The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
40 กษัตริย์ชาวคานาอันของเมืองอาราด ที่อยู่ในเนเกบ ได้ยินว่าประชาชนชาวอิสราเอลกำลังเดินทางมา 41 พวกชาวอิสราเอลออกจากภูเขาโฮร์และมาตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์
42 พวกเขาออกจากศัลโมนาห์และไปตั้งค่ายที่ปูโนน
43 พวกเขาออกจากปูโนนและไปตั้งค่ายที่โอโบท
44 พวกเขาออกจากโอโบทและไปตั้งค่ายที่อิเย-อาบาริมบริเวณชายแดนของโมอับ
45 พวกเขาออกจากอิเย-อาบาริมและไปตั้งค่ายที่ดีโบน-กาด
46 พวกเขาออกจากดีโบน-กาดและไปตั้งค่ายที่อัลโมน-ดิบลาธาอิม
47 พวกเขาออกจากอัลโมน-ดิบลาธาอิมและไปตั้งค่ายท่ามกลางเทือกเขาต่างๆของอาบาริมใกล้เนโบ
48 พวกเขาออกจากภูเขาอาบาริมและไปตั้งค่ายในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค 49 พวกเขาตั้งค่ายไปตามริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนในที่ราบของโมอับตั้งแต่เบธ-เยชิโมทไปจนถึงอาเบล-ชิทธิม
50 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค พระองค์พูดว่า 51 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอันแล้ว 52 เจ้าต้องขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นออกไปให้หมด เจ้าต้องทำลายรูปแกะสลักของพวกเขาทั้งหมด และทำลายรูปเคารพที่ทำจากโลหะและเจ้าต้องรื้อสถานที่บวงสรวง[a] ของพวกเขาออกให้สิ้นซาก 53 แล้วให้เจ้าเข้าไปยึดเอาแผ่นดินนั้นและตั้งรกรากในมัน เพราะเราได้มอบแผ่นดินนี้ให้เจ้าเป็นเจ้าของแล้ว 54 เจ้าจะต้องแบ่งที่ดินกันในหมู่พวกเจ้า โดยการใช้สลากแบ่งตามตระกูลของพวกเจ้า เจ้าต้องแบ่งให้ตระกูลใหญ่มากหน่อย ตระกูลเล็กน้อยหน่อย สลากของตระกูลไหนตกในที่ดินใด ที่ดินตรงนั้นก็เป็นของตระกูลนั้น พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งตามเผ่าของบรรพบุรุษพวกเจ้า
55 ถ้าเจ้าไม่ขับไล่คนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นไปต่อหน้าเจ้า คนเหล่านั้นจะเป็นเหมือนเศษผงในตาของเจ้าและเหมือนหนามเสียบอยู่ข้างตัวเจ้า พวกมันจะทำให้เกิดปัญหามากมายกับเจ้าบนแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่ 56 แล้วเราก็จะทำกับเจ้าเหมือนกับที่เราวางแผนจะทำกับพวกมันเหมือนกัน”
เขตแดนของคานาอัน
34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้เอาคำสั่งนี้ไปบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินนั้นที่จะตกเป็นของพวกเจ้า คือแผ่นดินของคานาอันตามเขตแดนของมัน 3 ทางทิศใต้จะเริ่มตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินเรียบไปทางข้างๆเอโดม เขตแดนทางใต้จะเริ่มที่ทิศตะวันออกจากด้านใต้สุดของทะเลเกลือ 4 เขตแดนของพวกเจ้าจะลากยาวไปข้ามทางใต้ของอาครับบิมและผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินไปจนสุดทางใต้ของคาเดช-บารเนีย และมันจะไปต่อจนถึงฮาซารัดดาร์และจะไปผ่านอัสโมน 5 จากอัสโมนเขตแดนจะเลี้ยวไปทางแม่น้ำอียิปต์[b] และจะไปสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 6 เขตแดนทางตะวันตกจะเป็นชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน มันจะเป็นเขตแดนตะวันตกของพวกเจ้า 7 ส่วนเขตแดนทางเหนือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปตามสันเขาของภูเขาโฮร์ 8 จากภูเขาโฮร์ไปเรื่อยจนถึงเลโบ-ฮามัทแล้วเขตแดนจะขยายต่อจนถึงเศดัด 9 เขตแดนจะต่อไปเรื่อยจนถึงศิโฟรนและจะไปสิ้นสุดที่ฮาซา-เรนัน นี่จะเป็นเขตแดนทางเหนือของพวกเจ้า 10 ทางฝั่งตะวันออกเขตแดนของพวกเจ้าจะไปตามเส้นของฮาซา-เรนันจนถึงเชฟาม 11 จากเชฟาม เขตแดนจะลงไปถึงริบลาห์จนถึงทางตะวันออกของอายิน 12 แล้วเขตแดนจะลงไปต่อและไปบรรจบเนินเขาทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี[c]”
13 ดังนั้นโมเสสจึงนำคำสั่งนี้ไปให้ประชาชนชาวอิสราเอล “นี่คือแผ่นดินที่เจ้าจะได้รับโดยการโยนสลาก พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ว่าแผ่นดินนี้จะมอบให้พวกเจ้าเก้าเผ่าครึ่ง 14 เพราะเผ่าของรูเบนและกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ได้รับส่วนของพวกเขาแล้วตามตระกูลของพวกเขา 15 คนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นได้รับที่ดินส่วนของพวกเขาไปแล้วในฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดนจากเยริโค บนฝั่งตะวันออกที่ดวงอาทิตย์ขึ้น”
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “คนเหล่านี้จะช่วยแบ่งที่ดินให้กับพวกเจ้า คือนักบวชเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูน 18 พวกเจ้าจะเลือกผู้นำคนหนึ่งจากแต่ละเผ่ามาช่วยแบ่งที่ดินด้วย 19 นี่เป็นรายชื่อของผู้นำพวกนั้น
คาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ จากเผ่ายูดาห์
20 เชมูเอลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่าสิเมโอน
21 เอลีดาดลูกชายคิสโลน จากเผ่าเบนยามิน
22 บุคคีลูกชายโยกลี จากเผ่าดาน
23 จากลูกหลานของโยเซฟ ฮันนีเอลลูกชายเอโฟด จากเผ่ามนัสเสห์
24 เคมูเอลลูกชายชิฟทาน จากเผ่าเอฟราอิม
25 เอลีซาฟานลูกชายปารนาค จากเผ่าเศบูลุน
26 ปัลทีเอลลูกชายอัสซาน จากเผ่าอิสสาคาร์
27 อาหิฮูดลูกชายเชโลมี จากเผ่าอาเชอร์
28 เปดาเฮลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่านัฟทาลี”
29 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนเหล่านี้ให้แบ่งแผ่นดินคานาอันกันในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล
เมืองของชาวเลวี
35 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโคว่า 2 “ให้สั่งประชาชนชาวอิสราเอลให้แบ่งเมืองที่พวกเขาได้รับมาให้กับชาวเลวีส่วนหนึ่ง รวมทั้งทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่อยู่รอบๆเมืองของพวกเขาเหล่านั้นด้วย 3 พวกเลวีจะได้อยู่ในเมืองพวกนั้น และเลี้ยงวัวและสัตว์เลี้ยงของพวกเขาในทุ่งหญ้าเหล่านั้น 4 ทุ่งหญ้าที่จะให้กับพวกเลวีนี้ เริ่มตั้งแต่กำแพงเมืองทุกๆด้าน ออกไปข้างละหนึ่งพันศอก 5 และให้พวกเจ้าวัดออกไปสองพันศอกทั้งสี่ทิศ คือเหนือ ใต้ ออก ตก บริเวณทั้งหมดนี้จะเป็นทุ่งหญ้าของเมืองแต่ละเมืองของพวกเลวี 6 เมืองทั้งหมดที่เจ้าให้กับชาวเลวี จะมีอยู่หกเมืองที่ใช้เป็นเมืองลี้ภัย คนที่ไปฆ่าคนตายมาโดยไม่ได้เจตนา จะได้หลบหนีไปอยู่ในเมืองพวกนั้น นอกจากหกเมืองนั้นแล้ว เจ้ายังต้องให้อีกสี่สิบสองเมืองกับชาวเลวี 7 ดังนั้น พวกเจ้าจะต้องให้ชาวเลวีทั้งหมดสี่สิบแปดเมือง พร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ 8 สำหรับเมืองต่างๆที่เจ้าจะแบ่งให้กับชาวเลวี จากที่ดินของประชาชนชาวอิสราเอลนั้น เจ้าต้องแบ่งออกมามากหน่อยจากเผ่าใหญ่ และแบ่งออกมาน้อยหน่อยจากเผ่าเล็ก แต่ละเผ่าก็จะแบ่งเมืองของตัวเองให้กับชาวเลวีตามสัดส่วนของเนื้อที่ที่พวกเขาได้รับ”
เมืองลี้ภัย
(ฉธบ. 19:1-13; ยชว. 20:1-9)
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 10 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าข้ามฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอันแล้ว 11 ให้เลือกเมืองต่างๆขึ้นมาสำหรับพวกเจ้าเอง มันจะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยสำหรับตัวเจ้า ใครที่ไปฆ่าคนอื่นตายโดยไม่ได้เจตนา จะได้หนีไปอยู่ที่นั่นได้ 12 พวกมันจะเป็นเมืองสำหรับพวกเจ้าไว้ลี้ภัย จากญาติของผู้ตายที่มีหน้าที่ต้องแก้แค้นคนฆ่า คนที่ฆ่าคนอื่นตายจะไม่ถูกฆ่า จนกว่าเขาจะมายืนอยู่หน้าที่ชุมนุมเพื่อฟังการตัดสิน 13 ทั้งหกเมืองที่เจ้าให้ จะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยของพวกเจ้า 14 เจ้าต้องเลือกสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และอีกสามเมืองในแผ่นดินคานาอันทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน มาเป็นเมืองลี้ภัย 15 เมืองทั้งหกเมืองนี้จะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยของประชาชนอิสราเอลและสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกับเจ้า คนที่ฆ่าคนตายโดยไม่ได้เจตนาสามารถหนีไปอยู่ที่นั่นได้
การตัดสินเมื่อคนถูกฆ่า
16 ถ้าเขาใช้เหล็ก[d] ตีคนอื่นจนตาย คนที่ตีจะเป็นฆาตกร ฆาตกรจะต้องถูกฆ่า 17 ถ้าเขาเอาหินในมือทุบคนอื่นจนตาย คนที่ทุบจะเป็นฆาตกรและเขาจะต้องถูกฆ่าไปด้วย 18 ถ้าเขาเอาไม้ที่อยู่ในมือตีคนอื่นจนตาย คนที่ตีเป็นฆาตกรและเขาจะต้องถูกฆ่า 19 เมื่อญาติของคนที่ตายพบฆาตกรคนนั้น เขาจะต้องฆ่าฆาตกรคนนั้น
20-21 ถ้าเขาผลักคนด้วยความเกลียดหรือขว้างสิ่งของใส่คนโดยตั้งใจจนคนนั้นตาย หรือถ้าเขาตีคนด้วยมือเพราะความเกลียดจนคนนั้นตาย คนตีจะต้องถูกฆ่าตายเหมือนกัน เพราะเขาเป็นฆาตกร ญาติคนตายต้องฆ่าฆาตกรคนนั้นเมื่อพบตัว
22 แต่ถ้าเขาผลักคนโดยไม่ได้เจตนา ไม่ได้เกลียดคนๆนั้น หรือโยนสิ่งของถูกคนโดยไม่ได้เจตนา 23 หรือทำหินหล่นใส่โดยมองไม่เห็นคนนั้น แล้วทำให้คนนั้นตาย ตัวเขาเองไม่ได้เป็นศัตรูกับคนตาย และไม่ได้เจตนาจะทำร้ายเขา 24 ถ้าเป็นอย่างนี้ ที่ชุมนุมจะเป็นผู้ตัดสินระหว่างคนฆ่ากับญาติผู้ตายตามกฎเหล่านี้ 25 ที่ชุมนุมจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือคนฆ่าจากการกล่าวหาของญาติผู้ตาย และส่งเขากลับไปที่เมืองลี้ภัย ที่เขาได้หนีไปอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว คนๆนั้นจะต้องอยู่ในเมืองลี้ภัยนั้น จนกว่าหัวหน้านักบวชสูงสุดที่ได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ตายลง
26-27 แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนฆ่าออกจากเขตของเมืองลี้ภัย ที่เขาหลบเข้าไปอยู่ และญาติของคนตายไปพบเขานอกเมืองลี้ภัย ญาติคนตายสามารถฆ่าคนๆนั้นได้ โดยไม่มีความผิด 28 เพราะเขาจะต้องอยู่ในเมืองลี้ภัยจนกว่าหัวหน้านักบวชสูงสุดจะตาย หลังจากนักบวชสูงสุดตายแล้ว คนที่หลบอยู่นั้น ก็กลับไปที่ดินของเขาได้ 29 กฎเหล่านี้จะใช้ในการตัดสินสำหรับพวกเจ้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ในทุกที่ที่พวกเจ้าไปอยู่
30 ถ้าใครฆ่าคน ฆาตกรจะถูกฆ่าตาย ตามคำพูดของพยาน แต่ห้ามฆ่าเขาถ้ามีพยานเพียงคนเดียว
31 ห้ามรับค่าไถ่ชีวิตของฆาตกรที่ถูกตัดสินให้ถูกฆ่าแล้ว เพราะยังไง เขาก็จะต้องถูกฆ่าอยู่ดี
32 ห้ามรับค่าไถ่สำหรับคนที่หลบหนีออกจากเมืองลี้ภัยเพื่อจะไปอยู่ที่อื่น เขาจะต้องอยู่ที่นั่นจนกว่านักบวชชั้นสูงสุดจะตาย
33 อย่าให้ที่ดินของเจ้าต้องเปื้อนเลือดของผู้บริสุทธิ์ ถ้ามีคนหนึ่งไปฆ่าคนบริสุทธิ์ ไม่มีทางที่จะไถ่ให้แผ่นดินนั้นพ้นโทษได้เพราะมันเปื้อนเลือด นอกจากจะเอาชีวิตของฆาตกรคนนั้น 34 ห้ามทำให้ที่ดินที่เจ้าอาศัยอยู่ต้องแปดเปื้อน ที่ดินนั้นเป็นที่ที่เราอาศัยอยู่ เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับประชาชนชาวอิสราเอล”
พระเยซูรักษาคนโรคผิวหนังร้ายแรง
(มธ. 8:1-4; มก. 1:40-45)
12 เมื่อพระเยซูอยู่ในเมืองๆหนึ่ง มีชายคนหนึ่งที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงทั่วทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซู ก็มาก้มกราบอ้อนวอนว่า “นายท่าน ถ้าท่านอยากช่วย ท่านก็ทำให้ผมหายได้”
13 พระเยซูจึงยื่นมือออกไปแตะตัวเขาแล้วพูดว่า “เราอยากช่วย หายจากโรคเถิด” เขาก็หายจากโรคผิวหนังร้ายแรงทันที 14 แล้วพระเยซูสั่งว่า “อย่าไปเล่าให้ใครฟัง แต่ไปให้นักบวชตรวจดู และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้ให้คนที่หายจากโรคผิวหนังร้ายแรงต้องทำเพื่อคนอื่นจะได้รู้ว่าคุณหายแล้ว”
15 ถึงแม้ว่าพระองค์จะสั่งห้ามไม่ให้เขาพูด แต่ข่าวเกี่ยวกับพระองค์ก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปมากขึ้น ดังนั้นชาวบ้านมากมายจึงพากันมาฟังพระองค์สั่งสอน และมารับการรักษาให้หายจากโรคต่างๆ 16 แต่บ่อยครั้งที่พระเยซูหลบไปที่สงบเงียบเพื่ออธิษฐาน
พระเยซูรักษาคนง่อย
(มธ. 9:1-8; มก. 2:1-12)
17 อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่พระเยซูกำลังสอนอยู่ มีพวกฟาริสีและพวกครูสอนกฎปฏิบัติที่เดินทางมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และเมืองเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย และองค์เจ้าชีวิตให้ฤทธิ์อำนาจกับพระเยซูเพื่อจะรักษาโรคได้ 18 มีบางคนหามคนเป็นอัมพาตที่นอนอยู่บนเปลมา และพยายามที่จะพาเขาเข้าไปในบ้านเพื่อวางไว้ต่อหน้าพระเยซู 19 แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนแน่นมาก พวกเขาจึงพากันขึ้นไปบนหลังคาบ้าน รื้อหลังคาออกเป็นช่อง แล้วหย่อนชายที่นอนบนเปลนั้นลงไปกลางฝูงชนตรงหน้าพระเยซู
20 เมื่อพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขา พระองค์ก็พูดว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว”
21 พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีก็คิดในใจว่า “คนนี้เป็นใครกัน บังอาจพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ให้อภัยบาปได้”
22 แต่พระเยซูรู้ถึงความคิดเหล่านั้น ก็เลยตอบพวกเขาไปว่า “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น 23 ระหว่างพูดว่า ‘บาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว’ หรือพูดว่า ‘ลุกขึ้นเดิน’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน 24 แต่เพื่อจะให้พวกคุณรู้ว่า ในโลกนี้บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจที่จะให้อภัยบาปได้” แล้วพระองค์จึงพูดกับชายที่เป็นอัมพาตว่า “เราขอสั่งคุณให้ลุกขึ้น เก็บเปลแล้วกลับบ้านไปเถอะ”
25 ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นทันทีต่อหน้าคนทั้งหมด เขายกเปลที่เขาเคยนอนกลับไปบ้านและสรรเสริญพระเจ้า 26 คนทั้งหลายต่างประหลาดใจและพากันสรรเสริญพระเจ้า พวกเขารู้สึกเกรงกลัวและพากันพูดว่า “วันนี้พวกเราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ”
พระเยซูเรียกเลวี
(มธ. 9:9-13; มก. 2:13-17)
27 หลังจากนั้นพระเยซูก็เดินออกไป และพบคนเก็บภาษี ชื่อเลวี นั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี พระเยซูพูดกับเขาว่า “ตามเรามา” 28 เลวีจึงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง และตามพระองค์ไป
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเก็บเกี่ยวอันอุดม
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า ถูกต้องแล้วที่พวกเราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์บนภูเขาศิโยน
และถวายเครื่องบูชาตามที่พวกเราได้สาบานไว้กับพระองค์
2 พระองค์รับฟังคำอธิษฐาน
มนุษย์ทุกคนสามารถมาอยู่ต่อหน้าพระองค์
3 เมื่อการกระทำผิดท่วมท้นพวกเรา
พระองค์คือผู้ที่กลบเกลื่อนการกบฏของพวกเรา
4 ช่างมีเกียรติจริงๆคนที่พระองค์เลือกให้เข้าใกล้พระองค์ และพักอาศัยในลานของพระองค์
ขอให้เราอิ่มเอมกับสิ่งดีๆในบ้านของพระองค์ซึ่งคือวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
5 ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราและนำชัยชนะมาสู่พวกเราด้วยอำนาจอันน่าเกรงขามของพระองค์
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งคนที่อยู่ข้ามน้ำข้ามทะเลอันไกลโพ้น
ต่างก็พากันไว้วางใจในพระองค์
6 พระองค์ตั้งภูเขาทั้งหลายในที่ของพวกมันด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
พระองค์สำแดงให้เห็นถึงพลังของพระองค์
7 พระองค์สามารถทำให้ทะเลและคลื่นที่คำรามอย่างสนั่นหวั่นไหว
และชนชาติต่างๆที่จลาจลวุ่นวาย สงบลงได้
8 คนที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหลายที่อยู่ไกลโพ้นต่างตกตะลึงในสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
พระองค์ทำให้ผู้คนที่อยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกร้องเพลงฉลองกัน
9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเอาใจใส่แผ่นดินและรดน้ำให้มัน
พระองค์ทำให้ลำธารเต็มไปด้วยน้ำซึ่งทำให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์
พระองค์จัดหาเมล็ดข้าวให้กับผู้คนกินกัน
พระองค์เตรียมแผ่นดินให้เกิดพืชผล
10 พระองค์ส่งฝนห่าใหญ่ลงมาในทุ่งนาที่ไถพรวนแล้ว
น้ำฝนทำให้ก้อนดินที่พรวนแล้วนั้นอ่อนนุ่มราบเรียบเสมอกัน
พระองค์อวยพรให้ต้นพืชในทุ่งนั้นเจริญเติบโต
11 พระองค์สวมมงกุฎให้กับปีนั้นด้วยพืชผลอย่างล้นหลาม
ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ไหนก็ตาม พระองค์ก็ทิ้งความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้
12 ทุ่งหญ้าในชนบท มีน้ำค้างหยาดเยิ้ม
เนินเขาก็ปกคลุมไปด้วยความชื่นชมยินดี
13 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เต็มไปด้วยฝูงแกะ
หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดข้าว
พวกมันต่างเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นเพลง
23 สิ่งที่คนที่ทำตามใจพระเจ้าอยากได้นั้นจะจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน
แต่ความหวังของคนชั่วจะลงเอยด้วยการถูกลงโทษ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International