Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 14:33-26:26

33 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 34 “เมื่อเจ้าก้าวเข้าไปในดินแดนคานาอันซึ่งเรามอบให้เจ้าเป็นเจ้าของ และเราใส่เชื้อโรคเรื้อนในบ้านหลังหนึ่งในดินแดนที่เจ้าเป็นเจ้าของ 35 เจ้าของบ้านต้องไปบอกปุโรหิตว่า ‘ดูเหมือนว่ามีเชื้อโรคชนิดหนึ่งในบ้านของเรา’ 36 ปุโรหิตจะสั่งให้พวกเขาย้ายของทุกอย่างออกจากบ้านก่อนที่เขาจะเข้าไปตรวจดูเชื้อโรค มิฉะนั้นทุกสิ่งในบ้านจะถูกประกาศว่าเป็นมลทิน หลังจากนั้นปุโรหิตจะเข้าบ้านไปดู 37 เขาจะตรวจดูเชื้อโรค ถ้าเชื้อโรคเป็นจุดเขียวหรือแดงติดอยู่ที่ผนังบ้าน และถ้าดูเหมือนว่าจุดนั้นกินลึกลงไปใต้ผิวผนัง 38 ปุโรหิตก็จะต้องออกไปนอกประตูบ้าน และปิดประตูไว้ 7 วัน 39 เมื่อปุโรหิตกลับไปที่บ้านนั้นอีกในวันที่เจ็ด เพื่อดูว่าเชื้อโรคลามลึกเข้าไปในผนังบ้านหรือไม่ 40 แล้วปุโรหิตจะสั่งให้พวกเขารื้อหินที่ติดเชื้อออก และโยนทิ้งในที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง 41 และเขาจะสั่งให้ขูดขัดรอบๆ ภายในบ้าน และขนปูนที่ขูดออกไปทิ้งในที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง 42 และให้คนก่อหินขึ้นใหม่แทนหินเดิมแล้วโบกปูนปิดผนังเสีย

43 ถ้าเชื้อโรคยังคงแพร่กระจายในบ้านอีก หลังจากรื้อหินออกและขูดขัดบ้านโบกปูนแล้ว 44 ปุโรหิตต้องไปตรวจดู ถ้าเชื้อโรคแพร่กระจายในบ้าน แสดงว่ามีเชื้อโรคเรื้อนชนิดร้ายแรงอยู่ในบ้านและเป็นมลทิน 45 ให้คนรื้อบ้านหลังนั้นลง ทั้งหิน ไม้ และผนังปูนทั้งหมดให้เอาไปทิ้งในที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง 46 นอกจากนั้นแล้ว ผู้ใดเข้าไปในบ้านระหว่างที่บ้านถูกปิดทิ้งไว้ ผู้นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 47 ผู้ใดหลับนอนหรือรับประทานอยู่ที่บ้านนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตน

48 ถ้าปุโรหิตมาตรวจดู และไม่มีเชื้อโรคแพร่กระจายในบ้านหลังจากโบกปูนใหม่ แล้วปุโรหิตก็จะประกาศว่าบ้านหลังนั้นสะอาด เพราะโรคหายแล้ว 49 การชำระบ้านให้สะอาดก็ให้เขาเอานกตัวเล็ก 2 ตัว ไม้ซีดาร์ ด้ายขนแกะย้อมสีแดงสดและก้านหุสบ 50 ฆ่านกตัวหนึ่งที่อ่างดินเผาที่บรรจุน้ำจากแหล่งน้ำพุ 51 เขาต้องจุ่มนกอีกตัวที่มีชีวิตลงในเลือดนกที่ถูกฆ่าและในน้ำจากแหล่งน้ำพุ พร้อมกับไม้ซีดาร์ ด้ายขนแกะสีแดงสด และก้านหุสบ และประพรมบ้าน 7 ครั้ง 52 การกระทำเช่นนี้ปุโรหิตจึงสามารถชำระบ้านให้สะอาดด้วยเลือดนกและน้ำจากแหล่งน้ำพุ ด้วยนกที่มีชีวิต ด้วยไม้ซีดาร์ ก้านหุสบและด้ายขนแกะสีแดงสด 53 และเขาจะปล่อยนกที่มีชีวิตให้บินออกไปจากเมืองไปสู่ทุ่งกว้าง เป็นพิธีลบล้างมลทินให้กับบ้าน และบ้านก็จะสะอาด”

54 นี่เป็นกฎบัญญัติอันเกี่ยวกับโรคเรื้อนชนิดต่างๆ เช่นโรคผิวคัน 55 โรคเรื้อนติดที่เครื่องแต่งกายหรือในบ้าน 56 และแผลบวม เป็นผื่นหรือเป็นจุด 57 เพื่อแสดงให้เห็นว่าเมื่อใดจึงเป็นมลทินและเมื่อใดจึงสะอาด นี่เป็นกฎบัญญัติเกี่ยวกับโรคเรื้อน

สิ่งเป็นมลทินที่ไหลออกจากร่างกาย

15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อชายใดมีสิ่งที่ไหลออกจากร่างกายของเขา สิ่งนั้นเป็นมลทิน และสิ่งต่อไปนี้จะเป็นมลทินของเขาเมื่อมีสิ่งใดไหลออก ไม่ว่าร่างกายของเขาจะปล่อยให้สิ่งนั้นไหลหรือจะทำให้หยุดไหลก็ตาม เขาก็ยังเป็นมลทิน ที่นอนทุกที่ของผู้มีสิ่งใดไหลออกใช้นอนจะเป็นมลทิน และทุกสิ่งที่เขาใช้นั่งก็จะเป็นมลทิน ทุกคนที่แตะต้องที่นอนของเขาต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น ผู้ใดนั่งทับที่ของคนมีสิ่งใดไหลออกจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น และผู้ใดสัมผัสตัวของผู้มีสิ่งใดไหลออกจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น ถ้าผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกถ่มน้ำลายใส่คนที่สะอาด คนนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น อานใดๆ ของผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกนั่งขี่จะเป็นมลทิน 10 และผู้ใดก็ตามที่แตะต้องสิ่งที่อยู่ใต้ตัวเขาก็จะเป็นมลทินจนถึงเย็น และผู้ที่ถือสิ่งนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 11 คนที่มีสิ่งใดไหลออกสัมผัสตัวผู้ใดโดยไม่ล้างมือก่อน ผู้ถูกสัมผัสจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 12 และต้องทุบภาชนะดินเผาที่คนมีสิ่งใดไหลออกแตะต้องให้แตก ส่วนภาชนะไม้ทุกชิ้นจะต้องล้างน้ำ

13 เมื่อผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกหายจากโรคของเขาแล้ว ต้องรอให้ครบ 7 วันจึงจะซักเสื้อผ้าของตน และอาบน้ำจากแหล่งน้ำพุ จึงจะถือว่าเขาสะอาด 14 ในวันที่แปดเขาต้องเอานกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวไป ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อมอบให้แก่ปุโรหิต 15 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพราะสิ่งที่ไหลออกของเขา

16 ถ้าชายใดมีน้ำกามไหลออก เขาต้องอาบน้ำให้ทั่วทั้งตัว และเป็นมลทินจนถึงเย็น 17 เครื่องแต่งกายทุกชิ้นและหนังสัตว์ที่เปื้อนน้ำกามต้องใช้น้ำซักล้าง และเป็นมลทินจนถึงเย็น 18 ถ้าชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์กันโดยมีน้ำกามไหลออก ทั้งสองคนต้องอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น

19 เมื่อหญิงมีโลหิตรอบเดือนตามปกติ เธอจะเป็นมลทิน 7 วัน และผู้ใดแตะต้องตัวเธอก็จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 20 เมื่อเธอนอนบนสิ่งใดในระหว่างที่เป็นมลทิน สิ่งนั้นก็เป็นมลทินด้วย และทุกสิ่งที่เธอนั่งก็เป็นมลทิน 21 ใครก็ตามที่แตะต้องที่นอนของเธอ เขาต้องซักเสื้อผ้าของเขา และอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 22 ใครก็ตามที่แตะต้องสิ่งที่เธอนั่ง เขาต้องซักเสื้อผ้าของเขา และอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 23 สิ่งที่เขาแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นฟูกหรือสิ่งที่เธอนั่ง เขาจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 24 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับเธอ มลทินจากเธอติดตัวเขาไป เขาต้องเป็นมลทิน 7 วัน และฟูกทุกลูกที่เขานอนจะเป็นมลทินด้วย

25 ถ้าหญิงมีโลหิตไหลหลายวันทั้งๆ ที่ไม่ใช่ระยะมีรอบเดือน หรือมีโลหิตไหลเกินระยะมีรอบเดือนตามปกติ เธอจะเป็นมลทินนานตราบที่โลหิตไหล ซึ่งเหมือนๆ กับช่วงระยะเวลารอบเดือนของเธอคือ เธอจะเป็นมลทิน 26 ฟูกทุกลูกที่เธอนอนในช่วงมีรอบเดือนก็นับว่าเป็นมลทิน และทุกสิ่งที่เธอนั่งจะเป็นมลทินเช่นเดียวกับมลทินช่วงรอบเดือน 27 ผู้ใดก็ตามแตะต้องสิ่งเหล่านั้นจะเป็นมลทิน และต้องซักเสื้อผ้าของตน อาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 28 ถ้าหากเธอชำระตัวจากโลหิตที่ไหลแล้ว เธอต้องรออีก 7 วัน หลังจากนั้นจึงจะถือว่าเธอสะอาด 29 ในวันที่แปดเธอต้องนำนกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวมาให้ปุโรหิตตรงทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 30 และปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย ปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เธอ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากโลหิตของเธอเป็นมลทิน

31 เจ้าจงให้ชาวอิสราเอลอยู่ห่างจากสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นมลทิน เขาจะได้ไม่ตายในยามเป็นมลทินเนื่องจากเขาทำให้กระโจมที่พำนักของเรา ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพวกเขาเป็นมลทิน’”[a]

32 นี่เป็นกฎบัญญัติสำหรับคนที่มีสิ่งใดไหลออก และสำหรับคนที่มีน้ำกามไหลออก ซึ่งทำให้ตนเป็นมลทิน 33 สำหรับหญิงที่มีรอบเดือน สำหรับชายหรือหญิงที่มีสิ่งใดไหลออกหรือโลหิตไหล และสำหรับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่เป็นมลทิน

วันทำพิธีชดใช้บาป

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสหลังจากการสิ้นชีวิตของบุตรทั้งสองของอาโรน เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้พระผู้เป็นเจ้า เขาก็ถึงแก่ชีวิต[b] และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกอาโรนพี่ของเจ้าว่า อย่าเข้ามาในอภิสุทธิสถานที่อยู่ข้างหลังม่านกั้น ณ เบื้องหน้าฝาหีบแห่งการชดใช้บาปซึ่งอยู่บนหีบพันธสัญญาเวลาใดๆ ตามใจชอบ เขาจะได้ไม่ต้องตาย เพราะเราจะปรากฏอยู่ในเมฆเหนือฝาหีบแห่งการชดใช้บาป อาโรนจะเข้ามาในสถานที่บริสุทธิ์ได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้นคือ มาพร้อมกับโคหนุ่มเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และแกะตัวผู้เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย เขาต้องสวมเสื้อผ้าป่านคลุมยาวบริสุทธิ์ทับเสื้อชั้นในผ้าป่าน ใช้ผ้าป่านคาดเอว และสวมผ้าป่านโพกศีรษะ นี่แหละเป็นเครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์ เขาต้องอาบน้ำก่อน แล้วจึงสวมเครื่องแต่งกาย และเขาต้องเอาแพะตัวผู้ 2 ตัวจากชาวอิสราเอลทั้งมวลเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป โดยที่แกะตัวผู้ 1 ตัวจะเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย

อาโรนเองต้องถวายโคหนุ่มตัวนั้นเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับตนเอง และทำพิธีชดใช้บาปสำหรับตนเองและครอบครัว และเขาต้องเอาแพะ 2 ตัวมาไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และอาโรนจะต้องจับฉลากสำหรับแพะ 2 ตัว ฉลากหนึ่งสำหรับพระผู้เป็นเจ้า อีกฉลากหนึ่งให้เป็นแพะรับบาป อาโรนต้องมอบแพะตัวที่จับฉลากได้ เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปแด่พระผู้เป็นเจ้า 10 แต่ตัวที่จับฉลากได้เป็นแพะรับบาปนั้น ต้องมอบตัวแพะทั้งเป็น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า สำหรับทำพิธีชดใช้บาป โดยปล่อยให้ไปยังถิ่นทุรกันดารเป็นแพะรับบาป

11 อาโรนต้องมอบโคตัวเดียวกันนั้นให้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับตนเอง และจะทำพิธีชดใช้บาปสำหรับตนเองและครอบครัวของเขา แล้วเขาก็จะฆ่าโคให้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับตนเอง 12 แล้วเขาจะต้องยกกระถางเครื่องหอมซึ่งบรรจุถ่านลุกโพลงลงมาจากแท่นบูชาที่อยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พร้อมด้วยเครื่องหอมตำละเอียดสองกำมือ เขาจะต้องยกสองสิ่งนี้เข้าไปที่ข้างหลังม่านกั้น 13 แล้วจึงโปรยเครื่องหอมบนไฟ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และควันเครื่องหอมจะอบอวลอยู่ที่ฝาหีบแห่งการชดใช้บาป แล้วเขาจะได้ไม่ต้องตาย 14 แล้วเขาจะใช้นิ้วมือจุ่มเลือดโคประพรมที่ด้านหน้าฝาหีบแห่งการชดใช้บาป และใช้นิ้วประพรมที่หน้าฝาหีบแห่งการชดใช้บาปด้วยเลือด 7 ครั้ง

15 เขาต้องฆ่าแพะที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับประชาชน แล้วนำเลือดเข้าไปที่ข้างหลังม่านกั้น ใช้เลือดแพะเหมือนกับที่ใช้เลือดโคคือ ประพรมที่หน้าฝาหีบแห่งการชดใช้บาปและด้านหน้าของฝา 16 เขาต้องทำพิธีลบล้างมลทินให้กับอภิสุทธิสถานเพราะความเป็นมลทินของชาวอิสราเอล และเพราะการล่วงละเมิดในเรื่องเกี่ยวกับบาปทุกชนิดของพวกเขา เขาจะกระทำเพื่อกระโจมที่นัดหมาย ซึ่งอยู่กับพวกเขาในท่ามกลางมลทินของพวกเขาด้วย 17 เมื่อเขาเข้าไปข้างในทำพิธีชดใช้บาปในอภิสุทธิสถาน จะไม่มีผู้ใดอยู่ในกระโจมที่นัดหมายจนกว่าเขาจะออกมา และได้ทำพิธีชดใช้บาปสำหรับตนเอง สำหรับครอบครัวของเขาและทุกคนในที่ประชุมของอิสราเอลแล้ว 18 หลังจากนั้นเขาจะออกไปยังแท่นบูชาซึ่งอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทำพิธีลบล้างมลทิน และจะใช้เลือดโคและเลือดแพะป้ายเชิงงอนที่แท่นบูชาโดยรอบ 19 เขาต้องใช้นิ้วประพรมแท่นด้วยเลือด 7 ครั้งเพื่อชำระให้สะอาดและบริสุทธิ์จากมลทินของชาวอิสราเอล

20 เมื่ออาโรนทำพิธีลบล้างมลทินให้กับอภิสุทธิสถาน เพื่อกระโจมที่นัดหมายและแท่นบูชาเสร็จแล้ว เขาต้องมอบแพะตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ 21 อาโรนจะวางมือทั้งสองลงบนหัวแพะตัวนั้นพร้อมกับสารภาพความผิดของชาวอิสราเอล การล่วงละเมิดและบาปของพวกเขา เพื่อให้แพะรับทุกสิ่งไว้บนหัวของมัน ก่อนจะให้คนที่รับมอบหมายนำตัวแพะออกไปยังถิ่นทุรกันดาร 22 แพะตัวนั้นจะรับเอาความผิดทุกประการไว้กับตัวมัน และออกไปยังที่แร้นแค้น แล้วชายนั้นจะปล่อยแพะไปในถิ่นทุรกันดาร

23 หลังจากนั้นอาโรนจะเข้ามาในกระโจมที่นัดหมาย ถอดเครื่องแต่งกายผ้าป่านที่เขาสวมเมื่อเข้าไปในอภิสุทธิสถาน และวางไว้ที่นั่น 24 เขาจะอาบน้ำในสถานที่ที่บริสุทธิ์ สวมเครื่องแต่งกายของเขา แล้วก็เดินออกมาถวายสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายของตนเอง และสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายของประชาชน เพื่อทำพิธีชดใช้บาปสำหรับตนและประชาชน 25 เขาต้องเผาไขมันจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปที่แท่นบูชา 26 ชายที่นำแพะไปปล่อยเป็นแพะรับบาปต้องซักเสื้อผ้าของตน และอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาจึงจะเข้ามาในค่ายได้ 27 ส่วนโคหนุ่มและแพะที่ใช้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปจะต้องหามไปที่นอกค่าย เลือดสัตว์นำไปทำพิธีชดใช้บาปในอภิสุทธิสถาน ทั้งหนัง เนื้อ และไส้สัตว์ก็ต้องเผาไฟ[c] 28 คนที่เผาสัตว์จะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาจึงจะเข้ามาในค่ายได้

29 สิ่งที่พวกเจ้าจะต้องใช้เป็นกฎเกณฑ์ตลอดไปคือ วันที่สิบเดือนเจ็ดจะต้องงดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ รวมทั้งงดการทำงาน ทั้งชาวอิสราเอลและคนต่างด้าวที่อยู่ในหมู่เจ้า 30 เพราะในวันนี้มีการชดใช้บาปให้พวกเจ้า ชำระเจ้าให้สะอาดจากบาปทั้งปวง พวกเจ้าจะสะอาด ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า[d] 31 เป็นวันสะบาโตให้เจ้าหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง และเจ้าจะงดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ ให้ถือเป็นกฎเกณฑ์ตลอดไป 32 ปุโรหิตที่ได้รับการเจิมและแต่งตั้งเป็นหัวหน้ามหาปุโรหิตแทนบิดาของเขาจะทำพิธีลบล้างมลทิน เขาจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทำจากผ้าป่านบริสุทธิ์ 33 เขาจะทำพิธีลบล้างมลทินให้กับอภิสุทธิสถาน และเขาจะทำพิธีลบล้างมลทินให้กับกระโจมที่นัดหมายและแท่นบูชา และเขาจะทำพิธีชดใช้บาปสำหรับบรรดาปุโรหิตและประชาชนทั้งปวงของที่ประชุม 34 จงใช้เป็นกฎเกณฑ์ตลอดไปสำหรับพวกเจ้า เพื่อเป็นพิธีชดใช้บาปสำหรับชาวอิสราเอลปีละครั้งเนื่องจากบาปทั้งปวงของเขา” และโมเสสก็ทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาเขา

ห้ามรับประทานเลือด

17 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกอาโรนและบุตรของเขา และชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า ‘ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ ถ้าผู้ใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอลฆ่าโค แกะ หรือแพะ ไม่ว่าในค่ายหรือนอกค่าย โดยไม่เอามายังทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และมอบเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ณ กระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นจะนับว่ามีความผิดเรื่องเลือด เพราะเขาทำให้มีการหลั่งเลือด และจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา จุดประสงค์ก็คือชาวอิสราเอลเคยถวายเครื่องสักการะในทุ่งกว้าง มาบัดนี้เขานำมาให้พระผู้เป็นเจ้า ณ ทางเข้ากระโจมที่นัดหมายเพื่อมอบให้แก่ปุโรหิต และฆ่าสัตว์เป็นเครื่องสักการะ คือเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะประพรมเลือดที่แท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า ณ ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และเผาไขมันเพื่อส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพวกเขาจะต้องไม่ฆ่าสัตว์เพื่อบูชาแก่พวกมารที่ปรากฏเป็นตัวแพะ[e] ซึ่งพวกเขาติดตามมันไปดังเช่นหญิงแพศยา จงถือเป็นกฎเกณฑ์ของพวกเขาและของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล

เจ้าจงบอกพวกเขาว่า ผู้ใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอลหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาถวายสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายหรือเครื่องสักการะใดๆ ก็ตาม โดยไม่นำสัตว์มายังทางเข้ากระโจมที่นัดหมายเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา

10 ถ้าผู้ใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอลหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขารับประทานเลือด เราจะไม่ยอมรับผู้ที่รับประทานเลือด และผู้นั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 11 เพราะชีวิตของร่างกายอยู่ได้ด้วยเลือด และเราให้เจ้าใช้เลือดป้ายที่แท่นบูชาเพื่อเป็นพิธีชดใช้บาปสำหรับจิตวิญญาณของพวกเจ้า เพราะเลือดคือชีวิตซึ่งชดใช้บาปได้ 12 ฉะนั้นเรากล่าวแก่ชาวอิสราเอลแล้วว่า อย่าให้มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้ารับประทานเลือด แม้แต่คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้าก็เช่นกัน

13 ชาวอิสราเอลผู้ใดหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาล่าสัตว์หรือนกที่ใช้เป็นอาหารได้ จะต้องเทเลือดทิ้งแล้วเอาดินกลบ 14 เพราะชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือด ฉะนั้นเราได้กล่าวแก่ชาวอิสราเอลแล้วว่า เจ้าจะต้องไม่รับประทานเลือดของสิ่งมีชีวิตใดๆ เพราะชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือด ผู้ใดรับประทานเลือดจะถูกตัดขาด 15 และทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวอิสราเอลหรือคนต่างด้าวรับประทานสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์อื่นขม้ำตาย จะต้องซักผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น จึงจะถือว่าเขาสะอาด 16 แต่ถ้าเขาไม่ซักเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ ก็จะต้องรับโทษ’”

เพศสัมพันธ์อันต้องห้าม

18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เจ้าจงอย่ากระทำตามสิ่งที่พวกเขาทำในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งเจ้าเคยอาศัยอยู่ และห้ามเจ้ากระทำตามสิ่งที่พวกเขาทำในดินแดนคานาอัน ซึ่งเรากำลังนำเจ้าเข้าไปอยู่ ห้ามเจ้าดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของพวกเขา เจ้าจงกระทำตามคำบัญชาของเรา และรักษากฎเกณฑ์ของเรา และดำเนินชีวิตตามนั้น เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า ฉะนั้นเจ้าจงรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเรา ผู้ใดทำตามนั้นก็จะมีชีวิตอยู่ได้[f] เราคือพระผู้เป็นเจ้า

อย่าให้คนใดในพวกเจ้ามีเพศสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องของตน เราคือพระผู้เป็นเจ้า อย่าละเมิดสิทธิของบิดาของเจ้าโดยมีเพศสัมพันธ์กับมารดาของเจ้าเอง นางเป็นมารดาของเจ้า เจ้าต้องไม่มีเพศสัมพันธ์กับนาง อย่ามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของบิดาของเจ้า มันเป็นการละเมิดสิทธิของบิดาของเจ้า อย่ามีเพศสัมพันธ์กับพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้าคือ บุตรสาวของบิดาหรือบุตรสาวของมารดาของเจ้า ไม่ว่าจะเติบโตมาด้วยกันหรือไม่ก็ตาม 10 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับหลานสาวที่เกิดจากบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า เพราะสิทธิของเขาทั้งหลายมีค่าเท่าเทียมกับสิทธิของเจ้าเอง 11 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับบุตรหญิงของภรรยาของบิดาของเจ้า ที่เกิดจากบิดาของเจ้าเอง เพราะเธอคือน้องสาวหรือพี่สาวของเจ้า 12 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับพี่สาวหรือน้องสาวของบิดาของเจ้า เพราะเธอถือเป็นญาติสนิทฝ่ายบิดาของเจ้า 13 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับพี่สาวหรือน้องสาวของมารดาของเจ้า เพราะเธอเป็นญาติสนิทของมารดาของเจ้า 14 อย่าละเมิดสิทธิของพี่ชายหรือน้องชายของบิดาของเจ้าคือ หมายความว่าอย่าเกี่ยวข้องกับภรรยาของเขา เพราะนางเป็นป้าสะใภ้และอาสะใภ้ของเจ้า 15 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับบุตรสะใภ้ของเจ้า นางเป็นภรรยาของบุตรชายของเจ้า อย่ามีเพศสัมพันธ์กับนาง 16 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาพี่ชายหรือน้องชายของเจ้า นางเป็นสิทธิของพี่ชายหรือน้องชายของเจ้า 17 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนใดและบุตรสาวของนางด้วย และอย่ามีเพศสัมพันธ์กับหลานสาวที่เกิดจากบุตรชายบุตรหญิงของนาง พวกเขาเป็นญาติสนิทของเจ้า และถือได้ว่าเป็นสิ่งชั่วช้า 18 อย่าเอาพี่หรือน้องของภรรยามาเคียงคู่และมีเพศสัมพันธ์ด้วย ทั้งๆ ที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่

19 อย่าเกี่ยวข้องทางเพศกับผู้หญิงในขณะที่เธอมีรอบเดือนและไม่สะอาด 20 อย่ามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของคนอื่น และเป็นมลทินกับนาง 21 อย่ายกบุตรคนใดของเจ้าให้ลุยไฟให้เทพเจ้าโมเลค[g] เพราะจะเป็นการดูหมิ่นพระนามพระเจ้าของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 22 เจ้าอย่ามีเพศสัมพันธ์กับชายใดเหมือนกับที่กระทำกับผู้หญิง เพราะเป็นที่น่ารังเกียจ 23 และอย่ามีเพศสัมพันธ์กับพวกสัตว์ไม่ว่าชนิดใด เพราะทำให้เป็นมลทิน หญิงก็เช่นกัน อย่ามีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ถือว่าเป็นกามวิตถาร

24 อย่าให้สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเจ้าเป็นมลทิน เพราะบรรดาประชาชาติซึ่งเราจะขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าเจ้านั้นเป็นมลทินจากสิ่งเหล่านี้ 25 และแผ่นดินก็เป็นมลทินด้วย เราจึงลงโทษบาปของแผ่นดิน และแผ่นดินก็สำรอกผู้อยู่อาศัยออกไป 26 แต่พวกเจ้าจงรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเรา อย่ากระทำสิ่งอันน่ารังเกียจเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิดหรือคนต่างด้าวในหมู่เจ้าก็ตาม 27 เพราะประชาชนในแผ่นดินที่อาศัยอยู่ก่อนพวกเจ้าได้กระทำสิ่งน่ารังเกียจเหล่านี้ และแผ่นดินก็เป็นมลทิน 28 ถ้าพวกเจ้าทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน มันก็จะสำรอกเจ้าออกไปเหมือนกับที่ได้สำรอกประชาชาติซึ่งเคยอยู่ก่อนพวกเจ้า 29 เพราะผู้ใดกระทำสิ่งน่ารังเกียจเหล่านี้จะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 30 ฉะนั้นจงปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา และอย่ากระทำตามธรรมเนียมอันน่ารังเกียจดังกล่าวซึ่งพวกเขาได้ปฏิบัติก่อนที่พวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ และอย่าให้สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเจ้าเป็นมลทิน เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า’”

กฎต่างๆ

19 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกบุตรของชาวอิสราเอลทั้งมวลว่า ‘จงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เราบริสุทธิ์[h] พวกเจ้าทุกคนจงเคารพมารดาและบิดาของตน และจงถือกฎวันสะบาโต เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า อย่าหันไปเชื่อในรูปเคารพ หรือหล่อเทวรูปทั้งหลายให้พวกเจ้าเอง เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

เมื่อเจ้ามอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า เจ้าจงทำตามกฎ เพื่อเราจะได้ยอมรับของถวายของเจ้า จงรับประทานเนื้อในวันเดียวกับที่เจ้ามอบหรือในวันรุ่งขึ้น สิ่งที่เหลือจนถึงวันที่สามจะต้องเผาไฟทิ้ง ถ้าวันที่สามแล้วยังนำมารับประทานก็จะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนและไม่เป็นที่ยอมรับ และทุกคนที่รับประทานก็จะต้องรับโทษ เพราะเขาไม่เคารพสิ่งบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า คนนั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา

เมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวนาของเจ้า ก็จงอย่าเกี่ยวข้าวจนสุดขอบนา หรือเก็บรวงข้าวที่ตกหล่นไว้หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว 10 อย่าเก็บผลองุ่นในสวนจนเกลี้ยง และอย่าเก็บผลที่ตกหล่นในสวนองุ่น เจ้าจงทิ้งไว้ให้คนจนและคนต่างด้าว เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

11 อย่าขโมย หรือฉ้อโกง หรือโกหกกัน 12 อย่านำชื่อของเราไปสาบานในทางที่ผิด เพราะเป็นการดูหมิ่นพระนามพระเจ้าของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

13 อย่าเอาเปรียบหรือปล้นเพื่อนร่วมชาติของเจ้า และจงอย่ากักค่าจ้างของผู้รับจ้างไว้ข้ามวันข้ามคืน 14 เจ้าจะต้องไม่สาปแช่งคนหูหนวกหรือเอาสิ่งต่างๆ มากีดขวางทางของคนตาบอด แต่เจ้าจงเกรงกลัวพระเจ้าของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

15 เจ้าจงอย่าตัดสินด้วยความอยุติธรรม เจ้าจงอย่าลำเอียงเพราะต้องการช่วยคนสิ้นไร้ไม้ตอก หรือคล้อยตามคนมั่งมี แต่เจ้าจงตัดสินเพื่อนบ้านด้วยความชอบธรรม 16 เจ้าจงอย่าทำตัวเป็นคนช่างนินทาว่าร้ายท่ามกลางชนชาติของเจ้า และอย่ากระทำการใดอันถึงแก่ชีวิตของเพื่อนบ้านของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

17 จงอย่าเก็บความแค้นที่มีต่อพี่น้องของเจ้าไว้ในใจ จงตกลงกับเพื่อนบ้านด้วยเหตุผล เจ้าจะได้ไม่ทำบาปเพราะเขา 18 เจ้าจงอย่าแก้แค้นหรือเก็บความเคียดแค้นที่มีต่อบุตรหลานชนชาติเดียวกัน แต่จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง[i] เราคือพระผู้เป็นเจ้า

19 เจ้าจงรักษากฎเกณฑ์ของเรา อย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าผสมพันธุ์กับชนิดที่ต่างกัน อย่าหว่านพืชในนาของเจ้าด้วยเมล็ด 2 ชนิด หรือสวมใส่เสื้อผ้าเย็บจากด้ายทอ 2 ชนิด

20 ต้องมีการลงโทษหากชายใดมีเพศสัมพันธ์กับทาสหญิงที่หมั้นกับชายอื่นแล้ว โดยที่ยังไม่ได้มีการจ่ายค่าตัวหรือถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่โทษที่พวกเขาจะได้รับไม่ถึงตายเพราะนางยังไม่เป็นอิสระ 21 แต่เขาจะต้องนำของถวายมาให้พระผู้เป็นเจ้า เพื่อไถ่โทษให้ตนเอง ณ ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย คือแกะตัวผู้เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ 22 และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขาด้วยแกะตัวผู้เป็นของถวาย เพื่อไถ่โทษ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า สำหรับบาปที่เขากระทำ และบาปที่เขากระทำจะได้รับการยกโทษ

23 เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินและปลูกต้นไม้หลากชนิดที่มีผลเป็นอาหาร เจ้าจะต้องนับว่าผลที่ออกเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเจ้าเป็นเวลา 3 ปี คือรับประทานผลไม่ได้ 24 ในปีที่สี่ผลไม้ทุกลูกจะบริสุทธิ์ เป็นของถวายแห่งการสรรเสริญแด่พระผู้เป็นเจ้า 25 พอปีที่ห้าเจ้าจึงจะรับประทานผลไม้ได้ และผลิตผลที่ได้จะอุดมสำหรับพวกเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

26 เจ้าอย่ารับประทานเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดคั่งอยู่ อย่าข้องแวะกับการทำนายหรือใช้เวทมนตร์คาถา 27 อย่าตัดผมที่จอนหูหรือขลิบเครา 28 อย่าเชือดเนื้อของพวกเจ้าเองเพื่อคนตาย หรือสักเครื่องหมายใดๆ ที่ตัว เราคือพระผู้เป็นเจ้า

29 อย่าทำความอัปยศให้แก่บุตรสาวของเจ้าโดยบังคับเธอให้เป็นหญิงโสเภณี ถ้าทำเช่นนั้นทั้งแผ่นดินจะเต็มไปด้วยหญิงโสเภณีและเต็มด้วยความชั่วช้า 30 เจ้าจงถือกฎวันสะบาโต และเคารพที่พำนักของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า

31 อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดหมอผี[j]เพื่อหาคำแนะนำจากเขา และต้องเป็นมลทินเพราะพวกเขา เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

32 เจ้าจงเคารพผู้สูงวัย และให้เกียรติเขาด้วย และจงเกรงกลัวพระเจ้าของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

33 เมื่อคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้าในแผ่นดินของพวกเจ้า ก็จงอย่าบีบบังคับพวกเขา 34 คนต่างด้าวที่อยู่กับเจ้านั้นเปรียบเสมือนพวกที่อยู่กับเจ้าแต่กำเนิด และเจ้าจงรักพวกเขาให้เหมือนรักตนเอง เพราะพวกเจ้าเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

35 จงอย่าทุจริตในการใช้เครื่องวัดความยาว ตุ้มน้ำหนัก หรือปริมาณ 36 เจ้าจงใช้ตาชั่งเที่ยงตรง ตุ้มน้ำหนักเที่ยงตรง เอฟาห์เที่ยงตรง และฮินเที่ยงตรง เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า และนำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 37 เจ้าจงรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเราทุกข้อ และปฏิบัติตาม เราคือพระผู้เป็นเจ้า’”

โทษของการไม่เชื่อฟัง

20 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ชาวอิสราเอลหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลคนใดก็ตามที่ยกบุตรให้แก่เทพเจ้าโมเลค[k]จะต้องได้รับโทษถึงตาย มวลชนในแผ่นดินจะเอาก้อนหินขว้างเขา เราจะไม่ยอมรับคนคนนั้น และจะตัดขาดเขาจากชนชาติของเขาเพราะเขายกบุตรให้แก่เทพเจ้าโมเลค ทำให้ที่พำนักของเราเป็นมลทิน และดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา และถ้ามวลชนในแผ่นดินทำไม่รู้ไม่ชี้กับคนนั้นเมื่อเขายกบุตรของเขาให้แก่เทพเจ้าโมเลค และไม่มีการลงโทษเขาให้ถึงแก่ชีวิต เราก็จะไม่ยอมรับคนคนนั้นและครอบครัวของเขา จะตัดพวกเขาขาดจากชนชาติของเขา ทั้งตัวเขาและทุกคนที่ตามเขาไปเป็นดั่งหญิงแพศยาร่านหาเทพเจ้าโมเลค

ถ้าผู้ใดไปหาคนทรงและพ่อมดหมอผี เป็นดั่งหญิงแพศยาร่านหาพวกเขา เราก็จะไม่ยอมรับผู้นั้น และจะตัดขาดเขาจากชนชาติของเขา จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และจงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า จงรักษากฎเกณฑ์ของเรา และจงปฏิบัติตาม เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทำให้พวกเจ้าบริสุทธิ์ เพราะทุกคนที่สาปแช่งบิดาหรือมารดาของตนจะต้องได้รับโทษถึงตาย ถ้าเขากระทำเช่นนั้นแล้วก็ต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง

10 ถ้าชายใดผิดประเวณีกับภรรยาของเพื่อนร่วมชาติ ทั้งชายและหญิงที่ทำผิดต้องได้รับโทษถึงตาย 11 ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของบิดาคือ ได้ละเมิดสิทธิของบิดาของตน ชายและหญิงนั้นจะต้องได้รับโทษถึงตาย ทั้งสองต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง 12 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับบุตรสะใภ้ ทั้งสองต้องได้รับโทษถึงตาย ถือว่าเป็นกามวิตถารซึ่งต้องโทษถึงตาย 13 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันกับผู้ชาย ชายทั้งสองที่กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจนี้ต้องได้รับโทษถึงตาย เขาต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง 14 ถ้าชายใดได้ทั้งภรรยาและมารดาของนางด้วย ก็นับว่าเป็นสิ่งชั่วช้า หญิงทั้งสองและชายผู้นั้นจะต้องถูกไฟเผา เพื่อว่าจะไม่มีความชั่วร้ายในหมู่เจ้า 15 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ เขาต้องได้รับโทษถึงตาย รวมทั้งจะต้องฆ่าสัตว์ด้วย 16 ถ้าหญิงใดมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ เจ้าจงฆ่าทั้งผู้หญิงและสัตว์ ทั้งสองต้องได้รับโทษถึงตาย คือเขาต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง

17 ถ้าชายใดได้พี่หรือน้องสาวของตนซึ่งเป็นบุตรสาวของบิดาหรือมารดาของเขาโดยทั้งสองอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา นับว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย และให้ทุกคนเห็นว่าเขาต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดสิทธิของพี่หรือน้องของเขา เขาจะต้องรับโทษ 18 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงในระยะรอบเดือน ทั้งเขาและเธอละเมิดสิทธิคือ เธอละเมิดสิทธิรอบเดือนของตน ทั้งสองจึงต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 19 เจ้าจงอย่าละเมิดสิทธิของพี่น้องของมารดาหรือบิดาของเจ้า เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของญาติสนิท ทุกคนจะต้องรับโทษบาปของเขา 20 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของลุงของเขา เขาละเมิดสิทธิของลุง ชายและหญิงนั้นจะต้องรับโทษบาปของเขาคือ เขาจะตายโดยไม่มีบุตร 21 ถ้าชายใดได้ภรรยาของพี่หรือน้องชาย นับว่าไม่บริสุทธิ์เพราะเขาได้ละเมิดสิทธิของพี่หรือน้องชาย ชายและหญิงนั้นจะตายโดยไม่มีบุตร

22 พวกเจ้าจงรักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเราทุกข้อ และปฏิบัติตาม เพื่อแผ่นดินที่เรากำลังนำเจ้าเข้าไปอาศัยอยู่จะไม่สำรอกเจ้าออกไป 23 และพวกเจ้าจงอย่าดำเนินชีวิตตามประเพณีของประชาชาติที่เราจะไล่ออกไปต่อหน้าพวกเจ้า เพราะพวกเขากระทำสิ่งเหล่านี้ ฉะนั้นเราจึงรังเกียจพวกเขา 24 แต่เราบอกพวกเจ้าแล้วว่า “พวกเจ้าจะได้แผ่นดินของพวกเขาเป็นมรดก เราจะมอบให้เจ้ายึดครองดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง”[l] เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เราแยกพวกเจ้าออกจากบรรดาชนชาติ 25 ฉะนั้น พวกเจ้าจงรู้ความแตกต่างระหว่างสัตว์สะอาดและไม่สะอาด และระหว่างนกสะอาดและไม่สะอาด เจ้าจงอย่าเป็นมลทินด้วยสัตว์หรือนกหรือสิ่งใดๆ ที่คืบคลานบนดิน เราได้แยกให้พวกเจ้าเห็นแล้วว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สะอาด 26 พวกเจ้าจงบริสุทธิ์เพื่อเรา เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า เราบริสุทธิ์ และได้แยกพวกเจ้าออกจากบรรดาชนชาติ เพื่อเจ้าจะได้เป็นของเรา

27 ชายหรือหญิงคนใดที่เป็นคนทรงหรือพ่อมดหมอผีต้องได้รับโทษถึงตาย พวกเขาจะต้องถูกก้อนหินขว้าง และต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง’”

กฎเกณฑ์สำหรับปุโรหิต

21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกบรรดาบุตรของอาโรนซึ่งเป็นปุโรหิตว่า ‘อย่าให้พวกเขาเป็นมลทินเพราะการจับต้องคนตายในเผ่าพันธุ์ของตน ยกเว้นญาติสนิทเช่นมารดา บิดา บุตรชายบุตรหญิง พี่น้องผู้ชายของเขา หรือพี่น้องที่เป็นพรหมจารีซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เพราะเธอไม่มีสามี พวกเขาเป็นมลทินเพื่อเธอได้ อย่าให้เป็นมลทินจากคนที่แต่งงานกับเผ่าพันธุ์ของเขาและนับว่าเป็นญาติกัน ปุโรหิตต้องไม่โกนศีรษะให้ล้าน ขลิบเครา หรือเชือดเนื้อตนเอง เขาต้องบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าของเขา และไม่กระทำสิ่งที่ดูหมิ่นพระนามพระเจ้าของเขา เพราะพวกเขามอบเครื่องสักการะถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า เป็นอาหารของพระเจ้าของเขา ฉะนั้นพวกเขาจะต้องบริสุทธิ์ เขาต้องไม่แต่งงานกับหญิงแพศยา หญิงมีมลทิน หรือแต่งงานกับหญิงที่หย่าร้างจากสามี เพราะปุโรหิตเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้าของเขา เจ้าจะต้องนับว่าพวกเขาบริสุทธิ์เพราะพวกเขามอบอาหารของพระเจ้าของเจ้า เขาจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์สำหรับเจ้า เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้บริสุทธิ์ เราเป็นผู้ทำให้พวกเจ้าบริสุทธิ์ และบุตรหญิงของปุโรหิตคนใดกระทำตนให้เป็นมลทินด้วยการเป็นหญิงแพศยา เธอก็ทำให้บิดาของนางเป็นมลทินไปด้วย เธอจะต้องถูกเผาด้วยไฟ

10 หัวหน้ามหาปุโรหิตที่อยู่ในหมู่พี่น้องของเขา เป็นผู้ที่ได้รับการเจิมน้ำมันบนศีรษะ และได้รับการแต่งตั้งให้สวมเครื่องแต่งกายประจำของปุโรหิต จะต้องไม่ปล่อยผมให้ห้อยรุงรัง หรือฉีกเสื้อผ้าของตน 11 เขาจะต้องไม่เข้าไปในที่ที่มีคนตาย หรือทำตนให้มีมลทินแม้จะเป็นเพราะบิดาหรือมารดาของเขาก็ตาม 12 คือจะต้องไม่ไปจากที่พำนัก หรือทำให้ที่พำนักของพระเจ้าของเขาเป็นมลทิน ด้วยว่าน้ำมันเจิมของพระเจ้าของเขาที่แต่งตั้งเขานั้นอยู่กับเขา เราคือพระผู้เป็นเจ้า 13 และหญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยต้องเป็นพรหมจารี 14 เขาจะต้องไม่แต่งงานกับหญิงม่าย หรือหญิงที่หย่าร้างแล้ว หรือหญิงที่มีมลทิน หรือหญิงแพศยา แต่จะต้องแต่งงานกับพรหมจาริณีจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน 15 เพื่อบรรดาบุตรของเขาจะไม่มีมลทินในหมู่ญาติพี่น้องของเขา เพราะว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า เราทำให้เขาบริสุทธิ์’”

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 17 “จงบอกอาโรนว่า ‘ไม่มีผู้สืบเชื้อสายของเจ้าคนใดที่มีร่างกายผิดปกติจะเข้าไปมอบอาหารของพระเจ้าของเขาในทุกชาติพันธุ์ 18 เพราะใครที่มีร่างกายผิดปกติจะเข้าไปใกล้ไม่ได้ ชายตาบอดหรือเป็นง่อย ใบหน้าเสียโฉมหรือรูปร่างผิดปกติ 19 หรือชายที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าหรือมือ 20 หลังโกง หรือแคระ หรือชายที่มีสายตาไม่ปกติ เป็นโรคผิวคันหรือตกสะเก็ด หรือลูกอัณฑะไม่ปกติ 21 ผู้สืบเชื้อสายคนใดของอาโรนปุโรหิตที่มีร่างกายผิดปกติใดๆ จะเข้าไปใกล้เพื่อมอบเครื่องสักการะของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งถวายด้วยไฟไม่ได้ ในเมื่อเขามีร่างกายผิดปกติ เขาจะเข้าไปใกล้เพื่อมอบอาหารของพระเจ้าของเขาไม่ได้ 22 แต่เขาสามารถรับประทานอาหารของพระเจ้าของเขาได้คือ ได้ทั้งอาหารบริสุทธิ์ที่สุดและของบริสุทธิ์อื่นๆ 23 แต่เขาจะเข้าไปใกล้ม่านกั้นหรือแท่นบูชาไม่ได้เพราะเขามีร่างกายผิดปกติ เขาจะต้องเคารพที่พำนักของเรา เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า เราทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’” 24 ดังนั้น โมเสสจึงกล่าวแก่อาโรนและบรรดาบุตรของท่านและแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงตามนั้น

ความบริสุทธิ์ของเครื่องสักการะ

22 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกอาโรนและบรรดาบุตรของเขาให้ระมัดระวังในสิ่งบริสุทธิ์ของชาวอิสราเอลซึ่งพวกเขาจัดถวายแก่เรา เพื่อเขาจะไม่ดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า จงบอกพวกเขาว่า ‘ไม่ว่าในยุคใดสมัยใด หากว่ามีผู้สืบเชื้อสายของพวกเจ้าคนใดเข้าใกล้สิ่งบริสุทธิ์ที่ชาวอิสราเอลถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าขณะที่เขามีมลทิน ผู้นั้นไม่ต้องมาปฏิบัติหน้าที่ ณ เบื้องหน้าเราอีก เราคือพระผู้เป็นเจ้า เชื้อสายของอาโรนคนใดที่เป็นโรคเรื้อนหรือทนทุกข์กับสิ่งที่ไหลออก จะรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้จนกว่าจะสะอาดก่อน ใครก็ตามจับต้องสิ่งเป็นมลทินด้วยการสัมผัสคนตายหรือคนที่มีน้ำกามไหลออก และใครก็ตามจับต้องสัตว์เลื้อยคลานที่ทำให้เขาเป็นมลทิน หรือคนใดที่ทำให้เขาเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นมลทินใดๆ ก็ตาม คนที่แตะต้องสิ่งเหล่านี้จะเป็นมลทินจนถึงเย็น และจะต้องไม่รับประทานสิ่งบริสุทธิ์จนกว่าเขาจะอาบน้ำชำระตัวเสียก่อน เมื่อตะวันตกดิน เขาจึงจะสะอาด หลังจากนั้นเขาจึงรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นอาหารของเขา เขาไม่ควรรับประทานสิ่งที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าขย้ำตายซึ่งทำให้เขาเป็นมลทิน เราคือพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นบรรดาปุโรหิตจงปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา เพื่อว่าจะไม่ต้องเป็นบาปจากการฝ่าฝืน และตายเพราะดูหมิ่นคำสั่ง เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราทำให้พวกเขาบริสุทธิ์

10 คนอื่นรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้ ผู้เป็นแขกของปุโรหิตหรือคนงานรับใช้ก็รับประทานสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้ 11 แต่ถ้าปุโรหิตซื้อทาสด้วยเงิน หรือทาสเกิดในขณะที่อยู่ในความดูแลของปุโรหิตก็รับประทานอาหารของเขาได้ 12 ถ้าบุตรหญิงของปุโรหิตแต่งงานกับคนจากเผ่าอื่น นางจะรับประทานของถวายบริสุทธิ์ไม่ได้ 13 แต่ถ้าบุตรหญิงของปุโรหิตเป็นม่ายหรือหย่าร้างแล้วโดยไม่มีบุตร และนางกลับไปอยู่ที่บ้านบิดาเหมือนครั้งเป็นเด็ก นางก็รับประทานอาหารของบิดาได้ แต่คนอื่นรับประทานไม่ได้ 14 และถ้าผู้ใดรับประทานสิ่งบริสุทธิ์โดยไม่รู้ตัว นอกจากเขาจะต้องให้สิ่งบริสุทธิ์คืนแก่ปุโรหิตแล้ว เขายังต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งส่วนห้าของราคาสิ่งบริสุทธิ์ 15 บรรดาปุโรหิตต้องเคารพสิ่งบริสุทธิ์ที่ชาวอิสราเอลถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 16 โดยไม่ปล่อยให้เขาทั้งหลายรับประทานสิ่งบริสุทธิ์อันเป็นเหตุให้เขาต้องรับโทษเนื่องจากความผิดนั้น เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’”

17 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 18 “จงบอกอาโรนและบรรดาบุตรของเขา และชาวอิสราเอลด้วยว่า ‘เมื่อใดพงศ์พันธุ์อิสราเอลหรือคนต่างด้าวในอิสราเอลถวายเครื่องสักการะ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากคำสาบานหรือด้วยความสมัครใจ ซึ่งนำมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะใช้เผาเป็นของถวาย 19 เพื่อเป็นที่ยอมรับ พวกเจ้าต้องถวายสัตว์ตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิจากฝูงโค แกะ หรือแพะ 20 เจ้าอย่าถวายสัตว์มีตำหนิ เพราะจะไม่เป็นที่ยอมรับ 21 และเมื่อผู้ใดถวายเครื่องสักการะเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะเนื่องมาจากคำสาบานหรือความสมัครใจ จากฝูงโคหรือแพะแกะก็ตาม และจะให้เป็นที่ยอมรับ สัตว์ต้องดีบริบูรณ์ ต้องไม่มีตำหนิใดๆ 22 สัตว์ที่ตาบอดหรือง่อยเปลี้ย ไม่สมประกอบ เป็นน้ำหนองที่บาดแผล หรือเป็นโรคผิวหนังคัน ตกสะเก็ด พวกเจ้าก็จงอย่าถวายให้แด่พระผู้เป็นเจ้า หรือยกให้เป็นของถวายด้วยไฟที่แท่นบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า 23 โคหรือแกะที่รูปร่างผิดลักษณะ เจ้าจะถวายเป็นเครื่องสักการะประเภทสมัครใจได้ แต่จะใช้เป็นเครื่องสักการะตามคำสาบานนั้นรับไม่ได้ 24 สัตว์ตัวใดที่มีลูกอัณฑะฟกช้ำหรือบาดเจ็บ ฉีกขาดหรือขีดข่วน เจ้าก็จงอย่าถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าหรือใช้ในการใดๆ ในแผ่นดินของเจ้า 25 และพวกเจ้าต้องไม่รับสัตว์จำพวกนี้จากคนชาติอื่นและใช้เป็นอาหารของพระเจ้า เพราะสัตว์เหล่านั้นมีมลทินเนื่องจากไม่สมประกอบ และจะไม่เป็นที่ยอมรับ’”

26 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 27 “เมื่อโค แกะหรือแพะเกิดมา จะต้องอยู่กับแม่ของมัน 7 วัน นับจากวันที่แปดไปแล้วจึงจะเป็นที่ยอมรับสำหรับเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าได้ 28 ไม่ว่าจะเป็นโคหรือแกะ เจ้าจะต้องไม่ฆ่าทั้งแม่และลูกของมันในวันเดียวกัน 29 เมื่อพวกเจ้ามอบของถวายแห่งการขอบคุณแด่พระผู้เป็นเจ้า ก็จงถวายเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ 30 และรับประทานเนื้อสัตว์ในวันเดียวกัน อย่าเหลือค้างไว้จนถึงรุ่งเช้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

31 ฉะนั้น พวกเจ้าจงรักษาคำบัญญัติของเราและปฏิบัติตาม เราคือพระผู้เป็นเจ้า 32 และอย่าดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา เราจะเป็นที่เคารพสักการะท่ามกลางชาวอิสราเอล เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราทำให้พวกเจ้าบริสุทธิ์ 33 เรานำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

กฎเทศกาลต่างๆ

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เทศกาลที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าจะต้องประกาศว่า เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เป็นเทศกาลของเราที่กำหนดไว้ มีตามนี้คือ

วันสะบาโต เทศกาลปัสกา เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ

เจ้าทำงาน 6 วันได้ แต่วันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เจ้าจงอย่าทำงานใดๆ เพราะเป็นวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

เทศกาลอื่นๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ที่เจ้าจะต้องประกาศตามเวลาที่กำหนดสำหรับพวกเขา ในเดือนแรก วันที่สิบสี่ของเดือนเวลาโพล้เพล้เป็นวันปัสกา[m]ของพระผู้เป็นเจ้า วันที่สิบห้าของเดือนเดียวกันเป็นเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ[n]สำหรับพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าต้องรับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วัน ในวันแรกนั้นเจ้าจงมีการประชุมอันบริสุทธิ์ จงอย่าลงแรงทำงาน แต่จงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าในระยะ 7 วัน วันที่เจ็ดเป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เจ้าจงอย่าลงแรงทำงาน’”

ผลแรก

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 10 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้าไปในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่เจ้า และพวกเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผล เจ้าก็จงนำฟ่อนแรกที่เก็บเกี่ยวได้มามอบกับปุโรหิต 11 และเขาจะโบกฟ่อนข้าวขึ้นลง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าเป็นที่ยอมรับ ปุโรหิตจะโบกฟ่อนข้าวนั้นในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสะบาโต 12 ในวันที่เจ้าโบกฟ่อนข้าว เจ้าก็จงถวายแกะตัวผู้อายุ 1 ปีที่ปราศจากตำหนิ เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 13 พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาเป็นแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนห้าเอฟาห์ผสมกับน้ำมัน ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ และมีเหล้าองุ่นหนึ่งส่วนสี่ฮิน[o]เป็นเครื่องดื่มบูชา 14 พวกเจ้าอย่ารับประทานขนมปังหรือเมล็ดข้าวดิบและข้าวคั่วจนกว่าวันที่เจ้าจะนำเครื่องสักการะของพระเจ้าของเจ้ามาถวาย และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

เทศกาลเก็บเกี่ยว

15 หลังจากวันสะบาโตแล้ว เจ้าจงนับให้ครบ 7 สัปดาห์เต็มนับจากวันรุ่งขึ้นอันเป็นวันที่เจ้านำฟ่อนข้าวเป็นเครื่องโบกถวาย 16 ในวันที่ห้าสิบ เป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสะบาโตครั้งที่เจ็ด พวกเจ้าจึงนำข้าวใหม่มาถวายเป็นเครื่องธัญญบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเจ้าจงนำขนมปัง 2 ก้อนจากที่อยู่อาศัยของเจ้าเพื่อโบกถวาย ใช้แป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนห้าเอฟาห์ใส่เชื้อยีสต์ และอบเป็นผลแรกสำหรับพระผู้เป็นเจ้า 18 และสิ่งที่เจ้าจะถวายกับขนมปังคือลูกแกะตัวผู้ 7 ตัวไม่มีตำหนิอายุ 1 ปี โคหนุ่ม 1 ตัวจากฝูง และแกะตัวผู้ 2 ตัว เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชา เป็นของถวายด้วยไฟส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 19 และพวกเจ้าจงถวายแพะตัวผู้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 1 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 2 ตัวอายุ 1 ปีเป็นเครื่องสักการะแห่งของถวายเพื่อสามัคคีธรรม 20 ปุโรหิตจะโบกสิ่งเหล่านี้ขึ้นลงพร้อมกับขนมปังที่อบจากผลแรกเพื่อเป็นเครื่องโบกถวาย กับลูกแกะ 2 ตัว ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นของปุโรหิต 21 และพวกเจ้าจงมีการประชุมอันบริสุทธิ์ และประกาศในวันเดียวกันว่าเจ้าจะไม่ลงแรงทำงาน จงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

22 เมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวนาของเจ้า อย่าเกี่ยวข้าวจนสุดขอบนา หรือเก็บรวงข้าวที่เกี่ยวตกหล่นไว้หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว เจ้าจงทิ้งไว้ให้คนจนและคนต่างด้าว เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า’”

เทศกาลแตรงอน

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 24 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ในวันแรกของเดือนเจ็ด พวกเจ้าจงพักผ่อนอย่างแท้จริง รำลึกถึงด้วยการเป่าแตรงอน[p] เป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ 25 จงอย่าลงแรงทำงาน และจงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า’”

วันทำพิธีชดใช้บาป

26 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 27 “วันที่สิบของเดือนเจ็ดนี้เป็นวันทำพิธีชดใช้บาป จะเป็นเวลาประชุมอันบริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า และเจ้าจะต้องงดอาหาร รวมทั้งสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ แล้วถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 28 และอย่าทำงานในวันนั้น เพราะเป็นวันชดใช้บาปเพื่อชดใช้บาปให้แก่พวกเจ้า ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า 29 เพราะว่าถ้าใครไม่งดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญในวันนั้น จะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของตน 30 และถ้าใครทำงานในวันนั้น เราจะทำให้เขาตายไปจากชนชาติของเขา 31 พวกเจ้าจงอย่าทำงาน และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม 32 จะเป็นวันสะบาโตให้เจ้าหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง จงงดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ เจ้าจงถือกฎวันสะบาโตโดยเริ่มจากเย็นวันที่เก้าของเดือนจนถึงเย็นของวันต่อไป”

เทศกาลอยู่เพิง

33 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 34 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘วันที่สิบห้าเดือนเจ็ดนี้เป็นเทศกาลอยู่เพิงสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลานาน 7 วัน 35 ในวันแรกจงนับว่าเป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ พวกเจ้าอย่าลงแรงทำงาน 36 จงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน และวันที่แปดพวกเจ้าจงมีวันประชุมอันบริสุทธิ์พร้อมกับถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า นับว่าเป็นวันประชุม จงอย่าลงแรงทำงาน

37 นี่คือเทศกาลต่างๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพวกเจ้าจะประกาศว่าเป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ เพื่อถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า อันได้แก่สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย เครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะและเครื่องดื่มบูชาต่างๆ แต่ละสิ่งตามความเหมาะสมของวันและเวลา 38 พวกเจ้าจะมอบเครื่องถวายเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้านอกเหนือจากวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า นอกเหนือจากเครื่องบรรณาการ เครื่องสักการะทั้งปวงอันเนื่องมาจากคำสาบานและความสมัครใจ

39 ในวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด เมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลได้จากนา เจ้าจงรักษาเทศกาลสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน ให้วันแรกเป็นวันพักผ่อน และวันที่แปดอีกวันที่เป็นวันพักผ่อน 40 ในวันแรก พวกเจ้าจงเอาผลจากต้นที่งามเด่น กิ่งอินทผลัม กิ่งจากไม้ใบ และหลิวจากธารน้ำ และพวกเจ้าจะยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน 41 พวกเจ้าจงถือเป็นเทศกาลสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วันต่อปี และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล จงถือเทศกาลนี้ในเดือนที่เจ็ด 42 เจ้าจงอาศัยอยู่ในเพิง 7 วัน ทุกคนที่เป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิดจะอาศัยอยู่ในเพิง 43 เพื่อทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าจะได้ทราบว่า เราให้ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิงเมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า’”

44 ดังนั้น โมเสสจึงกล่าวแก่ชาวอิสราเอลถึงเรื่องเทศกาลต่างๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า

ดวงประทีปและขนมปัง

24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบัญชาชาวอิสราเอลให้นำน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สกัดแล้ว มาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อให้ไฟจุดดวงประทีปต่อเนื่องโดยไม่ขาด ณ บริเวณนอกม่านกั้นของหีบพันธสัญญาในกระโจมที่นัดหมาย อาโรนจะต้องดูแลดวงประทีปให้จุดอยู่ตั้งแต่เย็นจนถึงรุ่งเช้า ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล เขาจะต้องดูแลดวงประทีปให้จุดอยู่ที่คันประทีปทองคำบริสุทธิ์ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าจงเอาแป้งสาลีชั้นเยี่ยมอบเป็นขนม 12 ก้อน แต่ละก้อนนวดจากแป้งหนึ่งส่วนห้าเอฟาห์ และจงวางเรียงเป็น 2 แถวๆ ละ 6 ก้อนบนโต๊ะทองคำบริสุทธิ์ จงวางกำยานบริสุทธิ์ที่แต่ละแถวให้เข้ากับขนมปัง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการถวายซึ่งถวายด้วยไฟสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ทุกๆ วันสะบาโตอาโรนจะจัดของไว้ให้พร้อม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นพันธสัญญาตลอดไปให้แก่ชาวอิสราเอล อาโรนและบรรดาบุตรของเขาจะได้รับขนมปังนี้ และจะรับประทานในสถานที่ที่บริสุทธิ์เพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดสำหรับเขา เป็นส่วนที่มาจากของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า จงถือเป็นกฎเกณฑ์ตลอดไป”

โทษของการพูดหมิ่นประมาท

10 ชายคนหนึ่งซึ่งมารดาเป็นชาวอิสราเอลและบิดาเป็นชาวอียิปต์ไปอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอล บุตรชายของหญิงชาวอิสราเอลคนนี้เกิดวิวาทกับชายชาวอิสราเอลคนหนึ่งในค่าย 11 และบุตรชายของหญิงชาวอิสราเอลพูดหมิ่นประมาทพระนาม และสาปแช่งพระองค์ เขาจึงถูกนำตัวมายังโมเสส มารดาของเขาชื่อเชโลมิทบุตรหญิงของดิบรีจากเผ่าดาน 12 เขาถูกจำขังจนกว่าคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าจะกระจ่างแจ้งแก่พวกเขา

13 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 14 “จงเอาตัวคนที่สาปแช่งออกไปจากค่าย และให้ทุกคนที่ได้ยินคำสาปแช่งวางมือของพวกเขาลงบนศีรษะของคนนั้น และให้มวลชนเอาก้อนหินขว้าง 15 และบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ใครก็ตามสาปแช่งพระเจ้าของเขา ก็จะต้องรับโทษของตน 16 ผู้กล่าวหมิ่นประมาทพระนามพระผู้เป็นเจ้า จะต้องรับโทษถึงตาย ผู้คนจะต้องเอาก้อนหินขว้างเขา ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างด้าวหรือชาวอิสราเอลโดยกำเนิด เมื่อเขาพูดหมิ่นประมาทพระนาม ก็จะต้องรับโทษถึงตาย

17 ผู้ใดที่ฆ่าคนจะต้องรับโทษถึงตาย 18 ผู้ใดที่ฆ่าสัตว์ของผู้อื่นจะต้องชดใช้คือ ชีวิตแลกด้วยชีวิต 19 เมื่อผู้ใดทำให้เพื่อนร่วมชาติได้รับบาดเจ็บ เขาจะต้องถูกกระทำตอบเช่นเดียวกัน 20 กระดูกต่อกระดูก ตาต่อตา และฟันต่อฟัน[q] เขาทำให้ใครบาดเจ็บอย่างไร เขาก็จะถูกกระทำตอบอย่างนั้น 21 ผู้ใดที่ฆ่าสัตว์ของผู้อื่นจะต้องชดใช้ และผู้ใดที่ฆ่าคนจะต้องรับโทษถึงตาย 22 พวกเจ้าต้องใช้โทษทัณฑ์สำหรับชาวต่างด้าวและชาวอิสราเอลโดยกำเนิดในวิธีเดียวกัน เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า’” 23 ดังนั้นโมเสสจึงกล่าวแก่ชาวอิสราเอล และพวกเขาเอาคนที่กล่าวคำสาปแช่งออกไปจากค่ายและเอาก้อนหินขว้างเขา ชาวอิสราเอลกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสสไว้

ปีสะบาโต

25 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสที่ภูเขาซีนายว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้าไปยังแผ่นดินที่เรามอบให้แก่เจ้า เจ้าจะต้องรักษาปีสะบาโตไว้สำหรับพระผู้เป็นเจ้า เจ้าจะหว่านนาได้ 6 ปี และจะตัดแต่งสวนองุ่นได้ 6 ปี และเก็บเกี่ยวผลของมัน แต่ปีที่เจ็ดควรเป็นปีสะบาโตให้แผ่นดินได้หยุดพักอย่างแท้จริง เป็นปีสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า เจ้าจงอย่าหว่านนาหรือตัดแต่งสวนองุ่น เมล็ดที่งอกขึ้นเองก็อย่าเก็บเกี่ยว ผลองุ่นจากเถาที่ไม่ได้ตัดแต่งก็อย่าเก็บ จงให้เป็นปีแห่งการหยุดพักอย่างแท้จริงสำหรับแผ่นดิน พวกเจ้าจะมีอาหารในปีสะบาโต สำหรับตนเอง สำหรับทาสชายและหญิง สำหรับผู้รับจ้าง และชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเจ้า รวมทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าที่อยู่ในแผ่นดินของเจ้าก็จะมีพืชผลทั้งหมดเป็นอาหาร

วาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ

และเจ้าจงนับจำนวนปีสะบาโต 7 ครั้ง เป็นเจ็ดคูณเจ็ดปี รวมเวลาได้ 49 ปี จากนั้นเจ้าก็จงเป่าแตรงอนให้ดังทั่วไปในวันที่สิบเดือนเจ็ด ในวันทำพิธีชดใช้บาปเจ้าจงเป่าแตรงอนไปให้ทั่วแผ่นดินของพวกเจ้า 10 พวกเจ้าจงให้ปีที่ห้าสิบเป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพให้แก่ผู้อยู่อาศัยทุกคนทั่วแผ่นดิน เจ้าจงฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ พวกเจ้าแต่ละคนจะได้ที่ดินของตนคืนหรือกลับไปหาครอบครัวของตน 11 พวกเจ้าจะใช้ปีที่ห้าสิบเป็นปีฉลองครบรอบ เจ้าต้องไม่หว่านหรือเก็บเกี่ยวสิ่งที่งอกขึ้นเอง หรือเก็บผลจากต้นองุ่นที่ไม่ได้ตัดแต่ง 12 เพราะเป็นวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ จึงต้องเป็นวาระบริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า เจ้าต้องรับประทานสิ่งที่ได้มาจากไร่นาโดยตรง

13 ในปีแห่งการฉลองครบรอบ 50 ปีนี้เจ้าแต่ละคนจะได้ที่ดินของตนคืน 14 และถ้าเจ้าทำการซื้อขายกับชนร่วมชาติของเจ้า ก็อย่าเอาเปรียบกันและกัน 15 เจ้าจะซื้อที่นาจากชนร่วมชาติของเจ้าก็ดูจำนวนปีหลังจากวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบแล้ว เขาจะขายให้เจ้าตามแต่จำนวนปีที่เหลือสำหรับปลูกพืช 16 ถ้าปลูกพืชได้อีกหลายปี ราคาก็ขึ้นตามจำนวนปี และถ้าปลูกได้น้อยปี ราคาก็ลดลง เพราะเขาขายจำนวนครั้งที่เจ้าจะปลูกพืชได้ 17 เจ้าจงอย่าเอาเปรียบกันและกัน แต่จงเกรงกลัวพระเจ้าของเจ้า

18 ฉะนั้น พวกเจ้าจงกระทำตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา เพื่อพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินอย่างปลอดภัย 19 แผ่นดินจะให้ผลผลิต และพวกเจ้าจะรับประทานจนอิ่มหนำและอาศัยในแผ่นดินอย่างปลอดภัย 20 และถ้าพวกเจ้าพูดว่า “พวกเราจะรับประทานอะไรในปีที่เจ็ดเล่า ถ้าหากเราหว่านหรือเก็บเกี่ยวพืชผลของเราไม่ได้” 21 เราจะบัญชาพรของเราให้เกิดแก่เจ้าในปีที่หก เพื่อให้เจ้าได้รับพืชผลไว้ใช้ถึง 3 ปี 22 เมื่อพวกเจ้าหว่านในปีที่แปด เจ้าจะรับประทานพืชผลเก่าจนถึงปีที่เก้าซึ่งจะผลิตได้ผลรุ่นใหม่

23 ในเรื่องที่ดิน เจ้าจงอย่าขายขาด เพราะที่ดินเป็นของเรา พวกเจ้าเป็นชาวต่างด้าวและอาศัยอยู่กับเรา 24 และเจ้าจงให้โอกาสผู้อื่นซื้อที่ดินทุกผืนกลับคืนได้

25 ถ้าชนร่วมชาติของเจ้าตกอับต้องขายที่ดินบางส่วน และต่อมาญาติสนิทของเขามีสิทธิไถ่ของที่พี่น้องของตนขายไปแล้ว 26 ถ้าคนคนนั้นไม่มีใครไถ่ของคืนได้ ต่อมาเขากลับมั่งมีขึ้นและมีลู่ทางไถ่ของคืน 27 จงให้เขาคิดค่าที่ดินโดยนับจากวันที่เขาขายที่ดินจนถึงวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ และจ่ายคืนให้แก่ผู้ซื้อ จากนั้นเขาจึงได้ที่ดินกลับคืนมา 28 แต่ถ้าเขาไม่สามารถซื้อที่ดินกลับคืน สิ่งที่เขาขายไปแล้วก็จะตกอยู่กับผู้ซื้อจนถึงวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ จากนั้นเขาจะได้ที่ดินคืน

29 ถ้าผู้ใดขายบ้านในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ เขาจะไถ่คืนได้ภายในระยะ 1 ปีหลังจากขายไปแล้ว เขามีสิทธิเอาบ้านคืนในระยะเวลา 1 ปี 30 ถ้าไม่ไถ่บ้านคืนในเวลา 1 ปีเต็ม บ้านในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบจะเป็นของผู้ซื้อตลอดทุกชาติพันธุ์ของเขา และจะไม่ต้องคืนแม้จะเป็นวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ 31 แต่บ้านตามชนบทไม่มีกำแพงล้อมรอบนับว่าเป็นทุ่งโล่งและไถ่คืนได้และจะต้องคืนในวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ 32 ชาวเลวีมีสิทธิไถ่บ้านที่อยู่ในเมืองที่พวกเขาเป็นเจ้าของได้ทุกเมื่อ 33 ถ้าชาวเลวีคนใดไม่ถือสิทธิ์ไถ่บ้านคืน บ้านที่ถูกขายในเมืองที่เป็นของชาวเลวีก็จะต้องถูกคืนในวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ เพราะบ้านที่อยู่ในเมืองของชาวเลวีเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาในหมู่ชาวอิสราเอล 34 แต่ทุ่งหญ้าเป็นส่วนกลางของเมืองของพวกเขาที่ขายไม่ได้ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาตลอดไป

35 ถ้าชนร่วมชาติของเจ้ายากจนลงและทำมาหาเลี้ยงตนในหมู่เจ้าไม่ได้ เจ้าจงดูแลเขา ให้เขาอาศัยอยู่กับเจ้าอย่างคนต่างด้าวหรือเป็นผู้อาศัย เขาจะอาศัยอยู่กับเจ้า 36 อย่าคิดดอกเบี้ยหรือค้ากำไรเขา แต่จงเกรงกลัวพระเจ้า ให้ชนร่วมชาติของเจ้าอาศัยอยู่ด้วย 37 จงอย่าให้เขายืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยหรือทำกำไรจากอาหารของเจ้า 38 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เรานำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินของอียิปต์เพื่อยกแผ่นดินคานาอันให้แก่เจ้า และเพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า

39 และถ้าชนร่วมชาติของเจ้ายากจนลงในหมู่เจ้า และขายตัวเป็นทาส เจ้าจงอย่าให้เขารับใช้อย่างทาส 40 จงให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างผู้รับจ้างทำงานหรืออย่างผู้อาศัย เขาจะรับใช้เจ้าจนถึงวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ 41 แล้วเขาจะไปจากเจ้า บรรดาบุตรของเขาก็ไปกับเขาด้วย เพื่อกลับไปหาครอบครัวของเขา และไปสู่ที่ดินของบิดาของเขา 42 เพราะพวกเขาเป็นทาสผู้รับใช้ของเรา เรานำออกไปจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาจะต้องไม่ถูกขายเป็นทาส 43 เจ้าจงอย่าปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างโหดร้าย แต่จงเกรงกลัวพระเจ้าของเจ้า 44 สำหรับทาสชายและหญิงที่พวกเจ้าจะมีนั้น พวกเจ้าจะซื้อได้จากบรรดาประชาชาติที่อยู่ใกล้เคียงพวกเจ้า 45 เจ้าจะซื้อจากบรรดาชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเจ้าได้ด้วย และครอบครัวของพวกเขาก็อาศัยอยู่กับเจ้า และเกิดในแผ่นดินของพวกเจ้า และเขาจะตกเป็นทรัพย์สินของพวกเจ้าก็ได้ 46 พวกเจ้าจะยกทาสเหล่านี้ให้แก่บุตรต่อจากเจ้าก็ได้ ให้เขารับทอดเป็นมรดก พวกเจ้าให้เขาเป็นทาสได้ตลอดไป แต่เจ้าจงอย่าปฏิบัติต่อชนร่วมชาติของเจ้าคือชาวอิสราเอลอย่างโหดร้าย

47 ถ้าชาวต่างด้าวหรือผู้อาศัยมั่งมีขึ้น และชนร่วมชาติของเจ้าอยู่กับเขาจนกระทั่งต้องขายตัวเป็นทาสให้แก่ชาวต่างด้าวหรือผู้อาศัยอยู่กับเจ้าหรือแก่สมาชิกครอบครัวของชาวต่างด้าว 48 หลังจากที่ขายแล้ว ก็สามารถไถ่คืนได้ ชนร่วมชาติของเขาสามารถไถ่เขาคืนได้ 49 หรือไม่ก็ลุง อา หรือลูกพี่ลูกน้องสามารถไถ่เขาคืนได้ หรือญาติพี่น้องในครอบครัวเดียวกันสามารถไถ่เขาคืนได้ หรือถ้าเขามั่งมีขึ้นเขาก็อาจจะไถ่ตนเองได้ 50 ผู้เป็นทาสจะตกลงกับผู้ที่จะไถ่ตัวเขาว่า นับจากเวลาที่เขาขายตัวเป็นทาสจนถึงวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบเป็นเวลานานกี่ปี ราคาของการปลดปล่อยตัวคำนวณตามอัตราลูกจ้างตามจำนวนปี 51 ถ้าเหลือเวลาอีกหลายปีจนถึงวาระฉลอง เขาต้องคืนราคาค่าตัวให้เจ้าของเพื่อไถ่ตัว 52 ถ้าเหลือเพียงไม่กี่ปีจนถึงวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบ เขาก็ต้องคำนวณเวลากัน ตามสัดส่วนที่ต้องคืนราคาค่าตัวสำหรับการไถ่ตัวคืน 53 ชาวต่างด้าวต้องกระทำต่อผู้รับใช้เหมือนว่าเขาเป็นผู้รับจ้างรายปี เจ้าต้องรู้เห็นด้วยว่านายจ้างต้องไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างโหดร้าย 54 ถึงแม้ว่าเขาไม่ถูกไถ่ตัวด้วยวิธีเหล่านี้ก็ตาม เขาก็ยังจะรับการปลดปล่อยในวาระฉลองครบรอบปีที่ห้าสิบพร้อมกับบุตรของเขาด้วย 55 ด้วยว่าชาวอิสราเอลเป็นทาสผู้รับใช้สำหรับเรา พวกเขาเป็นทาสผู้รับใช้ที่เรานำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า

พระพรของการเชื่อฟัง

26 พวกเจ้าจงอย่าสร้างรูปเคารพ และอย่ายกรูปปั้นหรือเสาหินขึ้นให้แก่ตนเอง จงอย่าตั้งหินสลักรูปในแผ่นดินของพวกเจ้าเพื่อก้มกราบมัน เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เจ้าจงถือกฎวันสะบาโต และเคารพที่พำนักของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า

ถ้าพวกเจ้าดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาคำบัญญัติของเรา เราก็จะให้เจ้าได้รับฝนตามฤดูกาล และแผ่นดินจะผลิตพืชผลได้มากขึ้น ต้นไม้ในไร่จะออกผล และลานของพวกเจ้าจะเต็มจนถึงเวลาเก็บผลองุ่น และจะเก็บผลองุ่นไปจนถึงเวลาหว่านข้าว พวกเจ้าจะรับประทานอาหารจนอิ่มหนำ และอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าอย่างปลอดภัย เราจะให้ความสงบสุขในแผ่นดิน และพวกเจ้าจะนอนหลับโดยไม่มีผู้ใดทำให้เจ้าหวาดกลัว และเราจะกำจัดสัตว์ป่าร้ายๆ ไปจากแผ่นดิน และจะไม่มีการฆ่าฟันในแผ่นดินของพวกเจ้า พวกเจ้าจะขับไล่ศัตรู และพวกเขาจะถูกฆ่าฟันต่อหน้าเจ้า พวกเจ้า 5 คนจะขับไล่ 100 คน และพวกเจ้า 100 คนจะขับไล่ 10,000 คน ศัตรูของเจ้าจะถูกฆ่าฟันต่อหน้าเจ้า เจ้าจะเป็นที่โปรดปราน และเราจะให้พวกเจ้าเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีคนของเจ้าขึ้น และจะทำตามพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพวกเจ้า 10 เจ้าจะรับประทานอาหารที่เก็บสะสมไว้ได้เป็นเวลานาน จนเจ้าต้องกำจัดรุ่นเก่าออกเพื่อหาที่เก็บสะสมรุ่นใหม่ 11 เราจะให้กระโจมที่พำนักอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า และจิตวิญญาณของเราจะไม่ชิงชังพวกเจ้า 12 เราจะเดินเคียงข้างไปกับพวกเจ้า และจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา[r] 13 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เรานำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเจ้าจะได้ไม่เป็นทาสของเขา และเราหักคานแอกของเจ้าแล้ว ทำให้เจ้าเดินตัวตรงได้

โทษของการไม่เชื่อฟัง

14 แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเรา และไม่กระทำตามคำบัญญัติเหล่านี้ 15 ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธกฎเกณฑ์ของเรา และถ้าจิตวิญญาณละเลยต่อคำบัญชาของเรา ทำให้ไม่ปฏิบัติตามคำบัญญัติ แต่กลับฝ่าฝืนพันธสัญญาของเรา 16 เราก็จะสนองตอบด้วยสิ่งเหล่านี้คือ เราจะทำให้พวกเจ้าประสบกับความพินาศ เป็นโรคร้ายรักษาไม่ได้ เป็นไข้จนตาฟางและทำให้เศร้าสลด พวกเจ้าจะหว่านเมล็ดโดยไร้ประโยชน์เพราะศัตรูจะเป็นคนเก็บเกี่ยวเอาไป 17 เราจะไม่ยอมรับพวกเจ้า และพวกเจ้าจะถูกฆ่าต่อหน้าพวกศัตรู ผู้ที่เกลียดชังก็จะมีอำนาจเหนือพวกเจ้า และพวกเจ้าจะหนีเตลิดไปแม้ในขณะที่ไม่มีผู้ใดไล่ล่าก็ตาม 18 และถ้าหลังจากสิ่งเหล่านี้แล้วยังจะไม่ฟังเราอีก เราก็จะสั่งสอนอีกให้เป็น 7 เท่าเพราะบาปของพวกเจ้า 19 และเราจะลงโทษให้สำนึกถึงความยโสในอำนาจของตน และเราจะทำให้ท้องฟ้าของพวกเจ้ากระด้างดุจเหล็ก และแผ่นดินจะแห้งเหือดดุจทองสัมฤทธิ์ 20 และพวกเจ้าจะลงแรงโดยไร้ประโยชน์ เพราะแผ่นดินจะไม่ผลิตพืชผล และต้นไม้ในแผ่นดินจะไม่ออกผล

21 และถ้าพวกเจ้าดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา และไม่ยอมฟังเรา เราก็จะเพิ่มโทษอีกเป็น 7 เท่าของบาปที่พวกเจ้ากระทำ 22 และเราจะทำให้สัตว์ป่าเข้าไปเพ่นพ่านในหมู่พวกเจ้า มันจะปลิดชีพลูกหลานเสีย และจะกำจัดสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า และทำให้จำนวนคนน้อยลง ถนนหนทางก็จะพลอยร้างไปด้วย

23 และถ้าหลังจากสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว พวกเจ้ายังไม่กลับมาหาเรา แต่ยังดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา 24 เราก็จะเดินในทางตรงกันข้ามกับพวกเจ้าด้วย และจะเป็นตัวเราเองที่ลงโทษให้เป็น 7 เท่าเพราะบาปของพวกเจ้า 25 และเราจะให้มีการฆ่าฟันเกิดขึ้นกับพวกเจ้า เพื่อลงโทษที่ไม่ทำตามพันธสัญญา ถ้าพวกเจ้ามารวมกันอยู่ในเมือง เราก็จะให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงที่นั่น และพวกเจ้าจะตกอยู่ในมือของศัตรู 26 เวลาเราทำให้พวกเจ้าขาดแคลนอาหาร หญิง 10 คนจะใช้เตาอบขนมปังเพียงเตาเดียว เขาจะชั่งขนมปังแจกตามน้ำหนักให้พวกเจ้ารับประทาน แต่ก็จะไม่อิ่ม

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation