Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 5-6

บัญญัติสิบประการ

(อพย. 20:1-17)

โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาและพูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี ฟังกฎและข้อบังคับที่เรากำลังจะพูดกรอกหูของพวกท่านในวันนี้ ให้ศึกษามันและทำตามอย่างระมัดระวัง พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทำข้อตกลงกับพวกเราที่ภูเขาซีนาย พระองค์ไม่ได้ทำข้อตกลงนี้กับบรรพบุรุษของพวกเรา แต่ทำกับพวกเรา ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำกับพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดต่อหน้าพวกท่านออกมาจากไฟบนภูเขานั้น เราได้ยืนอยู่ระหว่างพระยาห์เวห์กับพวกท่านในตอนนั้น เพื่อจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร เพราะพวกท่านกลัวไฟนั้น และไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา พระยาห์เวห์พูดว่า

‘เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เราได้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากการเป็นทาสนั้น

เจ้าต้องไม่มีพระอื่นนอกจากเรา[a]

เจ้าต้องไม่ทำรูปเคารพให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ตามที่อยู่ในท้องฟ้า หรืออยู่บนพื้นดิน หรืออยู่ใต้น้ำ

เจ้าต้องไม่กราบไหว้หรือรับใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้น เพราะเรา คือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[b] บาปที่รุ่นพ่อทำไว้ เราจะไปลงโทษที่ลูกของเขา และแม้แต่หลาน เหลน ของคนพวกนั้นที่เกลียดเรา 10 แต่คนที่รักเราและเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา เราก็จะเมตตาปรานีครอบครัวของเขาเป็นพันๆรุ่น

11 เจ้าต้องไม่อ้างชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเล่นๆ เพราะพระยาห์เวห์จะถือว่าคนนั้นมีความผิดที่อ้างชื่อของพระองค์มาสาบานกันเล่นๆ

12 ให้รักษาวันหยุดทางศาสนาไว้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งไว้ 13 ในช่วงหกวันแรกของแต่ละอาทิตย์ เจ้าก็ทำงานได้ตามปกติ

14 แต่วันที่เจ็ดเป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งอุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใดๆในวันนั้น ทั้งตัวเจ้า ลูกชายลูกสาวของเจ้า หรือทาสชายหญิง หรือวัวหรือลาของเจ้า หรือสัตว์อื่นๆของเจ้าหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของเจ้า เพื่อว่าทาสชายหญิงของเจ้าจะได้หยุดพักผ่อนเหมือนเจ้า 15 อย่าลืมว่าเจ้าก็เคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้นำเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่แข็งแกร่งของพระองค์ เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าถึงได้สั่งให้เจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนา

16 ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้านี้

17 เจ้าต้องไม่ฆ่าคน

18 เจ้าต้องไม่เป็นชู้

19 เจ้าต้องไม่ขโมย

20 เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ[c] ปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า

21 เจ้าต้องไม่อยากได้เมียของเพื่อนบ้าน เจ้าต้องไม่โลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่นา ทาสชายหญิง วัว หรือลา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของของเพื่อนบ้านเจ้า’”

ประชาชนกลัวพระเจ้า

(อพย. 20:18-21)

22 โมเสสพูดอีกว่า “คำสั่งพวกนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดด้วยเสียงอันดังกับพวกท่านทั้งหมดที่มาประชุมกันอยู่ที่ภูเขา พระองค์พูดจากท่ามกลางไฟ เมฆและหมอกหนาทึบ หลังจากนั้น พระองค์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พระองค์ได้เขียนคำสั่งนี้ไว้บนแผ่นหินสองแผ่นและเอามาให้กับเรา

23 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงจากความมืด ขณะที่ภูเขาลุกไหม้เป็นไฟ พวกท่านทั้งหลาย ที่เป็นหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโส[d] ก็ได้เข้ามาหาเรา 24 และพวกท่านพูดว่า ‘ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ได้แสดงสง่าราศีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้พวกเราเห็น และพวกเราก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางไฟด้วย วันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า พระเจ้าพูดกับคนได้โดยที่คนยังมีชีวิตอยู่ 25 แล้วทำไมเราจะต้องมาเสี่ยงกับความตายตอนนี้ด้วย ไฟนี้จะต้องทำลายพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก เราจะต้องตาย 26 เพราะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าเที่ยงแท้ จากท่ามกลางไฟเหมือนพวกเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่มีแน่ 27 โมเสส ท่านเข้าไปใกล้ๆพระองค์และให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะพูด แล้วให้มาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบอกท่าน แล้วเราจะฟังและทำตามนั้น’

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสส

28 พระยาห์เวห์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกับเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘เราได้ยินคำพูดที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นดี 29 เราอยากให้พวกเขาทั้งหลายเกรงกลัวเรา และเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของเราเสมอ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งกับตัวพวกเขาเองและกับลูกหลานของพวกเขาตลอดไป

30 ไปบอกพวกเขาว่า “กลับไปเต็นท์ของพวกเจ้าได้แล้ว” 31 แต่เจ้าอยู่ที่นี่กับเราก่อนและเราจะบอกถึงคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหมดกับเจ้า และเจ้าจะต้องเอาไปสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปทำในแผ่นดินที่เราจะให้พวกเขาเป็นเจ้าของ’

32 ดังนั้น พวกท่านต้องระวังที่จะทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ พวกท่านต้องไม่หลงไปทางซ้ายหรือทางขวา 33 พวกท่านต้องเดินตามทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ เพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรือง และมีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของนั้น

รักและเชื่อฟังพระเจ้าอยู่เสมอ

นี่คือคำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้สั่งให้เราเอามาสอนพวกท่าน ให้พวกท่านทำตามกฎต่างๆเหล่านี้ ในดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเอานั้น เพื่อท่าน และลูกๆหลานๆของท่านจะได้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตลอดชีวิต และรักษากฎและคำสั่งทั้งหมดที่เราได้สั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้มีอายุยืนยาว ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี และให้ทำตามกฎเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังด้วย เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรืองและมีลูกหลานมากมาย กลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ บนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้สัญญาไว้กับท่าน

ประชาชนชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี มีแต่พระยาห์เวห์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของเรา[e] ท่านต้องรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยการทุ่มสุดใจ[f] สุดชีวิต[g] และสุดตัว[h] ของท่านให้กับพระองค์ คำสั่งเหล่านี้ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้จดจำไว้ในใจเสมอ ท่องให้กับลูกๆฟัง และพูดถึงคำสั่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในบ้านหรือเดินอยู่บนท้องถนน หรือนอนหรือลุกขึ้น เขียนผูกไว้ที่แขนเพื่อย้ำเตือน และผูกไว้ที่หน้าผากเหมือนผ้าโพกหัว เขียนไว้ที่เสาประตูบ้านและที่ประตูเมืองของท่าน

10 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน นำท่านเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ บรรพบุรุษของท่าน ว่าจะให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเมืองที่ร่ำรวยยิ่งใหญ่ ที่ท่านไม่ได้สร้าง 11 และบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยของดีๆมากมาย ที่ท่านไม่ต้องหามาใส่ไว้ และบ่อน้ำที่ท่านไม่ต้องขุด ไร่องุ่นและไร่มะกอกที่ท่านไม่ต้องปลูก เมื่อท่านได้กินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว 12 ระวังตัวให้ดี เพื่อท่านจะไม่ลืมพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์พ้นจากการเป็นทาสนั้น 13 ท่านต้องเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์ และสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ว่า 14 พวกท่านจะไม่ไปติดตามพระอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระองค์ไหนก็ตามที่เป็นของชนชาติที่อยู่รอบข้างเจ้า 15 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่อยู่ท่ามกลางท่านเป็นพระเจ้าที่หึงหวง ดังนั้นให้ระวังตัวให้ดี เพื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่โกรธท่านและทำลายท่านไปจากโลกนี้

16 พวกท่านต้องไม่ลองดีกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เหมือนกับที่พวกท่านเคยลองดีกับพระองค์มาแล้วที่มัสสาห์ 17 พวกท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน รวมทั้งคำสั่งและกฎของพระองค์ที่พระองค์ได้สั่งท่านไว้ 18 ท่านต้องทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดี เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และได้เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของท่าน 19 โดยที่พระองค์จะขับไล่ศัตรูของท่านออกไปต่อหน้าท่าน ตามที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้

สอนสิ่งที่พระเจ้าได้ทำ

20 ในอนาคตเมื่อลูกของท่านถามท่านว่า ‘คำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราสั่งพวกท่านไว้มีความหมายว่าอะไร’ 21 แล้วท่านจะได้ตอบกับลูกของท่านว่า ‘พวกเราเคยเป็นทาสของกษัตริย์ฟาโรห์ในประเทศอียิปต์มาก่อน แต่พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 22 เราได้เห็นพระยาห์เวห์ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวต่างๆ รวมทั้งสิ่งมหัศจรรย์กับประเทศอียิปต์ กับกษัตริย์ฟาโรห์และกับทุกคนที่อยู่ในบ้านของเขา 23 และพระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกจากที่นั่น เพื่อจะนำพวกเรามาถึงแผ่นดินที่พระองค์เคยสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา และยกแผ่นดินนั้นให้กับเราด้วย 24 พระยาห์เวห์สั่งให้พวกเราเชื่อฟังกฎเหล่านี้ทั้งหมดและให้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา เพราะมันจะดีสำหรับพวกเราเสมอ และจะทำให้เรามีชีวิตอยู่เหมือนกับที่เราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ 25 ถ้าพวกเราทำตามคำสั่งของพระองค์ที่ได้สั่งเราไว้อย่างระมัดระวัง พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราก็จะพอใจเรา’

ลูกา 7:11-35

พระเยซูทำให้ชายหนุ่มคืนชีพ

11 ต่อมาพระเยซูกับพวกศิษย์ไปเมืองนาอิน และมีชาวบ้านมากมายติดตามไป 12 เมื่อพระองค์เดินมาใกล้ประตูเมือง ก็สวนกับขบวนแห่ศพของคนๆหนึ่ง เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหญิงม่ายคนหนึ่ง มีชาวบ้านเป็นจำนวนมากเดินมากับขบวนพร้อมกับหญิงม่ายคนนั้น 13 เมื่อพระเยซูเห็นนาง ก็รู้สึกสงสาร และพูดว่า “อย่าร้องไห้เลย” 14 แล้วพระองค์เดินเข้าไปแตะโลงศพ พวกคนที่หามโลงก็หยุด แล้วพระองค์พูดว่า “พ่อหนุ่ม เราสั่งให้ลุกขึ้นมา” 15 คนตายก็ลุกขึ้นมานั่งและเริ่มพูด พระเยซูจึงมอบชายคนนั้นให้กับแม่ของเขา

16 ชาวบ้านต่างเกิดความเกรงกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้เกิดในหมู่พวกเราแล้ว” และพูดว่า “พระเจ้ามาช่วยเหลือคนของพระองค์แล้ว”

17 แล้วชื่อเสียงของพระเยซู ก็ร่ำลือไปทั่วแคว้นยูเดียและบริเวณรอบๆนั้น

ยอห์นเกิดสงสัย

(มธ. 11:2-19)

18 มีศิษย์คนหนึ่งของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำเล่าเรื่องนี้ให้ยอห์นฟัง ยอห์นจึงสั่งศิษย์สองคนของเขา 19 ให้ไปถามองค์เจ้าชีวิตว่า “ท่านคือคนๆนั้นที่จะมา หรือพวกเราจะต้องรออีกคนหนึ่ง”

20 ศิษย์สองคนนั้นไปพบพระเยซู และพูดว่า “ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำส่งพวกเรามาถามท่านว่า ‘ท่านคือคนๆนั้นที่จะมา หรือพวกเรายังต้องรออีกคนหนึ่ง’”

21 ในเวลานั้นพระเยซูได้รักษาคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆให้หาย ขับไล่ผีชั่ว และช่วยให้คนตาบอดหลายคนมองเห็น 22 พระเยซูบอกกับสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่คุณได้เห็นและได้ยิน ว่าคนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงก็หาย คนหูหนวกก็ได้ยิน คนตายกลับฟื้นคืนชีพ และคนจนก็ได้ยินเรื่องข่าวดี 23 คนที่ไม่ทิ้งเรา เพราะสิ่งที่เราทำ ก็เป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”

24 พอศิษย์ทั้งสองของยอห์นกลับไปแล้ว พระเยซูก็พูดถึงยอห์นให้ชาวบ้านฟังว่า “พวกคุณออกไปดูอะไรในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ไปดูต้นอ้อ[a] ลู่ตามลมหรือ 25 ไม่ใช่แน่ แล้วคุณออกไปดูอะไรล่ะ ไปดูคนใส่เสื้อผ้าสวยหรูราคาแพงหรือ ไม่ใช่หรอก เพราะคนที่ใส่เสื้อผ้าสวยหรูราคาแพงนั้นอยู่ในวัง 26 ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณออกไปดูอะไรล่ะ ออกไปดูผู้พูดแทนพระเจ้าหรือ ใช่แล้ว เราขอบอกให้รู้ว่าเขาเป็นยิ่งกว่าผู้พูดแทนพระเจ้าเสียอีก 27 เพราะเขาเป็นคนที่พระคัมภีร์เขียนถึงว่า

‘ดูสิ เราจะส่งผู้ส่งข่าวของเรานำหน้าท่านไปก่อน
    เขาจะไปเตรียมหนทางให้กับท่าน’[b]

28 เราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคนที่เกิดมาจากผู้หญิง แต่คนที่สำคัญน้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้า ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีก”

29 ทุกคนที่ได้ยินพระเยซูพูด รวมทั้งคนเก็บภาษีก็เชื่อว่าทางของพระเจ้านั้นถูกต้อง เพราะพวกเขาเคยให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้ 30 แต่พวกฟาริสีและพวกครูสอนกฎปฏิบัติไม่ยอมรับทางที่พระเจ้ามีสำหรับพวกเขา เพราะพวกนี้ไม่ได้ให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้

31 พระเยซูพูดต่อ ว่า “เราจะเปรียบเทียบคนในสมัยนี้กับอะไรดี 32 พวกเขาเป็นเหมือนเด็กๆที่นั่งอยู่ที่ตลาดร้องตะโกนใส่กันว่า

‘พวกเราเป่าปี่ให้ฟัง
    แต่พวกเธอก็ไม่ยอมเต้นตาม
พวกเราร้องเพลงเศร้า
    แต่พวกเธอก็ไม่ยอมร้องไห้’

33 เมื่อยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำมา เขาไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น พวกคุณก็ว่า ‘เขามีผีชั่วสิงอยู่’ 34 แต่พอบุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม พวกคุณก็หาว่า ‘ดูไอ้หมอนั่นสิ ทั้งตะกละและขี้เมา แถมยังเป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาปอีกด้วย’ 35 แต่อย่างไรก็ตามสติปัญญานั้นถูกหรือผิด ก็ดูได้จากผลทั้งหลายของมัน”

สดุดี 68:19-35

19 สรรเสริญองค์เจ้าชีวิต
    พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
    ผู้ที่แบกภาระของพวกเราทุกๆวัน เซลาห์

20 พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ช่วยกู้พวกเรา
    พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ช่วยให้เรารอดพ้นจากความตาย
21 แต่พระเจ้าบดขยี้หัวของพวกศัตรูของพระองค์
    พระองค์บดขยี้กะโหลกคนเหล่านั้นที่ยังคงเดินอยู่ในความผิดบาปของเขา
22 องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
    “เราจะนำศัตรูเหล่านั้นมาจากบาชาน และมาจากก้นทะเลลึก
23 เพื่อเจ้าจะได้เหยียบย่ำเลือดของพวกนั้น
    และหมาของพวกเจ้าจะได้เลียกินส่วนแบ่งของพวกมันจากเลือดของศัตรูพวกนั้น”

24 ข้าแต่พระเจ้า คนเห็นขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระองค์
    พวกนั้นได้เห็นขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ของข้าพเจ้าที่กำลังแห่เข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
25 นำหน้าด้วยพวกนักร้อง ตามหลังด้วยเหล่านักดนตรี
    ในท่ามกลางหญิงสาวที่เล่นกลองรำมะนาอันเล็ก
26 สรรเสริญพระเจ้าในที่ชุมนุมเถิด
    ลูกหลานของอิสราเอลเอ๋ย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
27 ดูนั่นสิ เผ่าน้อยๆของเบนยามินเดินนำหน้า
    พร้อมทั้งพวกผู้นำของยูดาห์จำนวนมาก
    พวกผู้นำของเศบูลุน รวมทั้งพวกผู้นำของนัฟทาลี

28 พระเจ้าออกคำสั่งว่า เจ้าอิสราเอลจะมีอำนาจ
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ช่วยเราในอดีตยังไง โปรดแสดงอำนาจของพระองค์ให้เราได้เห็นอีกครั้งอย่างนั้น
29 จากวิหารของพระองค์ ที่อยู่ในเยรูซาเล็ม
    แล้วกษัตริย์ทั้งหลายก็จะนำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่พระองค์
30 ข้าแต่พระเจ้า สั่งประจัญบานเลย ลุยเข้าไปรบกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในพงอ้อ[a]
    และกับชนชาติทั้งหลายที่รวมตัวกันเหมือนฝูงลูกวัวที่มีพวกวัวผู้นำอยู่
    ขอให้พวกเขาถ่อมตัวลงและนำเงินมาเป็นเครื่องบรรณาการถวายต่อพระองค์
    ขอให้ชนชาติเหล่านั้นที่กระหายสงครามถูกทำให้แตกกระเจิดกระเจิงไป
31 พวกที่ถือเครื่องบรรณาการ จะมาจากอียิปต์
    ส่วนชาวเอธิโอเปีย จะรีบเร่งนำของขวัญมาให้กับพระองค์
32 อาณาจักรทั้งหลายบนโลกเอ๋ย ให้ร้องเพลงให้กับพระเจ้าเถิด
    สรรเสริญองค์เจ้าชีวิตด้วยบทเพลงสดุดีเถิด เซลาห์

33 ร้องเพลงแด่พระเจ้า ผู้ขี่รถม้าข้ามฟ้าสวรรค์ที่มีมาแต่โบราณกาล
    พระองค์เปล่งเสียงอันทรงพลังก้องกังวาน
34 ประกาศว่าพระเจ้านั้นทรงพลัง
    พระบารมีของพระองค์ปกครองอยู่เหนืออิสราเอล
    และพลังอำนาจของพระองค์ปกครองอยู่เหนือฟ้าสวรรค์
35 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์นั้นน่าเกรงขามในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    พระองค์เป็นผู้ที่มอบฤทธิ์อำนาจและพละกำลังแก่ประชาชนของพระองค์

สรรเสริญพระเจ้า

สุภาษิต 11:29-31

29 คนที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน จะได้ลมเป็นมรดก
    คนโง่จะตกเป็นทาสของคนฉลาด
30 การกระทำของคนที่ทำตามใจพระเจ้าเป็นเหมือนต้นไม้ที่ให้ชีวิต
    แต่คนที่โหดร้าย[a] มีแต่จะเอาชีวิตไป
31 ถ้าคนที่ทำตามใจพระเจ้า ยังต้องได้รับผลกรรมในโลกนี้
    แล้วคนชั่วและคนบาปจะได้รับผลกรรมมากกว่านั้นขนาดไหน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International