Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 24-25

บทกลอนที่สามของบาลาอัม

24 บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า

“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์
    เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง[a]
เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า
    เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[b]
    เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่

ประชาชนของยาโคบ[c] เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน
    ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก
    เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณา[d] ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้
    เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา[e]
    และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
    และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก

พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์
    พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา
    พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น
    และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู[f]
ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต
    ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น
ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร
    ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”

10 บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง 11 ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”

12 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า 13 ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’ 14 ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”

บทกลอนสุดท้ายของบาลาอัม

15 แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า

“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์
    เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
16 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า
    และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด
เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[g]
    เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่

17 ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต
    ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ
    ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล
เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ
    และจะบี้กะโหลกของชาวเชท[h] ทั้งหมด
18 เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง
    แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา
    แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา

19 ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ
    และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”

20 แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า

“อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น
    แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”

21 บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์[i] และพูดบทกลอนนี้ว่า

“สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย
    เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
22 แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง
    เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”

23 แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า

“เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
24 จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม[j]
และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์[k]
    แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”

25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา

ชาวอิสราเอลที่เปโอร์

25 ขณะนั้นชาวอิสราเอลอยู่ที่ชิทธิม ในเวลานั้น ประชาชนเริ่มทำบาปทางเพศ[l] กับหญิงชาวโมอับ หญิงชาวโมอับได้เชิญชาวอิสราเอลร่วมพิธีบูชาพระต่างๆของพวกเขา ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงกินเครื่องบูชาเหล่านั้นและได้บูชาพระต่างๆของชาวโมอับ เพราะอย่างนี้ชาวอิสราเอลถึงได้เริ่มบูชาพระบาอัลของเปโอร์ พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาตัวพวกหัวหน้าของชาวอิสราเอลมาเสียบไว้กลางแดดต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพระยาห์เวห์จะไม่โกรธชาวอิสราเอล”

โมเสสจึงพูดกับพวกผู้พิพากษาของชาวอิสราเอลว่า “พวกท่านแต่ละคนจะต้องฆ่าคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลของเปโอร์”

ในขณะที่โมเสสและผู้นำชาวอิสราเอลกำลังชุมนุมกันอยู่หน้าเต็นท์นัดพบ ก็มีชาวอิสราเอลคนหนึ่งได้พาหญิงชาวมีเดียนคนหนึ่งมาให้พวกพี่น้อง[m] ของเขา เขาทำสิ่งนี้ต่อหน้าโมเสสและชาวอิสราเอลทั้งหมด โมเสสและพวกผู้นำก็ร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ ซึ่งเป็นลูกชายของนักบวชอาโรนเห็นเข้า เขาจึงจากที่ชุมนุมมาและไปหยิบหอกของเขา เขาตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ และเอาหอกแทงชายอิสราเอลคนนั้นพร้อมกับหญิงมีเดียนคนนั้นที่ท้องจนตาย และโรคระบาดร้ายแรงในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลก็หยุดลง มีคนตายจากโรคระบาดนี้ถึงสองหมื่นสี่พันคน

10 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 11 “ฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ผู้เป็นลูกชายของนักบวชอาโรนได้ช่วยชีวิตประชาชนชาวอิสราเอลไว้จากความโกรธของเรา เขาทำไปเพราะเขาโกรธในบาปของประชาชนเหล่านั้นเหมือนที่เราโกรธ เราจึงไม่ทำลายประชาชนชาวอิสราเอลด้วยความโกรธของเรา 12 ด้วยเหตุนี้ ให้ไปบอกกับฟีเนหัสว่า เราจะทำข้อตกลงที่เป็นมิตรกับเขา 13 ข้อตกลง คือ เขาและลูกหลานของเขาซึ่งมีชีวิตต่อจากเขา จะได้เป็นนักบวชตลอดไป เพราะเขาได้หันเหความโกรธของพระเจ้าไป เขาทำอย่างนี้แทนชาวอิสราเอล”

14 ชายชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าพร้อมหญิงมีเดียนนั้นชื่อ ศิมรีลูกชายสาลู สาลูเป็นผู้นำครอบครัวจากเผ่าสิเมโอน 15 ส่วนหญิงชาวมีเดียนนั้น ชื่อคสบี[n] เป็นลูกสาวของศูร์ ศูร์เป็นหัวหน้าตระกูลหรือครอบครัวของมีเดียน

16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “ให้เป็นศัตรูกับชาวมีเดียน และฆ่าพวกมัน 18 เพราะพวกมันเป็นศัตรูกับพวกเจ้า พวกมันหลอกลวงพวกเจ้าที่เปโอร์ และยังหลอกลวงพวกเจ้าด้วยการใช้น้องสาวของพวกมันที่ชื่อคสบีลูกสาวของผู้นำชาวมีเดียน ผู้หญิงที่ถูกฆ่าในขณะที่เกิดโรคระบาดกับชาวอิสราเอล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นที่เปโอร์”

ลูกา 2:1-35

พระเยซูเกิด

(มธ. 1:18-25)

ในเวลานั้นจักรพรรดิ[a]ออกัสตัส[b] ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนทั่วทั้งอาณาจักรโรมันกลับไปบ้านเกิดของตนเพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัว[c] ครั้งนี้เป็นการจดทะเบียนสำมะโนครัวครั้งแรก เกิดขึ้นในสมัยคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย ทุกคนจึงกลับไปที่บ้านเกิดของตน

โยเซฟซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด จึงต้องออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ ในแคว้นกาลิลี ไปเมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด เขาพามารีย์คู่หมั้นของเขาซึ่งตั้งท้องอยู่ไปด้วย เพื่อไปจดทะเบียนสำมะโนครัวด้วยกัน ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นั่นก็ถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดลูก มารีย์คลอดลูกเป็นผู้ชาย นางจึงเอาผ้าอ้อมพันเด็กทารกนั้นวางไว้บนรางหญ้า เพราะไม่มีที่ไหนว่างให้พวกเขาพักเลย

คนเลี้ยงแกะได้ยินข่าวเรื่องพระเยซู

ที่ทุ่งหญ้านอกหมู่บ้านมีคนเลี้ยงแกะที่กำลังดูแลฝูงแกะอยู่ในตอนกลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์เจ้าชีวิตมาปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น และรัศมีขององค์เจ้าชีวิตส่องสว่างล้อมรอบพวกเขา พวกเขาตกใจกลัวมาก 10 แต่ทูตสวรรค์พูดว่า “ไม่ต้องกลัว เรามีข่าวดีมาบอก เป็นข่าวที่จะทำให้ทุกคนยินดีร่าเริง 11 เพราะวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดมาเกิดแล้วที่เมืองของดาวิด พระองค์คือพระคริสต์องค์เจ้าชีวิต 12 สิ่งที่จะบอกให้เจ้ารู้ว่าเป็นพระองค์คือ เจ้าจะพบเด็กทารกที่นอนอยู่ในรางหญ้าและมีผ้าอ้อมห่อตัวไว้”

13 ในทันใดนั้นก็มีทูตสวรรค์หมู่ใหญ่ลงมาจากสวรรค์ มารวมกับทูตสวรรค์องค์แรกนั้น และพากันร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า

14 “สรรเสริญพระเจ้าบนสวรรค์สูงสุด
    และขอให้คนที่พระเจ้าภูมิใจได้รับสันติสุขในโลกนี้”

15 เมื่อทูตสวรรค์กลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ไปเมืองเบธเลเฮมกันเถอะ จะได้ไปดูสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตบอกกับพวกเรา”

16 พวกเขารีบไป และได้พบมารีย์กับโยเซฟพร้อมกับเด็กทารกนอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อเห็นเด็กทารกแล้ว พวกเขาก็เล่าให้คนที่อยู่ที่นั่นฟังว่าทูตสวรรค์พูดอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้ 18 เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น ก็ประหลาดใจมาก 19 แต่มารีย์ก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจและนึกถึงเรื่องนี้อยู่เสมอๆ 20 เมื่อคนเลี้ยงแกะกลับไปแล้ว พวกเขาก็ยกย่องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นมา ซึ่งเกิดขึ้นจริงตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้

21 เมื่อเด็กเกิดมาครบแปดวันก็ได้เข้าพิธีขลิบ และได้ชื่อว่า “เยซู” ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์บอกมารีย์ไว้ก่อนที่จะตั้งท้อง

ถวายเด็กน้อยเยซูในวิหาร

22 ตามกฎของโมเสสคนที่เพิ่งคลอดลูกจะมีเวลาสี่สิบวันสำหรับชำระตัวให้สะอาดตามหลักศาสนา[d] เมื่อครบกำหนดนี้แล้ว พวกเขาก็ได้พาพระเยซูไปที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อถวายพระเยซูให้กับองค์เจ้าชีวิต[e] 23 เพราะกฎขององค์เจ้าชีวิตบอกว่า “ถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชาย จะต้องยกเด็กคนนั้นให้องค์เจ้าชีวิต”[f] 24 แล้วพวกเขาถวายเครื่องบูชาตามกฎขององค์เจ้าชีวิตคือ นกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัว[g]

สิเมโอนเห็นพระเยซู

25 มีชายคนหนึ่งชื่อสิเมโอนอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เขาเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้าและเคร่งศาสนา เขาเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรพระเจ้าจะมาช่วยเหลือชาวอิสราเอล พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่กับเขา 26 พระองค์บอกเขาว่า เขาจะได้เห็นพระคริสต์ขององค์เจ้าชีวิตก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์พาเขามาที่วิหารในวันเดียวกับที่มารีย์และโยเซฟพาลูกน้อยเยซูมาทำพิธีต่างๆตามกฏที่โมเสสสั่งให้ทำกับเด็กแรกเกิด 28 สิเมโอนก็อุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ตอนนี้ขอให้ปลดปล่อยทาสคนนี้ให้ไปเป็นสุขได้แล้ว ตามที่พระองค์ได้บอกไว้
30 เพราะดวงตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอด[h]
31 ที่พระองค์เตรียมไว้แล้วให้ชนชาติทั้งหลายได้เห็น
32 พระองค์เป็นแสงสว่างที่ส่องให้กับคนที่ไม่ใช่ยิวเห็นทางของพระองค์
    และนำเกียรติอันยิ่งใหญ่มาให้กับคนของพระองค์”

33 โยเซฟกับมารีย์งุนงงมากที่สิเมโอนพูดอย่างนั้นเกี่ยวกับทารกน้อย 34 แล้วสิเมโอนอวยพรพวกเขา และพูดกับนางมารีย์แม่ของทารกน้อยว่า “พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นเหตุให้คนอิสราเอลมากมายต้องล้มลงหรือลุกขึ้น เด็กคนนี้จะเป็นสัญญาณเตือนจากพระเจ้าให้รู้ถึงความต้องการของพระองค์ แต่คนจำนวนมากจะต่อต้านเขา 35 สิ่งนี้เลยเปิดโปงความคิดในใจของคนพวกนี้ เรื่องนี้จะทำให้คุณทุกข์ใจมากเหมือนมีดาบทิ่มเข้าไปในใจของคุณ”

สดุดี 59

ขอปกป้องข้าพเจ้าจาก “ไอ้พวกหมา”

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด ที่เขียนตอนที่ซาอูลส่งคนไปเฝ้าบ้านของดาวิดเพื่อฆ่าเขา[b]

พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย
    โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าจากคนกระหายเลือดเหล่านั้นด้วยเถิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดักซุ่มคอยฆ่าข้าพเจ้า
    คนโหดร้ายพวกนั้นด้อมตามคอยตะครุบข้าพเจ้า
    ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดหรือทำบาปอะไรเลย
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็รีบเร่งมาที่นี่และเตรียมโจมตีข้าพเจ้า
    โปรดลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยมาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
    โปรดลุกขึ้นมาลงโทษชนชาติเหล่านั้น โปรดอย่าได้มีเมตตาต่อคนทรยศที่ชั่วร้ายพวกนั้น เซลาห์

พวกเขากลับมาในตอนเย็น ขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
    และเดินด้อมๆมองๆ หาเหยื่อไปทั่วเมือง
ฟังเสียงของพวกเขาดูสิ เห่าออกมาเป็นคำเย้ยหยัน
    ริมฝีปากเชือดเฉือนอย่างดาบ
    และพวกเขาก็พูดว่า “ไม่มีคนอื่นได้ยินหรอก”

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
    และทำให้พวกเขาทุกคนอับอายด้วยเถิด
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยให้พระองค์มาช่วย[c]
    เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้ารักข้าพเจ้าและจะมาช่วยข้าพเจ้า
    พระองค์จะให้ข้าพเจ้าเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าพ่ายแพ้

11 โปรดอย่าฆ่าพวกศัตรูของข้าพเจ้าให้หมดในทีเดียว ไม่อย่างนั้น คนของข้าพเจ้าอาจจะลืมว่าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาชนะ
    ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ผู้เป็นโล่ของพวกเรา
    โปรดใช้พลังอำนาจของพระองค์ทำให้ศัตรูแตกกระเจิงและล้มลง
12 สิ่งที่เขาพูดทำให้ริมฝีปากเขาเป็นบาป
    ขอให้เขาตกลงไปในกับดักแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง
คำสาปแช่งและคำโกหกของเขาเอง
13 ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของพระองค์
    ทำลายพวกเขาให้หมดเกลี้ยงตลอดไป
แล้วคนทั่วโลกจะได้รู้ว่า
    พระเจ้าครอบครองอยู่เหนือชนชาติของยาโคบ เซลาห์

14 พวกเขากลับมาในตอนเย็นขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
    และเดินด้อมๆมองๆหาเหยื่อไปทั่วเมือง
15 พวกเขาจะเร่ร่อนหาอาหารไปมา
    และถ้าพวกเขากินไม่อิ่ม พวกเขาคงจะอยู่ทั้งคืน[d]

16 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพลังของพระองค์
    ในตอนเช้าข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นที่กำบังในยามทุกข์ยาก
17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    และเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้า

สุภาษิต 11:14

14 ถ้ากองทัพขาดผู้นำที่ฉลาด มันก็จะพ่ายแพ้
    แต่ถ้ามีที่ปรึกษามากมายก็จะชนะ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International