Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 2-3

การจัดค่าย

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า “ประชาชนชาวอิสราเอลควรจัดตั้งค่ายของตนเอง แบ่งเป็นกลุ่มเป็นกอง อยู่ตามหน่วยของครอบครัวของพวกเขาเอง โดยให้ตั้งค่ายอยู่รอบๆห่างจากเต็นท์นัดพบ”

ค่ายทางตะวันออกหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ให้เป็นที่ตั้งค่ายของเผ่ายูดาห์ โดยจัดตามกลุ่มตามกองของเขา มีนาโชนลูกชายของอัมมีนาดับเป็นหัวหน้าเผ่านี้ กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน

ค่ายที่อยู่ถัดจากค่ายของยูดาห์คือค่ายของเผ่าอิสสาคาร์ มีเนธันเอลลูกชายของศุอาร์เป็นหัวหน้าเผ่านี้ กลุ่มของเขานับคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน

ถัดจากนั้นคือเผ่าเศบูลุน มีเอลีอับลูกชายของเฮโลนเป็นหัวหน้าเผ่า กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน

นับจำนวนคนที่ขึ้นอยู่กับค่ายของยูดาห์และค่ายที่อยู่รอบๆตามกลุ่มตามกองของแต่ละค่าย มีทั้งหมดหนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยคน พวกเขาทั้งหมดจะเดินทางออกจากค่ายเป็นขบวนแรก

10 ทางทิศใต้ให้เป็นที่ตั้งค่ายของรูเบนโดยให้จัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีเอลีซูร์ลูกชายของเชเดเออร์เป็นหัวหน้าเผ่า 11 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน

12 ถัดจากค่ายของรูเบนคือเผ่าสิเมโอน มีเชลูมิเอลลูกชายของศูริชัดดัยเป็นหัวหน้าเผ่า 13 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน

14 ต่อจากนั้นคือเผ่ากาด มีเอลียาสาฟลูกชายของเรอูเอล[a] เป็นหัวหน้าเผ่า 15 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน

16 นับจำนวนคนที่ขึ้นกับค่ายของรูเบนและค่ายที่ตั้งอยู่รอบๆตามกลุ่มของแต่ละเผ่า มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบคน พวกเขาจะออกเดินทางจากค่ายเป็นขบวนที่สอง

17 ต่อไปคือขบวนของชาวเลวี ที่จะออกมาพร้อมกับเต็นท์นัดพบ พวกเขาจะเดินอยู่ตรงกลางของขบวนอื่นๆพวกเขาจะเดินออกมาเป็นขบวน ตามที่เขาได้ตั้งค่ายไว้ ตามจุดต่างๆตามกลุ่มตามกองของตน

18 ค่ายทางทิศตะวันตกจะเป็นค่ายของเผ่าเอฟราอิม โดยจัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีเอลีชามาลูกชายของอัมมีฮูดเป็นหัวหน้าเผ่า 19 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน

20 ค่ายที่ถัดจากค่ายเอฟราอิมคือเผ่ามนัสเสห์ มีกามาลิเอลลูกชายของเปดาซูร์เป็นหัวหน้า 21 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสามหมื่นสองพันสองร้อยคน

22 ต่อมาคือเผ่าเบนยามิน มีอาบีดันลูกชายของกิเดโอนีเป็นหัวหน้า 23 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน

24 นับจำนวนคนที่ขึ้นกับค่ายของเอฟราอิมและค่ายที่ตั้งอยู่รอบๆตามกลุ่มตามกองของแต่ละเผ่า มีทั้งหมดหนึ่งแสนแปดพันหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะออกเดินทางเป็นขบวนที่สาม

25 ค่ายทางเหนือจะเป็นค่ายของเผ่าดาน โดยจัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีอาหิเยเซอร์ลูกชายของอัมมีชัดดัยเป็นหัวหน้าเผ่า 26 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน

27 ค่ายที่อยู่ถัดจากค่ายของดานคือเผ่าอาเชอร์ มีปากีเอลลูกชายของโอครานเป็นหัวหน้าเผ่า 28 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน

29 จากนั้นคือค่ายของเผ่านัฟทาลี มีอาหิราลูกชายของเอนันเป็นหัวหน้าเผ่า 30 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน

31 นับคนทั้งหมดที่ขึ้นกับค่ายของดาน มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยคน พวกเขาเหล่านี้จะออกเดินทางเป็นขบวนสุดท้าย ภายในหน่วยของพวกเขา[b]

32 ทั้งหมดนี้คือคนอิสราเอล ที่นับตามครอบครัวของพวกเขา คนอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ในค่าย ที่นับตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีจำนวนทั้งหมดหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน 33 ไม่ได้นับชาวเลวีรวมเข้าไปกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆเพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้อย่างนั้น

34 ชาวอิสราเอลจึงทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ คือแต่ละกลุ่มก็ตั้งค่ายอยู่ตามกองของพวกเขา และพวกเขาก็ออกเดินทางกันเป็นตระกูลและครอบครัวของพวกเขา

พวกนักบวชที่เป็นลูกชายอาโรน

ต่อไปนี้คือประวัติครอบครัวของอาโรนและโมเสส เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสบนภูเขาซีนาย

อาโรนมีลูกชายสี่คนคือ นาดับลูกชายคนโต ต่อจากเขาคืออาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ ทั้งหมดนั้นคือชื่อของลูกชายอาโรน ที่ได้รับการเจิม ให้เป็นนักบวชแล้ว พวกเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบวชเพื่อรับใช้พระยาห์เวห์ แต่นาดับและอาบีฮู[c] ตายไปในขณะที่รับใช้พระยาห์เวห์ เพราะพวกเขาใช้ไฟที่พระยาห์เวห์ไม่ให้ใช้ ตอนถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย พวกเขาไม่มีลูกชาย ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงมารับใช้พระยาห์เวห์ในฐานะนักบวช ตอนที่อาโรนพ่อของพวกเขายังมีชีวิตอยู่

ชาวเลวีผู้ช่วยนักบวช

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้นำชาวเผ่าเลวีมาและพาพวกเขาไปพบนักบวชอาโรน เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยเหลืออาโรน พวกเลวีจะช่วยอาโรนและคนในชุมชน โดยเป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนในชุมชนล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังทำงานกรรมกร[d] ที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบนั้นด้วย พวกเขาต้องคอยดูแลรักษาเครื่องใช้ทุกอย่างในเต็นท์นัดพบ และทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้ชาวอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังต้องทำงานกรรมกรที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นั้นด้วย

เจ้าต้องมอบชาวเลวีให้กับอาโรนและพวกลูกชายของเขา ชาวเลวีถูกเลือกออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย เพื่อมาช่วยเหลืออาโรน

10 เจ้าต้องแต่งตั้งอาโรนกับลูกชายของเขาให้เป็นนักบวช และให้พวกเขาทำหน้าที่ของนักบวช ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้มาจากครอบครัวอาโรน ที่บุกรุกเข้ามาในเต็นท์นัดพบจะต้องถูกฆ่า”

11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 12 “ฟังให้ดี เราได้เลือกชาวเลวีออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย ดังนั้นชาวเลวีจะเป็นของเรา ชาวอิสราเอลจะได้ไม่ต้องให้ลูกชายหัวปีกับเรา เพราะเราได้เลือกชาวเลวีมาแทนที่พวกเขาแล้ว

13 เพราะลูกหัวปีทั้งหมดเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ก็ตาม ตอนที่เราฆ่าลูกหัวปีของคนอียิปต์ รวมทั้งสัตว์หัวปีของเขานั้น เราได้แยกลูกหัวปีของคนอิสราเอล และสัตว์หัวปีของเขาเอาไว้เอง พวกเขาเป็นของเรา เราคือยาห์เวห์”

14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายว่า 15 “ให้ลงทะเบียนชาวเลวีตามครอบครัวและตระกูล เจ้าต้องนับ[e]เด็กผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป” 16 โมเสสจึงนับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์สั่ง

17 ลูกชายของเลวี มีสามคนชื่อเกอร์โชน โคฮาทและเมรารี 18 ลูกชายของเกอร์โชน ชื่อ ลิบนีและชิเมอี

19 ลูกชายโคฮาท ชื่ออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล

20 ลูกชายของเมรารี ชื่อมาห์ลีและมูชี

ทั้งหมดนั้นคือตระกูลของเลวีตามครอบครัวของพวกเขา

21 ตระกูลลิบนีและชิเมอีเป็นของเกอร์โชน นี่คือตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชน 22 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดเจ็ดพันห้าร้อยคน 23 ตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชนตั้งค่ายอยู่ทางด้านหลังของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ทางทิศตะวันตก 24 มีเอลียาสาฟลูกชายของลาเอล เป็นผู้นำของพวกเขา 25 ในเต็นท์นัดพบนั้น ชาวเกอร์โชนมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ เต็นท์ด้านนอก หลังคา และ ม่านตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 รวมทั้งต้องเฝ้าดูแลม่านที่ขึงอยู่ในลาน ม่านตรงทางเข้าลานที่อยู่ล้อมรอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์และแท่นบูชา พวกเชือกต่างๆ รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์

27 ตระกูลของอัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล เป็นของโคฮาท นี่คือตระกูลต่างๆของชาวโคฮาท 28 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดแปดพันสามร้อยคน[f] พวกชาวโคฮาทมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังของทั้งหมดในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 29 ตระกูลต่างๆของชาวโคฮาทตั้งค่ายอยู่ทางด้านใต้ของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 30 มีเอลีซาฟานลูกชายอุสซีเอล เป็นผู้นำพวกเขา 31 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังทั้งหีบศักดิ์สิทธิ์ โต๊ะ ตะเกียงที่มีขาตั้ง แท่นบูชาต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ในเต็นท์นั้น ม่าน รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์

32 ผู้นำสูงสุดของชาวเลวีคือเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรน เขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังคนพวกนั้นที่ดูแลของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

33-34 ตระกูลมาลีและมูชี เป็นของเมรารี นี่คือตระกูลต่างๆของเมรารี เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดหกพันสองร้อยคน 35 มีศุรีเอลลูกชายของอาบีฮาอิล เป็นผู้นำพวกเขา พวกเขาตั้งค่ายอยู่ทางด้านเหนือของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 36 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังพวกโครงต่างๆของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ พวกกลอน พวกเสาหลัก พวกฐานต่างๆ เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์ 37 พวกเขายังต้องดูแลเสาที่อยู่รอบๆลานกับฐานของมัน รวมทั้งหมุดยึดและเชือก

38 โมเสส อาโรนและพวกลูกชายของอาโรน จะตั้งเต็นท์อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์คือเต็นท์นัดพบ พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเขตศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนักบวชอาโรน ถ้าเข้ามาใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ จะต้องถูกฆ่า

39 โมเสสและอาโรนได้นับชาวเลวีทั้งหมด ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป รวมได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันคน

เอาชาวเลวีมาแทนที่ลูกชายคนแรก

40 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้นับจำนวนลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป และทำบัญชีรายชื่อของพวกเขาไว้ 41 เราคือยาห์เวห์ ให้เอาชาวเลวีมาให้กับเรา แทนลูกหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนลูกสัตว์หัวปีทั้งหมดของชาวอิสราเอล”

42 โมเสสจึงนับลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง 43 จำนวนลูกชายหัวปีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป นับตามรายชื่อแล้ว มีทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบสามคน

44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ให้เอาชาวเลวี มาแทนที่ลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนที่ลูกสัตว์หัวปีของชาวอิสราเอล ชาวเลวีเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์ 46 ลูกหัวปีของชาวอิสราเอลมีมากกว่าชาวเลวีอยู่สองร้อยเจ็ดสิบสามคน ส่วนต่างนี้ 47 ให้นำเงินจำนวนห้าสิบเจ็ดกรัม[g] มาเป็นค่าไถ่ของแต่ละคน เจ้าต้องใช้น้ำหนักกลางเป็นเกณฑ์[h] โดยคิดยี่สิบเกราห์[i] เท่ากับสิบเอ็ดกรัม[j] 48 เจ้าต้องนำเงินนี้ไปให้อาโรนและลูกชายของเขาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีทั้งสองร้อยเจ็ดสิบสามคนที่เกินมานั้น”

49 โมเสสจึงรับเงินค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลพวกนี้ที่เป็นส่วนเกิน เพราะมีชาวเลวีไม่พอที่จะมาแทนที่พวกเขา 50 โมเสสเก็บเงินจากลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลมาได้ทั้งหมดเกือบสิบหกกิโลกรัม[k] ตามน้ำหนักกลาง 51 โมเสสให้เงินค่าไถ่นั้นกับอาโรนและลูกชายของอาโรนตามที่พระยาห์เวห์สั่ง

มาระโก 11:27-12:17

ผู้นำชาวยิวสงสัยในสิทธิอำนาจของพระเยซู

(มธ. 21:23-27; ลก. 20:1-8)

27 พวกเขาก็เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่พระเยซูกำลังเดินอยู่ในวิหารนั้น พวกหัวหน้านักบวช พวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกผู้อาวุโสเดินเข้ามาถามพระองค์ว่า 28 “แกมีสิทธิ์อะไรไปไล่พ่อค้าพวกนั้น ใครให้สิทธิ์นี้กับแกที่จะทำสิ่งเหล่านั้น”

29 พระเยซูพูดว่า “เราขอถามท่านเรื่องหนึ่ง ตอบเรามา แล้วเราจะบอกว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำอย่างนี้ 30 ช่วยตอบหน่อยว่าพิธีจุ่มน้ำของยอห์นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์”

31 พวกเขาก็ปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ มันก็จะย้อนถามเราว่า ‘แล้วทำไมไม่เชื่อยอห์นล่ะ’ 32 แต่ถ้าตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวฝูงชน เพราะพวกนั้นเชื่อว่า ยอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าอย่างแน่นอน”

33 พวกเขาจึงตอบพระเยซูว่า “ไม่รู้สิ” พระเยซูก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่บอกเหมือนกันว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำสิ่งเหล่านี้”

พระเจ้าส่งพระบุตรมา

(มธ. 21:33-46; ลก. 20:9-19)

12 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “มีชายคนหนึ่งทำสวนองุ่นไว้ เขาล้อมรั้วไว้รอบ ขุดบ่อย่ำองุ่น และสร้างหอคอย เขาให้ชาวสวนมาเช่าสวนองุ่นนั้น ส่วนตัวเขาเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลองุ่นเขาก็ส่งทาสคนหนึ่งมารับส่วนแบ่งจากผลองุ่นนั้น แต่พวกคนเช่ากลับจับทาสคนนั้นทุบตีและไล่กลับไปมือเปล่า เจ้าของสวนส่งทาสคนใหม่มาอีก แต่คราวนี้พวกคนเช่าก็ได้รุมกันทุบหัวเขาและแกล้งเขาจนอับอาย เจ้าของสวนส่งอีกคนหนึ่งมาแต่ก็ถูกฆ่า แล้วเขาก็ยังส่งคนมาอีกเรื่อยๆ คนที่เขาส่งมาก็ถูกตีบ้าง ถูกฆ่าบ้าง

สุดท้ายเจ้าของสวนเหลือคนเพียงคนเดียว คือลูกชายสุดที่รักของเขา เขาจึงส่งลูกชายมา เขาคิดว่า ‘พวกนั้นจะต้องเคารพยำเกรงลูกชายของเราแน่ๆ’

แต่พวกคนเช่ากลับพูดกันว่า ‘นี่ไง ผู้รับมรดก มาเร็วเข้า ฆ่ามันเลย สวนนี้จะได้ตกเป็นของเรา’ พวกคนเช่าจึงจับเขาไปฆ่า แล้วโยนศพทิ้งออกไปนอกสวนองุ่น

พวกคุณคิดว่าเจ้าของสวนจะทำยังไง เขาจะมาฆ่าพวกชาวสวนนั้น แล้วเอาสวนองุ่นนั้นไปให้ชาวสวนคนอื่นเช่าต่อ 10 พวกคุณไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้หรือ ที่ว่า

‘หินก้อนนี้ที่ช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด
11 องค์เจ้าชีวิตทำให้เป็นอย่างนั้น
สำหรับเราแล้วนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ’”[a]

12 เมื่อพวกผู้นำชาวยิวรู้ตัวว่าพระองค์กำลังเปรียบพวกเขาว่าเป็นคนเช่าสวนพวกนั้น พวกเขาจึงหาทางที่จะจับพระองค์ แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวฝูงชน พวกเขาจึงพากันจากไป

คนมาถามเรื่องการเสียภาษี

(มธ. 22:15-22; ลก. 20:20-26)

13 พวกผู้นำยิวส่งพวกฟาริสี และพวกที่สนับสนุนกษัตริย์เฮโรด[b] มาเพื่อจับผิดคำพูดพระเยซู 14 พวกเขาถามพระองค์ว่า “อาจารย์ครับ เรารู้ว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ไม่เห็นแก่หน้าใคร และสอนความจริงในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ทำ ช่วยบอกหน่อยสิครับว่ามันถูกต้องตามกฎหรือเปล่าที่จะเสียภาษีให้กับซีซาร์”

15 พระองค์รู้ว่าพวกเขามาหลอกถามก็เลยพูดว่า “พวกคุณมาหลอกจับผิดเราทำไม ส่งเหรียญเงินมาอันหนึ่งสิ” 16 พวกเขาจึงส่งเหรียญให้พระองค์ แล้วพระองค์ถามพวกเขาว่า “นี่เป็นรูปและชื่อใคร” พวกเขาตอบว่า “ซีซาร์”

17 พระเยซูเลยตอบว่า “ของๆซีซาร์ก็ให้กับซีซาร์ และของๆพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า” พวกเขาก็ทึ่งในคำตอบของพระองค์

สดุดี 47

พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติทั้งหลาย

ถึงหัวหน้านักร้อง สำหรับคนของตระกูลโคราห์ บทเพลงสดุดี

ชนชาติทั้งหลายให้ปรบมือ
    โห่ร้องยินดีต่อพระเจ้า
เพราะ พระยาห์เวห์ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดน่าเกรงขามยิ่งนัก
    พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองทั้งโลกนี้
พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆอยู่ใต้อำนาจของพวกเรา
    พระองค์ปราบชนชาติต่างๆนั้นให้สยบอยู่แทบเท้าของพวกเรา
พระองค์เลือกแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกของพวกเรา
    แผ่นดินนี้เป็นความภาคภูมิใจของยาโคบผู้ที่พระองค์รัก เซลาห์

พระเจ้าขึ้นบนบัลลังก์ของพระองค์ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดี
    พระยาห์เวห์ขึ้นพร้อมกับเสียงเป่าแตรเขาแกะ
ร้องเพลงสรรเสริญแด่พระเจ้า ร้องเพลงสรรเสริญเถิด
    ร้องเพลงสรรเสริญแด่กษัตริย์ของพวกเรา ร้องเพลงสรรเสริญเถิด
เพราะพระเจ้าคือกษัตริย์ของทั้งโลก
    ดังนั้น มาร้องเพลงอันไพเราะ[a] ถวายเกียรติแด่พระองค์เถิด

พระเจ้าปกครองอย่างกษัตริย์เหนือทุกชนชาติ
    พระเจ้านั่งอยู่บนบัลลังก์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พวกผู้นำของชนชาติต่างๆมารวมตัวกันกับคนของพระเจ้าของอับราฮัม[b]
    เพราะพวกผู้ครอบครองของโลกนี้อยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้า
    พระเจ้าคือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด

สุภาษิต 10:24-25

24 สิ่งที่คนชั่วหวาดกลัวนั้นจะเกิดขึ้นกับเขา
    แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะได้รับสิ่งที่เขาต้องการ
25 เมื่อพายุพัดมา ก็จะกวาดคนชั่วไป
    แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้า จะยืนหยัดมั่นคงตลอดไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International