Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 16:41-18:32

อาโรนช่วยชีวิตประชาชน

41 วันต่อมา ชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ต่างบ่นต่อว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ทำให้คนของพระยาห์เวห์ต้องตาย”

42 ขณะที่คนในชุมชนกำลังรวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาได้หันไปทางเต็นท์นัดพบ และเห็นเมฆปกคลุมเต็นท์นั้นและรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏขึ้น 43 โมเสสกับอาโรนก็มาที่ด้านหน้าของเต็นท์นัดพบ

44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ถอยไปให้ห่างจากชุมชนนี้ เราจะได้ทำลายพวกเขาเดี๋ยวนี้” โมเสสกับอาโรนจึงก้มกราบลงกับพื้น

46 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “ไปเอากระถางไฟ และเอาไฟจากแท่นบูชาใส่ลงไป และใส่เครื่องหอมลงไปด้วย แล้วรีบเอาไปที่ชุมชนนั้นแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์กำลังโกรธพวกเขา โรคระบาดกำลังเกิดขึ้น”

47 แล้วอาโรนก็ไปเอากระถางไฟตามที่โมเสสบอก แล้ววิ่งเข้าไปกลางชุมชน และเขาเห็นว่าเกิดโรคระบาดขึ้นแล้วในหมู่ประชาชน เขาเอาเครื่องหอมใส่ลงในกระถางไฟแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ 48 เขายืนอยู่ระหว่างคนเป็นและคนตาย และโรคระบาดก็หยุดลง 49 มีคนตายจากโรคระบาดครั้งนี้ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยคน ไม่รวมคนที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะโคราห์ 50 อาโรนได้กลับไปหาโมเสสที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เพราะโรคระบาดได้หยุดลงแล้ว

ไม้เท้าอาโรนแตกหน่อ

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้พูดกับประชาชนชาวอิสราเอลและให้หัวหน้าของแต่ละเผ่าเอาไม้เท้าของพวกเขามา รวมเป็นสิบสองอัน และให้เขียนชื่อของหัวหน้าเผ่าแต่ละคนลงไปบนไม้เท้าของเขานั้น ให้เขียนชื่อของอาโรนลงบนไม้เท้าของเผ่าเลวี เพราะจะมีไม้เท้าหนึ่งอันสำหรับหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่า ให้เอาไม้เท้าพวกนี้มาวางไว้ในเต็นท์นัดพบ ตรงหน้าหีบเก็บข้อตกลงเป็นสถานที่ที่เราพบกับพวกเจ้า เราเลือกคนไหน ไม้เท้าของคนนั้นก็จะแตกหน่อออกมา ด้วยวิธีนี้ เราจะได้หยุดการบ่นต่อว่าของประชาชนชาวอิสราเอลที่มีต่อพวกเจ้า”

โมเสสจึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอล และพวกผู้นำของเขาทุกคนก็เอาไม้เท้าของตัวเองมาให้กับโมเสส รวมเป็นสิบสองอัน จากเผ่าละอัน ไม้เท้าของอาโรนก็อยู่ท่ามกลางไม้เท้าของพวกเขาด้วย โมเสสวางไม้เท้าพวกนั้นไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ในเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง

วันต่อมา โมเสสได้เข้าไปในเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง เขาเห็นไม้เท้าของอาโรนจากเผ่าเลวีแตกใบ แตกหน่อและมีดอกบาน พร้อมกับผลอัลมอนด์ด้วย โมเสสจึงเอาไม้เท้าทั้งหมดจากด้านหน้าของพระยาห์เวห์ ออกมาให้กับ ประชาชนอิสราเอล หัวหน้าแต่ละคนก็หาและหยิบไม้เท้าของตนเอง

10 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เอาไม้เท้าของอาโรนกลับไปวางไว้ด้านหน้าหีบข้อตกลง เพื่อเก็บไว้ให้เป็นสิ่งคอยเตือนพวกนี้ที่ทรยศเรา เพื่อพวกเขาจะได้หยุดบ่นต่อว่าเรา และพวกเขาจะได้ไม่ตาย” 11 โมเสสจึงทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาทุกอย่าง

12 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลพูดกับโมเสสว่า “ดูสิ พวกเราจะตาย พวกเราจะถูกทำลาย พวกเราจะถูกทำลายกันหมด 13 ทุกคนที่แค่เข้าไปใกล้เต็นท์ที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ก็ต้องตายแล้ว พวกเราจะตายกันหมดหรือเปล่านี่”

งานของนักบวชเลวี

18 พระยาห์เวห์พูดกับอาโรนว่า “ตัวเจ้า ลูกชายของเจ้าและคนในตระกูลของเจ้า จะต้องรับโทษ ถ้ามีใครมาทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เสื่อมเสีย ตัวเจ้าและลูกชายจะต้องรับโทษ ถ้าทำหน้าที่นักบวชบกพร่องทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ให้พาพี่น้องชาวเลวีคนอื่นๆที่อยู่เผ่าพันธุ์เดียวกับพ่อของเจ้ามาด้วย พวกเขาจะได้มาร่วมงานและช่วยเหลือเจ้าตอนที่เจ้าและลูกชายของเจ้าอยู่ต่อหน้าเต็นท์เก็บข้อตกลง พวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าระวังให้กับเจ้า คอยดูแลเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง แต่พวกเขาต้องไม่เข้าไปใกล้เครื่องใช้ต่างๆที่ศักดิ์สิทธิ์ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์หรือแท่นบูชานั้น เพื่อว่าทั้งพวกเขาและเจ้าจะได้ไม่ตาย พวกเขาจะร่วมงานกับเจ้าและทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าระวังเต็นท์นัดพบ รวมทั้งงานหนักต่างๆที่เกี่ยวกับเต็นท์ด้วย แต่ห้ามคนที่ไม่มีสิทธิ์เข้ามาใกล้เจ้า

เจ้าต้องทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าระวังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแท่นบูชา เพื่อเราจะได้ไม่โกรธประชาชนชาวอิสราเอล ดูสิ เราได้เลือกพวกพี่น้องชาวเลวีของเจ้า ออกมาจากประชาชนชาวอิสราเอล พวกเขาเป็นของขวัญสำหรับเจ้า ที่มอบให้กับพระยาห์เวห์ เพื่อทำงานหนักในเต็นท์นัดพบ อาโรน มีแต่เจ้าและลูกชายของเจ้าเท่านั้นที่จะทำหน้าที่นักบวช คอยดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับแท่นบูชาและที่อยู่หลังม่านนั้น และเจ้าก็ต้องทำงานด้วย เราจะให้งานเจ้าให้สมกับฐานะนักบวช แต่คนที่ไม่มีสิทธิ์ แล้วบุกรุกเข้ามาจะต้องถูกฆ่า”

พระยาห์เวห์พูดกับอาโรนว่า “ดูสิ เราเองได้มอบหมายงานให้เจ้าเป็นยามคอยเฝ้าระวังของขวัญต่างๆที่คนเอามาให้กับเรา รวมทั้งของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ประชาชนชาวอิสราเอลเอามา เราจะแบ่งสิ่งเหล่านั้นให้เจ้าและลูกชายของเจ้า เป็นส่วนแบ่งที่พวกเจ้าจะได้ตลอดไป ผู้คนจะเอาเครื่องบูชาต่างๆมาถวายเรา มีทั้งเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาชดใช้ เครื่องบูชาพวกนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เจ้าจะได้ส่วนแบ่งจากเครื่องบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ จากส่วนที่เก็บไว้ ที่ไม่ได้เอาไปเผาบนแท่นบูชา ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับเจ้าและพวกลูกชายของเจ้า 10 เจ้าต้องกินมันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ผู้ชายในครอบครัวเจ้ากินได้หมดทุกคน มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้า

11 และของขวัญพิเศษอื่นๆที่ชาวอิสราเอลนำมายื่นถวายกับเรา ก็จะเป็นของเจ้าด้วย เราจะให้ของพวกนั้นกับเจ้า ลูกชายของเจ้าและลูกสาวของเจ้า นั่นเป็นส่วนแบ่งของเจ้า ในครอบครัวเจ้า ทุกคนที่บริสุทธิ์ตามพิธีกรรมก็กินได้

12 เมื่อชาวอิสราเอลนำผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้เป็นครั้งแรกมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ มีน้ำมันมะกอกอย่างดี เหล้าองุ่นใหม่และเมล็ดข้าวทั้งหมด เราจะยกให้กับเจ้า 13 เมื่อพวกเขานำพืชผลที่สุกเป็นครั้งแรกในที่ดินของพวกเขามาถวายพระยาห์เวห์ ของถวายนั้นก็จะเป็นของพวกเจ้า ในครอบครัวเจ้า ทุกคนที่บริสุทธิ์ตามพิธีกรรม ก็กินได้

14 ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขานำมาถวายในอิสราเอล ก็จะเป็นของเจ้า

15 ลูกหัวปีไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ ที่พวกเขาเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์จะเป็นของเจ้า แต่เจ้าจะต้องรับเงินที่เขาจ่ายเป็นค่าไถ่สำหรับลูกหัวปีของคน และลูกหัวปีของสัตว์ที่ไม่บริสุทธิ์[a] 16 เมื่อลูกหัวปีนั้นมีอายุได้หนึ่งเดือน เจ้าจะต้องมาซื้อคืนไปเป็นเงินหนักห้าเชเขล[b] ตายตัวตามมาตรฐานอย่างเป็นทางการ[c] โดยคิดหนึ่งเชเขลเท่ากับยี่สิบเกราห์[d]

17 แต่ลูกวัวหัวปี ลูกแกะหัวปี และลูกแพะหัวปี ห้ามไม่ให้เจ้าซื้อคืนไป พวกมันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องเอาเลือดของพวกมันมาพรมลงบนแท่นบูชาและต้องเผาไขมันของพวกมัน เป็นของขวัญ ที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 18 แต่ส่วนที่เป็นเนื้อจะเป็นของเจ้า รวมทั้งส่วนอกของเครื่องยื่นบูชา และส่วนสะโพกข้างขวา ก็เป็นของเจ้าด้วย 19 พวกของขวัญศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ชาวอิสราเอลเอามายื่นถวายให้กับพระยาห์เวห์ เรามอบให้กับเจ้า ลูกชายและลูกสาวของเจ้า มันเป็นส่วนของเจ้าตลอดไป มันจะเป็นข้อตกลง[e] ของพระยาห์เวห์ สำหรับเจ้าและลูกหลานรุ่นหลังจากเจ้าตลอดไป”

20 พระยาห์เวห์พูดกับอาโรนว่า “เจ้าจะไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลยในที่ดินของพวกเขา และเจ้าจะไม่ได้เป็นเจ้าของในส่วนแบ่งที่ดินท่ามกลางพวกเขา เราคือส่วนแบ่งของเจ้าและมรดกของเจ้าในท่ามกลางประชาชนชาวอิสราเอล

21 พวกชาวอิสราเอลจะถวายสิบเปอร์เซ็นต์ของพืชผลและสัตว์ที่เกิดใหม่ เรายกส่วนนี้ให้กับชาวเลวี นี่จะเป็นส่วนแบ่งของพวกเขา เป็นค่าตอบแทน ที่พวกเขาทำงานหนักในเต็นท์นัดพบ 22 ตั้งแต่นี้ไป ชาวอิสราเอลต้องไม่เข้าไปใกล้เต็นท์นัดพบ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษ เพราะบาปของพวกเขาและจะตาย 23 มีแต่ชาวเลวีเท่านั้นที่จะทำงานให้เต็นท์นัดพบ และพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อความบาปที่เกิดขึ้น นี่จะเป็นกฎของพวกเจ้าตลอดไป และพวกเลวีก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลยในที่ดินของชาวอิสราเอล 24 ชาวอิสราเอลจะถวายสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้เป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ แล้วเราจะให้ส่วนนี้กับชาวเลวี เป็นส่วนแบ่งแทนที่ดิน เพราะอย่างนี้ เราถึงได้บอกชาวเลวีว่า พวกเขาจะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลยในที่ดิน ท่ามกลางประชาชนชาวอิสราเอล”

25 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 26 “ให้บอกชาวเลวีว่า ‘เมื่อคนอิสราเอลเอาสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้มาถวายให้กับเรา เราก็ได้มอบส่วนนี้ให้เป็นส่วนแบ่งของเจ้า เมื่อเจ้าได้รับส่วนแบ่งนี้แล้ว เจ้าต้องถวายสิบเปอร์เซ็นต์ของส่วนแบ่งนั้นให้กับพระยาห์เวห์ด้วย 27 ของขวัญของเจ้านี้ พระเจ้าก็จะนับให้กับเจ้าเหมือนกับว่ามันเป็นเมล็ดข้าวจากลานนวดข้าวและน้ำองุ่นที่เต็มล้นในบ่อย่ำองุ่น 28 ดังนั้น เมื่อเจ้าได้รับสิบเปอร์เซ็นต์ที่ชาวอิสราเอลเอามาถวายพระยาห์เวห์ เจ้าก็ต้องถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์เหมือนกัน จากของขวัญที่เจ้าเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์นี้ เจ้าต้องเอาไปให้กับนักบวชอาโรน 29 เจ้าจะต้องแยกส่วนที่ดีที่สุดจากของขวัญแต่ละอย่างทั้งหมดที่เจ้าได้รับมา เอาไว้เป็นของขวัญจากเจ้าที่ให้พระยาห์เวห์’

30 และให้บอกกับพวกเลวีว่า ‘เมื่อเจ้าเอาส่วนที่ดีที่สุดของมันมาถวายแล้ว พระเจ้าก็จะถือว่าส่วนที่เหลือนั้น เป็นของเจ้าชาวเลวี เหมือนกับตอนที่เอาผลผลิตจากลานนวดข้าว และผลผลิตจากบ่อย่ำองุ่น มาถวายนั่นเอง 31 เจ้าและครอบครัวของเจ้าจะกินมันที่ไหนก็ได้ เพราะมันเป็นค่าแรงของเจ้าที่ทำงานในเต็นท์นัดพบ 32 และถ้าเจ้าถวายส่วนที่ดีที่สุดของมันให้กับพระยาห์เวห์ เจ้าจะไม่ต้องรับโทษบาปเพราะมัน เจ้าต้องไม่ทำให้ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนชาวอิสราเอล เสื่อมเสียไป เพื่อเจ้าจะได้ไม่ตาย’”

มาระโก 16

พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย

(มธ. 28:1-8; ลก. 24:1-12; ยน. 20:1-10)

16 หลังจากวันหยุดทางศาสนาผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา สะโลเม และมารีย์แม่ของยากอบ ก็ซื้อเครื่องหอมเพื่อจะเอาไปอาบศพพระเยซู เช้าตรู่วันอาทิตย์[a] ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น พวกเขาก็พากันไปที่อุโมงค์ฝังศพ ในระหว่างทางพวกเขาคุยกันว่า “แล้วใครจะกลิ้งหินใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ออกให้เราล่ะ”

เมื่อมาถึง พวกเขามองไปที่อุโมงค์ และเห็นหินก้อนใหญ่มากนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์กันและเห็นชายหนุ่ม[b] คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา พวกเขาก็สะดุ้งตกใจ

ชายหนุ่มคนนั้นพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ พวกคุณมองหาเยซู ชาวนาซาเร็ธที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนหรือ พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว ตรงนี้ไงที่เขาวางศพของพระองค์ ไปบอกพวกศิษย์ของพระองค์และเปโตรด้วยว่า ‘พระองค์ล่วงหน้าไปที่แคว้นกาลิลีก่อนแล้ว พวกคุณจะพบพระองค์ที่นั่นเหมือนกับที่พระองค์ได้บอกไว้แล้ว’”

พวกเขาจึงรีบวิ่งไปจากอุโมงค์นั้นด้วยความงุนงงและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พวกเขากลัวมากจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง[c]

พระเยซูปรากฏให้นางมารีย์ชาวมักดาลาเห็น

(มธ. 28:9-10; ยน. 20:11-18)

เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นั้น หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คนแรกที่พระองค์ได้ปรากฏตัวให้เห็นคือมารีย์ชาวมักดาลา คนที่พระองค์เคยขับผีชั่วเจ็ดตนออกให้ 10 แล้วนางไปบอกให้พวกศิษย์ของพระองค์ฟังขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เศร้าโศกเสียใจกันอยู่ 11 แต่เมื่อนางบอกว่าพระองค์ฟื้นขึ้นมาแล้วและนางได้เห็นพระองค์ พวกเขากลับไม่เชื่อที่นางบอก

พระเยซูปรากฏตัวให้ศิษย์สองคนเห็น

(ลก. 24:13-35)

12 หลังจากนั้นพระเยซูได้มาปรากฏตัวในอีกรูปแบบหนึ่งให้ศิษย์สองคนเห็น ในขณะที่พวกเขาเดินทางออกไปที่ชานเมือง 13 แล้วพวกเขาก็รีบกลับมาบอกพวกที่เหลือ แต่พวกนั้นไม่ยอมเชื่อ

พระเยซูปรากฏกับศิษย์สิบเอ็ดคน

(มธ. 28:16-20; ลก. 24:36-49; ยน. 20:19-23; กจ. 1:6-8)

14 ในเวลาต่อมาพระเยซูได้มาปรากฏตัวให้ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนเห็น ในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกันอยู่ พระองค์ต่อว่าพวกเขาว่าเป็นคนดื้อดึงที่ไม่ยอมเชื่อคนพวกนั้นที่ได้เห็นพระองค์หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว

15 พระองค์บอกกับพวกเขาว่า “ให้ออกไปทั่วโลกและประกาศข่าวดีนี้ให้กับทุกคนในทุกแห่ง 16 ทุกคนที่เชื่อและเข้าพิธีจุ่มน้ำก็จะรอด แต่ทุกคนที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17 คนที่เชื่อจะมีฤทธิ์ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ คือจะไล่ผีชั่วออกได้โดยอ้างชื่อของเรา จะพูดภาษาแปลกๆได้ จะจับงูได้ด้วยมือเปล่า 18 หรือถ้าดื่มยาพิษเข้าไป ก็จะไม่เป็นอันตรายเลย และพวกเขาจะสามารถวางมือบนคนป่วยแล้วทำให้พวกคนป่วยหายได้”

พระเยซูถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์

(ลก. 24:50-53; กจ. 1:9-11)

19 หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าพูดกับพวกเขาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า 20 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกศิษย์ได้ออกไปประกาศทุกหนทุกแห่ง องค์เจ้าชีวิตได้ทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย และให้ฤทธิ์อำนาจกับพวกเขาที่จะทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆได้ เพื่อรับรองว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง

สดุดี 55

โดนเพื่อนหักหลัง

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบเพลง บทกวีมัสคิลของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเงี่ยหูฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    โปรดอย่าเพิกเฉยต่อคำอธิษฐานขอความเมตตาของข้าพเจ้าเลย
โปรดรับฟังและตอบข้าพเจ้าด้วย
    เมื่อข้าพเจ้าเล่าถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจข้าพเจ้าว้าวุ่น
ข้าพเจ้ากลัวมากเพราะศัตรูของข้าพเจ้าข่มขู่ข้าพเจ้าอยู่
    และคนชั่วกดขี่ข้าพเจ้า
เขาเอาเรื่องร้ายๆมาโยนใส่หัวข้าพเจ้า
    พวกเขาโกรธแค้นข้าพเจ้า

หัวใจของข้าพเจ้าเต้นแรงอยู่ภายใน
    ข้าพเจ้ากลัวจะต้องตาย
ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น
    กลัวจับใจ
และข้าพเจ้าคิดในใจว่า ถ้าข้าพเจ้ามีปีกอย่างนกเขา
    ข้าพเจ้าจะบินหนีไปสู่ที่ที่ปลอดภัย
ข้าพเจ้าจะบินไปไกลลิบ
    ถึงทะเลทรายและอาศัยอยู่ที่นั่น เซลาห์

ข้าพเจ้าจะหนีไปสู่ที่ที่ปลอดภัย
    ข้าพเจ้าจะหนีจากมรสุมร้ายในชีวิต
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ช่วยทำให้คำพูดและแผนของพวกเขาสับสนอลหม่านไป
    เพราะข้าพเจ้าเห็นความรุนแรงและการขัดแย้งกันในเมือง
10 ความรุนแรงและความขัดแย้งนั้นเป็นเหมือนยามเดินตรวจเวรอยู่บนกำแพงทั้งวันทั้งคืน
    ในขณะที่เมืองเต็มไปด้วยอาชญากรรมและการกระทำชั่วร้าย
11 มีแต่อาชญากรรมทั่วเมือง
    คนที่พูดโกหกและคดโกงไม่เคยขาดหายไปจากท้องถนน

12 ถ้าศัตรูดูถูกเหยียดหยามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ทนได้
    ถ้าคนที่เกลียดข้าพเจ้ารังแกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไปแอบซ่อนได้
13 แต่นี่เป็นเจ้า เพื่อนที่มีใจตรงกัน
    เพื่อนสนิทและเพื่อนรู้ใจ ที่กำลังโจมตีข้าพเจ้า
14 ในอดีต เราสนุกสนานกับการพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
    และเดินด้วยกันท่ามกลางฝูงชนในวิหารของพระเจ้า
15 ข้าพเจ้าอยากให้พวกศัตรูของข้าพเจ้าตายอย่างไม่ทันรู้ตัว
    ข้าพเจ้าอยากให้แผ่นดินแยกออก และกลืนพวกเขาทั้งเป็น[a]
    เพราะสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายสิงสถิตอยู่ในใจของพวกเขา

16 ส่วนข้าพเจ้าจะร้องขอให้พระเจ้าช่วย
    และพระยาห์เวห์จะช่วยกู้ข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้าร้องทุกข์และคร่ำครวญทั้งเช้า เที่ยง เย็น
    และพระองค์ก็ได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
18 พระองค์นำข้าพเจ้ากลับมาจากการรบอย่างปลอดภัย
    ถึงแม้มีข้าศึกมากมายต่อสู้กับข้าพเจ้า
19 พระเจ้าผู้ครอบครองเป็นกษัตริย์มาตั้งแต่โบราณกาลนั้น
    พระองค์จะฟังเสียงของข้าพเจ้าและพระองค์จะทำให้คนพวกนั้น อับอายขายหน้า เซลาห์
ศัตรูของข้าพเจ้าไม่ยอมเปลี่ยนวิถีทางของเขา
    และไม่ยำเกรงพระเจ้า

20 เพื่อนของข้าพเจ้าหักหลังข้าพเจ้า
    เขาไม่ได้รักษาคำพูดเลย
21 คำพูดของเขานุ่มเหมือนเนยแต่ใจของเขามีแต่สงคราม
    คำพูดของเขาลื่นเหมือนน้ำมัน แต่เชือดเฉือนเหมือนดาบ

22 มอบภาระของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์สิ แล้วพระองค์จะดูแลเจ้า
    พระองค์ไม่เคยปล่อยให้คนดีลื่นล้ม

23 ข้าแต่พระเจ้า ส่วนพระองค์นั้นพระองค์จะโยนพวกฆาตกรและพวกโกหกหลอกลวงทั้งหลายลงไปในหลุมศพให้เน่าเปื่อย
    ทั้งๆที่เขายังใช้ชีวิตไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย
    ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์

สุภาษิต 11:7

เมื่อคนชั่วตาย ความหวังของเขาก็สูญสิ้นไป
    และความหวังที่จะได้ร่ำรวยก็จบสิ้นไปด้วย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International