Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศาวดาร 10-23

ซาอูลสิ้นชีวิต

10 ในเวลานั้นฟีลิสเตียสู้รบกับอิสราเอล ฝ่ายอิสราเอลแตกพ่ายไปต่อหน้าต่อตาชาวฟีลิสเตีย และล้มตายลงที่ภูเขากิลโบอา ชาวฟีลิสเตียไล่ตามซาอูลและบุตรของท่านไปอย่างกระชั้นชิด และชาวฟีลิสเตียฆ่าโยนาธาน อาบีนาดับ และมัลคีชูวาบุตรทั้งสามของซาอูล การสู้รบครั้งนี้รุนแรงยิ่งนักสำหรับซาอูล เมื่อพวกนักธนูมาพบท่าน ก็เห็นว่าท่านถูกยิงอาการสาหัส ซาอูลกล่าวกับคนถืออาวุธของท่านว่า “จงชักดาบของเจ้าออกมาแทงเราให้ทะลุ มิฉะนั้นคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตพวกนั้นจะมาใช้ดาบแทงเราให้ทะลุ ซ้ำจะเหยียดหยามเราอีกด้วย” แต่คนถืออาวุธของท่านไม่กล้าทำเช่นนั้นเพราะเขากลัวมาก ดังนั้นซาอูลจึงชักดาบของท่านออก และล้มทับดาบเสียเอง เมื่อคนถืออาวุธของท่านเห็นว่าซาอูลสิ้นชีวิตแล้ว เขาก็ล้มทับดาบของเขาเช่นกัน และสิ้นชีวิต ซาอูลเสียชีวิตดังกล่าว บุตร 3 คนของท่าน และคนของท่านทุกคนก็เสียชีวิตด้วยกัน เมื่อชายชาวอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่ในหุบเขาเห็นว่ากองทัพของพวกตนได้เตลิดหนีไป และซาอูลกับบุตรของท่านก็สิ้นชีวิตแล้ว พวกเขาจึงต่างก็ทิ้งบ้านเมืองของตนและหนีไป ชาวฟีลิสเตียจึงเข้าไปอยู่แทน

วันรุ่งขึ้น เมื่อชาวฟีลิสเตียมาปลดของจากคนที่ถูกฆ่า และพบว่าซาอูลและบุตรของท่านนอนตายอยู่บนภูเขากิลโบอา พวกเขาจึงปลดเครื่องอาวุธออกและตัดศีรษะของซาอูล และให้ผู้สื่อข่าวไปทั่วดินแดนของชาวฟีลิสเตีย เพื่อนำข่าวดีไปยังวิหารที่เก็บรูปเคารพของพวกเขา และยังประชาชน 10 พวกเขาเก็บเครื่องอาวุธของท่านไว้ในวิหารของเทพเจ้าของตน และมัดศีรษะของท่านไว้ในวิหารของดาโกน 11 แต่เมื่อผู้อยู่อาศัยของยาเบชกิเลอาดทราบว่าชาวฟีลิสเตียกระทำอย่างไรต่อซาอูล 12 ชายผู้กล้าหาญทุกคนก็เดินทางไปรับร่างของซาอูลและบุตรของท่านมายังเมืองยาเบช แล้วพวกเขาก็เก็บกระดูกไปฝังที่ใต้ต้นโอ๊กที่ยาเบช และอดอาหาร 7 วัน

13 ดังนั้นซาอูลสิ้นชีวิตเพราะไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ปรึกษาคนทรงเพื่อแสวงหาคำแนะนำ 14 ท่านไม่ได้แสวงหาคำแนะนำจากพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงสังหารท่าน และมอบอาณาจักรให้แก่ดาวิดบุตรของเจสซี

ดาวิดรับเจิมเป็นกษัตริย์

11 ต่อจากนั้น ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็มาหาดาวิดที่เฮโบรน และพูดว่า “ดูเถิด พวกเราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน ที่ผ่านมา แม้เมื่อซาอูลเป็นกษัตริย์ปกครอง ดาวิดเป็นผู้ที่นำทัพอิสราเอลออกไปและนำกลับเข้ามา และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกล่าวกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดูอิสราเอลชนชาติของเรา และเจ้าจะเป็นผู้นำของอิสราเอลชนชาติของเรา’”[a] เมื่อบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลมาหากษัตริย์ที่เฮโบรน ดาวิดทำพันธสัญญากับเขาเหล่านั้นที่เฮโบรน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และเขาทั้งปวงเจิมดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านซามูเอลไว้แล้ว

ดาวิดยึดเยรูซาเล็ม

ดาวิดและชาวอิสราเอลทั้งปวงไปยังเยรูซาเล็ม ชื่อเดิมคือเยบุส ซึ่งชาวเยบุสอาศัยอยู่ เป็นผู้อยู่อาศัยของเขตแดนนั้น ผู้อยู่อาศัยของเยบุสพูดกับดาวิดว่า “ท่านเข้ามาที่นี่ไม่ได้” อย่างไรก็ตาม ดาวิดยึดป้อมปราการอันแข็งแกร่งของศิโยนได้ซึ่งเรียกว่า เมืองของดาวิด ดาวิดพูดว่า “ใครก็ตามที่จะโจมตีชาวเยบุสได้เป็นคนแรก ก็จะเป็นหัวหน้าและผู้บัญชาการ” โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์บุกไปโจมตีเป็นคนแรก ดังนั้นเขาจึงได้เป็นหัวหน้า และดาวิดอาศัยอยู่ในป้อมปราการอันแข็งแกร่ง ฉะนั้นจึงเรียกเมืองนั้นว่า เมืองของดาวิด ท่านสร้างเมืองให้กว้างใหญ่ขึ้นโดยรอบ โดยเริ่มจากมิลโล[b]ขยับเข้าไปถึงกำแพงเมืองโดยรอบ และโยอาบซ่อมแซมเมืองส่วนที่เหลือ และดาวิดเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาสถิตกับท่าน

ทหารกล้าของดาวิด

10 เหล่าหัวหน้าของทหารกล้าของดาวิด เป็นผู้ที่ช่วยสนับสนุนท่านอย่างเต็มกำลังในอาณาจักรของท่าน ร่วมกับอิสราเอลทั้งปวง เพื่อเชิญท่านให้เป็นกษัตริย์ ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับอิสราเอล 11 รายชื่อทหารกล้าของดาวิดคือ ยาโชเบอัมชาวฮัคโมนีเป็นหัวหน้าของทหารกล้าทั้งสาม เขาพุ่งหอกสู้รบกับคน 300 คน และฆ่าได้หมดสิ้นในศึกเดียว

12 คนรองจากเขาในกลุ่มทหารกล้าทั้งสามคือ เอเลอาซาร์บุตรของโดโดชาวอาโคค 13 เขาอยู่กับดาวิดที่ปัสดัมมิมเมื่อชาวฟีลิสเตียรวมตัวกันรบในสงคราม มีผืนดินแห่งหนึ่งมีข้าวบาร์เลย์เต็มไปหมด และบรรดาทหารต่างก็หนีชาวฟีลิสเตียไป 14 แต่เขากับดาวิดได้ยืนหยัดอยู่บนที่ดินผืนนั้น และป้องกันที่ดินไว้ ฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย และพระผู้เป็นเจ้าช่วยพวกเขาด้วยชัยชนะครั้งใหญ่

15 มีทหาร 3 คนในบรรดาหัวหน้าทหารกล้า 30 คนลงมาหาดาวิดที่ถ้ำที่อดุลลาม พอดีกับที่ชาวฟีลิสเตียกลุ่มหนึ่งตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม 16 ขณะนั้นดาวิดอยู่ในที่หลบภัย และทางข้ามที่เนินเขาของชาวฟีลิสเตียก็อยู่ที่เบธเลเฮม 17 ดาวิดกล่าวด้วยความปรารถนายิ่งนักว่า “โอ อยากให้ใครสักคนเอาน้ำจากบ่อที่ข้างประตูที่เบธเลเฮมมาให้เราดื่ม” 18 ทหารกล้าทั้งสามจึงแหกค่ายของชาวฟีลิสเตีย และตักน้ำจากบ่อที่ข้างประตูที่เบธเลเฮม นำมาให้ดาวิด แต่ท่านไม่ยอมดื่มน้ำนั้น ท่านกลับเทถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 19 และกล่าวว่า “ไม่มีวันที่ข้าพเจ้าจะกระทำเช่นนี้ต่อหน้าพระเจ้าของข้าพเจ้า สมควรหรือที่ข้าพเจ้าจะดื่มโลหิตจากชีวิตของทหารเหล่านี้ เพราะว่าพวกเขาเสี่ยงชีวิตไปเอาน้ำมา” ฉะนั้นท่านจึงไม่ยอมดื่มน้ำนั้น นี่แหละเป็นสิ่งที่ทหารกล้าทั้งสามกระทำ

20 ฝ่ายอาบีชัยน้องชายของโยอาบ เป็นหัวหน้าของทหารทั้งสามสิบ เขาพุ่งหอกสู้กับ 300 คน และฆ่าพวกเขาได้ ชื่อของเขาจึงเคียงคู่กับทหารทั้งสาม 21 เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุดในหมู่ทหารทั้งสามสิบ และได้เป็นผู้บังคับกองพันทหารของกลุ่ม แต่เขามีชื่อเสียงไม่เท่าระดับของทหารทั้งสาม

22 เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาเป็นชายผู้กล้าหาญคนหนึ่งของเมืองขับเซเอล และเป็นคนปฏิบัติการอันยิ่งใหญ่ เขาฆ่าบุตรทั้งสองของอารีเอลแห่งโมอับ[c] และเขาลงไปฆ่าสิงโตในหลุมลึกในวันที่หิมะตกด้วย 23 เขาฆ่าชาวอียิปต์รูปงามคนหนึ่งสูง 5 ศอก ชาวอียิปต์นั้นถือหอกเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า แต่เบไนยาห์ถือไม้ตะบองลงไปโจมตีเขา และยึดหอกออกจากมือของชาวอียิปต์ได้ และฆ่าเขาด้วยหอกของเขาเอง 24 เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดากระทำสิ่งเหล่านี้ ชื่อของเขาจึงเคียงคู่กับทหารกล้าทั้งสาม 25 เขาเป็นที่รู้จักในหมู่ทหารทั้งสามสิบ แต่เขามีชื่อเสียงไม่เท่าระดับของทหารทั้งสาม และดาวิดแต่งตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าองครักษ์

26 เหล่าทหารกล้ามีอาสาเฮลน้องชายของโยอาบ เอลฮานันบุตรของโดโดชาวเบธเลเฮม 27 ชัมโมทแห่งฮาโรด เฮเลสชาวเปโลน 28 อิราบุตรของอิกเขชแห่งเมืองเทโคอา อาบีเอเซอร์แห่งเมืองอานาโธท 29 สิบเบคัยชาวหุชาห์ อิลัยชาวอาโคค 30 มาหะรัยแห่งเนโทฟาห์ เฮเลดบุตรของบาอานาห์แห่งเนโทฟาห์ 31 อิททัยบุตรของรีบัยแห่งกิเบอาห์เชื้อสายของเบนยามิน เบไนยาห์แห่งปิราโธน 32 หุรัยแห่งลำธารกาอัช อาบีเอลชาวอาร์บัท 33 อัสมาเวทชาวบาฮารุม อาลียาบาชาวชาอัลโบน 34 ฮาเชมชาวกิโซน โยนาธานบุตรของชากีชาวฮาราร์ 35 อาหิอัมบุตรของสาคาร์ชาวฮาราร์ เอลีฟัลบุตรของเออร์ 36 เฮเฟอร์ชาวเมเคราธ อาหิยาห์ชาวเปโลน 37 เฮสโรชาวคาร์เมล นาอารัยบุตรของเอสบัย 38 โยเอลน้องของนาธาน มิบฮาร์บุตรของฮากรี 39 เศเลกชาวอัมโมน นาหะรัยแห่งเบเอโรท คนถืออาวุธของโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ 40 อิราชาวอิท กาเรบชาวอิท 41 อุรียาห์ชาวฮิต[d] ศาบาดบุตรของอัคลัย 42 อาดีนาบุตรของชิซาชาวรูเบน ซึ่งเป็นผู้นำของชาวรูเบน และทหารทั้งสามสิบที่อยู่กับเขา 43 ฮานานบุตรของมาอาคาห์ และโยชาฟัทชาวมิท 44 อุสซียาชาวอัชเทราธ ชามาและเยอีเอลบุตรของโฮธามชาวอาโรเออร์ 45 เยดียาเอลบุตรของชิมรี และโยฮาน้องของเขาชาวทิซ 46 เอลีเอลชาวมาหาบ เยรีบัยและโยชาวิยาห์บุตรของเอลนาอัม อิทมาห์ชาวโมอับ 47 เอลีเอล โอเบด และยาอาซีเอลชาวมาโซบัย[e]

ทหารกล้ากับดาวิด

12 มีพวกผู้ชายที่มาหาดาวิดที่ศิกลาก[f] ในเวลาที่ท่านไม่สามารถเดินทางได้อย่างอิสระเนื่องจากซาอูลบุตรของคีช ชายเหล่านี้อยู่ในกลุ่มทหารกล้าที่ช่วยท่านในการสู้รบ พวกเขาเป็นนักธนู สามารถยิงธนูและถนัดใช้สลิงเหวี่ยงก้อนหินได้ทั้งมือขวาและมือซ้าย เป็นชาวเบนยามินญาติของซาอูล อาหิเยเซอร์ซึ่งเป็นหัวหน้า และโยอาช ทั้งสองเป็นบุตรของเช-มาอาห์ชาวกิเบอาห์ เยซีเอล และเปเลธ บุตรของอัสมาเวท เบ-ราคาห์ เยฮูชาวอานาโธท อิชมัยยาห์ชาวกิเบโอนเป็นทหารกล้าผู้หนึ่งในกลุ่มทหารทั้งสามสิบ และเป็นผู้นำของกลุ่ม เยเรมีย์ ยาฮาซีเอล โยฮานาน โยซาบาดแห่งเกเดราห์ เอลูซัย เยรีโมท เบอัลลิยาห์ เช-มาริยาห์ เชฟาทิยาห์ชาวฮารูฟ เอลคานาห์ ยิชชียาห์ อาซาร์เอล โยเอเซอร์ และยาโชเบอัมชาวโคราห์ โยเอลาห์ และเศบาดิยาห์ บุตรของเยโรฮัมแห่งเกโดร์

ชาวกาดบางคนหนีไปหาดาวิดยังที่หลบภัยในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาเป็นนักรบผู้เก่งกล้าและช่ำชอง เชี่ยวชาญในการใช้โล่และหอก มีใบหน้าเหมือนหน้าสิงโต เคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างกับละองละมั่งบนภูเขา เอเซอร์เป็นหัวหน้า โอบาดีห์ที่สอง เอลีอับที่สาม 10 มิชมันนาห์ที่สี่ เยเรมีย์ที่ห้า 11 อัททัยที่หก เอลีเอลที่เจ็ด 12 โยฮานานที่แปด เอลซาบาดที่เก้า 13 เยเรมีย์ที่สิบ มัคบันนัยที่สิบเอ็ด 14 ชาวกาดเหล่านี้เป็นผู้บัญชากองทัพ คนด้อยสุดของพวกเขาคนเดียวก็จะสู้ได้กับ 100 คน และคนเก่งสุดก็จะสู้ได้กับ 1,000 คน 15 ผู้ชายเหล่านี้แหละที่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนในเดือนแรก เมื่อน้ำท่วมฝั่งทุกแห่ง และพวกเขาทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในหุบเขาหนีเตลิดไปทั้งทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

16 ผู้ชายจากเผ่าเบนยามินและเผ่ายูดาห์บางคนไปหาดาวิดที่ป้อมปราการอันแข็งแกร่ง 17 ดาวิดออกไปพบพวกเขา และพูดว่า “ถ้าพวกท่านมาหาเราอย่างสันติเพื่อช่วยเรา ใจของเราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน แต่ถ้ามาเพื่อจะทรยศเราให้กับศัตรูของเรา แม้ว่ามือของเราบริสุทธิ์ ก็ขอให้พระเจ้าของบรรพบุรุษของเราเห็นและห้ามท่านไว้เถิด”

18 ครั้นแล้วอามาสัยหัวหน้าของทหารทั้งสามสิบก็เปี่ยมด้วยพระวิญญาณ และพูดว่า

“โอ ท่านดาวิด พวกเราเป็นของท่าน
    โอ บุตรของเจสซี พวกเราอยู่กับท่าน
สันติภาพ สันติภาพจงมีแก่ท่าน
    และสันติภาพจงมีแก่ผู้ช่วยของท่าน
    เพราะว่าพระเจ้าของท่านช่วยท่าน”

และดาวิดก็รับพวกเขาไว้ และแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากองทหารของท่าน

19 ผู้ชายบางคนจากเผ่ามนัสเสห์หนีไปเป็นพวกของดาวิด เมื่อเขามากับพวกฟีลิสเตีย และไปสู้รบกับซาอูล (แต่ดาวิดกับพรรคพวกไม่ได้ช่วยพวกฟีลิสเตีย เพราะหลังจากที่บรรดาผู้นำของฟีลิสเตียปรึกษากันแล้ว ก็ให้ดาวิดกลับไป พวกเขาพูดว่า “ถ้าหากว่าดาวิดหันไปเข้าข้างซาอูลเจ้านายของเขา พวกเราต้องหัวหลุดจากบ่าแน่”) 20 ขณะที่ดาวิดกลับไปยังศิกลาก ชายชาวมนัสเสห์เหล่านี้หนีไปเป็นพวกของท่าน ตามรายชื่อดังต่อไปนี้ อัดนาห์ โยซาบาด เยดียาเอล มีคาเอล โยซาบาด เอลีฮู และศิลเลธัย พวกเขาแต่ละคนนำทหารจำนวน 1,000 คนจากเผ่ามนัสเสห์ 21 พวกเขาช่วยดาวิดสู้กับกลุ่มปล้นได้ เพราะล้วนแต่เป็นนักรบผู้กล้าหาญและเป็นผู้บัญชากองพัน 22 แต่ละวันก็มีผู้ชายที่เข้ามาช่วยดาวิด จนกระทั่งเป็นกองทัพใหญ่ เหมือนกองทัพของพระเจ้า

23 จำนวนทหารที่มาหาดาวิดในเฮโบรนมีอาวุธพร้อมที่จะสู้รบ เพื่อมอบอาณาจักรของซาอูลให้แก่ท่าน ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า[g] 24 ชายชาวยูดาห์ถือโล่และหอกมี 6,800 คนที่มีอาวุธพร้อม 25 จากชาวสิเมโอน มีนักรบผู้กล้าหาญพร้อมที่จะสู้รบ 7,100 คน 26 จากชาวเลวี 4,600 คน 27 เยโฮยาดาหัวหน้าตระกูลอาโรนมีชาย 3,700 คนอยู่กับเขา 28 ศาโดกนักรบหนุ่มผู้กล้าหาญมีผู้บัญชาการจากตระกูลของเขา 22 คน 29 จากชาวเบนยามินญาติของซาอูล 3,000 คนซึ่งส่วนใหญ่เคยสัตย์ซื่อต่อพงศ์พันธุ์ของซาอูลจนกระทั่งเวลานั้น 30 จากชาวเอฟราอิม มีนักรบผู้กล้าหาญที่มีชื่อในตระกูลของพวกเขา 20,800 คน 31 จากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ 18,000 คนที่มีชื่อเจาะจง ให้มาเชิญดาวิดไปเป็นกษัตริย์ 32 จากเผ่าอิสสาคาร์ คือบรรดาผู้ที่เข้าใจว่าอิสราเอลควรจะทำสิ่งอันควรอย่างไรในเวลาใด มีผู้นำ 200 คนพร้อมด้วยญาติทั้งสิ้นที่อยู่ใต้บัญชาของพวกเขา 33 จากเผ่าเศบูลุน 50,000 คนที่เป็นทหารชำนาญศึก พร้อมรบด้วยอาวุธสงครามทุกชนิด เพื่อช่วยดาวิดอย่างสัตย์ซื่อ 34 จากเผ่านัฟทาลี เป็นผู้บัญชา 1,000 คน พร้อมกับทหารใช้โล่และหอก 37,000 คน 35 จากชาวดาน 28,600 คนที่พร้อมรบ 36 จากเผ่าอาเชอร์ 40,000 คนที่เป็นทหารชำนาญศึก 37 ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน มี 120,000 คนจากชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ที่พร้อมรบด้วยอาวุธสงครามทุกชนิด

38 นักรบเหล่านี้กล้าหาญทุกคน และมายังเฮโบรนด้วยความตั้งใจที่จะเชิญดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ชาวอิสราเอลทุกคนที่เหลืออยู่ก็มีความมุ่งมั่นพร้อมเพรียงกัน เพื่อเชิญดาวิดให้เป็นกษัตริย์ด้วย 39 ชายเหล่านั้นดื่มกินอยู่กับดาวิดเป็นเวลา 3 วัน เพราะว่าพี่น้องเตรียมเสบียงให้ 40 และคนใกล้ชิดของพวกเขามาจากแดนไกลเช่น อิสสาคาร์ เศบูลุน และนัฟทาลี ได้นำอาหารบรรทุกบนลา อูฐ ล่อ และโค จัดเสบียงแป้งสาลี มะเดื่อแห้ง พวงองุ่นแห้ง เหล้าองุ่น น้ำมัน โค และแกะอย่างอุดมสมบูรณ์ เพราะว่ามีความยินดีปรีดาในอิสราเอล

หีบพันธสัญญานำมาจากคีริยาทเยอาริม

13 ดาวิดปรึกษากับบรรดาผู้บัญชากองพันและกองร้อย และกับหัวหน้าทุกคน ดาวิดพูดกับที่ประชุมทั้งปวงของอิสราเอลว่า “ถ้าหากว่าพวกท่านคิดเห็นสมควร และเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราแล้ว ก็ให้พวกเราแจ้งไปยังพี่น้องของเราที่อยู่ทุกแห่งหนในแผ่นดินของอิสราเอล รวมทั้งบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีซึ่งอยู่ในเมืองที่มีทุ่งหญ้า เพื่อให้ทุกคนมาประชุมร่วมกับพวกเรา แล้วให้พวกเรานำหีบของพระเจ้าของเรากลับมาไว้กับพวกเราเถิด เพราะว่าเราทั้งหลายไม่ได้เอาใจใส่กับหีบนี้ในสมัยของซาอูล” ที่ประชุมทั้งปวงเห็นด้วยที่จะทำตามนั้น เพราะว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของทุกๆ คน

อุสซาห์กับหีบพันธสัญญา

ดังนั้น ดาวิดจึงเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งปวงตั้งแต่ชิโหร์ในอียิปต์ ถึงเลโบฮามัท เพื่อนำหีบของพระเจ้ากลับมาจากคีริยาทเยอาริม ดาวิดกับชาวอิสราเอลทั้งปวงขึ้นไปยังบาอาลาห์ คือคีริยาทเยอาริมซึ่งเป็นของยูดาห์ เพื่อนำหีบของพระเจ้ามาจากที่นั่น หีบที่เรียกตามพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ พวกเขาหามหีบของพระเจ้าบนเกวียนใหม่เล่มหนึ่ง นำออกมาจากบ้านของอาบีนาดับ และอุสซาห์กับอาหิโยเป็นคนขับเกวียน ดาวิดและชาวอิสราเอลทั้งปวงก็กำลังรื่นเริงอยู่ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าอย่างสุดกำลัง ด้วยเสียงเพลง พิณเล็ก พิณสิบสาย รำมะนา ฉาบ และแตรยาว[h]

เมื่อมาถึงลานนวดข้าวของคิโดน อุสซาห์ยื่นมือประคองหีบ เพราะโคสะดุด 10 พระผู้เป็นเจ้าโกรธอุสซาห์มาก พระเจ้าจึงประหารเขา เพราะเขายื่นมือประคองหีบ เขาจึงตาย ณ เบื้องหน้าพระเจ้า 11 และดาวิดก็โกรธเพราะพระผู้เป็นเจ้ากริ้วและลงโทษอุสซาห์ ที่ตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์ มาจนถึงทุกวันนี้ 12 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระเจ้า และท่านพูดว่า “เราจะนำหีบของพระเจ้ามากับเราได้อย่างไร” 13 ดาวิดไม่ได้นำหีบของพระเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท 14 หีบของพระเจ้าก็อยู่กับครัวเรือนของโอเบดเอโดมในบ้านของเขานานถึง 3 เดือน พระผู้เป็นเจ้าอวยพรครัวเรือนและทุกสิ่งที่โอเบดเอโดมครอบครอง[i]

ภรรยาและบุตรของดาวิด

14 ฮีรามกษัตริย์แห่งไทระได้ให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาดาวิด พร้อมกับได้ส่งไม้ซีดาร์ พวกช่างไม้และช่างสลักหินเพื่อจะสร้างวังให้ดาวิด และดาวิดทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สถาปนาท่านเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และพระองค์ทำให้อาณาจักรรุ่งเรืองเพื่ออิสราเอลชนชาติของพระองค์ ดาวิดมีภรรยาเพิ่มขึ้นอีกที่เยรูซาเล็ม และมีบุตรชายบุตรหญิงเพิ่มขึ้นเช่นกัน บรรดาบุตรที่เกิดแก่ดาวิดในเยรูซาเล็มชื่อ ชัมมูอา โชบับ นาธาน ซาโลมอน อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลพาเลท โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย เอลีชามา เบอเอลยาดา และเอลีเฟเลท[j]

ชาวฟีลิสเตียพ่ายแพ้

เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ชาวฟีลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปค้นหาดาวิด แต่ดาวิดทราบเรื่องจึงออกไปสู้รบกับพวกเขา ชาวฟีลิสเตียได้ขึ้นมา และบุกเข้าปล้นในหุบเขาเรฟาอิม 10 ดาวิดถามพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะขึ้นไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในมือข้าพเจ้าหรือไม่” พระผู้เป็นเจ้าตอบดาวิดว่า “ขึ้นไปเถิด แล้วเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้า” 11 พวกเขาขึ้นไปยังบาอัลเป-ราซิม และฆ่าพวกเขาที่นั่น ดาวิดพูดว่า “พระเจ้าได้บุกเข้าใส่ศัตรูโดยไม่ได้รั้งรอด้วยมือของเราดั่งน้ำเชี่ยวกราก” ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า บาอัลเป-ราซิม 12 ชาวฟีลิสเตียทิ้งเทวรูปไว้ที่นั่น ดาวิดออกคำสั่ง และเทวรูปเหล่านั้นก็ถูกเผาไฟ

13 และชาวฟีลิสเตียยังเข้าปล้นในหุบเขานั้นอีก 14 เมื่อดาวิดถามพระเจ้า พระองค์ตอบว่า “อย่าไล่ตามพวกเขาขึ้นไป แต่จงอ้อมไปและโจมตีพวกเขาที่ตรงข้ามกับดงต้นน้ำมันหอม 15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงเดินทัพดังกระหึ่มที่ยอดต้นน้ำมันหอม ก็จงออกไปสู้รบ เพราะพระเจ้าได้ออกไปล่วงหน้าเจ้าแล้ว เพื่อปราบกองทัพของชาวฟีลิสเตีย” 16 ดังนั้นดาวิดจึงกระทำตามคำบัญชาของพระเจ้า และมีชัยชนะเหนือกองทัพของฟีลิสเตียตั้งแต่กิเบโอนไปจนถึงเกเซอร์[k] 17 กิตติศัพท์ของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ประชาชาติทั้งปวงเกรงกลัวดาวิด

นำหีบมายังเยรูซาเล็ม

15 ดาวิดสร้างวังให้ตนเองในเมืองของดาวิด และท่านเตรียมที่ไว้สำหรับหีบของพระเจ้า และตั้งกระโจมไว้ด้วย และดาวิดพูดว่า “ไม่ให้ผู้ใดหามหีบของพระเจ้า ยกเว้นชาวเลวีเท่านั้น เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกพวกเขาให้เป็นผู้หามหีบของพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ไปตลอดกาล”[l] และดาวิดเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวงที่เยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบของพระผู้เป็นเจ้ามายังที่ซึ่งท่านได้เตรียมไว้ให้ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอาโรนและชาวเลวีที่ดาวิดเรียกให้มารวมกันมีดังนี้ จากผู้สืบเชื้อสายของโคฮาท มีอุรีเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 120 คน จากผู้สืบเชื้อสายของเมรารี มีอาสายาห์เป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 220 คน จากผู้สืบเชื้อสายของเกอร์โชม มีโยเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 130 คน จากผู้สืบเชื้อสายของเอลีซาฟาน มีเชไมยาห์เป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 200 คน จากผู้สืบเชื้อสายของเฮโบรน มีเอลีเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 80 คน 10 จากผู้สืบเชื้อสายของอุสซีเอล มีอัมมีนาดับเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 112 คน 11 แล้วดาวิดเรียกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิต และชาวเลวี คือ อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมยาห์ เอลีเอล และอัมมีนาดับ 12 และบอกเขาเหล่านั้นว่า “พวกท่านเป็นหัวหน้าของตระกูลชาวเลวี จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ ทั้งพวกท่านและพี่น้องของท่าน เพื่อจะได้นำหีบของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมายังที่ซึ่งเราได้เตรียมไว้ให้ 13 เพราะว่าพวกท่านไม่ได้หามหีบในครั้งแรก พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรากริ้วพวกเราเพราะว่าพวกเราไม่ได้ถามพระองค์ ตามที่กำหนดไว้ในคำบัญชา” 14 ดังนั้น บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีจึงชำระตัวให้บริสุทธิ์ เพื่อจะนำหีบของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 15 ชาวเลวีหามหีบของพระเจ้าขึ้นบ่าด้วยไม้คาน ดังที่โมเสสได้สั่งตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า[m]

16 ดาวิดสั่งบรรดาหัวหน้าของชาวเลวี ให้แต่งตั้งพี่น้องของพวกเขาให้เป็นนักร้องที่เล่นดนตรีให้ดังด้วยพิณสิบสาย พิณเล็ก และฉาบ เพื่อส่งเสียงแห่งความยินดี 17 ดังนั้นชาวเลวีจึงแต่งตั้งเฮมานและพี่น้องของเขาคือ อาสาฟและเอธาน เฮมานเป็นบุตรของโยเอล อาสาฟบุตรของเบเรคิยาห์ เอธานบุตรของคูชายาห์ ชายเหล่านี้เป็นชาวเมรารี 18 พร้อมกับพี่น้องพวกเขาซึ่งรองเป็นอันดับสอง คือ เศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสยาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ และโอเบดเอโดมกับเยอีเอลซึ่งเป็นคนเฝ้าประตู 19 นักดนตรีได้แก่ เฮมาน อาสาฟ และเอธาน เป็นผู้ตีฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสยาห์ และเบไนยาห์ เป็นผู้เล่นพิณสิบสายตามทำนองอาลาโมธ 21 แต่มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซัซยาห์เป็นผู้นำด้วยพิณเล็ก ตามเสียงสูงต่ำ 1 ช่วง 22 เคนานิยาห์หัวหน้าดนตรีของชาวเลวีเป็นผู้กำกับการร้องเพลง เพราะเขาเข้าใจในด้านนี้ 23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบ 24 เช-บานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ ปุโรหิตเหล่านี้เป็นผู้เป่าแตรยาว ณ เบื้องหน้าหีบของพระเจ้า โอเบดเอโดมและเยฮียาห์ต้องเป็นนายประตูเฝ้าหีบ

25 ดังนั้นดาวิดและบรรดาผู้ใหญ่ของอิสราเอลและผู้บัญชากองพันจึงไปนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาจากครัวเรือนของโอเบดเอโดมด้วยความยินดี 26 และเป็นเพราะว่าพระเจ้าช่วยชาวเลวีที่หามหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงถวายโคตัวผู้ 7 ตัว และแกะตัวผู้ 7 ตัวเป็นเครื่องสักการะ 27 ดาวิดสวมเสื้อคลุมผ้าป่านเนื้อดี ชาวเลวีทั้งปวงที่หามหีบ และพวกนักร้องกับเคนานิยาห์หัวหน้านักร้องก็เช่นกัน และดาวิดสวมชุดคลุมผ้าป่าน 28 ดังนั้นอิสราเอลทั้งปวงนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมา พร้อมกับเสียงโห่ร้องและเสียงเป่าแตรงอน แตรยาว และฉาบ และเล่นดนตรีเสียงดังจากพิณสิบสายและพิณเล็ก

29 ขณะที่หีบของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด มีคาลบุตรหญิงของซาอูลมองดูที่หน้าต่าง เห็นกษัตริย์ดาวิดกำลังเต้นรำทำเพลงและรื่นเริงที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และนางก็ดูหมิ่นท่านอยู่ในใจ[n]

ตั้งหีบไว้ในกระโจม

16 เขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้าเข้ามาไว้ในกระโจมที่ดาวิดกางไว้พร้อมแล้ว และมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ณ เบื้องหน้าพระเจ้า เมื่อดาวิดมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเสร็จแล้ว ท่านก็อวยพรประชาชนในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และแจกขนมปังให้คนละก้อน เนื้อคนละก้อน และขนมลูกเกดคนละก้อน ให้แก่ชาวอิสราเอลทั้งชายและหญิง

จากนั้นท่านก็กำหนดชาวเลวีบางคนให้รับใช้ ณ เบื้องหน้าหีบของพระผู้เป็นเจ้า เพื่ออธิษฐาน ขอบคุณ และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล อาสาฟเป็นหัวหน้า คนรองจากเขาคือ เศคาริยาห์ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล ผู้เป็นคนเล่นพิณสิบสายและพิณเล็ก อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอลปุโรหิตเป็นผู้เป่าแตรยาวเป็นประจำ ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ในวันนั้นดาวิดกำหนดเป็นครั้งแรกให้อาสาฟและญาติของเขาเป็นผู้ร้องเพลงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า

เพลงขอบคุณของดาวิด

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ร้องเรียกพระนามของพระองค์
    ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
    จงประกาศการกระทำอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10 สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความภาคภูมิ
    ให้บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้ามีใจยินดีเถิด
11 จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าและพละกำลังของพระองค์
    จงเข้าเฝ้าพระองค์เสมอ

12 จงระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
    สิ่งอัศจรรย์และการพิพากษาลงโทษที่พระองค์กล่าว
13 โอ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
    บรรดาบุตรของยาโคบ คนที่พระองค์เลือก
14 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
    การพิพากษาลงโทษของพระองค์มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก

15 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
    ระลึกถึงคำบัญชาของพระองค์นานนับพันชั่วอายุคน
16 พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทำไว้กับอับราฮัม
    และสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอิสอัค
17 ซึ่งพระองค์ยืนยันว่าเป็นกฎเกณฑ์แก่ยาโคบ
    เป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์แก่อิสราเอล
18 โดยกล่าวว่า “เราจะยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า
    เป็นส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับเป็นมรดก”[o]

19 ในเวลาที่พวกเจ้ามีจำนวนน้อย
    เป็นกลุ่มเล็กๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว
20 ระหกระเหินจากประชาชาติหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
    และจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
21 พระองค์ไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับพวกเขา
    พระองค์เตือนบรรดากษัตริย์เพื่อเห็นแก่พวกเขา
22 โดยกล่าวว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้
    อย่าทำร้ายบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเรา”
23 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ทั่วทั้งโลกเอ๋ย
    ประกาศความรอดพ้นที่มาจากพระองค์โดยไม่เว้นวัน

24 บอกเล่าถึงพระบารมีของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
    การกระทำอันมหัศจรรย์ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง
25 เพราะพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่และสมควรแก่การสรรเสริญยิ่งนัก
    พระองค์เป็นที่น่าเกรงขามเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
26 เพราะว่า เทพเจ้าทั้งปวงของบรรดาชนชาติเป็นเพียงรูปเคารพ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์
27 ความเรืองรองและความยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าพระองค์
    พละกำลังและความยินดีอยู่ในที่พำนักของพระองค์
28 เหล่าตระกูลของบรรดาชนชาติจงป่าวร้องแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
    จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยพระบารมีและพลานุภาพ

29 จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่
    จงนำของถวายมาและอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
30     ทั่วทั้งโลกจงสั่นสะท้าน ณ เบื้องหน้าพระองค์
    โลกถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคง และไม่อาจเคลื่อนย้ายไปที่ใด

31 ให้ฟ้าสวรรค์ชื่นชมยินดี ให้แผ่นดินโลกเริงร่า
    และให้สิ่งเหล่านี้พูดในท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระผู้เป็นเจ้าครอบครอง”
32 ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
    ให้ทุ่งนาและทุกสิ่งในนั้นเปรมปรีด์
33 แล้วให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าไม้ส่งเสียงร้อง
    ด้วยความยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
34 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

35 จงกล่าวเช่นนี้ด้วยว่า

“โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
    ขอรวบรวมและช่วยพวกเราให้พ้นจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ
36 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
    จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล”

ครั้นแล้วชนชาติทั้งปวงก็กล่าวว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

นมัสการที่เบื้องหน้าหีบพันธสัญญา

37 ดาวิดให้อาสาฟและพี่น้องของเขาปฏิบัติงาน ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อรับใช้ที่เบื้องหน้าหีบเป็นประจำตามข้อกำหนดของแต่ละวัน 38 โดยให้โอเบดเอโดมและพี่น้องของเขา 68 คนปรนนิบัติด้วย ในขณะที่ให้โอเบดเอโดมบุตรของเยดูธูน และโฮสาห์ เป็นนายประตู 39 ท่านให้ศาโดกปุโรหิต และพี่น้องของเขาที่เป็นปุโรหิตอยู่ที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในกิเบโอน 40 เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าบนแท่นบูชาสำหรับเผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย เป็นประจำทั้งเช้าและเย็น เพื่อปฏิบัติตามทุกอย่างที่บันทึกในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์บัญชากับอิสราเอล 41 ผู้ที่อยู่กับพวกเขาคือ เฮมาน เยดูธูน และคนอื่นๆ ที่ถูกเลือกและกำหนดชื่อให้เป็นผู้ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล 42 เฮมานและเยดูธูนมีแตรยาวและฉาบเป็นเครื่องดนตรี เพื่อบรรเลงเพลงอันบริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเยดูธูนถูกกำหนดให้อยู่ที่ประตู

43 ครั้นแล้วคนทั้งปวงก็กลับไปยังบ้านของตน และดาวิดกลับไปบ้านหาครอบครัวของท่าน

พันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อดาวิด

17 เมื่อดาวิดอยู่ในวังของท่าน ท่านกล่าวกับนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ดูสิ เราอาศัยอยู่ในวังไม้ซีดาร์ แต่หีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธานพูดกับดาวิดว่า “เชิญท่านกระทำตามสิ่งที่อยู่ในใจท่านเถิด เพราะว่าพระเจ้าสถิตกับท่าน”

แต่ในคืนเดียวกันนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับนาธานว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าไม่ใช่คนที่จะสร้างตำหนักให้เราอยู่ เราไม่ได้อยู่ในตำหนักนับตั้งแต่วันที่เรานำชาวอิสราเอลขึ้นมา จนถึงวันนี้ แต่เราได้ย้ายจากกระโจมหนึ่งไปอีกกระโจมหนึ่ง และจากที่พักอาศัยแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง ทุกแห่งหนที่เราย้ายไปกับชาวอิสราเอลทั้งปวง เราเคยพูดสักคำกับบรรดาผู้วินิจฉัยของอิสราเอล ที่เราสั่งให้เลี้ยงดูอิสราเอลชนชาติของเราหรือว่า “ทำไมเจ้าจึงยังไม่สร้างตำหนักด้วยไม้ซีดาร์ให้เรา”’ ฉะนั้น บัดนี้เจ้าจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราตามนี้ว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า ‘เราเอาตัวเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการเดินตามฝูงแกะ เพื่อให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา เราได้อยู่กับเจ้าตลอดมาไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด และได้กำจัดศัตรูของเจ้าทุกคนให้พ้นหน้าเจ้า และเราจะทำให้ชื่อของเจ้าเป็นดั่งชื่อของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในโลก และเราจะกำหนดที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลชนชาติของเรา และเราจะให้เขาตั้งหลักแหล่ง เพื่อเขาจะมีที่ของเขาเองอาศัยอยู่โดยไม่มีใครรบกวนอีก และคนชั่วจะไม่ทำให้เขารับทุกข์ทรมานอีกต่อไป เหมือนที่เป็นมาแต่แรก 10 และเป็นมาโดยตลอดนับจากเวลาที่เราได้กำหนดบรรดาผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา เราจะปราบศัตรูของเจ้าทั้งสิ้น และยิ่งกว่านั้นอีก เราประกาศกับเจ้าว่าพระผู้เป็นเจ้าจะให้เจ้ามีผู้สืบพงศ์พันธุ์ 11 เมื่อเจ้าสิ้นชีวิตและไปอยู่เคียงกับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะกำหนดผู้สืบเชื้อสายต่อจากเจ้า เขาเป็นบุตรคนหนึ่งของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา 12 เขาจะสร้างตำหนักให้เรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาชั่วนิรันดร์กาล 13 เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา เราจะไม่พรากความรักอันมั่นคงไปจากเขา อย่างที่เราพรากไปจากคนที่มาก่อนหน้าเจ้า 14 เราจะทำให้เขามั่นคงทั้งในพงศ์พันธุ์และอาณาจักรของเราชั่วนิรันดร์กาล และบัลลังก์ของเขาจะได้รับการสถาปนาชั่วนิรันดร์กาล’”

15 นาธานแจ้งให้ดาวิดทราบตามคำกล่าวและทุกสิ่งที่พระเจ้าเผยให้ทราบ[p]

คำอธิษฐานของดาวิด

16 จากนั้น กษัตริย์ดาวิดเข้าไปนั่ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่า และพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าเป็นผู้ใด ที่พระองค์จึงได้กรุณาข้าพเจ้าถึงเพียงนี้ 17 แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของพระองค์ โอ พระเจ้า พระองค์ยังได้กล่าวถึงอนาคตอันไกลของพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้พระองค์ และพระองค์มองข้าพเจ้าดั่งว่า ข้าพเจ้าสูงส่งนัก[q] โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า 18 มีอะไรอีกบ้างที่ดาวิดจะกล่าวกับพระองค์ได้ ที่พระองค์ให้เกียรติผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะพระองค์รู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ 19 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และตามใจปรารถนาของพระองค์ พระองค์ได้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้สิ่งอันยิ่งใหญ่เหล่านี้เป็นที่ทราบกันทั่วไป 20 โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีใครเป็นอย่างพระองค์ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ตามที่พวกเราเคยได้ยินทุกสิ่งมาด้วยหูของเรา 21 และใครเป็นเหมือนอิสราเอลชนชาติของพระองค์ ประชาชาติเดียวในแผ่นดินที่พระเจ้าไปไถ่มาเพื่อให้เป็นชนชาติของพระองค์ ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือเพื่อสิ่งอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ด้วยการขับไล่บรรดาประชาชาติไปให้พ้นหน้าชนชาติของพระองค์ซึ่งพระองค์ไถ่จากประเทศอียิปต์ 22 และพระองค์ทำอิสราเอลชนชาติของพระองค์ให้เป็นชนชาติของพระองค์ชั่วนิรันดร์กาล และพระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา 23 มาบัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ยืนยันสิ่งที่พระองค์กล่าวถึงผู้รับใช้ของพระองค์และพงศ์พันธุ์ของเขาเถิดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง และขอพระองค์กระทำตามที่พระองค์กล่าวไว้ 24 และพระนามของพระองค์จะได้รับสถาปนาและยิ่งใหญ่ชั่วนิรันดร์กาลว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล เป็นพระเจ้าของอิสราเอล’ และพงศ์พันธุ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับสถาปนา ณ เบื้องหน้าพระองค์ 25 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้เผยให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบ พระองค์จะสร้างผู้สืบพงศ์พันธุ์ให้แก่เขา ฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงใจกล้ากล่าวคำอธิษฐานนี้ต่อพระองค์ 26 และบัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้า และพระองค์ได้สัญญาสิ่งดีนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ 27 ฉะนั้นบัดนี้ ขอพระองค์โปรดอวยพรพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อให้ยั่งยืนชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องหน้าพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ที่ได้อวยพร และพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับพรชั่วนิรันดร์กาล”[r]

ชัยชนะของดาวิด

18 หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และท่านยึดเมืองกัทและหมู่บ้านรอบๆ ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย

ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ และชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย

ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ที่ฮามัทในขณะที่ท่านไปเสริมอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส และดาวิดยึดรถศึก 1,000 คัน สารถี 7,000 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน เมื่อชาวอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองทิบหาทและเมืองคูน เมืองของฮาดัดเอเซอร์ ซาโลมอนใช้ทองสัมฤทธิ์นั้นหล่อถังเก็บน้ำรูปทรงกลม เสาหลัก และภาชนะต่างๆ

เมื่อโทอูกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ทั้งกองทัพ 10 โทอูจึงให้ฮาโดรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอูเสมอมา และฮาโดรัมก็ได้ส่งเครื่องทองคำ เครื่องเงิน และทองสัมฤทธิ์สารพัดชนิดไป 11 กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย และอามาเลข

12 อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ 13 และเขาก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด

ข้าราชบริพารของดาวิด

14 ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม 15 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์ 16 ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต ชาวะชาเป็นเลขา 17 และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รับใช้กษัตริย์[s]

19 หลังจากนั้น นาหาชกษัตริย์ของชาวอัมโมนก็สิ้นชีวิต และบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน ดาวิดกล่าวว่า “เราจะกระทำต่อฮานูนบุตรของนาหาชด้วยความเมตตา เพราะบิดาของท่านได้กระทำต่อเรา” ดังนั้น ดาวิดจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวของท่านไปแสดงความเสียใจต่อฮานูนเรื่องบิดา และผู้รับใช้ของดาวิดจึงมาแสดงความเสียใจต่อฮานูนที่ดินแดนของชาวอัมโมน แต่บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของชาวอัมโมนพูดกับฮานูนว่า “ท่านคิดหรือว่า ที่ดาวิดให้คนมาแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อท่านนั้น เป็นการให้เกียรติบิดาของท่าน พวกผู้รับใช้ของดาวิดมาเพื่อสำรวจและสอดแนมความในแผ่นดิน เพื่อจะล้มล้างเมืองมิใช่หรือ” ดังนั้นฮานูนจึงให้คนโกนเคราพวกทหารรับใช้ของดาวิด และตัดเครื่องแต่งกายที่ตรงกลางจากสะโพกลงมา และส่งพวกเขากลับไป และพวกเขาก็จากไป เมื่อมีคนไปแจ้งข่าวแก่ดาวิด ท่านก็ให้คนไปพบกับพวกเขา เพราะชายเหล่านั้นอับอายมาก กษัตริย์กล่าวว่า “จงพักอยู่ที่เยรีโค จนกว่าเคราของพวกเจ้าจะขึ้นแล้วจึงกลับมา”

เมื่อชาวอัมโมนเห็นว่าพวกเขาได้กลับกลายเป็นที่น่ารังเกียจของดาวิด ฮานูนและชาวอัมโมนจึงใช้เงิน 1,000 ตะลันต์ไปว่าจ้างรถศึกและสารถีจากอารัมนาหะราอิม[t] จากอารัมมาอาคาห์ และจากโศบาห์ พวกเขาจ้างรถศึก 32,000 คัน กษัตริย์แห่งมาอาคาห์พร้อมกับกองทัพของท่านก็มาตั้งค่ายที่หน้าเมืองเมเดบา ชาวอัมโมนถูกรวบรวมกำลังมาจากเมืองต่างๆ เพื่อสู้รบ เมื่อดาวิดทราบเช่นนั้น ท่านจึงบัญชาให้โยอาบและทหารกล้าจากกองทัพทั้งหมดยกทัพไป ฝ่ายชาวอัมโมนก็เดินทัพออกมาประจำตำแหน่งรบของตนที่ทางเข้าเมือง และบรรดากษัตริย์ที่มาถึงก็แยกไปตั้งทัพอยู่ในที่โล่งห่างจากตัวเมือง

ชาวอัมโมนและชาวอารัมพ่ายแพ้

10 เมื่อโยอาบเห็นว่าสงครามครั้งนี้เขาถูกขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาจึงเลือกนักรบที่ดีที่สุดของอิสราเอลจำนวนหนึ่ง และจัดทัพให้ต่อสู้กับชาวอารัม 11 นักรบที่เหลือก็จัดให้อยู่ในบังคับของอาบีชัยน้องชายของตน เขาก็ให้ทหารตั้งทัพสู้กับชาวอัมโมน 12 เขาพูดว่า “ถ้าหากว่าชาวอารัมมีกำลังแข็งแกร่งเกินเรา ท่านจะได้ช่วยเราได้ แต่ถ้าชาวอัมโมนแข็งแกร่งเกินท่าน เราก็จะมาช่วยท่าน 13 จงกล้าหาญเถิด และพวกเราควรจะกล้าหาญเพื่อคนของพวกเราและเพื่อเมืองทั้งหลายของพระเจ้าของเรา และขอพระผู้เป็นเจ้ากระทำสิ่งที่พระองค์เห็นสมควร” 14 ดังนั้นโยอาบและคนที่อยู่กับเขาขยับเข้าใกล้ประจัญศึกกับชาวอารัม และชาวอารัมก็ถอยหนีไปต่อหน้าต่อตาเขา 15 ครั้นชาวอัมโมนเห็นว่าชาวอารัมหนีไป พวกเขาจึงถอยหนีไปต่อหน้าอาบีชัยน้องชายของโยอาบด้วย และเข้าไปในเมือง แล้วโยอาบก็กลับมายังเยรูซาเล็ม

16 เมื่อชาวอารัมเห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงใช้บรรดาผู้ส่งข่าวไป และนำกำลังชาวอารัมที่อยู่โพ้นแม่น้ำยูเฟรติสออกมา โดยมีโชฟัคผู้บังคับกองพันทหารของฮาดัดเอเซอร์เป็นผู้นำ 17 เมื่อมีคนรายงานเรื่องแก่ดาวิด ท่านก็รวบรวมอิสราเอลเข้าด้วยกัน และข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาประชิดตัวและปะทะกับชาวอารัม ครั้นดาวิดจัดทัพให้ต่อสู้กับชาวอารัม พวกเขาก็สู้รบกับท่าน 18 และชาวอารัมก็ถอยหนีไปต่อหน้าอิสราเอล ดาวิดฆ่าสารถีชาวอารัม 7,000 คน และทหารราบ 40,000 คน และฆ่าโชฟัคผู้บังคับกองพันทหารของพวกเขาด้วย 19 เมื่อพวกทหารรับใช้ของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้อิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงยอมสงบศึกและยอมอยู่ใต้การควบคุมของดาวิด ดังนั้นชาวอารัมจึงไม่ยินดีที่จะช่วยเหลือชาวอัมโมนอีกต่อไป[u]

รับบาห์ถูกยึด

20 ครั้นฤดูใบไม้ผลิเวียนมาถึง อันเป็นเวลาที่บรรดากษัตริย์ออกศึก โยอาบนำกองทัพออกไป ทำลายล้างดินแดนของชาวอัมโมน และล้อมเมืองรับบาห์ไว้ ส่วนดาวิดอยู่ที่เยรูซาเล็ม โยอาบโจมตีและทำลายเมืองรับบาห์[v] ดาวิดได้ถอดมงกุฎซึ่งเป็นทองหนัก 1 ตะลันต์[w]ฝังด้วยพลอย 1 เม็ด ออกจากศีรษะของกษัตริย์เมืองนั้น และมงกุฎนั้นถูกสวมบนศีรษะของดาวิด และท่านขนของที่ริบมาได้จากเมืองนั้นเป็นอันมาก และท่านให้เกณฑ์คนทั้งปวงที่อยู่ในเมืองไปทำงานที่เกี่ยวกับเลื่อย เครื่องมือเหล็กและขวานเหล็ก ดาวิดกระทำเช่นนั้นต่อเมืองทั้งสิ้นของชาวอัมโมน แล้วดาวิดกับประชาชนทั้งปวงก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

หลังจากนั้น เกิดการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียที่เมืองเกเซอร์ สิบเบคัยชาวหุชาห์ฆ่าสิปปัยผู้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ และชาวฟีลิสเตียก็ถูกปราบ มีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีก และเอลฮานันบุตรของยาอีร์ฆ่าลามีน้องชายของโกลิอัทชาวกัท ผู้ถือด้ามหอกที่ใหญ่เหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า มีการสู้รบอีกที่เมืองกัท อันเป็นเมืองที่มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ แต่ละมือมี 6 นิ้ว แต่ละเท้ามี 6 นิ้ว รวมได้ 24 นิ้ว เขาสืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์เช่นกัน เมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรของชิเมอาพี่ชายของดาวิด ก็ฆ่าเขาเสีย ทหารชาวฟีลิสเตียเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ในเมืองกัท พวกเขาล้มตายด้วยมือของดาวิดและด้วยมือของพวกทหารรับใช้ของท่าน[x]

21 ซาตานลุกขึ้นต่อต้านอิสราเอล และทำให้ดาวิดเกิดต้องการนับจำนวนชาวอิสราเอลขึ้นมา ดังนั้นดาวิดจึงกล่าวกับโยอาบและบรรดาผู้บัญชากองทัพว่า “จงไปนับจำนวนนักรบชาวอิสราเอล ตั้งแต่เมืองเบเออร์เช-บาถึงเมืองดาน และมารายงานกับเรา เราจะได้รู้ว่ามีจำนวนกี่คน” แต่โยอาบตอบกษัตริย์ว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเพิ่มทหารมากขึ้นเป็นร้อยเท่าเถิด เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ พวกเขาทุกคนเป็นผู้รับใช้ของเจ้านายข้าพเจ้ามิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้านายข้าพเจ้าจึงปรารถนาเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป” แต่คำบัญชาของกษัตริย์เหนือกว่าโยอาบ ดังนั้นโยอาบจึงจากไป เขาไปทั่วอิสราเอลและกลับมายังเยรูซาเล็ม และโยอาบเรียนดาวิดว่า เขารวมจำนวนนักรบได้ตามนี้คือ ในอิสราเอลมีผู้ที่รู้จักใช้ดาบ 1,100,000 คน และในยูดาห์มี 470,000 คน แต่เขาไม่ได้รวมจำนวนเผ่าเลวีและเบนยามิน เพราะคำสั่งของกษัตริย์เป็นที่น่ารังเกียจต่อเขา

แต่พระเจ้าไม่พอใจที่มีการนับจำนวนคนในครั้งนี้ พระองค์จึงลงโทษอิสราเอล ดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำนับว่าเป็นบาปมหันต์ แต่บัดนี้ โปรดกำจัดบาปของผู้รับใช้ของพระองค์เถิด เพราะว่าข้าพเจ้าได้กระทำไปด้วยความโง่เขลา” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านกาด ซึ่งเป็นผู้รู้ของดาวิดว่า 10 “จงไปบอกดาวิดว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เราเสนอ 3 สิ่งแก่เจ้า จงเลือก 1 สิ่ง แล้วเราจะกระทำต่อเจ้า’” 11 ดังนั้นกาดจึงมาหาดาวิดและเรียนท่านว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘แล้วแต่เจ้าจะเลือก 12 จะให้เกิดทุพภิกขภัยเป็นเวลา 3 ปี หรือว่าเจ้าจะต้องหลบหนีศัตรูที่ใช้ดาบล่าเจ้าไปเป็นเวลา 3 เดือน หรือไม่ก็รับโทษจากดาบของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 3 วัน ให้เกิดโรคระบาดในแผ่นดิน พร้อมทั้งให้ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าทำลายทั่วอาณาจักรของอิสราเอล’ ขอให้ท่านตัดสินใจว่าจะเป็นคำตอบข้อใดที่ข้าพเจ้าจะนำกลับไปยังพระองค์ที่ส่งข้าพเจ้ามา” 13 ดาวิดกล่าวกับกาดว่า “เราเศร้าใจยิ่งนัก ขอให้เราอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้าเถิด เพราะพระองค์มีความเมตตายิ่งนัก และอย่าให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในมือของมนุษย์”

14 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอล และพลเมืองจำนวน 70,000 คนล้มตาย 15 และพระเจ้าใช้ทูตสวรรค์ไปยังเยรูซาเล็มเพื่อทำลายเมือง แต่ขณะที่ทูตสวรรค์กำลังจะทำลายเมืองให้สิ้นไป พระผู้เป็นเจ้าเห็น และพระองค์เสียใจเพราะความวิบัติ จึงกล่าวกับทูตสวรรค์ที่กำลังทำลายพลเมืองว่า “พอแล้ว ยั้งมือของเจ้าไว้” และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ข้างลานนวดข้าวของโอร์นันชาวเยบุส 16 ดาวิดเงยหน้าขึ้นดู และเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนอยู่ระหว่างแผ่นดินโลกและสวรรค์ มือถือดาบที่ชักออกและยื่นไปยังเยรูซาเล็ม แล้วดาวิดกับบรรดาผู้อาวุโสที่สวมผ้ากระสอบก็หมอบราบลงกับพื้น 17 และดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “เป็นคำสั่งของข้าพเจ้ามิใช่หรือที่ให้นับจำนวนนักรบ ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ได้กระทำบาป และข้าพเจ้าได้กระทำด้วยความเลวร้าย แต่ว่าลูกแกะเหล่านี้ พวกเขากระทำอะไรเล่า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์กระทำต่อข้าพเจ้าและพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เกิดภัยพิบัติกับชนชาติของพระองค์เลย”

ดาวิดสร้างแท่นบูชา

18 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าสั่งกาดให้ไปเรียนดาวิดว่า ดาวิดควรขึ้นไปสร้างแท่นบูชาที่ลานนวดข้าวของโอร์นัน[y]ชาวเยบุสให้แด่พระผู้เป็นเจ้า 19 ดังนั้นดาวิดจึงขึ้นไป ตามที่กาดมาเรียนท่าน ตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า 20 ฝ่ายโอร์นันกำลังนวดข้าวสาลี ก็หันมาเห็นทูตสวรรค์ บุตร 4 คนที่อยู่ด้วยกับเขาก็ไปซ่อนตัว 21 เมื่อดาวิดเข้ามาใกล้โอร์นัน โอร์นันมองดูก็เห็นดาวิด เขาจึงเดินออกไปจากลานนวดข้าว และแสดงความเคารพแก่ดาวิด และก้มหน้าลงที่พื้น 22 ดาวิดกล่าวกับโอร์นันว่า “ให้ลานนวดข้าวแก่เราเถิด เพื่อสร้างแท่นบูชาให้แด่พระผู้เป็นเจ้า ขายให้เราเต็มราคา เผื่อว่าภัยพิบัติในหมู่คนจะได้ยุติลง” 23 โอร์นันตอบดาวิดว่า “โปรดรับไปเถิด แล้วแต่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์จะกระทำสิ่งที่ท่านเห็นดีเถิด ดูเถิด ข้าพเจ้ามอบโคสำหรับเผาเป็นของถวาย คราดเลื่อนเป็นฟืน และข้าวสาลีเป็นเครื่องธัญญบูชา ข้าพเจ้าขอมอบให้ทั้งหมด” 24 แต่กษัตริย์ดาวิดกล่าวกับโอร์นันว่า “ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเราจะซื้อในราคาเต็ม เราจะไม่รับสิ่งที่เป็นของท่านไปมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า หรือมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายที่ได้มาโดยไม่เสียสิ่งใดเลย” 25 ดังนั้นดาวิดจึงจ่ายโอร์นันเป็นทองคำหนัก 600 เชเขล[z]สำหรับลานนวดข้าว 26 และดาวิดก็ได้สร้างแท่นบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า ณ ที่นั่น และได้มอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าได้ตอบคำร้องขอด้วยเปลวไฟจากสวรรค์ลงสู่แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย[aa] 27 แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็บัญชาทูตสวรรค์ ท่านจึงเก็บดาบไว้ในฝัก

28 ในครั้งนั้น เมื่อดาวิดเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ตอบตามคำร้องของท่านแล้วที่ลานนวดข้าวของโอร์นันชาวเยบุส ท่านก็มอบเครื่องสักการะที่นั่น 29 เพราะว่ากระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งโมเสสได้สร้างขึ้นในถิ่นทุรกันดาร และแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายในเวลานั้นอยู่ที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในกิเบโอน 30 แต่ดาวิดไม่สามารถไปถามพระเจ้าที่นั่นได้ เพราะว่าท่านกลัวดาบของทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า

22 แล้วดาวิดกล่าวว่า “นี่แหละเป็นที่สำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า และนี่ก็เป็นแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายสำหรับอิสราเอล”

ดาวิดเตรียมสร้างพระตำหนัก

ดาวิดสั่งให้รวบรวมประชากรต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอลมา และท่านเลือกสรรช่างสกัดหินให้แต่งหิน เพื่อสร้างพระตำหนักของพระเจ้า ดาวิดจัดหาเหล็กเป็นจำนวนมาก เพื่อตีคีมและตะปูใช้ประกอบบานประตูเมือง และท่านจัดหาทองสัมฤทธิ์เป็นจำนวนมากเกินที่จะชั่งได้ และไม้ซีดาร์มากมายเกินที่จะนับได้ เพราะว่าชาวไซดอนและชาวไทระนำไม้ซีดาร์มามอบแก่ดาวิดจำนวนมาก ดาวิดกล่าวว่า “ซาโลมอนบุตรของเราเป็นคนหนุ่มและยังอ่อนหัด พระตำหนักที่จะสร้างถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าต้องงามตระการที่สุด มีชื่อเสียง และความรุ่งโรจน์ ให้ดินแดนทั้งหลายได้เห็น ฉะนั้นเราจะเป็นผู้ตระเตรียมสิ่งต่างๆ ให้” ดังนั้นดาวิดจึงจัดหาวัสดุจำนวนมากก่อนท่านสิ้นชีวิต

ซาโลมอนสร้างพระตำหนัก

ครั้นแล้ว ท่านก็เรียกซาโลมอนบุตรชาย และกำหนดให้สร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ดาวิดกล่าวกับซาโลมอนว่า “ลูกเอ๋ย เราตั้งใจจะสร้างพระตำหนักเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘เจ้าได้ทำให้คนจำนวนมากหลั่งเลือด และได้ทำสงครามใหญ่มากมาย เจ้าจะไม่สร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา เพราะเจ้าได้ทำให้คนจำนวนมากหลั่งเลือดบนแผ่นดินโลกต่อหน้าเรา ดูเถิด บุตรคนหนึ่งจะเกิดแก่เจ้า เขาจะเป็นผู้ที่ได้หยุดพัก เราจะให้เขาได้หยุดพักจากศัตรูที่อยู่รอบข้าง ชื่อของเขาคือซาโลมอน และเราจะให้ความสันติสุขและความสงบแก่อิสราเอลในสมัยของเขา 10 เขาจะสร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา เขาจะเป็นบุตรของเรา และเราจะเป็นบิดาของเขา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาในอิสราเอลตลอดกาล’[ab]

11 ลูกเอ๋ย ขอพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า เพื่อเจ้าจะสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า อย่างที่พระองค์ได้กล่าวถึงเรื่องเจ้าไว้ 12 ขอพระผู้เป็นเจ้ามอบปฏิภาณและการหยั่งรู้ให้แก่เจ้า เพื่อเวลาที่พระองค์ให้เจ้าปกครองอิสราเอล เจ้าจะปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า 13 แล้วเจ้าจะเจริญรุ่งเรืองถ้าเจ้าระมัดระวังปฏิบัติตามคำบัญชาและกฎเกณฑ์ที่พระองค์บัญชาโมเสสเพื่ออิสราเอล จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าหวาดหวั่นและอย่าท้อใจ 14 เราได้จัดหาทองคำ 100,000 ตะลันต์ เงิน 1,000,000 ตะลันต์ ทองสัมฤทธิ์และเหล็กมากเกินที่จะนับได้ เพราะมีมากเหลือเกิน ไม้และหินด้วย เราได้จัดหาให้ด้วยความลำบากยากยิ่งเพื่อพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าอาจจะต้องเพิ่มเติมอีกก็ได้ 15 เจ้ามีช่างมากมายเช่น ช่างสกัดหิน ช่างก่ออิฐ ช่างไม้ และช่างฝีมือทุกแขนงที่ชำนาญงานจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน 16 มีทั้งทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก จงเริ่มทำงานได้ ขอพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”

17 ดาวิดสั่งบรรดาผู้นำของอิสราเอลทั้งปวงให้ช่วยซาโลมอนบุตรของท่านด้วยว่า 18 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านสถิตกับท่านมิใช่หรือ พระองค์ได้ให้ท่านได้หยุดพักจากประเทศที่อยู่ข้างเคียงมิใช่หรือ เพราะว่าพระองค์ได้มอบบรรดาผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินให้แก่เรา และแผ่นดินก็สยบอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าและชนชาติของพระองค์ 19 บัดนี้พวกท่านจงรวบรวมความคิดและจิตใจ กระทำตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน จงเริ่มสร้างที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า เพื่อหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และภาชนะบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะได้นำเข้ามาในพระตำหนักที่สร้างเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า

ดาวิดจัดหน้าที่ให้ชาวเลวี

23 เมื่อดาวิดชราลงมากแล้ว ท่านแต่งตั้งซาโลมอนบุตรชายให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

ดาวิดนัดประชุมบรรดาหัวหน้าของอิสราเอล ปุโรหิต และชาวเลวี ชาวเลวีที่อายุ 30 ปีขึ้นไปนับจำนวนได้ 38,000 คน ดาวิดกล่าวว่า “ชาวเลวี 24,000 คนจงดูแลงานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ให้เป็นเจ้าหน้าที่และผู้วินิจฉัย 6,000 คน เป็นนายประตู 4,000 คน เป็นนักดนตรีนมัสการพระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องดนตรีซึ่งเราได้ทำไว้สำหรับนมัสการ 4,000 คน” และดาวิดจัดบรรดาบุตรของเลวีให้เป็นกลุ่มเป็นกองตามชื่อคือ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี

เกอร์โชนมีบุตรชื่อ ลาดาน และชิเมอี ลาดานมีบุตร 3 คนชื่อ เยฮีเอลผู้เป็นหัวหน้า เศธาม และโยเอล ชิเมอีมีบุตร 3 คนชื่อ เชโลโมท ฮาซีเอล และฮาราน ชายเหล่านี้เป็นหัวหน้าบรรพบุรุษของลาดาน 10 ชิเมอีมีบุตรชื่อ ยาหาท ศีนา เยอูช และเบรีอาห์ ทั้งสี่คนนี้เป็นบุตรของชิเมอี 11 ยาหาทเป็นหัวหน้า ศีศาห์เป็นคนที่สอง แต่เยอูชและเบรีอาห์มีบุตรไม่มาก ฉะนั้นจึงนับรวมเป็นตระกูลเดียวกัน

12 โคฮาทมีบุตร 4 คนชื่อ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล 13 อัมรามมีบุตรชื่อ อาโรน และโมเสส อาโรนได้รับมอบหมายให้ถวายสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด คือทั้งอาโรนและบุตรของท่านควรมอบเครื่องสักการะ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติรับใช้พระองค์ และกล่าวคำอวยพรในพระนามของพระองค์เป็นนิตย์ 14 โมเสสคนของพระเจ้า มีบรรดาบุตรที่นับได้ว่าอยู่ในเผ่าเลวี 15 โมเสสมีบุตรชื่อ เกอร์โชม และเอลีเอเซอร์ 16 เกอร์โชมมีบุตรชื่อ เชบูเอลผู้เป็นหัวหน้า 17 เอลีเอเซอร์มีบุตรชื่อ เรหับยาห์ผู้เป็นหัวหน้า เอลีเอเซอร์ไม่มีบุตรอื่นอีก แต่เรหับยาห์มีบุตรมาก 18 อิสฮาร์มีบุตรชื่อ เชโลมิทผู้เป็นหัวหน้า 19 เฮโบรนมีบุตรชื่อ เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้า อามาริยาห์ที่สอง ยาฮาซีเอลที่สาม และเยคาเมอัมที่สี่ 20 อุสซีเอลมีบุตรชื่อ มีคาห์ผู้เป็นหัวหน้า และยิชชียาห์คนที่สอง

21 เมรารีมีบุตรชื่อ มัคลี และมูชี มัคลีมีบุตรชื่อ เอเลอาซาร์ และคีช 22 เอเลอาซาร์สิ้นชีวิตโดยไม่มีบุตรชาย แต่มีบุตรหญิงซึ่งแต่งงานกับบรรดาบุตรของคีชญาติของตน 23 มูชีมีบุตร 3 คนชื่อ มัคลี เอเดอร์ และเยเรโมท

24 คนเหล่านี้เป็นบุตรของเลวีตามตระกูลของพวกเขา เป็นหัวหน้าตระกูลตามลำดับชื่อของแต่ละคน อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่ต้องปฏิบัติงานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 25 เพราะดาวิดกล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลให้ชนชาติของพระองค์ได้หยุดพัก และพระองค์สถิตในเยรูซาเล็มเป็นนิตย์ 26 ฉะนั้นชาวเลวีไม่จำเป็นต้องแบกหามกระโจมที่พำนักหรือเครื่องใช้ในการปฏิบัติงาน” 27 ตามคำสั่งของดาวิดครั้งสุดท้าย ท่านให้นับจำนวนชาวเลวีที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป 28 เพราะว่าพวกเขามีหน้าที่ช่วยบุตรของอาโรนปฏิบัติหน้าที่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการดูแลลานพระตำหนักและห้อง ช่วยชำระสิ่งบริสุทธิ์ทั้งสิ้น และปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างในพระตำหนักของพระเจ้า 29 นอกจากนั้นก็มีหน้าที่ช่วยในเรื่องขนมปังอันบริสุทธิ์ แป้งสำหรับเครื่องธัญญบูชา ขนมปังกรอบไร้เชื้อ ของถวายอบ ของถวายผสมน้ำมัน และดูแลเรื่องการชั่งตวงคุณภาพและขนาดของทุกสิ่ง 30 ทุกเช้า พวกเขาต้องยืนขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ในเวลาเย็นก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน 31 เมื่อใดก็ตามที่เผาสัตว์เป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ในวันสะบาโต วันข้างขึ้น และเทศกาลที่กำหนดไว้ ให้ชาวเลวีทำหน้าที่ตามจำนวนที่ต้องใช้ปฏิบัติงาน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นประจำ 32 พวกเขาต้องดูแลกระโจมที่นัดหมายและวิสุทธิสถาน และคอยรับใช้บรรดาบุตรของอาโรนพี่น้องของเขา เพื่อรับใช้ที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation