M’Cheyne Bible Reading Plan
เครื่องธัญญบูชา
2 เมื่อผู้ใดมอบเครื่องธัญญบูชาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ของถวายของเขาต้องเป็นแป้งสาลีชั้นเยี่ยม ราดด้วยน้ำมันและใส่กำยาน 2 นำมาให้บรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรน ปุโรหิตจะหยิบแป้งชั้นเยี่ยมหนึ่งกำมือพร้อมน้ำมัน และกำยานทั้งหมดเผาเพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ที่แท่นบูชา และถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 3 ส่วนธัญญบูชาที่เหลือจะตกเป็นของอาโรนและบุตรของเขา เป็นของถวายด้วยไฟส่วนที่บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า
4 เมื่อเจ้านำธัญญบูชาซึ่งอบจากเตาเป็นของถวายจะต้องใช้แป้งชั้นเยี่ยม อบขนมไร้เชื้อมีน้ำมันผสม หรือขนมปังกรอบไร้เชื้อทาน้ำมัน 5 ถ้าของถวายของเจ้าเป็นธัญญบูชาที่ทอดบนกระทะก้นแบน ก็จะต้องทำจากแป้งชั้นเยี่ยมผสมกับน้ำมันโดยไร้เชื้อยีสต์ 6 และจงบิออกเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำมันเป็นธัญญบูชา 7 ถ้าของถวายของเจ้าเป็นธัญญบูชาที่ทอดด้วยกระทะ จะต้องทำจากแป้งสาลีชั้นเยี่ยมผสมกับน้ำมัน 8 เจ้าจงนำธัญญบูชาที่เตรียมไว้ดังกล่าวถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เมื่อนำมาให้ปุโรหิตแล้ว เขาก็จะนำมาให้ที่แท่นบูชา 9 และปุโรหิตจะหยิบเอาส่วนที่เป็นอนุสรณ์แห่งการถวายจากเครื่องธัญญบูชา และเผาถวายด้วยไฟบนแท่นบูชา จะส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 10 ส่วนธัญญบูชาที่เหลือจะตกเป็นของอาโรนและบุตรของเขา เป็นของถวายด้วยไฟส่วนที่บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า
11 เครื่องธัญญบูชาที่เจ้านำมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไร้เชื้อยีสต์ เพราะเจ้าจะต้องไม่เผาเชื้อยีสต์หรือน้ำผึ้งเป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 12 เจ้าจะนำธัญญบูชาซึ่งเป็นผลแรกมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นของถวายได้ แต่อย่าใช้เป็นของถวายที่ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจที่แท่นบูชา 13 เจ้าจงปรุงเครื่องธัญญบูชาทั้งหมดด้วยเกลือ อย่าปล่อยให้เครื่องธัญญบูชาขาดเกลือแห่งพันธสัญญาที่ทำไว้กับพระเจ้า จงถวายเกลือในของถวายทุกอย่าง[a]
14 ถ้าเจ้าถวายธัญญบูชาแห่งผลแรกแด่พระผู้เป็นเจ้า ก็จงถวายธัญพืชใหม่จากรวงที่เพิ่งเกี่ยวมาได้ ทั้งคั่วไฟและบด 15 และจงราดธัญพืชที่บดแล้วด้วยน้ำมัน ใส่กำยาน เป็นเครื่องธัญญบูชา 16 ปุโรหิตจะเผาธัญพืชที่บดแล้ว พร้อมกับน้ำมันและกำยานทั้งหมดเพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นการถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า
ของถวายเพื่อสามัคคีธรรม
3 ถ้าเครื่องสักการะเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และผู้ใดถวายโคจากฝูง ไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย เขาต้องถวายตัวที่ไม่มีตำหนิ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 2 ให้เขาวางมือบนหัวสัตว์ที่ถวายและฆ่ามันที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย แล้วบรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น 3 จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาถวายเครื่องในส่วนที่มีไขมันหุ้ม 4 พร้อมกับไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 5 แล้วบรรดาบุตรของอาโรนจะเผาเครื่องในเหล่านี้ที่แท่นบูชา พร้อมกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายที่วางอยู่บนไม้ซึ่งติดไฟอยู่ เป็นของถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า
6 ถ้าเครื่องสักการะเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า เป็นสัตว์จากฝูงแพะแกะ ไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย ให้เขาถวายตัวที่ไม่มีตำหนิ 7 ถ้าของถวายของเขาเป็นลูกแกะ เขาก็จะถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 8 โดยวางมือของเขาบนหัวสัตว์และฆ่ามันที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย และบรรดาบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น 9 จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาถวายส่วนที่เป็นไขมัน หางที่เป็นไขมันทั้งหมดตัดจากกระดูกสันหลัง และไขมันที่หุ้มหรือติดกับเครื่องในทั้งหมด 10 และไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 11 และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชาเป็นอาหารถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า
12 ถ้าของถวายของเขาเป็นแพะ เขาก็จะถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 13 โดยวางมือบนหัวสัตว์ และฆ่าสัตว์ที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย บรรดาบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น 14 แล้วให้เขาถวายเครื่องในมีไขมันติด และที่หุ้มด้วยไขมันเป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 และไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 16 และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชาเป็นอาหารถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ ไขมันทั้งหมดเป็นของพระผู้เป็นเจ้า 17 และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม คืออย่ารับประทานไขมันหรือเลือด’”
พระเยซูปรากฏแก่สาวกที่ทะเลสาบกาลิลี
21 หลังจากนั้น พระเยซูได้ปรากฏแก่เหล่าสาวกอีกที่ทะเลสาบทิเบเรียส[a] เรื่องราวเกิดขึ้นดังนี้ 2 คือซีโมนเปโตร โธมัสที่เรียกว่าแฝด นาธานาเอลชาวบ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองของเศเบดีและสาวกของพระองค์อีก 2 คนกำลังอยู่ด้วยกัน 3 ซีโมนเปโตรพูดขึ้นว่า “เราเองจะไปจับปลา” พวกเขาพูดกับเปโตรว่า “เราไปด้วย” พวกเขาก็ออกเรือกันไป คืนนั้นพวกเขาจับปลาไม่ได้เลย
4 ครั้นฟ้าสาง พระเยซูยืนอยู่ที่ชายฝั่ง แต่เหล่าสาวกยังไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ 5 พระเยซูจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย เจ้าจับปลาไม่ได้เลยใช่ไหม” พวกเขาตอบพระองค์ว่า “ไม่ได้เลย” 6 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “โยนอวนลงทางด้านขวาของเรือเถิด แล้วจะจับปลาได้บ้าง” พวกเขาจึงโยนอวนลง แต่ไม่สามารถลากอวนขึ้นได้เพราะมีปลาติดมามาก 7 ฉะนั้นสาวกคนที่พระเยซูรักจึงพูดกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระเยซูเจ้า” เมื่อซีโมนเปโตรซึ่งไม่ได้สวมเสื้อชั้นนอกได้ยินว่าเป็นพระเยซูเจ้า จึงเอาเสื้อมาสวม แล้วก็กระโจนลงทะเลสาบ 8 ส่วนสาวกที่อยู่ในเรือก็แล่นตามไป เพราะอยู่ไม่ไกลจากฝั่งคือประมาณ 100 เมตร กำลังลากอวนที่ติดปลาเต็ม
9 เมื่อขึ้นฝั่งก็เห็นถ่านติดไฟอยู่ มีปลาปิ้งไว้ และมีขนมปัง 10 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงเอาปลาที่เจ้าจับได้เมื่อกี้นี้มาบ้าง” 11 ซีโมนเปโตรลงไปในเรือแล้วลากอวนขึ้นฝั่ง มีปลาใหญ่มากมาย รวมได้ 153 ตัว และแม้ว่ามีปลาจำนวนมากอวนก็ไม่ขาด 12 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “มารับประทานอาหารเช้าเถิด” ไม่มีสาวกคนใดกล้าถามพระองค์ว่า “ท่านคือใคร” เพราะเขารู้อยู่ว่าเป็นพระเยซูเจ้า 13 พระเยซูจึงไปหยิบขนมปังแจกให้ แล้วก็แจกปลาให้ด้วย 14 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูปรากฏแก่เหล่าสาวก หลังจากที่พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย
พระเยซูและเปโตร
15 เมื่อพวกเขาเสร็จจากอาหารเช้าแล้ว พระเยซูถามซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น เจ้ารักเรามากกว่าที่คนเหล่านี้รักเราหรือ”[b] เขาพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่า พระองค์ก็ทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูบรรดาลูกแกะของเรา” 16 พระองค์กล่าวกับเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น เจ้ารักเราหรือ” เขาพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้ารักพระองค์ พระองค์ก็ทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงดูแลบรรดาแกะของเรา” 17 พระองค์กล่าวกับเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น เจ้ารักเราหรือ” เปโตรเศร้าเสียใจ เพราะว่าพระองค์กล่าวกับเขาเป็นครั้งที่สามว่า “เจ้ารักเราหรือ” และเขาพูดว่า “พระองค์ท่าน พระองค์ทราบถึงทุกสิ่ง พระองค์ทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูบรรดาแกะของเรา 18 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เมื่อเจ้ายังเยาว์อยู่ เจ้าเคยคาดเอวเองและไปไหนๆ ได้ตามใจชอบ แต่เมื่อเจ้าชราลง เจ้าจะยื่นมือของเจ้าออก และคนอื่นจะคาดเอวให้เจ้า แล้วพาเจ้าไปยังที่ที่เจ้าไม่อยากจะไป” 19 ที่พระองค์กล่าวดังนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาจะตายแบบไหนที่จะให้เกียรติแด่พระเจ้า และเมื่อพระองค์ได้กล่าวเช่นนั้นแล้ว พระองค์จึงกล่าวกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด”
20 เปโตรหันกลับก็เห็นสาวกคนที่พระเยซูรักกำลังตามมา เขาเป็นคนที่เอนกายอยู่ใกล้ทรวงอกของพระองค์ตอนอาหารเย็นมื้อนั้นและได้ถามว่า “พระองค์ท่าน ใครเป็นคนที่ทรยศพระองค์” 21 เปโตรเห็นคนนั้นจึงพูดกับพระเยซูว่า “พระองค์ท่าน และคนนี้จะเป็นอย่างไร” 22 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ถ้าเราต้องการให้เขามีชีวิตอยู่จนกว่าเราจะกลับมา แล้วเป็นเรื่องอะไรของเจ้าเล่า เจ้าจงตามเรามาเถิด” 23 คำที่กล่าวนั้นเป็นที่เล่าลือไปในหมู่พี่น้องว่า สาวกคนนั้นจะไม่ตาย แต่พระเยซูไม่ได้กล่าวกับเขาว่าเขาจะไม่ตาย เพียงแต่กล่าวว่า “ถ้าเราต้องการให้เขามีชีวิตอยู่จนกว่าเราจะกลับมา แล้วเป็นเรื่องอะไรของเจ้าเล่า”
24 คนนั้นคือสาวกที่ยืนยันถึงสิ่งเหล่านี้ และได้เขียนบันทึกไว้ และพวกเราทราบว่าคำยืนยันของเขาเป็นความจริง
25 มีสิ่งอื่นอีกมากที่พระเยซูได้กระทำ หากว่าได้มีบันทึกไว้ครบทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่า แม้ทั้งโลกก็จะไม่มีที่พอสำหรับหนังสือที่จะเขียนขึ้น
18 ผู้ที่ผละตัวแยกออกไปนับว่าแสวงหาความต้องการของตนเอง
เขาโต้แย้งสติปัญญาอันเฉียบแหลมทั้งสิ้น
2 คนโง่ไม่ชื่นชมกับการหยั่งรู้
แต่เขาอยากออกความเห็นของเขาให้คนอื่นรับรู้เท่านั้น
3 เวลาใดที่คนชั่วร้ายปรากฏตัว สิ่งที่ตามมาคือการต่อต้าน
และความอับอายตามมาพร้อมกับการหลู่เกียรติ
4 คำพูดจากปากคนเป็นเสมือนห้วงน้ำลึก
น้ำพุแห่งสติปัญญาเป็นเสมือนลำธารที่ไหลหลั่งอย่างไม่ขาดสาย
5 การเข้าข้างคนชั่วร้าย
หรือบีบบังคับผู้มีความชอบธรรมในการตัดสินความเป็นการกระทำที่ไม่ดี
6 ริมฝีปากของคนโง่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
และปากของเขาร่ำร้องให้ถูกเฆี่ยน
7 ปากของคนโง่เป็นความเสียหายของเขาเอง
และริมฝีปากของเขาเป็นบ่วงแร้วแก่จิตวิญญาณของเขาเอง
8 คำพูดของคนซุบซิบนินทาเป็นเช่นอาหารโอชา
และไหลลงสู่ส่วนลึกสุดของร่างกาย
9 คนเกียจคร้านเป็นคนประเภทเดียวกันกับคนที่
ทำลายทรัพย์สิ่งของ
10 พระนามของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเสมือนป้อมปราการอันมั่นคง
ซึ่งผู้มีความชอบธรรมวิ่งเข้าไปหาและปลอดภัย
11 ความมั่งมีของคนรวยเป็นเสมือนเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
และเป็นกำแพงสูงในจินตนาการของเขาเอง
12 ความหยิ่งยโสในใจของคนเกิดขึ้นก่อน แล้วความพินาศก็จะตามมา
แต่การถ่อมตัวทำให้ได้รับเกียรติ
13 ผู้ที่ตอบก่อนฟัง
แสดงถึงความโง่และความน่าละอายของเขา
14 วิญญาณของคนสามารถทนต่อร่างกายที่เจ็บป่วยได้
แต่วิญญาณที่แตกร้าวสิ ใครจะทนได้
15 ใจของผู้หยั่งรู้ใคร่จะได้ความรู้
และหูของผู้มีสติปัญญาย่อมแสวงหาความรู้
16 ของกำนัลของมนุษย์เปิดโอกาส
และนำให้เขาเข้าถึงผู้ยิ่งใหญ่
17 ดูเหมือนว่า คนแรกที่เบิกคดีก่อนเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง
จนกระทั่งมีคนอื่นมาสอบปากคำจากเขา
18 การจับฉลากช่วยให้การทะเลาะวิวาทสิ้นสุดลง
และช่วยตัดสินบรรดาผู้มีอำนาจให้ลงตัว
19 การเจรจากับพี่น้องที่ถูกลบหลู่จะยากยิ่งกว่าการเจรจากับเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
และการทะเลาะวิวาทก็เป็นเสมือนปราสาทที่ปิดด้วยดาลประตู
20 ท้องคนจะอิ่มหนำได้ก็เพราะผลที่มาจากปากของเขา
เขาจะอิ่มหนำจากผลผลิตที่ได้จากปากของเขาเอง
21 ความตายและชีวิตอยู่ในบังคับของลิ้น
และบรรดาผู้ที่รักลิ้นก็จะอิ่มเอมจากผลของมัน
22 คนที่หาภรรยาได้นับว่าได้สิ่งที่ดี
และได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า
23 คนยากไร้ใช้คำวิงวอน
แต่คนมั่งมีมักตอบด้วยถ้อยคำอันแข็งกร้าว
24 คนที่มีเพื่อนมากอาจจะเสียหายอย่างย่อยยับได้
แต่มีเพื่อนบางคนที่สู้อยู่เคียงข้างยิ่งกว่าพี่น้อง
การทักทายของเปาโล
1 ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า กับทิโมธีน้องชายของเรา
2 เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และพี่น้องในเมืองโคโลสีซึ่งภักดีและผูกพันในพระคริสต์
ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด
คำอธิษฐานขอบพระคุณ
3 พวกเราขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสมอในเวลาที่เราอธิษฐานเพื่อท่าน 4 เนื่องจากเราได้ยินว่า ท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และมีความรักต่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 5 เนื่องจากความหวังที่มีไว้สำหรับท่านในสวรรค์ ท่านได้ยินเรื่องความหวังนี้มาแล้วซึ่งมีอยู่ในคำกล่าวแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐ 6 ที่ได้ประกาศแก่ท่าน ข่าวประเสริฐนี้บังเกิดผลและทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเกิดผลดีในหมู่ท่าน นับตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าอย่างแท้จริง 7 ตามที่ท่านเรียนรู้จากเอปาฟรัสผู้เป็นเพื่อนที่รักของเราที่รับใช้ด้วยกันมา เขาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ภักดีของพระคริสต์เพื่อพวกท่าน 8 และเขาได้บอกเราถึงความรักของท่านซึ่งพระวิญญาณก่อให้เกิดในตัวท่าน
9 ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานเพื่อท่าน และขอให้ท่านเปี่ยมด้วยความรู้ที่หยั่งถึงความประสงค์ของพระองค์ ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจทั้งสิ้นทางฝ่ายวิญญาณ 10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่เป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า คือให้เป็นที่พอใจของพระองค์ในทุกสิ่ง ให้เกิดผลในการงานที่ดีทุกอย่างและรู้จักพระเจ้ายิ่งขึ้น 11 ให้มีกำลังมากขึ้นด้วยอานุภาพทั้งปวงตามมหิทธานุภาพของพระองค์ ท่านจะได้ทรหดยิ่งและอดทนนานด้วยใจยินดี 12 อีกทั้งขอบคุณพระบิดาผู้โปรดให้ท่านมีส่วนร่วมได้รับมรดกของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในอาณาจักรแห่งความสว่าง 13 ด้วยว่า พระองค์ได้ช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และนำเราสู่อาณาจักรแห่งพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ 14 เราได้รับการไถ่ คือการยกโทษบาปจากพระองค์
ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นในพระคริสต์
15 พระองค์เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นด้วยตา พระองค์เป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น 16 ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้โดยพระองค์ ทั้งในสวรรค์และบนโลก ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์หรืออาณาจักร หรือบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองหรือมีสิทธิอำนาจ ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ 17 พระองค์ดำรงอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และทุกสิ่งยึดอยู่ด้วยกันได้โดยพระองค์ 18 และพระองค์เป็นเสมือนศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นเสมือนกายของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นบุตรหัวปีที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เพื่อว่าจะได้เป็นที่หนึ่งของสิ่งทั้งปวง 19 ด้วยว่า พระเจ้ายินดีที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นของพระองค์ดำรงอยู่ในพระบุตร 20 และให้ทุกสิ่งกลับคืนดีกับพระเจ้าได้โดยพระบุตร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ บนโลกหรือในสวรรค์ สันติสุขเกิดขึ้นโดยโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนไม้กางเขน
21 เมื่อก่อนนี้ท่านห่างเหินและมีความคิดชั่วร้าย จึงได้ประพฤติชั่ว 22 แต่บัดนี้พระองค์ให้ท่านคืนดีกับพระองค์ได้โดยการสิ้นชีวิตทางฝ่ายกายของพระคริสต์ เพื่อมอบท่านไว้ ณ เบื้องหน้าพระองค์ ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิและข้อกล่าวหา 23 แต่ท่านจะต้องคงอยู่ในความเชื่อต่อไปอย่างแท้จริง มีรากฐานอันมั่นคง ยึดมั่นในความหวังซึ่งมาจากข่าวประเสริฐ ดังที่ท่านได้ยินแล้ว และข่าวประเสริฐนี้ได้ถูกประกาศแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าเปาโลก็ได้มาเป็นผู้รับใช้เพื่อข่าวประเสริฐนั้น
เปาโลปฏิบัติงานเพื่อคริสตจักร
24 บัดนี้ ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่ได้ทนทุกข์เพื่อพวกท่าน และการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ร่างกายของข้าพเจ้าก็รับเพิ่มเติมจนเต็ม เพื่อกายของพระองค์ คือคริสตจักร 25 ข้าพเจ้าได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรตามแผนงานที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าจัดการดูแล โดยมอบคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่ท่านอย่างบริบูรณ์ 26 คือความลึกลับซับซ้อนที่ได้ซ่อนไว้หลายยุคและหลายชั่วอายุคน แต่บัดนี้เปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 27 พระเจ้าประสงค์ให้พวกเขาทราบว่า ความลึกลับซับซ้อนอันประเสริฐยิ่งซึ่งพระองค์มีไว้สำหรับบรรดาคนนอกนั้นคืออะไร ความลึกลับนั้นก็คือพระคริสต์สถิตในตัวท่านซึ่งหมายความว่า ท่านจะมีส่วนร่วมกับพระบารมีของพระเจ้า 28 พวกเราประกาศเรื่องของพระองค์ ทั้งตักเตือน และสั่งสอนทุกคนด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น เพื่อว่าเราจะได้มอบทุกท่านที่เพียบพร้อมในพระคริสต์ได้ 29 และด้วยจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้าจึงลงแรง และตรากตรำด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ซึ่งสำแดงในตัวข้าพเจ้าอย่างมหาศาล
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation