุนและช่วยเขา ในการต่อสู้กับเจ้าฟ้าแห่งเปอร์เซีย
2 ดาเนียล เราจะบอกความจริงกับเจ้าว่า ยังจะมีกษัตริย์อีกสามองค์ปกครองเปอร์เซีย หลังจากนั้นกษัตริย์องค์ที่สี่ก็จะมา กษัตริย์องค์ที่สี่นี้จะสะสมทรัพย์สมบัติอันมหาศาลนี้ จนทำให้เขาร่ำรวยกว่ากษัตริย์เปอร์เซียองค์อื่นๆ ความมั่งคั่งของเขาจะทำให้เขามีอำนาจมากขึ้น แล้วเขาก็จะระดมพลไปต่อสู้กับอาณาจักรกรีซ 3 แล้วจะมีกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจอีกองค์หนึ่งขึ้นมา และจะมาสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และกษัตริย์องค์นี้จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเขาเองต้องการ
4 หลังจากที่เขามีอำนาจสูงสุดแล้ว อาณาจักรของเขาก็จะแตกและถูกแบ่งเป็นสี่ส่วน แยกออกไปสี่ทิศทาง แต่อาณาจักรของเขาจะไม่ตกเป็นของลูกหลานของเขาเอง มันจะไม่ใหญ่เหมือนตอนที่เขาปกครอง เพราะอาณาจักรของเขาจะถูกถอนรากถอนโคนและตกไปเป็นของคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวของเขาเอง
5 กษัตริย์ฝ่ายใต้จะแข็งแกร่งขึ้น แต่แม่ทัพคนหนึ่งของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา และแม่ทัพคนนี้จะปกครองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่า
6 หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี ก็จะมีการทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกัน ลูกสาวของกษัตริย์ฝ่ายใต้จะแต่งงานกับกษัตริย์ฝ่ายเหนือ เพื่อเป็นการผูกมัดข้อตกลงนั้น แต่นางจะไม่สามารถรักษาอิทธิพลของนางไว้ได้ และอำนาจของกษัตริย์นั้นก็จะไม่ยั่งยืน นางและคนใช้ที่ติดตามนางมา รวมทั้งลูกและสามีของนาง ก็จะถูกฆ่าทั้งหมด
7 จากนั้นญาติคนหนึ่งของนางจะขึ้นมามีอำนาจและครอบครองอาณาจักรฝ่ายใต้ เขาจะโจมตีกองทัพของกษัตริย์ฝ่ายเหนือ และบุกเข้ายึดป้อมปราการเอาไว้ได้
8 กษัตริย์ฝ่ายใต้จะยึดเอาพวกเทพเจ้า พวกรูปเคารพ และเครื่องใช้ที่มีค่าที่ทำจากทองและเงินของพวกเขา แล้วก็ขนไปที่อียิปต์ และจะไม่สู้รบกับกษัตริย์ฝ่ายเหนือไปอีกหลายปี
9 หลังจากนั้นกษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะบุกเข้าไปในอาณาจักรของกษัตริย์ฝ่ายใต้ แต่เขาจะแพ้และจะกลับไปยังแผ่นดินของเขาเอง
10 แล้วพวกลูกชายของกษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะเข้าทำสงคราม พวกเขาจะระดมกำลังเป็นกองทัพยิ่งใหญ่มหาศาล และพวกเขาก็บุกทำลายล้างเหมือนกับน้ำท่วมหลาก พวกเขาบุกไปไกลถึงป้อมปราการของกษัตริย์ฝ่ายใต้
11 กษัตริย์ฝ่ายใต้จะโกรธ และเดินทัพออกมาต่อสู้กับกษัตริย์ฝ่ายเหนือและกองทัพอันยิ่งใหญ่มหาศาลนั้น กษัตริย์ฝ่ายใต้จะรบชนะกองทัพที่ยิ่งใหญ่นั้น
12 หลังจากที่กองทัพอันยิ่งใหญ่นั้นพ่ายแพ้ไปแล้ว กษัตริย์ฝ่ายใต้ก็ผยองพองตัว และพระองค์จะฆ่าทหารของกษัตริย์ฝ่ายเหนือหลายพันคน แต่พระองค์จะไม่ไล่ตามพวกทหารนั้นไป 13 หลังจากนั้นอีกหลายปี กษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะกลับมาพร้อมกับกองทัพที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พระองค์จะมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากขึ้นพร้อมกับเสบียงและอาวุธมากมาย
14 ในเวลานั้นเอง คนมากมายจะต่อต้านกษัตริย์ฝ่ายใต้ แม้แต่คนที่ชอบความรุนแรงที่อยู่ในหมู่คนของเจ้า ดาเนียล ก็ยังกล้ากบฏเลย เพื่อทำให้เป็นจริงตามนิมิตนั้น แต่พวกเขาจะพ่ายแพ้
15 กษัตริย์ฝ่ายเหนือจะบุกมา และสร้างเนินดินขึ้นประชิดกำแพงเมือง และยึดเอาเมืองที่มีป้อมปราการแน่นหนาได้เมืองหนึ่ง กองกำลังของฝ่ายใต้จะไม่สามารถต่อต้านพวกนั้นไว้ได้ แม้แต่ทหารที่เก่งกล้าที่สุดก็ยังไม่สามารถต้านทานพวกมันไว้ได้
16 กษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะเข้าโจมตีตามชอบใจ เพราะไม่มีใครสามารถต้านทานเขาไว้ได้ เขาจะยึดเอาแผ่นดินที่สวยงาม[f]ไว้ และเขาก็จะมีอำนาจที่จะทำลายมันได้ 17 กษัตริย์ฝ่ายเหนือตั้งใจว่าจะยกกองทัพทั้งราชอาณาจักรของเขามา แต่เขาจะเซ็นสัญญาสงบศึก และส่วนหนึ่งของสัญญานั้นคือ เขาจะยกสาวคนหนึ่งให้กับกษัตริย์ฝ่ายใต้เป็นเมีย ซึ่งเป็นแผนของเขาที่จะทำลายกษัตริย์ฝ่ายใต้ แต่แผนนี้จะไม่สำเร็จ และจะไม่ช่วยอะไรพระองค์เลย
18 ดังนั้นกษัตริย์ฝ่ายเหนือจะหันเหความสนใจไปที่หมู่เกาะและชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแทน แล้วก็จะยึดได้หลายเมือง แต่แม่ทัพคนหนึ่งจะหยุดความหยิ่งผยองของกษัตริย์ฝ่ายเหนือ เขาจะตอบแทนความหยิ่งผยองของกษัตริย์
19 เมื่อเป็นอย่างนี้ กษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะต้องมุ่งหน้ากลับไปที่พวกป้อมปราการในดินแดนของตน แต่พระองค์จะสะดุดล้มลง แล้วจะไม่มีใครพบเห็นพระองค์อีกเลย
20 ต่อมาก็จะมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาแทนเขา กษัตริย์องค์นี้จะส่งคนไปเก็บภาษี เพื่อทำให้อาณาจักรของพระองค์ร่ำรวยยิ่งขึ้น แต่กษัตริย์องค์นี้ก็จะถูกโค่นไปในไม่ช้า แต่ไม่ใช่ในท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือด
21 คนต่อมาที่มาแทนพระองค์ เป็นคนที่น่ารังเกียจ ไม่มีเชื้อสายของกษัตริย์เลย เขาจะมาตอนที่ไม่มีใครคาดคิด แล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมของเขาชิงเอาบัลลังก์ไป 22 เขาจะมีชัยเหนือกองทัพทั้งหลาย รวมทั้งเจ้าฟ้าแห่งข้อตกลง[g]
23 หลังจากที่เขาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับหลายชนชาติ เขาก็จะหักหลังชนชาติเหล่านั้น เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีคนน้อยที่อยู่ฝ่ายเขา
24 เขาจะมาอย่างเงียบๆพร้อมกับคนรวยจากจังหวัดหนึ่ง และเขาจะทำในสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาไม่เคยทำมาก่อน เขาจะยกทรัพย์สมบัติที่ปล้นมาได้ให้กับคนร่ำรวยเหล่านั้น และเขาก็ยังวางแผนที่จะมีชัยเหนือป้อมปราการต่างๆ แต่ก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
25 แล้วเขาจะกระตุ้นความกล้าของตัวเอง และเขาก็จะรวบรวมกองทัพใหญ่ไปต่อสู้กับกษัตริย์ฝ่ายใต้ กษัตริย์ฝ่ายใต้ก็จะโต้กลับด้วยกำลังพลที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมหาศาลของเขา แต่กษัตริย์ฝ่ายใต้จะต้องพ่ายแพ้เพราะมีการปองร้ายเขา
26 พรรคพวกของกษัตริย์ฝ่ายใต้ ที่เคยกินอาหารโต๊ะเดียวกับพระองค์ จะพยายามทำลายพระองค์ ส่วนกองทัพของพระองค์ก็จะถูกทำลายย่อยยับ และทหารที่เก่งกล้าจำนวนมากต้องล้มตายเป็นซากศพ
27 กษัตริย์ทั้งสององค์นี้ที่มีแผนชั่วร้ายอยู่ในใจ จะนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน และต่างคนต่างก็จะพูดโกหกใส่กัน แต่มันจะไม่สำเร็จหรอก เพราะเวลาที่กำหนดไว้นั้นยังไม่มาถึง
28 กษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะกลับไปบ้านเมืองของตน พร้อมกับทรัพย์สมบัติมหาศาล ในระหว่างทางนั้น เขาตั้งใจจะต่อต้านคนของข้อตกลงอันศักดิ์สิทธิ์ และเขาจะทำตามที่ได้ตั้งใจไว้นั้น แล้วถึงค่อยกลับไปแผ่นดินของเขา
29 เมื่อถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ เขาก็จะไปรุกรานฝ่ายใต้อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งหลังนี้จะไม่เหมือนครั้งแรก 30 จะมีเรือต่างๆจากชาวโรมัน[h] เข้ามาต่อสู้กับเขาและหยุดเขาไว้ ในตอนขากลับ เขาก็จะระบายความโกรธแค้นใส่คนของข้อตกลงอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาจะทำตามที่ตั้งใจไว้ แล้วถึงค่อยกลับไปแผ่นดินของเขา และให้รางวัลกับคนพวกนั้นที่ทอดทิ้งข้อตกลงอันศักดิ์สิทธิ์
31 ทหารบางหน่วยของเขาจะยึดวิหารคือป้อมปราการและทำให้วิหารนั้นเสื่อมไป และพวกเขาจะสั่งยกเลิกการถวายเครื่องบูชาประจำวัน และตั้งสิ่งที่น่าขยะแขยงที่ก่อให้เกิดความน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาแทน
32 เขาจะประจบสอพลอพวกทำชั่วที่ต่อต้านข้อตกลง เพื่อพวกนี้จะได้สนับสนุนเขา แต่คนที่ยังติดตามพระเจ้าของพวกเขาด้วยความจงรักภักดี จะมีความกล้าและตอบโต้กลับ
33 พวกผู้นำที่ฉลาด ก็จะช่วยให้คนเป็นจำนวนมากเข้าใจ ถึงแม้ว่าจะมีสักระยะหนึ่งที่ครูพวกนั้นอาจจะถูกฆ่าฟันด้วยดาบหรือถูกเผาไฟ หรือถูกจับไปเป็นเชลยและถูกแย่งชิงทรัพย์สินไป
34 เมื่อพวกผู้นำที่ฉลาดเหล่านั้นตกเป็นเหยื่อ พวกเขาจะได้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย แต่หลายคนที่มาร่วมกับพวกเขาจะไม่จริงใจ
35 พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาดบางคนก็จะสะดุดล้มไป ซึ่งจะทำให้คนในกลุ่มที่เหลือได้รับการชำระล้างให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น เพราะมันจะมีระยะเวลาหนึ่งก่อนจะถึงเวลาที่ได้กำหนดไว้
36 แล้วกษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะทำตามใจตนเอง เขาจะยกย่องเชิดชูตนเองให้สูงกว่าเทพเจ้าทุกองค์ จนถึงขั้นพูดสิ่งที่น่าขยะแขยงต่างๆต่อพระเจ้าสูงสุด เขาจะประสบความสำเร็จ จนกว่าพระเจ้าจะหายโกรธเกรี้ยวคนของพระองค์ เพราะพระเจ้าจะทำตามสิ่งที่พระองค์ได้ตัดสินใจไว้
37 กษัตริย์ฝ่ายเหนือจะไม่สนใจพวกเทพที่บรรพบุรุษของเขานับถือ เขาไม่สนใจเทพเจ้าที่พวกผู้หญิงหลงใหล เขาจะไม่สนใจไม่ว่าจะเป็นเทพองค์ไหนทั้งนั้น เพราะว่าเขาจะเชิดชูตัวเองไว้สูงกว่าเทพทั้งหมด
38 แทนที่จะเป็นเทพเจ้าพวกนี้ เขาจะยกย่องเทพองค์หนึ่ง ที่บรรพบุรุษของเขาไม่รู้จัก นั่นก็คือเทพเจ้าแห่งป้อมปราการ เขาจะยกย่องเทพองค์นี้ด้วยทองคำ เงิน พลอยที่มีค่า และสิ่งของต่างๆที่มีราคาแพง
39 เขาจะโจมตีพวกป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากเทพเจ้าต่างชาติของเขา[i] และเขาจะให้ความร่ำรวยกับคนที่เขาชอบใจ เขาจะตั้งให้คนเหล่านั้นดูแลคนเป็นจำนวนมาก และแบ่งที่ดินให้เป็นรางวัล
40 พอถึงเวลาของจุดจบนั้น กษัตริย์ฝ่ายใต้ก็จะสู้รบกับกษัตริย์ฝ่ายเหนือ แต่กษัตริย์ฝ่ายเหนือจะจู่โจมอาณาจักรของกษัตริย์ฝ่ายใต้ ด้วยรถรบ ทหารม้า และเรือจำนวนมาก กษัตริย์ฝ่ายเหนือจะบุกเข้าไปในแผ่นดินต่างๆเหมือนน้ำหลากที่กวาดแผ่นดิน
41 หลังจากนั้นกษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะรุกรานแผ่นดินที่สวยงาม และคนจำนวนมากจะล้มตาย คนพวกนี้คือคนเหล่านั้นที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา คือพวกเอโดม โมอับ และพวกหัวหน้าของชาวอัมโมน
42 จากนั้นกษัตริย์ฝ่ายเหนือก็จะบุกไปยังประเทศอื่นๆแม้แต่ประเทศอียิปต์ก็ไม่สามารถจะรอดพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้ 43 เขาจะครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งทอง เงิน และสิ่งของที่มีค่าอื่นๆในอียิปต์ ต่อจากนั้น ชาวลิเบียและชาวเอธิโอเปียก็ได้มายอมเชื่อฟังเขา
44 แต่แล้วก็มีข่าวจากทิศตะวันออกและทางทิศเหนือเข้ามารบกวนจิตใจเขา และด้วยความโกรธอย่างยิ่ง เขาก็จะเดินทัพออกไปบดขยี้และฆ่าฟันคนเป็นจำนวนมาก
45 เขาจะตั้งเต็นท์สำหรับกษัตริย์ไว้ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์อันงดงาม แล้วเขาก็จะพบจุดจบของเขาที่นั่น และจะไม่มีใครมาช่วยเขา
12 ในเวลานั้นเอง เจ้าชายมีคาเอลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เฝ้ารักษาประชาชนของเจ้าก็จะยืนขึ้น แล้วก็จะถึงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่คนพวกนี้เป็นชนชาติขึ้นมาจนถึงเวลานั้น แต่ ดาเนียล ในเวลานั้นคนของเจ้าทุกคน ที่มีชื่อเขียนอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็จะรอดชีวิต
2 และคนเป็นจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ในดินก็จะฟื้นขึ้นมา บางคนฟื้นขึ้นมาสู่ชีวิตนิรันดร์ และบางคนฟื้นขึ้นมาสู่ความอับอายและถูกปฏิเสธตลอดนิรันดร์
3 พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาด จะส่องสว่างจ้าเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว คนพวกนี้ที่ได้นำคนจำนวนมากมาใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจ ก็จะส่องสว่างเหมือนหมู่ดาวตลอดชั่วนิรันดร์
4 ส่วนเจ้า ดาเนียล ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และปิดผนึกหนังสือเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น คนเป็นจำนวนมากจะเดินทางไปโน่นไปนี่ และความรู้ก็จะเพิ่มขึ้น”
5 หลังจากนั้น ขณะที่ผม ดาเนียล กำลังจ้องมองอยู่นั้น จู่ๆก็มีคนอีกสองคนยืนอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำด้านนี้ ส่วนอีกคนอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
6 คนหนึ่งในสองคนนั้น ถามคนที่สวมชุดผ้าลินิน (คือคนที่ยืนอยู่เหนือน้ำ) ว่า “อีกนานไหมกว่าเรื่องเลวร้ายพวกนี้จะเกิดขึ้น”
7 ผมได้ยินเสียงผู้ชายคนที่สวมชุดผ้าลินิน (คือคนที่ยืนอยู่เหนือน้ำ) เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนสวรรค์ และสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิจว่า
“อีกหนึ่งปี สองปี และครึ่งปี เมื่ออำนาจของเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายจบสิ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น”
8 ผมได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ผมก็เลยถามว่า “ท่านครับ แล้วเหตุการณ์เหล่านี้จะจบลงยังไงครับ”
9 เขาพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ดาเนียล ให้เจ้าดำเนินชีวิตของเจ้าต่อไป เพราะว่าเรื่องพวกนี้เป็นความลับ เรื่องนี้จะถูกปิดผนึกไว้จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น
10 คนจำนวนมากจะได้รับการชำระล้างให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ คนชั่วจะทำชั่ว จะไม่มีคนชั่วสักคนที่เข้าใจ แต่พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาดจะเข้าใจ
11 นับตั้งแต่วันที่การถวายเครื่องบูชาประจำวันถูกยกเลิกไป จนถึงวันที่สิ่งน่าขยะแขยงที่ก่อให้เกิดความน่าสะพรึงกลัวถูกตั้งขึ้นมา รวมเวลาทั้งสิ้นหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบวัน
12 คนที่รอและยังรอดชีวิตอยู่จนถึงหนึ่งพันสามร้อยสามสิบห้าวันก็จะเป็นคนที่จะได้รับเกียรติ
13 เอาละ ดาเนียล สำหรับเจ้า ให้ดำเนินชีวิตของเจ้าต่อไปอย่างซื่อสัตย์จนถึงจุดจบ เจ้าจะได้พักผ่อน แล้วตอนสุดท้ายนั้นเจ้าก็จะฟื้นขึ้นมารับรางวัลของเจ้า”
ข่าวสารจากพระเจ้าผ่านทางโฮเชยา
1 พระคำของพระยาห์เวห์ ที่ให้ไว้กับโฮเชยา ลูกชายของเบเออรี ในช่วงต่างๆที่ อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์[j] และในสมัยที่เยโรโบอัม[k] ลูกชายของโยอาช เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล
ครอบครัวของโฮเชยา
2 ในครั้งแรกที่พระยาห์เวห์พูดกับโฮเชยานั้น พระองค์พูดว่า “ไปสิ ไปเอาหญิงเล่นชู้มาเป็นเมีย และนางจะมีลูกให้กับเจ้าที่ชอบเล่นชู้เหมือนนาง เพราะแผ่นดินอิสราเอลนี้มีชู้ ไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์”
3 ดังนั้นโฮเชยาจึงไปเอาโกเมอร์ ลูกสาวของดิบลาอิมมาเป็นเมีย และนางก็ตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายให้กับโฮเชยา 4 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโฮเชยาว่า “ให้เรียกเด็กนั้นว่า ยิสเรเอล[l] เพราะในไม่ช้านี้ เราจะลงโทษเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์เยฮู[m] เพราะเขาทำให้เกิดการหลั่งเลือดขึ้นที่หุบเขายิสเรเอล และเราจะทำให้อาณาจักรของชนชาติอิสราเอลถึงจุดจบ 5 ในวันนั้น เราจะทำลายพลังกองทัพแห่งอิสราเอลที่หุบเขายิสเรเอล”
6 แล้วโกเมอร์ได้ตั้งท้องอีกและให้กำเนิดลูกสาว พระยาห์เวห์บอกกับโฮเชยาว่า “ให้เรียกเธอว่า โลรุหะมาห์[n] เพราะเราจะไม่แสดงความรักกับชนชาติอิสราเอลอีกต่อไป และจะไม่ยกโทษให้กับพวกเขา 7 แต่เราจะแสดงความรักต่อชนชาติยูดาห์ เราจะช่วยกู้พวกเขาด้วยอำนาจของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ไม่ใช่ด้วยธนู หรือหอก หรือม้าศึก หรือ ทหารม้า”
8 หลังจากโกเมอร์ให้โลรุหะมาห์หย่านม นางตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคน 9 แล้วพระยาห์เวห์บอกว่า “ให้เรียกเขาว่าโลอัมมี[o] เพราะพวกเจ้าอิสราเอลไม่ใช่คนของเรา และเราก็ไม่ใช่พระเจ้าของพวกเจ้า”
พระเจ้าสัญญาว่าชาวอิสราเอลจะทวีคูณ
10 แต่ในอนาคต ลูกหลานของอิสราเอลจะมีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายหาด ซึ่งไม่สามารถตวงหรือนับได้ และในสถานที่ที่พระเจ้าเคยพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าไม่ใช่คนของเรา” พระองค์ก็จะพูดกับพวกเขาว่า “เจ้าเป็นลูกหลานของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”
11 แล้วชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำขึ้นมาคนหนึ่ง และพวกเขาจะงอกขึ้นมาจากแผ่นดิน เพราะวันของยิสเรเอลนั้นจะยิ่งใหญ่
2 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ให้เรียกพี่ชายน้องชายของเจ้าว่า ‘อัมมี’[p]
ให้เรียกพวกพี่สาวน้องสาวของเจ้าว่า ‘รุหะมาห์’”[q]
พระยาห์เวห์จะลงโทษชนชาติอิสราเอล
2 ตักเตือนแม่[r] ของพวกเจ้า
ตักเตือนเลย เพราะนางไม่ใช่เมียของเรา และเราก็ไม่ใช่ผัวของนาง
นางจะต้องหยุดเล่นชู้
และนางจะต้องขับไล่พวกคู่รักที่อยู่ระหว่างเต้านมของนางไป
3 ถ้านางไม่เลิก เราจะแก้ผ้านางให้ล่อนจ้อน
และเอานางไปประจานเปลือยเปล่าเหมือนกับวันแรกที่นางเกิดมา
เราจะเอาคนของนางไป
เราจะทำให้นางเป็นเหมือนกับที่เปล่าเปลี่ยว และเราจะปล่อยให้นางหิวน้ำตาย
4 เราจะไม่รักลูกหลานของนาง
เพราะพวกเขาเป็นลูกชู้
5 แม่ของพวกเขานั้นมีชู้
นางที่ตั้งท้องพวกเขามาทำตัวน่าอัปยศอดสู
นางพูดว่า “ฉันจะตามพวกคนรัก[s] ของฉันไป
เพราะอาหารของฉัน น้ำของฉัน ขนแกะของฉัน ผ้าลินินของฉัน
น้ำมันมะกอกของฉัน และเครื่องดื่มของฉัน ล้วนแต่มาจากพวกเขาทั้งสิ้น”
6 ดังนั้น เรา ยาห์เวห์ จะเอาหนามมาขวางกั้นทางของเจ้าอิสราเอล
เราจะสร้างกำแพงล้อมรอบนางไว้
เพื่อว่านางจะได้หาทางไม่เจอ
7 ถึงแม้นางจะไล่ตามพวกคนรักของนาง
นางก็จะไม่มีวันตามพวกเขาทัน
ถึงแม้นางจะตามหาพวกเขา
นางก็จะไม่มีวันหาพวกเขาเจอ
แล้วนางจะพูดว่า “ฉันจะกลับไปหาชายคนแรกของฉัน[t]
เพราะชีวิตฉันในตอนนั้นสบายกว่าตอนนี้เสียอีก”
8 แต่นางไม่รู้หรอกว่าเป็นเราเอง ยาห์เวห์ ที่ให้ข้าวสาร เหล้าองุ่นใหม่ รวมทั้งน้ำมันมะกอกกับนาง
และเราได้เพิ่มพูนเงินทองให้กับนางมากมาย แล้วนางก็เอามันไปสร้างพระบาอัล
9 ดังนั้น เรา ยาห์เวห์ จะเอาข้าวสารที่เราเคยให้กับนางในฤดูเก็บเกี่ยวไปจากนาง
และเอาเหล้าองุ่นใหม่ที่เราเคยให้กับนางในฤดูเก็บเกี่ยวผลองุ่นไปจากนาง
และเราจะยึดขนแกะและผ้าลินินที่เราผลิตขึ้นมา
เพื่อห่อหุ้มนางไม่ให้เปลือยเปล่าไปจากนาง
10 ตอนนี้ เราจะเปิดเผยให้พวกคนรักของนางเห็นความเปลือยเปล่าอันน่าอับอายของนาง
และจะไม่มีใครสามารถช่วยนางไปจากเงื้อมมือของเราได้
11 เราจะทำให้งานเฉลิมฉลองทั้งหมด[u] ของนางจบสิ้นลง
ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลประจำปี หรือการฉลองวันพระจันทร์ใหม่ หรือวันหยุดทางศาสนา
ใช่แล้ว เราจะยกเลิกเทศกาลทุกอย่างของนางที่ได้กำหนดไว้
12 เราจะทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนาง ที่นางชอบพูดว่า “นี่เป็นค่าตอบแทนของฉัน ที่พวกคนรักของฉันให้กับฉัน”
ดังนั้นเราจะปล่อยเถาองุ่นและต้นมะเดื่อให้กลายเป็นป่ารก และให้สัตว์ป่ามากินพวกมัน
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะลงโทษนาง สำหรับงานเทศกาลทั้งหลายของนาง
ตอนที่นางเผาเครื่องบูชาให้กับพระบาอัล
นางแต่งตัว สวมใส่แหวนและเครื่องประดับ
และไปตามหาพวกคนรักของนาง
และนางก็ลืมเราเสียสนิท
14 แต่เราจะเกลี้ยกล่อมนาง พานางเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งกับเราอีกรอบ
และเราจะพูดคำอ่อนหวานกับนาง
15 แล้วเราก็จะคืนสวนองุ่นให้กับนางที่นั่น
หุบเขาแห่งอาโคร์[v] จะกลายเป็นประตูแห่งความหวัง
และนางก็จะทุ่มหัวใจให้กับเราอย่างสุดๆที่นั่น
เหมือนกับเมื่อนางยังเป็นสาวอยู่ เหมือนกับตอนที่นางออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
16 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันนั้นเจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’ และเจ้าจะไม่เรียกเราว่า ‘บาอัลของฉัน’ อีกต่อไป 17 เราจะเอาชื่อของพระบาอัลทั้งหลาย[w] ไปจากปากของนาง และชื่อของพระบาอัลพวกนี้จะไม่มีใครพูดถึงอีกต่อไป 18 ในวันนั้น เราจะทำข้อตกลงเพื่อช่วยเจ้ากับพวกสัตว์ป่าในทุ่ง พวกนกในท้องฟ้า และพวกสัตว์เลื้อยคลานตามพื้นดิน ไม่ให้ทำร้ายเจ้า และเราจะหักธนู ดาบ และหยุดการสู้รบเพื่อแผ่นดินจะได้เกิดความสงบสุข เราจะให้พวกเจ้านอนลงอย่างปลอดภัย 19 เราจะแต่งงานกับเจ้าตลอดไป เราจะแต่งงานกับเจ้า และให้ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ความรักอันมั่นคง และความเห็นอกเห็นใจกับเจ้า 20 เราจะแต่งงานกับเจ้า และให้ความสัตย์ซื่อกับเจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้จักพระยาห์เวห์จริงๆ”
21 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันนั้น เราจะตอบคำขอของฟ้าสวรรค์
ฟ้าสวรรค์จะได้ตอบคำขอของพื้นดิน
22 พื้นดินจะได้ตอบคำขอของเมล็ดข้าว ของเหล้าองุ่นใหม่ และของน้ำมันมะกอก
และพวกมันทั้งหมดจะได้ตอบคำขอของยิสเรเอล[x]
23 เราจะปลูกนางไว้สำหรับเราในแผ่นดิน
เราจะแสดงความรักกับโลรุหะมาห์[y]
เราจะพูดกับ โลอัมมี[z] ว่า ‘เจ้าเป็นคนของเรา’
และโลอัมมีจะพูดกับเราว่า ‘พระองค์เป็นพระเจ้าของฉัน’”
โฮเชยาไถ่โกเมอร์จากการเป็นทาส
3 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับผมอีกครั้งหนึ่งว่า “ไปสิ ไปแสดงความรักต่อหญิงคนนั้นที่เป็นชู้รักของชายอื่น และเป็นหญิงที่เล่นชู้ ให้รักเธอเหมือนกับที่พระยาห์เวห์รักชาวอิสราเอลทั้งๆที่พวกเขาหันไปบูชาพระอื่นๆ และชอบกินพวกขนมที่ทำจากลูกเกด[aa]”
2 ดังนั้นผมจึงไถ่นางโกเมอร์คืนมาด้วยเงินสิบห้าเชเขล[ab] และข้าวบาร์เลย์หนึ่งโฮเมอร์ครึ่ง[ac] 3 ผมพูดกับเธอว่า “เธอจะต้องอยู่กับฉันไปอีกนาน เธอต้องไม่ไปเล่นชู้และไปหาชายอื่นอีก และตัวฉันจะไม่มีเพศสัมพันธ์กับเธอ”
4 ชาวอิสราเอลก็เหมือนกันจะต้องอยู่โดยไม่มีกษัตริย์หรือผู้นำเป็นเวลานาน พวกเขาจะอยู่โดยไม่มีการถวายเครื่องบูชาและไม่มีพวกหินศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีถุงผ้าทับอกและไม่มีพระประจำบ้าน 5 หลังจากนั้น ชาวอิสราเอลจะหันกลับมาแสวงหาทั้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา และในวันข้างหน้า พวกเขาจะยำเกรงพระยาห์เวห์ และพึ่งพิงความดีของพระองค์[ad]
พระยาห์เวห์โกรธอิสราเอล
4 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี
พระยาห์เวห์มีคดีฟ้องร้องกับพวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้
เพราะแผ่นดินนี้ไม่มีความซื่อสัตย์
ไม่มีความรักความเมตตา และไม่รู้จักพระเจ้า
2 แผ่นดินนี้มีแต่การสาปแช่งกัน หลอกลวงกัน ฆ่ากัน
ขโมยกันและเล่นชู้กัน ผู้คนก็โหดร้ายรุนแรง
มีแต่การนองเลือดกันซ้ำแล้วซ้ำอีก
3 ดังนั้นแผ่นดินนี้จะเหือดแห้งไป
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในมันจะป่วยตาย
รวมทั้งสัตว์ป่าและพวกนก
แม้แต่ปลาก็จะหายไปหมด
พระยาห์เวห์เตือนพวกนักบวช
4 พวกเจ้านักบวช อย่าได้ฟ้องร้องใครเลย
อย่าไปกล่าวโทษผู้อื่นเลย เพราะเรากำลังฟ้องร้องเจ้า[ae]
5 พวกเจ้านักบวชจะสะดุดล้มลงในเวลากลางวัน
พวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็จะสะดุดล้มลงกับพวกเจ้าในเวลากลางคืน
และเราจะทำลายแม่[af] ของเจ้าด้วย
6 คนของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้เกี่ยวกับเรา[ag]
เพราะเจ้าไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับเรา
เราก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นนักบวชของเราเหมือนกัน
เจ้าลืมกฎคำสั่งสอนของพระเจ้าของเจ้า
ดังนั้นเราจะลืมลูกหลานของเจ้าเหมือนกัน
7 พวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าใด
ก็ยิ่งทำบาปต่อเรามากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นเราจะเปลี่ยนเกียรติของพวกเขาให้กลายเป็นความอับอาย
8 พวกนักบวชเลี้ยงปากท้องด้วยบาปของคนของเรา
พวกเขาละโมบการกระทำผิดของคนของเรา
9 คนทั่วไปโดนยังไง นักบวชก็จะโดนอย่างนั้นเหมือนกัน
เราจะลงโทษทั้งคนทั่วไปและนักบวช
ตามหนทางและการกระทำของเขา
10 พวกเขาจะกินแต่ไม่อิ่ม
พวกเขาจะทำผิดทางเพศแต่ไม่มีลูก
เพราะพวกเขาทอดทิ้งพระยาห์เวห์เพื่ออุทิศตัวให้กับพวกพระอื่นๆ
11 ความผิดบาปทางเพศ
เหล้าองุ่นและเหล้าองุ่นใหม่
ของทั้งหมดนี้ ชิงเอาความเข้าใจของเขาไป
12 คนของเราจึงไปปรึกษากับต้นไม้
และไม้ชิ้นหนึ่งก็ให้คำแนะนำกับเขา
เพราะวิญญาณแห่งการเล่นชู้นำพวกเขาให้หลงทางไป
พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของพวกเขา
13 บนยอดเขาทั้งหลาย พวกเขาถวายเครื่องบูชา
และตามเนินเขาพวกเขาเผาเครื่องเผาบูชา
อยู่ใต้ต้นก่อ ต้นไค้ และต้นก่อหลวง
เพราะต้นไม้พวกนี้ให้ร่มเงาเย็นสบาย
ดังนั้นพวกลูกสาวของเจ้าจึงทำผิดบาปทางเพศ
และพวกเจ้าสาวของพวกเจ้าก็มีชู้
14 แต่เราจะไม่ลงโทษพวกลูกสาวของพวกเจ้าที่ไปขายตัว
และพวกเจ้าสาวของพวกเจ้าที่ไปเล่นชู้
เพราะพวกผู้ชายต่างก็ออกไปหาโสเภณีเหมือนกัน
และพวกเขาถวายเครื่องบูชาและร่วมหลับนอนกับหญิงโสเภณีที่วัด
ดังนั้นคนเหล่านี้ที่ขาดความเข้าใจจะถูกทำลายไป
ความบาปที่น่าละอายของอิสราเอล
15 อิสราเอลเอ๋ย ถึงเจ้าจะขายตัว
ก็อย่าให้ยูดาห์ต้องมีส่วนร่วมในความผิดบาปนั้นด้วยเลย
อย่าได้เข้าไปในกิลกาล
อย่าได้ขึ้นไปที่เบธาเวน[ah]
และอย่าได้สาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์
16 เพราะอิสราเอลนั้นดื้อดึง
เหมือนวัวสาวที่ดื้อดึง
แล้วจะให้พระยาห์เวห์ไปเลี้ยงพวกเขาเหมือนกับเลี้ยงลูกแกะที่เชื่องในทุ่งกว้างได้อย่างไร
17 เอฟราอิมได้ไปเข้าร่วมกับพวกรูปเคารพ
ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับมัน
18 เมื่อพวกเขาดื่มเหล้ากันจนเมามายแล้ว
พวกเขาก็ไปนอนกับหญิงโสเภณี
พวกผู้นำของเขาหลงใหลกับเรื่องที่ทำให้อับอายขายหน้า
19 ลมจะโอบอิสราเอลไว้ใต้ปีกและหอบเอาพวกเขาไป
พวกเขาจะอับอายขายหน้าที่ได้ถวายเครื่องบูชาเหล่านั้น
พวกผู้นำ นำอิสราเอลและยูดาห์ไปทำบาป
5 พวกนักบวช ฟังให้ดี
ครอบครัวของอิสราเอลตั้งใจฟังให้ดี
ราชวงศ์กษัตริย์ฟังไว้
เพราะพวกเจ้าถูกตัดสินแล้ว
พวกเจ้าเคยเป็นกับดักตอนที่อยู่มิสปาห์นั้น
และเป็นตาข่ายที่กางอยู่บนเขาทาโบร์[ai]
2 พวกเจ้าได้ขุดหลุมกับดักลึกที่ชิทธิม
ดังนั้นเราจะลงโทษพวกเจ้าทั้งหมด
3 เรารู้จักเอฟราอิม
และสิ่งที่อิสราเอลทำก็ไม่สามารถปิดซ่อนไว้จากเรา
เอฟราอิม เรารู้ว่าตอนนี้เจ้ามีชู้
และอิสราเอลก็สกปรกเพราะบาป
4 สิ่งที่พวกเขาทำ ดึงพวกเขาไม่ให้กลับไปหาพระเจ้า
เพราะใจของพวกเขามีแต่การเล่นชู้ และพวกเขาไม่รู้จักพระยาห์เวห์
5 ความเย่อหยิ่งจองหองของอิสราเอลเป็นพยานต่อต้านพวกเขาเอง
ทั้งอิสราเอลและเอฟราอิมสะดุดล้มเพราะความผิดชั่วร้ายของพวกเขาเอง
และยูดาห์สะดุดล้มกับพวกเขาด้วย
6 เมื่อคนอิสราเอลนำฝูงแพะแกะและฝูงวัว[aj] ไปตามหาพระยาห์เวห์
พวกเขาจะไม่พบพระองค์เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเขาไปแล้ว
7 พวกเขาไม่ซื่อสัตย์กับพระยาห์เวห์
พวกเขาคลอดลูกที่ไม่ใช่ลูกของพระองค์
แต่ในไม่ช้านี้ พระยาห์เวห์จะพลิกสถานการณ์
และทำลายพวกเขาพร้อมกับไร่นาทั้งหลายของพวกเขา
การทำนายถึงความล่มจมของอิสราเอล
8 ให้เป่าแตรเขาสัตว์[ak] ในกิเบอาห์
ให้เป่าแตรในรามาห์
ให้ตะโกนเตือนภัยในเบธาเวน
เบนยามิน ระวังข้างหลังให้ดี
9 ในวันแห่งการลงโทษ เอฟราอิม จะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
ในท่ามกลางเผ่าต่างๆของอิสราเอล เรากำลังประกาศสิ่งนี้ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ
10 พวกผู้นำของยูดาห์ เป็นเหมือนกับคนชั่วพวกนั้นที่ย้ายหลักเขต
เราจะเทความโกรธของเราลงบนคนพวกนั้นเหมือนน้ำ
11 เอฟราอิมจะถูกลงโทษ พวกเขาจะถูกบีบจนบี้แบน
เพราะเขาตั้งใจไล่ตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์
12 เราจะทำลายเอฟราอิม เหมือนมอดกัดกินเสื้อผ้า
และทำลายครอบครัวยูดาห์ เหมือนความผุที่ทำลายไม้
13 เมื่อเอฟราอิมเห็นว่าตัวเองป่วย
และยูดาห์เห็นบาดแผลของตน
เอฟราอิมไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย
และยูดาห์ส่งคนไปหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่นั้น
แต่อัสซีเรียไม่สามารถรักษาเจ้าหรือเยียวยาบาดแผลของเจ้าได้
14 เพราะว่าเราจะโจมตีเอฟราอิมเหมือนสิงโต
เราจะโจมตีชนชาติยูดาห์เหมือนสิงโตหนุ่ม
เรา ยาห์เวห์ จะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ
เราจะคาบพวกมันไปกินในถ้ำของเราและจะไม่มีใครมาช่วยพวกมันได้
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา จนกว่าพวกเขาจะยอมรับผิดและหันกลับมาหาเราเมื่อพวกเขาเจอความทุกข์
พวกเขาจะได้ค้นหาเราอย่างจริงจัง
คำพูดแห่งการกลับใจ
6 ผู้คนต่างพูดกันว่า “พวกเรากลับไปหาพระยาห์เวห์กันเถอะ
ถึงแม้พระองค์ได้ฉีกเราเป็นชิ้นๆ แต่พระองค์จะรักษาเรา
ถึงแม้พระองค์ได้ตีเรา แต่พระองค์ก็จะพันแผลให้เรา
2 หลังจากสองวันผ่านไปแล้ว พระองค์จะให้ชีวิตใหม่
ในวันที่สามนั้น พระองค์จะทำให้เรายืนขึ้น
แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์
3 ให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับพระยาห์เวห์ ให้เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรู้จักพระองค์
พระยาห์เวห์จะมาแน่นอนเหมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า
พระยาห์เวห์จะมาหาเราเหมือนฝนที่ตกลงมาในหน้าหนาว
เหมือนน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาบนแผ่นดินในฤดูใบไม้ผลิ”
พระยาห์เวห์เรียกร้องให้กลับใจจริง
4 พระยาห์เวห์พูดว่า
เอฟราอิม เราจะทำยังไงดีกับเจ้า
ยูดาห์ เราจะทำยังไงดีกับเจ้า
ความจงรักภักดีของเจ้าที่มีต่อเรานั้นเหมือนกับหมอกในตอนเช้า
เหมือนกับน้ำค้างที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว
5 ดังนั้น เราจึงใช้ผู้พูดแทนพระเจ้ามาโค่นพวกเขาลง
เราฆ่าพวกเขาด้วยกฎต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา
คำตัดสินต่างๆของเราส่องออกมาเหมือนฟ้าแลบ
6 เพราะ เรา ยาห์เวห์ ต้องการความจงรักภักดี ไม่ใช่เครื่องบูชา
เราต้องการให้คนรู้จักพระเจ้า ไม่ใช่ถวายเครื่องเผาบูชา
7 แต่เอฟราอิมและยูดาห์ทำผิดข้อตกลงเหมือนกับที่พวกเขาเคยทำที่เมืองอาดัม[al]
พวกเขาทรยศต่อเราที่นั่น
8 กิเลอาดเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนทำชั่ว
เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรอยเท้าเปื้อนเลือด
9 พวกเขาเป็นเหมือนพวกโจรที่คอยซุ่มโจมตีคนที่เดินผ่านไปมา
พวกนักบวชก็เหมือนกันคอยซุ่มอยู่บนถนน
และฆ่าคนบนทางไปเชเคม
พวกเขาได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายน่าอับอาย
10 เราเห็นสิ่งที่เหลืออดเหลือทนเกิดขึ้นท่ามกลางครอบครัวของอิสราเอล
เอฟราอิมเล่นชู้
อิสราเอลแปดเปื้อนไปแล้ว
11 ยูดาห์ เวลาที่เจ้าจะถูกเก็บเกี่ยว
ถูกกำหนดไว้แล้วด้วยเหมือนกัน
พอเราคิดที่จะทำให้คนของเรากลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม
7 พอเราคิดที่จะรักษาอิสราเอล
เมื่อนั้นความผิดของเอฟราอิมก็โผล่ขึ้นมา
การกระทำที่ชั่วร้ายของสะมาเรีย[am] ก็แดงขึ้น
พวกเขามีแต่การหลอกลวงกัน
พวกขโมยบุกขึ้นบ้านต่างๆ
พวกอันธพาลก็ปล้นคนบนท้องถนน
2 พวกเขาไม่ได้นึกถึงเลยว่าเราได้จดจำการกระทำชั่วร้ายทั้งหมดของพวกเขา
การกระทำเหล่านั้นล้อมรอบพวกเขาอยู่
และพวกมันอยู่ต่อหน้าเรา
3 กษัตริย์ชอบใจความชั่วร้ายของพวกเขา
พวกผู้นำชอบใจการโกหกของพวกเขา
4 พวกเขาทั้งหมดเป็นคนทรยศ
พวกเขาร้อนรุ่มยังกับเตาอบที่คนอบขนมได้ก่อไฟไว้
แล้วคนอบไม่ต้องใส่เชื้อไฟอีก
ตั้งแต่ช่วงที่นวดแป้งจนแป้งฟู
5 ในวันของกษัตริย์ พวกข้าราชการร้อนผ่าวไปด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่นจนจับไข้
กษัตริย์เองก็ไปร่วมมือกับคนที่เยาะเย้ยพระเจ้า
6 จิตใจของพวกเขาสุมไปด้วยไฟเหมือนเตาอบ
จิตใจของพวกเขาคุกรุ่นไปด้วยแผนชั่วทั้งคืน
พอรุ่งเช้า มันก็ลุกเป็นไฟ
7 พวกเขาทุกคนร้อนเหมือนกับเตาอบ
และเขมือบกินบรรดากษัตริย์ของเขา[an]
กษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาก็ล้มลง
ไม่มีใครสักคนร้องขอความช่วยเหลือจากเรา
8 เอฟราอิมนั้นผสมปนเปกับชนชาติต่างๆ
เอฟราอิมเป็นเหมือนขนมปังที่ไหม้ข้างหนึ่งดิบข้างหนึ่ง
9 พวกคนต่างชาติกินแรงของเขา
แต่เขาไม่รู้ตัว
ผมของเขาก็หงอก
แต่เขาก็ไม่รู้ตัว
10 ความเย่อหยิ่งของอิสราเอลเป็นพยานปรักปรำเขา
พวกเขาไม่ยอมหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา
ทั้งๆที่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขา
พวกเขาก็ยังไม่แสวงหาพระองค์อยู่ดี
11 เอฟราอิมเป็นเหมือนนกพิราบที่หลอกง่ายและไร้ความคิด
พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากอียิปต์
พวกเขาไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย
12 พระยาห์เวห์พูดว่า ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม
เราจะโยนตาข่ายของเราขึ้นไปครอบเขาไว้
เราจะดึงพวกเขาลงมาเหมือนนกในท้องฟ้า
เราจะตีสอนพวกเขาตามจำนวนครั้งที่พวกเขาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับชนชาติอื่นๆ
13 พวกเขาทำตัวน่าอับอายจริงๆที่หลงไปจากเรา
พวกเขาจะถูกทำลายเพราะพวกเขาทำผิดต่อเรา
เราก็อยากจะไถ่พวกเขา
แต่พวกเขาพูดโกหกเกี่ยวกับเรา
14 พวกเขาร้องคร่ำครวญอยู่บนเตียง
แต่พวกเขาไม่ได้ร้องเรียกเราจากใจ
พวกเขาเชือดเฉือนตัวเอง[ao] เพื่อแลกข้าวกับเหล้าองุ่นใหม่
พวกเขาหันไปจากเรา
15 ถึงแม้เราเองได้ฝึกฝนพวกเขามา ถึงแม้เราทำให้แขนของเขาแข็งแรง
แต่พวกเขาวางแผนชั่วร้ายต่อเรา
16 พวกเขาเปลี่ยนความคิดอยู่เรื่อย แต่ไม่เคยคิดที่จะหาสิ่งที่สูงส่งกว่า
พวกเขาเป็นเหมือนกับคันธนูที่บิดเบี้ยวไป
พวกผู้นำของเขาจะล้มตายด้วยดาบ
เพราะลิ้นที่โอหังของพวกเขา
คนที่อยู่ในอียิปต์จะหัวเราะเยาะพวกเขา
การกราบไหว้รูปเคารพทำให้ล่มจม
8 เอาแตรวางไว้ที่ริมฝีปากของเจ้าแล้วเป่าเตือน
นกอีแร้งตัวหนึ่งบินวนเวียนอยู่เหนือแผ่นดินของพระยาห์เวห์
เพราะว่าคนอิสราเอลหักข้อตกลงของเรา
และฝ่าฝืนกฎของเรา
2 พวกเขาร้องต่อเราว่า
“พระเจ้าเจ้าข้า พวกเราที่อิสราเอลนี้รู้จักพระองค์”
3 แต่อิสราเอลทอดทิ้งสิ่งที่ดีไป
ดังนั้นศัตรูจะไล่ล่าพวกเขา
4 พวกเขาได้แต่งตั้งพวกกษัตริย์ขึ้นมาโดยไม่ได้ปรึกษาเรา
พวกเขาตั้งพวกผู้นำขึ้นมาแต่เราไม่รู้เรื่อง
พวกเขาสร้างรูปเคารพขึ้นมาจากทองและเงินของพวกเขา
ดังนั้นอิสราเอลจะถูกตัดออกไป
5 สะมาเรีย ลูกวัวของเจ้าถูกทอดทิ้งไปแล้ว[ap] ความโกรธของเราได้เผาผลาญใส่เจ้า
อีกนานแค่ไหน ที่พวกเจ้าจะไม่สามารถทำตัวให้บริสุทธิ์
6 ช่างฝีมือจากอิสราเอลสร้างลูกวัวตัวนั้นขึ้นมา
มันไม่ใช่พระเจ้า
ลูกวัวของสะมาเรียตัวนั้นจะถูกทุบให้แตกเป็นชิ้นๆ
7 พวกเขาจะหว่านพืชตอนลมพัด
และเก็บเกี่ยวตอนมีพายุแรง
สิ่งที่ปลูกจะงอกขึ้นมา
แต่จะไม่แตกหน่อและไม่ออกรวง
แต่ถ้าออกรวงบ้าง
คนต่างชาติก็จะมาเก็บกินหมด
8 อิสราเอลถูกกลืนไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขาถูกทอดทิ้งท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
เหมือนกับหม้อที่ไม่มีใครอยากได้
9 เพราะอิสราเอลยืนกรานที่จะขึ้นไปอัสซีเรีย
พวกเขาเป็นเหมือนลาป่าที่เดินหาคู่อยู่ลำพัง
คนเอฟราอิมต้องจ้างคู่รักมา
10 ถึงพวกเขาจะจ้างชนชาติอื่นๆให้มาช่วยพวกเขา
เราจะรวบรวมพวกเขาไว้เดี๋ยวนี้
ในไม่ช้า พวกเขาจะอ่อนแอเพราะเครื่องบรรณาการที่พวกเขาต้องให้กับกษัตริย์อัสซีเรียที่ยิ่งใหญ่
อิสราเอลลืมพระเจ้าและนมัสการพวกรูปเคารพ
11 ถึงแม้เอฟราอิมได้สร้างแท่นบูชาเพิ่มขึ้นเพื่อลบล้างบาปต่างๆของพวกเขา
แต่แท่นบูชาพวกนั้นกลับกลายเป็นแท่นบูชาสำหรับการทำบาป
12 ถึงแม้เราได้เขียนคำสั่งสอนมากมายให้กับเอฟราอิม
แต่พวกเขากลับมองว่าเป็นเรื่องของคนอื่น
13 คนอิสราเอลชอบถวายเครื่องบูชา
พวกเขาเอาเนื้อมาถวายและกินมัน
แต่พระยาห์เวห์ไม่ชอบเครื่องบูชาพวกนั้นเลย
พระองค์ระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขาเดี๋ยวนี้
และพระองค์จะลงโทษพวกเขาเพราะความบาปพวกนั้น
พระองค์จะส่งพวกเขากลับไปที่อียิปต์[aq]
14 พวกคนอิสราเอลลืมผู้ที่สร้างพวกเขาขึ้นมา
แต่กลับสร้างวังขึ้นมากมายสำหรับกษัตริย์ของเขา
ยูดาห์สร้างป้อมปราการขึ้นมามากมาย
แต่เราจะส่งไฟลงมายังเมืองทั้งหลายของพวกเขา
และไฟจะเผาผลาญป้อมปราการต่างๆเหล่านั้น
ความเศร้าที่ถูกจับไปเป็นเชลย
9 อิสราเอลเอ๋ย อย่าได้เฉลิมฉลองกัน
อย่าได้ชื่นชมยินดีเหมือนกับชนชาติอื่นๆเลย
เพราะเจ้าเล่นชู้
และถอยห่างไปจากพระเจ้า
เจ้ารักค่าตัวที่ได้จากการเป็นโสเภณีตามลานนวดข้าวทุกแห่ง[ar]
2 ดังนั้นทั้งลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่นจะไม่ให้ผลผลิตเพียงพอกับพวกเขา
และเหล้าองุ่นใหม่จะไม่มีเพียงพอ
3 คนอิสราเอลจะไม่ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของพระยาห์เวห์
เอฟราอิมจะต้องกลับไปอียิปต์
และพวกเขาจะต้องกินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ในอัสซีเรีย
4 พวกเขาจะไม่เทเหล้าองุ่นถวายให้กับพระยาห์เวห์
และจะไม่นำเครื่องถวายของพวกเขามาให้กับพระองค์
เครื่องบูชาเหล่านั้นจะเป็นเหมือนขนมปังของคนไว้ทุกข์[as]
ทุกคนที่กินมันเข้าไปก็จะสกปรกในสายตาพระเจ้า
ความจริงแล้ว อาหารพวกนั้นมีไว้สำหรับดับความหิวของพวกเขาเท่านั้น
ไม่สามารถนำเข้ามาในวิหารของพระเจ้าได้
5 ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจะมีอะไรทำหรือ ในวันเทศกาลที่กำหนดไว้
และในวันที่มีงานเลี้ยงของพระยาห์เวห์
6 ถึงคนอิสราเอลจะหนีจากการถูกบดขยี้
อียิปต์จะมารวบรวมพวกเขาไว้
เมมฟิส[at] จะเป็นที่ฝังศพของพวกเขา
ต้นหนามจะคลุมเงินที่เป็นของรักของหวงของพวกเขา
และหนามจะขึ้นในเต็นท์ของพวกเขา
อิสราเอลไม่ยอมรับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าตัวจริง
7 ผู้พูดแทนพระเจ้าพูดว่า “ให้อิสราเอลรู้ไว้เถิดว่า
ถึงเวลาลงโทษแล้ว ถึงเวลารับกรรมแล้ว”
แต่คนอิสราเอลพูดว่า “โฮเชยา ผู้พูดแทนพระเจ้านั้นโง่
คนที่เต็มไปด้วยพระวิญญาณคนนี้บ้าแล้ว”
ผู้พูดแทนพระเจ้าพูดว่า “เจ้าเคียดแค้นมาก เพราะเจ้ามีบาปมากมาย”
8 ผู้พูดแทนพระเจ้าเป็นยามของพระเจ้าที่คอยดูแลเอฟราอิม
แต่พวกเขากลับวางตาข่ายดักผู้พูดแทนพระเจ้าไปทั่วทุกหนแห่ง
แม้แต่ในวิหารของพระเจ้าของเขา
ผู้พูดแทนพระเจ้าก็ยังเจอกับความเคียดแค้น
9 พวกอิสราเอล ถลำลึกลงไปในความบาป
เหมือนกับที่พวกเขาเคยทำในสมัยก่อนที่กิเบอาห์
พระยาห์เวห์จะระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขาในครั้งนี้
และพระองค์จะลงโทษบาปทั้งหลายของพวกเขา
อิสราเอลพินาศย่อยยับเพราะไปนมัสการรูปเคารพ
10 ตอนแรกที่เรา ยาห์เวห์ เจออิสราเอลนั้น
พวกเขาเป็นเหมือนกับองุ่นที่แสนหวานในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ตอนแรกที่เราเห็นบรรพบุรุษของพวกเจ้า
พวกเขาเหมือนกับผลมะเดื่อดีเลิศในปีแรก
แต่เมื่อพวกเขาไปที่บาอัลเปโอร์[au] และอุทิศตัวให้กับความอับอาย[av]
พวกเขากลายเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเหมือนกับรูปเคารพพวกนั้นที่พวกเขารัก
อิสราเอลจะไม่มีลูกหลาน
11 ศักดิ์ศรีของเอฟราอิมจะบินหนีไปเหมือนกับนก
พวกเขาจะไม่คลอดลูก อุ้มท้องหรือตั้งท้องอีกต่อไป
12 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเลี้ยงลูกขึ้นมา
เราก็จะพรากลูกๆของพวกเขาไป จนในที่สุด จะไม่เหลือพลเมืองสักคนเดียว
เมื่อเราหันไปจากพวกเขา พวกเขาจะอับอายขายหน้า
13 ในสายตาของเรา เอฟราอิมเคยเป็นเหมือนกับไทระที่ถูกปลูกไว้ในท้องทุ่ง[aw]
เดี๋ยวนี้เอฟราอิมจะนำลูกหลานของเขาออกไปให้ถูกฆ่า[ax]
14 พระยาห์เวห์เจ้าข้า โปรดให้สิ่งที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
ให้ครรภ์ที่แท้งลูกและเต้าที่ไม่มีน้ำนมกับพวกเขาด้วยเถิด
15 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราเริ่มเกลียดพวกเขาที่กิลกาล
เพราะความชั่วร้ายทั้งหลายที่พวกเขาทำที่นั่น
เราจะขับไล่พวกเขาออกไปจากแผ่นดินของเรา
เพราะการกระทำที่ชั่วร้ายต่างๆของเขา
เราจะไม่รักพวกเขาอีกต่อไป
พวกผู้นำของเขาชอบกบฏ
16 เอฟราอิมถูกโจมตีด้วยภัยพิบัติ
รากของพวกเขาแห้งตายไป
พวกเขาจะไม่เกิดผล
ถ้าพวกเขาจะเกิดลูกหลานมา
เราก็ยังจะฆ่าเด็กทารกที่แสนน่ารักของพวกเขา”
17 พระเจ้าของผมจะทิ้งพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
ดังนั้นพวกเขาจะกลายเป็นคนที่เร่ร่อนไปมาท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
อิสราเอลจะถูกลงโทษเพราะทรยศต่อพระยาห์เวห์
10 อิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นที่มีลูกดก เขาเกิดผลให้กับพระยาห์เวห์
ผลยิ่งดก ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้น
ผืนดินยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้นเท่าใด
พวกเขาก็ยิ่งสร้างพวกเสาหินศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
2 พวกเขาลื่นไหลไปเรื่อย
ดังนั้นตอนนี้พวกเขาต้องรับผิดที่ก่อขึ้นนั้น
พระยาห์เวห์จะหักแท่นบูชาต่างๆของพวกเขา
พระองค์จะทำลายเสาหินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้น
3 ในไม่ช้าพวกเขาจะพูดว่า
“เราไม่มีกษัตริย์
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์
แต่ถึงจะมีกษัตริย์ กษัตริย์จะมาช่วยอะไรพวกเราได้”
4 พวกเขาให้คำมั่นสัญญา
แต่ไม่รักษาคำพูด ผิดคำสาบาน
คดีฟ้องร้องผุดขึ้นเหมือนวัชพืชที่มีพิษผุดตามร่องรอยไถในทุ่งนา
5 ชาวเมืองสะมาเรียกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับรูปปั้นลูกวัวที่เบธาเวน[ay][az]
พวกเขาจะไว้ทุกข์ให้กับมัน
พวกนักบวชของรูปปั้นนั้นก็จะไว้ทุกข์ให้กับมันด้วย
พวกเขาจะเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด เพราะศักดิ์ศรีของรูปปั้นนั้นถูกหามไปพร้อมกับเชลยแล้ว
6 มันจะถูกหามไปเป็นของขวัญให้กับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอัสซีเรีย
เอฟราอิมจะอับอาย
และอิสราเอลจะขายหน้าเพราะรูปปั้นของมัน
7 กษัตริย์ของสะมาเรียจะหายไป
เหมือนกับขี้เลื่อยบนผิวน้ำ
8 พวกศาลเจ้าของอาเวน[ba] ที่อิสราเอลไปทำบาปกัน
จะถูกทำลาย
จะมีพวกต้นหนามและพืชที่มีหนามขึ้นปกคลุมแท่นบูชาต่างๆของพวกเขา
แล้วพวกเขาจะบอกกับภูเขาทั้งหลายว่า “ปกคลุมเราไว้เถิด”
และบอกกับเนินเขาต่างๆว่า “ช่วยล้มทับพวกเราด้วย”
9 พระยาห์เวห์พูดว่า “อิสราเอล เจ้าได้ทำบาปตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองที่กิเบอาห์[bb]
และที่นั่น พวกเจ้าก็ติดเป็นนิสัยมา
สงครามจะต้องเกิดขึ้นกับคนชั่วอย่างพวกเจ้าแน่
10 เราจะมาตีสอนพวกเขา ชนชาติต่างๆจะรวมตัวกันต่อสู้กับพวกเขา
ในเวลาที่เราตีสอนพวกเขาเพราะทำผิดซ้ำสอง
11 เอฟราอิมเคยเป็นวัวสาวที่ได้รับการฝึกฝนมา มันชอบนวดข้าว
และเราเป็นผู้ที่สังเกตเห็นคออันงดงามของมัน
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไว้
ยูดาห์จะต้องไถ
ยาโคบจะต้องพรวนดินด้วยตัวเอง”
12 ให้หว่านความถูกต้องยุติธรรมเพื่อตน
แล้วเจ้าจะได้เก็บเกี่ยวความเมตตาปรานี ให้ไถดินที่ว่างเปล่าอยู่
เพราะถึงเวลาแล้วที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
และโปรยฝนแห่งความดีลงมาบนเจ้า
13 แต่พวกเจ้าไถความชั่วร้าย
เจ้าเก็บเกี่ยวความอธรรม
เจ้ากินผลไม้แห่งการหลอกลวง
เจ้าไว้วางใจในความสามารถของตนเอง
เจ้าไว้วางใจในจำนวนนักรบของเจ้า
14 ดังนั้นเสียงอึกทึกของสงครามจะดังขึ้นมาต่อสู้กับคนของเจ้า
และพวกป้อมปราการของเจ้าจะถูกทำลายลง
เหมือนตอนที่กษัตริย์ชัลมัน[bc] ทำลายเมืองเบธอาร์เบลในช่วงสงคราม
พวกแม่ๆจะถูกฟาดลงจนไม่มีชิ้นดีไปพร้อมกับลูกๆของเขา
15 เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้าที่เบธเอล
เพราะความชั่วอันยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า
กษัตริย์ของอิสราเอลจะถูกทำลายลงอย่างราบคาบตั้งแต่เช้าของวันนั้น
อิสราเอลอกตัญญู
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตอนที่อิสราเอลยังเป็นเด็กนั้น เรารักเขา
และเราเรียกลูกชายของเราออกมาจากอียิปต์
2 แต่ยิ่งเรียกพวกเขา[bd]
พวกเขาก็ยิ่งออกห่างไปจากเรา
พวกเขาไปเซ่นไหว้พวกพระบาอัล
พวกเขาเผาเครื่องบูชาให้กับพวกรูปเคารพ
3 เราเองเป็นผู้ที่สอนให้เอฟราอิมเดิน
เราพยุงแขนของเขา
แต่เวลาที่พวกเขาเจ็บพวกเขาไม่รู้หรอกว่าเป็นเราเองที่รักษาพวกเขาให้หาย
4 เราจูงเขาด้วยเชือกแห่งความเมตตาปรานี
ด้วยเชือกแห่งความรัก
เรายกแอกออกจากคอพวกเขา
เราก้มลงเลี้ยงอาหารพวกเขา
พระยาห์เวห์จะลงโทษอิสราเอล
5 พวกเขาจะต้องกลับไปอียิปต์อีกแน่
และกษัตริย์อัสซีเรียจะเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
เพราะพวกเขาไม่ยอมหันกลับมาหาพระยาห์เวห์
6 จะมีดาบกวัดแกว่งในเมืองต่างๆของอิสราเอล มันจะกำจัดพวกอิสราเอลที่ขี้โม้นั้น
และจะกลืนกินพวกเขาเพราะแผนร้ายของพวกเขา
7 คนของเราตั้งใจที่จะหันเหไปจากเรา
แต่ถึงแม้พวกเขาจะร้องเรียกพระเจ้าเป็นเสียงเดียวกัน
พระองค์ก็จะไม่ช่วยพวกเขา”
พระยาห์เวห์ไม่อยากทำลายอิสราเอล
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “เอฟราอิมเอ๋ย
เราจะมอบเจ้าไปให้กับคนอื่นได้ยังไง
อิสราเอลเอ๋ย เราจะยอมให้เจ้าตกไปเป็นของศัตรูได้ยังไง
เราจะปล่อยให้เจ้าเป็นเหมือนเมืองอัดมาห์[be] ได้ยังไง
เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนเมืองเศโบยิมได้ยังไง
เราเปลี่ยนใจแล้ว ความรู้สึกสงสารทำให้เราใจอ่อน
9 เราจะไม่ทำตามความเกรี้ยวโกรธของเรา
เราจะไม่ทำลายล้างเอฟราอิมอีก
เพราะเราเป็นพระเจ้าไม่ใช่มนุษย์
เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์นั้นที่สถิตอยู่ท่ามกลางเจ้า
และเราจะไม่มาด้วยความโกรธ[bf]
10 พวกเขาจะเดินตามพระยาห์เวห์
พระองค์จะคำรามเหมือนสิงโต
พระองค์จะคำราม
ลูกๆของพระองค์ก็จะมาจากตะวันตกด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่น
11 พวกเขาจะมาจากอียิปต์ตัวสั่นเหมือนลูกนก
พวกเขาจะมาเหมือนนกพิราบจากแผ่นดินอัสซีเรีย
เราจะยอมให้พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
พระยาห์เวห์มีคดีฟ้องร้องอิสราเอล
12 คนเอฟราอิมห้อมล้อมเราด้วยพวกรูปเคารพที่หลอกลวง
คนอิสราเอลห้อมล้อมเราด้วยการทรยศ
แต่ยูดาห์ยังวนเวียนอยู่กับพระเจ้า
เขายังซื่อสัตย์ต่อองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์นั้น
12 เอฟราอิมเฝ้าเลี้ยงลม
และวิ่งไล่ตามลมตะวันออกทั้งวัน
พวกเขาโกหกมากขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น
พวกเขาทำข้อตกลงกับอัสซีเรีย
และส่งน้ำมันมะกอกไปอียิปต์[bg]
2 พระยาห์เวห์มีคดีกับยูดาห์
พระองค์จะลงโทษยาโคบตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
และพระองค์จะตอบแทนให้สาสมกับการกระทำเหล่านั้นของพวกเขา
3 ยาโคบโกงพี่ชายตอนที่อยู่ในท้องแม่[bh]
เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาได้ปล้ำสู้กับพระเจ้า[bi]
4 เขาปล้ำสู้กับทูตสวรรค์ และเขาชนะ
ยาโคบร้องไห้และขอพรจากพระเจ้า
เขาพบพระเจ้าที่เบธเอล
และพระเจ้าพูดกับยาโคบที่นั่น
5 ผู้นี้คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ยาห์เวห์ คือชื่อของพระองค์
6 เจ้าควรจะกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
ให้จงรักภักดีและรักษาความยุติธรรม
และฝากความหวังไว้กับพระเจ้าของเจ้าต่อไป
7 คนพวกนี้เป็นเหมือนกับพวกพ่อค้าคานาอัน ในมือของเขาถือตราชั่งขี้ฉ้อ
เขาชอบโกงคนอื่นเสมอ
8 เอฟราอิมพูดว่า “ดูสิ เราร่ำรวยขนาดไหน
เรารวยขึ้นมาเองนะนี่
ทุกสิ่งที่เราได้ทำที่ทำให้เราร่ำรวยนี้
ไม่มีสักเรื่องเลยที่คนสามารถชี้ได้ว่าเป็นความบาป”
9 เราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในอียิปต์
เราจะทำให้เจ้าต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
เหมือนกับนานมาแล้ว ตอนที่เจ้าอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
10 เราพูดผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และเราได้ทำให้นิมิตเกิดขึ้นมากมาย
และเราพูดเรื่องเปรียบเทียบต่างๆผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
11 มีการไหว้รูปเคารพที่เมืองกิเลอาดไหม
คนที่นั่นจะถูกทำลายอย่างแน่นอน
คนที่เมืองกิลกาลถวายเครื่องบูชากับรูปปั้นวัวตัวผู้ไหม
พวกแท่นบูชาของพวกเขาจะเป็นเหมือนกองหิน[bj] ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทุ่งที่ไถแล้วอย่างแน่นอน
12 ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม
อิสราเอลทำงานเพื่อแลกกับเมีย
และเขาเฝ้าดูแลแกะเพื่อแลกกับเมียอีกหนึ่งคน
13 พระยาห์เวห์ใช้ผู้พูดแทนพระเจ้านำอิสราเอลออกจากอียิปต์
และพระองค์ยังใช้ผู้พูดแทนพระเจ้าเฝ้าดูแลอิสราเอล
14 แต่เอฟราอิมทำให้พระยาห์เวห์โกรธมาก พระยาห์เวห์จึงให้พวกเขารับผิดชอบที่ไปฆ่าคนมากมาย
และองค์เจ้าชีวิตของพวกเขาจะตอบแทนพวกเขาที่ไปหลู่เกียรติพระองค์
อิสราเอลลืมตัวและลืมบุญคุณของพระเจ้า
13 เมื่อเอฟราอิมพูด คนก็เกร็งจนตัวสั่น
เขาเป็นที่ยกย่องเชิดชูในอิสราเอล[bk]
แต่เขากลับทำผิดที่ไปนมัสการพระบาอัล
และเขาก็ตายไป
2 ถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังทำบาปอยู่เรื่อยๆ
พวกเขาสร้างพวกรูปเคารพให้กับตนเองจากเงิน
พวกช่างฝีมือหล่อรูปเคารพต่างๆขึ้นมา
พวกเขาอธิษฐานต่อรูปเคารพเหล่านั้นที่คนสร้างขึ้น
พวกเขาจูบรูปปั้นลูกวัวพวกนั้น[bl]
3 ดังนั้น พวกเขาจะหายไปเหมือนหมอกในตอนเช้า
เหมือนน้ำค้างที่เหือดหายไปในยามเช้า
เหมือนแกลบที่ปลิวไปจากลานนวดข้าว
และเป็นเหมือนควันที่ลอยออกมาจากช่องลม
4 เรายาห์เวห์ เป็นพระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในแผ่นดินอียิปต์
เจ้าไม่ผูกพันกับพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นนอกจากเรา
5 เป็นเรานี่แหละ ที่รู้จักเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
ในแผ่นดินที่ร้อนแผดเผานั้น
6 ตอนที่เราเลี้ยงดูและนำทางพวกเขานั้น
พวกเขามีกินอย่างเหลือเฟือ
แต่พวกเขาก็เย่อหยิ่งจองหองขึ้นมา และลืมเรา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International