Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อพยพ 18

เยโธรกับโมเสสพบกัน

18 เยโธรปุโรหิตของมีเดียนผู้เป็นพ่อตาของโมเสสทราบเรื่องทั้งหมดที่พระเจ้ากระทำเพื่อโมเสสและอิสราเอลชนชาติของพระองค์ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้นำอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ได้อย่างไร เยโธรพ่อตาของโมเสสได้รับศิปโปราห์ภรรยาของโมเสสไว้หลังจากที่โมเสสส่งนางกลับไป พร้อมกับบุตรชายของนาง 2 คน คนหนึ่งชื่อเกอร์โชม[a] เพราะโมเสสพูดว่า “เราเป็นคนต่างด้าวในที่ต่างถิ่น” อีกคนชื่อเอลีเอเซอร์[b] ท่านพูดว่า “เพราะพระเจ้าของบรรพบุรุษข้าพเจ้าช่วยข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้าพ้นจากคมดาบของฟาโรห์” เยโธรพ่อตาของโมเสสพาบุตรชายและภรรยาของโมเสสไปหาท่านที่ภูเขาของพระเจ้าในถิ่นทุรกันดารซึ่งเป็นที่ท่านตั้งค่ายอยู่ เยโธรส่งคนไปบอกโมเสสว่า “เราคือเยโธรพ่อตาของท่าน กำลังมาหาท่านพร้อมกับภรรยาของท่านและบุตรทั้งสองของนาง” โมเสสจึงออกไปพบพ่อตาของท่าน ก้มกราบและจูบแก้มท่าน ต่างก็ถามถึงทุกข์สุขของกันและกัน แล้วก็พากันเข้าไปในกระโจม โมเสสเล่าให้พ่อตาของท่านฟังเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำต่อฟาโรห์และชาวอียิปต์เพราะเห็นแก่ชาวอิสราเอล ความยากลำบากที่ประสบระหว่างการเดินทาง และการที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยพวกเขาให้รอดมาได้ เยโธรยินดีที่พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งดีๆ แก่ชาวอิสราเอล เวลาที่พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์

10 เยโธรจึงพูดว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่ช่วยพวกท่านให้พ้นจากมือของชาวอียิปต์และฟาโรห์ 11 บัดนี้เรารู้แล้วว่าพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่เหนือเทพเจ้าทั้งปวง เพราะพระองค์กระทำต่อพวกที่ดูหมิ่นชาวอิสราเอล” 12 เยโธรพ่อตาของโมเสสจึงนำสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะอื่นๆ มาถวายแด่พระเจ้า อาโรนมากับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับพ่อตาของโมเสส ณ เบื้องหน้าพระเจ้า

13 วันรุ่งขึ้น โมเสสทำหน้าที่ตัดสินความให้ประชาชน พวกเขาอยู่รายล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจรดเย็น 14 เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นสิ่งที่ท่านปฏิบัติต่อประชาชน จึงพูดว่า “ท่านทำอะไรให้พวกเขา แล้วเหตุใดจึงนั่งตัดสินความอยู่คนเดียว ประชาชนทั้งปวงพากันยืนรออยู่รอบข้างตั้งแต่เช้าจรดเย็น” 15 โมเสสตอบพ่อตาว่า “เพราะประชาชนมาหาข้าพเจ้าเพื่อแสวงหาความประสงค์ของพระเจ้า 16 เวลาพวกเขามีข้อโต้แย้ง เขาก็มาหาข้าพเจ้าเพื่อให้ตัดสินใจแทนเขากับเพื่อนบ้าน แล้วข้าพเจ้าบอกให้เขารู้กฎเกณฑ์และกฎบัญญัติของพระเจ้า” 17 พ่อตาของโมเสสพูดว่า “ท่านทำอย่างนี้ไม่ดี 18 ทั้งตัวท่านและประชาชนที่อยู่กับท่านจะทำให้ท่านหมดแรง เพราะงานนั้นหนักเกินไปสำหรับท่าน ท่านไม่สามารถทำตามลำพังได้ 19 บัดนี้จงฟังให้ดี เราจะให้คำแนะนำแก่ท่าน และพระเจ้าจะอยู่กับท่าน ท่านจะเป็นผู้แทนของประชาชน ณ เบื้องหน้าพระเจ้า และนำความมาให้พระเจ้าทราบ 20 ท่านจะสอนพวกเขาให้รู้กฎเกณฑ์และกฎบัญญัติ และสอนเขาให้รู้จักวิถีชีวิตและการปฏิบัติตน 21 และยิ่งกว่านั้น จงเลือกชายที่มีความสามารถจากประชาชนทั้งปวง เลือกคนที่เกรงกลัวพระเจ้า ไว้ใจได้และเกลียดสินบน คนประเภทนี้ที่ท่านควรแต่งตั้งให้เป็นผู้นำของประชาชนที่จัดออกเป็นกลุ่มๆ ละพันคนบ้าง กลุ่มละร้อย กลุ่มละห้าสิบ และกลุ่มละสิบคน 22 ปล่อยให้พวกเขาตัดสินความให้ประชาชนเป็นประจำ ให้เขาตัดสินคดีย่อยๆ กันเอง ส่วนคดีใหญ่ๆ ก็ส่งให้ท่าน งานของท่านจะได้เบาลง และให้เขาช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน 23 ถ้าท่านทำตามนี้ และพระเจ้าสั่งให้ท่านทำ ท่านก็จะรับไหว และประชาชนเองก็จะบรรลุเป้าหมายของเขาอย่างราบรื่นเช่นกัน”

24 โมเสสฟังพ่อตาของท่านแล้วก็ทำตามทุกสิ่ง 25 โมเสสเลือกชายชาวอิสราเอลที่มีความสามารถ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำของประชาชนที่จัดออกเป็นกลุ่มๆ ละพันคนบ้าง กลุ่มละร้อย กลุ่มละห้าสิบ และกลุ่มละสิบคน 26 พวกเขาตัดสินความให้ประชาชนเป็นประจำ และส่งคดีใหญ่ๆ มาให้โมเสสตัดสิน ส่วนคดีย่อยก็ตัดสินกันเอง 27 ครั้นแล้วโมเสสก็ร่ำลาพ่อตา และเยโธรก็เดินทางกลับบ้านไป

ลูกา 21

หญิงม่ายผู้ยากไร้ถวายเงิน

21 ขณะที่พระองค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกคนมั่งมีกำลังถวายเงินในตู้ถวาย พระองค์เห็นหญิงม่ายผู้ยากไร้คนหนึ่งถวายเหรียญทองแดง 2 เหรียญด้วย พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า หญิงม่ายผู้ยากไร้คนนี้ถวายเงินมากกว่าคนทั้งปวงเสียอีก เพราะเขาทุกคนได้ให้จากเงินเหลือใช้ของเขา แต่ถึงแม้ว่านางจะขัดสน นางก็ยังถวายทุกสตางค์ที่เก็บไว้สำหรับเลี้ยงตนเอง”

ใครจะหยั่งรู้อนาคต

ขณะที่สาวกบางคนกำลังกล่าวชื่นชมพระวิหารที่ตกแต่งด้วยหินและวัตถุที่คนถวายแด่พระเจ้าอย่างสวยงาม พระเยซูก็กล่าวว่า “สิ่งซึ่งเจ้าเห็นกันอยู่นี้ สักวันหนึ่งจะถึงเวลาที่ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้”[a] เขาทั้งหลายถามว่า “อาจารย์ เมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ใกล้จะเกิดขึ้น” พระองค์ตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากมากล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และ ‘ใกล้เวลานั้นแล้ว’ ก็อย่าตามพวกเขาไป เมื่อเจ้าได้ยินถึงการสงครามต่างๆ และการปฏิวัติ ก็อย่าตกใจกลัว สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที”

10 แล้วพระองค์กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน 11 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มากมาย มีความอดอยาก โรคระบาดในที่ต่างๆ เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว และปรากฏการณ์อัศจรรย์ยิ่งใหญ่ต่างๆ จากสวรรค์ 12 แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะจับกุมและข่มเหงเจ้า มอบตัวเจ้าไปยังศาลาที่ประชุมและที่คุมขัง เจ้าจะถูกนำไปยืนต่อหน้าบรรดากษัตริย์และผู้ว่าราชการ เหตุเพราะชื่อของเรา 13 ผลที่เกิดขึ้นคือ เจ้าจะเป็นพยานแก่พวกเขา 14 แต่จงตัดสินใจที่จะไม่กังวลล่วงหน้าว่าจะแก้คดีอย่างไร 15 เพราะว่าเราจะมอบคำพูดและปัญญาซึ่งไม่มีศัตรูคนใดต่อต้านหรือโต้แย้งได้ 16 แม้แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสหายจะส่งตัวเจ้าไป พวกเขาจะทำให้พวกเจ้าบางคนถึงแก่ชีวิตได้ 17 คนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้า เหตุเพราะชื่อของเรา 18 แต่ว่าจะไม่มีใครแตะต้องผมของเจ้าได้แม้เพียงเส้นเดียว 19 จงยืนหยัดและเจ้าจะได้ชีวิต

20 เมื่อเจ้าเห็นว่าเมืองเยรูซาเล็มถูกล้อมด้วยกองทหาร จงรู้ว่าความหายนะใกล้เข้ามาแล้ว 21 เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา ปล่อยพวกที่อยู่ในตัวเมืองให้ออกไป และอย่าให้พวกที่อยู่ในชนบทเข้าไปในตัวเมือง 22 เพราะว่านี่เป็นเวลาลงโทษ เพื่อจะได้ให้สิ่งทั้งปวงบรรลุผลตามที่มีบันทึกไว้ 23 วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น ความทุกข์ใหญ่หลวงจะบังเกิดบนแผ่นดิน และการลงโทษจะมีต่อคนเหล่านั้น 24 เขาจะตายด้วยคมดาบ บ้างจะถูกจับไปเป็นเชลยให้กับชนทุกชาติ เมืองเยรูซาเล็มจะถูกเหยียบย่ำโดยบรรดาคนนอก จนกว่าวาระของพวกคนนอกจะเสร็จสิ้น

25 จะมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ชาติต่างๆ บนโลกจะได้รับความทุกข์ร้อน และงงงวยกับเสียงทะเลและคลื่นซึ่งก้องคำราม 26 ผู้คนจะตกใจจนเป็นลมขณะที่รอดูว่า อะไรจะเกิดขึ้นบนโลก เพราะบรรดาสิ่งที่ทรงพลังในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน 27 ขณะนั้นผู้คนจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มจะเกิดขึ้นจงยืนยกศีรษะขึ้น เพราะว่าการไถ่ของเจ้ากำลังใกล้เข้ามาแล้ว”

29 พระองค์กล่าวเป็นอุปมาต่อไปอีกว่า “จงดูต้นมะเดื่อและต้นไม้อื่นๆ ทั่วไปเถิด 30 ทันทีที่ต้นแตกใบอ่อน เจ้าจะเห็นด้วยตัวของเจ้าเองและรู้ว่าฤดูฝนใกล้จะถึงแล้ว 31 ในทำนองเดียวกันเมื่อเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้จะถึงแล้ว 32 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะไม่อาจล่วงลับไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อน 33 สวรรค์และโลกจะดับสูญไป แต่คำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป

34 จงระวังเถิด มิฉะนั้นใจของพวกเจ้าจะหมกมุ่นอยู่กับการดื่มกินในงานฉลอง จากการเสพติดของมึนเมา และความกังวลกับชีวิตนี้ และวันนั้นก็จะมาถึงเจ้าโดยไม่คาดคิดดั่งบ่วงแร้ว 35 วันนั้นจะมาเยือนทุกชีวิตบนโลก 36 จงระวังอยู่เสมอ จงอธิษฐานเพื่อให้เจ้าได้หนีพ้นจากสิ่งเหล่านี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเจ้าจะสามารถยืนต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”

37 ในเวลากลางวันพระเยซูสั่งสอนที่พระวิหาร และเวลากลางคืนพระองค์ออกไปอยู่บนเขาที่ชื่อภูเขามะกอก 38 ผู้คนจะมาเฝ้าที่พระวิหารตั้งแต่ยามรุ่งอรุณเพื่อฟังพระองค์

โยบ 36

เอลีฮูยกย่องความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

36 เอลีฮูพูดต่อไปอีกว่า

“ขอท่านอดทนข้าพเจ้าอีกนิด และข้าพเจ้าจะชี้ให้ท่านเห็น
    เพราะข้าพเจ้ายังมีเรื่องจะพูดแทนพระเจ้าอีก
ข้าพเจ้าเอาความรู้มาจากหลายแหล่ง
    และข้าพเจ้าพิสูจน์ได้ว่าองค์ผู้สร้างของข้าพเจ้ามีความชอบธรรม
ท่านจงมั่นใจได้ว่าคำพูดของข้าพเจ้าไม่เป็นความเท็จ
    ผู้มีความรู้อันบริบูรณ์อยู่กับท่าน

ดูเถิด พระเจ้ามีอานุภาพ และไม่ดูหมิ่นผู้ใด
    พระองค์เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งยิ่งนัก
พระองค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วร้ายมีชีวิตอยู่
    แต่พระองค์ให้ผู้มีทุกข์ได้รับความเป็นธรรม
พระองค์ปกป้องผู้มีความชอบธรรม
    พระองค์แต่งตั้งเขาให้ครองบัลลังก์กับบรรดากษัตริย์ไปตลอดกาล
    และพวกเขาได้รับการยกย่อง
และถ้าพวกเขาถูกล่ามโซ่
    และติดอยู่ในตรวนแห่งความทุกข์ทรมาน
และพระองค์จะชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ
    และถึงการล่วงละเมิดของพวกเขาว่า
    พวกเขาประพฤติด้วยความยโส
10 พระองค์ทำให้พวกเขาตั้งใจฟังคำเตือน
    และบัญชาพวกเขาให้หันจากการทำบาป
11 ถ้าพวกเขาเชื่อฟังและรับใช้พระองค์
    ชีวิตของพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จ
    และจะอยู่อย่างมีความสุข
12 แต่ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง
    พวกเขาก็จะวอดวาย
    และตายโดยปราศจากความรู้

13 จิตใจของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเก็บความโกรธไว้เรื่อยไป
    เมื่อได้รับโทษ พวกเขาก็ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ
14 พวกเขาตายเมื่อยังหนุ่ม
    และชีวิตจบลงท่ามกลางโสเภณีชาย
15 พระองค์ช่วยผู้ทนทุกข์ด้วยบทเรียนที่เขาประสบ
    และให้เขาฟังพระองค์เมื่อมีความลำบาก

16 พระองค์นำท่านให้หลุดพ้นจากความทุกข์
    และดูแลท่านให้อยู่ดีมีสุข
    และเพียบพร้อมด้วยอาหารอันสมบูรณ์
17 แต่ท่านจะได้รับโทษหนักอย่างคนชั่วได้รับ
    ท่านจะหนีไม่พ้นจากการตัดสินลงโทษ
18 จงระวังไม่ให้ผู้ใดล่อท่านด้วยความมั่งมี
    และอย่าให้สินบนจำนวนมหาศาลเปลี่ยนใจท่าน
19 ความมั่งมีหรืออำนาจของท่านทั้งหมด
    จะช่วยให้ท่านพ้นจากความทุกข์ได้หรือ
20 อย่าตั้งตาคอยให้ถึงเวลาค่ำ
    ซึ่งเป็นเวลาที่คนถูกพรากจากไป
21 จงไปให้พ้นจากบาป
    เพราะเดิมท่านก็ปรารถนาเช่นนั้นมากกว่าความทุกข์อยู่แล้ว

22 ดูเถิด อานุภาพของพระเจ้าได้รับการยกย่อง
    ผู้ใดจะสั่งสอนได้เหมือนพระองค์
23 ผู้ใดจะบอกพระเจ้าให้ทำอะไรได้
    หรือผู้ใดจะพูดได้ว่า ‘พระองค์ทำผิด’
24 อย่าลืมสรรเสริญพระองค์ในสิ่งที่พระองค์ทำ
    ซึ่งผู้คนก็ได้ร้องเพลงถวายมาแล้ว
25 มนุษย์ทั้งหลายเห็นงานของพระองค์แล้ว
    พวกเขามองดูได้แต่ไกล
26 ดูเถิด พระเจ้ายิ่งใหญ่ และพวกเรายังไม่รู้จักพระองค์ดี
    เราไม่สามารถคำนวณอายุของพระองค์ได้

27 เพราะพระองค์ดึงหยดน้ำขึ้นจากแผ่นดิน
    และหยดน้ำถูกกลั่นเป็นหมอกและฝน
28 ซึ่งทำให้ท้องฟ้าหลั่งน้ำนั้นลงมา
    และหยดลงบนมนุษย์จนชื่นฉ่ำ
29 ผู้ใดสามารถเข้าใจเมฆที่แผ่กระจายออกไหม
    แล้วเสียงฟ้าร้องจากพลับพลาของพระองค์ล่ะ
30 ดูเถิด พระองค์ให้ฟ้าแลบกระจายอยู่รอบพระองค์
    และปกความลึกที่ใต้ท้องทะเล
31 นี่แหละเป็นวิธีที่พระองค์ควบคุมชนชาติทั้งหลาย
    พระองค์ให้อาหารอย่างบริบูรณ์
32 พระองค์กำแสงฟ้าแลบในมือของพระองค์
    และบัญชาให้ผ่าตรงจุดที่พระองค์ต้องการ
33 เสียงฟ้าร้องประกาศถึงพายุที่กำลังพัดมา
    ฝูงปศุสัตว์ประกาศว่า มันใกล้เข้ามาแล้ว

2 โครินธ์ 6

ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านด้วยว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไร้ประโยชน์ เพราะพระองค์กล่าวว่า

“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน
    เราก็ฟังเสียงของเจ้า
และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น
    เราก็ช่วยเจ้า”[a]

เราขอบอกท่านว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะโปรดปราน ดูเถิด ขณะนี้เป็นวันช่วยให้รอดพ้น

เราไม่วางเครื่องกีดขวางเพื่อขวางทางของผู้ใด เพื่อว่างานรับใช้ของเราจะได้ไม่ถูกตำหนิ ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เราชี้ให้เห็นว่าเราเป็นอย่างไรในทุกๆ ด้าน ด้วยความเพียรอดทนอย่างยิ่ง ในการทนทุกข์ทรมาน ในความยากลำบาก และความเจ็บปวดรวดร้าว ในการถูกโบย ในการถูกจำจอง ท่ามกลางการจลาจล ในการทำงานหนัก อดหลับอดนอน และหิวโหย ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความรู้ ความอดทน ความกรุณา ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความรักจริงใจ ด้วยการประกาศความจริง ด้วยอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้อาวุธแห่งความชอบธรรมทั้งมือขวาและมือซ้าย ทั้งเวลาที่มีเกียรติและไร้เกียรติ ทั้งเวลาที่ชื่อเสียงดีและเสื่อมเสีย แม้จะจริงใจแต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หลอกลวง ทั้งในยามที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักดี เป็นเหมือนคนที่สิ้นใจไปแล้ว แต่ดูเถอะเรายังมีชีวิตอยู่ ทั้งถูกลงโทษ แต่ก็ยังไม่ตาย 10 ทั้งโศกเศร้าแต่ยังชื่นชมยินดีเสมอ ทั้งยากไร้แต่ก็ทำให้หลายคนได้มั่งคั่ง ทั้งที่ตัวเปล่าแต่ก็ยังเป็นเจ้าของสารพัดสิ่ง

11 เราได้เปิดใจพูดกับท่าน โอ ชาวโครินธ์เอ๋ย ใจเราเปิดกว้างรับท่าน 12 เราไม่ได้ปิดใจต่อท่าน แต่ท่านต่างหากที่ปิดใจต่อเรา 13 ข้าพเจ้าจึงพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกของข้าพเจ้าว่า จงเปิดใจให้กว้างเถิด

อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า

14 อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ความชอบธรรมจะร่วมกับความชั่วร้ายได้อย่างไร หรือความสว่างกับความมืดจะมีสามัคคีธรรมต่อกันได้อย่างไร 15 พระคริสต์กับเบลีอัล[b]จะสอดคล้องกันได้อย่างไร หรือผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะมีส่วนร่วมกับผู้ที่ไม่เชื่อได้อย่างไร 16 หรือวิหารของพระเจ้ากับรูปเคารพจะลงรอยกันได้อย่างไร เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ ตามที่พระเจ้ากล่าวว่า

“เราจะอยู่กับเขา
    และเดินเคียงข้างไปกับพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของเขา
    และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา”[c]
17     “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
ฉะนั้น จงออกมาจากพวกเขา
    และจงแยกตัวออกจากเขา
อย่าจับต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
    แล้วเราจะรับเจ้าไว้”[d]
18 “เราจะเป็นบิดาของเจ้า
    และเจ้าจะเป็นบุตรและธิดาของเรา
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวไว้ดังนั้น”[e]

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation