Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 9-10

พระยาห์เวห์จะอยู่กับชาวอิสราเอล

ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี วันนี้ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อเข้าไปขับไล่ชนชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าท่าน และเมืองต่างๆที่ยิ่งใหญ่พร้อมกำแพงสูงเสียดฟ้า ชาวอานาค[a] ที่แข็งแรงและสูงใหญ่ ท่านรู้จักพวกเขาและเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามาว่า ‘มีใครบ้างที่จะหยุดพวกอานาคได้ ไม่มีเลย’ ท่านแน่ใจได้เลยในวันนี้ว่า เป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเอง ที่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปก่อนท่าน เป็นเหมือนไฟที่ทำลายล้าง พระองค์จะกวาดล้างพวกชนชาติเหล่านั้น และพระองค์จะเอาชนะพวกเขาเมื่อท่านเดินทางเข้าไป ท่านจะไล่พวกเขาออกไปและทำลายพวกเขาอย่างรวดเร็วเหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สัญญาไว้กับท่าน

เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขับไล่พวกนั้นออกไปต่อหน้าท่าน พวกท่านไม่ต้องคิดในใจว่า ‘เพราะฉันเป็นคนดี พระยาห์เวห์ถึงได้นำฉันเข้ามาเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้’ แต่ที่พระยาห์เวห์ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปต่อหน้าท่านก็เพราะพวกเขาเป็นคนชั่วต่างหาก ที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินของคนพวกนั้น ไม่ใช่เพราะท่านเป็นคนดีและซื่อสัตย์หรอกนะ แต่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปต่อหน้าท่าน ก็เพราะพวกเขาเป็นคนชั่ว และพระยาห์เวห์ต้องการรักษาสัญญาที่พระองค์ได้ทำไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ บรรพบุรุษของท่าน ให้รู้ไว้เลยว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ได้ให้แผ่นดินที่ดีนี้กับท่าน เพราะท่านเป็นคนดี แต่ความจริงแล้วท่านเป็นคนที่ดื้อรั้น

จดจำความดื้อรั้นที่มีต่อพระยาห์เวห์

จำไว้ให้ดี อย่าลืมว่าท่านเคยทำให้พระยาห์เวห์โกรธ ตอนที่อยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ตั้งแต่วันที่พวกท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์จนกระทั่งมาถึงที่นี่ พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธตอนที่อยู่บนภูเขาซีนาย พระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน เมื่อเราขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นหินซึ่งเป็นแผ่นหินของข้อตกลงที่พระยาห์เวห์ทำไว้กับพวกท่าน เราอยู่บนภูเขาเป็นเวลาถึงสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ 10 พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นกับเรา เป็นแผ่นหินที่พระเจ้าใช้นิ้วมือของพระองค์เขียนขึ้นมา บนแผ่นหินนั้นคือคำสั่งสอนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้กับพวกท่าน พระองค์พูดออกมาจากไฟบนภูเขาในวันที่พวกท่านรวมตัวกันอยู่ที่นั่น

11 เมื่อครบสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นนั้นกับเรา เป็นแผ่นหินของข้อตกลง 12 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ลุกขึ้นและรีบลงไปจากที่นี่ เพราะประชาชนของเจ้าที่เจ้านำออกมาจากประเทศอียิปต์นั้น ได้ทำตัวเสื่อมทราม พวกเขาได้หันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่เราได้สั่งให้พวกเขาทำ พวกเขาได้ทำรูปเคารพจากโลหะสำหรับตัวเอง’

13 พระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่า ‘เราได้มองดูคนพวกนี้ เขาเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ 14 โมเสส เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับเรา เราจะทำลายพวกเขา และจะลบชื่อพวกเขาออกจากใต้ฟ้านี้ และเราจะทำให้เจ้าเป็นชาติที่เข้มแข็งและมีจำนวนมากกว่าพวกเขา’

ลูกวัวทองคำ

15 แล้วเราก็กลับลงมาจากภูเขา ภูเขากำลังลุกไหม้เป็นไฟ หินของข้อตกลงทั้งสองแผ่นนั้นอยู่ในมือเรา 16 แล้วเรามองดู เห็นว่าพวกท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ พวกท่านได้ทำรูปเคารพจากโลหะเป็นรูปลูกวัวให้กับตัวพวกท่านเอง พวกท่านหันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่พระยาห์เวห์เคยสั่งท่านไว้ 17 เราจึงขว้างหินทั้งสองแผ่นนั้นด้วยมือทั้งสองของเราเอง และทำให้มันแตกต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 18 และก็เหมือนกับครั้งก่อน เราได้ก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ เราทำสิ่งต่างๆนี้ก็เพราะบาปทั้งหมดที่พวกท่านได้ทำไป คือพวกท่านได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เพราะอย่างนี้จึงทำให้พระองค์โกรธ 19 เรากลัวความโกรธและความเดือดดาลของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน แต่ตอนนั้นพระยาห์เวห์ได้ฟังเรา 20 พระยาห์เวห์โกรธอาโรนถึงขนาดที่จะทำลายเขา แต่เราได้อธิษฐานเผื่ออาโรนเหมือนกันในตอนนั้น 21 เราได้เอาสิ่งที่เป็นบาปที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา คือลูกวัวไปเผาไฟ และเราก็ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ บดมันจนละเอียดเป็นผุยผง แล้วเราก็โปรยผงนั้นลงในลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา

โมเสสร้องขอพระยาห์เวห์อย่าทำลายคนอิสราเอล

22 ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ก็เหมือนกัน พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธ 23 เมื่อพระยาห์เวห์ส่งพวกท่านจากคาเดช-บารเนีย และพูดว่า ‘ขึ้นไปยึดเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า’ พวกท่านขัดขืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านไม่ไว้วางใจพระองค์และไม่เชื่อฟังพระองค์ 24 พวกท่านได้ขัดขืนพระยาห์เวห์มาตลอด ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่านเป็นครั้งแรก

25 เมื่อเราก้มหน้าลงกราบพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะพระยาห์เวห์บอกว่า พระองค์จะทำลายพวกท่าน 26 เราได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า อย่าได้ทำลายคนของพระองค์ที่เป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์เลย พระองค์ไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระด้วยฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงพลังของพระองค์ 27 โปรดระลึกถึงอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์ อย่าไปสนใจกับความดื้อดึง ความชั่วร้ายและความบาปของคนพวกนี้เลย 28 ไม่อย่างนั้นชาวอียิปต์จะพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา และเพราะพระองค์เกลียดพวกเขา พระองค์จึงนำพวกเขาออกไปและฆ่าพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” 29 พวกเขาคือคนของพระองค์ เป็นสมบัติของพระองค์เอง พระองค์ได้นำพวกเขาออกมาด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของพระองค์’

แผ่นหินใหม่

(อพย. 34:1-10)

10 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ตัดหินมาใหม่อีกสองแผ่นให้เหมือนกับสองแผ่นแรก แล้วขึ้นมาหาเราบนภูเขานี้ และให้ทำหีบไม้มาด้วย เราจะเขียนบัญญัติบนแผ่นหินนี้ เป็นบัญญัติเดียวกับที่ได้เขียนไปแล้วบนแผ่นหินชุดแรกที่เจ้าทำแตกไปนั้น แล้วเจ้าจะได้วางพวกมันลงในหีบไม้’

เราจึงทำหีบไม้ขึ้นหนึ่งใบจากไม้กระถินเทศ และตัดหินใหม่สองแผ่นที่เหมือนกับหินสองแผ่นแรก แล้วเราก็ขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับหินสองแผ่นนั้นในมือ พระยาห์เวห์ได้เขียนคำพูดเดิมที่เคยเขียนไปแล้วครั้งก่อนลงบนหินสองแผ่นนี้ คือบัญญัติสิบประการที่พระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกท่านบนภูเขา ที่พระองค์พูดออกมาจากไฟในวันที่พวกท่านไปอยู่รวมกันที่นั่น แล้วพระองค์ก็ให้แผ่นหินนั้นกับเรา เราก็กลับลงมาจากบนเขา เราได้วางแผ่นหินนั้นไว้ในหีบไม้ที่เราได้ทำขึ้น และแผ่นหินพวกนั้นก็ยังคงอยู่ที่นั่น เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเราไว้

(ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางจากบ่อน้ำเบเอโรท-เบเน-ยาอะคัน ไปที่โมเสราห์ อาโรนตายและถูกฝังไว้ที่นั่น เอเลอาซาร์ลูกชายของเขาได้เป็นนักบวชแทนเขา ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางจากที่นั่นไปที่กุดโกดาห์ จากกุดโกดาห์ พวกเขาเดินทางไปถึงโยทบาธาห์ เป็นสถานที่ที่มีลำธารมากมาย ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งเผ่าเลวีให้เป็นผู้แบกหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ให้ยืนรับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และให้อวยพรประชาชนในนามของพระองค์ เหมือนที่พวกเขาได้ทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะเหตุนี้คนเผ่าเลวีถึงไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเป็นของตัวเองเหมือนเผ่าอื่นๆ พระยาห์เวห์คือส่วนแบ่งของชาวเลวี ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สัญญาไว้กับคนเผ่าเลวี)

10 เราได้อยู่บนภูเขาเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนเหมือนครั้งแรกและพระยาห์เวห์ได้ฟังเราอีกครั้งหนึ่งในเวลานั้น พระองค์ไม่ต้องการทำลายท่าน 11 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ลุกขึ้น ไปเดินนำหน้าประชาชน เพื่อพวกเขาจะได้เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะยกให้กับพวกเขา’

สิ่งที่พระยาห์เวห์ต้องการอย่างแท้จริง

12 ชาวอิสราเอลเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขออะไรจากท่านหรือ พระองค์ขอเพียงแต่ให้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้เดินในทางของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้รับใช้พระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน 13 และให้เชื่อฟังบัญญัติและกฎของพระองค์ ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

14 ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นเจ้าของสวรรค์ทั้งสิ้น แม้แต่สวรรค์ชั้นสูงสุด รวมทั้งโลกและทุกสิ่งทุกอย่างในโลก 15 แต่พระยาห์เวห์ยังเอาใจใส่บรรพบุรุษของท่านและรักพวกเขา พระองค์ได้เลือกพวกท่านซึ่งเป็นลูกหลานของพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และพวกท่านก็ยังคงเป็นคนพิเศษสำหรับพระองค์ถึงทุกวันนี้

16 ให้มอบตัวท่านทั้งหมดกับพระยาห์เวห์ และอย่าดื้อดึงอีกต่อไป[b] 17 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าเหนือพระทั้งปวง และเป็นองค์เจ้าชีวิตเหนือองค์เจ้าชีวิตอื่นๆทั้งหมด พระองค์เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงพลังและน่ากลัว พระองค์ไม่เลือกหน้าและไม่รับสินบน 18 พระองค์ทำให้แม่หม้ายและเด็กกำพร้าได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรม พระองค์รักชาวต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางเราและให้อาหารและเสื้อผ้ากับเขา 19 พวกท่านต้องรักชาวต่างชาติด้วย เพราะพวกท่านก็เคยเป็นชาวต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน

20 ท่านต้องเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านต้องรับใช้พระองค์เท่านั้น ท่านต้องผูกพันอยู่กับพระองค์และท่านต้องสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ 21 พระองค์คือผู้ที่ท่านควรจะยกย่องสรรเสริญ พระองค์คือพระเจ้าของท่าน พระองค์ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวต่างๆนี้เพื่อท่าน ที่ท่านได้เห็นมาแล้วกับตาตัวเอง 22 ตอนที่บรรพบุรุษของท่านเข้าไปอยู่ที่ประเทศอียิปต์นั้น มีแค่เจ็ดสิบคนเท่านั้น แต่ตอนนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำให้ท่านมีจำนวนมากมายเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า

ลูกา 8:4-21

เรื่องชาวนาหว่านเมล็ดพืช

(มธ. 13:1-17; มก. 4:1-12)

มีชาวบ้านมากมายจากเมืองต่างๆมาหาพระเยซู พระองค์เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้พวกเขาฟังว่า

“มีชาวนาคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่หว่านอยู่นั้น พืชบางเมล็ดตกตามถนนหนทาง ถูกเหยียบย่ำ และถูกนกมาจิกกิน บางเมล็ดก็ตกลงในดินที่ชั้นล่างเป็นหิน หลังจากที่งอกแล้วก็เหี่ยวแห้งไป เพราะรากตื้นจึงขาดความชุ่มชื้น บางเมล็ดก็ตกอยู่ในพงหนาม เมื่องอกขึ้นมาก็ถูกพงหนามปกคลุมจนทำให้ไม่เจริญเติบโต บางเมล็ดตกในที่ดินดี เมื่องอกขึ้นมาก็เกิดผลเป็นร้อยเท่าของที่หว่านไว้” เมื่อพระองค์เล่าเสร็จแล้ว ก็พูดว่า “ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี”

พวกศิษย์ถามพระองค์ว่า “เรื่องที่เล่าให้ฟังนี้ หมายถึงอะไรครับ”

10 พระองค์ตอบว่า “มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่เราจะบอกให้รู้ถึงเรื่องความลับของอาณาจักรของพระเจ้า แต่สำหรับคนอื่น เราจะพูดเป็นเรื่องเปรียบเทียบให้ฟัง เพื่อว่า

‘แม้พวกเขามองดู
    ก็จะไม่เห็น
แม้พวกเขาได้ยิน
    ก็จะไม่เข้าใจ’”[a]

พระเยซูอธิบายเรื่องเมล็ดพืช

(มธ. 13:18-23; มก. 4:13-20)

11 นี่คือความหมายของเรื่องเปรียบเทียบนั้น “เมล็ดพืชก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 12 เมล็ดพืชที่ตกตามถนนหนทางก็คือ คนที่ได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า แต่ถูกมารร้ายมาแย่งเอาถ้อยคำนั้นไปจากใจของเขา ทำให้เขาไม่เชื่อ ก็เลยไม่รอด 13 เมล็ดพืชที่ตกในดินที่ชั้นล่างเป็นหินก็คือ คนที่ได้ยินถ้อยคำ และรับไว้ทันทีด้วยความดีใจแต่มีรากที่ไม่ลึก จึงเหมือนคนที่เชื่อประเดี๋ยวเดียว เมื่อเกิดความทุกข์ยากในชีวิตก็เลิกเชื่อ 14 เมล็ดพืชที่ตกอยู่กลางพงหนาม ก็คือคนที่ฟังถ้อยคำของพระเจ้าและรับไว้ แต่เพราะความกังวลใจ หรือการเห็นแก่ความร่ำรวย หรือความสนุกสนานในชีวิต ทำให้ไม่เกิดผล[b] 15 เมล็ดพืชที่ตกในดินดี ก็คือคนที่มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ เมื่อได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า ก็เก็บรักษาไว้ และเกิดผลมากด้วยความมานะอดทน”

จุดตะเกียงซ่อนไว้ใต้ถัง

(มก. 4:21-25)

16 “คงไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาถังมาครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียงหรอก แต่เขาจะวางไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างให้กับคนที่เข้ามาในบ้าน 17 ทุกอย่างที่ซ่อนไว้เดี๋ยวนี้ ก็จะถูกค้นพบ ทุกอย่างที่เป็นความลับเดี๋ยวนี้ ก็จะถูกเปิดเผย 18 ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าคุณจะเป็นผู้ฟังแบบไหน คนที่เข้าใจดีอยู่แล้ว ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่ไม่เข้าใจแล้วยังไม่สนใจฟังอีก แม้แต่เรื่องที่เขาคิดว่าเข้าใจก็จะหายไปด้วย”

ครอบครัวที่แท้จริงของพระเยซูคือคนที่ติดตามพระองค์

(มธ. 12:46-50; มก. 3:31-35)

19 เมื่อแม่กับน้องๆของพระเยซูมาหา ก็เข้าไปไม่ถึงพระองค์เพราะคนแน่นมาก 20 มีคนมาบอกพระเยซูว่า “อาจารย์ แม่กับพวกน้องๆของอาจารย์ มายืนรอพบอาจารย์อยู่ด้านนอกครับ”

21 พระองค์ตอบไปว่า “แม่และน้องๆของเราก็คือคนเหล่านั้นที่ฟังถ้อยคำของพระเจ้า แล้วทำตาม”

สดุดี 69:19-36

19 พระองค์รู้ว่า ข้าพเจ้านั้นอดสู อับอาย และถูกเหยียดหยาม
    พระองค์รู้เรื่องของศัตรูของข้าพเจ้าทุกคน
20 ที่ข้าพเจ้าถูกเหยียดหยามอย่างนี้ ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า
    และข้าพเจ้าก็สิ้นหวัง
ข้าพเจ้ารอคอยความสงสาร แต่กลับไม่มีเลย
    ข้าพเจ้าหวังจะมีคนมาปลอบโยนบ้าง แต่หาไม่เจอ
21 แต่พวกเขากลับใส่ยาพิษลงในอาหารของข้าพเจ้า
    และในยามที่ข้าพเจ้ากระหายน้ำพวกเขากลับยื่นน้ำส้มสายชูให้

22 ข้าพเจ้าอยากให้โต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขากลายเป็นกับดัก
    ขอให้อาหารที่มาจากเครื่องบูชาทั้งหลายที่พวกเขากินร่วมกันกลายเป็นบ่วงแร้ว
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดบอดไป
    ทำให้ร่างของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลา
24 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์เทความโกรธลงบนพวกเขา
    ขอให้ความโกรธของพระองค์ที่เผาผลาญอยู่ไล่เขาทัน
25 ขอให้ค่ายของเขาร้างว่างเปล่า
    และขออย่าให้มีใครอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของเขา
26 พวกเขาไปซ้ำเติมคนเหล่านั้นที่พระองค์ตีสอนไปแล้ว
    และพวกเขาพูดนินทากันปากต่อปาก เรื่องความเจ็บปวดของคนเหล่านั้นที่พระองค์ทำให้บาดเจ็บ
27 ขอให้พระองค์จดบันทึกความบาปของพวกเขาทั้งหมด
    และอย่าปล่อยให้พวกเขาลอยนวล
28 โปรดลบชื่อของพวกเขาออกจากทะเบียนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่[a]
    และอย่าได้จดบันทึกชื่อของพวกเขาร่วมกับชื่อของคนที่ทำตามใจพระองค์
29 ส่วนข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นทุกข์และเจ็บปวด
    ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกู้และปกป้องข้าพเจ้าด้วยเถิด

30 แล้วข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระเจ้าเป็นเพลง
    ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยเพลงขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะทำให้พระยาห์เวห์มีความสุขมากกว่าการที่ข้าพเจ้า
    ถวายวัวตัวผู้ ตั้งแต่เขาบนหัวจดกีบที่เท้า เป็นเครื่องบูชาเสียอีก
32 คนยากจนจะได้เห็นและมีความสุข
    พวกท่านที่มานมัสการพระเจ้า ขอให้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับพวกท่าน
33 เพราะพระยาห์เวห์สดับฟังคนยากจน
    และพระองค์ไม่เคยดูถูกคนของพระองค์ที่ถูกขังคุก

34 ขอให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในพวกมัน
    สรรเสริญพระยาห์เวห์
35 เพราะพระเจ้าจะช่วยกู้เมืองศิโยน และพระองค์จะสร้างเมืองต่างๆของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
    เพื่อคนของพระองค์จะได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น
36 ดังนั้น ลูกหลานของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก
    คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น

สุภาษิต 12:2-3

พระยาห์เวห์ชื่นชมคนดี
    แต่พระองค์จะประณามคนที่วางแผนชั่วร้าย
ไม่มีใครจะตั้งมั่นคงด้วยความชั่วร้ายได้
    แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะไม่ถูกถอนรากถอนโคน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International